นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๔๕ เอกสารอา้ งอิงประจำบท ครรชติ มาลัยวงศ์. กา้ วไกลไปกบั คอมพวิ เตอร์: สาระคอมพิวเตอร์ที่ข้าราชการต้องรู้. กรงุ เทพฯ: ศนู ยเ์ ทคโนโลยอี ิเลก็ ทรอนิกส์และคอมพวิ เตอรแ์ ห่งชาติ, ๒๕๓๘. ทกั ษิณา สวนานนท์ และฐานิศรา เกียรตบิ ารม.ี พจนานกุ รมศัพท์คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เนต็ . พิมพ์ครง้ั ที่ ๑๐. ฉบบั ปรบั ปรุงใหม่ตลอดเล่ม. กรงุ เทพฯ: วี.ที.ซ.ี คอมมิวนิเคชน่ั , ๒๕๔๖. “วิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ.” [ออนไลน์]. เขา้ ถึงได้จาก:http://www.uni.net.th/~๐๘_๒๕๔๓/chap๐๑/ ๑.๑.html. ๒๕๔๓. สบื คน้ ๑๙ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๔๗. มหาวทิ ยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี. เอกสารการ สอนชุดวิชา คอมพวิ เตอรเ์ บ้ืองตน้ หนว่ ยที่ ๑-๗. พิมพ์คร้ังที่ ๙. นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทยั ธรรมาธริ าช, ๒๕๔๖. รอม หริ ัญพฤกษ์. “แนวโน้มของเทคโนโลยีสารสนเทศในต้นคริสต์ศตวรรษท่ี ๒๑.” สารานุกรมไทยสำหรับ เยาชน: โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัว.๒๕ (๒๕๔๔): ๒๔๕-๒๖๗. ยนื ภู่วรวรรณ. “ไอทีกบั แนวโนม้ โลก.” [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://thaidet.hypermart.net/comp/tech_it.html [ม.ป.ป.]. สบื ค้นเม่อื ๑๙ กมุ ภาพันธ์ ๒๕๔๗. สุเมธ วงศพ์ านชิ เลศิ และนติ ย์ จันทรมังคละศรี. “สงั คมสารสนเทศแหง่ ทศวรรษหนา้ .” [ออนไลน์]. ขา้ ถงึ ไดจ้ าก:http://www.info.tdri.or.th/library/quarterly/white-pp/wb๑๔.htm. ๒๕๓๘. สืบคน้ เมอ่ื ๑๙ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๔๗. “สมเด็จพระเทพกบั งานไอทเี ฉลิมพระเกยี รต.ิ ” ใน เทคโนโลยสี ารสนเทศก้าวไกล เศรษฐกิจ ไทยม่นั คง, ๓-๗. กรุงเทพฯ: [ม.ป.ท.], ๒๕๓๘. Jimba, S.W. Information technology and underdevelopment in the Third World. Library Review 48,2 (1999): 79-83. Pintelon, L., Preez, N.D., and Puyvelde, F.V. Information technology: Opportunity for maintenance management. Journal of Quality in Maintenance Engineering 5,1 (1999):9-24. Souter, D. The role of information and communication technologies in democratic development. The Journal of Policy, Regulation and Strategy for Telecommunications Information and Media 1,5 (1999): 405-417. Whittaker, B. What went wrong? Unsuccessful information technology projects. Information Management & Computer Security 7/1 (1999): 23-29.
นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๔๖ บทท่ี ๔ การใชโ้ ปรแกรมสำเร็จรูป วตั ถปุ ระสงคก์ ารเรียนประจำบท เมอื่ ไดศ้ ึกษาเนอ้ื หาในบทนี้แล้ว ผศู้ ึกษาสามารถ ๑. ระบคุ วามหมายและความสำคญั ของโปรแกรมสำเร็จรปู ได้ ๒. อธิบายโครงสรา้ งของโปรแกรมสำเรจ็ รูปได้ ๓. บอกประเภทและประโยชนข์ องโปรแกรมสำเรจ็ รูปได้ ๔. วิเคราะห์วิธีการจดั หาโปรแกรมสำเรจ็ รูปได้ ๕. ระบุการพิจารณาซอฟต์แวร์ตามหลักการของลขิ สิทธ์ิได้ ขอบขา่ ยเนอื้ หา • ความหมายและความสำคัญของโปรแกรมสำเรจ็ รูป • โครงสร้างของโปรแกรมสำเรจ็ รูป • ประเภทและประโยชนข์ องโปรแกรมสำเร็จรปู • วธิ กี ารจดั หาโปรแกรมสำเรจ็ รูป • การพจิ ารณาซอฟตแ์ วร์ตามหลกั การของลขิ สทิ ธิ์
นวตั กรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๔๗ ๔.๑ ความนำ โปรแกรมสำเรจ็ รูป (Package Program) เป็นโปรแกรมที่มีผู้เขียนได้เขียนไว้เรียบร้อยแล้ว โปรแกรม สำเร็จรูปจะให้ความสะดวกในการใช้งานมาก โดยท่ีผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ทางด้านคอมพิวเตอร์มากนัก เพียงแต่เรียนรู้วิธีการใช้งาน ซ่ึงส่วนมากจะมีคำอธิบายการใช้โปรแกรมมาให้ และในขณะทำงานก็สามารถขอ รายละเอียดเพิ่มเติมได้ตลอดเวลาในการใช้โปรแกรมสำเร็จรูป โปรแกรมสำเร็จรูป๑ (Package Software) คอื ซอฟต์แวร์ท่ีสร้างขึ้นเพื่อใช้ในสำนักงานทั่ว ๆ ไป สรา้ งโดยบรษิ ัทท่ีมีความชำนาญในดา้ นน้ัน ๆ โดยเฉพาะ มีการปรับปรุงรุ่น (Version) ของซอฟต์แวร์ให้มีประสิทธภาพสูงขึ้นอยู่เสมอ สามารถแบ่งออกเป็นประเภท ตามลักษณะหน้าท่ีการทำงาน เช่น โปรแกรมประมวลผลคำ ใช้สำหรับพิมพ์เอกสารรายงานหรือสร้างตาราง แบบต่าง ๆ โปรแกรมตารางงาน ใช้สำหรับคำนวณ สร้างกราฟ และจัดการด้านฐานข้อมูล โปรแกรม นำเสนอผลงาน ใชใ้ นการนำเสนอผลงานและนำเสนอขอ้ มลู ในรูปแบบสไลด์ เป็นตน้ ๔.๒ ความหมายของโปรแกรมสำเร็จรูป โปรแกรมสำเรจ็ รปู (Package Software) คอื ชุดคำสั่งของคอมพิวเตอร์ที่สรา้ งขน้ึ เพ่ือใช้ในสำนกั งาน ทั่วไปโดยบริษทั ที่มคี วามชำนาญในด้านนน้ั ๆ โดยเฉพาะมีการปรับปรุงและพัฒนาให้มีประสิทธภิ าพสูง พร้อม ใชง้ านไดท้ ันที โปรแกรมสำเรจ็ รปู (อังกฤษ : computer program) คือ กลุ่มชดุ คำส่ังทีใ่ ช้อธบิ ายชิ้นงาน หรือกลมุ่ งานทจี่ ะประมวลผลโดยคอมพวิ เตอร์ โปรแกรมคอมพวิ เตอร์ อาจหมายถงึ ซอฟต์แวร์ แอปพลิเคชนั หรอื โปรแกรม โปรแกรมคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่นน้ั เป็นชุดคำส่ังท่ีออกแบบตามอลั กอริทมึ โดยปกตแิ ล้วเขียนโดย โปรแกรมเมอร์ หรือไม่กส็ รา้ งโดยโปรแกรมอืน่ โปรแกรมคอมพวิ เตอรช์ ดุ หนึ่ง ๆ อาจเขียนขึน้ ด้วยระบบรหสั หรือทีเ่ รยี กวา่ ภาษาเครื่อง ซงึ่ มกั เขียนได้ยากและเหมาะกบั ช่างเทคนิคเฉพาะทาง ภายหลงั จงึ ได้มีการสร้าง ภาษาโปรแกรมที่ใกลเ้ คียงภาษามนุษย์มากขน้ึ เชน่ ภาษาแอสเซมบลี (Assembly) ภาษาซี (C) ภาษาโคบอล (COBOL) ภาษาเบสิก (BASIC) ภาษา C# ภาษาจาวา เป็นตน้ ผ้เู ขียนโปรแกรมคอมพวิ เตอร์อาจเขียน โปรแกรมไว้ใชส้ ว่ นตวั หรือเพื่อใหผ้ ู้อ่นื ใช้ต่อ ไม่วา่ จะเปน็ โปรแกรมประยุกต์หรือไลบรารี เช่น โปรแกรมสำหรับ วาดภาพ (graphics) โปรแกรมประมวลผลคำ (word processing) โปรแกรมตารางจัดการ (spread sheet) โปรแกรมระบบ (systems software) ซงึ่ เปน็ โปรแกรมท่คี วบคมุ การทำงานของเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ โดยมัก ตดิ ตงั้ มาจากโรงงานทผี่ ลติ และโปรแกรมระบบปฏบิ ตั กิ าร (operating system) ทจ่ี ะทำหน้าทเ่ี หมือนผจู้ ดั การ คอยดแู ลให้อุปกรณต์ า่ ง ๆ ทำงานให้ประสานกัน ในการเขียนโปรแกรม ผู้เขียนจะตอ้ งเขา้ ใจข้ันตอนวิธี (อัลกอริทมึ ) และภาษาทจี่ ะใชเ้ ปน็ อย่างดี จงึ จะสามารถเขยี นโปรแกรมเพื่อควบคุมเคร่ืองให้ทำงานได้ตาม ความต้องการ๒ ๑ ขนิษฐา อศั วชยั ณรงค์. แนวทางการเลือกใช้โปรแกรมประยุกต์ทางสถติ ิ.วารสารสำนกั บริหารและรับรองหอ้ งปฏบิ ตั กิ ารปีที่ 5 ฉบับที่ 14 กุมภาพนั ธ์ - พฤษภาคม 2552. ๒ Program Package โปรแกรมสำเรจ็ รปู .[ออนไลน์] เข้าถึงไดจ้ าก. http://nawaphasnob.wikispaces.com/Program+Package. สบื คน้ เมอื่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗.
นวัตกรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศทางพระพทุ ธศาสนา ๔๘ ๔.๓ ความสำคญั ของโปรแกรมสำเร็จรูป ในสังคมปจั จุบนั โปรแกรมสำเรจ็ รปู เข้ามามีบทบาทสำคัญ ในการพฒั นางานด้านต่างๆชว่ ยลดขั้นตอนการ ทำงาน ลดความยุ่งยากในการจัดการเอกสารและตัวเลขที่ซับซ้อน สร้างความเป็นระเบียบและสามารถ วเิ คราะหข์ อ้ มูลได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ ดงั น้นั การศึกษาเกย่ี วกับการใชง้ านโปรแกรมสำเร็จรปู จะชว่ ยให้ผใู้ ชง้ าน สามารถเลือกใช้โปรแกรมสำเร็จรูปได้เหมาะสมกับลักษณะของงานและ เป็นพื้นฐานความรู้สำหรับการใช้งาน โปรแกรมสำเร็จรูปต่อไป องค์ประกอบสำคัญอีกประการหน่ึงทที่ ำให้เกดิ ผลสมั ฤทธ์จากการใช้คอมพิวเตอร์ คือ “โปรแกรมสำเรจ็ รูป” ที่สามารถตอบสนองความต้องการในใชง้ านตามวัตถุประสงค์ทแ่ี ตกตา่ งกันอย่างไรก็ตาม คอมพวิ เตอรไ์ มส่ ามารถทำงานได้หากไมม่ โี ปรแกรมควบคุมการทำงาน ๔.๔ โครงสร้างของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ การทำงานใดๆ ท่ีใชโ้ ปรแกรมคอมพวิ เตอรป์ ระยกุ ต์ ต้องทำงานภายใตส้ ่ิงแวดล้อมของ โปรแกรมระบบ ดว้ ย เช่นโปรแกรมประมวลคำต้องทำงานภายใต้ระบบปฏิบัตกิ าร Ms-Dos หรือ ระบบปฏบิ ัติการ Windows เป็นตน้ ประกอบด้วยหลกั การ ๓ ประการ ๑. การทำงานแบบตามลำดบั (Sequence) รูปแบบการเขยี นโปรแกรมทง่ี ่ายทีส่ ดุ คอื เขียนใหท้ ำงานจาก บนลงลา่ ง เขียนคำส่งั เป็นบรรทัด และทำทลี ะบรรทัดจากบรรทัดบนสดุ ลงไปจนถึงบรรทัดลา่ งสดุ สมมติใหม้ ี การทำงาน ๓ กระบวนการคือ อา่ นขอ้ มูล คำนวณ และพิมพ์ ๒. การเลือกกระทำตามเงื่อนไข(Decision or Selection) การตัดสินใจ หรือเลือกเง่ือนไขคือ เขียน โปรแกรมเพ่ือนำค่าไปเลอื กกระทำ โดยปกติจะมีเหตุการณ์ให้ทำ ๒ กระบวนการ คือเง่ือนไขเป็นจริงจะกระทำ กระบวนการหนง่ึ และเป็นเท็จจะกระทำอกี กระบวนการหนึ่ง แต่ถ้าซับซ้อนมากขึ้น จะต้องใช้เง่ือนไขหลายชั้น เช่นการตัดเกรดนักศึกษา เป็นต้น ตัวอย่างผังงานน้ี จะแสดงผลการเลือกอย่างง่าย เพ่ือกระทำกระบวนการ เพียงกระบวนการเดียว
นวตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศทางพระพทุ ธศาสนา ๔๙ ๓. การทำซ้ำ(Repeation or Loop) การทำกระบวนการหนึ่งหลายคร้งั โดยมเี งือ่ นไขในการควบคุม หมายถงึ การทำซ้ำเปน็ หลักการทท่ี ำความเข้าใจได้ยากกว่า ๒ รปู แบบแรก เพราะการเขยี นโปรแกรมแตล่ ะ ภาษา จะไม่แสดงภาพอยา่ งชัดเจนเหมือนการเขยี นผงั งาน ผเู้ ขยี นโปรแกรมต้องจนิ ตนาการด้วยตนเอง ๓ ๔.๕ ประเภทของโปรแกรมสำเร็จรปู ๑.โปรแกรมสำเรจ็ รปู ที่ใชเ้ ฉพาะงาน โปรแกรมสำเร็จรูปท่ีใช้เฉพาะงาน เป็นโปรแกรมที่สรา้ งหรอื เขียนข้ึนเพื่อใช้ สำหรับงานเฉพาะอย่าง เช่น โปรแกรมระบบบัญชี โปรแกรมควบคมุ สนิ ค้าคงคลัง โปรแกรมแฟม้ ทะเบียนประวัติ โปรแกรมคำนวณ ภาษี โปรแกรมคิดเงินเดือน โปรแกรมการวเิ คราะห์ยอดจำหน่ายโปรแกรมเก็บข้อมลู ทางครภุ ัณฑ์ เปน็ ต้น โปรแกรมสำเร็จรปู ประเภทน้ีหากจำเปน็ ต้องใช้งานผู้ใช้ ต้องเขยี นโปรแกรมมาใช้เฉพาะ ผูเ้ ขียนโปรแกรมบาง รายจะใชว้ ธิ กี ารเสนอขายโปรแกรมสำเร็จรปู ผ่านทางเครือข่ายอนิ เทอร์เนต็ โดยมีโปรแกรมตัวอย่างใหด้ าวน์ โหลดมาทดลองใช้งานกอ่ น ถ้าผ้ใู ช้สนใจสามารถส่ังซ้ือได้อยา่ งไรก็ตามโปรแกรมสำเร็จรปู ทีใ่ ช้งานเฉพาะบาง โปรแกรมไม่เหมาะ สำหรบั การนำมาใชง้ าน ถึงแมจ้ ะใช้งานประเภทเดียวกัน ทง้ั นี้เน่ืองจากความต้องการใน รายละเอียดปลีกย่อยของผู้ใชแ้ ตกต่างกนั และผู้ใช้งานไมส่ ามารถนำมาปรับเปลี่ยนไดด้ ้วยตนเอง ผู้ใช้โปรแกรม บางรายจึงนิยมให้โปรแกรมเมอรเ์ ขยี นโปรแกรมให้ตรงกบั ลักษณะการใชง้ าน ๒.โปรแกรมสำเร็จรูปทใ่ี ช้กับงานทั่วไป โปรแกรมสำเร็จรูปท่ใี ชก้ ับงานท่ัวไป หมายถงึ โปรแกรมท่สี รา้ งหรอื เขียนโดยบริษทั ต่างๆ ทเี่ สรจ็ สมบูรณ์พร้อมนำไปใชง้ านได้ทันที แบง่ ออกเป็น ๙ ประเภท คอื ๒.๑ โปรแกรมทางด้านการประมวลผลคำ (Word Processor) โปรแกรมทางด้านการประมวลผลคำ เป็นโปรแกรมที่ทำงานเกี่ยวกับ การประมวลผลคำ สามารถจัดทำเอกสาร รายงาน จดหมาย หนังสือต่างๆ งานท่ีได้มปี ระสิทธภิ าพเนื่องจากสามารถจัดรปู แบบได้ ๓ บทท่ี ๗ ภาษาคอมพวิ เตอร์. [ออนไลน์] เข้าถงึ ได้จาก http://www4.csc.ku.ac.th/~b5340204758/lean7.html. สบื ค้นเม่ือ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๗.
นวตั กรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๕๐ ตามความต้องการ ช่วยประหยัดเวลา สามารถค้นหาข้อความต่างๆได้สะดวก โปรแกรมที่จัดอยู่ในกลุ่ม ประมวลผลคำมีดงั นี้ คอื โปรแกรม Word Star โปรแกรม Word Chula โดยโปรแกรมเหล่านท้ี ำงานบนระบบปฏิบตั กิ าร MS-Dos นอกจากนี้ยังมี โปรแกรมท่ีทำงานบน ระบบปฏิบตั กิ าร Windows คือ โปรแกรม Word Perfectโปรแกรม Microsoft Office Word และโปรแกรม AmiPro โปรแกรมเหลา่ นใี้ ช้งานงา่ ย และสะดวก สามารถจดั รปู แบบต่างๆ ไดต้ ามความตอ้ งการ รวมท้งั สามารถนำภาพมาประกอบกับ งานเอกสาร หรือ นำเอกสารจากโปรแกรมอนื่ มาจัดรปู แบบในโปรแกรมเหลา่ น้ี ได้ ๒.๒ โปรแกรมแผน่ ตารางทำการ (Spread Sheet) แผ่นตารางทำการ หมายถึง แผน่ ตารางทป่ี ระกอบดว้ ยแนวตั้งตดั กนั เป็นช่องสเ่ี หล่ียม แนวตั้งเรยี กวา่ “สดมภ์” แนวนอนเรยี กว่า “แถว” ช่องส่ีเหล่ยี มทเี่ กิดจากการตดั กนั ของสดมภ์และแถวเรียกวา่ “เซลล์” ใช้ สำหรับบรรจตุ ัวอกั ษร ตวั เลข รูปภาพ หรอื สตู รคำนวณต่างๆสดมภแ์ ตล่ ะสดมภ์มชี อ่ื โดยใชต้ ัวอกั ษร ภาษาอังกฤษกำกับ และสว่ นแถวแตล่ ะแถวจะมีชื่อซึ่งใช้ตวั เลขอารบิก กำกบั ดงั นนั้ การเรียกชอ่ื เซลล์จึงใชช้ ่ือ ของสดมภ์และแถวท่ตี ัดกนั มาอ้างองิ เช่นสดมภ์ A ตัดกับแถว 1 จะเกิดเซลล์ทม่ี ีชอื่ วา่ เซลล์ A1 เปน็ ตน้ การ อ้างองิ ชื่อเซลลใ์ นรปู แบบน้มี ี ผลทำให้แผ่นตารางทำการมีคุณสมบัติเดน่ การอ้างอิงค่าในเซลล์ หากต้องการ เปล่ียนแปลงคา่ ในเซลลห์ นง่ึ ๆ ซงึ่ ถกู อา้ งอิงอยทู่ ่เี ซลล์อ่นื ก็จะทำให้ค่าที่อยใู่ นเซลลท์ ่ีอ้างองิ เปล่ียนแปลงตามได้ โดยอตั โนมตั ิ แผ่นตารางทำการจงึ เหมาะสำหรับงาน คำนวณขนาดใหญ่ โดยผใู้ ช้ไม่จำเปน็ ตอ้ งบนั ทกึ ขอ้ มลู หรือบนั ทกึ สูตรใหมห่ ลายๆ ครั้ง คณุ สมบัตขิ องโปรแกรมแผน่ ตารางทำการ คือ การคำนวณการจดั ทำแผนภูมิ และการจดั การข้อมูล การคำนวณ หมายถงึ คุณสมบตั ิในการสรา้ งสตู รคำนวณ หรือรูปแบบ การคำนวณทก่ี ำหนดไว้ เรียกวา่ “ฟังกช์ ัน” เพอ่ื คำนวณหาผลลพั ธ์ท่ตี ้องการ รวมท้ังสามารถสรา้ งกลุ่มคำส่ัง เรยี กว่า “มาโคร” เพื่อให้ เครือ่ งคอมพวิ เตอรท์ ำงานตามลำดับในกลมุ่ คำส่งั นัน้ คุณสมบตั ิดา้ นการคำนวณนีจ้ ะใหผ้ ลลพั ธ์ทีเ่ ปล่ียนแปลงค่า ของขอ้ มูลทน่ี ำไปใชใ้ นสูตร หรือฟงั กช์ นั ทีก่ ำหนดการจัดทำแผนภมู ิ หมายถึง คุณสมบัตใิ นการนำข้อมลู ในเซลล์ มาจดั ทำแผนภมู ิรูปแบบต่าง ๆ เช่น แผนภูมิวงกลม แผนภูมเิ ส้น แผนภูมแิ ทง่ แผนภูมิพ้ืนที่สองมิติแผนภูมิสาม มติ ิ เปน็ ตน้ หากมีการเปลยี่ นแปลงข้อมูลภายในเซลล์ท่นี ำไป ทำแผนภูมิ สง่ ผลใหแ้ ผนภูมิท่สี รา้ งขนึ้ เปลี่ยนแปลงตามดว้ ยทนั ที ๒.๓ โปรแกรมดา้ นการจัดการฐานขอ้ มูล โปรแกรมดา้ นการจดั การฐานขอ้ มูล เป็นโปรแกรมท่ใี ช้งานเก่ยี วกบั ด้านการจดั การฐานข้อมูลซึ่งจะ ชว่ ยในการเก็บข้อมูล แก้ไขข้อมูล คน้ หาข้อมูลเพมิ่ เติมรวมท้ังการจดั เรียงข้อมลู ผ้ใู ชง้ านสามารถทำงานได้ สะดวกรวดเร็วและเปน็ ระบบ โปรแกรมด้านการจัดการฐานขอ้ มูลเหมาะกบั การทำงานท่มี ีข้อมูลมากๆ เช่น การจดั เกบ็ ประวัตนิ ักเรียนนักศกึ ษา การควบคมุ สนิ คา้ คงคลงั การเกบ็ ประวัติพนักงาน ทะเบียนรายช่ือหนังสือ ในห้องสมดุ เปน็ ตน้ โปรแกรมกลุม่ น้ีไดแ้ ก่ โปรแกรม dBase III Plus ซ่ึงทำงานบนระบบปฏิบัตกิ าร Ms- Dos โปรแกรม FoxPro สามารถทำงานไดท้ ้งั บนระบบปฏิบตั ิการ Ms-Dos และบนทำงานบนระบบปฏิบตั กิ าร Windows โปรแกรม Microsoft Access และในปัจจบุ ันมโี ปรแกรม Visual FoxPro เปน็ โปรแกรมฐานข้อมลู ทีท่ ำงานบน Windows เช่นกัน ๒.๔ โปรแกรมทางด้านกราฟกิ โปรแกรมทางด้านกราฟิก เป็นโปรแกรมทส่ี ร้างขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญทางดา้ นคอมพวิ เตอร์กราฟิกเพื่อให้ ผู้ใชโ้ ปรแกรมสามารถใชค้ อมพวิ เตอรด์ ำเนินการเก่ียวกบั ภาพ ไดอ้ ยา่ งสะดวกและรวดเรว็ ปจั จบุ ันมีผู้ผลติ โปรแกรมสำเร็จรปู ทางดา้ นกราฟิก ซงึ่ มีการวางจำหน่ายเป็นจำนวนมาก โปรแกรมประเภทกราฟกิ สว่ นมากใช้
นวตั กรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางพระพทุ ธศาสนา ๕๑ สำหรับงานท่เี ก่ียวกับการออกแบบการเขียนแบบ การวาดภาพและจดั ทำสง่ิ พิมพ์ และสามารถนำมา ประยุกตใ์ ช้กบั งานโฆษณา ประชาสัมพันธห์ รอื นำไปใช้กับสอ่ื ผสม ปจั จบุ ันโปรแกรมกลุ่มนี้ที่นยิ มใช้งานกนั มาก ๒.๔.๑ Corel Draw และ Photoshop เป็นโปรแกรมทีใ่ ช้งานดา้ นการออกแบบ วาดภาพ จดั ทำส่ือส่ิงพมิ พ์ การตกแต่งภาพให้ สวยงามเหมาะกับงานทางด้านโฆษณา ๒.๔.๒ Harvard Graphic Freelance Graphic และ PowerPoint จดั เป็นโปรแกรมเหมาะกบั งานที่ต้องการนำเสนอ หรือ แสดงออกโดยการสร้างงานนำเสนอ สามารถนำภาพและเสียงมาประกอบกบั งานได้ ทำใหไ้ ด้งานนำเสนอท่สี วยงาม ๒.๔.๓ PageMaker เป็นโปรแกรมท่ีเหมาะกับงานประเภทส่ิงพิมพ์ ใช้ในการสร้างแผ่นโฆษณา แผ่นพับ ใบปลิว นามบตั รและการผลติ หนงั สอื เป็นโปรแกรมทีเ่ หมาะกับงานพิมพ์ในโรงพมิ พ์มาก ๒.๔.๔ โปรแกรมเกมส์ (Game) โปรแกรมเกมส์ เป็นโปรแกรมทรี่ ู้จักกนั แพรห่ ลายโดยทั่วไปไมว่ ่าเปน็ เดก็ หรอื ผู้ใหญ่ ปัจจบุ ันน้ี มโี ปรแกรมเกมส์ จุดประสงค์ของโปรแกรมเกมสส์ ว่ นใหญ่ จะสรา้ งเพื่อชว่ ยผ่อนคลายการทำงาน แตส่ ่วนใหญ่ พบว่าเดก็ เล่นเพ่ือความสนุกสนานเพลดิ เพลินมากกวา่ ผ้ใู หญ่ ดงั น้ันผใู้ หญ่ควรควบคุมเกมสท์ เี่ ด็กๆ เล่นดว้ ย เพราะบางเกมส์เป็นลักษณะของการต่อสู้ ทำให้เด็กสรา้ งนสิ ัยผิดๆ กลายเปน็ เด็กท่ีชอบเอาชนะคนอื่น ชอบการ ตอ่ สู้ และอาจเป็นคนอารมณ์รุนแรง ฉุนเฉียว เห็นแกต่ ัว ๒.๔.๕ โปรแกรมทางดา้ นการสรา้ งสถานการณจ์ ำลอง โปรแกรมทางด้านการสร้างสถานการณ์จำลองเป็นโปรแกรมท่ีให้ผู้ใช้งานทดลองสร้าง สถานการณ์จำลองของงานท่ีให้ผู้ใช้สร้างสถานการณ์จำลองของงานท่ีอาจจะเกิดขึ้นได้หรืออาจจะเรียกว่า “เกมส์ทางธุรกิจ” ทำให้รู้จักวางแผนการทำงาน คิดถึงผลกำไรขาดทุนที่อาจจะเกิดขึ้น ทำให้รู้กระบวนการ จดั สรรงบประมาณที่มีอยเู่ พือ่ ให้ได้ผลกำไรมากท่สี ุด ๒.๔.๖ โปรแกรมทางดา้ นการติดตอ่ สอ่ื สาร โปรแกรมทางด้านการติดต่อส่ือสาร เป็นโปรแกรมรู้จักและเป็นท่ีนิยม ใช้กันมากตาม หน่วยงาน ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเชน่ การนัดหมายประชมุ การทำจดหมายเวยี น ไปตามฝ่ายต่างๆ โดยการ เก็บข้อมูลไว้ในคอมพิวเตอร์แทนท่ีการพิมพ์ในกระดาษ เพ่ือแจ้งให้พนักงานทราบข้อดีของโปรแกรมชนิดน้ีคือ ประหยดั กระดาษลงไปได้มาก ๒.๔.๗ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน CAI (Computer Assisted Instruction) โปรแกรมคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน CAI เป็นโปรแกรมทใี่ ช้ในการจดั การเรยี นการสอนวชิ าต่างๆ โดยผเู้ รียนตอ้ งเรียนกบั โปรแกรมบนคอมพวิ เตอร์ ครูทำหน้าที่เป็นผู้ ชี้แนะทดสอบ วดั ความเข้าใจ รวมทั้งสรุป เนอ้ื หาทเ่ี รียนรจู้ ากโปรแกรมคอมพิวเตอรช์ ่วยสอน ยุคปัจจบุ นั โปรแกรมคอมพิวเตอรช์ ่วยสอนนยิ มใช้ใน สถานศกึ ษาอย่างแพรห่ ลาย เป็นการเปล่ียนแปลง วธิ ีการสอน โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ใช้สร้างโปรแกรม คอมพวิ เตอร์ช่วยสอน ไดแ้ ก่ โปรแกรม Author ware โปรแกรม Tool Book เป็นต้น ๔.๖ ประโยชน์ของโปรแกรมสำเรจ็ รปู
นวัตกรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศทางพระพทุ ธศาสนา ๕๒ ๑.โปรแกรมสำเร็จรปู กอ่ นการวางจำหนา่ ยในท้องตลาดจะตอ้ งทดสอบมาตรฐาน ของการทำงานเสมอ ทำ ใหผ้ ลิตภัณฑส์ ว่ นใหญไ่ ดม้ าตรฐาน ๒.ผขู้ ายใหบ้ ริการหลังการขายการบำรงุ รักษาและให้การสนบั สนนุ ระบบอย่างต่อเนือ่ งทำใหร้ ะบบไดม้ ีการ พัฒนาให้ทนั สมัยกบั การเปล่ยี นแปลงดา้ นเทคโนโลยีและการพฒั นาดา้ นธุรกิจ ๓.กรณีที่เป็นศูนย์คอมพิวเตอร์สำหรับกิจการทางด้านธุรกิจการผลิตข่าวสารต่างๆเพื่อส่งไปให้ลูกค้า สามารถทำให้สะดวกโดยการใช้โปรแกรมสำเร็จรูป สำหรับการทำรายงานหรืเอกสารต่างๆ ในแบบเดียวกัน ๔.โปรแกรมสำเร็จรูป ส่วนมากใช้ภาษาระดับสูงในการเขียนโปรแกรม ซึ่งภาษา ประเภทน้ีสามารถ นำมาใช้กบั เคร่ืองคอมพวิ เตอรร์ ่นุ ตา่ งๆ ได้ในกรณีที่ตอ้ งการนำโปรแกรมสำเรจ็ รปู ใชก้ ับเคร่ืองคอมพิวเตอร์ท่มี ี ความแตกต่างกันในลักษณะของเคร่ืองท่ีผลิต เพียงแต่แก้ไขหรือปรับ การใช้โปรแกรมเพียงเล็กน้อย ในบาง กรณอี าจจะไม่ต้องแกไ้ ขแต่อย่างใด ๔.๗ วิธีการจดั หาโปรแกรมสำเรจ็ รูป การจดั หาโปรแกรมสำเร็จรูปมาใชง้ านในหน่วยงานหรือองค์กรนน้ั มีหลายวิธแี ตล่ ะวิธมี ีข้นั ตอนแตกตา่ งกนั ดงั น้ี ๑.การซอ้ื สำหรับการซ้ือโปรแกรมสำเร็จรปู มาใช้งาน หน่วยงานหรือองคก์ รต้องพิจารณาถึงโปรแกรมท่ี เหมาะสมกับการใชง้ านของธรุ กจิ องคก์ รและการบริการหลังการขาย ๒.การเช่า สำหรับการเช่าโปรแกรมสำเร็จรูปมาใช้งานในหน่วยงานหรือองค์กรทางบริษัทโดยมีเง่ือนไข คือหน่วยงานหรือองค์กรท่ีมีความต้องการใช้โปรแกรมประยุกต์ต้องตกลงทำสัญญาเช่ากับทางบริษัทที่เป็น เจา้ ของโปรแกรมสำเร็จรปู และผู้เช่าต้องชำระเงนิ คา่ เช่าตามเงอื่ นไขที่กำหนดไว้ในสญั ญาเชา่ ใหแ้ ก่ผู้ให้เช่า ๓.การเช่าซื้อ การเช่าซ้ือโปรแกรมสำเร็จรูปมาใช้งานในหน่วยงานหรือองค์กรมีขั้นตอนดังนี้ คือ หน่วยงานหรือองค์กรที่ต้องการใช้โปรแกรมสำเร็จรูปต้องตกลงทำสัญญาเช่าซื้อกับทางบริษัทที่เป็นเจ้าของ โปรแกรมสำเรจ็ รูป และผู้เช่าต้องชำระเงินคา่ เช่าซื้อตามเงื่อนไขทก่ี ำหนดไว้ในสัญญาเช่าซื้อแก่ผู้ให้เช่าซื้อ เม่ือ ครบกำหนดตามสัญญาเช่าซ้ือและผู้เช่าได้ชำระเงินค่าเช่าซ้ือเรียบร้อยแล้วโปรแกรมสำเร็จรูปนั้นก็จะตกเป็น สิทธแิ กผ่ เู้ ช่า ๔.Outsource Outsource คือ การว่าจ้างหน่วยงานหรือบริษัทภายนอกที่มีความรู้ความชำนาญด้าน เทคโนโลยีให้เข้ามาพัฒนาระบบงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศแทนการพัฒนาด้วย หน่วยงานของตนซึ่งใน ปจั จุบันเริ่มเปน็ ที่รู้จักและไดร้ ับความนยิ มมาก ๕. พัฒนาระบบเองในกรณีที่องค์กรหรือหน่วยงานมีฝา่ ยพัฒนาระบบภายในองคก์ รหรอื หน่วยงานองค์กร หรือ หนว่ ยงานนี้จะดำเนินการพัฒนาโปรแกรมหรือ ระบบงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเพ่ือให้สามารถใช้งาน ไดอ้ ย่างเหมาะสมและตรงตามวตั ถุประสงคข์ องการใชง้ าน ๔.๘ การพิจารณาซอฟต์แวร์ตามหลักการของลขิ สิทธิ์
นวตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๕๓ ซอฟต์แวร์ที่ใช้งานในปัจจุบันมีหลากหลายผลิตภัณฑ์ หลากหลายผู้ผลิต บางผลิตภัณฑ์จะต้องเสีย ค่าใช้จ่ายก่อนจึงสามารถใช้งานได้ ฉะน้ันหากพิจารณาซอฟต์แวร์ในด้านของลิขสิทธ์ิ โดยปกติจะต้องเสีย ค่าใช้จา่ ยก่อนจงึ สามารถใช้งานได้ ซงึ่ แบ่งไดเ้ ป็น ๓ กลุ่ม ไดแ้ ก่ ๑.ซอฟต์แวร์ที่มีลิขสิทธ์ิ ซอฟต์แวร์ประเภทน้ีผู้มีสิทธ์ิใช้งานก็คือผู้ที่ได้ซ้ือผลิตภัณฑ์ เท่านั้นโดยให้ ลงทะเบียนผลิตภัณฑ์ หรือการบันทึกหมายเลขสำคัญประจำผลิตภัณฑ์ (CD-Key)กอ่ นจึงสามารถติดตั้งและใช้ งานซอฟต์แวร์ได้ เช่นซอฟต์แวร์ของบริษัทไมโครซอฟต์ ซอร์ฟแวร์ 14 ประเภทนี้ไม่มีการเผยแพร่วิธีการหรือ หลกั การในการสร้างหรือผลิตและไมม่ ผี ู้ใดสามารถนำไปพัฒนาได้ ๒.แชร์แวร์ (shareware) คือโปรแกรมท่ีผู้เป็นเจ้าของแจกจ่ายให้ผู้ใช้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ใน ลักษณะของการทดลองใช้งาน และมีการจำกัดความสามารถของโปรแกรมท่ีใช้งานได้ ความสามารถที่ใช้งาน ได้ หรือ ระบบความสะดวกสบาย แชร์แวร์มักเปิดให้ ดาวน์โหลดได้จากอินเทอร์เน็ตหรือจากแผ่นซีดีท่ีแถมมา กับนิตยสาร หรือ หนังสือพิมพ์ จุดประสงค์ของโปรแกรมแชร์แวร์ เพื่อให้ผู้ซื้อได้ทดลองใช้ตัวโปรแกรม ก่อน ตัดสินใจถึงความคุ้มค่าสำหรับการซ้ือสิทธ์โปรแกรมตัวเต็ม แชร์แวร์จะแจกจ่ายในรูปของโปรแกรมทดลองใช้ งานในช่วงเวลาที่กำหนด และสามารถบางอย่างจะใช้งานได้ต้องมีการซ้ือสิทธ์ หรือซ้ือตัวโปรแกรมตัวเต็มก่อน เท่านัน้ เมอ่ื หมดระยะเวลาของการทดลองใชง้ าน ตัวโปรแกรมอาจหยุดการทำงานจนกว่าจะมกี ารซ้อื สิทธ์ ๓.ฟรีแวร์ (freeware) หมายถึงซอฟต์แวร์ที่สร้างขึ้น สามารถใช้ได้ในทุกจุดประสงค์โดยไม่ต้องเสีย ค่าใช้จ่าย แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องไม่นำไปขายหรือนำไปหารายได้จากโปรแกรมนั้น หรือควรอ่านข้อกำหนดของ โปรแกรมน้ันใหช้ ัดเจนกอ่ นใช้ เพราะบางครั้งมขี ้อจำกัดในการใชบ้ างอย่าง เช่น ใช้ไดเ้ ฉพาะส่วนบุคคล ห้ามใช้ ในเชิงพาณิชย์ หากต้องการใช้เชงิ พาณิชยจ์ ะมีรุ่นท่ีผพู้ ัฒนาเตรียมไวข้ าย ซอฟต์แวรป์ ระเภทน้ีต้องระวังหากใช้ ในองค์กร ควรศึกษาสิทธิบัตรให้ดีก่อน ตัวอย่าง Freewareได้แก่ โปรแกรม CPU-Z โปรแกรม AVG ฟรีแวร์ แบง่ เป็น ๒ กลุม่ หลกั ๆ คอื ๓.๑ ซอฟตแ์ วร์ฟรแี วร์ทไ่ี ม่เปิดเผยวิธใี นการผลติ โดยมจี ุดประสงค์มงุ่ เนน้ ให้ ผู้ใชน้ ำไปใชเ้ พียง อย่างเดยี ว ไมส่ ามารถนำไปพัฒนาต่อได้ ๓.๒ ซอฟต์แวรท์ ่ีเปิดเผยวิธีการผลิต หรือจะเรียกอีกชื่อวา่ ซอฟตแ์ วร์รหัสเปิด เป็นซอรฟ์ แวร์ ท่ีทุกคนสามารถนำไปใช้งาน ทำซ้ำ เรียนรู้ ปรับปรุง แก้ไขเพ่ิมเติมและเผยแพร่ได้ มีทั้งท่ีเป็นระบบปฏิบัติการ และซอฟต์แวร์ประยุกต์ ซอฟต์แวร์ท่ีใช้สำหรับพัฒนาเว็บแอปพลิเคช่ันหรือแม้แต่ซอฟต์แวร์สำหรับสำนักงาน ซอฟต์แวร์ดังกล่าวมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ในประเทศไทยมีหน่วยงานที่สนับสนุนการพัฒนาและใช้งาน ซอฟต์แวร์ท่ีพัฒนาโดยคนไทย เช่น สำนักงานส่งเสรมิ อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (SIPA) ศูนย์เทคโนโลยี อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) เป็นต้น ไม่ต้องสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการซ้ือซอฟต์แวร์ จากตา่ งประเทศและสง่ เสรมิ การผลิตซอฟตแ์ วรใ์ นประเทศให้ก้าวหน้าต่อไป สรุปท้ายบท ปัจจัยหรือผลกระทบภายนอกซ่ึงมีความเปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดเวลาน้ัน ปัจจุบันก็มีแหล่งความรู้ มากมายที่จะช่วยในการให้ข้อมูลความรู้ และอบรมพัฒนาความเข้าใจให้แก่ผู้ประกอบการท่ีมากข้ึน ซ่ึงเอื้อต่อ การจับประเด็นที่ตรงกับความตอ้ งการองค์กร ต่อการศึกษาทำความเข้าใจในเรื่องที่ประสงค์ได้เป็นอย่างดี การ ใช้งานโปรแกรมสำเร็จรูปในปัจจุบันได้มีการนำมาใช้งานในกิจการต่างๆ กันอย่างกว้างขวางแล้ว แต่ก็ยังคงมี แนวโน้มท่ีจะเติบโตและขยายตัวไปสู่ภาคธุรกิจและองค์กรขนาดต่างๆ เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในส่วนการ พิจารณาเลือกใช้โปแกรมสำเร็จรูปสำหรับองค์กรต่างๆ หรือแม้แต่การปรับปรุงพัฒนาในสิ่งที่มีอยู่ มีปัจจัยท่ี
นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๕๔ ตอ้ งเตรียมความพร้อมหลายด้าน ท้ังในดา้ นการแสวงหาขอ้ มลู ทั้งจากภายในและภายนอก ตลอดจนการสรรหา โปรแกรมฯและผู้ให้บริการที่ตรงกับความต้องการขององค์กร ซึ่งปัจจุบันก็มีผู้จำหน่ายท่ีมีความชำนาญและมี ศักยภาพในการให้บริการอยู่ เป็นจำนวนมากที่จะเป็นทางเลือกให้ผู้ประกอบการตัดสินใจเพ่ือให้ได้มาซึ่ง ส่ิงท่ี ตอบโจทย์ขององคไ์ ด้อยา่ งดที สี่ ดุ เอกสารอา้ งอิงประจำบท ขนษิ ฐา อัศวชยั ณรงค์. แนวทางการเลือกใชโ้ ปรแกรมประยกุ ตท์ างสถติ ิ.วารสารสำนักบรหิ ารและรบั รอง ห้องปฏบิ ัตกิ ารปีที่ 5 ฉบบั ที่ 14 กุมภาพันธ์ - พฤษภาคม 2552. บทท่ี ๗ ภาษาคอมพิวเตอร์. [ออนไลน์] เข้าถงึ ได้จาก http://www4.csc.ku.ac.th/~b5340204758/lean7.html. สืบคน้ เม่ือ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๗. โปรแกรมสำเรจ็ รปู .[ออนไลน์] เขา้ ถึงได้จาก. http://nawaphasnob.wikispaces.com/Program+Package. สบื คน้ เม่ือ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗.
นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๕๕ บทที่ ๕ การใช้คอมพิวเตอรช์ ่วยสอน วตั ถปุ ระสงค์การเรยี นประจำบท เมอ่ื ไดศ้ ึกษาเนอื้ หาในบทนแ้ี ลว้ ผูศ้ กึ ษาสามารถ ๑. อธิบายความหมายและลกั ษณะเฉพาะทสี่ ำคญั ได้ ๒. บอกประเภท ขอ้ ดี และข้อจำกดั ของคอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอนได้ ๓. อธิบายขนั้ ตอนการสร้างบทเรียนคอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอนได้ ๔. ทำการประยกุ ตใ์ ชค้ อมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอนได้ ๕. อธิบายซอฟต์แวร์เครือ่ งมอื สร้าง CAI ได้ ขอบข่ายเน้ือหา • ความหมายและลักษณะเฉพาะทส่ี ำคัญ • ประเภท ข้อดี และข้อจำกดั ของคอมพิวเตอรช์ ่วยสอน • ขน้ั ตอนการสร้างบทเรียนคอมพิวเตอรช์ ่วยสอน • การประยุกตใ์ ช้คอมพิวเตอรช์ ่วยสอน • ซอฟตแ์ วรเ์ ครอ่ื งมือสร้าง CAI
นวตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศทางพระพทุ ธศาสนา ๕๖ ๕.๑ ความนำ ปัจจุบนั พบวา่ มคี วามสับสนในด้านเทคโนโลยีเพ่อื การศึกษาในหลากหลายดา้ น อาทิ ในเรือ่ งของนวัตกรรม ทางการศกึ ษา มคี วามสบั สนกนั ระหว่าง ระบบและวิธกี ารเรยี นรู้ (Systems approach to learning) กับส่ือการ เรียนรู้ (Media for learning) นักการศกึ ษาหลายรายมองเหน็ คอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอนมีสถานะเพยี งแค่ ส่อื ซึง่ แทจ้ ริง แล้ว คอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน(CAI) ซงึ่ ชือ่ ก็บอกชดั เจนว่าชว่ ยใน การสอน จึงเปน็ มากกวา่ ส่ือ จะถือได้วา่ คอมพิวเตอร์ ชว่ ยสอนนนั้ คือ ระบบการเรียนรูค้ อมพิวเตอรช์ ว่ ยสอน หรือทีร่ ู้จักในชื่อของ CAI (Computer Assisted Instruction) เปน็ นวตั กรรมทอ่ี ยู่ในรูปของระบบการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง และอยู่ในลักษณะสอื่ การเรียนการสอนดว้ ย เช่นกัน คอมพิวเตอร์ช่วยสอนจัดเปน็ นวัตกรรมที่เกดิ ข้ึนมานาน มากกว่า ๒๐ ปี ท่ีคร้ังหน่งึ ถือได้วา่ เปน็ นวตั กรรมที่ เฟือ่ งฟูมากๆ ในวงการศกึ ษาโดยเฉพาะครู รวมถึงวงการธุรกจิ เพ่ือการพัฒนาบคุ ลากรภายในองค์กร ในยุคน้นั ถือได้ ว่า CAI เป็นสอื่ ที่อยใู่ นรปู ของ CD-Rom Based System การสร้างชุดคอมพวิ เตอร์ช่วยสอนในระยะแรก เป็นการ พฒั นาจากโปรแกรมทางภาษา และจากโปรแกรมสำเรจ็ รปู ต่างๆ (โปรแกรม Authorware, Director, ToolBook หรือแม้กระทั่งโปรแกรม Flash) แมว้ า่ CAI เต็มระบบจริงๆ จะดเู หมอื นตายไปจากวงการศกึ ษา แต่ CAI ทอี่ ยู่ใน ลกั ษณะสื่อเรยี นรู้เฉพาะเนอื้ หาส้ันๆขนาดเลก็ หรือทเี่ รยี กว่า หน่วยความรเู้ ฉพาะเรื่อง(learning object) ยงั คงมี ผสู้ ร้างนำมาใชใ้ นการจัดการเรียนรู้ ซง่ึ สามารถศกึ ษาเรยี นรเู้ รอ่ื ง learning object ยงั มีอีกหลายโปรแกรมท่ีถกู ผลติ พฒั นามาใหน้ ักพัฒนาส่อื ได้เลอื กใช้ ซ่งึ ท่านสามารถ ศึกษาเพ่ิมเตมิ จากเวบ็ ไซต์ หรือ นิตยสารด้านคอมพิวเตอร์ ท่วั ๆไป สำหรับผู้ท่ีคดิ จะพฒั นาสอ่ื คอมพิวเตอร์ช่วยสอน นอกจากจะต้องมีทักษะในการออกแบบสอ่ื เพ่ือการเรียนรู้ แลว้ ยังตอ้ งเป็นผมู้ ีความร้คู วามเข้าใจในการใช้โปรแกรมหรือภาษาคำส่ังเปน็ อย่างดี๑ ๕.๒ ความหมายของคอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน ความหมายของคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (Computer Assisted Instruction) หรือ ซีเอไอ (CAI) มีผู้รวบรวม และใหค้ วามหมายไว้คล้ายคลึงกนั ดงั น้ี CAI มาจากคำย่อในภาษาองั กฤษ คือ Computer Assisted Instruction หรอื Computer Aided Instruction เป็นโปรแกรมบทเรยี นคอมพวิ เตอรช์ ่วยสอนครู ทำหนา้ ทีเ่ ปน็ สือ่ การเรียน บทเรียนสามารถโต้ตอบกับ ผ้เู รียนได้ ประกอบดว้ ย ตัวอักษร ภาพนิ่ง ภาพเคลือ่ นไหว เสียง (Multimedia) ทำให้ผู้เรียนสนุกไปกบั การเรยี นไม่ รสู้ ึกเบ่อื หนา่ ย การสรา้ งบทเรียนแบบนี้ อาศยั แนวคิดจากทฤษฎกี ารเช่ือมโยงสงิ่ เร้ากับการตอบสนอง โดยการ ออกแบบโปรแกรม จะเรมิ่ ต้นจากการใหส้ งิ่ เร้าแกผ่ ู้เรียน ประเมนิ การตอบสนองของผู้เรียน ใหข้ ้อมลู ยอ้ นกลบั เพื่อ เสรมิ แรงและใหผ้ ู้เรยี นเลือกสิ่งเรา้ อันดบั ต่อไป๒ คอมพิวเตอรช์ ่วยสอนหรือโปรแกรมชว่ ยสอน คือสื่อที่ใช้ในการเรียนการสอนอนั หนึง่ CAI คลา้ ยกบั สือ่ การ สอนอืน่ ๆ เชน่ วิดโี อช่วยสอน บตั รคำช่วยสอน โปสเตอร์ แต่คอมพวิ เตอร์ช่วย-สอนจะดีกว่าตรงทตี่ วั สอ่ื การสอน คือ ๑ การเรยี นรดู้ ัวยคอมพิวเตอรช์ ว่ ยสอน : [ออนไลน์] CIA . http://mediathailand.blogspot.com/๒๐๑๒/๐๔/blog-post.html. สบื ค้นเมอื่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗. ๒ สมรกั ปรยิ ะวาที. Authorware ๕.๐ โปรแกรมสร้าง CAI Multimedia.กรงุ เทพฯ : ซเี อด็ ยเู คชน่ั , ๒๕๔๔
นวตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๕๗ คอมพิวเตอรส์ ามารถโต้ตอบกับนกั เรยี นได้ ไมว่ า่ จะเป็นการรับคำสัง่ เพือ่ มาปฏบิ ัติ ตอบคำถามหรือไม่เช่นน้ัน คอมพิวเตอร์ก็จะเป็นฝา่ ยปอ้ นคำถาม๓ คอมพวิ เตอร์ช่วยสอน (CAI : Computer Assisted Instruction) หมายถงึ การประยุกตน์ ำคอมพวิ เตอรม์ า ช่วยในการเรียนการสอน โดยมกี ารพัฒนาโปรแกรมข้นึ เพื่อนำเสนอเนื้อหาในรูป-แบบต่างๆ การเสนอแบบติวเตอร์ (Intorail) แบบจำลองสถานการณ์ (Simlation) หรือแบบการแก้ไขปัญหา (Problem Solving) เป็นต้น การเสนอ เน้อื หาเป็นการเสนอโดยตรงไปยังผู้เรียนผ่านทางจอภาพ หรอื แปน้ พิมพ์ โดยเปดิ โอกาสให้ผูเ้ รยี นไดม้ ีส่วนรว่ ม วัสดุ ทางการสอนคือ โปรแกรมหรือ Courseware ซง่ึ ปกติจะถูกเก็บไว้ในแผ่นดสิ กห์ รือหนว่ ยความจำของเคร่ือง พรอ้ มท่ี จะเรียกใช้ไดต้ ลอดเวลา การเรยี นในลักษณะน้ี ในบางครง้ั ผเู้ รียนจะตอ้ งโตต้ อบ หรอื ตอบคำถามเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ ดว้ ยการพมิ พ์ การตอบคำถามจะถูกประเมนิ โดยคอมพวิ เตอร์ และจะเสนอแนะขนั้ ตอนหรือระดับในการเรยี นขัน้ ต่อไปกระบวนการเหล่าน้ีเปน็ ปฏิกริ ยิ าท่เี กิดขึ้นระหวา่ งผเู้ รียนกับคอมพวิ เตอร์๔ คอมพิวเตอร์ช่วยสอน หรือบทเรียนซเี อไอ (Computer-Assisted Instruction; Computer-Aided Instruction : CAI) คอื การจดั โปรแกรมเพ่ือการเรยี นการสอนโดยใชค้ อมพิวเตอร์ เปน็ สื่อชว่ ยถ่ายโยงเนอ้ื หาความรู้ ไปสู่ผ้เู รียน และปจั จุบันได้มกี ารบัญญตั ศิ ัพท์ที่ใชเ้ รียกส่ือชนิดนี้วา่ “คอมพวิ เตอร์ช่วยการสอน”๕ คอมพิวเตอร์ช่วยสอน หรือ CAI คือ การนำคอมพวิ เตอร์มาเปน็ เคร่ืองมือสรา้ งให้เปน็ โปรแกรมคอมพวิ เตอร์ เพ่ือให้ผเู้ รียนนำไปเรยี นด้วยตนเองและเกิดการเรยี นรู้ ในโปรแกรมประกอบไปด้วย เนื้อหาวิชา แบบฝกึ หัด แบบทดสอบ ลักษณะของการนำเสนอ อาจมีทง้ั ตวั หนังสือภาพกราฟกิ ภาพเคลอื่ นไหว สี หรอื เสยี ง เพือ่ ดึงดูดให้ ผ้เู รียนเกดิ ความสนใจมากย่ิงขึ้น รวมทง้ั การแสดงผลการเรียนใหท้ ราบทันทีด้วยข้อมูลย้อนกลบั (Feedback) แก่ ผู้เรยี น และยงั มกี ารจัดลำดับ วธิ ีการสอนหรอื กจิ กรรมต่างๆ เพื่อให้เหมาะสมกบั ผเู้ รียนในแตล่ ะคนทั้งน้ตี ้องมีการ วางแผนในการผลิตอยา่ งเปน็ ระบบในการนำเสนอเนื้อหาในรูปแบบทแ่ี ตกต่างกนั ๖ คอมพิวเตอร์ช่วยการสอน (CAI) คือ การนำคอมพวิ เตอร์เข้ามาเสรมิ เพ่ือช่วยเพมิ่ ประสิทธภิ าพการเรยี นการ สอนให้ดยี ง่ิ ขนึ้ การใช้คอมพิวเตอร์เสรมิ การสอนนี้สามารถใชป้ ระกอบขณะทีผ่ ู้สอนทำการสอนเอง หรือการใชส้ อน แทนผ้สู อนท้งั หมดก็ได้ การใชค้ อมพิวเตอร์ชว่ ยสอนขณะท่ผี ้สู อนทำการสอนเอง เปน็ การใชค้ อมพวิ เตอรช์ ว่ ย-สอนขณะที่ผสู้ อนทำ การสอนซ่ึงแบ่งเป็น การใช้แทรกในกระบวนการสอน คือ ใชป้ ระกอบขณะดำเนนิ การสอนและใชช้ ว่ ยเสรมิ ก่อนหรอื ภายหลงั การสอน เชน่ เป็นการซ่อมเสริมหรือทบทวน เป็นต้น ส่วนการใช้คอมพวิ เตอรแ์ ทนผู้สอน เปน็ การใช้คอมพวิ เตอร์นำเสนอบทเรียน หรอื เนื้อหาสาระต่างๆ แทน ครูผสู้ อน จะต้องพฒั นาในรูปของบทเรียนสำเร็จรปู ซ่งึ สามารถจะใช้เรยี นเมื่อใดท่ใี ดกไ็ ด้ การใช้คอมพวิ เตอรใ์ น ลกั ษณะนี้ นา่ จะเป็นทางเลือกในการจัดการศึกษาในอนาคต ซึ่งมุง่ การศึกษาในฐานะของการเรียนรเู้ ป็นหลกั ดังนั้น การใหค้ วามสนใจในการพฒั นาการใชค้ อมพวิ เตอรส์ อนแทนผู้สอนของการเรียนรู้เป็นหลกั ดังน้นั การให้ความสนใจ ๓ นยั นา เอกบรู ณวฒั น.์ CAI สอื่ การสอนใหม่ในยคุ ไฮเทค. วารสาร WATTACHAK COMPUTER. ๒๕๓๙ หนา้ ๒๘-๒๙. ๔ ศิริชยั สงวนแกว้ , อ้างแล้ว.เรอื่ งเดียวกนั . ๕ วฒุ ชิ ยั ประสารสอน. “ คอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอน” [ออนไลน์] http://www.idis.ru.ac.th/report/index.php?topic=๓๔๗๖.๐ สบื คน้ เมอ่ื ๒๑กรกฎาคม ๒๕๕๗. ๖ ศริ ชิ ัย นามบรุ .ี การสร้างบทเรียนสำเรจ็ รูปช่วยสอน วชิ าความรพู้ ืน้ ฐานเก่ยี วกบั คอมพวิ เตอร์. วิทยานิพนธค์ รศุ าสตรอ์ ตุ สาหกรรมมหาบณั ฑติ . (คอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศ). กรงุ เทพฯ : บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกลา้ ธนบุรี.๒๕๔๖.
นวตั กรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางพระพทุ ธศาสนา ๕๘ ในการพัฒนาการใชค้ อมพวิ เตอรส์ อนแทนผสู้ อนซึ่งเป็นแนวทางทสี่ มควรใหค้ วามสนใจ และรบั การสนับสนนุ ใน การศกึ ษาพัฒนาอยา่ งยงิ่ ๗ จากความดังกล่าว สามารถสรุปความหมายของ “คอมพิวเตอร์ช่วยสอน” หรือ CAI (Computer Assisted Instruction) การนำคอมพิวเตอรเ์ พ่ือมาประยกุ ต์ใชใ้ นการเรียนการสอน ซ่งึ เป็นโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ท่ีใช้ เพ่อื ใหผ้ ้เู รียนนำไปเรียนรู้ด้วยตนเองใหเ้ กิดการเรยี นร้เู พม่ิ เติมมากย่งิ ข้นึ ในโปรแกรมจะใชล้ กั ษณะในการนำเสนอ หลากหลาย อาจมที ้ังตวั หนังสือ ภาพกราฟกิ ภาพเคลอื่ นไหว สี และ เสยี ง เพือ่ ทำให้ผเู้ รยี นเกดิ ความสนใจในการ เรียนมากย่งิ ขนึ้ และโปรแกรมจะประกอบไปด้วย เน้ือหาวิชา แบบฝกึ หดั แบบทดสอบ เกมส์ การแสดงผลการเรยี น ด้วยขอ้ มูลย้อนกลบั แก่ผู้เรียน อันทั้งยังมีการจัดลำดบั วิธีการสอนหรอื กจิ กรรมตา่ งๆ เพ่อื ใหเ้ หมาะสมแก่ผ้เู รยี นอกี ดว้ ย ซึง่ จะเหน็ ไดจ้ ากแผนภมู ิการใชค้ อมพิวเตอร์ช่วยสอนของผสู้ อน๘ ๕.๓ ลักษณะเฉพาะทีส่ ำคญั คอมพิวเตอรช์ ่วยสอน (CAI) เปน็ รปู แบบการเรยี นการสอนแบบรายบคุ คล ที่นำเอาหลกั การของบทเรียน โปรแกรมและเครื่องชว่ ยสอนมาผสมผสานกัน รปู แบบของส่อื ถูกออกแบบให้ทำงานภายใต้ทรพั ยากร ของเครื่อง คอมพิวเตอร์โดยตรง ขอ้ มูลการเรียนรู้ จะอย่ใู นรูปของไฟล์ข้อมูลท่ีนำมาลง หรอื ติดตัง้ ลงบนเครอื่ งคอมพิวเตอร์ หรอื อาจจะเล่นบนแผน่ CD-Rom/DVD โดยมจี ุดมุ่งหมายท่ีจะตอบสนอง ในเร่ืองความแตกต่างระหว่างบคุ คล ของผเู้ รยี น เป็นหลัก เพอ่ื ใหบ้ รรลุวตั ถุประสงคท์ างการศึกษาเป็นรายบุคคลโดยมคี ณุ ลักษณะองค์ประกอบที่สำคัญ แบง่ เปน็ ๑.การนำเข้าสูบ่ ทเรยี น ๒.การนำเสนอสาระเน้ือหา ๓.การมีปฏสิ ัมพนั ธ์ระหวา่ งโปรแกรมกบั ผเู้ รยี นรู้ ๔.การทดสอบประเมนิ ผล คอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน (CAI) นับเปน็ กระบวนการเรยี นรู้ โดยยึดหลักการทีส่ ำคญั ท่ีเรียกว่า ๔ Is อนั ไดแ้ ก่ ๑. Information คอื ความเป็นสารสนเทศในตัวเอง ๒. Interactive การมปี ฎสิ มั พันธก์ บั ผ้เู รียน ๓. Individual คือ การเรียนรู้ดว้ ยตนเอง ๔. Interactive คือ การตอบสนองโดยทนั ๗ ไพโรจน์ ตีรณธนากลุ , ไพบูลย์ เกียรตโิ กมล และเสกสรรค์ แยม้ พินจิ .เทคนิคการสร้างบทเรียนคอมพิวเตอรก์ ารสอน.กรงุ เทพฯ: ศูนย์สอ่ื เสรมิ กรงุ เทพฯ. ๒๕๔๖. ๘ ไพโรจน์ ตรี ณธนากุล, ไพบูลย์ เกียรติโกมล และเสกสรรค์ แยม้ พนิ จิ .อา้ งแลว้ .เร่ืองเดยี วกัน.
นวตั กรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๕๙ ๕.๔ ประเภทของคอมพิวเตอร์ชว่ ย มีผู้แบง่ ประเภทคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอนไวห้ ลากหลาย บ้างก็ ๕ แบบ ๗ แบบ ซึ่งกแ็ ตกต่างกันบา้ ง คลา้ ยกัน บ้าง ซ่ึงในเรอ่ื งประเภทของคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน๙ ไดแ้ บ่งตามลักษณะของวิธีการนำเสนอเนอื้ หาและกระบวนการ เรยี นการสอน เป็น ๘ ประเภท ดังน้ี ๑. แบบการสอน (Instruction) เพ่อื ใชส้ อนความรใู้ หม่แทนครู ซ่งึ จะเปน็ การพัฒนาแบบ Self-Study Package เป็นรูปแบบของการศกึ ษาด้วยตนเอง จะเป็นชุดการสอนท่ีจะตอ้ งใชค้ วามระมดั ระวัง และทักษะในการ พฒั นาท่สี งู มาก เพราะจะยากเป็นทวีคูณกว่าการพฒั นาชุดการสอนแบบโมดูลหรือแบบโปรแกรมที่เปน็ ตำรา ซง่ึ คาด วา่ จะมบี ทบาทมากในอนาคตอันใกล้น้ี โดยเฉพาะ IMMCAI :Interaction Multi Media CAI บน Internet ๒. แบบสอนเสริมหรือทบทวน (Tutorial) เป็นบทเรียนเพือ่ ทบทวนการเรียนจากห้องเรยี นหรอื จากผู้สอน โดยวธิ ใี ด ๆ จากทางไกล หรือทางใกล้ก็ตาม การเรยี นมักจะไม่ใช่ความรู้ ใหม่ หากแตจ่ ะเป็นความรทู้ ีเ่ คยไดร้ บั มาแลว้ ในรูปแบบอื่น ๆแล้วใชบ้ ทเรยี นซ่อมเสริมเพ่ือตอกย้ำ ความเข้าใจทถ่ี ูกตอ้ งและสมบูรณด์ ขี น้ึ สามารถใชท้ ง้ั ใน หอ้ งเรียนและนอกหอ้ งเรยี น ดังนั้น CAI ประเภทนจ้ี งึ ไมส่ ามารถนำมาสอนแทนครไู ดท้ ง้ั หมด เพียงแต่นำมาใชส้ อน เสริมหรอื ใช้ทบทวนในรายวชิ าทีม่ กี ารจดั การเรียนการสอนมาแลว้ ในชั้นเรยี นปกติ ๓. แบบฝกึ หดั และฝึกปฏิบัติ (Drill and Practice) เพือ่ ใชเ้ สริมการปฏบิ ัติหรอื เสริมทกั ษะ กระทำ บางอย่างใหเ้ ข้าใจยิ่งขนึ้ และเกิดทกั ษะท่ีต้องการได้ เป็นการเสริมประสทิ ธผิ ลการเรยี นของผู้เรยี น สามารถใชใ้ น หอ้ งเรียน เสริมขณะท่ีสอนหรือนอกหอ้ งเรียน ณ ท่ีใด เวลาใดก็ได้ สามารถใช้ฝกึ หัดท้ังทางด้านทักษะการแกป้ ัญหา ทางคณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ รวมทั้งทางช่างอตุ สาหกรรมด้วย ๔. แบบสร้างสถานการณ์จำลอง (Simulation) เพ่ือใช้สำหรับการเรียนรู้ หรือทดลองจากสถานการณ์ท่ี จำลองจากสถานการณ์จริง ซ่ึงอาจจะหาไมไ่ ด้หรืออยู่ไกล ไมส่ ามารถนำเขา้ มาในห้องเรียนได้ หรือมสี ภาพอันตราย หรอื อาจสน้ิ เปลืองมากทต่ี ้องใชข้ องจริงซ้ำ ๆ สามารถใช้สาธติ ประกอบการสอน ใชเ้ สรมิ การสอนในห้องเรยี น หรือใช้ ซอ่ มเสริมภายหลังการเรยี นนอกห้องเรยี น ทีไ่ ด้ เวลาใด กไ็ ด้ ๕. แบบสร้างเป็นเกม (Game) การเรยี นรบู้ างเรื่อง บางระดบั บางคร้ัง การพัฒนาเปน็ ลกั ษณะเกม สามารถเสริมการเรยี นรไู้ ดด้ ีกวา่ การใช้เกมเพอื่ การเรียน สามารถใชส้ ำหรับการเรียนรู้ความรู้ใหมห่ รอื เสริมการเรยี น ในห้องเรยี นก็ได้ รวมท้ังสามารถสอนทดแทนครูในบางเรื่องไดด้ ว้ ย จะเป็นการเรยี นรจู้ ากความเพลดิ เพลิน เหมาะ สำหรบั ผูเ้ รยี นท่มี รี ะยะเวลาความสนใจสั้น เช่น เดก็ หรอื ในภาวะสภาพแวดล้อมที่ไม่อำนวย เปน็ ต้น ๖. แบบการแก้ปัญหา (Problem Solving) เป็นการฝึกการคิด การตัดสินใจ สามารถใชก้ ับวิชาการต่างๆ ทต่ี ้องการให้สามารถคิดแก้ปัญหา ใชเ้ พื่อเสริมการสอนในห้องเรยี น หรือใช้ในการฝกึ ท่ัวๆไป นอกห้องเรยี นกไ็ ด้ เป็น ส่ือสำหรบั การฝึกผบู้ รหิ ารไดด้ ี ๗. แบบทดสอบ (Test) เพือ่ ใชส้ ำหรบั ตรวจวัดความสามารถของผเู้ รยี น สามารถใชป้ ระกอบการสอนใน หอ้ งเรยี น หรือใช้ตามความตอ้ งการของครู หรอื ของผเู้ รยี นเอง รวมท้งั สามารถใชน้ อกห้องเรียน เพื่อตรวจวดั ความสามารถของตนเองได้ดว้ ย ๙ ไพโรจน์ ตรี ณธนากุล ไพบูลย์ เกยี รติโกมลและเสกสรรค์ แยม้ พนิ ิจ.อา้ งแล้ว.เรอ่ื งเดยี วกนั .
นวตั กรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๖๐ ๘. แบบสรา้ งสถานการณ์เพอ่ื ใหค้ น้ พบ (Discovery) เป็นการจัดทำเพ่ือใหผ้ ู้เรียนสามารถเรียนรู้ จาก ประสบการณ์ของตนเอง โดยการลองผดิ ลองถูก หรือเปน็ การจัดระบบ นำล่องเพือ่ ชีน้ ำสู่การเรยี นรู้ สามารถใชเ้ รยี นรู้ ความรใู้ หม่หรือเปน็ การทบทวนความร้เู ดมิ และใชป้ ระกอบการสอนในห้องเรยี นหรอื การเรียนนอกห้องเรยี น สถานที่ ใด เวลาใด ก็ได้๑๐ ๕.๕ ข้อดขี องคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน การใชค้ อมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอนในการนำเสนอเนือ้ หามีข้อดหี ลายๆ ประการ ดงั นี้๑๑ ๑. เสนอเนอ้ื หาไดร้ วดเร็วเพียงแต่ผ้เู รียนกดแป้นพิมพ์เพียงครั้งเดียวคอมพิวเตอร์กจ็ ะเสนอเน้ือหา ต่อไป ๒. คอมพวิ เตอร์สามารถเสนอรปู ภาพที่เคล่ือนไหวได้ ทำให้มปี ระโยชนใ์ นการเรียนรคู้ วามคิดรวบ ยอดทส่ี ลับซบั ซ้อนต่างๆ ๓. มเี สียงประกอบ ทำใหเ้ กิดความนา่ สนใจ และเพม่ิ ศกั ยภาพทางดา้ นการเรียนไดด้ มี ากขึ้น ๔. สามารถเกบ็ ขอ้ มูลเนอ้ื หาไดด้ มี ากกวา่ หนงั สือหลายเท่า ๕. ผู้เรียนมีปฏิสมั พนั ธ์กบั บทเรียนอย่างแทจ้ รงิ คือ มีการโตต้ อบระหวา่ งบทเรียนกบั ผ้เู รียนได้ ๖. สามารถบนั ทึกผลการเรยี น ประเมนิ ผลการเรียน และประเมินผลผู้เรียนได้ ทำให้ผลสัมฤทธิท์ างการเรียน ของผู้เรยี นสูงข้ึน เม่ือเทยี บกับการเรียนในชน้ั เรียนปกติ ๗. ชว่ ยลดเวลาในการเรียนของผู้เรยี น เม่ือเทียบกบั การเรยี นแบบปกติในห้องเรยี น ๘. ช่วยเพ่มิ ความสนใจให้กับผู้เรยี นมากยิ่งข้ึน เมอื่ เทียบกับการเรยี นในหอ้ งเรียน ทำใหผ้ ู้เรียนตอ้ ง มสี มาธิอยกู่ ับเครอ่ื งคอมพิวเตอรแ์ ละจอภาพตลอดเวลา ๙. สามารถควบคมุ กิจกรรมการเรียนของผู้เรยี นได้ด้วยตนเอง ซ่ึงไม่สามารถทำได้หากเรียนโดยใช้ ผู้สอนจริง ๑๐. ช่วยสนับสนุนการเรียนแบบรายบุคคลได้อย่างมีประสิทธิผล ช่วยลดต้นทุนด้านการจัดการ เรยี นการสอนได้ เพราะไม่ตอ้ งใชผ้ ูส้ อนจริง ๑๑. มีเน้ือหาที่แน่นอน เน่ืองจากผ่านการตรวจสอบให้มีเน้ือหาท่ีครอบคลุม จัดลำดับ ความสัมพันธ์ของเน้ือหาอย่างถูกต้อง มีความคงสภาพเหมือนเดิมทุกครั้งที่เรียน ต่างจากการ สอนดว้ ยครผู สู้ อน ๑๐ ไพโรจน์ ตรี ณธนากลุ และ ไพบูลย์ เกียรติโกมล, ๒๕๔๑, “Creating IMMCAI Package,”วารสารครศุ าสตร์ อตุ สาหกรรม, ปีที่ ๑, พ.ค., หนา้ ๑๔-๑๘ ๑๑ ศริ ิชัย สงวนแก้ว, ๒๕๓๔, “แนวทางการพฒั นาโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ช่วยสอน,”วารสาร Computer review, ปที ่ี ๘, ฉบบั ที่ ๗๘, หนา้ ๑๗๓-๑๗๖.
นวตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศทางพระพทุ ธศาสนา ๖๑ ๕.๖ ขอ้ จำกดั ของคอมพิวเตอรช์ ่วยสอน การใช้คอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอนในการนำเสนอเนื้อหามีขอ้ จำกัดหลายๆ ประการ ดังน้ี๑๒ สิ้นเปลอื งค่าใช้จ่ายและเวลา ซ่ึงจำเป็นตอ้ งลงทนุ ค่าใช้จา่ ยคอ่ นข้างสงู ทง้ั ในด้านฮารด์ แวร์และซอฟต์แวร์ ๑. ลดความสมั พนั ธ์ของผู้เรยี นทม่ี ีตอ่ กนั ลง ๒. จำเปน็ ต้องติดตอ่ กับผู้ผลติ ซอฟต์แวร์ เพ่ือขอคำแนะนำโดยตรง ในด้านเทคนิคของตวั เครือ่ งคอมพวิ เตอร์ วธิ ีการบำรุงรักษา การแก้ไขปัญหา เม่อื เกดิ ปัญหาท่ีไม่สามารถแก้ไขได้ ๓. ขาดโปรแกรมเมอรท์ มี่ ีความร้พู ้นื ฐานทางการศึกษา ความรใู้ นเนอื้ หาวิชาอยา่ ง แทจ้ รงิ ขาดกลยทุ ธ์ในการสอน และปญั หาอีกอยา่ งหน่ึงคือ ขาดความชำนาญในการเลือกใช้ซอฟตแ์ วรท์ ่ีมีอยู่ ๔. ต้องใช้เวลาในการพัฒนามาก ในดา้ นการทดสอบการใช้งาน และปรบั ปรงุ แกไ้ ข ๕. มคี วามยากในการออกแบบ เน่ืองจากต้องออกแบบให้ยืดหยุ่นตอ่ การใช้งานเพือ่ ให้เหมาะสมกับ ผเู้ รียนที่มีความถนัดทแ่ี ตกตา่ งกัน ๕.๗ ขน้ั ตอนการสร้างบทเรยี นคอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน ขน้ั ตอนการสรา้ งและพัฒนาบทเรียนนัน้ จะเป็นการพฒั นาบทเรียนคอมพวิ เตอรช์ ่วย-สอน ซ่งึ เป็นไปตาม แนวทางของ คณะครุศาสตรอ์ ุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ ธนบุรี พัฒนาขน้ึ โดย รศ.ไพโรจน์ ตรี ณธนากุล ข้นั ตอนทงั้ กระบวนการได้แบง่ ออกเปน็ ๑๖ ข้ันตอน ซึง่ อยใู่ นกรอบของ ๕ ชว่ งตอนหลัก๑๓ ๕.๗.๑ ช่วงการวเิ คราะห์เนื้อหา (Analysis) ในการพฒั นาเน้ือหาหารเรยี นการสอนน้ัน ผู้พัฒนาจะต้องทำความเข้าใจกบั เน้ือหาสาระ ที่จะนำมา ใส่ในบทเรียน เพ่อื กำหนดให้ชัดเจนวา่ จะให้ผูเ้ รยี นเรยี นอะไรบ้าง เรียนอะไรก่อน เรยี นอะไรหลงั เพื่อไมใ่ ห้ซ้ำซ้อนกัน ในแต่ละหัวข้อ ดังนั้น ผู้พัฒนาจึงต้องตระหนัก และให้เห็นความสำคัญกับเนื้อหาสาระ ที่จะถูกบรรจุอยู่ในบทเรียน และวิธกี ารทด่ี วี ธิ ีหนึง่ ก็คือ การวิเคราะห์เนื้อหาทจ่ี ะนำมาผลิตเป็นบทเรียน การวิเคราะห์เนื้อหาเป็นข้ันตอนแรกของการพัฒนาบทเรียน ในการวิเคราะห์เน้ือหานั้นมีข้ันตอน ย่อย ๆ ทจี่ ะต้องทำตามลำดับ ๓ ขน้ั ตอน คือ ข้นั ที่ ๑ การสร้างแผนภูมิระดมสมอง (Brain Storm Creation) ขั้นการสร้างแผนภูมิระดมสมอง เป็นการนำเอาเทคนิค การระดมสมอง (Brain Storm) เข้า มาประยุกต์ใช้ เพ่ือรวบรวมหวั เรื่องท่ีควรจะมอี ยใู่ นบทเรียน หลักการการระดมสมองเป็นการระดมความคิด โดยผู้ร่วมระดมความคิดประมาณ ๔-๕ คน ช่วยกันคิดหาคำตอบหรือแก้ปัญหาท่ีต้ังขึ้น ทุกคนมีสิทธิท่ีจะคิดได้ เมื่อคิดแล้วความคิดน้ันก็จะถูกบันทึกไว้ โดยไม่มี ใครคอยโต้แย้งหรือคัดค้าน ดังน้ัน ทุกคนจึงมีสิทธิที่จะคิดอย่างอิสระ ซึ่งเกิดประโยชน์คือ จะได้ความคิดมากมายที่ อาจเป็นคำตอบ สำหรับในกรณีการพัฒนาบทเรียนก็จะเป็นการระดมความคิด เพ่ือรวบรวมหัวเรื่องท่ีควรจะมีใน บทเรยี น ๑๒ ศริ ชิ ัย สงวนแกว้ . อ้างแลว้ .เรอ่ื งเดียว. ๑๓ ไพโรจน์ ตรี ณธนากลุ และไพบูลย์ เกยี รติโกมล.อา้ งแลว้ .เรอื่ งเดยี ว.
นวตั กรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางพระพทุ ธศาสนา ๖๒ โดยเร่ิมจากการเขียนหวั เรื่องทีส่ ร้างเป็นบทเรยี นไว้ตรงกลาง แล้วใหผ้ ้เู ช่ยี วชาญทางด้านเนือ้ หาวชิ าจำนวน ๔-๕ คน ช่วยกันระดมสมองแจงหัวเรือ่ งที่ควรจะสอนในวิชานน้ั โดยโยงออกจากชอื่ เร่ืองหลกั ขยายออกไปเปน็ ช้ัน ๆ มีเสน้ เช่อื มใหเ้ หน็ ความสมั พันธ์ของหวั เรอื่ งหลกั กับหัวเร่ืองยอ่ ย หลังจากผ่านกระบวนการระดมสมองแล้ว ผลที่ได้จะเป็นแผนภูมิระดมสมองที่แสดงถึงหัวเรื่องที่ควรจะมีอยู่ ในบทเรยี น ขั้นที่ ๒ การสร้างแผนภมู หิ วั เรอ่ื งสัมพันธ์ (Concept Chart Creation) แนวคิดของแผนภูมิหัวเร่ืองสัมพันธ์คือ การจัดกลุ่มของหัวเรื่องที่ระดมสมองไว้ให้เป็นกลุ่ม หรือหมวดหมู่ที่สัมพันธ์กัน โดยนำแผนภูมิระดมสมองมาศึกษาความถูกต้อง สอดคล้องของทฤษฎี หลักการ เหตุผล ความสัมพันธ์ และความต่อเนื่องกันของหัวเร่ืองอย่างละเอียด อาจมีการตัดหรือเพ่ิมหัวเร่ืองตามเหตุผลและความ เหมาะสม จนสามารถอธบิ ายและตอบ คำถามได้ ข้นั ที่ ๓ การสรา้ งแผนภมู ิโครงขา่ ยเนอื้ หา (Content Network Chart Creation) แนวคิดของแผนภูมิโครงขา่ ยเนอื้ หาคือ นำหัวเรื่องทีไ่ ดจ้ ากแผนภูมหิ วั เรอ่ื งสัมพันธ์ มา จดั ลำดับความสัมพนั ธ์ของเน้ือหา โดยพจิ ารณาลำดับก่อนหลัง หรือคูข่ นานกนั ตามความจำเป็นที่จะต้องอา้ งองิ กัน ตามหลกั การเทคนิคโครงข่าย เนอื้ หาบางอยา่ งเปน็ พนื้ ฐานที่จำเปน็ สำหรับเนือ้ หา เช่น การบวก การลบ จะเป็น พ้ืนฐานของการคณู การหาร จงึ ต้องใหเ้ รียนเรื่องการบวก การลบก่อน เม่ือเขียนเสร็จแล้วทำการพิจารณา ความสัมพนั ธข์ องเนื้อหาในโครงขา่ ยนน้ั อีกครง้ั จนสมบูรณ์ ๕.๗.๒ ช่วงการออกแบบหน่วยการเรยี น (Design) การออกแบบหน่วยการเรียน นับเป็นหัวใจสำคัญในการผลิตบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ประกอบดว้ ยข้ันตอนที่จะตอ้ งทำไปตามลำดับ ๒ ขน้ั ตอน คอื ขนั้ ท่ี ๔ กำหนดกลวิธใี นการนำเสนอ และเขยี นวัตถุประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม ของ เน้อื หา ในขั้นตอนนี้ เราจะจดั เนื้อหาทม่ี ใี ห้เปน็ หนว่ ยการเรยี น เพ่ือให้เหมาะสมกับ การเรยี นของ ผเู้ รียน จากน้ันจึงสร้างแผนภูมหิ นว่ ยการเรยี นวชิ า แล้วเขียนกำกบั ในแต่ละหนว่ ยการเรยี น ดว้ ยวัตถุประสงค์เชิง พฤติกรรมมี ๓ ข้ันตอนย่อย คือ ๑. การแบ่งเน้อื หาออกเป็นหน่วยการเรียน เปน็ การแบง่ เพื่อใหเ้ หมาะสมกับการเรียนแต่ละ คร้งั โดยเปรียบเทยี บกับการสอนในหอ้ งเรยี นปกติ เช่น เนื้อหาการสอน ระดบั ชั้นประถมศึกษา ๑ คาบ ใช้เวลา ประมาณ ๒๐ นาที ต่อหน่วยการเรยี น เป็นต้น ดังนั้น ในการแบ่งเน้ือหาออกเปน็ หน่วยการเรียน จะแบ่งตามเงื่อนไขของเวลาท่ีใชส้ อนแต่ละคร้ัง สำหรับการผลติ บทเรยี น ๑ วชิ านั้น โดยทว่ั ไปจะแบง่ เน้ือหาออกเป็นหนว่ ยการเรียน ประมาณ ๑๓-๑๕ หน่วย การแบ่งเนื้อหาออกเป็นหนว่ ยการเรียนน้นั จะเร่ิมจากนำแผนภูมโิ ครงข่ายเน้ือหามาพจิ ารณากลมุ่ หวั เรอื่ งท่สี ามารถจัดไวใ้ นหน่วยเดยี วกันได้ จากนั้นก็ตีกรอบลอ้ มรอบกลมุ่ ตา่ งๆ ไว้จนครบ อย่างไรก็ตาม การตีกรอบ ควรพิจารณาตามเง่ือนไขของเวลาทต่ี ั้งไว้ เมื่อเสรจ็ แล้ว เนื้อหาในกรอบแต่ละกรอบ ก็คือ แตล่ ะหน่วยการเรียนที่ ตอ้ งการ ๒. การสร้างแผนภูมิหน่วยการเรียนวิชา เมือ่ เราแบ่งเน้อื หาออกเป็นหน่วยการเรียนไดแ้ ล้ว ก็กำหนดอันดับของแต่ละหน่วยโดยเขียนเป็นตัวเลขลงไป จากนั้น ก็นำหน่วยการเรียนมาลำดับการนำเสนอ ตามลำดับ และความสมั พันธใ์ นเดียวกับแผนภูมโิ ครงข่ายเน้ือหาซึ่งจะได้ผลเป็นแผนภูมิหน่วยการเรียนวิชา (Course
นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๖๓ Flow Chart) การกำหนด และเขียนวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมของเนื้อหาแต่ละหน่วยการเรียน นำหัวเร่ือง เนื้อหา แตล่ ะหน่วยการเรียน มาพจิ ารณากำหนดวตั ถปุ ระสงคเ์ ชิงพฤติกรรมท่ีเหมาะสม แล้วเขียนวตั ถุประสงค์เชงิ พฤติกรรม ทีไ่ ด้กำหนดกำกับไว้แตล่ ะหนว่ ยการเรยี นให้เป็นระเบยี บชดั เจน ขน้ั ท่ี ๕ การออกแบบแผนภมู ิ การนำเสนอในแตล่ ะหนว่ ยการเรยี น เมอื่ ได้แบง่ เน้ือหาออกเป็นหน่วยการเรียน และสร้างแผนภูมิการเรียนวิชาแล้ว จะดำเนินการ ออกแบบแผนภูมกิ ารนำเสนอเนอื้ หาในแตล่ ะหน่วยการเรียนต่อไป เปา้ หมายทีส่ ำคัญในการออกแบบนั้นคือ การใหผ้ ู้เรียนเกดิ การเรียนรตู้ ามวตั ถุประสงค์เชงิ พฤติกรรมทตี่ งั้ ไว้ ในการออกแบบนัน้ จะคำนึงถึงกระบวนการนำเสนอท้งั หมด ซ่ึงจะมีการนำเข้าบทเรยี น การ นำเสนอเนอ้ื หาสาระ การทบทวนเสรมิ ความเขา้ ใจ และการสรปุ บทเรียน รวมทั้งการใชเ้ ทคนคิ วิธีการสอน การใช้ สื่อตา่ งๆท่ีเหมาะสม และส่งิ ทส่ี ำคญั ท่ีการออกแบบการสอนทวั่ ๆไปไม่มกี ค็ ือ จะต้องออกแบบปฏสิ ัมพนั ธ์ระหว่าง บทเรยี นกับผู้เรียน ซงึ่ เป็นสิง่ ทีค่ อมพวิ เตอร์สามารถทำได้ สำหรับข้ันตอนการออกแบบแผนภูมิการนำเสนอ ในแต่ละหน่วยการเรียนนั้น จะเริ่มจาก การพิจารณาเนื้อหาแต่ละช่วงพร้อมคิดวิธีการสอน สื่อท่ีใช้และลักษณะปฏิสัมพันธ์ ในหัวข้อน้ันๆ ทีละหัวข้อ พิจารณาไปทีละลำดบั ทำไปเรือ่ ยๆ จนกระทั่งหมดหน่วยการเรียนนัน้ แล้วจึงเร่ิมทำหนว่ ยการเรยี นถัดไป เพียงเท่านี้ ก็จะได้แผนภมู กิ ารนำเสนอในแตล่ ะหน่วยการเรยี น ๕.๗.๓ ช่วงการพฒั นาหน่วยการเรยี น (Development) ข้ันตอนการพัฒนาหน่วยการเรียน เป็นการพัฒนาเน้ือหาหน่วยการเรยี นให้สมบูรณ์กอ่ นท่ีจะนำไป เขียนโปรแกรม ประกอบด้วยข้นั ตอนย่อยๆ ๔ ขนั้ ตอน ข้ันที่ ๖ การเขียนรายละเอยี ดเนื้อหาลงบนกรอบการสอน การเขียนรายละเอียดเนอ้ื หาลงบนกรอบการสอน หรือการเขียนสคริปต์ หากเปรยี บเทยี บกับ การผลิตรายการโทรทศั น์ ก็คือ การเขยี นบทรายการกอ่ นทีจ่ ะนำไปถ่ายทำจรงิ หลังจากได้ออกแบบแผนภูมิการนำเสนอในแต่ละหน่วยการเรียนเสร็จแล้วในข้ันตอนต่อไป จะนำแผนภูมิการนำเสนอแต่ละหน่วยการเรียนท่ีได้ออกแบบไว้ มาเป็นแนวทางในการเขียนรายละเอียดของเนื้อหา โดยเขียนลงบนกรอบท่อี อกแบบไว้ เราเรยี กว่า “กรอบการสอน” สำหรับการเขียนเนื้อหาลงในกรอบการสอน จะต้องเขียนไปทีละกรอบ ตามลำดับเนื้อหา และวิธีการสอน ท่ีได้ออกแบบไว้ เขยี นจนกระท่ังครบทุกเน้ือหา ก็เสร็จส้ินกระบวนการนี้ ข้ันท่ี ๗ การจัดลำดับกรอบการสอน ในขั้นตอนนี้ จะเป็นการนำกรอบการสอนมาตรวจสอบลำดับการนำเสนอเนื้อหา ที่ได้ วางแผนไว้ ขัน้ ตอนน้ีมคี วามสำคัญมาก เพราะเป็นการตรวจสอบลำดับการสอนของกรอบการสอนทีไ่ ด้เขียนไว้ วา่ มี ความตอ่ เนื่องกันหรอื ไม่ ในการตรวจสอบลำดับเน้อื หา จะมกี ารตรวจสอบ ๒ ขั้นตอน คอื ๑. การตรวจสอบความตอ่ เนื่องของเนื้อหาในหนว่ ยการเรยี นเดยี วกัน เพ่อื ดวู า่ มคี วาม เหมาะสมต่อเนื่องกันหรือไม่ และตอบสนองวัตถปุ ระสงค์เชิงพฤติกรรมครบถ้วนหรือไม่ ๒.การตรวจสอบความเชื่อมโยงของเน้ือหาในแต่ละหน่วยการเรียน เพ่ือดูว่าการ เชอ่ื มโยงของเน้ือหาแต่ละหน่วยเปน็ ไปตามท่ไี ดว้ ิเคราะหไ์ ว้หรอื ไม่
นวตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศทางพระพทุ ธศาสนา ๖๔ ข้นั ท่ี ๘ การตรวจสอบความถกู ต้องของเนื้อหา ภายจากการนำกรอบการสอนไปจัดเรียงลำดับ และตรวจสอบอย่างถูกต้องแล้วในข้ันตอนน้ี จะเป็นการนำบทเรียนคอมพิวเตอร์ที่พัฒนาข้ึน ไปทำการตรวจสอบความถูกต้องของเนื้อหาที่พัฒนาข้ึน โดยทำ ๒ ด้านตอ่ เน่อื งกัน คอื การตรวจสอบความถูกต้องของเนื้อหา โดยผู้เชี่ยวชาญด้านเน้ือหา การตรวจสอบความ ถกู ตอ้ ง เป็นการรบั รองคุณภาพของเน้ือหา ว่าถกู ตอ้ งก่อนท่ีจะนำไปพัฒนาเป็นบทเรียน การตรวจสอบน้ัน อาจจะให้ ผู้เช่ยี วชาญประเมนิ ลงในกรอบการสอน หรอื ประเมินควบคกู่ ับแบบฟอร์มท่ีเป็นปลายเปดิ นำไปทดลองกบั กลุ่มเปา้ หมาย ท่จี ะเรียนเนื้อหานนั้ ๆ เพ่ือทดสอบความเข้าใจในการเรยี น เนอ้ื หา และการสื่อความหมายของสำนวนทใี่ ช้ ตลอดจนรปู แบบทีส่ ื่อความหมายต่อผู้เรียน ในข้นั น้ี จะต้องใช้ กลุ่มเปา้ หมายจริง โดยคดั เลือกประมาณ ๙-๑๒ คน ให้ทดลองเรียนเน้ือหาจากนัน้ จึงรวบรวมขอ้ มูลที่ไดม้ าปรบั แก้ ให้สมบรู ณ์ ขนั้ ท่ี ๙ การเขียนและประเมินคณุ ภาพของแบบทดสอบ ในข้นั นี้ จะเริม่ จากการสร้างแบบทดสอบตามหลกั การพฒั นาข้อทดสอบวัดผลสมั ฤทธ์ิ โดย อา้ งอิงตามวัตถปุ ระสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรมที่ได้กำหนดไว้ จากนั้นนำไปทดลองกับกล่มุ ที่เคยเรียนเนือ้ หาน้ันมาแล้ว โดยใช้ ประมาณ ๓๐-๑๐๐ คน นำผลทดสอบมาหาคา่ ความยากง่าย คา่ อำนาจจำแนก ค่าความเช่อื มนั่ และค่าความเท่ยี ง โดยขอ้ สอบทดี่ ี ควรเหมาะสมกับระดับความสามารถ และระดับของผเู้ รยี น หลังจากนำแบบทดสอบไปทดลองแล้ว นำข้อท่ียังไม่ได้ตามเกณฑ์ไปปรับปรุงแก้ไข จนกว่า จะใช้ได้ ผลท่ีได้ทั้งหมด ซ่ึงได้แก่ กรอบการสอนที่ได้ตรวจสอบคุณภาพแล้ว และแบบทดสอบท่ีได้ตามเกณฑ์ จะ รวมกันเปน็ ตัวบทเรยี นทพ่ี รอ้ มดว้ ยส่วนของการวัด และ การประเมนิ ผล ซง่ึ พรอ้ มทีจ่ ะนำไปจดั ทำเป็นโปรแกรมต่อไป ๕.๗.๔ ชว่ งการพัฒนาเน้ือหาลงบนคอมพิวเตอร์ ในการพัฒนาเนือ้ หาสโู่ ปรแกรมน้ี จะประกอบด้วย ๓ ขั้นตอน คือ ข้นั ท่ี ๑๐ การเรยี กโปรแกรมท่ีจะใช้นำเสนอบทเรยี น ในข้ันน้ี จะเป็นการคัดเลือกโปรแกรมที่จะใช้ในการพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์โดยแตล่ ะ โปรแกรม ก็มีความสามารถในการสรา้ งงานที่แตกต่างกัน ดังน้ัน ผู้พัฒนา บทเรียนจึงควรเลือกโปรแกรมที่จะนำมา สร้างโดยพิจารณาโปรแกรมทีเ่ หมาะสม และสามารถสนองตอบตอ่ ความต้องการได้ โปรแกรมทใ่ี ชน้ ำเสนอบทเรียน สามารถแบ่งเป็น ๒ ประเภทใหญๆ่ คือ ๑. โปรแกรมชว่ ยสรา้ งบทเรยี นคอมพิวเตอรแ์ บบสำเรจ็ รปู เป็นโปรแกรมท่ีออกแบบ มาสำหรับช่วยสร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะ ข้อดี คอื ใชง้ านง่าย และสามารถรองรับส่อื มัลติมเี ดยี ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิ-ภาพ ขอ้ ดอ้ ย คอื ไมเ่ หมาะกบั งานทส่ี ลบั ซับซอ้ น ๒.โปรแกรมภาษาคอมพวิ เตอรท์ ัว่ ๆไป เช่น ภาษาซี ภาษาแอส-แซมบลี ภาษาปาลคาล เปน็ ตน้ ขอ้ ดี คอื สามารถสร้างบทเรียนทส่ี ลบั ซับซอ้ นได้ดี ขอ้ ด้อย คอื ใชง้ านยากผ้ใู ชต้ ้องมคี วามชำนาญดา้ นการเขียนโปรแกรมมาก
นวตั กรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๖๕ ขน้ั ท่ี ๑๑ การพัฒนาและจัดเตรียมส่ือทีจ่ ะใชป้ ระกอบบทเรยี น ขนั้ ตอนนี้ จำเป็นตอ้ งใชใ้ นการผลิตบทเรียน ส่ือตา่ งๆ ท่ีจะต้องเตรยี ม ได้แก่ ภาพนิง่ ภาพเคล่ือนไหว เสยี ง ภาพกราฟกิ ต่างๆ เมื่อทำการผลิตสอื่ ตา่ งๆ เรยี บรอ้ ยแล้ว กท็ ำการบนั ทึกเป็นไฟลไ์ ว้ และจดั เก็บแยกเป็นแฟ้มๆ ไว้ เพือ่ ให้สามารถเรียกใช้ได้สะดวก ข้นั ที่ ๑๒ นำขอ้ มูลเนื้อหาลงโปรแกรม หลงั จากเตรียมทุกอย่างแล้ว กจ็ ะนำขอ้ มลู เนื้อหาท่ีพัฒนาไวบ้ นกรอบ การสอนจัดลง โปรแกรม พร้อมสอื่ ต่างๆ ท่ีได้จัดเตรียมไว้ ในการลงโปรแกรมน้ัน ผดู้ ำเนินการจะต้องทำด้วยความประณตี ในระหวา่ งทำ ควร ตรวจสอบสื่อต่างๆ และลำดับการนำเสนอเน้ือหาวา่ ถูกต้องตามกรอบการสอนทไ่ี ด้ออกแบบไว้รวมท้ัง ลำดับการ เช่อื มโยงของเน้ือหา ๕.๗.๕ ชว่ งการประเมินผลบทเรียน ช่วงการประเมินผลบทเรียน เปน็ ขั้นตอนสุดทา้ ยของการพัฒนาบทเรยี น นบั เป็นขน้ั ตอนท่สี ำคัญ และข้ันท่ีขาดไม่ได้ในกระบวนการวิจยั เชิงพัฒนา เพราะเปน็ การตรวจสอบผลการวิเคราะหแ์ ละการออกแบบ วา่ จะใช้ ได้ผลตามท่ีต้ังเป้าไว้หรือไม่ ในการประเมินผลบทเรียน ทีไ่ ดพ้ ัฒนาขน้ึ จะประกอบดว้ ย ๔ ขน้ั ตอน คือ ขน้ั ท่ี ๑๓ การตรวจสอบคณุ ภาพมัลติมีเดยี ของบทเรียน ขน้ั ตอนน้ี เปน็ การตรวจสอบคณุ ภาพมัลติมีเดียของบทเรยี นคอมพิวเตอร์ ท่ีสรา้ งเสร็จแล้ว โดยให้ผู้เชี่ยวชาญทางดา้ นมัลติมีเดียเป็นผตู้ รวจสอบ ซ่งึ อาจจะตรวจสอบสอ่ื ต่างๆ เชน่ สีของตัวอักษร และสขี องพ้ืน หลังเหมาะสมหรือไม่ การออกแบบหน้าจอ รวมท้งั การเช่ือมโยงของกรอบการสอนในแต่ละกรอบ ภาย หลังจากการ ตรวจสอบคณุ ภาพเรียบร้อยแลว้ นำมาปรบั ปรุงให้สมบรู ณ์ กจ็ ะไดบ้ ทเรียนทพ่ี ร้อมจะนำไปทดลองหาประสทิ ธภิ าพ ตอ่ ไป ขั้นท่ี ๑๔ การทดลองกระบวนการการทดสอบหาประสิทธภิ าพ ขนั้ ตอนน้ี เปน็ การทดลองขั้นตอน หรอื กระบวนการในการหาประสิทธิ-ภาพก่อนที่จะหา ประสิทธภิ าพจรงิ โดยการนำกลมุ่ เป้าหมาย จำนวนประมาณ ๑๐ คน ทำการทดลองในขณะทดลองหาประสิทธิภาพ นัน้ กเ็ ก็บข้อมูลต่างๆ เอาไว้ ซึง่ ข้อมูลเหล่านัน้ จะเป็นประโยชน์ในการหาประสทิ ธภิ าพจริง แตห่ ากปัญหาใด ท่ีตอ้ ง แกไ้ ข เช่น การส่อื สารระหว่างบทเรียนกบั ผเู้ รยี นก็แก้ไขขอ้ มลู นั้น ให้เรียบรอ้ ยก่อนท่ีจะนำไปทดสอบหาประสิทธภิ าพ จรงิ ขน้ั ท่ี ๑๕ การทดลองหาประสิทธภิ าพของบทเรียนและประสิทธิผลทางการเรยี น ขน้ั ตอนนี้ เปน็ การทดลองหาประสิทธิภาพของบทเรยี น และประสทิ ธิผลทางการเรยี น ซึ่งจะ ใชก้ ลมุ่ ตัวอยา่ งเป้าหมาย ไม่นอ้ ยกว่า ๓๐ คน มาทำการทดสอบหาประสทิ ธภิ าพของบทเรียน บทเรยี นท่ดี จี ะมีคา่ ประสทิ ธิภาพในกระบวนการเรยี นจะใกล้เคยี งกับคา่ ประสิทธิภาพหลังการเรยี น (E๑ / E๒) และค่าประสิทธผิ ล (Epost - Epre) ควรจะมคี า่ สงู กวา่ ๖๐ หากได้ผลตามเปา้ หมาย ท่ีต้ังไว้ ถอื ว่าบทเรียนนน้ั ใช้ได้ แตถ่ า้ หากไมเ่ ป็นไปตามท่ี ต้องการ ก็จะต้องนำไปปรับ-ปรุงแก้ไขให้ไดผ้ ลตามที่ต้องการ
นวตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศทางพระพทุ ธศาสนา ๖๖ ข้นั ท่ี ๑๖ จัดทำค่มู ือการใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน หลงั จากผลิตบทเรียนเสรจ็ แล้ว จะต้องทำคมู่ ือการใชบ้ ทเรียน เพื่อใชป้ ระกอบ การเรียน หรอื หากมีปัญหาสงสยั ก็สามารถท่ีจะเปิดดูไดจ้ ากคู่มือนี้ คู่มอื จะเป็นจุดเริม่ ต้นท่ที ำใหผ้ ู้เรยี นเข้าหาบทเรยี น คอมพิวเตอรช์ ่วยสอน ไดส้ ะดวก และถูกต้อง ภายในคู่มือนั้น จะประกอบด้วยหัวข้อ ดงั นี้ ๑. บทนำ ๒. เปา้ หมายของบทเรียน ๓. อปุ กรณท์ ่ใี ชง้ าน ๔. การติดตง้ั โปรแกรม ๕. การกำหนดหน้าจอคอมพิวเตอร์ ๖. การเร่ิมเขา้ บทเรียน ๗. ขอ้ มูลเสริมท่คี วรทราบ ๘. ขอ้ ควรระวังในการใช้งาน ๙. ข้อมูลผพู้ ัฒนาบทเรียน ๑๐. วนั ทเี่ ผยแพร่ ๕.๗.๕ ทดสอบและปรบั ปรงุ แก้ไข ๑. นำบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนไปใช้กับกลุ่มตัวอย่าง เพื่อทดสอบการส่ือความหมายและหา ขอ้ บกพร่องของบทเรยี นเพ่ือนำไปแก้ไขปรบั ปรงุ ๒. ปรับปรงุ แก้ไข ๓. เปรียบเทียบคะแนนการทดสอบกอ่ นเรยี นและหลงั เรียน ๕.๘ การประยุกต์ใชค้ อมพิวเตอร์ช่วยสอน การนำคอมพิวเตอร์ช่วยสอนมาใชง้ าน สามารถทำไดห้ ลายลักษณะ ได้แก่ ๑. ใชส้ อนแทนผสู้ อน ท้งั ในและนอกห้องเรียน ทงั้ ระบบสอนแทน บททบทวน และสอนเสรมิ ๒. ใช้เปน็ สอ่ื การเรียนการสอนทางไกล ผา่ นส่อื โทรคมนาคม เชน่ ผ่านดาวเทียม เปน็ ตน้ ๓. ใชส้ อนเน้อื หาท่ซี ับซ้อน ไมส่ ามารถแสดงของจรงิ ได้ เช่น โครงสร้างของโมเลกุลของสาร ๔. เป็นสื่อสอนวิชาที่อันตราย โดยการสร้างสถานการณ์จำลอง เช่น การสอนขับเครื่องบิน การ ควบคมุ เครอื่ งจักรขนาดใหญ่ ๕. เป็นส่ือแสดงลำดับข้ัน ของเหตุการณ์ท่ีต้องการให้เห็นผลอย่างชัดเจน และช้า เช่น การทำงาน ของมอเตอรร์ ถยนต์ หรือหวั เทียน ๖. เปน็ สอื่ ฝึกอบรมพนักงานใหม่ โดยไมต่ อ้ งเสยี เวลาสอนซำ้ หลายๆ หน ๗. สรา้ งมาตรฐานการสอน
นวตั กรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางพระพทุ ธศาสนา ๖๗ ๕.๙ คอมพิวเตอร์ชว่ ยสอนบนเวบ็ CAI on Web จัดได้ว่าเป็นโฉมหน้าใหม่ของการสร้างส่ือการเรียนการสอนด้วยคอมพิวเตอร์ โดยการนำเอา เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์มาผสมผสานกับเทคโนโลยีการศึกษา และเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต มีลักษณะเฉพาะ คือ มี ความสามารถในการนำเสนอขอ้ มูลผา่ นระบบ World Wide Web ซึ่งมจี ดุ เดน่ ดังนี้ ๑. The Web is a Graphical Hypertext Information System การนำเสนอข้อมูลผ่านเว็บ เป็นการ นำเสนอด้วยขอ้ มลู ทีส่ ามารถเรียกหรือโยงไปยังจดุ อน่ื ๆ ในระบบกราฟิก ซึ่งทำให้ขอ้ มูลน้ันๆ มจี ุดดงึ ดูดใหน้ ่า เรยี กดู ๒. The Web is Cross-Platform ข้อมูลบนเว็บไม่ยึดติดกับระบบปฏิบัติการ เน่ืองจากข้อมูลน้ันๆ ถูกจัดเก็บ เป็น Text File ดังน้ัน ไม่ว่าจะถูกเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ท่ีใช้ระบบปฏิบัติการ เป็น Unix หรือ Window NT กส็ ามารถเรียกดจู ากคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัตกิ ารตา่ งจากคอมพวิ เตอร์ทเ่ี ป็นเครื่องแม่ข่ายได้ ๓. The Web is Distributed ข้อมูลในเครือขา่ ยอินเทอร์เนต็ มีปริมาณมากจากทั่วโลก และผูใ้ ช้จากทุกแห่งหน ท่สี ามารถต่อเข้าระบบอินเทอรเ์ นต็ ได้ ก็สามารถเรียกดขู ้อมลู ได้ตลอดเวลา ดังน้ันข้อมูลในระบบอนิ เทอรเ์ น็ต จึงสามารถเผยแพร่ไดร้ วดเรว็ และกวา้ งไกล ๕.๑๐ ซอฟตแ์ วรเ์ ครอ่ื งมอื สร้าง CAI การพัฒนา CAI on Web มีจุดเด่นกว่าการพัฒนา CAI ในรูปแบบปกติ ก็คือ โปรแกรมท่ีนำมาใช้งาน สามารถหาได้ฟรี หรือลงทุนไม่สูงมาก เม่ือเทียบกับการพัฒนาในรูปแบบปกติ เช่น โปรแกรมสร้างส่ือที่มีขาย ก็มี ราคาสงู ถงึ ๑ แสนบาทเปน็ ต้นไป โดยสามารถแบง่ ประเภทของโปรแกรมที่นำมาใช้ในการพฒั นา CAI ได้ดังนี้ ๑. โปรแกรมสร้างงานกราฟิก มีทั้งที่ให้ดาวน์โหลดฟรี เช่น Paint Shop หรือที่ต้องซื้อมาใช้งาน Adobe Photoshop , Corel Draw ๒. โปรแกรมสรา้ งภาพเคลอ่ื นไหว เช่น Xara๓D , Cool๓D , Adobe Premirer , SnagIT , ๓D-Sudio Max ๓. โปรแกรมสร้างสื่อ ได้แก่ ภาษา HTML, JavaScript, Java, PHP, ASP, Perl, HTML Generator การเลือก โปรแกรมในการพฒั นานี้ จะต้องคำนึงถึงองค์ประกอบสำคญั บางประการ ดงั น้ี กล่มุ เป้าหมาย ถ้ากลุม่ เปา้ หมายเป็นเดก็ จะต้องเนน้ ภาพกราฟกิ เปน็ พิเศษ ดังนน้ั ควรเลือก โปรแกรมท่เี น้นสร้างภาพ ๓ มิติ หรือภาพเคลื่อนไหว ในขณะที่ถา้ กลุ่มเป้าหมายเปน็ นักศึกษา อาจจะตอ้ งเน้นเนือ้ หา เปน็ พเิ ศษ มสี ว่ นโต้ตอบและสามารถจำลองสถานการณต์ ่างๆ ได้ ดังนั้น โปรแกรมท่ีเลือกใช้ ก็ควรเป็นภาษาคอมพิวเตอร์ระดับสูง ลักษณะของส่ือเนื่องจากส่ือ CAI มีหลาย ประเภท ดังน้ันการกำหนดประเภทของส่ือตั้งแต่แรกจะช่วยให้สามารถเลือกโปรแกรมได้ถูกต้อง เช่น ถ้าต้องการ พัฒนาส่ือ CAI ในลักษณะ “บทเรียนทบทวน” ก็สามารถใช้โปรแกรมภาษา HTML สร้างสื่อได้เลย โดยไม่ต้องลงถึง Web Programming แต่ถ้าสื่ออยู่ในรูปของ “Testing” หรือ Simulator ก็จำเป็นต้องศึกษา Java เพ่ือนำ Java มา ใช้งาน เปน็ ต้น เคร่ืองท่ีจะนำไปใช้งาน หากเครื่องท่ีจะนำไปใช้งานมี Spec ต่ำอาจจะมีปัญหาได้ ตลอดถึงหากยังไม่มีการ ต่อระบบอินเทอร์เน็ต ก็จะประสบปัญหาได้เช่นกัน ทั้งน้ีมีวิธีแก้ไขคือ สร้างสื่อ CAI ที่มีสองลักษณะ ได้แก่ส่ือแบบ
นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางพระพทุ ธศาสนา ๖๘ Full Multimedia และส่ือแบบปกติ เช่น ถ้ามีการสร้างภาพเคลื่อนไหว ส่ือแบบ Full Multimedia ก็อาจจะใช้ ภาพเคลื่อนไหวแบบ AVI มานำเสนอ ในขณะที่ส่ือแบบปกติก็อาจจะใช้ GIF animation มานำเสนอ ท้ังน้ีไม่ถือว่า เป็นการสร้างงานเพิม่ ขน้ึ เพราะโปรแกรมท่ีใชส้ รา้ งภาพเคลอื่ นไหว ต่างก็สามารถบนั ทึกได้ท้ังฟอร์แมต AVI และ GIF animation ระบบปฏิบัติการของเครอ่ื งแม่ข่าย เน่อื งจา ก CAI on Web จะต้องเผยแพร่เคร่ืองข่ายอินเทอร์เนต็ ซ่ึงต้อง อาศัยเคร่ืองแม่ข่าย ดังน้ันก่อนท่ีจะเลือกโปรแกรมใดๆ มาใช้ในการสร้างส่ือ ควรจะต้องศึกษาถึงความเข้ากันได้ของ โปรแกรม และระบบปฏิบัตกิ ารของเคร่ืองแม่ข่ายกอ่ น เช่น ถา้ ระบบปฏิบตั กิ ารของเครอื่ งแม่ขา่ ยเป็น Unix ควรเลอื ก ภาษา PHP หรือ Perl ในการสร้างระบบโต้ตอบกับผใู้ ช้ และถ้าระบบปฏิบัติการเป็น Window Nt ก็สามารถเลือกใช้ ASP หรือ VB Script ไดเ้ ปน็ ต้น โปรแกรมแสดงผล เช่นเดยี วกับหัวข้อระบบปฏบิ ัตกิ ารของเครื่องแม่ขา่ ย ก่อนท่ีจะพฒั นาส่อื เป็นภาษาท่ียัง ไม่ตาย คือ มีการพัฒนาคำส่ังใหม่ๆ อยู่เรื่อยๆ และโปรแกรมเบราเซอร์ก็มีการพัฒนาการรู้จักคำส่ัง HTML แตกต่าง กันออกไป ก่อนท่ีพัฒนาส่ือควรประเมินก่อนว่าผู้เรียนส่วนมากมีโปรแกรม เบราเซอร์ค่ายไหน รุ่นไหน ใช้งานมาก ท่ีสุด เพื่อให้การแสดงผลบทเรียนได้ผลลัพธ์ท่ีถูกต้องที่สุดการแสดงผลภาษาไทย เนื่องจากภาษาไทย ยังเป็นปัญหา ใหญใ่ นการแสดงผลผา่ นเว็บ ดังนน้ั ผพู้ ฒั นาสือ่ จำเปน็ ต้องทราบเกย่ี วกับปญั หา และวิธีการป้องกันก่อนทจ่ี ะเกิดปัญหา สรุปทา้ ยบท แม้ว่าบทเรียนคอมพิวเตอรช์ ว่ ยสอนหรือ CAI ทมี่ ีทั้งรูปแบบเตม็ เนื้อหาหลักสูตร หรอื เนื้อหาเฉพาะบางเร่อื ง ของหลกั สูตร ทไี่ ด้ผา่ นยุคเฟ่ืองฟูมาหลายชว่ งปี และมกี ระแสเกาะติดในวงการศึกษาไทยมาอย่างยาวนาน ชว่ งหลงั สุด ปี ๒๕๔๙-๒๕๕๑ เปน็ อีกชว่ งระยะเวลาหนึ่งทก่ี ระแสของ CAI เปน็ ที่นยิ มสงู สดุ เหน็ ได้จากวงการธุรกิจทำสื่อการ สอนด้านโปรแกรม ซ่ึงช่วงเวลา ๒-๓ ปีนั้น CAI ทที่ ำจากโปรแกรม Flash ผสมควบคู่กับโปรแกรมจบั หนา้ จอ เป็นยคุ ทเี่ ฟื่องฟูมากๆ แตใ่ นวงการศึกษา ด้านสื่อการเรียนการสอนจรงิ ๆ โดยเฉพาะ Author ware และ Flash กบั คอ่ ยๆ จางหายไป อนั อาจจะมาจากสาเหตคุ วามยากของตวั โปรแกรม ซง่ึ ปจั จบุ ันแม้ว่าจะมโี ปรแกรมใหม่ๆ มาทดแทน อาทิ Captivate ก็ดูเหมือนว่าครู ยังไมส่ ามารถเข้าถงึ แกน่ แท้ของโปรแกรมนีเ้ ทา่ ใดนัก แตเ่ ช่ือได้วา่ คอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอน อาจจะยงั ไมต่ ายไปจรงิ ๆ สื่อในลักษณะคอมพิวเตอรช์ ว่ ยสอนรปู แบบใหม่ ทมี่ เี นื้อหาเฉพาะเร่อื งสนั้ ๆ ใช้เวลาสร้างไม่ นาน ทชี่ อ่ื ว่า Learning Object จะเข้ามาแทนที่ และถงึ เวลานั้นคอมพวิ เตอรช์ ่วยสอนแบบเตม็ หลกั สูตร อาจกลบั มา อีกครั้ง
นวตั กรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๖๙ เอกสารอ้างองิ ประจำบท การเรยี นรดู้ วั ยคอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอน : [ออนไลน์] CIA . http://mediathailand.blogspot.com/๒๐๑๒/ ๐๔/blog-post.html. สบื ค้นเมื่อ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗. นยั นา เอกบรู ณวัฒน.์ (๒๕๓๙).CAI สือ่ การสอนใหม่ในยุคไฮเทค. วารสาร WATTACHAK COMPUTER. วฒุ ชิ ัย ประสารสอน. “ คอมพิวเตอรช์ ว่ ยสอน” [ออนไลน์] http://www.idis.ru.ac.th/report/index.php?topic= ๓๔๗๖.๐. สืบค้นเม่อื ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗. ศิรชิ ัย นามบรุ .ี (๒๕๔๖).การสร้างบทเรยี นสำเรจ็ รปู ช่วยสอน วชิ าความร้พู น้ื ฐานเก่ียวกบั คอมพิวเตอร์. วทิ ยานพิ นธ์ครศุ าสตร์อตุ สาหกรรมมหาบัณฑติ .(คอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศ). กรงุ เทพฯ : บัณฑิตวทิ ยาลยั มหาวิทยาลัยเทคโนโลยพี ระจอมเกล้าธนบรุ ี. ไพโรจน์ ตรี ณธนากุล, ไพบูลย์ เกียรติโกมล และเสกสรรค์ แยม้ พนิ ิจ.(๒๕๔๖).เทคนิคการสร้างบทเรยี นคอมพิวเตอร์ การสอน.กรงุ เทพฯ: ศนู ยส์ อ่ื เสรมิ กรุงเทพฯ. ไพโรจน์ ตีรณธนากลุ และ ไพบลู ย์ เกยี รติโกมล, (๒๕๔๑). “Creating IMMCAI Package,”วารสารครุศาสตร์ อุตสาหกรรม. ศริ ิชยั สงวนแก้ว, (๒๕๓๔) “แนวทางการพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอน,”วารสาร Computer review, ปีที่ ๘, ฉบบั ที่ ๗๘. สมรัก ปริยะวาท.ี (๒๕๔๔). Authorware ๕.๐ โปรแกรมสร้าง CAI Multimedia.กรุงเทพฯ : ซเี อ็ดยูเคช่นั ,
นวัตกรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศทางพระพทุ ธศาสนา ๗๐ บทท่ี ๖ การใช้เครือข่ายอินเตอร์เน็ต วัตถุประสงคก์ ารเรยี นประจำบท เมอ่ื ได้ศึกษาเนอื้ หาในบทน้แี ล้ว ผศู้ ึกษาสามารถ ๑. ระบุความหมายและความสำคญั ของอินเทอร์เนต็ ได้ ๒. อธิบายบรกิ ารบนอินเตอร์เน็ตและพัฒนาการของ Internet ได้ ๓. บอกความเปน็ มาของอินเทอรเ์ น็ตในประเทศไทยได้ ๔. วิเคราะห์หนว่ ยงานท่มี ีบทบาทสำคัญในอินเทอร์เนต็ ของประเทศไทยได้ ๕. สรุปพระราชบัญญตั วิ า่ ด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกบั คอมพวิ เตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ ได้ ขอบข่ายเน้อื หา • ความหมายและความสำคัญของอนิ เทอรเ์ น็ต • บรกิ ารบนอินเตอร์เนต็ และพฒั นาการของ Internet • ความเปน็ มาของอินเทอร์เนต็ ในประเทศไทย • หน่วยงานท่มี ีบทบาทสำคัญในอินเทอรเ์ นต็ ของประเทศไทย • พระราชบญั ญตั ิว่าด้วยการกระทาความผดิ เกยี่ วกบั คอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐
นวตั กรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางพระพทุ ธศาสนา ๗๑ ๖.๑ ความนำ ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์สามารถแลกเปลยี่ นขอ้ มูล กันได้รวดเรว็ มีการใชท้ รัพยากรร่วมกันโดย ผ่านสายส่อื สาร ซ่งึ เราเรยี กว่า การเช่อื มต่อแบบเครือข่าย (Network) ถ้าต่อเชอื่ มกันใกล้ ๆ ในพน้ื ทเี่ ดยี วกัน เรียกวา่ LAN (Local Area Network) ถ้าการเช่ือมต่อเครือข่ายทางภูมิศาสตรท์ ี่ใหญ่ข้ึนกว่า LAN เรียกว่า MAN (Metropolitan Area Network) ถ้าเช่อื มต่อกันไกล ๆเชน่ ข้ามประเทศเรยี กว่า WAN (Wide Area Network) การดำเนนิ ธรุ กิจในยุคโลกาภิวัตน์ หรอื ยคุ เทคโนโลยสี ารสนเทศนนั้ ขอ้ มูลต่าง ๆ ขององค์กรมี ความสำคัญอยา่ งมากและถือเปน็ หนง่ึ ในทรพั ย์สนิ ท่ีมีค่าทีส่ ุด และถอื เป็นหน่ึงในทรัพยส์ ินทมี่ ีคา่ ทส่ี ดุ สำหรับ การดำเนินธรุ กจิ ในปัจจบุ ัน ซึง่ ผู้บรหิ ารและองค์กรที่เลง็ เหน็ ถึงประโยชน์ จากการใช้เครอื ข่ายเทคโนโลยี สารสนเทศท่ชี าญฉลาดในการส่ือสารข้อมลู ต่าง ๆ อย่างมีประสิทธภิ าพเท่านั้น ที่จะได้พบความสำเรจ็ ในการ เพิ่มประสิทธภิ าพในการทำงาน ตลอดจนสามารถสร้างโอกาสให้กับองค์กรให้มีความได้เปรียบในเชิงธุรกิจ ใน ยุคเศรษฐกิจแบบโลกาภวิ ฒั น์ท่มี กี ารแขง่ ขันกนั สูง และมีการเปลยี่ นแปลงอยา่ งรวดเร็ว การเพิ่มขีดความสามารถและความชาญฉลาดเข้าไปในระบบเครือข่ายอย่างมากมาย ผลท่ีตามมาก็ คอื โครงสร้างพน้ื ฐานในการสื่อสารทีไ่ ดร้ ับการปรับปรุงประสิทธภิ าพสำหรับการส่ือสารท้งั ทางด้านเสียง ภาพ และข้อมูลในระบบเครือข่าย หรอื ถ้าจะพดู ให้งา่ ยเข้าก็อาจจะเรยี กสั้น ๆ ได้ว่าเป็นระบบเครอื ข่ายสารสนเทศ อัจฉริยะ ซ่ึงจะเป็นระบบสารสนเทศที่ประกอบไปด้วยความคล่องตัว ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และ สามารถปรับแต่ง หรือเพิ่มขยายได้โดยทุกส่วนขององค์ประกอบท่ีได้กล่าวมาน้ัน สามารถทำงานร่วมกันได้ อย่างมีประสิทธิภาพ ซ่ึงในเชิงธุรกิจแล้วนั้นจะมีผลกระทบโดยตรงต่อเป้าหมายขององค์กรธุรกิจ จากการที่ ระบบเครอื ข่ายสารสนเทศได้เข้ามาผลักดันให้องค์กรทำงานได้อย่างมี ประสิทธิภาพและย่นระยะเวาลาในการ ดำเนินโครงการตา่ ง ๆ ซ่งึ หมายความวา่ องค์กรน้ัน ๆ จะสามารถปรบั ตัวไดอ้ ยา่ งรวดเร็วตามสภาวะการณ์ ของตลาดในปัจจุบันท่ีมีการ เปล่ียนแปลงอยู่ตลอดเวลา ซ่ึงถือเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเศรษฐกิจในยุค โลกาภิวัฒน์ที่ได้ย่นย่อโลกของ เราให้เล็กลงอย่างท่ีไม่เคยมีใครคาดคิดมาก่อนลักษณะของระบบอินเทอร์เน็ต เป็นเสมือนใยแมงมุม ท่ีครอบคลุมทั่วโลก ในแต่ละจุดที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตนั้น สามารถส่ือสารกันได้หลาย เส้นทาง ตามความต้องการ โดยไม่กำหนดตายตัว และไม่จำเป็นตอ้ งไปตามเส้นทางโดยตรง อาจจะผ่านจุดอ่ืน ๆ หรือ เลือกไปเส้นทางอื่นได้หลาย ๆ เส้นทาง การติดต่อส่ือสาร ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต น้ันอาจ เรียกวา่ การติดตอ่ สอ่ื สารแบบไร้มิติ หรอื Cyberspace ๖.๒ ความหมายของอนิ เทอรเ์ นต็ และประวัติของอินเตอรเ์ น็ต๑ อิน เท อร์เน็ ต (Internet) ย่อมาจากคำว่า International network ห รือ Inter Connection network หมายถึง เครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เช่ือมโยงเครือข่ายระบบคอมพิวเตอร์ทั่วโลก เข้าไว้ ด้วยกัน โดยอาศัยเครือข่ายโทรคมนาคมเป็นตัวเชื่อมโยงด้วย TCP/IP (Transmission Control Protocol / Internet Protocol) เดียวกันเป็นข้อกำหนด เพ่ือให้เกิดการส่ือสารและการแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกัน วิธีการ ๑ เอกสารประกอบการอบรมไมโครซอฟท์ออฟฟศิ และการใชง้ านอนิ เทอรเ์ นต็ เบ้อื งตน้ .comqa.nsru.ac.th/document/internet.pdf
นวัตกรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศทางพระพทุ ธศาสนา ๗๒ ติดต่อส่ือสารระหว่างคอมพิวเตอร์ในระบบเครือข่ายด้วยโปรโตคอลน้ีจะช่วยให้คอมพิวเตอร์ที่มีฮาร์ดแวร์ ท่ี แตกตา่ งกันสามารถตดิ ตอ่ ถงึ กันได้ อินเทอร์เน็ต(Internet) หมายถึง เครือข่ายสื่อสาร ซึ่งเชื่อมโยงกันระหว่างคอมพิวเตอร์ท้ังหมด ท่ี ต้องการเขา้ มาในเครอื ข่าย(http://www.thaiall.com) อินเทอร์เน็ต หมายถึง อินเทอรเ์ น็ต หมายถึง ระบบของการเชื่อมโยงข่ายงานคอมพวิ เตอร์ ขนาดใหญ่ มากครอบคลุมไปทั่วโลก เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้บริการส่ือสารข้อมูล เช่น การบันทึกเข้าระยะไกล การถ่ายโอนแฟ้ม อี-เมล์ และกลุ่มอภิปราย อนิ เทอร์เน็ตเปน็ วธิ ีในการเชือ่ มโยงข่าย งานคอมพิวเตอร์ท่ีมีอยู่ ซ่ึง ขยายออกไปอยา่ งกวา้ งขวางเพื่อการเขา้ ถึงของแตล่ ะระบบทมี่ ีสว่ นร่วมอยู่๒ อินเทอร์เน็ต หมายถึง เครือข่ายคอมพิวเตอร์นานาชาติที่มีสายตรงต่อไปยังสถาบันหรือ หน่วยงาน ต่างๆเพ่ืออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้รายใหญ่ท่ัวโลก ผ่านโมเด็ม (modem) คล้ายกับCompuserve ผู้ใช้ เครือข่ายน้ีสามารถสื่อสารถึงกันได้ทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกศ์ (E-mail) สามารถสืบค้นข้อมูลและสารสนเทศ รวมท้งั คดั ลอกแฟ้มข้อมลู และโปรแกรมบางโปรแกรมมาใชไ้ ด้แตจ่ ะต้องมีเครือข่าย ภายในรับช่วงต่ออกี ทอด หนง่ึ จงึ จะได้ผล๓ อินเทอร์เน็ต หมายถึง เครือข่ายใหญ่ท่ีสุดในโลกซึ่งประกอบด้วยเครือข่ายต่างๆจำนวนมาก ท่ี เช่ือมโยงระบบสื่อสารแบบทีซีพี/ไอพี (TCP/IP) เครือข่ายที่เป็นสมาชิกของอินเทอร์เน็ตเป็นเครือข่ายซ่ึง กระจายอยใู่ นประเทศ ตา่ งๆเกอื บทั่วโลก เครือขา่ ยอนิ เทอร์เน็ตมีชือ่ เรยี กไดอ้ ีกว่า The Net, Cyberspace๔ อินเทอร์เน็ตหมายถึง ระบบเครือข่าย (Network) ท่ีเชื่อมโยงเครอื ข่ายมากมายหลากหลาย เครือข่าย เข้าด้วยกันอินเทอร์เน็ตจึงเป็นแหล่งข้อมูลขนาดใหญ่ที่มีข้อมูลใน ทุกๆด้าน ให้ผู้ที่สนใจเข้าไปค้นคว้าหามา ใชไ้ ด้อยา่ งสะดวกรวดเร็วและง่ายดาย๕ ๖.๓ ความสำคญั ของอนิ เทอร์เนต็ ปัจจุบนั อินเทอรเ์ นต็ มคี วามสำคญั ตอ่ ชวี ติ ประจาวันของคนเรา หลายๆ ดา้ น ท้ังการศกึ ษา พาณิชย์ ธุรกรรม วรรณกรรม และอื่นๆ ดังน้ี ๑.ดา้ นการศึกษา -สามารถใชเ้ ปน็ แหลง่ คน้ ควา้ หาขอ้ มูล ไม่วา่ จะเปน็ ข้อมูลทางวิชาการ ข้อมูลด้านการบนั เทงิ ดา้ นการแพทย์ และอ่ืนๆ ทีน่ ่าสนใจ -ระบบเครือขา่ ยอนิ เทอรเ์ น็ต จะทาหนา้ ทีเ่ สมือนเปน็ ห้องสมุดขนาดใหญ่ -นกั ศึกษาในมหาวิทยาลัย สามารถใช้อินเทอร์เน็ต ตดิ ตอ่ กับมหาวิทยาลยั อ่ืน ๆ เพ่อื ค้นหา ข้อมลู ท่ีกาลังศึกษาอยู่ได้ ทั้งที่ข้อมลู ท่ีเปน็ ข้อความ เสยี ง ภาพเคลื่อนไหวตา่ งๆ เปน็ ตน้ ๒. ดา้ นธุรกจิ และการพาณชิ ย์ -คน้ หาขอ้ มลู ตา่ ง ๆ เพ่ือช่วยในการตัดสินใจทางธุรกจิ -สามารถซื้อขายสินคา้ ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอรเ์ น็ต ๒ กิดานนั ท์ มลทิ อง.เทคโนโลยกี ารศกึ ษาและนวตั กรรม.กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พช์ วนพมิ พ.์ ๒๕๔๐ หนา้ ๓๒๑. ๓ ทกั ษณิ า สวนานนท์. คอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษา. กรุงเทพฯ: องค์การคุรสุ ภา.๒๕๓๙ หน้า ๑๕๗. ๔ วิทยา เรืองพรวิสทุ ธิ.์ คู่มือการเขา้ ส่อู นิ เทอร์เนต็ สำหรบั ผเู้ รม่ิ ต้น. โรงพมิ พเ์ มด็ ทราย ๓๒ พรนิ้ ติง้ .๒๕๓๙ หน้า ๖๐. ๕ สิทธิชยั ประสานวงศ.์ Internet ปฏิบตั ดิ ว้ ย Netscape Communication. กรุงเทพฯ : ซอฟทเ์ พรส.๒๕๔๐ หนา้ ๓.
นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๗๓ -ผใู้ ชท้ ่เี ปน็ บรษิ ัท หรอื องค์กรต่าง ๆ ก็สามารถเปิดใหบ้ ริการ และสนบั สนนุ ลูกคา้ ของตน ผา่ นระบบเครือขา่ ยอินเทอรเ์ นต็ ได้ เช่น การให้คาแนะนา สอบถามปัญหาต่าง ๆ ใหแ้ กล่ ูกคา้ แจกจ่ายตวั โปรแกรมทดลองใช้ (Shareware) หรือโปรแกรมแจกฟรี (Freeware) เป็นต้น ๓. ด้านการบนั เทิง -การพักผ่อนหยอ่ นใจ สนั ทนาการ เช่น การค้นหาวารสารต่าง ๆ ผา่ นระบบเครือขา่ ย อินเทอร์เน็ตท่ีเรยี กว่า Magazine Online รวมทงั้ หนงั สอื พิมพแ์ ละข่าวสารอนื่ ๆ โดยมีภาพประกอบที่ จอคอมพวิ เตอรเ์ หมือนกบั วารสาร ตามรา้ นหนงั สือท่วั ๆ ไป -สามารถฟังวิทยุผา่ นระบบเครือข่ายอนิ เทอรเ์ นต็ ได้ -สามารถดึงข้อมลู (Download) ภาพยนตรต์ วั อย่างทง้ั ภาพยนตร์ใหม่ และเก่า มาดูได้ จากเหตุผลดงั กล่าว พอจะสรุปได้ว่า อนิ เทอรเ์ น็ต มีความสำคัญ ในรปู แบบ ดังน้ี -การประยุกตใ์ ชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศที่ทนั สมยั -การติดต่อสื่อสารทีส่ ะดวก และรวดเร็ว -แหลง่ รวบรวมขอ้ มลู แหลง่ ใหญ่ที่สุดของโลก ๖.๔ บริการบนอนิ เตอรเ์ น็ต ๖.๔.๑ บรกิ ารค้นข้อมลู World Wide Web การนาเสนอข้อมลู ในระบบ WWW (World Wide Web) พัฒนาขึน้ มาในชว่ งปลายปี ๑๙๘๙ โดยทีมงานจากห้องปฏิบัติการทางจุลภาคฟิสิกส์แห่งยุโรป (European Particle Physics Labs) หรือที่รู้จัก กัน ในนาม CERN (Conseil European pour la Recherche Nucleaire) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และได้มี การพัฒนาภาษาที่ใช้สนับสนุน การเผยแพร่เอกสารของนักวิจัย หรือเอกสารเว็บ (Web Document) จาก เครื่องแม่ข่าย(Server) ไปยังสถานท่ีต่างๆ ในระบบ WWW เรียกว่า ภาษา HTML (HyperText Markup Language)การเผยแพร่ข้อมูลทางอินเทอรเ์ น็ต ผ่านส่ือประเภทเว็บเพจ (WebPage) เป็นที่นิยมกันอย่างสูงใน ปัจจุบัน ไม่เฉพาะข้อมูลโฆษณาสินค้า ยังรวมไปถึงข้อมูลทางการแพทย์ การเรียน งานวิจัยต่างๆ เพราะเข้าถึง กลุ่มผู้สนใจได้ทั่วโลก ตลอดจนข้อมูลที่นาเสนอออกไป สามารถเผยแพร่ ได้ทั้งข้อมูลตัวอักษร ข้อมูลภาพ ข้อมูลเสียง และภาพเคล่ือนไหว มีลูกเล่นและเทคนิคการนาเสนอ ที่หลากหลาย อันส่งผลให้ระบบ WWW เติบโตเป็นหนึ่ง ในรูปแบบบริการ ที่ได้รับความนิยมสูงสดุ ของ ระบบอินเทอร์เน็ตลักษณะเด่นของการนาเสนอ ข้อมูลเว็บเพจ คือ สามารถเช่ือมโยงข้อมูลไปยังจุดอื่นๆ บนหน้าเว็บได้ ตลอดจนสามารถเช่ือมโยงไปยังเว็บ อ่ืนๆ ในระบบเครือข่าย อันเป็นท่ีมาของคาว่า HyperText หรือข้อความที่มีความสามารถ มากกว่าข้อความ ปกติน่ันเอง จงึ มีลักษณะคล้ายกับว่าผู้อ่านเอกสารเว็บ สามารถโต้ตอบกับเอกสารน้ันๆ ด้วยตนเอง ตลอดเวลา ที่มีการใชง้ านน่นั เองดว้ ยความสามารถดงั กล่าวข้างตน้ จึงมผี ้ใู หค้ านิยาม Web ไว้ดังนี้ \"World Wide Web as a global, interactive, cross-platform, distributed, graphical hypertext information system that runs over the Internet.\" The Web is a Graphical Hypertext Information System. การนำเสนอข้อมูลผ่านเวบ็ เปน็ การนำเสนอดว้ ยข้อมูล ทสี่ ามารถเรยี ก หรือโยงไปยงั จดุ อ่ืนๆ ในระบบ กราฟิก ซ่งึ ทาใหข้ อ้ มลู นัน้ ๆ มีจดุ ดงึ ดดู ใหน้ า่ เรยี กดู The Web is Cross-Platform. The Web doesn't care about user-interface wars between companies, such as UNIX,
นวัตกรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๗๔ Windows ๓.๑๑, Windows ๙๕, Windows NT, System ๖/๗ of Macintosh. ข้อมูลบนเว็บไม่ยึดติดกับระบบปฏิบัติการ (Operating System : OS) เนื่องจากเป็นข้อมูลนั้นๆ ถูก จัดเก็บเป็น Text File ดังนั้นไม่ว่าจะถูกเก็บไว้ใน คอมพิวเตอร์ที่ใช้ OS เป็น Unix หรือ Windows NT ก็ สามารถเรยี กดจู ากคอมพวิ เตอร์ท่ใี ช้ OS ต่างจากคอมพวิ เตอร์ท่ีเป็นเครือ่ งแม่ขา่ ยได้ The Web is Distributed. The information is distributed globally across thousands of different sites. ข้อมลู ในเครือขา่ ยอินเทอรเ์ น็ต มปี รมิ าณมากจากทัว่ โลก และผ้ใู ช้จากทกุ แห่งหน ที่สามารถต่อเข้า ระบบอนิ เทอร์เนต็ ได้ กส็ ามารถเรียกดขู ้อมูลได้ตลอดเวลา ดงั นนั้ ขอ้ มลู ในระบบอนิ เทอร์เน็ต จึงสามารถ เผยแพรไ่ ด้รวดเร็ว และกวา้ งไกล The Web is interactive. The Web is interactive by nature. การทางานบนเว็บ เป็นการทางานแบบโต้ตอบกบั ผู้ใช้ โดยธรรมชาตอิ ย่แู ล้ว ดงั นน้ั เวบ็ จึงเป็นระบบ Interactive ในตัวมนั เอง เร่ิมตง้ั แตผ่ ้ใู ช้เปิดโปรแกรมดูผลเวบ็ (Browser) พิมพช์ ื่อเรียกเวบ็ (URL : Uniform Resource Locator) เมอื่ เอกสารเว็บแสดงผลผ่านบราวเซอร์ ผ้ใู ชก้ ็สามารถคลิกเลือกรายการ หรือขอ้ มลู ท่ี สนใจ อนั เปน็ การทางานแบบโต้ตอบไปในตวั นน่ั เองการใช้โปรแกรมประเภทน้ี จะต้องมโี ปรแกรมลูก หรอื Browser ท่สี ามารถทาใหผ้ ูใ้ ช้ สามารถมองเหน็ ภาพหรือขอ้ มูลแบบตา่ งๆ โปรแกรมประเภทนี้ได้แก่ MS Internet Exploror, Mosaic, Netscape, Cello เป็นต้น ๖.๔.๑ ไปรษณยี อ์ ิเลก็ ทรอนิกส์ (Electronic Mail or E-mail) ไปรษณยี ์อิเลก็ ทรอนิกส์ หรอื เรียกยอ่ ๆ วา่ E - Mail เปน็ วิธีการตดิ ต่อสื่อสารกนั บน Internet ทเ่ี ปน็ มาตรฐานและเกา่ แก่ทส่ี ดุ โดยทส่ี ามารถจะส่งเอกสารท่เี ป็นข้อความธรรมดาจนถึงการส่งเอกสาร แบบมลั ติมิ เดีย มีทั้งภาพและเสยี ง ไปรอบโลก ในการใหบ้ ริการแบบนี้ ผู้ท่ีต้องการสง่ และรับจดหมาย อเี ล็กทรอนิกส์ จะตอ้ งมีบญั ชกี ารใช้บริการท่ีแน่นอน ซงึ่ เรยี กวา่ E-Mail Address คล้ายๆ กบั ชื่อ-นามสกลุ และที่อยู่นน่ั เอง ๖.๔.๒ Social Network Social Network คือเว็บไซตท์ เี่ ชอื่ มโยงผู้คนไวด้ ้วยกนั ผา่ น Internet ซง่ึ เปน็ เว็บไซตช์ ่วยให้คุณหา เพือ่ นบนโลกอินเตอร์เนต็ ได้ง่ายๆ เราสามารถท่ีจะสรา้ งพืน้ ทสี่ ่วนตวั ขน้ึ มา เพื่อแนะนาตัวเองได้ โดยเลือกได้วา่ ตอ้ งการร้จู กั กับใคร หรือเปน็ เพ่ือนกบั ใคร ก็ได้ ตัวอย่าง Social Network เช่น Hi๕, Facebook,Space.com, twitter เป็นตน้ ประโยชนข์ อง Social Network Social Network มจี ุดเดน่ หลัก คอื ช่วยเร่อื งการส่ือสารให้มปี ระสทิ ธิภาพ สอ่ื สารไดใ้ นวงกวา้ ง ได้ หลายรูปแบบ เชน่ ข้อความ รูปภาพ วิดโี อ ในเชิงการใช้งานท่ัวไปแล้ว สามารถส่ือสารกบั คนท่มี ีความช่ืนชอบ ในเรื่องเดยี วกนั แลกเปลยี่ นความคิดเห็น หรอื รวมตวั กนั ทากิจกรรมที่มีประโยชน์ นอกจากน้ียงั เป็นแหลง่ พบปะเพ่ือน ที่ไม่เคยเจอกันนานแล้ว หรอื เพือ่ นท่ีอยู่ไกลกนั ได้อีกด้วย และดว้ ยความท่ี Social Network เข้าถึงกลมุ่ เปา้ หมายได้รวดเร็วและเปน็ ชอ่ งทางการส่ือสารไดต้ ลอดเวลา ด้วยเหตนุ จ้ี ึงมกี ารนำมาใชท้ างด้าน ธุรกจิ โปรโมทตนเอง โปรโมทสินคา้ องค์กร หรือบรษิ ัท รวมถึงใช้เป็นชอ่ งทางสร้าง ความสมั พนั ธก์ ับลูกค้า สร้างกิจกรรม หรือพูดคุยตอบข้อซักถามถึงสนิ ค้าและบรกิ าร ทาใหเ้ รามีอกี ช่องทางใน การสื่อสารกับลูกค้าได้
นวตั กรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๗๕ ๖.๕ พัฒนาการของ Internet ปี พ.ศ. ๒๕๐๐ (๑๙๕๗) โซเวียตได้ปล่อยดาวเทียม Sputnik ทาให้ สหรัฐอเมริกา ได้ตระหนักถึง ปัญหาท่ีอาจจะเกิดข้ึน ดังนั้น ค..ศ. ๒๕๑๒ (๑๙๖๙) กองทัพสหรัฐต้องเผชิญหน้ากับความเส่ียงทางการทหาร และความเปน็ ไปไดใ้ นการถูกโจมตี ด้วยอาวธุ ปรมาณู หรอื นิวเคลยี ร์ การถูกทาลายลา้ ง ศนู ย์คอมพิวเตอร์ และ ระบบการส่ือสารข้อมูล อาจทาให้เกิดปัญหาทางการรบ และในยุคน้ี ระบบคอมพิวเตอร์ ที่มีหลากหลาย มากมายหลายแบบ ทาให้ไม่สามารถแลกเปล่ียนข้อมูล ข่าวสาร และโปรแกรมกันได้ จึงมีแนวความคดิ ในการ วิจัยระบบท่ีสามารถ เช่ือมโยงเคร่ืองคอมพิวเตอร์ และแลกเปล่ียนข้อมูล ระหว่างระบบที่แตกต่างกันได้ ตลอดจนสามารถรับส่งข้อมูลระหว่างกัน ได้อย่างไม่ผิดพลาด แม้ว่าคอมพิวเตอร์บางเคร่ือง หรือสายรับส่ง สัญญาณ เสียดายหรือถูกทาลาย กระทรวงกลาโหมอเมรกิ ัน (DoD = Department of Defense) ได้ใหท้ ุนทม่ี ี ช่ือว่า DARPA (Defense Advanced Research Project Agency) ภ ายใต้การควบคุมของ Dr. J.C.R. Licklider ได้ทาการทดลอง ระบบเครือข่ายที่มีชื่อว่า DARPA Network และต่อมาได้กลายสภาพเป็น ARPANet (Advanced Research Projects Agency Network) และตอ่ ไดม้ าพัฒนาเปน็ INTERNET การเรม่ิ ต้นของเครอื ข่ายนี้ เริ่มในเดอื น ธนั วาคม ๒๕๑๒ (๑๙๖๙) จานวน ๔ มหาวทิ ยาลัย ไดแ้ ก่ ๑.มหาวทิ ยาลยั ยูทาห์ ๒.มหาวทิ ยาลัยแคลฟิ อรเ์ นยี ทซี่ านตาบาบารา ๓.มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนยี ที่ลอสแองเจอลิส ๔.สถาบันวิจยั ของมหาวิทยาลัยสแตนฟอรด์ และขยายต่อไปเร่ือยๆ เป็น ๕๐ จุดในปี พ.ศ. ๒๕๑๕ จนเป็นหลายล้านแห่งท่ัวโลกทีเดียวงานหลัก ของเครือข่ายนี้ คือ การค้นคว้าและวิจัยทางทหาร ซ่ึงอาศัยมาตรฐานการรับส่งข้อมูลเดียวกัน ที่เรียกว่า Network Control Protocol (NCP) ทาหน้าท่ีควบคุมการรับส่งข้อมูล การตรวจสอบความผิดพลาดในการส่ง ข้อมูล และตัวกลางที่เช่ือมต่อคอมพิวเตอร์ทุกเคร่ืองเข้าด้วยกัน และมาตรฐานน้ีก็มีจุดอ่อนในการขยายระบบ จนต้องมีการพัฒนามาตรฐานใหม่ พ.ศ. ๒๕๒๕ ได้มีมาตรฐานใหม่ออกมา คือ Transmission Control Protocol/Internet Protocol (TCP/IP) อันเป็นก้าวสำคัญของอินเทอร์เน็ต เนื่องจากมาตรฐานนี้ทาให้คอมพิวเตอร์ต่างชนิดกัน สามารถ รับส่งข้อมูลไปมาระหว่างกันได้ เปรียบเสมือนเป็นหัวใจของอินเทอร์เน็ตเลยก็ว่าได้จากระบบปฏิบัติการ คอมพิวเตอร์ ที่มีอยู่ในยุคน้ัน ไม่สามารถตอบสนองการส่ือสารได้ บริษัทเบลล์ (Bell) ได้ให้ทุนการศึกษาแก่ ห้องทดลองที่มีชื่อเสียงท่ีสุดแห่งหน่ึง ในสมัยต่อมา คือ Bell's Lab ให้ทดลองสร้างระบบปฏิบัติการแห่ง อนาคต (ของคนในยุคน้ัน) เดนนสิ ริสซี และ เคเน็ต ทอมสัน ได้ออกแบบ และพัฒนาระบบที่มีชอื่ ว่า UNIX ขึ้น และแพร่หลายอย่างรวดเร็ว พร้อมๆ กับการแพร่หลายของระบบ Internetเน่ืองจากความสามารถ ในการ สื่อสารของ UNIX และมกี ารนา TCP/IP มาเปน็ ส่วนหน่ึงของระบบปฏิบัติการน้ีดว้ ย พ.ศ. ๒๕๒๙ มลู นธิ ิวทิ ยาลยั ศาสตรแ์ ห่งชาติ สหรัฐอเมรกิ า (National Science Foundation - NSF) ได้วางระบบเครือขา่ ยขึ้นมาอีกระบบเรียกวา่ NSFNet ซง่ึ ประกอบด้วยซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ ๕ เครื่องใน ๕ รัฐ เชอื่ มต่อเพ่ือประโยชน์ทางการศกึ ษาและคน้ คว้าทางวทิ ยาศาสตร์ และมีการใชม้ าตรฐานTCP/IP เปน็ มาตรฐาน หลักในการรบั ส่งข้อมลู สง่ ผลใหก้ ารใชง้ านเครือข่ายเปน็ ไปอย่างรวดเรว็ หลังจากนนั้ ก็มเี ครอื ข่ายอื่นๆ เกิด ขึ้นมาเชน่ UUNET, UUCP, BitNet, CSNet เป็นตน้ และต่อมาไดเ้ ชื่อมตอ่ กนั โดยมี NSFNet เปน็ เครอื ขา่ ย หลักซง่ึ เปรยี บเสมือนกระดกู สันหลงั ของเครือขา่ ย(Backbone)
นวตั กรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางพระพทุ ธศาสนา ๗๖ ในปี พ.ศ. ๒๕๓๐ เครือข่าย ARPANET ไดร้ วมกบั NSFNET และลดบทบาทตวั เองลงมา เปลี่ยนไปใช้ บทบาทของ NSFNet แทน และเลิกระบบ ARPANET ในปี พ.ศ. ๒๕๓๔ ในปัจจุบนั Internet เป็นการตอ่ โยงทางตรรกะ (Logic) ของระบบคอมพิวเตอรน์ ับลา้ น ๆ เคร่อื ง และโยงกับระบบ Wide Area Network (WAN) ต่างๆ เชน่ MILNET, NSFNET, CSNET, BITNET หรือแม้แต่ เครอื ข่ายทางธรุ กิจ เช่น IBMNET, Compuserve Net และอน่ื ๆ ภายใต้โปรโตคอล ทมี่ ชี ื่อวา่ TCP/IP โดยท่ี ขนาดของเครือข่าย ครอบคลุมไปทัว่ โลก รวมท้ังประเทศไทย และมกี ารขยายขอบเขตออกไป อยา่ งไม่หยุดย้งั ระบบ Internet เป็นการนาเครือข่ายขนาดใหญ่ท่ีสดุ ของโลก ทม่ี กี ารต่อเสมือนกบั ใยแมงมมุ หรอื World Wide Web หรือเรียกย่อๆ ว่า WWW (มีการบัญญตั ิศัพท์วา่ เครือข่ายใยพภิ พ) ในระบบนี้เราสามารถ เปรยี บเทียบ Internet ได้ สองลักษณะคอื ลักษณะทางกายภาพ และทางตรรกะ ในทางกายภาพ(Physical) นั้น Internet เป็นเครือข่ายทร่ี บั อิทธิพลจาก เครอื ข่ายโทรศพั ท์โดยตรง ในสหรัฐอเมริกาบริษัทท่ีเป็นผู้ ให้บรกิ าร Internet กเ็ ปน็ บรษิ ทั ท่ที าธรุ กิจ ทางโทรศัพท์ เชน่ MCI, AT&T, BELL เป็นต้นและอีกลักษณะหนึง่ ท่ีเป็นความเดน่ ของระบบ คือลักษณะทางตรรกะ หรือ LOGICAL CONNECTION ทเ่ี ปน็ เสมอื นใยแมงมุม ครอบคลุมโลกไว้ ๖.๖ อินเทอร์เนต็ ในประเทศไทย ปี พ.ศ. ๒๕๒๙ อาจารย์กาญจนา กาญจนสตุ ๖ จากสถาบนั เทคโนโลยีแหง่ เอเซยี (AIT) ร่วมกบั อาจารย์โทโมโนริ คมิ รู ะ จากสถาบนั เดียวกัน รว่ มสรา้ งเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์ โดยอาศัยโมเด็ม NEC ความเร็ว ๒๔๐๐ Baud ๑.เครื่องคอมพิวเตอร์พีซี NEC ๒.สายโทรศัพท์ทองแดงโดยเครือข่ายท่ีได้ ว่งิ ดว้ ยความเร็ว ๑๒๐๐-๒๔๐๐ Baud และมเี สียงดงั มาก ไดป้ รับเปลยี่ นไปใชบ้ ริการไทย-แพคของการส่ือสารแห่งประเทศไทย ซึ่งใช้เทคโนโลยี X.๒๕ ผา่ นการหมุนโทรศัพท์ไปยังศูนย์บรกิ ารของการส่ือสารแหง่ ประเทศไทย ทำการรบั สง่ อเี มล์กบั มหาวทิ ยาลยั โตเกียว และมหาวิทยาลยั เมลเบริ น์ โดยใชโ้ ปรแกรม UUCP ตลอดจนส่งอีเมลไ์ ปยัง บริษัท UUNET ที่เวอร์จิเนียสหรฐั อเมรกิ า และนำมาใช้กบั งานของอาจารย์ และงานสอนนักศึกษาในเวลา ต่อไปนับได้ว่า อาจารยก์ าญจนา กาญจนสุต เปน็ บุคคลแรกท่ีเร่ิมใชจ้ ดหมายอเิ ล็กทรอนิกส์รายแรกของ ประเทศไทย หลังจากน้ันได้มคี วามร่วมมือระหวา่ งรฐั บาลออสเตรเลยี ภายใตโ้ ครงการ The International Development Plan (IDP) ไดใ้ ห้ความชว่ ยเหลือกบั มหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์ (มอ.) จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลยั และสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเซยี พฒั นาเครือข่ายคอมพิวเตอรไ์ ทยขนึ้ มา ในปี พ.ศ. ๒๕๓๑ โดย ใหม้ หาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และสถาบนั เทคโนโลยแี หง่ เอเซีย มหี น้าท่ีเปน็ ศูนยก์ ลางของประเทศไทย ใน การเชอื่ มโยงไปทเ่ี คร่ืองแมข่ า่ ย ของมหาวทิ ยาลัยเมลเบริ ์น และต้ังช่อื โครงการน้วี ่า TCSNet – Thai Computer Science Network โดยมีการตดิ ต่อผา่ นเครอื ข่ายวนั ละ ๒ คร้ัง จ่ายคา่ ใชจ้ ่ายปีละ ๔ หมืน่ บาท และใช้ซอฟต์แวร์ SUNIII ซงึ่ เป็นระบบปฏิบตั กิ าร UNIX ประเภทหนึ่ง ที่แพร่หลายในเครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์ ของออสเตรเลีย (Australian Computer Science Network - ACSNet) ซอฟตแ์ วร์ SUNIII เป็นโปรแกรม UNIX ที่สามารถรับส่งข้อมูลไปกลบั ได้เลยในการตดิ ต่อคร้งั เดียวประกอบด้วยเครือขา่ ยการส่งข้อมลู ระบบ Multiple Hops ทาให้แตกต่างจาก UUCP ตรงที่ผใู้ ช้ไม่ต้องใสค่ ำส่งั และบอกที่อยู่ของจุดหมายปลายทางผา่ น ระบบทางไกล เพราะเครือขา่ ย SUNIII สามารถหาทอ่ี ย่ขู องปลายทาง และสง่ ข้อมูลได้เอง โปรแกรมนี้ทำงานได้ ดีท้ังกับสายเชา่ แบบถาวร (Dedicated Line) สายโทรศัพท์ธรรมดาทตี่ ดิ ต่อแบบ Dial-up และสายทใ่ี ช้ X.๒๕ ๖ ดูประวตั เิ พิ่มเตมิ ใน http://www.med.cmu.ac.th/eiu/informatics/Literacy/computer/internet/23.htm
นวตั กรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๗๗ นอกจากนสี้ ถาบันเทคโนโลยแี ห่งเอเซยี ยงั เป็นศนู ย์เชอื่ ม (Gateway) ระหวา่ งประเทศไทย กับ UUNET อนั สง่ ผลให้นักวชิ าการไทยทั่วไป สามารถใชบ้ ริการจดหมายอิเล็กทรอนกิ ส์ ได้อยา่ งกวา้ งขวาง ปี พ.ศ.๒๕๓๔ อาจารย์ทวศี ักด์ิ กออนนั ตกูล อาจารย์ภาควชิ าวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ ได้จัดตงั้ ศูนย์อีเมล์ แห่งใหม่โดยใช้โปรแกรม MHSNet และใช้โมเด็ม ๑๔.๔ Kbps (ซึง่ เร็วท่ีสุดในประเทศไทยในขณะนนั้ ) และทำ หนา้ ท่แี ลกเปลีย่ นข้อมูลกับเครื่อง Munnari ของออสเตรเลีย กับมหาวทิ ยาลยั ต่างๆ ในประเทศผา่ นโปรแกรม UUC เครอื ข่ายแห่งใหม่นี้ ประกอบดว้ ยมหาวทิ ยาลัยต่างๆ ใน TCSNet และ มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ ตลอดจนศูนยเ์ ทคโนโลยีอิเลก็ ทรอนิกส์และ คอมพวิ เตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) และใชช้ ่ือโครงการว่า \"โครงการ เชอ่ื มเครือข่ายไทยสารเข้ากับเครอื ข่ายอนิ เทอร์เนต็ ต่างประเทศ\" หลงั จากน้ันเนคเทค ก็ไดพ้ ัฒนาเครอื ขา่ ยอีกเครือข่ายขน้ึ มา โดยใช้ X.๒๕ รวมกับ MHSNet และ ใช้โปรโตคอล TCP/IP เกดิ เป็นเครอื ข่ายไทยสาร \"Thai Social/Scientific Academic and Research Network-ThaiSarn\"ในปี พ.ศ.๒๕๓๕ ปลายปี ๒๕๓๕ จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั เชา่ ช้ือสายครงึ่ วงจร ๙.๖ Kbps จากการสือ่ สารแห่งประเทศไทย เพ่ือเช่ือมกับ UUNET สหรัฐอเมรกิ า ทำใหจ้ ุฬาฯ เปน็ ศูนย์กลางแหง่ ใหม่ สำหรับเครือข่ายภายใต้ช่ือ ThaiNet อันประกอบด้วย AIT, มหาวิทยาลัยเชยี งใหม่ และมหาวทิ ยาลัย อสั สมั ชัญ และให้สมาชกิ ไทยสามารถใช้สายเช่อื มนี้ไดโ้ ดยผา่ นทางเนคเทคอีกด้วยภายใต้ระเบียบการใช้ อนิ เทอร์เนต็ (Appropriate Use Policy - AUP) ของ The National Science Foundation(NSF)และปี ๒๕๓๗ เนคเทค ได้เช่าช้อื สายเช่อื มสายที่สอง ทีม่ ีขนาด ๖๔ Kbps ตอ่ ไปยงั บริษัท UUNet ทำให้มีผู้ใชเ้ พิ่ม มากข้ึน จาก ๒๐๐ คนในปี ๒๕๓๕ เป็น ๕,๐๐๐ คนในเดือนพฤษภาคม ๒๕๓๗ และ ๒๓,๐๐๐ คนในเดือน มิถุนายน ของปี ๒๕๓๗ AIT ทำหน้าท่เี ปน็ ตวั เชื่อมภายในประเทศระหวา่ ง ThaiNet กับ ThaiSarn ผา่ นสาย เชา่ ๖๔ Kbps ของเครือข่ายไทยสาร ปี พ.ศ. ๒๕๓๘ รัฐบาลไทย เปิดบริการอินเทอรเ์ น็ตเชิงพาณิชย์ โดยมี บริษทั อนิ เทอร์เน็ตแหง่ ประเทศไทย จากัด อนั เป็นบริษทั ถือหุ้น ระหวา่ งการส่อื สารแห่งประเทศไทยองค์การ โทรศัพทแ์ ห่งประเทศไทย และสานักงานพฒั นาวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยีแหง่ ชาติ (สวทช.) โดยใช้สายเชา่ คร่งึ วงจรขนาด ๕๑๒ Kbps ไปยัง UUNet โดยถือว่า เป็นบรษิ ัทผใู้ ชบ้ รกิ ารอนิ เทอร์เน็ตรายแรกของประเทศ ไทยและไดเ้ พิม่ จำนวนจนเปน็ ๑๘ บรษิ ทั ในปจั จบุ ันขอ้ มูลเพิ่มเติมเก่ยี วกบั \"อนิ เทอร์เน็ตในประเทศไทย\" ๖.๗ หนว่ ยงานท่มี บี ทบาทสำคัญในอนิ เทอร์เนต็ ของประเทศไทย ISP คงเปน็ หน่วยงานแรกท่ีหลายๆ คนคงคดิ ถงึ เมือ่ นึกถึงหัวข้อน้ี รองลงไปก็คงเปน็ เนคเทค ซง่ึ ก็ถอื ว่าเป็นหน่วยงานท่มี ีบทบาทสำคัญต่อเครอื ขา่ ยอนิ เทอร์เนต็ ของประเทศไทย แตก่ ย็ งั มีหน่วยงานอนื่ อีกหลาย หนว่ ยดังนี้ การสือ่ สารแหง่ ประเทศไทย ในฐานะผูผ้ กู ขาดบริการวงจรส่อื สาร ระหวา่ งประเทศ ผใู้ ห้ใบอนุญาต และถอดถอนสิทธิการใหบ้ ริการของ ISP รวมทั้งเป็นหุ้นสว่ นของ ISP ทุกราย (๓๒%) รวมทั้งเปน็ ผใู้ หบ้ ริการจดุ แลกเปลีย่ นสญั ญาณภายในประเทศ ISP - Internet Service Providers หรือผู้ให้บรกิ ารอนิ เทอรเ์ นต็ เชิง พาณชิ ยท์ ั้ง ๑๗ ราย (พ.ย.๒๕๔๕) ในฐานะผใู้ หบ้ ริการอินเทอรเ์ นต็ แก่บุคคลและองค์กรตา่ งๆ ผู้ให้บริการ อนิ เทอร์เนต็ แบบไม่หวังกำไร เช่น SchoolNet ทีใ่ ห้บรกิ ารโรงเรียนตา่ งๆ ทวั่ ประเทศ, ThaiSarn ผู้ให้บริการ เชงิ วจิ ยั สาหรบั สถานศกึ ษา, UniNet เครอื ข่ายของทบวงมหาวทิ ยาลัย, EdNet เครอื ขา่ ยของกระทวง ศึกษาธิการ และ GINet เครอื ขา่ ยรัฐบาล THNIC ในฐานะผู้ใหบ้ รกิ ารจดทะเบียนช่ือโดเมนสญั ชาตไิ ทย (.th) และผ้ดู แู ลระบบบริการสอบถาม ช่อื โดเมนสัญชาติไทย ซ่ึงเปน็ หน่วยงานภายใตก้ ารดแู ลของ AIT NECTEC หรอื ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนกิ ส์และคอมพวิ เตอร์แห่งชาติ ในฐานหนว่ ยงานวจิ ยั คน้ คว้าและพัฒนา
นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๗๘ เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีการสอื่ สารข้อมูล และในฐานะผู้ให้บรกิ ารจุด แลกเปล่ียนสัญญาณ ภายในประเทศ ผดู้ ูแลเครือข่าย Thaisarn, SchoolNet, GINet และในฐานะคณะอนุกรรมการดา้ นนโยบาย อนิ เทอรเ์ น็ตสาหรับประเทศไทยผ้ใู ห้บรกิ ารวงจรสือ่ สารภายในประเทศ ซ่ึงมีหลายรายเช่น การสื่อสารแห่ง ประเทศไทย, บริษทั ทศท คอร์ ปอเรชน่ั จากดั (มหาชน) และบริษทั เอกชนอน่ื ๆ รูปแบบชอื่ โดเมน รปู แบบการต้ังชื่อของ Domain ตามหลกั การของ Internet มรี ูปแบบ ๓ รูปแบบใหญๆ่ คือ ๑.โดเมนขั้นสงู สดุ - Top Level Domain เป็นรูปแบบทีย่ ังสามารถแบง่ ได้ อีก ๒ แบบย่อย คือ ๑.๑ รปู แบบโดเมนขั้นสูงสดุ แบบสากล (General Internet DNS Top Level Domains: gTLDs) เปน็ รปู แบบมาตรฐานที่ใช้กนั โดยเฉพาะในอเมริกา เชน่ .com, .net, .gov ๑.๒ รูปแบบโดเมนขั้นสงู สุดแตล่ ะประเทศ (Country Code Top Level Domains: ccTLDs)เปน็ รปู แบบทีใ่ ช้บง่ บอกถึงประเทศเจา้ ของโดเมน หรือท่ีตง้ั ของโดเมน มกั จะใช้กบั ประเทศอ่นื ๆ ยกเว้นอเมริกา เชน่ .th หมายถงึ โดเมนทด่ี ูแลโดยประเทศไทย หรอื .jp หมายถึงโดเมนของประเทศญีป่ ุ่น ๒.โดเมนข้นั ท่ีสอง - Second Level Domain ๓.โดเมนข้นั ที่ ๓ - Third Level Domain เรอื่ งนา่ ร้เู กีย่ วกบั Domain Name ๑.โดเมนเนมแรก คือ symbolics.com ซึ่งจดทะเบยี นเมื่อวนั ที่ ๑๓ มนี าคม ๑๙๘๕ ๒.park คือ การจองโดเมนเนม โดยทยี่ งั ไม่นำไปใช้งาน ๓.Cybersquatter คือ ผู้ทีต่ ้องการเก็งกำไรจากการขายโดเมนเนมใหก้ ับผู้อ่ืน ๔.ติดตามสถิตกิ ารจดโดเมนเนมทว่ั โลก ไดจ้ าก http://www.domainstats.com/ ๕.ICANN http://www.icann.org เป็นองค์กรอิสระซ่ึงประกอบด้วยนักวิชาการ ผู้เชยี่ วชาญ และนกั ธรุ กิจที่มีชอ่ื เสยี ง ท่ีทาหนา้ ทีบ่ รหิ ารระบบโดเมนเนม, จดั สรรหมายเลขไอพี, บรหิ ารระบบอุปกรณ์ บริการด้านทะเบยี นและสบื ค้นโดเมน และกำหนดมาตรฐานทางเทคนิคท่เี ก่ียวขอ้ งกับโปรโตคอลสอื่ สาร โดยไม่ หวังผลกาไร ๖.ในอดีตช่ือโดเมน ยาวไมเ่ กิน ๒๒ ตัวอกั ษร และไดเ้ ปลย่ี นเป็น ๖๓ ตวั อักษร ตง้ั แตป่ ลายปี ๑๙๙๙ โดยเฉล่ยี ไม่เกิน ๑๑ ตัวอักษร ๗.ในการขอจดชื่อโดเมนเนม จะเป็นสทิ ธแิ์ บบเชา่ ช่อื ซง่ึ มอี ายุ ๒ ปี และตอ้ งต่ออายใุ หม่ ๘.ตรวจสอบช่อื โดเมนเนม ได้จากเว็บไซต์ ๘.๑ http://www.netsol.com ๘.๒ http://www.thnic.net บรกิ ารคดั ลอกข้อมูลขา้ มเครือข่าย ด้วย ftp FTP หรือ File Transfer Protocol เปน็ บรกิ ารคดั ลอกข้อมลู ขา้ มเครือข่าย โดย ๑.ใช้ในการส่งขอ้ มูลจากเครื่องลูกไปยงั เคร่ืองแม่ข่าย (Server) ๒.ใชใ้ นการดาวนโ์ หลดขอ้ มลู จากเคร่ืองแม่ข่าย มาไว้ที่เครื่องลูก การใช้บริการ FTP สามารถทำไดท้ ั้งผทู้ ่ีเป็นสมาชกิ FTP Server และบคุ คลภายนอก ที่ไม่ไดเ้ ปน็ สมาชิก โดยสามารถเขา้ ไปใช้บรกิ ารได้ (บางประเภท) ในนาม anonymous ปัจจุบนั การใช้บรกิ าร FTP สามารถทำไดท้ งั้ ในรปู แบบ Text Mode ผ่าน Unix ด้วยคำสัง่ get, put หรือ Graphics Mode ผา่ น Microsoft Windows เชน่ การใช้โปรแกรม WinFTP Light, CuteFTP
นวตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๗๙ บริการค้นข้อมูลข้ามเครอื ข่าย เนื่องจากมคี วามพยายามทีจ่ ะจัดต้ังระบบ Electronic Library หรือหอ้ งสมุดเครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์ จึงมีการพัฒนาระบบดงั กล่าว เพือ่ ทำเมนใู นการค้นคว้า หาข้อมูลที่ตอ้ งการ ได้แก่ ๑.Archie เปน็ วธิ กี ารแบบง่าย ในการทจี่ ะค้นหาสารสนเทศ ในลกั ษณะของ anonymous ftp พฒั นาจากมหาวทิ ยาลัย Mc Gill ใน Montreal ประเทศแคนาดา โปรแกรมน้เี ปน็ ความพยายามอนั แรก ที่จะ ใช้ระบบ Internet เป็น Catalog เพอ่ื เกบ็ และเผยแพร่ข้อมลู สารสนเทศบนเครือข่าย คณุ สามารถส่งคำถาม ไปยงั เครื่องทีบ่ ริการดว้ ย E-mail และเคร่อื งบริการกจ็ ะตอบคำถามกลบั มา ๒.Gopher พัฒนาจากมหาวิทยาลัย Minnesota เป็นวิธีการซึ่งสามารถที่จะค้นหา และ รับข้อมูล แบบง่าย บน Internet โดยไม่ยุ่งยาก และสามารถรับข้อมูลได้หลาย แบบ เช่น ข้อความ เสียงหรือภาพ Gopher นั้น ทางานผ่านเครือข่ายโดยอัตโนมัติ โดยมีตัวให้บริการ อยู่ท่ัวไปบน Internet แต่ละตัวให้บริการ จะเก็บข้อมูลของตนเอง รวมถึงการเช่ือมโยงไปยังตัวให้บริการอ่ืนๆ ในการเข้าถึง Gopher ด้วย Gopher name ๓.Veronica มาจากคำว่า Very Easy Rodent-Oriented Net-oriented Index to Computerized Archives ซ่ึงพฒั นาจาก มหาวิทยาลัยแห่ง Nevada ซึ่งจะใช้การค้นหาด้วย Key Word ใน ทุกๆ ตัวให้บรกิ าร และทุกๆ เมนู หรือเรยี กอกี แบบหนึ่งไดว้ ่า เก็บดชั นีของทกุ ๆ ตวั ใหบ้ รกิ าร ไวท้ ่ี Veronica ๔.WAIS มาจากคำว่า Wide Area Information Sever สามารถใชโ้ ปรแกรมนี้ ในการคน้ หาแหลง่ ขอ้ มูล โดยใชภ้ าษาแบบปกติ ไม่ต้องใชโ้ ปรแกรมภาษาพิเศษ หรอื ภาษาของฐานข้อมลู ในการคน้ WAIS ทำงาน โดยการรับคำร้อง ในการค้นและเปรยี บเทยี บ ในเอกสารต้นฉบับว่าเอกสารใด ตรงกับความตอ้ งการ และสง่ รายการทง้ั หมดมายงั ผทู้ ่ีตอ้ งการ ๕.Cloud Computing คอื วธิ กี ารประมวลผลท่ีอิงกับความตอ้ งการของผู้ใช้ โดยผู้ใช้สามารถระบุ ความต้องการไปยังซอฟต์แวรข์ องระบบCloud Computing จากนั้นซอฟต์แวรจ์ ะร้องขอใหร้ ะบบจัดสรร ทรัพยากรและบริการให้ตรงกับความตอ้ ง การผใู้ ช้ ทัง้ นี้ระบบสามารถเพิม่ และลดจำนวนของทรพั ยากร รวมถงึ เสนอบรกิ ารให้พอเหมาะกบั ความต้องการของผใู้ ช้ไดต้ ลอดเวลา โดยที่ผใู้ ชไ้ มจ่ ำเป็นต้องทราบเลยว่าการ ทำงานหรือเหตุการณเ์ บ้ืองหลังเปน็ เชน่ ไร ความหมายของคำหลักๆ ๓ คำทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั Cloud Computing ต่อไปนี้ ความตอ้ งการ (Requirement) คอื โจทย์ปัญหาที่ผูใ้ ช้ต้องการใหร้ ะบบคอมพิวเตอรแ์ ก้ไขปญั หาหรือ ตอบปัญหาตาม ทผี่ ้ใู ช้กำหนดได้ ยกตัวอย่างเช่น ความต้องการพน้ื ทีจ่ ัดเกบ็ ข้อมลู ขนาด ๑,๐๐๐,๐๐๐ GB, ความต้องการประมวลผลโปรแกรมแบบขนานเพอ่ื คน้ หายารักษาโรคไข้หวดั นกให้ได้สูตร ยาภายใน ๙๐ วนั , ความต้องการโปรแกรมและพลงั การประมวลผลสำหรับสร้างภาพยนตร์แอนนเิ มชนั ความยาว ๒ ชว่ั โมงใหแ้ ลว้ เสรจ็ ภายใน ๔ เดอื น, และความต้องการคน้ หาข้อมูลท่องเทย่ี วและโปรแกรมทวั ร์ในประเทศ อติ าลใี นราคา ทถี่ ูกทสี่ ดุ ในโลกแต่ปลอดภยั ในการเดนิ ทางด้วย เป็นตน้ ทรพั ยากร (Resource) หมายถงึ ปจั จัยหรือสรรพสิง่ ท่เี กี่ยวขอ้ งกับการประมวลผลหรอื เกี่ยวข้องกับ การแก้ไข ปัญหาตามโจทย์ที่ความต้องการของผใู้ ชไ้ ด้ระบุไว้ อาทิเช่น CPU, Memory (เชน่ RAM), Storage (เชน่ harddisk), Database, Information, Data, Network, Application Software, Remote Sensor เปน็ ตน้ บรกิ าร (Service) ถือวา่ เปน็ ทรัพยากร และในทางกลบั กนั ก็สามารถบอกไดว้ า่ ทรัพยากรก็คือบรกิ าร โดยเฉพาะอย่างย่ิงในดา้ น Cloud Computing แลว้ เราจะใช้คำวา่ บรกิ ารแทนคำวา่ ทรัพยากร คำวา่ บริการหมายถึงการกระทำ (operation) เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ทส่ี นองต่อความต้องการ (requirement) แต่
นวตั กรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๘๐ การกระทำของบริการจะเกดิ ข้นึ ได้จาเปน็ ต้องพงึ่ พาทรพั ยากร โดยการใชท้ รัพยากรที่เกี่ยวขอ้ งเพ่ือ แกป้ ญั หาใหเ้ กิดผลลพั ธ์สนองตอ่ ความต้อง การสำหรบั Cloud Computing แลว้ ผู้ใชไ้ ม่จำเป็นตอ้ งสนใจ เลยวา่ ระบบเบ้อื งล่างทำงานอยา่ งไร ประกอบไปดว้ ยทรัพยากร (resource) อะไรบา้ ง ผู้ใช้แคร่ ะบคุ วาม ต้องการ (requirement) จากนัน้ บริการ(service) กเ็ พียงใหผ้ ลลพั ธ์แกผ่ ู้ใช้ สว่ นบริการจะไปจัดการกับ ทรัพยากรอย่างไรนน้ั ผใู้ ชไ้ มจ่ ำเปน็ ต้องสนใจ สรุปไดว้ า่ ผ้ใู ชม้ องเห็นเพียงบรกิ ารซ่ึงทำหนา้ ทเ่ี สมอื น ซอฟตแ์ วร์ท่ีทำงานตามโจทยข์ อง ผใู้ ช้ โดยท่ผี ใู้ ชไ้ มจ่ ำเปน็ ต้องรบั ทราบถงึ ทรพั ยากรท่ีแทจ้ รงิ วา่ มอี ะไรบ้าง และถูก จัดการเชน่ ไร หรือไม่จำเปน็ ตอ้ งทราบวา่ ทรัพยากรเหลา่ นั้นอยทู่ ไี่ หน ๖.๘ บริการใช้เครื่องข้ามเครอื ข่าย ดว้ ยโปรแกรม telnet บริการน้ีเป็นประโยชน์ และประหยัดค่าใช้จ่าย เนื่องจากการท่ีระบบคอมพิวเตอร์ และโปรแกรม ตลอดจนข้อมูลบางอย่าง ต้องใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ ท่ีมีขีดความสามารถสูงมาก และต้องใช้ข้อมูลจานวนมาก ดังน้ันถ้าต้องซื้อระบบดังกล่าวมาใช้งานท่ีไม่บ่อยนัก อาจจะไม่คุ้มค่า ในการลงทุน และเสียเวลา ดังน้ันการใช้ โปรแกรม telnet ที่ทำให้สามารถใช้เคร่ืองคอมพิวเตอร์ ท่ีห่างไกลออกไปโดยเสมือนอยู่ท่ีหน้าเครื่องน้ันๆ โดยตรง จึงเป็นโปรแกรมที่จาเป็น อีกโปรแกรมหน่ึงของ Internet ด้วยความสามารถนี้ โปรแกรม Telnet อนุญาตให้คุณทำงานบน เคร่ืองคอมพิวเตอร์อ่ืน ที่อยู่บน Internet เช่น การ Compile โปรแกรม หรือการสั่ง ใหโ้ ปรแกรมทำงาน ที่ไม่สามารถทางานบนเครือ่ งท่ีใชง้ านอยู่ ตวั อย่างเช่น โปรแกรมท่ีมคี วามซับซ้อนมากๆ ใน การคำนวนไม่สามารถท่ีจะใช้เคร่ืองท่ีอยู่บนโต๊ะ (PC or Work Station แบบปกติ) ได้ ต้องส่งโปรแกรมไป ทำงานบน Super Computer โดยใช้โปรแกรม Telnet เพ่ือเชื่อมกับ Super Computer กับเคร่ืองของเรา และ run โปรแกรมน้ัน ก็จะทำให้เครอื่ งแบบตัง้ โต๊ะ มคี วามสามารถเท่ากบั Super Computer ทเี ดียว ๖.๙ โรคตดิ อนิ เทอร์เน็ต โรคติดอนิ เทอร์เนต็ (Webaholic) เป็นอาการทางจติ ประเภทหนึ่ง ซึ่งนักจิตวทิ ยาชอื่ Kimberly S Young ได้ศึกษาและวเิ คราะหไ์ ว้ว่า บุคคลใดที่มอี าการดงั ตอ่ ไปน้ี อยา่ งน้อย ๔ ประการ เป็นเวลาไม่น้อยกวา่ ๑ ปี แสดงวา่ เปน็ อาการติดอินเทอรเ์ นต็ ๑. รู้สึกหมกมนุ่ กับอินเทอร์เน็ต แม้ในเวลาท่ไี มไ่ ด้ต่อเข้าระบบอนิ เทอร์เน็ต ๒. มคี วามตอ้ งการใชอ้ นิ เทอร์เนต็ เป็นเวลานานข้นึ อยูเ่ รื่อยๆ ๓. ไมส่ ามารถควบคุมการใช้อินเทอร์เนต็ ได้ ๔. ร้สู กึ หงุดหงิดเมื่อใช้อนิ เทอร์เน็ตน้อยลง หรือหยดุ ใช้ ๕. คิดว่าเมอ่ื ใช้อินเทอร์เน็ตแลว้ ทำให้ตนเองรู้สึกดีข้นึ ๖. ใชเ้ ปน็ อินเทอร์เน็ตในการหลกี เลี่ยงปัญหา ๗. หลอกคนในครอบครวั หรอื เพ่ือน เรอ่ื งการใช้อินเทอรเ์ น็ตของตนเอง ๘. มอี าการผดิ ปกตเิ ม่ือเลกิ ใช้อินเทอร์เนต็ เช่น หดหู่ กระวนกระวาย
นวัตกรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศทางพระพทุ ธศาสนา ๘๑ ๖.๑๐ พระราชบญั ญัติว่าดว้ ยการกระทาความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐๗ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกลา้ ฯ ใหป้ ระกาศวา่ โดยท่เี ป็นการสมควรมีกฎหมาย วา่ ด้วยการกระทาความผิดเก่ยี วกับคอมพิวเตอร์ จงึ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ใหต้ ราพระราชบญั ญตั ขิ ้ึนไว้โดยคาแนะนาและยินยอมของสภานิตบิ ัญญตั แิ ห่งชาติ ดงั ตอ่ ไปนี้ มาตรา ๑ พระราชบญั ญตั นิ เ้ี รียกว่า “พระราชบัญญัตวิ ่าด้วยการกระทาความผดิ เกี่ยวกบั คอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐” มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพน้ กาหนดสามสิบวันนบั แตว่ ันประกาศในราชกิจจา นเุ บกษาเป็นตน้ ไป มาตรา ๓ ในพระราชบญั ญัตินี้ “ระบบคอมพิวเตอร์” หมายความวา่ อปุ กรณ์หรือชดุ อปุ กรณ์ของคอมพิวเตอรท์ เ่ี ชื่อมการทา งานเขา้ ดว้ ยกนั โดยได้มกี ารกำหนด คำส่งั ชุดคำสง่ั หรอื สิ่งอืน่ ใด และแนวทางปฏบิ ตั ิงานให้อปุ กรณ์หรอื ชุด อุปกรณ์ทาหนา้ ทีป่ ระมวลผลขอ้ มลู โดยอัตโนมัติ “ข้อมูลคอมพิวเตอร์” หมายความว่า ข้อมูล ข้อความ คาส่ัง ชุดคาสั่งหรือส่ิงอ่ืนใดบรรดาท่ี อยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ในสภาพที่ระบบคอมพิวเตอร์อาจประมวลผลได้ และให้หมายความรวมถึงข้อมูล อิเลก็ ทรอนกิ สต์ ามกฎหมายวา่ ดว้ ยธรุ กรรมทางอเิ ล็กทรอนิกส์ด้วย “ข้อมูลจราจรทางคอมพวิ เตอร์”หมายความว่าข้อมูลเกย่ี วกับการตดิ ต่อสื่อสารของระบบ คอมพิวเตอร์ ซึ่งแสดงถึงแหลง่ กำเนดิ ต้นทาง ปลายทาง เสน้ ทาง เวลา วนั ท่ี ปริมาณ ระยะเวลาชนิดของ บรกิ าร หรืออืน่ ๆ ที่เกยี่ วข้องกับการตดิ ต่อสอ่ื สารของระบบคอมพิวเตอร์นั้น “ผูใ้ ห้บริการ” หมายความว่า (๑) ผ้ใู ห้บรกิ ารแก่บุคคลอ่นื ในการเขา้ สู่อนิ เทอร์เนต็ หรอื ให้สามารถติดต่อถงึ กันโดย ประการอนื่ โดยผ่านทางระบบคอมพิวเตอร์ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการในนามของตนเอง หรอื ในนามหรอื เพือ่ ประโยชนข์ องบุคคลอนื่ (๒) ผใู้ ห้บริการเกบ็ รักษาขอ้ มูลคอมพิวเตอรเ์ พ่ือประโยชน์ของบคุ คลอน่ื “ผใู้ ชบ้ ริการ” หมายความวา่ ผูใ้ ช้บรกิ ารของผใู้ หบ้ ริการไม่ว่าตอ้ งเสียคา่ ใช้บริการหรือไม่กต็ าม “พนักงานเจา้ หนา้ ที่” หมายความว่า ผ้ซู ึง่ รัฐมนตรแี ต่งตั้งให้ปฏิบัตกิ ารตามพระราชบัญญัตนิ ี้ “รฐั มนตรี” หมายความวา่ รฐั มนตรีผูร้ กั ษาการตามพระราชบัญญตั นิ ี้ มาตรา ๔ ใหร้ ฐั มนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสารรักษาการตาม พระราชบญั ญัตินี้ และให้มอี ำนาจออกกฎกระทรวง เพือ่ ปฏิบัตกิ ารตามพระราชบญั ญัตินี้ กฎกระทรวงนัน้ เม่อื ได้ประกาศในราชกจิ จานุเบกษาแล้วให้ใชบ้ ังคับได้ ๗ พระราชบญั ญตั ิว่าด้วยการกระทำความผดิ เกีย่ วกับคอมพิวเตอร์. พ.ศ. ๒๕๕๐ เล่ม ๑๒๔ ตอนที่ ๒๗ ก ราชกจิ จานุเบกษา ๑๘ มถิ นุ ายน ๒๕๕๐.
นวัตกรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๘๒ หมวด ๑ ความผิดเก่ยี วกบั คอมพิวเตอร์ มาตรา ๕ ผู้ใดเขา้ ถึงโดยมิชอบซึง่ ระบบคอมพิวเตอร์ทม่ี ีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ และมาตรการนัน้ มิไดม้ ีไว้สำหรบั ตน ต้องระวางโทษจำคุกไมเ่ กนิ หกเดือน หรอื ปรับไม่เกินหนึ่งหม่นื บาท หรอื ทั้งจำทัง้ ปรับ มาตรา ๖ ผู้ใดล่วงรู้มาตรการป้องกันการเขา้ ถงึ ระบบคอมพิวเตอร์ทีผ่ อู้ น่ื จัดทำข้นึ เปน็ การเฉพาะ ถ้านำมาตรการดงั กลา่ วไปเปิดเผยโดยมชิ อบ ในประการที่นา่ จะเกดิ ความเสียหายแก่ผอู้ ่ืน ตอ้ งระวางโทษ จำคุกไม่เกินหนึง่ ปี หรือปรับไมเ่ กินสองหมื่นบาท หรือทง้ั จำทั้งปรับ มาตรา ๗ ผูใ้ ดเขา้ ถึงโดยมชิ อบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอรท์ ่ีมีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ และมาตรการน้ันมิไดม้ ีไวส้ ำหรับตน ต้องระวางโทษจำคุกไมเ่ กินสองปีหรือปรับไมเ่ กนิ ส่ีหมน่ื บาทหรือทัง้ จำท้ัง ปรบั มาตรา ๘ ผู้ใดกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อดกั รับไวซ้ งึ่ ข้อมลู คอมพวิ เตอร์ของผอู้ ืน่ ท่ีอยู่ระหว่างการสง่ ในระบบคอมพวิ เตอร์ และข้อมูลคอมพิวเตอร์น้ันมิได้มีไวเ้ พื่อ ประโยชนส์ าธารณะหรือเพอื่ ให้บุคคลทว่ั ไปใชป้ ระโยชนไ์ ดต้ ้องระวางโทษจำคุกไม่เกนิ สามปี หรือปรับไม่เกนิ หกหมืน่ บาท หรือทั้งจำท้ังปรับ มาตรา ๙ ผูใ้ ดทำให้เสียหาย ทาลาย แกไ้ ข เปล่ยี นแปลง หรอื เพิ่มเติมไม่ว่าทัง้ หมดหรอื บางส่วน ซ่ึงข้อมลู คอมพิวเตอร์ของผู้อ่ืนโดยมชิ อบ ตอ้ งระวางโทษจาคุกไม่เกนิ ห้าปี หรอื ปรบั ไมเ่ กินหนึ่งแสนบาท หรือ ท้งั จำทั้งปรบั มาตรา ๑๐ ผใู้ ดกระทำดว้ ยประการใดโดยมชิ อบ เพ่ือให้การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ของ ผอู้ ื่นถกู ระงบั ชะลอ ขดั ขวาง หรือรบกวนจนไม่สามารถทำงานตามปกติได้ต้องระวางโทษจำคุกไมเ่ กนิ หา้ ปี หรือปรับไม่เกนิ หนง่ึ แสนบาท หรือทง้ั จำทงั้ ปรับ มาตรา ๑๑ ผใู้ ดส่งขอ้ มลู คอมพิวเตอรห์ รือจดหมายอิเลก็ ทรอนิกสแ์ กบ่ คุ คลอ่นื โดยปกปดิ หรอื ปลอมแปลงแหล่งท่มี าของการส่งขอ้ มลู ดงั กล่าว อันเป็นการรบกวนการใชร้ ะบบคอมพิวเตอรข์ องบคุ คลอ่นื โดย ปกติสุข ตอ้ งระวางโทษปรบั ไมเ่ กนิ หนง่ึ แสนบาท มาตรา ๑๒ ถ้าการกระทำความผดิ ตามมาตรา ๙ หรอื มาตรา ๑๐ (๑) ก่อให้เกิดความเสียหายแกป่ ระชาชน ไม่วา่ ความเสียหายนนั้ จะเกิดข้นึ ในทันทหี รอื ใน ภายหลงั และไม่วา่ จะเกดิ ขนึ้ พร้อมกนั หรือไม่ ต้องระวางโทษจำคกุ ไมเ่ กนิ สบิ ปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท (๒) เปน็ การกระทำโดยประการท่ีนา่ จะเกิดความเสยี หายต่อข้อมูลคอมพวิ เตอร์ หรือ ระบบคอมพิวเตอร์ทเ่ี กี่ยวกบั การรักษาความม่นั คงปลอดภยั ของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะความ มั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือการบริการสาธารณะหรอื เป็นการกระทำตอ่ ขอ้ มลู คอมพวิ เตอร์หรอื ระบบคอมพวิ เตอร์ท่ีมีไวเ้ พือ่ ประโยชน์สาธารณะ ตอ้ งระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี และปรบั ตั้งแต่ หกหม่ืนบาทถงึ สามแสนบาท ถ้าการกระทำความผิดตาม (๒) เป็นเหตุให้ผู้อ่ืนถึงแก่ความตาย ตอ้ งระวางโทษ จำคกุ ตั้งแต่สิบปีถงึ ยส่ี บิ ปี มาตรา ๑๓ ผ้ใู ดจำหน่ายหรอื เผยแพรช่ ุดคำส่ังท่ีจัดทำข้นึ โดยเฉพาะเพื่อนำไปใชเ้ ป็นเครื่องมอื ใน การกระทำความผดิ ตามมาตรา ๕ มาตรา ๖ มาตรา ๗ มาตรา ๘ มาตรา ๙ มาตรา ๑๐ หรอื มาตรา ๑๑ ต้อง ระวางโทษจำคุกไม่เกนิ หนง่ึ ปี หรือปรบั ไม่เกินสองหมืน่ บาท หรอื ทั้งจำท้ังปรบั มาตรา ๑๔ ผู้ใดกระทำความผิดทรี่ ะบไุ ว้ดงั ตอ่ ไปน้ี ตอ้ งระวางโทษจำคกุ ไม่เกินหา้ ปี หรือปรบั ไม่
นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางพระพทุ ธศาสนา ๘๓ เกนิ หนึง่ แสนบาท หรือทัง้ จำทงั้ ปรบั (๑) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือ ข้อมูล คอมพิวเตอร์อนั เป็นเทจ็ โดยประการทนี่ ่าจะเกิดความเสียหายแก่ผอู้ ่นื หรือประชาชน (๒) นำเขา้ สรู่ ะบบคอมพวิ เตอร์ซึง่ ข้อมลู คอมพวิ เตอร์อันเป็นเทจ็ โดยประการท่ีน่าจะเกดิ ความเสยี หายตอ่ ความม่นั คงของประเทศ หรอื ก่อให้เกดิ ความตื่นตระหนกแกป่ ระชาชน (๓) นำเข้าสูร่ ะบบคอมพิวเตอร์ซ่ึงขอ้ มูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเปน็ ความผดิ เกย่ี วกับความ มนั่ คงแหง่ ราชอาณาจักรหรอื ความ ผิดเก่ยี วกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา (๔) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมลู คอมพวิ เตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามกและ ข้อมลู คอมพวิ เตอรน์ น้ั ประชาชนทัว่ ไป อาจเข้าถงึ ได้ (๕) เผยแพรห่ รือส่งต่อซ่ึงข้อมูลคอมพิวเตอรโ์ ดยรู้อยู่แลว้ ว่าเป็นขอ้ มูล คอมพิวเตอร์ตาม (๑) (๒) (๓) หรือ (๔) มาตรา ๑๕ ผู้ให้บรกิ ารผ้ใู ดจงใจสนับสนุนหรอื ยินยอมให้มีการกระทำความผดิ ตามมาตรา ๑๔ ใน ระบบคอมพวิ เตอร์ที่อยู่ในความควบคุมของตน ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำความผิดตามมาตรา ๑๔ มาตรา ๑๖ ผ้ใู ดนำเขา้ สู่ระบบคอมพิวเตอรท์ ีป่ ระชาชนท่วั ไปอาจเขา้ ถึงได้ซ่ึงข้อมลู คอมพวิ เตอรท์ ี่ ปรากฏเปน็ ภาพของผ้อู ื่น และภาพนัน้ เปน็ ภาพท่ีเกิดจากการสร้างขึน้ ตดั ตอ่ เติม หรอื ดัดแปลงด้วยวิธกี ารทาง อิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอืน่ ใด ท้ังนี้ โดยประการทน่ี ่าจะทำใหผ้ ู้อื่นนัน้ เสียชือ่ เสยี ง ถูกดูหม่ิน ถูกเกลยี ดชงั หรือไดร้ บั ความอบั อาย ต้องระวางโทษจาคกุ ไม่เกินสามปี หรอื ปรับไมเ่ กินหกหมน่ื บาท หรอื ทัง้ จำทงั้ ปรบั ถา้ การกระทำตามวรรคหนึ่ง เป็นการนำเขา้ ข้อมูลคอมพวิ เตอร์โดยสจุ รติ ผกู้ ระทำไม่มีความผดิ ความผิดตาม วรรคหนง่ึ เป็นความผิดอนั ยอมความได้ ถ้าผูเ้ สยี หายในความผดิ ตามวรรคหนง่ึ ตายเสียก่อนรอ้ งทุกข์ ให้บิดา มารดา คสู่ มรส หรือ บุตรของผูเ้ สียหายรอ้ งทุกข์ได้ และใหถ้ ือวา่ เปน็ ผู้เสยี หาย มาตรา ๑๗ ผใู้ ดกระทำความผดิ ตามพระราชบัญญัติน้นี อกราชอาณาจักรและ (๑) ผู้กระทำความผิดนน้ั เป็นคนไทย และรฐั บาลแหง่ ประเทศท่ีความผิดได้เกดิ ขึน้ หรือ ผู้เสียหายได้ร้องขอให้ลงโทษ หรอื (๒) ผู้กระทำความผิดน้ันเป็นคนต่างด้าว และรฐั บาลไทยหรือคนไทยเป็นผู้เสยี หายและ ผูเ้ สยี หายไดร้ ้องขอให้ลงโทษจะต้องรบั โทษภายในราชอาณาจักร หมวด ๒ พนกั งานเจ้าหนา้ ท่ี มาตรา ๑๘ ภายใต้บังคับมาตรา ๑๙ เพอ่ื ประโยชน์ในการสืบสวนและสอบสวนในกรณีที่มีเหตุอันควร เชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติน้ี ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อ ไปน้ี เฉพาะที่จำเป็นเพ่ือประโยชน์ในการใช้เป็นหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำความผิดและหาตัวผู้กระทำ ความผิด (๑) มีหนังสือสอบถามหรอื เรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติ น้ีมาเพื่อ ให้ถอ้ ยคำ ส่งคำช้ีแจงเปน็ หนังสือ หรือสง่ เอกสาร ขอ้ มลู หรือหลักฐานอนื่ ใดท่ีอยใู่ นรปู แบบท่ีสามารถ เขา้ ใจได้ (๒) เรียกข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์จากผ้ใู หบ้ ริการเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารผ่านระบบ คอมพิวเตอรห์ รือจากบุคคลอื่นที่เกีย่ วข้อง
นวตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๘๔ (๓) ส่งั ให้ผใู้ หบ้ รกิ ารสง่ มอบข้อมลู เกย่ี วกบั ผู้ใชบ้ ริการทีต่ ้องเก็บตามมาตรา ๒๖ หรือท่ีอยู่ใน ความครอบครองหรอื ควบคมุ ของผใู้ หบ้ ริการใหแ้ กพ่ นักงานเจา้ หน้าท่ี (๔) ทำสำเนาข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ จากระบบคอมพวิ เตอร์ ทีม่ ี เหตุอนั ควรเช่ือได้วา่ มกี ารกระทำความผิดตามพระราชบญั ญตั ิน้ี ในกรณีทีร่ ะบบคอมพวิ เตอร์นน้ั ยังมิได้อยู่ใน ความครอบครองของพนกั งานเจา้ หน้าที่ (๕) สัง่ ใหบ้ ุคคลซ่ึงครอบครองหรอื ควบคุมข้อมูลคอมพวิ เตอร์ หรอื อุปกรณ์ทใ่ี ชเ้ กบ็ ข้อมลู คอมพิวเตอร์ ส่งมอบข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรอื อปุ กรณด์ งั กล่าวใหแ้ กพ่ นักงานเจ้าหนา้ ท่ี (๖) ตรวจสอบหรือเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ ข้อมูลคอมพิ วเตอร์ ข้อมูลจราจรทาง คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ที่ใช้เก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์ของบุคคลใด อันเป็นหลักฐานหรืออาจใช้เป็นหลักฐาน เกยี่ วกบั การกระทำความผิด หรอื เพือ่ สืบสวนหาตัวผกู้ ระทำความผิดและส่งั ใหบ้ คุ คลนน้ั สง่ ข้อมลู คอมพวิ เตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ ท่เี กีย่ วขอ้ งเทา่ ท่ีจำเปน็ ใหด้ ว้ ยกไ็ ด้ (๗) ถอดรหัสลับของข้อมูลคอมพิวเตอร์ของบุคคลใด หรือสั่งให้บุคคลที่เก่ียวข้องกับการ เข้ารหัสลับของข้อมูลคอมพิวเตอร์ ทำการถอดรหัสลับ หรือให้ความร่วมมือกับพนักงานเจ้าหน้าท่ีในการ ถอดรหัสลับดังกลา่ ว (๘) ยดึ หรอื อายัดระบบคอมพิวเตอร์เท่าทจ่ี ำเป็นเฉพาะเพอื่ ประโยชน์ในการทราบ รายละเอยี ดแหง่ ความผิดและผกู้ ระทำความผิดตามพระราชบัญญตั ินี้ มาตรา ๑๙ การใช้อำนาจของพนกั งานเจ้าหน้าท่ีตามมาตรา ๑๘ (๔) (๕) (๖) (๗) และ(๘) ใหพ้ นกั งาน เจ้าหน้าท่ยี นื่ คำร้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจเพ่ือมีคำส่งั อนญุ าตให้พนักงานเจ้าหน้าทดี่ ำเนินการตามคำรอ้ ง ทัง้ นี้ คำร้องต้องระบุเหตุอนั ควรเชอ่ื ไดว้ ่าบุคคลใดกระทำหรือกำลงั จะกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดอนั เป็นความผิด ตามพระราชบัญญตั ินี้ เหตทุ ี่ต้องใช้อำนาจ ลักษณะของการกระทำความผดิ รายละเอยี ดเกีย่ วกบั อุปกรณ์ทใ่ี ช้ ในการกระทำความผิดและผู้กระทำความผิด เทา่ ท่ีสามารถจะระบุได้ ประกอบคำร้องดว้ ยในการพจิ ารณาคำ รอ้ งให้ศาลพจิ ารณาคำร้องดังกลา่ วโดยเร็ว เม่ือศาลมีคำสั่งอนุญาตแล้ว ก่อนดำเนินการตามคำสั่งของศาล ให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีส่งสำเนาบันทึก เหตุอันควรเชอ่ื ทีท่ ำให้ตอ้ งใชอ้ ำนาจตามมาตรา ๑๘ (๔) (๕) (๖) (๗) และ (๘) มอบให้เจา้ ของหรอื ผู้ครอบครอง ระบบคอมพิวเตอร์นั้นไว้เป็นหลักฐาน แต่ถ้าไม่มีเจ้าของหรือผู้ครอบครองเคร่ืองคอมพิวเตอร์อยู่ ณ ท่ีนั้น ให้ พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งมอบสำเนาบนั ทึกนนั้ ให้แก่เจา้ ของหรือผคู้ รอบครองดงั กลา่ วในทันทที ่ีกระทำได้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้เป็นหัวหน้าในการดำเนินการตามมาตรา ๑๘ (๔) (๕) (๖) (๗) และ(๘) ส่ง สำเนาบันทึกรายละเอียดการดำเนินการและเหตุผลแห่งการดำเนินการให้ศาลท่ีมีเขตอำนาจภายในสี่สิบแปด ช่ัวโมงนบั แต่เวลาลงมอื ดำเนินการ เพอ่ื เปน็ หลกั ฐาน การทำสำเนาข้อมูลคอมพิวเตอร์ตามมาตรา ๑๘ (๔) ให้กระทำได้เฉพาะเม่ือมีเหตุอันควรเช่ือได้ว่ามี การกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ และต้องไม่เป็นอุปสรรคในการดำเนินกิจการของเจ้าของหรือผู้ ครอบครองข้อมูลคอมพวิ เตอรน์ ั้นเกินความจำเป็น การยึดหรืออายัดตามมาตรา ๑๘ (๘) นอกจากจะต้องส่งมอบสำเนาหนังสือแสดงการยึดหรืออายัด มอบให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองระบบคอมพิวเตอร์น้ันไว้เป็นหลักฐานแล้วพนักงานเจ้าหน้าท่ีจะสั่งยึดหรือ อายดั ไว้เกินสามสิบวันมิได้ ในกรณีจำเปน็ ท่ีต้องยึดหรืออายัดไว้นานกว่าน้ัน ให้ยนื่ คำรอ้ งตอ่ ศาลที่มีเขตอำนาจ เพื่อขอขยายเวลายึดหรืออายัดได้ แต่ศาลจะอนุญาตให้ขยายเวลาคร้ังเดียวหรือหลายคร้ังรวมกันได้อีกไม่เกิน หกสิบวัน เมื่อหมดความจำเป็นที่จะยึดหรืออายัดหรือครบกำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่ต้อง
นวตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๘๕ สง่ คนื ระบบคอมพิวเตอรท์ ่ียึดหรอื ถอนการอายัดโดยพลัน หนังสือแสดงการยดึ หรืออายัดตามวรรคห้าใหเ้ ปน็ ไป ตามท่ีกำหนดในกฎกระทรวง มาตรา ๒๐ ในกรณีที่การกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้เป็นการทำให้แพร่หลายซ่ึง ข้อมูลคอมพิวเตอร์ท่ีอาจกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรตามที่กำหนดไว้ในภาคสอง ลักษณะ ๑ หรือลักษณะ ๑/๑ แห่งประมวลกฎหมายอาญา หรือท่ีมีลักษณะขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือ ศีลธรรมอันดีของประชาชน พนักงานเจ้าหน้าที่โดยได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีอาจยื่นคำร้องพร้อมแสดง พยานหลกั ฐานตอ่ ศาลท่มี เี ขตอำนาจขอให้มีคำสง่ั ระงบั การทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอรน์ ้นั ได้ ในกรณีที่ศาลมีคำสงั่ ให้ระงับการทำให้แพรห่ ลายซงึ่ ข้อมลู คอมพวิ เตอร์ตามวรรคหน่งึ ให้ พนกั งานเจ้าหนา้ ทที่ ำการระงับการทำให้แพร่หลายนนั้ เอง หรือสัง่ ให้ผ้ใู ห้บริการระงบั การทำให้ แพร่หลายซงึ่ ข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นก็ได้ มาตรา ๒๑ ในกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าท่ีพบว่า ข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดมีชุดคำสั่งไม่พึงประสงค์รวมอยู่ ดว้ ย พนกั งานเจ้าหน้าที่อาจย่ืนคำรอ้ งต่อศาลท่มี ีเขตอำนาจเพ่ือขอให้มีคำส่ังห้ามจำหน่ายหรือเผยแพร่ หรอื สั่ง ให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองข้อมลู คอมพิวเตอร์นั้นระงบั การใช้ ทำลายหรือแก้ไขข้อมลู คอมพิวเตอร์นั้นได้ หรือ จะกำหนดเงอื่ นไขในการใช้ มีไวใ้ นครอบครอง หรือเผยแพร่ชุดคำสั่งไมพ่ งึ ประสงค์ดงั กล่าวก็ได้ ชุดคำสั่งไม่พึงประสงค์ตามวรรคหนึ่งหมายถึงชุดคำสั่งท่ีมีผลทำให้ข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือระบบ คอมพิวเตอร์หรือชุดคำส่ังอ่ืนเกิดความเสียหาย ถูกทำลาย ถูกแก้ไขเปล่ียนแปลงหรือเพิ่มเติมขัดข้อง หรือ ปฏิบัติงานไม่ตรงตามคำส่ังท่ีกำหนดไว้ หรือโดยประการอ่ืนตามท่ีกำหนดในกฎกระทรวงท้ังนี้ เว้นแต่เป็น ชุดคำสั่งท่ีมุ่งหมายในการป้องกันหรือแก้ไขชุดคำสั่งดังกล่าวข้างต้น ตามที่รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจา นเุ บกษา มาตรา ๒๒ หา้ มมใิ ห้พนักงานเจ้าหน้าที่เปดิ เผยหรือสง่ มอบข้อมูลคอมพวิ เตอร์ ข้อมลู จราจรทาง คอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลของผู้ใช้บริการ ทีไ่ ด้มาตามมาตรา ๑๘ ใหแ้ ก่บุคคลใด ความในวรรคหนึง่ มิให้ใช้บังคับ กบั การกระทำเพื่อประโยชน์ในการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี หรอื เพื่อประโยชน์ใน การดำเนนิ คดีกับพนักงานเจ้าหน้าทเี่ ก่ยี วกับการใช้อำนาจหน้าทโ่ี ดยมิชอบ หรอื เป็นการกระทำตามคำส่งั หรือที่ ไดร้ ับอนญุ าตจากศาลพนักงานเจ้าหน้าทีผ่ ้ใู ดฝ่าฝนื วรรคหนึง่ ตอ้ งระวางโทษจำคุกไม่เกนิ สามปี หรือปรับไม่เกนิ หกหม่ืนบาทหรือท้งั จำท้ังปรับ มาตรา ๒๓ พนกั งานเจา้ หน้าทผี่ ูใ้ ดกระทำโดยประมาทเป็นเหตุใหผ้ อู้ น่ื ลว่ งรขู้ ้อมูลคอมพิวเตอรข์ ้อมูล จราจรทางคอมพิวเตอร์ หรอื ขอ้ มูลของผูใ้ ชบ้ ริการ ที่ได้มาตามมาตรา ๑๘ ตอ้ งระวางโทษจำคุกไม่เกนิ หนึ่งปี หรอื ปรบั ไมเ่ กินสองหม่ืนบาท หรอื ทง้ั จำทั้งปรับ มาตรา ๒๔ ผู้ใดล่วงรู้ขอ้ มูลคอมพวิ เตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์หรอื ข้อมลู ของผ้ใู ชบ้ ริการ ท่ี พนักงานเจ้าหนา้ ที่ไดม้ าตามมาตรา ๑๘ และเปดิ เผยข้อมลู นัน้ ต่อผหู้ นึง่ ผ้ใู ด ตอ้ งระวางโทษจำคุกไมเ่ กินสองปี หรือปรับไมเ่ กินส่ีหมนื่ บาท หรือทงั้ จำท้ังปรับ มาตรา ๒๕ ข้อมูล ข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ที่พนักงานเจ้าหน้าท่ีได้มา ตามพระราชบัญญัติน้ี ให้อ้างและรับฟังเป็นพยานหลักฐานตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญาหรือกฎหมายอ่ืนอันว่าด้วยการสืบพยานได้ แต่ต้องเป็นชนิดที่มิได้เกิดข้ึนจากการจูงใจมีคำมั่น สัญญา ขู่เข็ญ หลอกลวง หรือโดยมิชอบประการอนื่ มาตรา ๒๖ ผู้ให้บริการต้องเกบ็ รักษาข้อมลู จราจรทางคอมพิวเตอร์ไว้ไม่น้อยกว่าเก้าสิบวนั นับแต่วนั ที่ ขอ้ มูลน้ันเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ แต่ในกรณีจำเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่จะสั่งให้ผู้ให้บรกิ ารผู้ใดเก็บรักษาข้อมูล จราจรทางคอมพิวเตอร์ไว้เกินเก้าสิบวันแต่ไม่เกินหนึ่งปีเป็นกรณีพิเศษเฉพาะรายและเฉพาะคราวก็ได้ ผู้
นวตั กรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางพระพทุ ธศาสนา ๘๖ ให้บริการจะต้องเก็บรักษาข้อมูลของผู้ใช้บริการเท่าท่ีจำเป็นเพ่ือให้สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการนับตั้งแต่เริ่มใช้ บริการและต้องเก็บรักษาไว้เปน็ เวลาไม่น้อยกว่าเก้าสบิ วันนับตั้งแต่การใช้บริการส้ินสุดลงความในวรรคหนงึ่ จะ ใชก้ ับผู้ใหบ้ รกิ ารประเภทใด อยา่ งไร และเมื่อใด ให้เปน็ ไปตามท่รี ัฐมนตรีประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา ผูใ้ ห้บรกิ ารผู้ใดไมป่ ฏิบัติตามมาตรานี้ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าแสนบาท มาตรา ๒๗ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ส่ังตามมาตรา ๑๘ หรือมาตรา ๒๐ หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลตามมาตรา ๒๑ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองแสนบาท และปรับเป็น รายวันอีกไม่เกนิ วันละห้าพนั บาทจนกว่าจะปฏิบัติใหถ้ กู ต้อง มาตรา ๒๘ การแต่งต้ังพนักงานเจ้าหนา้ ทตี่ ามพระราชบัญญตั ินี้ ให้รัฐมนตรีแต่งต้ังจากผู้มคี วามรูแ้ ละ ความชำนาญเกยี่ วกบั ระบบคอมพวิ เตอรแ์ ละมีคณุ สมบตั ิตามท่ีรฐั มนตรีกำหนด มาตรา ๒๙ ในการปฏิบัติหนา้ ที่ตามพระราชบัญญัติน้ี ให้พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นพนักงานฝ่ายปกครอง หรือตำรวจชนั้ ผู้ใหญ่ตามประมวลกฎหมายวธิ ีพิจารณาความอาญามีอำนาจรับคำร้องทุกข์หรือรับคำกล่าวโทษ และมีอำนาจในการสืบสวนสอบสวนเฉพาะความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ในการจับ ควบคุม ค้น การทำ สำนวนสอบสวนและดำเนินคดีผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติน้ี บรรดาที่เป็นอำนาจของพนักงานฝ่าย ปกครองหรือตำรวจช้นั ผู้ใหญ่ หรือพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญา ใหพ้ นักงาน เจ้าหน้าที่ประสานงานกับพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบเพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป ให้นายก รัฐมนตรีในฐานะผู้กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติและรัฐมนตรีมีอำนาจร่วมกันกำหนดระเบียบเกี่ยวกับ แนวทางและวิธปี ฏบิ ัติในการดำเนินการตามวรรคสอง มาตรา ๓๐ ในการปฏบิ ตั หิ นา้ ที่ พนกั งานเจ้าหน้าทตี่ ้องแสดงบัตรประจำตัวต่อบคุ คลซ่ึงเกี่ยวขอ้ ง บัตรประจำตัวของพนักงานเจ้าหน้าทใ่ี ห้เป็นไปตามแบบท่รี ัฐมนตรปี ระกาศในราชกิจจานุเบกษา ผู้รบั สนองพระบรมราชโองการ พลเอก สรุ ยุทธ์ จลุ านนท์ นายกรฐั มนตรี สรุปท้ายบท อนิ เทอร์เนต็ (อังกฤษ: Internet) หมายถึง เครือขา่ ยคอมพิวเตอร์ขนาด ใหญ่ ที่มกี ารเชื่อมต่อระหว่าง เครอื ข่ายหลาย ๆ เครือข่ายทวั่ โลก โดยใช้ภาษาที่ใชส้ ่ือสารกันระหวา่ งคอมพวิ เตอร์ท่ีเรียกว่า โพรโทคอล (protocol) ผูใ้ ชเ้ ครือข่ายน้สี ามารถสอื่ สารถงึ กันไดใ้ นหลาย ๆ ทาง อาทิ อเี มล เว็บบอรด์ และสามารถสืบคน้ ข้อมลู และข่าวสารต่าง ๆ รวมทง้ั คัดลอกแฟ้มข้อมลู และโปรแกรมมาใชไ้ ด้ อนิ เทอรเ์ นต็ เกิดขนึ้ ในปี ค.ศ. 1969 (พ.ศ. 2512) จากการเกิดเครือขา่ ย ARPANET (Advanced Research Projects Agency NETwork) ซ่งึ เป็น เครือข่ายสำนักงานโครงการวิจัยช้นั สูงของกระทรวงกลาโหม ประเทศสหรัฐอเมรกิ า โดยมวี ตั ถุประสงคห์ ลกั ของการสรา้ งเครือข่ายคอื เพ่ือให้คอมพวิ เตอรส์ ามารถเช่อื มตอ่ และมีปฏสิ มั พนั ธก์ นั ได้ เครอื ข่าย ARPANET ถอื เป็นเครือข่ายเรม่ิ แรกซึง่ ต่อมาได้พฒั นาให้เปน็ เครือข่ายอินเทอรเ์ น็ตในปัจจบุ ัน การประยุกต์ใช้อินเทอรเ์ น็ตในปจั จุบนั ทำได้หลากหลาย อาทิ ไปรษณยี ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือ อีเมล (email), สนทนา (chat), อ่านหรอื แสดงความคดิ เหน็ ในเวบ็ บอร์ด, การตดิ ตามขา่ วสาร, การสบื คน้ ข้อมลู /
นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางพระพทุ ธศาสนา ๘๗ การคน้ หาข้อมูล, การชม หรือซื้อสนิ คา้ ออนไลน์, การดาวโหลด เกม เพลง ไฟล์ข้อมูล ฯลฯ, การติดตามข้อมลู ภาพยนตร์ รายการบนั เทงิ ต่าง ๆ ออนไลน์, การเล่นเกมคอมพิวเตอร์ออนไลน์, การเรียนรอู้ อนไลน์ (e- learning), การประชมุ ทางไกลผ่านอินเทอรเ์ นต็ (video conference), โทรศัพทผ์ า่ นอนิ เทอรเ์ นต็ (VoIP), การอับโหลดข้อมูล หรอื อืน่ ๆ แนวโน้มล่าสุดของการใช้อนิ เทอรเ์ น็ตคือการใชอ้ ินเทอรเ์ นต็ เปน็ แหล่งพบปะ สงั สรรค์เพื่อสร้างเครือข่ายสังคม ซ่ึงพบว่าปัจจุบันเว็บไซต์ทเี่ ก่ียวข้องกบั กิจกรรมดังกลา่ วกำลงั ไดร้ ับความนิยม อย่างแพรห่ ลายเช่น เฟซบกุ๊ ทวติ เตอร์ ไฮไฟฟ์ และการใช้เริ่มมกี ารแพร่ขยายเข้าไปสู่การใชอ้ นิ เทอร์เน็ตผา่ น โทรศัพท์มือถอื (Mobile Internet) มากข้ึน เนื่องจากเทคโนโลยีปจั จุบนั สนับสนุนให้การเข้าถึงเครือข่ายผา่ น โทรศัพท์มือ ถือทำไดง้ ่ายข้นึ มาก๘ ๘ ศนู ย์เทคโนโลยอี เิ ลก็ ทรอนกิ สแ์ ละคอมพวิ เตอรแ์ ห่งชาต.ิ (๒๕๓๗).ความเปน็ มาของอนิ เตอร์เนต็ ในประเทศไทย.กรงุ เทพฯ,ประเทศไทย.
นวัตกรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศทางพระพทุ ธศาสนา ๘๘ เอกสารอา้ งองิ ประจำบท กดิ านนั ท์ มลทิ อง.(๒๕๔๐).เทคโนโลยีการศกึ ษาและนวัตกรรม.กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พ์ชวนพมิ พ์. ทกั ษิณา สวนานนท.์ (๒๕๓๙). คอมพิวเตอร์เพ่ือการศึกษา. กรุงเทพฯ: องค์การคุรุสภา. พระราชบัญญตั ิวา่ ด้วยการกระทำความผดิ เกยี่ วกบั คอมพวิ เตอร์. พ.ศ. ๒๕๕๐ เลม่ ๑๒๔ ตอนที่ ๒๗ ก ราชกจิ จานุเบกษา ๑๘ มถิ ุนายน ๒๕๕๐. วทิ ยา เรืองพรวสิ ทุ ธ.ิ์ (๒๕๓๙). ค่มู อื การเข้าสู่อนิ เทอร์เนต็ สำหรบั ผ้เู รม่ิ ต้น. โรงพมิ พ์เม็ดทราย ๓๒ พริ้นต้ิง. ศูนยเ์ ทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพวิ เตอรแ์ หง่ ชาติ.(๒๕๓๗).ความเปน็ มาของอนิ เตอรเ์ นต็ ในประเทศไทย.กรุงเทพฯ,ประเทศไทย. สทิ ธชิ ัย ประสานวงศ์.( ๒๕๔๐). Internet ปฏิบตั ดิ ว้ ย Netscape Communication. กรุงเทพฯ : ซอฟท์เพรส. เอกสารประกอบการอบรมไมโครซอฟทอ์ อฟฟศิ และการใชง้ านอินเทอร์เน็ตเบื้องต้น. [ออนไลน์] เขา้ ถึงได้จาก comqa.nsru.ac.th/document/internet.pdf. สืบค้นเมอ่ื ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๗.
นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางพระพุทธศาสนา ๘๙ บรรณานกุ รม ครรชิต มาลัยวงศ,์ (2540), ทัศนะไอที, สำนกั งานพฒั นาวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีแหง่ ชาติ. กิดานนั ท์ มลทิ อง, (2535), เทคโนโลยีการศึกษาร่วมสมยั ,จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . ครรชิต มาลัยวงศ,์ (2538), “เทคโนโลยีการศึกษา : ปรชั ญาและหลกั การ,”วารสารการศึกษาแห่งชาติ, ปีท่ี 29, ฉบับที่ 5, ม.ิ ย.-ก.ค.. นยั นา เอกบูรณวฒั น์, (2539), CAI สอื่ การสอนใหม่ในยุคไฮเทค,”วารสาร WATTACHAK COMPUTER, ปที ี่ 4, ฉบับที่ 174, ศิริชยั สงวนแก้ว, (2534), “แนวทางการพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน,”วารสาร Computer review, ปีที่ 8, ฉบับที่ 78,. Hannafin, M.J. and Peck, K.L., 1988, The Design Development and Evaluation of Instructional Software, New York, Macmillan, pp. 5-13. สรพัส ย้ิมนวล, (2536), “แนวทางในการออกแบบบทเรยี น CAI,” วารสารสถาบันพฒั นาหลักสตู รครู อาชวี ศึกษา, ปีท่ี 3, ฉบบั ที่ 6,. ไพโรจน์ ตีรณธนากุล, (2528), ไมโครคอมพิวเตอร์ประยกุ ตท์ างการศึกษา, ศูนย์สือ่ เสริมกรงุ เทพ. ไพโรจน์ ตีรณธนากุล และ ไพบลู ย์ เกียรติโกมล, (2541), “Creating IMMCAI Package,” วารสารครศุ าสตร์อุตสาหกรรม, ปีที่ 1, พ.ค.,. วีระ ไทยพานชิ , ม.ป.ป., บทบาทและปญั หาของการใช้คอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอน, รวมบทความเทคโนโลยที าง การศึกษา : ศูนยเ์ ทคโนโลยีทางการศึกษา, กรมการศึกษานอกโรงเรยี น. สมพงษ์ แคสา, (2533), การสร้างบทเรียนคอมพิวเตอรช์ ่วยสอน เรื่อง “คำสั่งในภาษาเบสคิ ”ตามหลกั สตู ร ประกาศนยี บัตรวชิ าชพี เทคนิค กรมอาชวี ศกึ ษา พทุ ธศักราช 2527, วิทยานพิ นธ์ปริญญาการศกึ ษา มหาบณั ฑติ สาขาวิชาเทคโนโลยกี ารศึกษา มหาวิทยาลยั ศรีนครนิ ทรวิโรฒประสานมติ ร หนา้ ค. ประเวศร์ เดีย่ ววานชิ , (2535), การสรา้ งบทเรยี นคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอนเร่อื ง คำสัง่ พนื้ ฐานทใ่ี ชค้ วบคุม เครือ่ งกลึง CNC ระดบั ประกาศนยี บตั รวิชาชพี , วทิ ยานิพนธป์ รญิ ญาครศุ าสตร์อุตสาหกรรม มหาบัณฑติ สาขาวชิ าเคร่อื งกล สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกลา้ พระนครเหนือ, หนา้ ค. ไพฑูรย์ นพกาศ, (2535), การพัฒนาบทเรยี นคอมพิวเตอรช์ ่วยสอน สำหรับสอนซ่อมเสรมิ วชิ า คณติ ศาสตร์ เร่อื ง การแยกตัวประกอบพหนุ าม”ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 3, วทิ ยานพิ นธ์ ปรญิ ญาศึกษาศาสตร มหาบณั ฑติ สาขาวชิ าเทคโนโลยกี ารศกึ ษา มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์,. รจุ ริ า ชำนวิ กิ ัยเดช, (2536), การพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน วิชา พาณิชยศิลป์ เรอ่ื ง การออกแบบ ลักษณะซำ้ สำหรบั นกั เรยี นช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 3, วิทยานพิ นธป์ รญิ ญาศกึ ษาศาสตร์มหาบณั ฑติ สาขาวชิ าเทคโนโลยีการศึกษา มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์,. เตรยี มพล ขอดคำ, (2536), ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี น “ความรเู้ บ้ืองตน้ เกยี่ วกับไฟฟา้ ”โดยใชค้ อมพิวเตอร์ ชว่ ยสอน ระหว่างการเรียนแบบกลุ่มกบั การเรยี นแบบรายบคุ คล ของนักเรียนช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 2 โรงเรยี นศรพี ฤฒา กรุงเทพมหานคร, วทิ ยานิพนธ์ปรญิ ญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวชิ า เทคโนโลยีการศกึ ษา หาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์,. สวุ ทิ ย์ สินท,ี (2537), การทดลองใช้บทเรยี นคอมพวิ เตอรช์ ่วยสอนที่มีการใหข้ ้อมูลปอ้ นกลบั แบบอธิบายและไม่ อธบิ ายคำตอบในวิชาความรู้เบ้ืองตน้ เก่ยี วกับคอมพิวเตอรร์ ะดับมัธยมศึกษาตอนตน้ ,วิทยานพิ นธ์ ปริญญาครศุ าสตร์อตุ สาหกรรมมหาบณั ฑติ สาขาวิชา เทคโนโลยเี ทคนิคศึกษา สถาบนั เทคโนโลยี
นวตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศทางพระพทุ ธศาสนา ๙๐ พระจอมเกล้าพระนครเหนือ,สุวรรณ เกษร, (2537), การศึกษาเปรยี บเทียบผลสัมฤทธิ์ ความคงทนและ ความชอบทางการเรียนจากบทเรียนคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอนที่เรยี นเป็นรายบคุ คลและรายกลุ่มท่ีมี ขนาดของกลุ่มตา่ งกนั วชิ าอุปกรณ์อเิ ลก็ ทรอนิกสแ์ ละวงจร 2, วทิ ยานิพนธ์ปรญิ ญาครุศาสตร อุตสาหกรรมมหาบัณฑิต สาขาวชิ าเทคโนโลยีเทคนคิ ศึกษา สถาบันเทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ พระนคร เหนือ, หนา้ ค. ธรี ะศกั ดิ์ นรสิงห์, (2538), การทดลองใชบ้ ทเรยี นคอมพิวเตอร์ทนี่ ำเสนอเนื้อหาแบบอุปมานและอนุมานในวิชา ทฤษฎเี ครอื่ งยนตแ์ กส๊ โซลีน, วิทยานิพนธป์ ริญญาครุศาสตรอ์ ตุ สาหกรรมมหาบัณฑิต สาขาวชิ า เทคโนโลยเี ทคนิคศึกษา สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนอื , หนา้ ค. สุวิทย์ ไวยกลุ , (2538), ผลการใชค้ อมพิวเตอรช์ ่วยสอนที่มีต่อการตัดสนิ ใจในการออกแบบ,วทิ ยานิพนธ์ ปริญญาครุศาสตร์อุตสาหกรรมมหาบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยเี ทคนคิ ศกึ ษา สถาบนั เทคโนโลยี พระจอมเกลา้ พระนครเหนือ,. วัลลภ พัฒนพงศ,์ (2538), การศึกษาเปรียบเทยี บผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนจากบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน และแบบเรยี นโปรแกรมในการสอนวชิ าเขยี นแบบงานท่อ, วทิ ยานพิ นธป์ ริญญา ครศุ าสตร์ อุตสาหกรรมมหาบัณฑิต สาขาวชิ าเทคโนโลยีเทคนคิ ศึกษา สถาบนั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ พระ นครเหนือ,. ธนกร นาคประกอบ, (2539), การศกึ ษาเปรียบเทียบผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนระหว่างนกั เรยี นท่ีมบี คุ ลกิ ภาพ แบบเกบ็ ตวั และบคุ ลกิ ภาพแบบแสดงตวั โดยใชค้ อมพวิ เตอร์ช่วยสอน, วิทยานิพนธ์ปริญญาการศึกษา มหาบัณฑติ สาขาวชิ าเทคโนโลยกี ารศกึ ษา มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์,. สุพรรณ แกว้ ฝัน้ , (2539), การพฒั นาบทเรยี นคอมพิวเตอร์ช่วยสอนประกอบการสอน เรอื่ งสไควเรลเกจอิน ดักช่นั มอเตอร์, วทิ ยานิพนธป์ รญิ ญาครุศาสตรอ์ ุตสาหกรรมมหาบณั ฑติ สาขาวิชาครุศาสตร์เคร่อื งกล สถาบนั เทคโนโลยพี ระจอมเกล้าธนบุรี,. มนตช์ ัย เทยี นทอง, (2539), การพัฒนาบทเรยี นคอมพิวเตอร์ช่วยสอนระบบมลั ติมเี ดยี สำหรบั ฝึกอบรมครู- อาจารย์และนักฝึกอบรมเรอ่ื งการสร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน,วิทยานิพนธค์ รุศาสตร์ อตุ สาหกรรมดุษฎีบัณฑิต สาขาวชิ าเทคโนโลยเี ทคนิคศึกษา สถาบันเทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ พระนคร เหนอื ,. กมล ทวนพรมราช, (2539), การใชค้ อมพิวเตอร์ช่วยสอนทมี่ ีต่อการเรียนกตกิ าเซปักตะกรอ้ ของนกั เรยี นชัน้ มัธยมศกึ ษาตอนตน้ , วทิ ยานิพนธป์ ริญญาศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑิตสาขาวิชาพลศึกษา มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์,. นิคม ลนขุนทด, (2540), การศึกษาเปรยี บเทียบผลสัมฤทธิแ์ ละความคงทนทางการเรียนจากบทเรยี น คอมพิวเตอร์ช่วยสอนท่ีเสนอเนื้อหาแบบต่อเน่อื งกนั แบบสมบูรณใ์ นการสอนเรอ่ื งลอจกิ เกตพื้นฐาน, วทิ ยานพิ นธป์ ริญญาครุศาสตรอ์ ุตสาหกรรมมหาบัณฑติ สาขาวิชาเทคโนโลยีเทคนคิ ศึกษา สถาบนั เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ, หน้า ค. สมศกั ดิ์ จีวฒั นา, (2541), สร้างบทเรียนคอมพิวเตอรช์ ่วยสอนวิชาระบบการสื่อสารขอ้ มูลหลักสตู รคอมพวิ เตอร์ ศึกษาของสถาบนั ราชภัฏ, วทิ ยานิพนธป์ รญิ ญาครศุ าสตร์อุตสาหกรรมมหาบัณฑติ สาขาวิชา คอมพวิ เตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี, หน้า 84-88. ไพโรจน์ ตรี ณธนากุล, ไพบูลย์ เกยี รตโิ กมล และสิรลิ ักษณ์ ตีรณธนากุล, (2542), Design IMM Computer Instruction การออกแบบการสอนบทเรยี นคอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอน, มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีพระจอม เกลา้ ธนบรุ ี,. อำนวย เดชชยั ศรี, (2539), บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน, วารสารกองทนุ สงเคราะห์การศกึ ษาเอกชน, ปที ี่ 7, ฉบับที่ 67, พ.ย..
นวัตกรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศทางพระพทุ ธศาสนา ๙๑ สรพสั ยิ้มนวล, (2536), “แนวทางในการออกแบบบทเรยี น CAI,” วารสารสถาบนั พฒั นาหลักสตู รครู อาชวี ศกึ ษา, ปที ี่ 3, ฉบบั ท่ี 6,. ไชยยศ เรอื งสวุ รรณ, (2533), เทคโนโลยีการศึกษาทฤษฎีและการวจิ ัย, โอเดียนสโตร์,. บุญชม ศรีสะอาด, (2535), การวิจัยเบือ้ งตน้ , พมิ พ์คร้งั ที่ 2, สวุ รี ิยาสาส์น,.
Search