นวัตกรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศการศึกษา ๔๕ งาน/การบ้าน สไลด์ประกอบการบรรยาย ประกาศต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้องกับการเรียนการสอน นอกจากน้ันแล้วยังสามารถใช้เคร่ืองมือออนไลน์สาหรับการสื่อสารระหว่างผู้เรียนกับผู้เรียน หรือ ผู้เรียนกบั ผู้สอนผ่านทาง e-mail หรือ Web Board และการส่งงานและตรวจงานผ่านเครือข่ายซึ่งจะ ทาให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากงานของเพื่อนด้วย การใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ช่วยให้มีเวลาในการปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนกับผู้เรียน และผู้สอนกับผู้เรียนมากข้ึน ทาให้ผู้สอน สามารถใช้เวลาในช้ันเรียนสาหรับทากิจกรรมการเรียนการสอนอื่น เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ เช่น การ อภิปราย (discussion) การแก้ปัญหา (problem solving) การซักถาม (inquiry) และการปฏิบัติ (practice) มากขึ้น โดยเน้ือหาสาระที่จะศึกษาได้นาเสนอบนเว็บล่วงหน้าให้นักศึกษาแล้ว- (Campos,๒๐๐๑) การเรียนการสอนทางไกลแบบออนไลน์ จะเป็นการเรียนการสอนแบบ asynchronous เป็นส่วนใหญ่ น่ันคือผู้เรียนจะเรียนเนื้อหาบทเรียน (courseware) ด้วยตนเอง ไม่มีการจัดช้ันเรียน ดังน้ันวิธีการจัดการสาหรับผู้สอนที่จะทาให้ผู้เรียนประสบความสาเร็จในการเรียนและเกิดการเรียนรู้ จึงเป็นงานวิจัยและพัฒนาที่ท้าทาย Parker & Gemino (๒๐๐๑) ได้นาเสนอ Learning Process Model เปรยี บเทียบการเรยี นการสอนแบบปกติกับการเรยี นการสอนออนไลน์ กระบวนการเรียนรู้ (Learning Process) ของนักเรียนเป็นผลมาจาก เนื้อหาบทเรียน (Material to be Learned) วิธีการเรียน (Learning Approach) รูปแบบการนาเสนอ (Format) และคุณลักษณะของผู้เรียน (Learner Characteristics) ดังนั้นในการพัฒนารายวิชาสาหรับการเรียน การสอนแบบออนไลน์ ต้องพิจารณาองคป์ ระกอบหลัก ๔ ประการน้ี ซง่ึ จะขอเปรยี บเทียบโดยย่อดังนี้ ๔.๖.๑ เนอื้ หาบทเรียน (Material to be Learned) อาจจะเปน็ เอกสารประกอบการสอน หรือตาราที่เป็นเอกสารสิ่งพิมพ์ก็ได้ท่ีกาหนดให้ ผู้ เรียนศึกษา หรือจะเป็นเน้ือหาที่เป็นสื่อออนไลน์ (courseware) ท่ีผู้สอนทาข้ึนหรือคัดสรรมาซ่ึงส่วน นจ้ี ะเหมือนกันท้งั การสอนแบบปกติและการสอนแบบออนไลน์ แต่ในการเรียนการสอนแบบออน ไลน์ ที่สมบูรณน์ ัน้ เนือ้ หาบทเรียนควรจะเรยี กดูและพิมพ์ไดจ้ ากเวบ็ ๔.๖.๒-วิธกี ารเรยี น-(Learning๓Approach) วิธีการเรียนการสอน(Teaching/Learning Approach) ซึ่งในการสอนแบบปกติ อาจารย์ผู้สอนส่วนใหญ่จะใช้วิธีการบรรยายเน้ือหาเป็นหลัก เป็นการเรียนการสอนแบบครูเป็น ศูนย์กลาง ทาให้ผู้เรียนขาดทักษะในการอ่านและเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนการสอนออนไลน์ช่วย ส่งเสริมให้ผเู้ รยี นฝกึ ทกั ษะการเรยี นด้วยตนเอง โดยมีครูผู้สอนเป็นผู้คอยกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ เช่น การตงั้ โจทย์ให้ผู้เรียนคิดหรือแก้ปัญหา เป็นผู้ตอบคาถามผู้เรียนเม่ือมีข้อสงสัย Campos (๒๐๐๑) ได้ สรุปว่าการจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ท่ีให้ผลดีคือแบบผสมผสาน (mixed mode) ระหว่าง การเรียนแบบพบกันในช้ันเรียนและการเรียนแบบออนไลน์ ซ่ึงวิธีการนี้ได้ดาเนินการจริงโดยสถาบัน บัณฑิตวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทย (http://www.learn.in.th) ซึ่งใช้วิธีการที่เรียกว่า เรียน เสมือน + เรยี นจริง (virtual + real) และถา้ หากสามารถจะสอนกลุ่มนักเรยี นในชั้นแบบปกติควบคู่ไป กับการสอนกลุ่มนักเรียนแบบออนไลน์จะเป็นวิธีการท่ีดีที่สุด เพ่ือเป็นการประกันคุณภาพการศึกษา ของการเรยี นการสอนในระบบออนไลน์
นวตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศการศึกษา ๔๖ ๔.๖.๓-คุณลักษณะของผเู้ รียน(LearnerCharacteristics) ก็เป็นปัจจัยสาคัญท่ีมีผลต่อการเรียนรู้ ผู้เรียนในระบบการเรียนการสอนออนไลน์ ต้องมีคุณ ลกั ษณะพิเศษทมี่ ากกวา่ ผูเ้ รยี นในระบบปกติ ได้แก่ ผู้เรียนต้องมีความสามารถหรือทักษะใน การใช้เครื่องมือออนไลน์ในการศึกษา ผู้เรียนต้องมีอุปกรณ์ท่ีจาเป็นในการเรียน ได้แก่ เคร่ือง คอมพิวเตอร์ท่ีต่อกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต หากผู้เรียนยังขาดทักษะท่ีจาเป็นผู้สอนต้องจัดให้มีการ สอนเสริมขึ้น โดยสรุปการเรียนการสอนแบบออนไลน์ เป็นการเรียนการสอนซ่ึงอาศัยเทคโนโลยี คอมพิวเตอร์และเครือข่ายคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยสนับสนุนการเรียนการสอน (Computer Mediated Communication) โดยท่ีนักเรียนท่ีลงทะเบียนเรียนแบบออนไลน์จะเรียนไปพร้อมกับ นักเรียนที่เรียนในแบบปกติ (แต่อาจจะช้ากว่า ๑-๒ สัปดาห์ก็ได้) จะต่างกันท่ีว่าผู้เรียนจะเรียนด้วย ตนเองเป็นส่วนใหญ่ โดยศึกษาจากคู่มือนักเรียน ซ่ึงระบุถึงแผนการเรียนทุกคาบว่านักเรียนจะต้อง ศึกษาเร่ืองอะไร ต้องปฏิบัติอย่างไร ทากิจกรรม และแบบฝึกหัดอะไรบ้าง คู่มือนักเรียนและเนื้อหา บทเรียน ตลอดจนเอกสารประกอบการบรรยาย (จากการเรียนการสอนแบบปกต)ิ ผู้เรียนสามารถท่ีจะ Downloadได้จากเครือข่ายมาไวใ้ นคอมพวิ เตอร์ของตนเองเพื่อศกึ ษาต่อไป เพ่ือให้ผู้สอนและผู้เรียนได้มีโอกาสรู้จักกัน จะได้มีการจัดการแบบพบกัน (face to face) เพอ่ื แนะนาวชิ า และในแต่ละรายวชิ าอาจจะจัดให้มกี ารสอนเสรมิ หรืออภิปรายในช้ันเรียนได้ตามความ เหมาะสม นักเรียนที่ลงทะเบียนเรียนแบบออนไลน์จะต้องมีทักษะในการใช้คอมพิวเตอร์ เพ่ือการ ส่อื สารและการสืบคน้ สารสนเทศผา่ นเครือขา่ ยอนิ เทอรเ์ นต็ โดยผู้เรียนสามารถจะเรียนรู้ด้วยตนเองได้ จากเอกสารประกอบการเรียนที่จะได้รับ หรือจากการอบรมท่ีจัดให้เป็นการเฉพาะ(short๓course๓ training) มีการติดต่อส่ือสารระหว่างผู้สอนกับผู้เรียน หรือ ผู้เรียนกับผู้เรียน อย่างสม่าเสมอ (เช่น สัปดาห์ละ ๑ คร้ัง) เหมือนการเรียนการสอนปกติ แต่เป็นการติดต่อผ่านทางเครือข่าย เครื่องมือท่ีใช้ ได้แก่ e-mail และ Web Board ในลักษณะ asynchronous หรือ conferencing แบบ synchronous โดยใช้ Chat Room, ICQ, หรือ NetMeeting เป็นต้น ซึ่งการส่ือสารแบบ synchronous นจ้ี ะมกี ารวางแผนและกาหนดตารางลว่ งหน้าทีช่ ดั เจน การบ้านหรืองานท่ีมอบหมายและเป็นส่วนหนึ่งของการวัดผลจะถูกส่งจากผู้เรียนมายัง ผู้สอนผ่านทางเครือข่าย เพื่อการประเมิน และในทานองเดียวกันผลการประเมินก็จะถูกส่งกลับไปยัง ผู้เรียนผ่านทางเครือข่าย การสอบทุกคร้ังจะเป็นการสอบแบบปกติ คือมีการกาหนดวัน เวลา และ สถานทีท่ ี่ชดั เจน ๔.๗-การศกึ ษาทางไกล-(Distance-Education) ระบบการศกึ ษาที่ผู้เรียนและผู้สอนอยู่ใกล้กัน แต่สามารถทาให้เกิดการเรียนรู้ได้โดยอาศัย สื่อการสอนในลักษณะของส่ือประสมโดยการใช้ส่ือต่างๆร่วมกัน อาทิเช่น ตาราเรียน เทปเสียง
นวตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศการศกึ ษา ๔๗ แผนภูมิ หรือโดยการใช้อุปกรณ์ โทรคมนาคมและส่ือมวลชนประเภทวิทยุและโทรทัศน์มาช่วยในการ แพร่กระจายการศึกษาไปยงั ผทู้ ่ีปรารถนาจะเรยี นรูไ้ ด้อย่างกว้างขวางทั่วทุกท้องถ่นิ ๔.๗.๑ หลักการของการศึกษาทางไกล ๑.การศึกษาตลอดชีวิต ซ่ึงถือเสมือนว่าการศึกษาเป็นปัจจัยที่ห้าของการดารงชีพจึง สมควรใช้การศึกษาเป็นปัจจัยในการพัฒนาคุณภาพชีวิตโดยไม่จาเป็นต้องแยกชีวิตออกจาการเรียน ออกจากชีวิตการทางาน การศึกษาจึงน่าจะเป็นกระบวนการที่สอดแทรกอยู่ได้ในวิถีการดาเนินชีวิต ปกติผู้ที่สนใจสามารถเรียนเมื่อไรก็ได้โดยคานึงถึงความพร้อม ความถนัด ความต้องการและความ สนใจโดยไม่จาเป็นต้องเรยี นเพ่ือเป็นอาชพี การงาน ๒.การให้โอกาสเทา่ เทียมกนั ทางการศึกษา เป็นทางเลือกและทางออกไปสู่อุดมคติใน การแก้ปัญหาเรื่องความเสมอภาคทางการศึกษาเป็นการกระจายและขยายโอกาสให้ผู้ที่ต้องละท้ิง การศึกษาก่อนจบหลักสูตรหรือผู้ที่ไม่มีโอกาสศึกษาเล่าเรียนและผู้ท่ีต้องการศึกษาเพิ่มเติมได้มีโอกาส ไดศ้ กึ ษาต่อเพอ่ื ให้สอดคล้องกับหลักการศึกษาตลอดชวี ติ ๓.สง่ เสริมการศึกษามวลชน เป็นการให้ดารศึกษาแก่มวลชนในระดับต่างๆโดยการใช้ ส่ือมวลชนหรือสื่ออื่นๆร่วมกันในรูปของส่ือหลายแบบรวมท้ังการใช้สื่ออุปกรณ์โทรคมนาคมประเภท ตา่ งๆด้วย ๔.๗.๒ ลักษณะสาคญั ของการศกึ ษาทางไกล ระบบการศกึ ษาทางไกล มีลักษณะของการจัดการศึกษาที่ต่างไปจากระบบการเรียน การสอนโดยปกติ ซ่ึงอาจจะสรุปลักษณะท่ีสาคัญของระบบการศึกษาทางไกลได้ดังนี้ ๑. ผู้เรียนผูส้ อนไมอ่ ยูป่ ระจันหน้ากนั เนื่องจากผู้เรียนไม่สามารถมาเข้าช้ันเรียน โดย ปกติไดด้ งั นน้ั ผู้เรยี นจะเรียนด้วยตนเองทีบ่ า้ น โดยอาจมาพบผู้สอนในบางเวลา ๒. เน้นผูเ้ รยี นเป็นจดุ ศูนย์กลางของการเรยี น ผู้เรียนเป็นผู้เลือกวิชาและกาหนดเวลา เรียนและกิจกรรมการเรยี น ของตนเอง ๓. ส่ือการสอนเป็นส่ือหลักในกระบวนการเรียนการสอน ผู้สอนจะเป็นส่ือหลัก ใน การศกึ ษาทางไกลส่ือหลักจะเปน็ ส่ือสิง่ พิมพ์ วทิ ยโุ ทรทัศน์ วทิ ยกุ ระจายเสียง ฯลฯ เป็นสื่อหลกั ๔.๗.๓ ส่อื การสอนกับการศกึ ษาทางไกล เนื่องจากผู้เรียนต้องศึกษาด้วยตนเองเป็นส่วนใหญ่ ดังน้ันสื่อการสอนจึงมี ความสาคัญยิ่งสาหรับการศึกษาทางไกล ซ่ึงส่ือการสอนท่ีใช้อาจแบ่งออกได้เป็น ๓ ประเภท ได้แก่ ๑.สื่อสิ่งพิมพ์ เป็นส่ือประเภทสิ่งพิมพ์ได้แก่ เอกสารตารา แบบฝึกปฏิบัติ ผู้เรียนจะ อาศัยสื่อส่ิงพิมพ์เป็นสื่อหลักเนื่องจากราคาถูก เก็บได้นานและไม่จาเป็นต้องใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ประกอบ ๒.สื่อโสตทัศนูปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์ นับได้ว่าเป็นส่ือรองจากสื่อส่ิงพิมพ์ท่ีจะช่วยใน การเสริมความรู้ในกระบวนการเรียนของผู้เรียน โดยอาจจะเป็นการสอนทางโทรทัศน์ เทปเสียง บรรยาย เทปวีดทิ ัศน์ รายการวิทยุกระจายเสียง ๓.อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์และระบบโทรคมนาคม เน่ืองจากการพัฒนาการของอิเล็กทรอนิกส์ และระบบโทรคมนาคมเป็นไปอย่างรวดเร็ว จึงมีการนาเอามาใช้ในการจัดการศึกษาทางไกล โดยใช้
นวัตกรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศการศกึ ษา ๔๘ ระบบดาวเทียมและท่อใยแก้วนาแสงในการส่งข่าวสารข้อมูล มีการนาคอมพิวเตอร์มาใช้อย่างมี ประสิทธิภาพยง่ิ ๔.๘-การศึกษาในระบบและการศึกษานอกระบบกบั การศึกษาทางไกล ๑.การศึกษาในระบบ การศึกษาทางไกลเขา้ มามบี ทบาทสาคัญย่ิงในการจัดการศึกษา ทั่วการศึกษาในระบบและการศึกษานอกระบบ มีหลายหน่วยงานที่จัดการศึกษาทางไกล ท้ังในระดับ ต่ากว่าอุดมศึกษาและระดับอุดมศึกษา การศึกษาในระบบโดยทั่วไปก็คือการท่ีผู้เรียนมาเรียนในช้ัน เรียนปกติมีผู้สอนอยู่ในช้ันเรียน สาหรับการศึกษาทางไกลมีลักษณะท่ีผู้เรียนและผู้สอนไม่ได้อยู่ ประจันหน้ากัน ผู้สอนจะอยู่ห่างไกลจากชั้นเรียนออกไป การศึกษาทางไกลสาหรับการศึกษาในระบบ ระดับต่ากว่าอุดมศึกษา ซ่ึงดาเนินการโดยกรมสามัญศึกษา และในระดับ อุดมศึกษาได้แก่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตรสถาบันราชภัฏสวนดุสิตและ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยสี ุรนารเี ป็นต้น ๒. การศึกษานอกระบบ การศึกษานอกระบบจะเป็นลักษณะของการศึกษาที่ไม่มี เวลาเรียนแน่นอนตายตัว ไม่มีการกาหนดอายุของผู้เรียน ผู้เรียนจะมาเข้าช้ันเรียนหรือไม่ก็ได้ การ เรียนการสอนอาจจะมาพบกนั ณ ศูนยบ์ รกิ ารวชิ าการหรืออาจจะเรียนผ่านรายการโทรทัศน์ท่ีบ้าน จะ มีการสอนในระดับต่ากว่าอุดมศึกษาซึ่งดาเนินการโดยกรมการศึกษานอกโรงเรียนส่วนในระดับอุดม ศึกษาก็ไดแ้ กส่ ถาบนั ราชภฏั สวนดุสติ มหาวทิ ยาลยั รามคาแหงและหาวิทยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธริ าช ๔.๘.๑ ข้อดขี องการศกึ ษาทางไกล ดังกล่าวแล้วว่ามีการจัดการศึกษาทางไกลสาหรับการศึกษาในระบบและการศึกษานอก ระบบ ดังนนั้ จงึ อาจกลา่ วได้วา่ การศกึ ษาทางไกลมีขอ้ ดีหรือมีประโยชน์ต่อการศึกษาต่าง-ๆ๓ในแง่มุม- ดังนี้ ๑.ผเู้ รยี นได้เรียนกับผสู้ อนทีม่ คี วามเช่ยี วชาญในเนอ้ื หานั้น-ๆ ๒.สามารถบันทึกคาบรรยายหรือการสอนส่งผ่านคอมพิวเตอร์ หรือโทรทัศน์ไปยังผู้เรียนได้ โดยสะดวก ๓.ผูเ้ รียนท่ีอยู่ในการศกึ ษานอกระบบ ไม่จาเป็นตอ้ งเดินทางมายังสถานศึกษาเหมือนปกติและ ยงั สามารถทางานในสถานประกอบของตนเองได้ ๔.ตอบสนองความตอ้ งการในการแสวงหาความรู้เพ่ือพัฒนาคน และพัฒนางานในวิชาชีพของ บคุ คลได้ โดยไม่ต้องเขา้ รบั การศึกษาในสถานศึกษาในระบบปกติ ๔.๘.๒ ขอ้ จากดั ๑.การใช้โทรทัศน์เป็นการส่ือสารทางเดียวผู้เรียนผู้สอนไม่สามารถพูดจาโต้ตอบกันได้ ๒.โทรทัศน์มิใช่เป็นอุปกรณ์ที่ใช้แทนผู้สอนได้อย่างสิ้นเชิง ผู้เรียนจึงจาเป็นต้องศึกษาบท เรียนเพ่ิมเติมจากส่ืออื่น ๆประกอบด้วย หรือผู้สอนต้องเป็นผู้ช่วยเหลือแนะแนวทางหรืออธิบาย เพิม่ เตมิ ประกอบการชมรายการหรอื บทเรียนทางโทรทัศนด์ ว้ ย ๓.อาจเกิดอปุ สรรคในด้านการส่ือสาร เช่นกระแสไฟฟ้าขัดข้อง หรือส่ิงแวดล้อมของผู้เรียนไม่ เออ้ื อานวยทาใหข้ าดสมาธิในการเรียน
นวตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศการศึกษา ๔๙ ๔.การผลิตรายการอาจไมด่ ีพอทาให้การสอนไมน่ ่าสนใจเทา่ ทค่ี วร ๕.จาเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายสูงในการจัดซื้ออุปกรณ์ท่ีสามารถถ่ายทาและใช้เทคนิค วิธีการในการผลิตรายการท่ีมีคณุ ภาพ ๔.๙-E-learning หมายถงึ -การเรยี นผา่ นทางสื่ออิเล็กทรอนกิ ส์ ซง่ึ ใช้การนาเสนอเนื้อหาทางคอมพิวเตอร์ ในรูป ของส่ือมัลติมีเดีย ได้แก่ ข้อความอิเล็กทรอนิกส์ ภาพนิ่ง ภาพกราฟิก ภาพเคลื่อนไหว ภาพสามมิติ ฯลฯ e-learning เป็นการสร้างส่ิงแวดล้อมทางการเรียนให้มีประสิทธิภาพมากย่ิงข้ึน ทั้งนี้ เพราะมี งานวิจัยหลายช้ินท่ี สนับสนุนว่าเน้ือหาการเรียน ซ่ึงถูกถ่ายทอดผ่านทางมัลติมีเดียน้ันสามารถทาให้ ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดีกว่า การเรียนจากสื่อข้อความเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ การท่ีเน้ือหาการ เรียนอยู่ในรูปของข้อความอิเล็กทรอนิกส์ (e-text) ซ่ึงได้แก่ข้อความซึ่งได้รับการจัดเก็บ ประมวล นาเสนอ และเผยแพร่ทางคอมพิวเตอร์จงึ ทาใหม้ ี ข้อไดเ้ ปรียบส่ืออ่นื ๆ หลายประการ โดยเฉพาะอย่าง ย่ิงในด้านการเข้าถึงข้อมูลท่ีต้องการด้วยความสะดวก และรวดเร็วความคงทนของข้อมูล รวมท้ัง ความสามารถในการทาขอ้ มูลให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา ๔.๙.๑/ITกบั E-Learning การใช้ IT เพ่ือการเรียนการสอนในลักษณะของ e-learning ในยุคปัจจุบันจะมีการ ใช้อุปกรณ์ คอมพิวเตอร์ ท้ังในลักษณะของ Stand Alone และการเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์เป็น เครอื ข่าย สามารถเชอื่ มโยงเข้าสู่อินเตอร์เน็ต เพ่ือค้นหาและแลกเปล่ียนข้อมูลสารสนเทศนอกจากน้ัน e-learningจะเกย่ี วขอ้ งโดยตรงกบั สงิ่ ตอ่ ไปนี้ ๑.สอื่ การเรยี นการสอนแบบส่อื ประสม (Multimedia) เป็นสอ่ื ทีม่ ีการนาเสนอเนื้อหาในรูปแบบ ท้ังภาพ และเสียง มีปฏิสัมพันธ์ (Interaction) กับผู้เรียน ช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพการเรียนการ สอน ช่วยลดความ ยุ่งยากซบั ซ้อน ของเน้ือหาวิชาบางตอน ท่ีค่อนข้างจะเป็นนามธรรม นอกจากน้ีสื่อ นี้บางสว่ นเป็นแบบฝึกหดั ท่ีจะชว่ ยทบทวนความรขู้ องผู้เรยี นด้วย ๒.การใช้ทรัพยากรทางการศึกษาร่วมกัน (Education Resources Sharing) การพัฒนา องคก์ รความรู้บนเครือข่ายคอมพิวเตอร์เพื่อเผยแพร่ และแลกเปลี่ยนความรู้ทางวิชา การบนเครือข่าย อิ น เ ต อ ร์ เ น็ ต เ ป็ น ค ลั ง ทุ ก แ ข น ง ท่ี พ ร้ อ ม ใ ห้ จ ะ ใ ห้ บ ริ ก า ร บ น เ ค รื อ ข่ า ย ใ น ห ล า ย รู ป แ บ บ ๓. การเรียนการสอนทางไกล (Long Distance Learning) การเรียนการสอนทางไกลของวง การศกึ ษา ไทย ได้มีการววิ ัฒนาการตามลาดับก่อนท่ีจะเป็นรูปแบบของ e-learningในปัจจุบันน้ีโดยมี วิวฒั นาการทน่ี ่าสนใจตามลาดับดังนี้ ๓.๑การเรยี นการสอนทางไปรษณีย์ ๓.๒การเรยี นการสอนทางวิทยุกระจายเสยี ง ๓.๓การเรยี นการสอนผา่ นทางโทรทศั น์และผา่ นเครือข่ายดาวเทยี ม ๓.๔การเรียนการสอนผ่านทางคอมพิวเตอร์ และเครือข่ายอินเตอร์เน็ต การศึกษาที่ นยิ มในขณะนี้คอื Web
นวตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศการศกึ ษา ๕๐ Base learning เป็นการเรียนการสอนท่ีดาเนินการบนเครือข่ายคอมพิวเตอร์ มีความสะดวก และคล่องตัวสูงผู้เรียนสามารถเรียนที่ไหน และเวลาใดก็ได้ไม่มีข้อจากัด e - learning สนับสนุนการ จัดการการศึกษาตาม พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ ที่มีทางเลือกสาหรับ การเรียนรู้ตลอดชีวิต มีหลาย แนวทาง คอื การศึกษาในระบบ ท่ีเป็นการศึกษาในระบบโรงเรียน การกาหนด หลักสูตร มีระยะเวลา สาเร็จการศึกษาท่ีแน่นอน การศึกษาในระดับน้ีหากมีการใช้อุปกรณ์ด้าน IT ส่ือ Multimedia และ เครือขา่ ยอินเตอร์เน็ตสนบั สนุนการเรียนการสอนแล้วจะช่วยเสริมสร้างศักยภาพการเรียน การสอนใน การศึกษานอกระบบ เป็นการศึกษาที่มีความยืดหยุ่นในการกาหนดรูปแบบการศึกษา ระยะเวลา การ วัดประเมินผล หรือที่เรียกกันท่ัวไปว่าการศึกษานอกระบบโรงเรียน การศึกษานอกระบบนี้ส่ือต่าง ๆ และ ระบบการศึกษาทางไกล จะเปน็ ส่งิ ทจ่ี าเปน็ มาก การศกึ ษาตามอัธยาศัย เปน็ การศึกษาที่ผู้เรียนได้ เรียนรู้ด้วยตนเองตามความสนใจ ตามศักยภาพ ความพร้อม ซ่ึงการเรียนการสอนแบบ Web Based Learning ผา่ นเครอื ขา่ ยอนิ เตอร์เน็ตจะอานวย ความสะดวกให้ผู้เรียนมาก เพราะผู้เรียนสามารถเรียน ไดโ้ ดยไม่มีขอ้ จากัดของเวลาและสถานท่ี สามารถ เรียนได้ทันที อยู่ท่ีไหนก็เรียนได้ ขอเพียง เราเข้าถึง เครอื ขา่ ยอนิ เตอรเ์ น็ตไดเ้ กือบทุกแห่งทัว่ โลก ๔.๙.๒ เทคโนโลยที ีส่ มั พันธ์กบั E – Learning ๑. เทคโนโลยีระบบเครือขา่ ยคอมพวิ เตอรแ์ ละอนิ เตอร์เนต็ ๑.๑ อินเตอร์เน็ต ๑.๒ File Transfer Protocol (FTP) ๒. เทคโนโลยกี ารเขยี นเวบ็ เพจ ๒.๑ โปรแกรมต่าง ๆ เช่น Microsoft Front Page, Dream weaver ฯลฯ ๓ เทคโนโลยกี ารสร้างกระดาษถาม- ตอบอนิ เตอร์เน็ต ๔. เทคโนโลยมี ัลตมิ ีเดีย ๕. เครื่องมือสร้างแบบจาลองและรูปแบบการเรียนการสอนแบบปฏิสัมพันธ์ ๖. เครอ่ื งมือท่ีใช้ในการทดสอบ ๔.๙.๓-ประโยชนข์ อง-E-learning เพิ่มประสิทธิภาพการเรียนการสอน โดยการใช้ส่ือ Multimedia อุปกรณ์ คอมพิวเตอร์และ คลังความรู้เครือข่ายอินเตอร์เน็ตสนับสนุนการเรียนการสอนของครูและนักเรียน เกิดเครือข่ายของความรู้ คลังความรู้ที่ถูกสร้างและจัดเก็บบนเครือข่ายอินเตอร์เน็ตนี้สามารถ แลกเปล่ียนความรู้กันและกันได้ และความรู้จากแหล่งน้ีจะทันสมัยกว่าเอกสารตาราทั่วไป เพราะ ข้อมูลมีการ ปรับปรุง (Update) เป็นประจา ส่งเสริมผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ สืบคน้ วิชาความรตู้ า่ ง ๆ ได้ด้วยตนเองอาศัยสื่อ และ IT ทางการศึกษา โดยมีครู อาจารย์เป็นท่ีปรึกษา และช้ีแนะแนวทาง สร้างความเท่าเทียมทางการศึกษาระหว่างชนบทและเมือง โดยฝึกอบรมครู / อาจารย์ในชนบทให้มี ความสามารถเชื่อมต่อเข้าไป ศึกษาหาความรู้ในเครือข่าย อินเตอร์เน็ตได้ ส่ิง เหล่าน้จี ะช่วยให้เดก็ ในชนบท ได้เรียนรู้ ได้เครือขา่ ยสารสนเทศเพ่ิมและกระจาย โอกาสทางการศึกษา ใหค้ นไทยทง้ั ในเมอื งและชนบท ใชท้ รัพยากรทางการศึกษาร่วมกัน เน่ืองจากมีคลังความรู้บนเครือข่าย อินเตอร์เน็ตบริการให้คนทั่วโลก สามารถนาไปใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ สอดคล้องและสนับสนุนการ
นวัตกรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศการศกึ ษา ๕๑ ปฏิรูปการศึกษา เนื่องจากเป็นการนา IT มาส่งเสริมและสนบั สนนุ การศึกษาในระบบ นอกระบบ และ ตามอธั ยาศัย ตามท่กี าหนดไวใ้ นพระราชบัญญัติการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ.๒๕๔๒ ๔.๙.๔-ข้อพงึ ระวงั ของ-E-learning การขาดความเข้าใจในการใช้ Multimedia ครู / อาจารย์ควรจะได้รับการฝึกอบรม ก่อนการนาสื่อต่าง ๆ ไปใช้ในการเรียนการสอน โดยเฉพาะ Multimedia ที่ต้องใช้ร่วมกันกับอุปกรณ์ คอมพิวเตอร์น้ัน และการใช้ส่ือการเรียนการสอนที่มากจนเกินไปบางคร้ัง อาจจะเป็นการบั่นทอน ทักษะในการสร้างจินตนาการ ของนักเรียนได้ ซึ่งทาให้ความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนลดลงได้ การมองข้ามการพัฒนา EQ การเรียนการสอนในบางประเภทใน e-learning จะเป็น การศกึ ษาด้วยตนเอง ไมต่ อ้ งอาศัยชนั้ เรียน ไมม่ เี พอ่ื นรว่ มชนั้ เรยี น ทาใหผ้ ู้เรยี นขาดการเรียนรู้บางด้าน ของสังคมในช้ันเรียน เช่น ความมีมนุษยสัมพันธ์ การทางานเป็นทีม การปรึกษาหารือกัน เป็นต้น ซ่ึง หากมองข้ามส่ิงเหล่าน้ีไป ทาให้ ผู้เรียนมีพัฒนาการด้าน EQ ลดลงได้ การละเลยความรู้ทางด้าน คุณธรรม ผู้เรียนที่ผ่านการกระบวนการเรียนท่ีทันสมัยมีการใช้อุปกรณ์ IT สามารถรอบรู้และสืบค้น ข้อมูลทกุ อย่างที่ต้องการได้ทุกแนวทาง ดังน้ันกระบวนการเรียนการสอนใด ๆ ก็ตาม ควรมีการเรียนรู้ ควบคุมไปกับคุณธรรมและจริยธรรม การให้ความสาคัญมากกว่าสื่อมากกว่าครู / อาจารย์ บทบาทที่ สาคัญของครูมี ๓ ด้านด้วยกันคือ เป็นผจู้ ัดการเรยี นรู้ เป็นผู้อานวยความสะดวก และเป็นตัวกลางของ การมมี นุษยสมั พันธ์ คงจะเป็นเครื่องมือ ทชี่ ่วยสง่ เสริมการสอนของครูให้มปี ระสทิ ธิ ภาพสูงขึน้ การเสียดุลการค้าระหว่างประเทศ ส่วนใหญ่อุปกรณ์ทางด้าน IT เป็นส่ือ Multimedia ท่ีใช้กันใน ประเทศของเราในขณะนี้มักเป็นสินค้าท่ีส่ังซื้อจากต่างประเทศ จะส่งผลต่อการขาด ดุลการคา้ ของประเทศ ท่ีจะมเี พ่มิ ขนึ้ เรือ่ ย ๔.๙.๕ ปัจจยั หลกั ท่ชี ว่ ยสนับสนนุ ใหเ้ กิด3E-learning ๑. นโยบายดา้ นการศึกษาของชาติ ๒. วิสยั ทศั นข์ องผู้บริหารการศึกษาทุกระดับ ๓. ความรู้ความสามารถด้าน IT ของครู / อาจารย์ ๔. ความพร้อมด้านฮารด์ แวร์ และเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ ๕. ความพร้อมด้านซอฟแวร์ ๖. ความพร้อมของ Multimedia ท่มี คี ุณภาพ ๗. การสนับสนุนด้านงบประมาณอย่างต่อเนื่อง สรปุ ทา้ ยบท การเรยี นรูโ้ ดยผา่ นเทคโนโลยกี ารศึกษาเพ่อื พัฒนาทรัพยากรมนุษย์นน้ั เป็นสิ่งทมี่ คี วาม จาเปน็ อย่างมากสาหรับโลกยุคน้ี และ E-learning นกี้ ็จะเป็นเส้นทางหนึ่งท่ชี ่วยพัฒนาแต่ละประเทศ ใหส้ ามารถเข้าสู่ สงั คมยคุ IT ได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ ดังนน้ั IT เพื่อการศึกษาในหลาย ๆ รูปแบบจงึ ถูก นามาใช้ในการเรยี น การสอนมากย่งิ ขึ้นเร่ือย ทง้ั น้กี ็เพ่ือจะเปน็ การเตรยี มความพร้อม ทรัพยากร มนุษย์ ให้พร้อมท่จี ะเขา้ ส่สู ังคมยคุ ตอ่ ไปซ่ึงเป็นยุคของเทคโนโลยีชวี ภาพ (Biotechnology) ทมี่ ผี ลต่อ การเปล่ยี นแปลงสงั คมมนษุ ย์อกี มากมาย ทส่ี ดุ เท่าที่จะคาดการณ์ไดใ้ นขณะนี้
บทที่ ๕ ความรพู้ นื้ ฐานในการผลติ และใชส้ ่ือการเรยี นการสอน วตั ถปุ ระสงคก์ ารเรยี นประจาบท เมอ่ื ศกึ ษาบทท่ี ๕ จบแล้ว นสิ ติ สามารถ ๑.อธบิ ายระบบการผลิตสื่อการสอนได้ ๒.อธบิ ายการเลือกสอื่ การสอนได้ ๓.อธิบายการใช้สอ่ื การสอนได้ ๔.อธบิ าย การกาหนดการตอบสนองของผู้เรียนได้ ขอบขา่ ยเนอื้ หา ระบบการผลติ สือ่ การสอน การเลือกสือ่ การสอน การใชส้ ่ือการสอน การกาหนดการตอบสนองของผเู้ รียน
นวตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศการศกึ ษา ๕๓ ๕.๑ ความนา องคป์ ระกอบทสี่ าคญั ในการเรียนการสอนคอื สิ่งที่ครูมกั นาไปประกอบการเรียนการสอนนั่นก็ คือ ส่ือการสอนน่ันเอง ส่ือการสอนนับว่ามีประโยชน์มากเพราะสื่อการสอนเปรียบเป็นกุญแจสาคัญท่ี จะชว่ ยใหผ้ เู้ รยี นไดเ้ ขา้ ใจในเน้ือหาและได้เห็นภาพได้อย่างชัดเจนยิ่งข้ึนมากกว่าท่ีครูผู้สอนจะสอนโดย การมาบรรยายหรอื สอนตามเนอื้ หา โดยไม่มอี ุปกรณ์ช่วยสอนเลย สื่อการสอน คือ การนาสือ่ มาใช้ในการเรียนการสอน ซ่งึ เปน็ การนาวัสดุ เครื่องมือและวิธีการ มาประกอบในการถ่ายทอดความรู้และเน้ือหาไปยังผู้เรียน เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความรู้ในสิ่งท่ีครูได้ ถ่ายทอด รวมไปถึงมีความเข้าใจตรงตามเน้ือหา นอกจากน้ียังช่วยให้ผู้เรียนเรียนรู้ได้ง่ายยิ่งขึ้น และ ชว่ ยประหยดั เวลา ๕.๒ ความหมาย หมายถึง วัสดุ อุปกรณ์ และวิธีการ ซึ่งถูกนามาใช้ในการการเรียนการสอน เพ่ือเป็นตัวกลาง ในการนาส่งหรือถ่ายทอดความรู้ ทักษะ และเจตคติ จากผู้สอนหรือแหล่งความรู้ไปยังผู้เรียน ช่วยให้ การเรียนการสอนดาเนินไปอย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพ และทาให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตาม วัตถปุ ระสงคข์ องการเรียนการสอนทีต่ ั้งไว้1 ชอร์ส กล่าวว่า เครื่องมือท่ีช่วยส่ือความหมายจัดขึ้นโดยครูและนักเรียน เพื่อส่งเสริมการ เรยี นรู้ เครอ่ื งมือการสอนทกุ ชนิดจดั เปน็ ส่ือการสอน เชน่ หนงั สอื ในหอ้ งสมุด โสตทัศนวัสดุต่าง ๆ เช่น โทรทศั น์ วทิ ยุ สไลด์ ฟิล์มสตริป รูปภาพ แผนท่ี ของจริง และทรพั ยากรจากแหล่งชุมชน บราวน์ และคณะ กลา่ วว่า จาพวกอุปกรณ์ท้ังหลายท่สี ามารถช่วยเสนอความรู้ให้แก่ผู้เรียนจน เกิดผลการเรียนที่ดี ทั้งนี้รวมถึง กิจกรรมต่าง ๆ ท่ีไม่เฉพาะแต่ส่ิงที่เป็นวัตถุหรือเคร่ืองมือเท่านั้น เช่น การศกึ ษานอกสถานท่ี การแสดง บทบาทนาฏการ การสาธิต การทดลอง ตลอดจนการสัมภาษณ์และ การสารวจเปน็ ต้น เปรอ่ื ง กุมทุ กล่าวว่า สอ่ื การสอน หมายถึงสิ่งตา่ ง ๆ ท่ใี ชเ้ ป็นเคร่ืองมือหรือช่องทางสาหรับทา ใหก้ ารสอนของครถู งึ ผ้เู รยี นและทาให้ผู้เรียนเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์หรือจุดมุ่งหมายท่ีครูวางไว้ได้เป็น อยา่ งดี ชัยยงค์ พรหมวงศ์ ให้ความหมาย สื่อการสอนว่า วัสดุอุปกรณ์และวิธีการประกอบการสอน เพ่ือใช้เป็นส่ือกลางในการส่ือความหมายท่ีผู้สอนประสงค์จะส่ง หรือถ่ายทอดไปยังผู้เรียนได้อย่างมี ประสิทธิภาพนอกจากน้ี ยังมีคาอื่น ๆ ท่ีมีความหมายใกล้เคียงกับสื่อการสอน -เป็นต้นว่า ส่ือการเรียน หมายถึง เครื่องมือ ตลอดจนเทคนิคต่าง ๆ ที่จะมาสนับสนุนการเรียนการสอน เร้าความสนใจผู้เรยี นร้ใู หเ้ กิดการเรยี นรู้ เกดิ ความเข้าใจดขี ึ้น อย่างรวดเรว็ สื่อการศึกษา คือ ระบบการนาวัสดุ และวิธีการมาเป็นตัวกลางในการให้การศึกษาความรู้แก่ ผูเ้ รยี นโดยทั่วไป 1 ความหมายสือ่ การสอน.http://narissaraenglish.blogspot.com/๒๐๐๗/๐๘/๑.html
นวตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศการศึกษา ๕๔ โสตทัศนูปกรณ์ หมายถึง วัสดุท้ังหลายที่นามาใช้ในห้องเรียน หรือนามาประกอบการสอนใด ๆ ก็ตาม เพ่อื ช่วยใหก้ ารเขียน การพดู การอภิปรายน้ันเข้าใจแจม่ แจ้งยงิ่ ขึน้ 2 ๕.๓ ความสาคญั ไชยยศ เรืองสุวรรณ กล่าวว่า ปัญหาอย่างหน่ึงในการสอนก็คือ แนวทางการตัดสินใจจัด ดาเนินการให้ผู้เรียนเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมข้ึนตามจุดมุ่งหมาย ซึ่งการสอนโดยท่ัวไป ครูมักมี บทบาทในการจัดประสบการณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านเน้ือหาสาระ หรือทักษะและมีบทบาทในการ จดั ประสบการณเ์ พือ่ การเรียนการสอน ทงั้ นีข้ ึน้ อยกู่ ับตัวผ้เู รยี นแต่ละคนด้วยว่า ผู้เรียนมีความต้องการ อยา่ งไร ดังนั้นการจดั การเรยี นการสอนในรูปแบบน้ี การจัดสภาพแวดล้อมทีด่ เี พื่อการเรียนการสอนจึง มคี วามสาคญั มาก ท้ังนีเ้ พอื่ สร้างบรรยากาศและแรงจูงใจผู้เรียนให้เกิดความอยากเรียนรู้ และเพ่ือเป็น แหลง่ ศกึ ษาค้นคว้าหาความรู้ของผู้เรียนได้ตามจุดมุ่งหมาย สภาพแวดล้อมเพ่ือการเรียนรู้ทั้งมวลที่จัด ขึ้นมาเพ่อื การเรียนการสอนน้นั กค็ อื การเรยี นการสอนนน่ั เอง เอด็ การ์ เดล ไดก้ ล่าวสรปุ ถึงความสาคัญของสอ่ื การสอน ดังน้ี ๑.ส่ือการสอน ช่วยสร้างรากฐานท่ีเป็นรูปธรรมขึ้นในความคิดของผู้เรียน การฟัง เพยี งอย่างเดยี วน้นั ผู้เรยี นจะตอ้ งใช้จินตนาการเข้าช่วยดว้ ย เพอื่ ใหส้ ง่ิ ท่เี ป็นนามธรรมเกิดเป็นรูปธรรม ขึน้ ในความคิด แตส่ าหรบั สิง่ ทย่ี งุ่ ยากซบั ซอ้ น ผู้เรียนยอ่ มไม่มีความสามารถจะทาได้ การใช้อุปกรณ์เข้า ช่วยจะทาให้ผเู้ รียนมคี วามเข้าใจและสรา้ งรปู ธรรมข้นึ ในใจได้ ๒.สอ่ื การสอน ชว่ ยเรา้ ความสนใจของผเู้ รียน เพราะผเู้ รียนสามารถใช้ประสาทสัมผัส ไดด้ ว้ ยตา หู และการเคล่อื นไหวจับตอ้ งได้แทนการฟงั หรอื ดูเพียงอยา่ งเดียว ๓.เป็นรากฐานในการพัฒนาการเรียนรู้และช่วยความทรงจาอย่างถาวร ผู้เรียนจะ สามารถนาประสบการณ์เดิมไปสัมพันธ์กับประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้ เมื่อมีพ้ืนฐานประสบการณ์เดิมที่ดี อย่แู ล้ว ๔.ช่วยให้ผเู้ รยี นไดม้ ีพฒั นาการทางความคดิ ซึ่งต่อเน่ืองเป็นอันหน่ึงอันเดียวกันทาให้ เหน็ ความสัมพนั ธ์เกยี่ วข้องกับสิ่งตา่ ง ๆ เชน่ เวลา สถานที่ วฏั จักรของส่ิงมชี วี ิต ๕.ช่วยเพิ่มทักษะในการอ่านและเสริมสร้างความเข้าใจในความหมายของคาใหม่ ๆ ให้มากขึ้น ผู้เรียนที่อ่านหนงั สอื ช้ากจ็ ะสามารถอ่านได้ทันพวกทอี่ า่ นเรว็ ได้ เพราะได้ยินเสียงและได้เห็น ภาพประกอบกัน เปรื่อง กมุ ทุ ใหค้ วามสาคญั ของส่ือการสอน ดังนี้ ๕.๑-ชว่ ยให้คุณภาพการเรียนรู้ดีข้ึน เพราะมีความจรงิ จังและมี ความหมายชดั เจนตอ่ ผู้เรยี น ๕ . ๒ -ช่ ว ย ใ ห้ นั ก เ รี ย น รู้ ไ ด้ ใ น ป ริ ม า ณ ม า ก ขึ้ น ใ น เ ว ล า ที่ ก า ห น ด ไ ว้ จานวนหนง่ึ ๕.๓-ช่วยให้ผู้เรียนสนใจและมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในกระบวนการ เรียนการสอน 2 ความหมายของสอื การสอน.http://www.learners.in.th/blogs/posts/๓๐๐๓๓๗
นวัตกรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศการศึกษา ๕๕ ๕.๔-ช่วยให้ผู้เรียนจา ประทับความรู้สึก และทาอะไรเป็นเร็วข้ึน และดีขนึ้ ๕.๕-ช่วยส่งเสริมการคิดและการแก้ปัญหาในขบวนการเรียนรู้ของ นกั เรยี น ๕.๖-ช่วยให้สามารถเรียนรู้ในส่ิงท่ีเรียนได้ลาบาก โดยการช่วย แกป้ ญั หาหรือขอ้ จากัดตา่ ง-ๆ-ไดด้ ังน้ี -ทาส่งิ ที่ซบั ซ้อนให้งา่ ยข้ึน -ทานามธรรมให้มรี ูปธรรมข้นึ -ทาสิ่งทเี่ คลือ่ นไหวเรว็ ให้ดูชา้ ลง -ทาสงิ่ ทใี่ หญม่ ากใหย้ ่อยขนาดลง -สงิ่ ทีเ่ ล็กมากให้ขยายขนาดขึน้ -นาอดตี มาศึกษาได้ -นาส่งิ ทีอ่ ยูไ่ กลหรอื ลลี้ ับมาศึกษาได้ ๕.๗ ชว่ ยให้นักเรียนเรยี นสาเร็จง่ายขน้ึ และสอบได้มากขน้ึ เมือ่ ทราบ ความสาคัญของสื่อการสอนดังกลา่ วข้างต้นแล้ว สงิ่ ท่ีควรพิจารณาอีกประการก็คือ ประเภท หรอื ชนดิ ของสื่อการสอน ดังจะกลา่ วต่อไปดังน้ี ๕.๔ ประเภทของสอ่ื การสอน เอ็ดการ์ เดล จาแนกประสบการณ์ทางการศึกษา เรียงลาดับจากประสบการณ์ที่เป็นรูปธรรม ไปสู่ประสบการณ์ที่เป็นนามธรรม โดยยึดหลักว่า คนเราสามารถเข้าใจส่ิงท่ีเป็นรูปธรรมได้ดีและเร็ว กวา่ สง่ิ ท่ีเป็นนามธรรมซ่ึงเรียกวา่ \"กรวยแหง่ ประสบการณ์\" (Cone of Experiences) ซึง่ มีทั้งหมด ๑๐ ขน้ั ๑. สอื่ เพ่อื พฒั นาสติปัญญาและความคดิ ริเริ่มสร้างสรรค์ อาจแบ่งไดด้ ังนี้ ๑.๑ ส่ือเพื่อฝกึ การรับรู้ ๑.๑.๑ สอ่ื ฝกึ การรับรู้เก่ียวกบั ขนาด ได้แก่ การจัดหาวัสดุสิ่งของ กล่อง บล็อก วางให้เด็กจับต้อง วางซ้อนกัน นาของสองสิ่ง สามสิ่งมาเปรียบเทียบขนาด เล็กใหญ่-เล็กท่ีสุด-ใหญ่ ที่สุด ๑.๑.๒ สื่อฝึกการรับรู้เก่ียวกับรูปร่าง ครูให้เด็กเล่นภาพตัดต่อ ลองวางช้ินส่วน ให้พอดีกบั ชอ่ ง เช่น ชอ่ งวงกลม เดก็ ตอ้ งหยิบรูปวงกลมวางลงในชอ่ งสเี่ หลยี่ ม เดก็ ตอ้ งหยิบรูปส่ีเหล่ียม วางไดถ้ ูกตอ้ ง นอกจากนใี้ ห้เด็กแยกรปู ร่าง สเ่ี หล่ยี ม สามเหลีย่ ม วงรีได้ ๑.๑.๓ สื่อฝึกการรบั รู้เก่ยี วกับเร่ืองสี แนะนาให้เด็กรู้จักสี เล่นส่ิงของเคร่ืองใช้ บล็อก แผ่นกระดาษรูปทรงเรขาคณิตท่ีมีสีต่าง ๆ โดยเฉพาะเด็กชอบสีสดใส-ให้เด็กแยกสิ่งของ-วัตถุ- รูปภาพทีม่ สี เี หมือนกัน
นวตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศการศกึ ษา ๕๖ ๑.๑.๔ สอื่ ฝกึ การรับรเู้ กี่ยวกบั เน้อื ผิวของวัตถุ ใหเ้ ดก็ ได้สารวจสิ่งของใกล้ตัว ได้รบั ไดส้ ัมผัสสงิ่ ของทม่ี ีความอ่อน นุ่ม แขง็ หยาบ และบอกได้ว่าของแต่ละช้ิน มีลักษณะอย่างไร เช่น กระดาษทราบหยาบ สาลนี ่มุ กอ้ นหินแขง็ ฯลฯ ๑.๒ สื่อเพื่อฝึกความคิดรวบยอด อาจใช้วัสดุ อุปกรณ์ และวิธีการจัดสิ่งแวดล้อม เช่น เรียนรเู้ กี่ยวกับชีวติ ของสตั ว์ ครูควรจดั สวนสัตว์จาลอง เล่านิทาน เชิดหุ่นเก่ียวกับสัตว์ สนทนาซักถาม เก่ียวกับสัตว์ที่เด็กรู้จัก เปรียบเทียบลักษณะของสัตว์แต่ละชนิด-วาด-ป้ัน-ฉีก-แปะ-รูปร่างสัตว์ การจัดกิจกรรมความคิดรวบยอดเก่ียวกับอาชีพ เก่ียวกับส่ิงของ เคร่ืองใช้และบุคคลใน สงั คม ครคู วรใช้สื่อสถานการณจาลอง เสริมใหเ้ ดก็ เข้าใจได้ถูกต้องรวดเรว็ ข้นึ การรู้จักตัวเลขมีความคิดรวบยอดทางคณิตศาสตร์ ด้วยการใช้วิธีการให้เด็กค้นพบ ด้วยตนเอง จดั วสั ดุอปุ กรณ์ เชน่ กระดุมสีต่าง ๆ ฝาเบียร์ ดอกไม้ ใบไม้ ขวด บล็อก ให้เด็กจับต้องนับ สอนใหเ้ ข้าใจเลขคเ่ี ลขคู่ ๒.-ส่ือเพอื่ พัฒนาทางด้านภาษา การใช้ส่ือพัฒนาการทางภาษา จะต้องคานึงถึงพัฒนาการท่ีสาคัญของเด็กเล็กและ ต้องศึกษาว่าการรับฟังและการเข้าใจภาษาของเด็กว่าอยู่ระดับท่ีสามารถฟัง และแยกเสียงต่าง ๆ ได้ เช่น เสียงสัตว์ เสียงดนตรีบางชนิด ฟังประโยคและข้อความสั้นและยาวพอสมควร เข้าใจคาจากัด ความ เข้าใจหน้าท่ีของสิ่งต่าง ๆ แยกภาพตามหน้าที่ได้ เช่น ส่ิงท่ีใช้กินนอน หรือส่ิงที่อยู่ในบ้าน ใน ครัว เปรยี บเทยี บภาพเหมือนไมเ่ หมือนได้ อ่านรปู ภาพ จาช่ือตัวเองและเพ่ือนได้ เป็นต้น ดังน้ันครูเด็ก เลก็ จะต้องใชส้ ่ือประเภทวิธีการ สื่อประเภทวสั ดอุ ุปกรณม์ าจดั กจิ กรรมเสริมความพร้อมทางด้านภาษา ให้เด็กได้พฒั นาตามเกณฑด์ งั กลา่ วข้างต้น สื่อทีค่ รคู วรจัดเพ่ือเสริมพัฒนาการทางภาษา ได้แก่ หนังสือ ภาพ แผ่นภาพ ภาพประกอบคาคล้องจอง หุ่นมือ หุ่นนิ้วมือ หุ่นเชิด หุ่นถุงกระดาษ เกมเลียนเสียง สัตว์ เกมสัมพันธ์ภาพกับคา เกมเรียนรู้ด้านการฟัง เกมทายเร่ือง เกมจับคู่ภาพเหมือนและแยกภาพ ต่าง ๆ การเล่นน้ิวมือประกอบคาร้องหรือเร่ืองราว วิธีการเล่นบทบาทสมมุติ มุมบล็อคต่าง-ๆ-ให้เล่น เป็นกลุ่มในมมุ บา้ น-เทป-วทิ ยเุ ครื่องเสยี ง ๓.สือ่ เพ่ือพัฒนาความพรอ้ มกลา้ มเน้อื เลก็ ใหญ่ และประสาทสัมพันธ์ ครูจะต้องศึกษาพัฒนา เก่ียวกับการทรงตัว ความมั่นคงของการใช้กล้ามเน้ือตามวัย เพื่อจะเลือกใช้ส่ือได้เหมาะ สื่อประเภท วสั ดุอปุ กรณ์และวิธกี ารที่ครสู ามารถเลือกใช้ได้มดี งั น้ี ลูกบอล ดนตรี กลอง ฉงิ่ ฉาบ กรบั ตขี ณะที่ให้เดก็ ยืนทรงตวั เพ่ือให้เกิดความวอ่ งไวใน การบงั คับกลา้ มเน้ือ ลูกบอล ตุ๊กตาผ้า ลูกตมุ้ ทาดว้ ยฟางข้าว หรอื ผ้าสาหรบั แข่งขว้างไกล ๆ รองเท้า เชือกผูกรองเท้า กระดุม ซิป สาหรับฝึกการบังคับกล้ามเน้ือมือและฝึกสายตา แผ่นภาพ รูปภาพ สิ่งของ นามาแขวนจัดเรียงกันให้เด็กมองกรอกสายตาตามภาพหรือ ของที่วางไว้ ขีดเส้นใต้เติมตามเส้นคดเค้ียว แผ่นภาพขีดเป็นช่องสาหรับใช้นิ้วลากตามเส้นทางที่ครู กาหนด ดินเหนียวให้เด็กใช้ป้ันเป็นรูปต่าง ๆ อุปกรณ์วาดภาพ สีไม้ สีเทียน สีดินสอสีจากพืช ฉกี กระดาษปะเปน็ รปู ต่าง ๆ ขยากระดาษหนังสือพิมพ์ ร้อยดอกไม้ เล่นตัดเมล็ดพืช เปุา
นวัตกรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศการศึกษา ๕๗ สีด้วยหลอดกาแฟ ต่อภาพแบบโยนโบว์ลิ่ง ตวงทราย กรอกน้าใส่ขวด เรียงลูกคิดลงหลัก วางแผ่น รูปทรงลงในช่องท่ีกาหนด เดินกระดานแผ่นเดียว เล่นภาพตัดต่อ เล่นเครื่องเล่นสนาม ยิงปืนก้าน ก ล้ ว ย ร้ อ ย เ ชื อ ก ร อ บ แ ผ่ น ภ า พ ฝึ ก ป ร ะ ส า ท สั ม พั น ธ์ เ ล่ น เ ก ม จ า แ น ก ห ม ว ด ห มู่ สื่อดังกล่าวนี้มักจะถูกเลือกมาใช้ตามความเหมาะสม ซ่ึงอาจมีการใช้ครั้งละชนิดหรือใช้ พรอ้ มกนั เกนิ กว่าหนึ่งชนดิ หรอื ใชต้ ามลาดับกอ่ นหลงั ก็ได้ ๕.๕-ระบบการผลิตสือ่ การสอน ๑.สารวจความต้องการ การผลิตสื่อเพื่อการใช้ประโยชน์อย่างแท้จริง จะต้องสารวจความ ต้องการของผู้ใช้ ความต้องการของผู้ใช้อาจจะได้มาจากการแสดงความต้องการของผู้ใช้โดยตรงหรือ จากการเก็บรวบรวมขอ้ มูลจากแบบสารวจ ๒.กาหนดเปูาหมายการผลิต เม่ือทราบความต้องการของผู้ใช้แล้ว ก็จะนาเอาความต้องการ มาประเมนิ จัดลาดับความสาคญั แลว้ กาหนดเปาู หมายการผลติ ๓.วิเคราะห์กลุ่มเปูาหมาย กลุ่มเปูาหมายย่อมมีความแตกต่างกัน ในด้านคุณ ลักษณะบาง ประการ ผู้ผลติ จะต้องศึกษาแนวโน้มความแตกต่างของกลุม่ ในดา้ นต่าง ๆ ๔.กาหนดจุดมุ่งหมายเชิงพฤติกรรม การกาหนดจุดมุ่งหมายการผลิตสื่อ ควรกาหนดเป็น จุดมุง่ หมายเชิงพฤติกรรมเพอื่ ให้สามารถตรวจสอบผลได้ ๕.วเิ คราะห์และจดั ทาเน้ือหา โดยนาเนื้อหาท่ีจะผลิตส่ือมาวิเคราะห์หาความเหมาะสมในการ จดั รปู แบบการนาเสนอและจดั ลาดับเร่อื งราว ๖.เลือกประเภทสื่อท่ีจะผลิต เนื้อหาหนึ่ง ๆ อาจผลิตส่ือได้หลายประเภท ในการตัดสินใจว่า จะผลิตเป็นสื่อประเภทใดนั้น จะต้องนามาพิจารณาหาความเหมาะสมอย่างรอบคอบ โดยพิจารณา องค์ประกอบเก่ียวกับจุดมุ่งหมายของการผลิต ลักษณะของเนื้อหา ขีดความสามารถในการผลิตของ หนว่ ยงานผลิตหรือผผู้ ลิต เปน็ ตน้ ๗. ผลิตส่ือ กระบวนการผลิตส่ือจะต้องแตกต่างกันไปตามประเภทของส่ือ เช่น สื่อประเภท เรือ่ งราวต่อเนื่อง ก็จะต้องจัดทาบัตรเร่ือง เขียนบท ถ่ายทา บันทึกเสียง ถ้าเป็นส่ือประเภทวัสดุสามิติ ก็ตอ้ งเขยี นโครงรา่ งการออกแบบ ทาพิมพเ์ ขียวกอ่ น เป็นต้น ๘.ทดลองเบ้ืองต้น เป็นการทดลองเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องเบ้ืองต้น เช่น ภาษา ขนาด สัดส่วน และคุณภาพทางเทคนิคอื่น ๆ เป็นต้น อาจทาเป็นขั้นตอนย่อย ๆ เป็นต้นว่า ทดลอง-๑-คน-๓-คน-๖- คน ๙.ทดลองภาคสนาม เป็นการนาสื่อไปทดลองกับกลุ่มผู้เรียนจริง แล้วเก็บรวบรวมข้อมูล ประสิทธิภาพของสือ่ นน้ั ๆ เพือ่ แกไ้ ขปรับปรงุ ใหด้ ี กอ่ นการนาออกไปใชจ้ ริง ๑๐.การนาไปใช้และปรับปรุง การนาสื่อที่ผ่านการทดลองภาคสนามแล้วไปใช้อาจจะยังมี ขอ้ บกพรอ่ งอยบู่ ้าง เม่อื นาไปใช้ในสถานการณ์ทแี่ ตกต่างกัน จงึ ควรแก้ไขปรับปรงุ เปน็ ระยะ
นวัตกรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศการศึกษา ๕๘ ๕.๖-การเลอื กสื่อการสอน การนาเอาส่ือมาใชใ้ นการสื่อความหมายได้มีการพัฒนาเร่ือยมา จากส่ือท่ีใช้สัญลักษณ์ รูป มา จนถงึ สื่อในรปู แบบ ตา่ งๆ ท่ใี ชอ้ ยู่ในปัจจุบันน้ี โดยธรรมชาติแล้วสื่อแต่ละประเภทจะมีคุณค่าอยู่ในตัว ของมันเอง เพียงแต่วา่ ผูผ้ ลติ จะสามารถ ดงึ เอาคุณค่านัน้ มาใชอ้ ย่างมปี ระสิทธิภาพเพียงใด ส่ือใดก็ตาม หากมีการวางแผนแล้วดาเนินการผลิตการใช้อย่างมีระบบ ย่อมเกิดประโยชน์ทางการศึกษาตาม จุดมุ่งหมายที่วางไว้ กูดแมน (Irwin Goodman)๓ได้แสดงระบบการเลือก-สื่อ-ไว้ตามลาดับ ๑.วิเคราะห์จุดมุ่งหมายเชิงพฤติกรรมโดยพิจารณาดูว่าในจุดมุ่งหมายเชิงพฤติกรรม ได้กาหนดผ้เู รียนแสดงพฤตกิ รรมโดยการดูการฟังหรอื การกระทา ๒.วิเคราะห์ผู้เรียน ให้พิจารณาดูว่าคุณลักษณะของผู้เรียน (อายุ ระดับช้ัน ระดับ สติปญั ญา พัฒนาการทางการอา่ น ลกั ษณะทางร่างกาย พื้นฐานทางสงั คมและวัฒนธรรม เป็นตน้ ) จะ บง่ บอกไดว้ า่ จะสามารถใช้ส่อื อะไรกบั เดก็ คนนัน้ หรอื กลมุ่ นนั้ ได้บ้าง ๓.พัฒนาคุณค่าเบ้ืองต้นของส่ือประสม โดยพิจารณาดูว่ามีสื่ออะไรบ้าง ที่จะสามารถนา มาใช้เพื่อให้บรรลุ จุดมุ่งหมายท่ีกาหนดไว้และใช้กับกลุ่มผู้เรียนท่ีมีลักษณะตามที่ ตอ้ งการดังกลา่ วแลว้ จะเกดิ ประโยชนส์ งู สุด ๔.วิเคราะห์วิธีการนาเสนอและเครื่องมือท่ีใช้ โดยพิจารณาวิธีการนาเสนอท่ีจะใช้ได้ อย่างเหมาะสมและในการนา เสนอนัน้ มสี อื่ อะไรบา้ ง จะต้องเตรยี มเคร่ืองมือประเภทใดในการนาเสนอ ครงั้ น้นั ๕.นาเสนอเครอื่ งมือ โดยการสารวจดวู ่าเคร่อื งมือเทคโนโลยีทางการศึกษาที่คาดว่า จะเป็นประโยชนส์ าหรบั การเรียนคร้ังน้มี ีอยใู่ นสถานศึกษาหรือไม่ ถ้าไม่มีจะซ้ือหรือหามาได้ด้วยวิธีใด ๖.วิเคราะห์และสารวจส่ือท่ีต้องการ โดยการวิเคราะห์สื่อท่ีมีอยู่ในสถานศึกษาว่ามี อะไร บ้าง ที่เหมาะสาหรับ การสอนเน้ือหาน้ัน ๆ ให้บรรลุจุดมุ่งหมายได้และจะต้องทาการวิเคราะห์ ด้วยว่ามสี อ่ื อะไรบ้างที่ตอ้ งการแต่ไม่มี ๗.วิเคราะห์และสารวจขีดความสามารถในการผลิตส่ือ โดยวิเคราะห์ขีด ความสามารถของหนว่ ยงานผลติ สอื่ ว่า สามารถผลิตส่ือที่ไม่ให้บริการหรือไม่มีขายได้หรือไม่ ถ้าผลิตได้ จะตอ้ งวเิ คราะห์ตอ่ ไปอกี วา่ มงี บประมาณทจี่ ะใช้ในการผลติ หรือไมแ่ ละได้มาจากไหน ๘.วิเคราะห์ประสิทธิภาพของวิธีการนาเสนอและส่ือทางเลือก โดยการพิจารณาดูว่า ส่ือต่าง ๆ ท่ีจะนามาใช้กับ วิธีการนาเสนอน้ัน ๆ มีความเหมาะสมทั้งในแง่คุณภาพและราคาเพียงใด แล้วนามาจดั ลาดับความสาคญั สาหรบั การเลือก ๙.เลือกวิธีการและสื่อท่ีมีประสิทธิภาพสูง โดยเลือกตัวเลือกที่มีคุณภาพและราคา เหมาะสมกบั วิธกี ารนาเสนอ ๑๐.เลอื กสื่อหรือผลิตส่ือท่ีต้องการ ในขั้นนี้ ผู้ใช้จะได้สื่อท่ีต้องการแต่ถ้าส่ือนั้นไม่มีก็ จะนาไปผลติ ด้วยระบบการผลติ สอ่ื ๑๑.ใช้และประเมินสื่อที่เลือก ก่อนการใช้จริง อาจทดลองการใช้เสียก่อน เพ่ือ ตรวจสอบข้อบกพร่องต่าง ๆ ที่อาจเกิดข้ึนได้ แล้วจึงนาสื่อไปใช้ในสถานท่ีจริง ขณะใช้ต้องมีการ ประเมินผลการใช้ โดยการสังเกตปฏิกิริยาของผู้เรียน และหาข้อมูลประสิทธิภาพของสื่อไปด้วย
นวัตกรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศการศกึ ษา ๕๙ ๑๒.ยอ้ นวงจรเลอื กถ้าจาเป็น ถา้ เลอื กสอื่ ท่ใี ช้ไม่ได้ผล ไม่บรรลุเปูาหมาย เม่ือนาไปใช้ จรงิ ก็อาจใช้ระบบตรวจสอบ การเลือกใหม่ เพ่ือหาทางเลือกทด่ี กี วา่ นี้ได้ ๕.๗-การใชส้ อ่ื การสอน การใชส้ อ่ื การสอนนนั้ ผูส้ อนควรจะได้มีการวางแผนอย่างเป็นระบบในการใช้เพื่อให้บรรลุถึง วัตถุประสงคก์ ารเรียนร้ตู ามจดุ ประสงค์ที่วางไว้ ขั้นตอนดังน้ี การวิเคราะห์ผู้เรียน เป็นการวิเคราะห์ลักษณะผู้เรียนเพื่อท่ีผู้สอนจะได้ทราบว่า ผู้เรียนมี ความพร้อมในการเรียนมากน้อยเพียงใดทั้งน้ีเพราะการท่ีจะใช้ส่ือให้ได้ผลดี ย่อมจะต้องเลือกส่ือให้มี ความสัมพันธ์กับลักษณะผู้เรียน ดังนั้นผู้สอนจะต้องคานึงถึงลักษณะท่ัวไปและลักษณะเฉพาะของ ผู้เรยี น เชน่ การกาหนดลักษณะท่ัวไป ซึ่งได้แก่ อายุ ระดับความรู้ สังคม เศรษฐกิจและวัฒนธรรม ของผู้เรียนแต่ละคน ถึงแม้ว่าลักษณะทั่วไปของผู้เรียนจะไม่มีความเก่ียวข้องกับเนื้อหาบทเรียนก็ ตามแต่ก็เป็น สิ่งที่ช่วยให้ผู้สอนสามารถตัดสินระดับของบทเรียนและเพื่อเลือกตัวอย่างของเน้ือหาให้ เหมาะสมกับผู้เรียนได้ ส่วนลักษณะเฉพาะของผู้เรียนแต่ละคนน้ัน นับว่ามีส่วนสาคัญโดยตรงกับ เน้ือหาบทเรียนตลอดจนสื่อการสอนและวิธีการท่ีจะนามาใช้ในการสอน สิ่งท่ีต้องนามาใช้ในการ วิเคราะห์ประกอบด้วย ๑.ทกั ษะที่มมี ากอ่ น (prerequisite skill) เพือ่ ใหท้ ราบว่าผู้เรียนมีความรู้พื้นฐาน หรือทักษะ ท่เี กี่ยวขอ้ งกับบทเรียนน้นั วา่ มอี ะไรบ้างก่อนทจ่ี ะเรียน ๒.ทักษะเปูาหมาย (target skill) ผู้เรียนมีความชานาญในทักษะที่จะสอนนั้นมาก่อน หรือไม่ เพือ่ จะได้สอนให้ตรงกับที่วางจุดมงุ่ หมายไว้ ๓๓.ทักษะในการเรียน (study skill) ผู้เรียนมีความสามารถขั้นต้นทางด้านภาษา การอ่าน เขียน การคานวณ ฯลฯซึ่งเป็นส่ิงจาเป็นท่ีจะช่วยในการเรียนรู้น้ันในระดับมากน้อยเพียงไร ๔.เจตคติ (attitudes) ผู้เรียนมีเจตคติอย่างไรต่อวิชาที่จะเรียนนั้น การวิเคราะห์ลักษณะ ผู้เรียนน้ันถึงแม้ว่าจะเป็นการกระทาเพียงผิวเผินก็ตาม แต่ก็สามารถนาไปใช้ในการเลือก สื่อที่ เหมาะสมได้ เช่น หากผู้เรียนมีทักษะในการอ่านต่ากว่าเกณฑ์ก็สามารถช่วยได้ด้วยการใช้ส่ือประเภท ที่มิใช่สื่อส่ิงพิมพ์ หรือถ้าหากผู้เรียนในกลุ่มน้ันมีความแตกต่างกันมาก ก็สามารถให้เรียนด้วยชุดการ เรียนรายบคุ คลได้ การวิเคราะห์ลักษณะผู้เรียนอาจจะทาได้ยากเป็นบางคร้ัง ทั้งน้ีเพราะผู้สอนอาจมีเวลาน้อยที่จะ สังเกต หรอื ผเู้ รียน อาจเป็นผู้มาจากที่อื่นท่ีเข้ามาเรียนหรือรับการอบรม แต่ก็สามารถกระทาได้ด้วย การสนทนากับผู้เรียนหรือผู้ร่วมช้นั อน่ื ๆ หรืออาจมกี ารทดสอบกอ่ นเรยี นเพอื่ ดูพื้นฐานของผ้เู รียนกไ็ ด้ ๕.๘-การกาหนดจุดประสงค์ วัตถุประสงค์เป็นสิ่งที่ต้ังขึ้นเพื่อคาดหวังว่าผู้เรียนจะสามารถบรรลุในสิ่งต่างๆ ที่ต้ังหรือ กาหนดไว้ การตงั้ หรือกาหนดวตั ถปุ ระสงคใ์ นการเรยี นการสอนนนั้ ก็เพ่ือ
นวัตกรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศการศกึ ษา ๖๐ ๑.ผู้สอนจะได้ทราบว่าการเรียนการสอนน้ันมีวัตถุประสงค์อะไร เพ่ือสะดวกในการ เลือกสื่อและวิธีการให้ถูกต้องวัตถุประสงค์นี้จะช่วยในการจัดลาดับกิจกรรมการเรียนและสร้าง สิ่งแวดลอ้ มหรอื ประสบการณ์การเรียนรเู้ พอ่ื ให้บรรลุตามวัตถุประสงค์นั้น ๒.ชว่ ยในการประเมนิ ผเู้ รียนได้อยา่ งถูกตอ้ ง เพราะผูส้ อนจะไมท่ ราบเลยว่าผู้เรียนได้ บรรลุตามวตั ถปุ ระสงค์ทต่ี ง้ั ไวห้ รอื ไม่ถา้ ไมม่ ีการกาหนดวัตถปุ ระสงคไ์ วก้ ่อนลว่ งหน้า ๓.ช่วยให้ผู้เรียนทราบว่า เมื่อเรียนบทเรียนนั้นแล้วจะสามารถเรียนรู้หรือกระทา อะไรได้บา้ ง ๕.๘.๑ การกาหนดวตั ถปุ ระสงค์ ควรประกอบดว้ ย ๑.การกระทา (performance) เป็นสงิ่ ท่ีคาดหวังว่าผู้เรียนจะสามารถกระทาอะไรได้ บา้ งภายหลังจากการเรยี นแลว้ ซึง่ การกระทาน้ันต้องเป็นสงิ่ ที่สังเกตเหน็ ได้ ๒.เง่ือนไข (Conditions) เป็นข้อจากัดหรือเง่ือนไขท่ีต้ังข้ึนโดยรวมอยู่ภายใต้การ กระทานน้ั ๓.เกณฑ์ (Criteria) เพ่ือเป็นการตัดสินการกระทานั้นว่าเป็นไปตามที่กาหนดไว้ หรอื ไม่ เมอ่ื กาหนดวัตถุประสงคแ์ ล้ว ควรมีการแบ่งประเภท หรอื ระดบั ของขอบเขตการเรียนรู้ ท้ังน้ี เพ่ือเป็นประโยชน์หรือแนวทางในการตัดสินว่า การเรียนรู้นั้นจะครอบคลุมแนวของทักษะหรือ พฤติกรรมอะไรบ้าง จึงต้องมีการกาหนดเป็น \"วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม\" ซ่ึงควรจะประกอบด้วย องค์ประกอบต่างๆ ดงั นี้ - พุทธิพิสัย เป็นวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้เพื่อวัดการเรียนรู้ของผู้เรียนเก่ียวกับความรู้ ความ เขา้ ใจ สตปิ ัญญาและการพฒั นา เป็นต้น - จิตตพิสัย เป็นวัตถุประสงค์ทางด้านความคิด ทัศนคติ ความรู้สึก ค่านิยม และการ เสริมสรา้ งทางปัญญา - ทกั ษะพสิ ัย เป็นวัตถปุ ระสงค์เกีย่ วกับการกระทา การแสดงออกหรือการปฏบิ ัติ ๕.๙-การเลือกดัดแปลงหรอื ออกแบบส่ือ ๑.เลอื กจากสือ่ ท่ีมีอยู่แลว้ สว่ นใหญ่ในสถาบนั การศึกษามักจะมีทรัพยากรท่ีสามารถใช้เป็น สื่อได้อยู่แล้ว ดังน้ัน ส่ิงที่ผู้สอนต้องกระทา คือ ตรวจสอบดูว่ามีสิ่งใดที่จะใช้เป็นสื่อได้บ้าง โดยเลือก ให้ตรงกับลักษณะผู้เรียนและวัตถุประสงค์ของการเรียน เช่น ส่ือท่ีมีอยู่มีเน้ือหาข้อมูลและกิจกรรมท่ี ตรงกับวัตถุประสงค์ที่ต้ังไว้หรือไม่ และการเลือกสื่อนั้นย่อมขึ้นอยู่กับวิธีการสอนในบทเรียนและ ขอ้ จากัดของสถานการณก์ ารเรียนการสอนดว้ ย ๒.ดัดแปลงส่ือท่ีมีอยู่แล้ว ให้ใช้ได้ดีและเหมาะสมมากยิ่งข้ึน ทั้งนี้ย่อมข้ึนกับเวลาและ งบประมาณในการดัดแปลงสอ่ื นนั้ ด้วย เช่น มีภาพยนตร์เสียงในฟิล์มเป็นภาษาอังกฤษ ถ้ามีการแปล เป็นภาษาไทยแล้วบันทึกเสียงลงใหม่ เพ่ือให้ผู้เรียนชมและฟังเข้าใจง่ายขึ้น จะคุ้มกับเวลาและการ ลงทุนหรอื ไม่เหล่านี้เป็นต้น
นวตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศการศึกษา ๖๑ ๓.การออกแบบส่ือใหม่ กรณีที่ไม่มีสื่อเดิมอยู่ หรือสื่อท่ีมีอยู่แล้วไม่สามารถนามาดัดแปลง ให้ใชไ้ ดต้ ามที่ต้องการผสู้ อนยอ่ มตอ้ งมีการออกแบบและจัดทาสื่อใหม่ซึ่งต้องคานึงถึงองค์ประกอบต่าง ๆ หลายอย่าง เช่น ต้องให้ตรงกับวัตถุประสงค์ของการเรียนและลักษณะของผู้เรียน มีงบประมาณใน การจัดทาเพยี งพอหรอื ไม่ มเี ครอื่ งมือและผชู้ านาญในการจดั ทาสื่อหรือไมเ่ หลา่ น้ี การใชส้ ่อื เปน็ ข้นั ของการกระทาจริงซงึ่ ผ้สู อนจะต้องดาเนนิ การดังนี้ ๑.ดหู รอื อา่ นเนื้อหาในสอ่ื เหลา่ นนั้ กอ่ นเปน็ การเตรียมตัวล่วงหนา้ เชน่ ดสู ไลดห์ รือวีดิ ทศั น์เพ่อื ศึกษาเนื้อหาให้แมน่ ยากอ่ นนาไปสอน หรอื อ่านบทวจิ ารณ์เกี่ยวกับเร่อื งนนั้ รว่ มด้วย ๒.จัดเตรียมสถานท่ี ที่น่ังเรียน อุปกรณ์เคร่ืองมือ และส่ิงต่างๆ เพ่ือความสะดวก เรยี บรอ้ ยก่อนการสอนและควรตอ้ งทดลองอุปกรณ์ท่ีจะใชก้ ่อนว่าใช้ได้ดหี รือไม่ ๓.เตรียมตัวผู้เรียน โดยการใช้ส่ือนาเข้าสู่บทเรียน ถ้ามีการฉายวีดิทัศน์หรือ ภาพยนตร์ให้ชมก็ควรจะต้องสรุปเนื้อหาเร่ืองท่ีจะชมนั้น ให้ผู้เรียนทราบเสียก่อนว่าเก่ียวข้องกับทบ เรยี นอย่างไรบ้างเป็นการแนะนาก่อนล่วงหนา้ และเพอ่ื สรา้ งแรงจูงใจแกผ่ ู้เรียน ๔. ควบคุมชัน้ เรียน เพือ่ ใหผ้ ูเ้ รยี นมีความสนใจในส่อื ท่ีนาเสนอนัน้ สรปุ ท้ายบท การให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียน และเปิดโอกาสให้มีการตอบสนองน้ันเป็นส่ิงสาคัญยิ่ง ซ่ึงผู้เรียนจะมีการตอบสนองหรือไม่และมากน้อยเพียงใดก็ขึ้นอยู่กับสื่อท่ีนามาใช้ สื่อบางชนิดเม่ือใช้ แล้วจะเปิดโอกาสให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมมากกว่าส่ือชนิดอื่นๆ เช่น การให้อ่านข้อความในหนังสือหรือดู ภาพ จะทาให้ผู้เรียนมีการอภิปรายจากส่ิงท่ีอ่านหรือเห็น ผู้เรียนย่อมมีการตอบสนองเกิดขึ้นได้ทันที และง่ายกวา่ การให้ดภู าพยนตร์ ทัง้ น้เี พราะการดภู าพยนตร์ถ้าจะให้ดูรู้เร่ืองจริงๆ แล้วควรจะต้องดูให้ จบเรื่องเสียก่อนแล้วจึงอภิปรายกัน ซ่ึงจะดีกว่าหยุดดูทีละตอนแล้วอภิปราย เพราะจะทาให้มีการ ขัดจังหวะเกิดความไม่ต่อเน่ืองในการดู อาจทาให้ไม่เข้าใจหรือจับความสาคัญของเร่ือง ไม่ได้ นอกจากนี้ผู้เรียนสามารถมีการ ตอบสนองโดยเปิดเผย (overt respone) โดยการพูดออกมา หรือเขียน และ การตอบสนองภายในตัวผู้เรียน (convert response) โดยการท่องจาหรือคิดใน ใจ เม่ือผู้เรียนมีการตอบสนองแล้วผู้สอนควรให้การเสริมแรงทันทีเพ่ือให้ผู้เรียนทราบว่าตนมีความ เข้าใจ และเกิดการเรียนรู้ท่ีถูกต้องหรือไม่ การเรียนการสอนโดยการให้ทาแบบฝึกหัด การตอบ คาถาม การอภิปราย หรือการใช้บทเรียนแบบโปรแกรม จะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เรียนมีการ ตอบสนองและได้รบั การเสรมิ แรงระหวา่ งการเรียน การประเมนิ ผล
บทที่ ๖ การออกแบบ การสรา้ ง การนาไปใช้ วัตถุประสงคก์ ารเรียนประจาบท เมอื่ ศึกษาบทท่ี ๖ จบแล้ว นสิ ติ สามารถ ๑.อธบิ ายการใชน้ วัตกรรมการศึกษาในประเทศไทยได้ ๒.อธบิ ายนวตั กรรมทางด้านหลักสตู รในประเทศไทยได้ ๓.อธิบายการสร้างนวัตกรรมได้ ๔.อธิบาย การออกแบบนวัตกรรมได้ ๕.อธบิ ายการวางแผนพฒั นานวัตกรรมได้ ขอบขา่ ยเนอ้ื หา การใชน้ วัตกรรมการศกึ ษาในประเทศไทย นวัตกรรมทางดา้ นหลกั สตู รในประเทศไทย การสรา้ งนวัตกรรม การออกแบบนวตั กรรม การวางแผนพัฒนานวตั กรรม
นวัตกรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศการศึกษา ๖๓ ๖.๑ ความนา ตัง้ แตม่ นษุ ย์ได้เกิดขึ้นมาในโลกน้ี ถือได้ว่าเป็นสายพันธ์ุของส่ิงมีชีวิต ที่มีพัฒนาการด้านต่างๆ มากที่สุด การดารงชีวิตในยุคแรกๆอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ของธรรมชาติเป็น อย่างใกล้ชิด ได้ แก่ ปัจจัยพ้ืนฐานการดารงชีวิต คือปัจจัย ๔ คือ อาหาร ที่อยู่อาศัย เคร่ืองนุ่งห่ม และยารักษาโรค กลา่ วคอื ด้านอาหารการกิน มนุษย์สมัยก่อนกินพืช สัตว์ดิบๆ เป็นอาหารปัจจุบันมีการปรุงให้สุกก่อน พัฒนาวิธีการปรุงอาหาร วัสดุอุปกรณ์ที่มาใช้ปรุงอาหาร ด้านท่ีอยู่อาศัย เมื่อก่อนอยู่ในถ้า มีการ พัฒนา มาเปน็ สร้างเพงิ พกั มุงดว้ ยใบไม้ ใบหญ้า อยูก่ ระโจมมุงจากหนงั สัตว์ พัฒนามาเป็นสิ่งก่อสร้าง สวยงามและหลากหลายรูปแบบในปัจจุบัน ด้านเคร่ืองนุ่งห่ม ได้พัฒนาจากไม่ใส่เสื้อผ้า มานุ่งใบไม้ เปลือกไม้ หนังสัตว์ ปัจจุบันมีการผลิตเส้นใย จากพืช สัตว์ สารเคมี มาทาเป็นเคร่ืองนุ่งห่ม ด้านยา รกั ษาโรคกเ็ ช่นเดียวกนั เม่อื ก่อนมีแค่อาหารที่กินเข้าไป ซึ่งเป็นตั้งอาหารและยารักษาโรคไปในตัวด้วย ปัจจุบันมีการพัฒนายารักษาโรคต่างๆ จากสัตว์ พืช สารเคมีต่างๆ ข้ึนมนุษย์ได้พัฒนาวัสดุอุปกรณ์ เทคนคิ วธิ ตี า่ งๆเพ่ืออานวยประโยชนแ์ กก่ ารดารงชีวติ มากมาย1 ๖.๒ ความหมาย การออกแบบ หมายถึง การรู้จักการวางแผนจัดตั้งขั้นตอนและรู้จักเลือกใช้วัสดุวิธีการเพ่ือทา ตามที่ต้องการนั้น โดยใหส้ อดคล้องกบั ลักษณะ รูปแบบและคุณสมบัติของวัตถุแต่ละชนิดตามความคิด สร้างสรรค์ การออกแบบ หมายถึง การปรับปรุงแบบ ผลงาน หรือส่ิงต่างๆ ที่มีอยู่แล้วให้เหมาะสม มี ความแปลกใหม่เพ่ิมข้ึน ท้ังน้ีความเหมาะสม ความสะดวกสบายในการใช้งานยังคงเหมือนเดิมหรือดี กว่าเดมิ การออกแบบ หมายถึง การรวบรวมหรือการจัดองค์ประกอบทั้งท่ีเป็น ๒ มิติ และ ๓ มิติ เข้า ด้วยกันอย่างมีหลักเกณฑ์ การนาองค์ประกอบของการออกแบบมาจัดรวมกันนั้น ผู้ออกแบบจะต้อง คานึงถึงประโยชน์ใช้สอยและความงามอันเป็นคุณลักษณะสาคัญของการออกแบบ การออกเป็น ศิลปะของมนุษย์เน่ืองจากเป็นการสร้างค่านิยมทางความงาม และสนองคุณประโยชน์ทางกายภาพ ให้แกม่ นุษย์ การออกแบบ หมายถึง กระบวนการท่ีสนองความต้องการในสิ่งใหม่ๆ ของมนุษย์ ซึ่งส่วนใหญ่ เพ่อื ใหช้ ีวิตอยรู่ อดและมีความสะดวกสบายเพิ่มขน้ึ 2 1 ประวตั คิ วามเป็นมาออกแบบ. http://www.trangis.com/somjaiart/e๑_๑.php 2 ความหมายการออกแบบ.http://pineapple-eyes.snru.ac.th/cram/index.php?q=node/๑๒๖
นวตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศการศึกษา ๖๔ ๖.๓ ความสาคญั การออกแบบสามารถแกไ้ ขปัญหาของเราได้ การออกแบบจึงมีความสาคัญ และคุณค่าต่อการ ดารงชวี ิตของเรา ท้ังทางด้านร่างกาย อารมณ์ และทศั นคติ ๑.คุณค่าทางกาย คุณค่าของงานออกแบบท่ีมีผลทางด้านร่างกาย คือคุณค่าที่มีประโยชน์ใช้สอยใน ชวี ติ ประจาวนั โดยตรง เช่น ไถมีไว้สาหรับไถนา แก้วมีไว้สาหรับใส่น้า ยานพาหนะมีไว้สาหรับเดินทาง บ้านมไี ว้สาหรบั อยูอ่ าศัยเปน็ ตน้ ๒.คุณคา่ ทางอารมณค์ วามรสู้ ึก คุณค่าของงานออกแบบที่มีผลทางอารมณ์ความรู้สึกเป็นคุณค่าที่เน้นความชื่นชอบ พึงพอใจ สุขสบายใจ หรือ ความรู้สึกนึกคิดด้านอ่ืน ๆ ไม่มีผลทางประโยชน์ใช้สอยโดยตรง เช่น งาน ออกแบบทางทัศนศิลป์ การออกแบบ ตกแต่ง ใบหน้าคุณค่าทางอารมณ์ความรู้สึกน้ี อาจจะเป็นการ ออกแบบ เคลือบแฝงในงานออกแบบ ที่มีประโยชน์ทางกายก็ได้ เช่น การออกแบบตกแต่งบ้าน ออกแบบตกแตง่ สนามหญ้า ออกแบบตกแตง่ ร่างกายเป็นตน้ ๓.คณุ คา่ ทางทัศนคติ คุณค่าของงานออกแบบท่ีมีผลทางทัศนคติ เน้นการสร้างทัศนคติอย่างใดอย่างหนึ่ง ต่อผู้พบเห็น เช่น อนุสาวรีย์สร้างทัศนคติให้รักชาติ กล้าหาญ หรือทาความดี งานจิตรกรรมหรือ ประติมากรรมบางรูปแบบ อาจจะแสดงความกดขี่ขูดรีด เพ่ือเน้นการระลึกถึงทัศนคติที่ดีและถูกควร ในสงั คม เปน็ ตน้ 3 ๖.๔-การใช้นวตั กรรมการศกึ ษาในประเทศไทย4 พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้มีบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี การศกึ ษาและนวตั กรรมการศกึ ษาไว้หลายมาตรา มาตราที่สาคัญ คือ มาตรา ๖๗ รัฐต้องส่งเสริมให้ มีการวิจัยและพัฒนาการผลิตและการพัฒนาเทคโนโลยีเพ่ือการศึกษา รวมท้ังการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการใช้เทคโนโลยีเพ่ือการศึกษา เพ่ือให้เกิดการใช้ที่คุ้มค่าและเหมาะสมกับกระบวน การเรียนรู้ของคนไทย และในมาตรา ๒๒ “การจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่าผู้เรียนทุกคนมีความ สามารถ เรียนรู้และพัฒนาตนเองได้และถือว่าผู้เรียนมีความสาคัญท่ีสุด กระบวนการจัดการศึกษา ตนเองได้และถือว่าผู้เรียนมีความสาคัญท่ีสุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถ พฒั นาตามธรรม ชาติและเตม็ ตามศักยภาพ” การดาเนินการปฏิรูปการศึกษาให้สาเร็จได้ตามท่ีระบุไว้ ในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่ง 3 ความสาคญั การออกแบบ. images.pistt.multiply.multiplycontent.com/.../การออกแบบ.doc?key 4การใชน้ วัตกรรมการศกึ ษาในประเทศไทย. www.ais.rtaf.mi.th/.../๐๐๐เอกสารการสอน/.../๔๒นวก รรม%๒๐๒-๔๖.doc
นวัตกรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศการศึกษา ๖๕ ชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ ดังกล่าว จาเป็นต้องทาการศึกษาวิจัยและพัฒนานวัตกรรมการศึกษาใหม่ๆ ท่ีจะเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาทางการศึกษาท้ังในรูปแบบของการศึกษาวิจัย การทดลองและ การประเมินผลนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีที่นามาใช้ว่ามีความเหมาะสมมากน้อยเพียงใด นวัตกรรม ท่ีนามาใช้ท้ังที่ผ่านมาแล้วและท่ีจะมีในอนาคตมีหลายประเภทขึ้นอยู่กับการประยุกต์ใช้นวัตกรรม ในด้านตา่ งๆ ในท่นี จี้ ะขอกลา่ วคอื นวัตกรรม ๕ ประเภท คือ 1.นวตั กรรมทางดา้ นหลักสูตร 2.นวัตกรรมการเรียนการสอน 3.นวัตกรรมส่ือการสอน 4.นวตั กรรมการประเมินผล 5.นวัตกรรมการบริหารจดั การ ๖.๔.๑ นวตั กรรมทางด้านหลักสตู ร นวัตกรรมทางด้านหลักสูตร เป็นการใช้วิธีการใหม่ๆ ในการพัฒนาหลักสูตรให้ สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมในท้องถ่ินและตอบสนองความต้องการสอนบุคคลให้มากขึ้น เนื่องจาก หลักสูตรจะต้องมีการเปล่ียนแปลงอยู่เสมอเพ่ือให้สอดคล้องกับความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี เศรษฐกิจและสงั คมของประเทศและของโลก นอกจากนกี้ ารพฒั นาหลกั สูตรยังมีความจาเป็นท่ีจะต้อง อยู่บนฐานของแนวคิดทฤษฎีและปรัชญาทางการจัดการสัมมนาอีกด้วย การพัฒนาหลักสูตรตาม หลักการและวิธีการดังกล่าวต้องอาศัยแนวคิดและวิธีการใหม่ๆ ท่ีเป็นนวัตกรรมการศึกษาเข้ามา ช่วยเหลือจดั การใหเ้ ปน็ ไปในทศิ ทางทต่ี อ้ งการ ๖.๔.๒.๑ นวัตกรรมทางด้านหลักสูตรในประเทศไทย ได้แก่ การพัฒนาหลักสูตร ๑.หลักสูตรบูรณาการ เป็นการบูรณาการส่วนประกอบของหลักสูตรเข้าด้วยกัน ทางด้านวิทยาการในสาขาต่างๆ การศึกษาทางด้านจริยธรรมและสังคม โดยมุ่งให้ผู้เรียนเป็นคนดี สามารถใช้ประโยชน์จากองค์ความรู้ในสาขาต่างๆให้สอดคล้องกับสภาพสังคมอย่างมีจริยธรรม ๒. หลักสูตรรายบุคคล เป็นแนวทางในการพัฒนาหลักสูตรเพื่อการศึกษาตาม อัตภาพ เพ่ือตอบสนองแนวความคิดในการจัดการศึกษารายบุคคล ซ่ึงจะต้องออกแบบระบบเพื่อ รองรับความ ก้าวหน้าของเทคโนโลยีดา้ นต่างๆ ๓.หลกั สูตรกิจกรรมและประสบการณ์ เปน็ หลักสตู รท่ีมงุ่ เน้น กระบวนการในการจัด กิจกรรมและประสบการณ์ให้กับผู้เรียนเพื่อนาไปสู่ความสาเร็จ เช่น กิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนมี ส่วนร่วมในบทเรียนประสบการณ์การเรียนร้จู ากการสบื คน้ ดว้ ยตนเองเป็นตน้ ๔.หลักสูตรท้องถิ่น เป็นการพัฒนาหลักสูตรท่ีต้องการกระจายการบริหารจัดการ การมีออกส่ทู ้องถนิ่ เพื่อให้สอดคล้องกับศิลปวัฒนธรรมสิ่งแวดล้อมและความเป็นอยู่ของประชาชนท่ี มอี ยใู่ นแต่ละท้องถน่ิ แทนที่หลักสูตรในแบบเดิมที่ใชว้ ิธกี ารรวมศูนย์การพฒั นาอยู่ในส่วนกลาง ๖.๔.๒ นวัตกรรมการเรยี นการสอน เป็นการใช้วิธีระบบในการปรับปรุงและคิดค้นพัฒนาวิธีสอนแบบใหม่ๆ ท่ีสามารถ ตอบ สนอง การเรียนรายบุคคล การสอนแบบผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง การเรียนแบบมีส่วนร่วม การ
นวตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศการศกึ ษา ๖๖ เรียนรู้แบบแก้ปัญหาการพัฒนาวิธีสอน จาเป็นต้องอาศัยวิธีการและเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาจัดการ และสนบั สนุนการเรยี นการสอน ตัวอย่าง นวัตกรรมที่ใช้ในการเรียนการสอน ได้แก่ การสอนแบบศูนย์การเรียน การใช้ กระบวนการ กลุม่ สัมพนั ธ์ การสอนแบบเรียนรู้ร่วมกัน และการเรียนผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์และ อินเตอรเ์ น็ต การวจิ ยั ในช้ันเรียน ฯลฯ ๖.๔.๓ การสร้างนวัตกรรม5 เรื่องของนวัตกรรมมีบทบาทอย่างมากกับองค์กร ทั้งที่เป็นภาคธุรกิจหวังกาไร หรือ เป็นองค์กรท่ีไม่หวังกาไรเช่นกัน เนื่องมาจากว่านวัตกรรมนั้น กลายเป็นบ่อเกิดสาคัญของการพัฒนา ปัจจัยต่างๆ มากมาย ซึ่งจาเป็นต่อการดาเนินงานทั้งส้ิน โดยเฉพาะอย่างย่ิงกับกิจการที่ต้องมีการ แขง่ ขันและต้องการเอาตัวรอด รวมถงึ ประสบความสาเรจ็ จากการแขง่ ขันดังกลา่ วด้วย โดยคาว่านวัตกรรมน้ัน หมายถึง การนาเสนอส่ิงใหม่ๆ ท่ียังไม่มีผู้ประกอบการรายใดใน อุตสาหกรรมเคยนาเสนอต่อลูกค้ามาก่อน เพื่อสร้างความแตกต่างอันเป็นเอกลักษณ์จากสินค้าและ บรกิ ารอื่นๆ ในตลาด ซึ่งการกระทาดังกล่าวมีจุดประสงค์เพื่อคาดหวังว่าผู้บริโภคจะมีความจงรักภักดี ในตราสินค้ามากขึ้น และเปลี่ยนไปซ้ือสินค้า และบริการของคู่แข่งขันรายอื่นได้ยากขึ้นด้วย เชน่ เดียวกัน อนั จะนาไปสู่การสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันท่ียั่งยืนมากกว่า การใช้ราคาเป็นจุด ขายแต่เพียงอย่างเดียว ซึ่งธุรกิจท่ีประสบความสาเร็จในปัจจุบันล้วนแล้วแต่มุ่งเน้นการแข่งขัน ทางด้านนวัตกรรมใหม่ๆ ในสินค้าและบริการ อาทิ โซนี่ ที่มุ่งเน้นในการคิดค้น และผสมผสาน นวัตกรรมในสินค้า และบริการของตนเองเป็นอย่างมาก จนกระท่ังสามารถเป็นผู้นาในสินค้าด้าน อิเล็กทรอนิกส์เพื่อความบันเทิงหลายประเภท เช่น CD Walkman กล้องดิจิทัล เครื่องเล่นเกม Sony Play Station หรือตัวอย่างของ Dell Computer ซ่ึงมีการมุ่งเน้น นวัตกรรมทางด้านกระบวนการ ดาเนินงาน โดยมีการผลิตคอมพิวเตอร์ท่ีมีลักษณะพิเศษสาหรับเฉพาะรายลูกค้า รวมถึงใช้ระบบการ ขายตรงในการเข้าถึงตลาด ซง่ึ ทาให้สรา้ งเอกลกั ษณแ์ ละความแตกตา่ งทางการแข่งขนั ได้ เป็นต้น ๑.ในการพัฒนานวัตกรรมในองค์กรก็คือ นวัตกรรมต้องถูกผลักดันมาจากผู้บริหารระดับสูง หากนโยบายหรือแนวคิดทางด้านนี้ของซีอีโอไม่ชัดเจนแล้ว ก็ยากที่จะทาให้ลูกน้อง เห็นความสาคัญ ของการผลักดันนวัตกรรมได้ โดยเกือบท้ังหมดของบริษัทชั้นนาด้านนวัตกรรมกล่าว ว่า วิสัยทัศน์ทางด้านนวัตกรรมของตน ถูกมุ่งเน้นอย่างเด่นชัดมาก และมีการผลักดันทุกๆ จุดใน กิจการในการสร้างสรรค์นวัตกรรมให้เกิดขึ้น โดยเฉพาะการพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น อย่างต่อเนื่อง จนหลายกิจการถึงกับกล่าวว่า ตนเองมิได้ขายสินค้า/บริการในธุรกิจของตนเท่านั้น แต่ กาลงั ขาย \"นวัตกรรม\" ในสินค้าเหล่าน้ันต่างหาก เนื่องจากจะทาให้สร้างมูลค่าเพ่ิมและความแตกต่าง ใหก้ บั กจิ การของตนอย่างมากในการแข่งขันซึ่งในกรณีน้ีพีแอนด์จีเป็นตัวอย่างท่ีดี โดยมี การมุ่งเน้นใน การสร้างนวัตกรรมใหม่ให้ดีข้ึนอย่าง ต่อเน่ือง โดยอย่างน้อยสินค้าของตนจะต้องมีการพัฒนาและ สร้างสรรค์ส่ิงแปลกใหม่อย่างน้อยปีละคร้ัง เช่น ผ้าอ้อมเด็กที่สามารถดึงเปิดทางด้านบน ยาสีฟันกลิ่น ซินนามอน หรืออาหารสุนัขที่เพิ่มสารแอนตี้ออกซิแดนซ์ เป็นต้น ซ่ึงถึงแม้ว่านวัตกรรมต่างๆ ท่ีกล่าว มาอาจจะไม่ถึงกับเป็นสิ่งแปลกใหม่ที่ส่ันสะเทือนไปทั้งวงการ แต่ก็นับว่าทาให้ผู้บริโภครับรู้ถึง มูลค่าเพิ่มของสินค้า สร้างภาพลักษณ์ของความเป็นผู้นาในสินค้าดังกล่าว ในจิตใจของลูกค้าอย่าง 5 การสรา้ งนวตั กรรม. http://share.psu.ac.th/blog/ua๕/๙๕๔๘
นวัตกรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศการศกึ ษา ๖๗ ต่อเนื่อง ข้อควรระวัง คือ นวัตกรรมนั้นควรต้องเป็นสิ่งที่อยู่ในความต้องการของลูกค้าและลูกค้าเห็น ความสาคัญด้วย มิฉะนั้นจะกลายเป็น การสูญเปล่าทางด้านการลงทุนไป อาทิ บริษัทน้าตาลแห่งหน่ึง ท่ีได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตน โดยการใส่สี ใส่กลิ่นต่างๆ เพ่ิมเติมข้ึน มีท้ังกลิ่นกุหลาบและกล่ิน อ่ืนๆ อีก นัยว่าเพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะด้าน ของลูกค้าแต่ละกลุ่ม แต่นวัตกรรม ดังกลา่ วกไ็ ม่ได้รับความสาเร็จจากการนาเสนอสู่ตลาดนัก เน่ืองจากไม่สอดรับกับพฤติกรรม และความ ต้องการในการบรโิ ภคของลกู คา้ ๒.กิจการชน้ั นาเหลา่ นี้ทาเพ่อื ส่งเสริมการพัฒนานวตั กรรม การมีความชัดเจนว่านวัตกรรม จะมีการมุ่งเน้นไปทางด้านใดบ้าง และมีการจัดสรร ทรัพยากรให้กับการวิจัยและพัฒนาอย่างเพียงพอ เพ่ือท่ีจะกระตุ้นให้พนักงานมีความตื่นตัวในการ สร้างสรรค์ส่ิงใหม่ๆ มากขึ้น ดังเช่น ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ ยักษ์ใหญ่จากเกาหลีใต้ ท่ีมีการกาหนดกล ยุทธ์อย่างชัดเจนว่าจะมีการมุ่งเน้นนวัตกรรมไปท่ีการออกแบบ ดังนั้นสินค้ารุ่นใหม่ๆ ของซัมซุงจะมี การพัฒนาอย่างเด่นชัดทางด้านรูปลักษณ์และการดีไซน์ที่โดดเด่นล้าสมัย และมีการจัดสรรทรัพยากร มหาศาลเพื่อที่จะทุ่มเทให้เกิดนวัตกรรมด้านน้ันๆ ให้ได้การกระทาดังกล่าว ทาให้เกิดความชัดเจนต่อ ผู้ปฏบิ ตั ิงานและเปน็ ทศิ ทางท่ีเด่นชดั ตอ่ กจิ การด้วย ซง่ึ สอดคลอ้ งกบั ผลการวิจัยที่แสดงวา่ บริษัทช้ันนา ด้านนวัตกรรมนั้น จะมีการกาหนดแนวทาง ที่ชัดเจน ส่ือสารแนวทางเป้าหมายดังกล่าวสู่ พนักงาน ทั้งหมด รวมถึงมีการยอมรับที่จะทุ่มเททรัพยากรอย่างมาก ไปยังการทาวิจัย และพัฒนาในด้าน ดงั กลา่ วด้วย เหมอื นกับกิจการซึ่งเปน็ หน่งึ ในผู้นาแห่งโลกนวัตกรรมอย่างเจเนอรัล อิเล็คทริค กล่าวว่า นวัตกรรมมิได้เกิดข้ึนจากแค่การพูดคุยและฝันถึงเท่านั้น แต่เกิดจากการทุ่มเทและลงทุนมุ่งเน้นอย่าง จรงิ จังในกิจกรรมดงั กลา่ วด้วย นอกจากน้ัน บริษัทชั้นนาดังกล่าวยังต้องมีทัศนคติท่ีมองการลงทุนดังกล่าวเป็นการลงทุน ระยะยาวอีกดว้ ย เนอ่ื งจากบอ่ ยครัง้ ทก่ี ารวจิ ยั พฒั นาเปน็ การลงทุนที่ไม่ได้สร้างผลตอบแทนในระยะส้ัน ทันทีทันใด มักจะต้องมีผลจากการพัฒนาพร้อมอยู่ในกิจการเพ่ือรอคอยการพัฒนาให้เป็นสินค้า/ บริการใหม่ๆ ออกสู่ตลาดอย่างสม่าเสมอด้วย ดังน้ันจานวนสิทธิบัตรท่ีบริษัทคิดค้นขึ้นมาและจด ทะเบยี นเปน็ ลขิ สิทธทิ์ างปญั ญาของตน จงึ เป็นอกี ลกั ษณะหนึ่งที่สาคัญของบริษัทท่ีประสบความสาเร็จ ด้านนวัตกรรมเหล่าน้ี โดยหากจะพิจารณาให้ลึกซึ้งขึ้นไปอีกอาจจะต้องพิจารณาไปถึงจานวนของ สิทธิบัตรดังกล่าว ท่ีมีการพัฒนาขึ้นมาแล้ว สามารถนาไปสู่ความสาเร็จทางการตลาด พูดง่ายๆ ก็คือ สินค้าใหมๆ่ แตล่ ะชนดิ เหล่านัน้ สามารถสรา้ งยอดขายไดต้ ามเปา้ หมายนัน่ เอง ๓.ความสาคญั ในการกระตุ้นนวัตกรรมในกจิ การ การสนับสนุน และสร้างแรงจูงใจ ให้กับบุคลากรของกิจการ ในการสร้าง สรรค์ส่ิง ใหม่ๆ ใหเ้ กดิ ข้นึ โดยการเช่ือมโยงระหว่างความสาเร็จของการพัฒนาสินค้า และบริการดังกล่าวกับผล ตอบแทนทบ่ี ุคลากรจะได้รับโดยตรง ซ่ึงอาจจะอยู่ในรูปของโบนัส เงินรางวัลที่คิดจากเปอร์เซ็นต์ ของ ยอดขายสนิ คา้ ใหม่ท่ีทาได้ หรอื ทนี่ ยิ มมากกค็ ือการใหส้ ทิ ธิในการซอ้ื ห้นุ บางส่วน ของกิจการด้วย อีกท้ัง ยังควรต้องให้การสนับสนุน กับบุคลากรโดยการท่ีไม่มีการลงโทษหรือเอาผิดใดๆ กับผู้ท่ีพยายาม พฒั นานวตั กรรมแลว้ เกดิ ความล้มเหลวไม่สามารถสรา้ งยอดขายใหก้ ับกิจการได้ เนื่อง จากการลงโทษ จะเป็นการสกดั ก้ันทาใหบ้ ุคลากรไม่กล้าทจ่ี ะคดิ ส่งิ ใหมๆ่ ทแ่ี ตกตา่ งจากเดิม ซึ่งเป็นอุปสรรคสาคัญมาก ของนวตั กรรมเลยทเี ดยี ว ผบู้ รหิ ารต้องคดิ ว่าการคดิ ค้นนวัตกรรม ก็นับว่าเป็นความเส่ียงอย่างหนึ่งด้วย
นวตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศการศึกษา ๖๘ เชน่ กัน โดยหากไมม่ คี วามเส่ียงเลย ก็ยากทีจ่ ะสร้างผลตอบแทนระดับ สูงกลับมายังกิจการ ดังคากล่าว ทว่ี า่ \"high risk high return\" น่นั เอง ดังทีไ่ ดก้ ล่าวมาท้งั หมดน้ัน จะเหน็ วา่ การจะกระตนุ้ การสรา้ งสรรคน์ วตั กรรมในกิจการนั้น มิใช่ ว่าจะมุ่งเน้นที่กิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่ง แต่ต้องอาศัยความสัมพันธ์ท่ีสอดคล้องลงตัวของกิจกรรมและ ทรัพยากรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบุคลากรคุณภาพ ระบบในการทางานที่สนับสนุนและ กระตุ้นจูงใจ วัฒนธรรมองค์กรท่ีเน้นความกล้าเส่ียง และสร้างสรรค์ รวมถึงการผลักดันจากผู้ บริหารสูงสุดของ กิจการ ๖.๕ หลกั การพิจารณานานวตั กรรมมาใชพ้ ัฒนาการเรยี นรู้6 การจะพิจารณานานวัตกรรมมาใช้ในการพัฒนาการเรียนรู้ในวิชา หรือ กลุ่มสาระการ เรียนร้ใู ดๆ ควรยึดหลักสาคัญ ๑. ตรงกับปัญหาหรอื จุดพัฒนาของวชิ านัน้ เพยี งใด ๒. มคี วามสอดคลอ้ งกับธรรมชาติวิชาหรอื ไม่ ๓. สามารถนาไปใชใ้ นสถานการณ์จริงได้หรอื ไม่ ๔. มีหลกั ฐานนา่ เชอ่ื ถอื วา่ เคยใชไ้ ด้ผลดมี าแลว้ หรอื ไม่ ๖.๕.๑ ประโยชนข์ องนวตั กรรมทางการศกึ ษา ๑. นกั เรียนเรียนรไู้ ดเ้ ร็วขนึ้ ๒. นกั เรียนเข้าใจบทเรียนเปน็ รูปธรรม ๓. บรรยากาศการเรียนสนกุ สนาน ๔. บทเรยี นนา่ สนใจ ๕. ลดเวลาในการสอน ๖. ประหยัดคา่ ใช้จา่ ย ๖.๕.๒ การออกแบบนวัตกรรม นวัตกรรมมีความสาคัญ การพิจารณาความสาคัญของนวัตกรรม ให้ดูท่ีเหตุผลความ จาเปน็ ของปญั หา ถา้ มขี อ้ มูลแสดงว่านักเรียนสว่ นใหญ่มคี วามบกพร่องในจุดประสงค์การเรียนใดๆ ที่ มีผลกระทบร้ายแรงต่อการเรียนการสอนท้ังปัจจุบัน และมีแนวโน้มเกิดข้ึนในอนาคตก็สมควรสร้าง นวัตกรรมนั้น ๆ ได้ ในการออกแบบนวัตกรรมผูอ้ อกแบบควรกล่าวถงึ ส่วนตา่ งๆ ต่อไปนี้ ๑.ช่ือนวตั กรรม ๒.วตั ถปุ ระสงคข์ องการใชน้ วัตกรรม ๓.ทฤษฎหี ลักการที่ใช้ในการสร้างนวัตกรรม 6 หลกั การพจิ ารณานานวตั กรรมมาใชพ้ ฒั นาการเรยี นรู้. http://tikkatar.is.in.th/?md=content&ma=show&id=๑
นวัตกรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศการศึกษา ๖๙ ๔.ส่วนประกอบของนวัตกรรม ๕.การนานวตั กรรมไปใช้ ๖.๕.๓-การวางแผนพัฒนานวัตกรรม เป็นแนวคิดท่ีผู้ออกแบบนวัตกรรมจะต้องถามตัวเองว่า จะสร้างนวัตกรรมอะไรจึง จะมปี ระสิทธิภาพเพียงพอต่อการแก้ปัญหาจะไปค้นหาแหล่งอ้างอิงที่ไหน จะต้องสร้างกี่ชิ้นกี่ประเภท ใช้เทคนิคการสร้างอะไรบ้าง จะมีแนวการใช้นวัตกรรม ผู้ออกแบบนวัตกรรมควรวางแผน ไว้ ๓ ข้นั ตอน ๑.ขน้ั พฒั นา ผู้ออกแบบนวัตกรรมต้องศึกษาแหล่งข้อมูลต่างๆของการพัฒนา คือ - ศึกษารายการนวัตกรรม และลกั ษณะเฉพาะของแต่ละนวัตกรรมตัวอย่าง นวตั กรรม - ศกึ ษาหลกั สูตรหลักการสอนรายวิชาต่างๆ เอกสารแนะนา หลักการสอน ต่างๆ ตวั อย่างแนวการสอน แนวการจดั กจิ กรรม - ศกึ ษาทบทวน ทฤษฎีการสอน หลักจิตวทิ ยาdารศึกษา - มีความริเร่ิมสร้างสรรคด์ ้วยตนเอง ๒.ขัน้ ทดลองใช้ - หลังจากพฒั นานวตั กรรม ๑ ช้ิน ผู้สอนควรนาไปทดลองสอน ระบุ ชั้น วิชา ทดสอบเกบ็ คะแนนและหลังการใชน้ วัตกรรม ๓. ข้นั ประเมนิ ผลและรายงาน หลังจากทดลอง ผอู้ อกแบบนวัตกรรมไดน้ านวัตกรรมไปทดลองใช้และเก็บ คะแนน วิเคราะห์ผลการทดสอบแสดงสถิติเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยก่อนการทดลอง ผู้ออกแบบนวัต กรรมเขยี นรายงานผลการทดลองเผยแพรใ่ ห้ครู-อาจารย์อ่นื ๆ ทราบ อาจประกอบด้วย ๑.แผนการสอนที่ใชท้ ดลองนวตั กรรม ๒.นวัตกรรมท่สี รา้ ง หรอื พฒั นาขนึ้ ๓.คู่มือการใช้นวัตกรรม ๔.แบบทดสอบ กอ่ น-หลัง การใชน้ วตั กรรม ๕.รายงานผลการทดลอง
นวัตกรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศการศกึ ษา ๗๐ สรุปทา้ ยบท จากการที่ได้เรียนรู้นวัตกรรมทางการศึกษา ทั้งที่ยังคงมีใช้อยู่ บางอย่างเร่ิมสูญหายไป และ บางอย่างก็กาลังเกิดขึ้นมา ตามพัฒนาการของเทคโนโลยีในทุกๆแขนง นวัตกรรมทางการศึกษาในแต่ ละประเภท ต่างมีจุดเด่น และข้อจากัดอันเป็นผลจากเทคโนโลยี แต่สิ่งที่อยู่บนพ้ืนฐานของเทคโนโลยี อนั ทันสมัยกไ็ มใ่ ช่กระบวนการจัดการศึกษา ท่ีดีที่สุดของการจัดการศึกษายังคงต้องพ่ึงพานวัตกรรมใน เชิงผสมผสาน ปรับไปตามกลุ่มเป้าหมายเปลี่ยนแปลงไปตามจุดประสงค์ของการศึกษา หากสรุปให้ถึงแก่นจริงๆแล้วการจัดการศึกษาจะอยู่ภายใต้กระบวนการอยู่ ๒ รูปแบบ.....คือ ๑.แบบ-Live ลักษณะน้ีทั้งผู้เรียนและครูผู้สอนต้องร่วมกิจกรรมการเรียนการสอน ณ เวลาจริง หรือ Synchronous เป็นรูปแบบการเรียนรู้(การศึกษา) ท่ีต้องมีเง่ือนไขของเวลาเป็นสิ่งสาคัญ อยู่ ภายใต้ตารางสอน(เรียน) ปริมาณเน้ือหา ถูกส่งผ่านจากครูสู่ผู้เรียนโดยตรง ตามกรอบของหลักสูตรที่ กาหนดไว้ ๒.แบบ-On๓Demand ลักษณะเรียนรู้อิสระตามความต้องการตามช่วงเวลาท่ีเลือก หรือเรียกว่า Asynchronous ครูที่เคยทาหน้าท่ีสอนจริงๆ จะมาทาหน้าที่ผู้สร้างองค์ความรู้ และหรือผู้ชี้นา ผู้ให้ คาปรึกษา หรือครูท่ีปรึกษาหลักสูตร เน้ือหาจะถูกส่งผ่านสื่อ หรือช่องทาง ถึงผู้เรียน ซึ่งตัวผู้เรียน สามารถควบคุมปริมาณเนื้อหา เลือกช่วงเวลาท่ีพร้อมท่ีจะรับรู้ ในการเรียนรู้ระบบ on demand อาจจะอยู่ในลักษณะที่ผู้จัดการเนื้อหา ส่งเน้ือหาผ่านส่ือ ผ่านช่องทางให้ผู้เรียน ทีละน้อย เป็น ช่วงเวลา ผู้เรียนสามารถรับรู้ในเวลาน้ัน หรือจะจัดเก็บก่อนแล้วมาเรียนรู้ในภายหลัง ตัวอย่างของ วิ ธี ก า ร น้ี ท่ี เ ห็ น ไ ด้ ชั ด ก็ คื อ วิ ธี ก า ร ส่ ง ข้ อ มู ล ก า ร เ รี ย น รู้ ผ่ า น ร ะ บ บ โ ท ร ศั พ ท์ เ ค ล่ื อ น ที่ แต่ในสภาพจริงท่ีเป็นอยู่ นวัตกรรมทางการศึกษาที่เกิดข้ึนมาในแต่ละชนิด หรือแต่ละวิธีการ น้ันอาจจะมรี ูปแบบที่ใช้เง่ือนไขกระบวนการใด กระบวนการหนึ่ง หรือมีท้ังแบบผสมผสานเพื่อรองรับ ช่วงเวลา โอกาส เงื่อนไข ตัวแปร ความพร้อม หรือความสามารถในการเข้าถึงที่จะเรียนรู้ แต่ การศึกษาจะมีผลสมบูรณ์ได้น้ัน ยังต้องข้ึนกับองค์ประกอบสาคัญท่ีจะขาดไม่ได้ นั่นคือ ผู้สร้างองค์ ความรู้ ไม่ว่าจะเป็นสภาพบรรยากาศของการเรียนรู้ในมิติของชีวิตจริงในเวลาน้ัน(Face to face) ที่ ยงั คงใช้ห้องเรียนเป็นหลัก หรือเป็นผู้วางสาระเนื้อหาพร้อมปัจจัยการเรียนรู้ผ่านส่ือ ผ่านช่องทางหรือ วธิ ีการต่างๆ ผสู้ ร้างองค์ความรู้ผนู้ ั้น กค็ อื สงิ่ ทีเ่ ราเรยี ก หรือ เคยเรยี ก วา่ ครู นั่นเอง ทส่ี าคัญคอื การสรา้ งความรู้ ใหผ้ ู้เกยี่ วข้องกบั การจัดการศกึ ษา ได้มีความเข้าใจด้านเทคโนโลยี เพื่อการศึกษาให้ชดั เจนย่งิ ขึน้ ลดชอ่ งว่างของความสบั สนในเรอ่ื งของนวัตกรรมทางการศึกษา สามารถ แยกแยะความหมายของ ระบบและวิธีการเรียนรู้ (Systems approach to learning) กับส่ือการ เรียนรู้ (Media for learning) ให้ชัดเจน เม่ือถึงเวลานั้น การสร้างส่ือเพื่อสนับสนุนการเรียนการสอน หรือการพัฒนากระบวนการ ระบบ หรือวิธีการเรียนรู้ ในภาพรวมก็จะมีกรอบ มีทิศทาง นาไปสู่การ พฒั นาท่มี ีประสทิ ธิภาพสูงสุดต่อการศึกษา
บทที่ ๗ ความเปน็ มาและพฒั นาการของสอ่ื การสอน วัตถปุ ระสงค์การเรยี นประจาบท เม่อื ศกึ ษาบทที่ ๗ จบแล้ว นสิ ิตสามารถ ๑. อธบิ ายความเป็นมาและพฒั นาการของสอ่ื การสอนได้ ๒. อธิบายวิวัฒนาการสื่อการเรียนการสอนจากกระดานชนวนสู่ยุค E-Book ได้ ๓. อธบิ ายบทบาทของครกู ับสอื่ การเรยี นการสอนได้ ๔. อธบิ าย ปญั หาในการใชส้ ื่อการสอนของครผู ูส้ อนได้ ขอบขา่ ยเน้อื หา ความเป็นมาและพัฒนาการของสอ่ื การสอน วิวัฒนาการสอ่ื การเรียนการสอนจากกระดานชนวนสยู่ ุค E-Book บทบาทของครูกบั สื่อการเรยี นการสอน ปัญหาในการใช้สื่อการสอนของครูผสู้ อน
นวัตกรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศการศึกษา ๗๒ ๗.๑ ความนา ส่ือการสอน (Instructional media) และการออกแบบการสอน (Instructional design) ได้ มีการพัฒนามาด้วยกันแต่ก็แยกตัวเป็นอิสระแต่ก็มีส่วนมาบรรจบกัน แม้ว่าการใช้ของจริง (Real object) ภาพวาด (Drawing) และส่ืออื่นๆนับเป็นส่วนหนึ่งของการสอน อย่างน้อยท่ีสุดเป็นการนามา ซึ่งความเจริญก้าวหน้าทางด้านประวัติศาสตร์ของการใช้ส่ือการสอน๓เช่น-เดียวกับการออกแบบการ สอนเป็นส่ิงท่ีปรากฏชัดเจนในศตวรรษท่ี๒๐ ในอเมริกาเหนือพบว่าพิพิธภัณฑ์เป็นสิ่งที่มีความสาคัญซึ่งมีอิทธิพลของส่ือการสอน พพิ ธิ ภณั ฑ์มีประวตั ศิ าสตร์ของความรว่ มมอื กบั โรงเรยี นและมบี ทบาทในชุมชน ในปี ๑๙๐๕ พิพิธภัณฑ์ ทางการศึกษา St. Louis กลายเป็นพิพิธภัณฑ์แบบเปิดของโรงเรียนในสหรัฐอเมริกาซึ่งในปัจจุบัน เรียกว่า ศูนย์ส่ือการศึกษา (Media Center) เป็นสถานที่เก็บรวบรวมงานศิลป หุ่นจาลอง แผนภูมิ ของจริง และสื่อวัสดุอ่ืนๆ ที่ได้รวบรวมมาจากทั่วโลก วัสดุเหล่านี้ถูกนามาไว้ในโรงเรียน St. Louis ด้วยความคิดพ้ืนฐานที่ว่าเป็นการนาโลกมาสู่เด็ก ในทุกๆสัปดาห์จะมีการขนส่งสื่อการสอนมาให้ โรงเรียน ในช่วงแรกจะส่งมาทางรถม้าต่อมาโดยทางรถบรรทุก แคตตาลอกของสื่อการสอนจะได้รับ การจดั ไวใ้ นโปรแกรมการเรียนการสอน และจัดหาให้ครูผู้สอนซึ่งสามารถส่ังจองส่ือต่างๆท่ีต้องการได้ ในปคี .ศ. ๑๙๔๓ พพิ ธิ ภณั ฑ์ St. Louis ได้เปลีย่ นชอ่ื มาเป็น ฝุายโสตทศั นศกึ ษา (DivisionofAudio-VisualEducation) แม้ว่าก่อนทจี่ ะเรม่ิ ตน้ ศตวรรษที่ ๒๐ ได้มีความสนใจอย่างกว้างขวางในส่ิงท่ีเรียกว่า การสอน โดยการใช้ภาพ (Visual instruction) หรือจักษุศึกษา (Visual education) หลักการสาคัญท่ีซ่อนอยู่ ข้างใต้ความเคลื่อนไหวน้ีคือ รูปภาพ (Picture) ซ่ึงมีความใกล้เคียงกับของจริงมากกว่าคาพูด ดังน้ัน การจัดการเรียนการสอนในโรงเรียนเน้นการให้ข้อมูลทาง ภาษา คาพูด และรูปภาพอาจทาให้การ เรียนการสอนเร่ืองราวต่าง ๆทีถ่ ่ายทอดไปสู่ผู้เรยี นได้ง่ายขึ้น โดยมี เครื่องฉายสไลด์ สเตอริโอ การฉาย สไลด์แบบ \"Magic lantern\" ซ่ึงเป็นเครื่องมือท่ีใช้แสดงภาพ และได้รับความนิยมใช้ประกอบการ บรรยายและสามารถพบเห็นในโรงเรียนท่ัวไปก่อนเร่ิมศตวรรษที่ ๒๐ ในปี คศ.๑๙๐๔ รัฐนิวยอร์ค ได้ จัดองค์กรท่ีเรียกว่า Visual Instruction Department ซ่ึงจะรับผิดชอบในการเก็บรวบรวมและ แจกจา่ ยสไลด์ไปยังโรงเรียนต่างๆ ในปี คศ. ๑๙๒๐ หน่วยงานในลักษณะดังกล่าวได้มีการจัดตั้งข้ึนใน มหาวิทยาลัยต่างๆเป็นจานวนมาก และเป็นที่มาของยุคเร่ิมต้นที่ต่อมากลายเป็น \"Audiovisual andMediaScienceDepartment ฟิล์ม (Film) ได้เข้ามาสู่ชั้นเรียนในช่วงต้นของศตวรรษท่ี ๒๐ โทมัส เอดิสัน (Thomas Edison) ได้พัฒนาชุดฟิล์มทางวิทยาศาสตร์และประวัติศาสตร์ สาหรับใน โรงเรยี นฟิลม์ ภาพยนตไ์ ด้นามาใชใ้ นการศึกษา ไดแ้ ก่ การแสดงผลงานการสร้างละคร และแคตตาลอก ของฟิลม์ ภาพยนต์ทางการศึกษา ท่ีได้มีการตีพิมพ์ในสหรัฐอเมริกาในปี คศ. ๑๙๑๐ และหลังจากนั้นก็ ไดน้ าไปใช้ในระบบการสอนในโรงเรียนของรัฐบาล (Rochester, New York) และได้มีการพัฒนาอย่าง ต่อเน่ืองในฐานะสอ่ื การศกึ ษามาตลอดศตวรรษ เชน่ เดียวกันไดม้ คี วามพยายามในการนาสอื่ ทางด้านเสียง (Audio) เขา้ มาเป็นสื่อการเรียนการ สอน (Instruction media) ช่วงระหว่าง ๑๙๒๐-๑๙๓๐ ได้มีการนาวิทยุเข้าเข้ามาทดลองใช้ และ ใน ปีค.ศ.๑๙๒๙ โรงเรียนทางอากาศโอไฮโอ (Ohio School) โดยความร่วมมือกับมลรัฐมหาวิทยาลัย
นวตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศการศกึ ษา ๗๓ โอไฮโอ และสถานีวิทยุ Cincinnati และได้มีการจัดต้ังโมเดลที่คล้ายคลึงกับความร่วมมือดังกล่าวใน ส ถ า น ที่ อ่ื น ๆ เ พื่ อ ท่ี จ ะ ส า ธิ ต ก า ร ใ ช้ วิ ท ยุ ใ น ฐ า น ะ ท่ี เ ป็ น ส่ื อ ท า ง ก า ร ศึ ก ษ า ที่ มี ป ร ะ สิ ท ธิ ภ า พ ในช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่ ๒ ฟิล์มภาพยนต์ทางการศึกษาและส่ืออ่ืนๆกลายเป็นส่วน หนึ่งของการฝกึ อบรมท่ใี ชใ้ นสงคราม ในช่วงระหว่างสงคราม รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้ผลิตฟิล์มสาหรับ การฝึกอบรม มากกว่า ๘๐๐ เร่ือง และฟิล์มสตริป และได้จัดซื้อเครื่องฉายฟิล์มสตริป ๑๐,๐๐๐ เครื่อง และจ่ายเงิน ๑๐๐ ล้านดอลล่าร์ สาหรับฟิล์มท่ีใช้ในการฝึกอบรม การใช้สื่อเหล่าน้ีเป็นจานวน มากส่งผลต่อสาขาวิชาและสนับสนุนให้เกิดแนวคิดท่ีว่าส่ือเป็นส่ิงท่ีมีประโยชน์อย่างมหาศาลต่อ การศกึ ษาและการฝกึ อบรม ในปี ๑๙๕๐ เป็นช่วงยุคการใช้โทรทัศน์ท่ีได้รับการยอมรับว่าเป็นสื่อใหม่ของการศึกษา ได้ จัดตั้งสถานีโทรทัศน์ที่มหาวิทยาลัยรัฐไอโอวา (Iowa) ในปี คศ. ๑๙๕๐ และได้มีการจัดตั้งในท่ีอ่ืนๆ ในช่วงปี คศ. ๑๙๕๒ Federal Communications Commission ได้จัดต้ังสถานีโทรทัศน์ จานวน ๒๔๒ ช่อง และเรียกว่า สถานีโทรทัศน์ทางการศึกษา (Educational Television Station) เป็นผลที่ ช่วยทาให้การใช้โทรทัศน์เพ่ือการศึกษาขยายตัวและแพร่หลาย ในปัจจุบันโทรทัศน์ทางการศึกษาจะ อยู่ในรูปของ National Geographic Special Public Broadcasting System's (PBS) Program Newsmagazines และ Discovery Channel และอ่ืนๆ ลักษณะท่ีพบในโรงเรียน ได้แก่ Channel One ซึ่งจะเสนอข่าวต่างๆ แม้ว่าโทรทัศน์เพ่ือการเรียนการสอนจะไม่ได้บรรลุตามเปูาหมายใน ห้องเรียน แต่ก็ยังใช้กันอยู่ในการเรียนการสอน วิดีทัศน์ได้มีการพัฒนาและมีอิทธิพลต่อการเรียนใน โรงเรียน อย่างไรก็ตามวิดีทัศน์ในโรงเรียนปัจจุบันอาจรวมถึงVCRหรือการศึกษาทางไกล ในช่วงระหว่างปี ๑๙๕๐ และ ๑๙๖๐ สาขาวิชาเก่ียวกับสื่อการศึกษา ได้มีการเปล่ียนแปลง จากการเน้นสื่อทางด้าน เคร่ืองมือ อุปกรณ์ (Hardware) มาสู่บทบาทของส่ือในการเรียนรู้ การศึกษา อย่างเป็นระบบถูกนามาใช้ ในการสร้างวิธีการต่างๆท่ีจะทาให้คุณลักษณะ (Attribute) หรือลักษณะ (Features) ของสื่อต่าง ๆ ท่ีมีผลต่อการเรียนรู้ (Learning) ทฤษฎีต่าง ๆ หรือโมเดลการสื่อสาร (Model of communication) ไดม้ ีการการพัฒนาควบค่ไู ปกบั บทบาทของสอ่ื โมเดลเหล่าน้ีช่วยทาให้ ผู้เชย่ี วชาญดา้ นโสตทัศนศึกษา (Audio visual specialists) ได้พจิ ารณาทุกๆ องคป์ ระกอบที่เกี่ยวข้อง กับกระบวนการส่อื สารเพมิ่ ขนึ้ ด้วยเหตุผลดังกล่าว การศึกษาทางด้านโสตทัศนศึกษา(Adiovisual Education) จึงขยาย แนวความคิด(Concept)ที่กว้างขวางเพ่ิมขึ้นกว่าเดิมท่ีมุ่งเน้นเฉพาะด้านส่ือ(Media)เท่านั้น ประกอบ กับการมาประสานร่วมกันกับศาสตร์ทางโสตทัศนศึกษา (Audiovisual Science) ทฤษฎีการส่ือสาร (Communication Theories) ทฤษฎีการเรียนรู้ (Learning Theory) และการออกแบบการสอน (Instructional Design) ได้เริ่มข้ึน และเป็นการเร่ิมต้นของเทคโนโลยีทางการสอน (Instructional Technology) จากผลของการใช้สื่อต่าง ๆ ที่เพ่ิมมากข้ึน ระหว่างช่วงทศวรรษที่ ๑๙๗๐ และ ๑๙๘๐ สาขาวิชานี้ ได้มีการเปลี่ยนแปลงและเติบโตมากขึ้น ดังน้ันผู้เชี่ยวชาญด้านส่ือกลายเป็นผู้ท่ีมี ความสาคัญเพิ่มมากขึ้นในชุมชนโรงเรียน สื่อที่มีรูปแบบใหม่ๆได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้น และความ เคลอ่ื นไหวต่าง ๆ นามาสู่การเปลีย่ นแปลงศาสตร์ทางด้านโสตทัศนศึกษา การศึกษาทางด้านส่ือซ่ึงเร่ิม ประมาณปลายสงครามโลกคร้งั ที่ ๒ และดาเนินการต่อเน่ืองมา ส่ือกลายเป็นส่ิงท่ีถูกมองว่าไม่สามารถ
นวตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศการศึกษา ๗๔ เป็นส่วนท่ีแยกตัวออกมาอย่างโดดเด่ียวได้ แต่ว่าเป็นส่วนหน่ึงของกระบวนการทางเทคโนโลยีการ ศึกษา ซ่ึงกว้างขวางกว่าแนวคิดเดิม เช่นเดียวกับการออกแบบการสอนที่พัฒนาไปเป็นส่วนหน่ึงของ การศึกษาในสาขาวิชา และศาสตร์ทางด้านสื่อได้เติบโตพร้อมทั้งมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับการ ออกแบบการสอน (Instructional design) และการสื่อสาร (Communication) คอมพิวเตอร์มี ความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับนวัตกรรมการศึกษา(Innovations)ในปัจจุบัน คอมพิวเตอร์ยุคแรกจะนา อิเลคทรอนกิ ส์ดิจิตอลมาใชใ้ นการสร้าง ประวตั ิศาสตรข์ องการพัฒนาคอมพิวเตอร์อาจแบ่งเป็น ๔ ช่วง -ยุคทห่ี นง่ึ ของคอมพวิ เตอร์จะใชเ้ ทคโนโลยีหลอดสุญญากาศ -ยุคท่ีสองหลังจากทศวรรษ ๑๙๕๐ และในช่วงเริ่มต้นของ ๑๙๖๐ ในยุคน้ีจะใช้ เทคโนโลยี ทรานซสิ เตอร์ (Transistor) พบว่าคอมพวิ เตอร์ในยคุ นีจ้ ะมขี นาดเล็กลงและความเร็วเพิ่มข้ึนและราคา ลดลงและมเี สถียรภาพเพม่ิ ขึ้น -ยุคท่ี๓ จะมีความเร็วเพ่ิมข้ึนเพราะนาเทคโนโลยี Solid State มาบูรณาการกับ Circuit เรียกว่า Intergrated-Ciucuit (ICs) และ Ics ซึ่งการบูรณาการเทคโนโลยีดังกล่าวเข้าด้วยกันเรียกว่า ชฟิ (Chip) -ยคุ ท่ี ๔ เรมิ่ เขา้ มาในทศวรรษ ๑๙๗๐ และใช้ Very Large-scale integration (VLSI) สิ่งทีมี การพัฒนาที่สาคัญที่สุดในยุคน้ีคือ ไมโครโปรเซสเตอร์ เป็นชิฟเด่ียวท่ีทาจากซิลิคอน ซึ่งพัฒนาโดย วิศวกรของบริษัท Intel Corporation การพัฒนาน้ีนาไปสู่ Personal Computer ในปี ๑๙๗๗ ได้มี บริษัทคอมพิวเตอร์ต่างๆที่มีการผลิตได้แก่บริษัท Apple Commodore และ Tandy/Radio Shack นีเ่ ปน็ สิ่งทท่ี าให้เกิดการพัฒนาเก่ียวกบั อุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ จนกระท่ัง ๑๙๘๑ บริษัท IBM ได้เสนอรูปแบบใหม่ของ Personal computer และในปี ๑๙๘๔บริษัทAppleได้ออกแบบ Personal Computer ใหม่ท่ีเรียกว่า Macintosh ซ่ึงมีลักษณะการ Interface ที่ใช้กราฟิกและใช้เมาส์เป็นเครื่องมือช้ี พร้อมด้วย Microsoft windows วิธีการนี้ช่วยทา ให้ Personal Computer ไดร้ ับความสนใจเพ่ิมขึ้น และนอกจากนี้ยังมี Laser Printer และ Modem ตลอดจนอุปกรณ์อื่นๆที่ช่วยส่งเสริมสมรรถนะของ Personal Computer และในปี ค.ศ. ๑๙๙๐ อินเตอร์เน็ตได้เข้ามาอย่างเงียบๆในฐานะที่เป็นเคร่ืองมือสาหรับนักวิจัยอยู่หลายปี และต่อมาได้รับ ความนิยมเพ่ิมขึ้นพร้อมกับการเติบโตของ Wold Wide Web แต่เดิม Personal Computer ซ่ึงคร้ัง หน่ึงเป็นเคร่ืองที่แยกเป็นเครื่องเด่ียว(Stand alone) กลายเป็นเคร่ืองมือท่ีสามารถเชื่อมโยงติดต่อกับ เคร่ืองอ่ืนๆและเครือข่ายของPersonalComputerก็ปรากฏในรูปแบบที่โดดเด่นของเทคโนโลยี คอมพวิ เตอร์ ในขณะน้ันเอง การนาคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้ในการศึกษายังไม่มากนักและและได้เร่ิมมีการ นาเข้ามาใช้นับต้ังแต่ช่วงต้นของ ๑๙๖๐ ก่อนการมาของ Personal Computer ที่มหาวิทยาลัย Stanford โดย Patrick Suppes และผู้ร่วมงานได้จัดต้ังโครงการคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (Computer- Assisted Instruction) โดยรว่ มมือกบั ผเู้ รยี นในระดับประถมศึกษา และรว่ มงานกบั Stanford พัฒนา คอมพิวเตอร์ช่วยสอนแบบฝึกปฏิบัติ (Drill and practice) และแบบการสอน (Tutorial) โดยเร่ิมต้น ศึกษาในวิชาคณิตศาสตร์และวิชาในหลักสูตร โดยใช้คอมพิวเตอร์แบบเมนเฟรม (Mainframe) ได้ทา การวิจัยและพฒั นาโปรแกรมอย่างรอบคอบ ซ่ึงกลายมาเปน็ โมเดลสาหรับการพัฒนาซอร์ฟแวร์สาหรับ การเรียนการสอนในชว่ งต่อมา
นวตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศการศึกษา ๗๕ และในช่วงต้นทศวรรษ ๑๙๖๐ โครงการ PLATO ได้เร่ิมข้ึนท่ีมหาวิทยาลัยอิลินอย (IIlinois) ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในด้านคอมพิวเตอร์ช่วยสอน PLATO (Programmed Logic for Automatic Teaching Operation) ซ่ึงเป็นผลท่ีทาให้เกิดการพัฒนาโปรแกรมซอร์ฟแวร์ท่ีมีคุณภาพในสาขาวิชา ต่างๆเป็นจานวนมาก PLATO มีบทบาทในการจัดการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยอิลินอยและได้มี การนาระบบน้ีไปใช้ที่มหาวิทยาลัยอื่นๆ บทเรียนที่เป็นต้นแบบในการพัฒนาสามารถปรับมาใช้กับ Personal Computerได้ และโปรแกรมสาเร็จรูปทใี่ ช้ในการพัฒนาบทเรียน เรียกว่า TUTOR ซ่ึงยังคง มีการใช้สาหรับระบบการฝึกอบรม ผลกระทบท่ีมีเกี่ยวกับโครงการคอมพิวเตอร์ เช่น PLATO ยังมี ข้อจากัดเพราะการผลิตช่วงเริ่มแรกยังคงต้องอาศัยคอมพิวเตอร์แบบเมนเฟรม (Main frame) หรือ มินิคอมพิวเตอร์ (Mini Computer) ซ่ึงยังไม่สามารถที่จะใช้กันได้อย่างกว้างขวาง การปรากฎตัวของ Personal Computer ในปี คศ.๑๙๗๐ เป็นสิ่งที่ทาให้เกิดความเปลี่ยนแปลง โดยแท้จริงแล้วการ พัฒนาเกี่ยวกบั คอมพวิ เตอร์เพื่อการสอน ไม่ได้เป็นผลท่ีพัฒนามาจากการใช้ท่ีเปล่ียนจากคอมพิวเตอร์ ทีใ่ ช้ระบบใหญ่ เชน่ Main frame มาสู่ คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ตัวอย่างเช่น Seymour Papert และ ผู้ร่วมงานท่ี MIT เริ่มต้นงานโดยใช้ภาษา Logo ในทศวรรษ ๑๙๗๐ โดยใช้คอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ และภาษา Logo ก็สามารถปรับมาใช้กับ Personal Computer ได้ และเป็นส่วนหนึ่งท่ีประสบ ความสาเร็จของการใช้คอมพิวเตอร์ในการเรียนการสอน จากนั้น Minnesota Educational Computing Consortium (MECC) หน่ึงในจานวนมลรัฐใหญ่ที่เก่ียวข้องกับการใช้คอมพิวเตอร์ เพ่ือ การศกึ ษาได้เรม่ิ ใช้คอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ และปรับ เปล่ียน มาใช้กับ Personal Computer อย่างไร ก็ตามจัดได้ว่าเป็นเครื่องมือส่วนหนึ่งที่ช่วยให้การใช้คอมพิวเตอร์ในการเรียนการสอนแพร่หลาย ในช่วงทศวรรษที่ ๑๙๘๐ ได้มีการใช้ Personal Computer ในโรงเรียน และได้ขยายตัวใน ด้านการใช้อย่างมาก จากข้อมูลของ Office of Technology Assessment พบว่ามีการขยายตัวจาก ๑๘ % เป็น ๙๕ % ในระยะเริม่ แรกทีค่ อมพิวเตอร์ส่วนบุคคลถูกนาเขา้ มาสูโ่ รงเรียน ขณะนั้นเครื่องมือ ท่ีใช้ในการผลิตและซอร์ฟแวร์ยังมีจากัด จึงเป็นผลให้การใช้คอมพิวเตอร์ในช่วงนี้จะเน้นเก่ียวกับ โปรแกรมและการเรียนรู้เก่ียวกับคอมพิวเตอร์ และแนวคิดเก่ียวกับการเรียนรู้ภาษาคอมพิวเตอร์ (Computer Literacy) ได้ถูกผลักดันเข้ามา และโปรแกรมการเรียนคอมพิวเตอร์ถูกบูรณาการเข้าไป ในหลักสูตรมุ่งเน้นเกี่ยวกับการพัฒนาความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ ทักษะการเขียนโปรแกรมและได้มีการ ทานายจากนักการศึกษาว่า สาขาวิชาคอมพิวเตอร์และการเขียนโปรแกรมจะได้รับการจัดให้เรียน ควบคู่ไปเช่นเดยี วกับดา้ นการอ่านการเขียนหรอื การเรยี นเลขคณติ ในโรงเรียน จากการทม่ี ีการใชค้ อมพิวเตอร์สว่ นบุคคลกนั อย่างกว้างขวางและสมรรถนะ ของคอมพิวเตอร์ ท่ีเพิ่มสูงขึ้น การเพิ่มปริมาณของซอร์ฟแวร์และสามารถจัดหาได้ง่าย โปรแกรม CAI ในรายวิชาต่างๆ ปรากฏมากมาย และซอร์แวร์ ทีม่ ีคณุ ภาพเป็นประเด็นทม่ี คี วามสาคัญเก่ียวกับการใช้คอมพิวเตอร์ส่วน บุคคล ผลิตผลท่ีนามาใช้ เช่น เวิร์ดโปรเซสเซอร์ อิเล็กโทรนิกส์สเปรดชีทและการจัดการของ Data Base ไดร้ ับการพัฒนาและนามาใชแ้ ละได้รบั ความสนใจเพิ่มมากข้ึนในการใช้อย่างมีประสิทธิภาพและ ในช่วงปลายทศวรรษ ๑๙๘๐ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านคอมพิวเตอร์การเรียนการสอนได้ล้มเลิก แนวความคิดเก่ียวกับการเรียนรู้ภาษาคอมพิวเตอร์ และแยกมาจัดตั้งเป็นสาขาทางการศึกษาใหม่โดย นาแนวคิดการบูรณาการลงในหลกั สตู รรวมถงึ การใช้คอมพวิ เตอร์และอุปกรณ์
นวตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศการศกึ ษา ๗๖ ดังนั้นความสนใจจึงมุ่งไปท่ีการใช้คอมพิวเตอร์ท่ีมีการบูรณาการการใช้คอมพิวเตอร์เข้าไปสู่ เนื้อหาในสาขาวิชาเฉพาะ ดังน้ันการใช้ Word Processing ในการสอนการเขียน หรือการใช้ภาษา Logoเปน็ ส่วนหนึ่งของการศกึ ษาคณิตศาสตรใ์ นระดบั ประถมศึกษาเปน็ ตน้ จากเทคนิคดังกล่าวช่วงหลังของทศวรรษท่ี ๑๙๗๐-๑๙๙๐ คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลได้ เปลี่ยนแปลงจากความแปลกใหม่ท่ีสามารถใช้กับโปรแกรมง่ายๆ มาสู่ความสามารถที่ใช้ได้อย่าง กว้างขวาง อเนกประสงค์มีประสิทธิภาพและเป็นเคร่ืองมือทางการศึกษา และคอมพิวเตอร์เพื่อการ สอนเป็นสาขาวิชาที่เปลี่ยนแปลงมาพร้อมกับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ได้มีการเปลี่ยนแปลงจากการ เน้นการใชค้ อมพิวเตอรใ์ นแนวทย่ี ังแคบ ได้แก่ คอมพิวเตอร์และโปรแกรมมาสู่แนวคิดที่กว้างขวาง คือ เป็นเครื่องมือที่บูรณาการเข้าไปกับกระบวนการสอน เช่นเดียวกับ การออกแบบการสอน (Instructional Design) ศาสตร์ทางด้านส่ือ (Media Science) และคอมพิวเตอร์การเรียนการสอน (Instructional Computing) กไ็ ดร้ ับการยอมรับในฐานะทีเ่ ปน็ สาขาวิชาของตน1 ๗.๒-ววิ ัฒนาการสื่อการเรียนการสอนจากกระดานชนวนส่ยู คุ ๓E-Book เมอ่ื การศึกษากลายเป็นส่งิ จาเป็น ที่มวลมนุษยชาติ จะต้องได้รับเพ่ือพัฒนาตนเองให้สามารถ ปรับตัวอยู่ในสังคมได้ และหากมองย้อนสู่อดีต ตั้งแต่ยุคหินท่ีมีการใช้กาแพงหิน ในการสื่อสาร มา จนถงึ การคดิ คน้ ภาษา เพือ่ สรา้ งความเขา้ ใจ ในแต่ละชนชาติ และเดินทางสู่จุดเร่ิมต้น การเรียนรู้ในยุค กระดานชนวน จนกระทั่งเข็มนาฬิกา ได้ผันผ่านสู่วิวัฒนาการ การใช้ไวท์บอร์ด การฉายแผ่นสไลด์ ประกอบการสอน สู่ยุคปัจจุบันที่ได้มีการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนในยุคที่โลกไอทีเฟื่องฟู การสื่อสารไร้สายกาลังเป็นเสมือนปัจจัยท่ี ๕ ในการดาเนินชีวิต ทาให้เกิดแนวคิดการทาส่ือ การเรียนการสอนแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Book ขึ้นมาทดแทนสื่อการสอนแบบด้ังเดิม สานักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ ซิปูา ได้ตระหนัก และเล็งเห็นถึงความสาคัญในด้านการศึกษา โดยมีการนาเทคโนโลยีซอฟต์แวร์มาประยุกต์ ใช้ใน หลกั สูตรการเรยี นการสอน จงึ มกี ารจดั อบรมบคุ ลากรด้านครู อาจารย์ เพ่ือเรียนรู้การใช้เทคโนโลยี E- Book ข้ันพ้ืนฐาน รุ่นละ ๑,๐๐๐ คน ขณะนี้ผ่านไปแล้ว ๒ รุ่น แต่กระนั้นทางซิปูายังมีหลักสูตร ตอ่ เนอ่ื งใหแ้ ก่อาจารย์ โดยเป็นการตอ่ ยอดจากข้นั พ้นื ฐานอีก ๓๐ คนต่อรุ่น เพ่ือเพิ่มศักยภาพบุคลากร ด้านการศึกษา ก่อนจะถ่ายทอดความรู้ให้เยาวชนไทยต่อไป เพ่ือให้การศึกษาได้เดินไปในทิศทาง เดียวกันท่ัวประเทศ “ที่จริงแล้ว การผลิตส่ืออยู่ท่ีการออกแบบ สร้างสรรค์ให้มีความน่าสนใจ ครู ต้องมีความต้ังใจจริง รวมไปถึงมีความร่วมมือ จากกระทรวงต่างๆ ในประเทศ อย่างเช่นประเทศ เกาหลีใต้ ที่ภาครัฐและเอกชนต่างให้ความร่วมมือ ทั้งจากกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงไอซีที เป็นตน้ และเมื่อมองดูในประเทศไทย ถา้ มคี วามร่วมมอื กันเป็นปึกแผ่นได้ การพัฒนาก็ จะสามารถไปได้อย่างรวดเร็ว ส่วนอาจารย์ที่ได้รับการอบรม สื่ออิเล็กทรอนิกส์ขั้นพื้นฐาน ก็จะเป็น บุคลากรอีกกลุ่มหน่ึงที่จะช่วยเป็นแกนนาให้กับสถาบันต่างๆ ท้ังภาครัฐและเอกชน” 1 ความเปน็ มาและพฒั นาการของสอ่ื การเรยี นการสอน. http://board.atcomink.com/show.php?Category=cai&No=๑๖๒
นวตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศการศึกษา ๗๗ สาหรบั งบประมาณทใ่ี ชใ้ นการจัดการฝึกอบรมรวมไปถึงการคัดเลอื กบุคลากรเข้ารับการอบรม รอง ผอ.ซิปูา บอกว่า ใช้จ่ายประมาณ ๑๐ ล้านบาทต่อ ๑ รุ่น โดยทางซิปูาให้การสนับสนุนปีละ ประมาณ ๖ ล้านบาท ไม่ว่าจะเป็นค่าที่พัก ค่าซอฟต์แวร์ ค่าอบรม ส่วนที่เหลือจะเป็นผู้สนับสนุนที่ ช่วยเข้ามาในรูปแบบของอุปกรณ์ หรือค่าใช้จ่าย ส่วนการคัดเลือกบุคลากรเป็นหน้าท่ีของ กระทรวงศึกษาธิการ จะรับสมัครและคัดเลือก โดยครูท่ีส่งใบสมัครเข้ามาต้องมีพื้นฐาน ทางด้าน คอมพวิ เตอรก์ อ่ นจะมีการดาเนินการคัดเลือกใหเ้ หลือ๑,๐๐๐คน” ส่วนในจานวน ๕ กลุ่มสาระการเรียนรู้แรกท่ีถือเป็นบททดสอบท่ีดีในการทาโครงการน้ี ประกอบด้วย กลุ่มสาระการเรียนรู้วิชาสังคมศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระ การเรียนรู้วิชาภาษาต่างประเทศ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิชาภาษาไทยและกลุ่มสาระการเรียนรู้วิชา คณิตศาสตร์ ท่ีจะนาไปถึงการต่อยอดเพื่อพัฒนาสื่อการเรียนการสอนต่อไป เพราะถ้ามองจากจุดน้ีก็ เป็นเสมือนจุดเริ่มต้นเท่าน้ัน โครงการฝึกอบรมน้ีจึงได้มีการคัดคณาจารย์อีกรุ่นละ ๓๐ คน มา ฝึกอบรมในข้ันท่ีสูงขึ้นเพื่อให้มีความต่อเนื่องและสัมพันธ์กับการฝึกอบรมขั้นพื้นฐาน ก่อนที่จะนาการ เรยี นการสอนแบบอิเล็กทรอนิกส์ไปใช้ประโยชนไ์ ด้จรงิ บนฐานการศึกษา ด้านซิปูา เชียงใหม่ก็เป็นอีกองค์กรหน่ึงท่ีเล็งเห็นความสาคัญ หลังจากที่ได้ผลักดันธุรกิจ ซอฟต์แวร์และมัลติมีเดียในภูมิภาค รวมถึงการจัดนิทรรศการเทคโนโลยีเพ่ือชาวภาคเหนือและจะมี การนา E-Book มานาเสนอให้ผู้เข้ามาในงานได้เห็นสื่อการเรียนการสอนอิเล็กทรอนิกส์ชนิดนี้ พร้อม ท้ังสนับสนุนการนามาใช้จริง เพราะ E-Book จะทาหน้าที่เป็นเสมือนศูนย์กลางหลักสูตรที่คณาจารย์ สามารถแลกเปลี่ยนความคิด หรอื ปรับปรุงแผนการเรยี นการสอนให้มีความถูกต้องและยึดเป็นต้นแบบ การสอนได้ เพ่ือให้สอดคล้องกับการที่ทั่วโลกเริ่มมีความเคล่ือนไหวด้านการศึกษาในรูปแบบE-Book ดร.นิโคลัส เนโกรปอนเต้ ผู้ก่อต้ังมีเดียแล็บ สถาบันเทคโนโลยีแห่งแมสซาชูเซตส์ หรือ MIT หน่ึงในฟันเฟืองสาคัญของการพัฒนาเทคโนโลยีในประเทศสหรัฐอเมริกา จึงได้มีการทาค้นคว้าวิจัย นาเสนอผ่านเคร่ืองแล็บทอปต้นแบบ ท่ีมีแนวคิดมาจากความต้องการให้เด็กมี Labtop ทุกคน โดยมี การนาเสนอเคร่ืองต้นแบบที่เหมาะสมสอดคล้อง กับการเรียนรู้ของนักเรียนในระดับช้ันประถมและ มัธยมศึกษา เพ่ือท่ีนักเรียนจะสามารถนาเครื่องเหล่านี้ไปใช้ในการเรียนรู้ผ่านระบบหนังสือ อิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Books ได้ โดยมีอัตราค่าใช้จ่ายประมาณ ๑๐๐ เหรียญต่อ ๑ เคร่ืองหรือคิด เปน็ เงนิ ไทยประมาณ ๔,๑๐๐กวา่ บาท ขา่ วดงั กล่าว จึงเปน็ ท่ีสนใจของหลายๆ ประเทศท่ีเล็งเห็นความสาคัญ ตรงจุดน้ีและเริ่มมีการ สั่งซ้ือกันบ้างแล้ว โดยเฉพาะประเทศบราซิล และประเทศจีนท่ีเอาจริงเอาจังมาก จึงได้ผลิตรุ่นแรก ออกมาท้ังหมด ๖ ล้านเคร่ือง สาหรับประเทศไทยก็น่าจะมีความเป็นไปได้ ท่ีจะสั่งซื้อเข้ามาให้กับ นักเรียนทุกคน ทั่วประเทศได้มีโอกาสใช้ และขณะนี้ได้มีการคาดการณ์ โดยเทียบจากราคาแลปทอป รวมไปถึง E-Book ล็อตแรก ๕๐๐,๐๐๐ เคร่ืองก่อนจะมีการส่งมอบ ให้เด็กนักเรียนท่ีจะมีการเข้า ระบบการศึกษา ๘๐๐,๐๐๐ คนต่อปี คิดเป็นเงินงบประมาณทั้งส้ิน ๓,๒๐๐-๓,๓๐๐ ล้านบาทต่อปี โดยจะเป็นการทางานร่วมกันของ ๒ กระทรวง คือ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร หรือไอซที ีและกระทรวงศึกษาธิการตามนโยบายของรฐั บาล รอง ผอ.ซิปูาได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เปูาหมายหลักๆในหลักสูตรของการส่งเสริมสื่อการเรียน การสอนอิเล็กทรอนิกส์ จะมุ่งเน้นไปท่ีกลุ่มเด็กนักเรียนประถมศึกษา-มัธยมศึกษา ขณะท่ีอุดมศึกษา
นวตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศการศกึ ษา ๗๘ น้ันไม่ค่อยขาดแคลนในจุดน้ี อย่างไรก็ตาม อาจมีการเชิญครู-อาจารย์จากสถาบันอุดม ศึกษามาเป็น ผู้ช่วยให้ความรู้ทางด้านน้ี เพราะการทา E-Book น้ันต้องมีการพัฒนารูปแบบด้านแอนิเมชั่นเพื่อ กระต้นุ ให้เดก็ นักเรียนมีความสนใจด้านการเรียน โดยคาดการณ์ว่าน่าจะนามาใช้ได้จริงในปีการศึกษา ๒๕๔๙ ส่วนเรื่องของเคร่ืองรองรับระบบนี้ ในประเทศไทย มีบริษัท HP ที่รองรับระบบได้รวมไปถึง IBMท่ีกาลงั อย่รู ะหวา่ งการพฒั นา จากพัฒนาการที่กาลังเกิดข้ึนน้ี เห็นได้ชัดว่ารากฐานการศึกษาและเทคโนโลยีต่างเป็นสิ่งท่ี สาคัญในการพัฒนาประเทศ การประยุกต์ใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์ทางด้านการศึกษาจึงเป็นสิ่งที่ดี เพียงแตจ่ ะดึงจุดดจี ดุ ไหนมาใช้ใหเ้ กิดประโยชน์สงู สุด แมใ้ นปัจจุบัน โครงการทัง้ หมดท่กี ล่าวมาแลว้ จะยังเปน็ เพยี งแค่จุดเริ่มต้น แต่ก็นับว่าเป็นก้าว ท่ีสาคัญ ท่ีจะได้เห็นหลักสูตรการเรียนการสอนระหว่าง เด็กนักเรียนในเมืองหลวง และต่างจังหวัดมี ความทัดเทียมกันมากข้ึน และคงจะเปน็ พฒั นาการใหม่ทสี่ ่ือการเรียนการสอนที่เรียกว่า “E-Book” จะ เข้ามามีบทบาทตอ่ การพัฒนาการเรยี นรใู้ นอนาคตของเดก็ ไทย2 ๗.๓-บทบาทของครูกบั สอื่ การเรียนการสอน ปัจจุบันรัฐบาลให้ความสาคัญต่อการปฏิรูปการศึกษา และถือว่าการศึกษาเป็นเคร่ืองมือ สาคัญตอ่ การพัฒนาในทุกภาคสว่ นของประเทศ กอรป์ กับความพยายามในการท่ีจะพัฒนาสังคมให้ก้าว สู่สังคมคุณภาพ สังคมแห่งภูมิปัญญาและการเรียนรู้ ปีพุทธศักราช ๒๕๔๔ จึงได้มีการประกาศใช้ หลักสูตรขั้นพ้ืนฐานตามคาสัง่ กระทรวงศึกษาธกิ ารท่ี วก ๑๑๖/๒๕๔๔-ลงวันท่ี-๒-พฤศจิกายน-๒๕๔๔ การประกาศใชพ้ ระราชบญั ญตั ริ ะเบียบบริหารราชการของหน่วยงานในกระทรวง ศึกษาธิการ เปลี่ยนแปลงไป และแผนการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๕๔๕-๒๕๕๙ ซ่ึงเป็นแผนยุทธศาสตร์ของ การจัดการศึกษาของไทย ตามแนวปฏิรูปการศึกษาที่กาหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ และพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๕๔๒ ผนวกกับนโยบาย ด้านการจดั การศึกษาของรัฐบาล แนวทางเพ่อื การปฏิบัตติ า่ งๆ ในการจัดการศกึ ษาของชาติระดับและการเปลี่ยนแปลงในสังคม อันเป็นผลมาจากพัฒนาการของยุคโลกาภิวัตน์ที่ส่งผล ให้การสืบหาค้นคว้าแสวงหาความรู้ และการ เรียนรู้ทางศาสตร์ต่างๆ โดยเฉพาะด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และ พัฒนาการของการส่ือสารในรูปแบบต่าง ๆ เพ่ือให้พัฒนาได้ทันกับการเปลี่ยนแปลงกับสิ่งใหม่ๆ ของ วิทยาการต่างๆ ท่เี กดิ ขน้ึ กอร์ปกับการใช้ความรู้และนวัตกรรมเป็นปัจจัยหลักในการผลิตและพัฒนา การเพ่ิมขีดความ สามารถในการแข่งขันของอารยประเทศ การพัฒนาการเรียนรู้เป็นปัจจัยสาคัญที่สุดในการพัฒนา ปัจเจกบุคคล และการใช้สื่อการสอนจึงถือเป็นหัวใจของการเรียนการสอน หรือสร้างและใช้สื่อการ สอนได้อย่างเหมาะสม เพียงไรกับเนื้อหาท่ีสอนขึ้นอยู่กับผู้สอนสามารถวางแผนในเร่ืองการจัดการ 2 วิวฒั นาการส่ือการเรยี นการสอน จากกระดานชนวนสู่ยคุ E-Book. www.tlcthai.com/webboard/view_topic.php?table_id
นวัตกรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศการศกึ ษา ๗๙ เรียนการสอนได้ระบบดีเพียงใด เช่น การวิเคราะห์และกาหนดขอบข่ายเน้ือหาสาระ การวิเคราะห์ คณุ สมบตั แิ ละความพร้อมของนักเรียน การวิเคราะห์ข้อจากัดต่างๆ ของสภาพการเรียนการสอน การ ใช้สอื่ การเรียนการสอน และสือ่ ท่ีเปน็ กระบวนการ หรอื วธิ ีการ ประเด็นต่างๆ เหล่านี้เป็นส่ิงสาคัญอย่างย่ิงในการกาหนดการเรียนการสอนของครู สื่อการ สอนกค็ อื อุปกรณ์ทางการศึกษาท่ีนามาใช้กับการสอนน่ันเอง สื่อการสอนเป็นองค์ประกอบของระบบ การสอน พจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน พะ.ศ.๒๕๔๒ อธิบายว่า ส่ือการสอน หมายถึง วิธีการ เคร่ืองมือ และอปุ กรณต์ า่ งๆ ท่ีใช้เป็นสื่อในการศึกษา ที่จะทาให้บทเรียนท่ียากและซับซ้อนกลาย เป็น เรื่องง่ายต่อความเข้าใจ ก็อาศัยสื่อการสอน เพราะฉะนั้นการใช้ส่ือการสอนประกอบจึงมีความสาคัญ และจาเปน็ อยา่ งยงิ่ ท่ีครูผู้สอนจะต้องรูจ้ ักและพัฒนาสื่อการเรยี นการสอน พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๒ ให้ความหมายของส่ือการสอนไว้ว่า ส่ือการ สอน หมายถึง ระบบกรนาวัสดุ อุปกรณ์ และวิธีการมาเป็นตัวกลางในการศึกษาแก่ผู้เรียน-ดังน้ัน๓ จาแนกประเภทของสอ่ื การศกึ ษาออกเปน็ -๓-ประเภทใหญ่ๆ-คือ ๑.ประเภทวัตถุ (Materiate) ได้แก่ สิ่งท่ีเป็นสิ่งของท้ังหลาย ท้ังรูปภาพ สัญลักษณ์ ๒.ประเภทอุปกรณ์ (Eguipment) วีดิทัศน์ โทรทัศน์ วิทยุ คอมพิวเตอร์ ๓.ประเภทวิธีการ (Methods) เป็นส่ือประเภทกระบวนการ และการกระทา เช่น การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแบบต่างๆ การสาธิต การทดลอง การจัดนิทรรศการ สอื่ การศกึ ษา หรือสือ่ การเรยี นการสอนปจั จบุ ัน ทั้งที่เปน็ ส่ือประเภทวิธีการ หรือกระบวนการ และสือ่ ทเ่ี ป็นวัสดุส่ิงของและเคร่ืองมือ อาจจาแนกให้เห็นประเภทตามคุณสมบัติ ความเหมาะสมท่ีจะ นาไปใช้ประกอบการเรยี นการสอนที่แตกต่างกันได้ อย่างไรก็ตามการเลือกใช้สื่อให้สนองจุด มุ่ง หมาย ตัวครูผู้สอนจาเป็นจะต้อง พิจารณาเลือกใช้ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับแนวความคิดทฤษฎีใหม่ๆ เกี่ยวกับการเรียนการสอน วิธีการเกี่ยวกับการเรียนการสอนที่ถือตัวครูเป็นศูนย์กลาง ทาให้คุณภาพ และประสิทธิภาพของการเรียนรู้ไม่พัฒนาเท่าที่ควร กอร์ปกับปัจจุบันการพัฒนาทางด้านวิทยาการ และเทคโนโลยีได้เจริญขึ้นอย่างรวดเร็ว สภาพสังคมได้เปล่ียนแปลงไป มีความสลับซับ ซ้อนมากข้ึน การศึกษาจึงจาเป็นต้องขยายขอบเขต ทาให้จุดประสงค์ของการศึกษาเปล่ียนแปลงไป แนวคิดใหม่ๆ เกี่ยวกบั การสอนเกดิ ข้นึ มากมาย แต่สิ่งสาคัญที่ผู้สอนและผู้เรียนให้การยอมรับน้ันคือ กระบวนการในการเรียนการสอนและ บทบาทของส่ือการเรียนการสอน ผนวกกับการวางแผนการเรียนการสอนทุกคนควรจะต้องกระทา ก่อนลงมือสอนและในข้ัน ตอนการวางแผนการสอนจะทาให้ครูทราบได้ว่า ส่ือการเรียนการสอน ประเภทใดที่สมควรนามาประกอบบทเรียนให้เกิดคุณค่าและมี ประสิทธิภาพ ควรใช้เม่ือไร ตอนไหน ควบคู่ก่อนหรือหลัง เพื่อให้เป็นไปตามแผนการเรียนการสอนที่ผู้สอนได้กาหนดไว้ ๗.๔-ปญั หาในการใช้สอื่ การสอนของครผู ูส้ อน บุญเหลอื ทองเอี่ยม และสวุ รรณ นาภู กลา่ ววา่ อาจมาจากสาเหตตุ ่างๆ ดังนี้ คือ ๑.๓เกย่ี วกบั ทางโรงเรยี น
นวตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศการศึกษา ๘๐ ๑.๑-โรงเรยี นไม่มงี บประมาณสาหรับซื้ออุปกรณก์ ารสอน ๑.๒-อปุ กรณ์ทโี่ รงเรยี นมอี ยไู่ ม่ตรงกับบทเรยี น ๑.๓-อปุ กรณ์ทท่ี างโรงเรียนมีอยลู่ ้าสมยั หรือชารุด ๑.๔-สภาพห้องเรียนและส่ิงแวดล้อมไม่เหมาะสมกับการใช้อุปกรณ์บาง ประเภท เช่น ห้องมีแสงสว่างมากเกินไป ไม่เหมาะสมกับเคร่ืองฉายบางประเภท ๒.๓เกย่ี วกบั ผสู้ อน ๒.๑-ผสู้ อนไมม่ ีความร้แู ละประสบการณท์ างดา้ นโสตทศั นศึกษา ๒.๒-ผูส้ อนขาดทักษะในการใช้เครอ่ื งมอื บางประเภท ๒.๓3ผู้สอนเกรงว่าเมื่อใช้อุปกรณ์การสอนแล้ว จาทาให้เสียเวลาและสอน ไมท่ ันตามหลกั สูตร ๒.๔๓ผู้สอนไม่เห็นความสาคัญของอุปกรณ์ และคิดว่าตนเองสามารถสอน ได้โดยไม่มอี ุปกรณ์ ๒.๕-ผสู้ อนไมย่ อมอทุ ิศเวลาในการทาอปุ กรณ์และใชอ้ ุปกรณ์ ๒.๕-ผ้สู อนคิดว่าเม่ือใชอ้ ปุ กรณ์แล้วระเบียบของห้องจะเสียไป ๒.๖-ผู้สอนไม่อยากใช้อุปกรณ์การสอน เพราะราคมแพง กลัวว่าจะต้อง รบั ผดิ ชอบในกรณีท่ีเกิดการชารดุ หรอื เสียหาย ๓.เกย่ี วกบั ผูบ้ รหิ ารโรงเรยี น ผบู้ ังคบั บัญชาไม่ส่งเสริมให้มีการใช้อุปกรณ์การสอนมากเท่าที่ควร และบาง แห่งกข็ าดกาลังคนท่จี ะทางานดา้ นนโี้ ดยเฉพาะ3 3 บทบาทของครกู บั สอื่ การเรียนการสอน. http://www.vcharkarn.com/vteacher/๒๒
นวตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศการศกึ ษา ๘๑ สรุปทา้ ยบท ผู้สอนจะต้องหมั่นตรวจสอบและพัฒนาส่ือการเรียนการสอนประเภทต่างๆ เช่น ประเภท หนังสอื ส่ือสิง่ พมิ พ์ ฯลฯ เพ่ือเพิ่มศกั ยภาพของครผู สู้ อน ส่วนการจะพัฒนาไปจนถึงระดับโตน้ัน ขึ้นอยู่ กับความใส่ใจและความรบั ผดิ ชอบ สอ่ื การเรยี นการสอนบางอย่างอาจต้องปรับปรุงแก้ไขเล็กน้อย หรือ บางประเภทอาจถงึ ขัน้ ทาขน้ึ ใหมท่ ้ังหมดก็ได้
บทท่ี ๘ การประเมนิ และการปรบั ปรงุ นวัตกรรม วัตถุประสงค์การเรยี นประจาบท เมือ่ ศึกษาบทที่ ๘ จบแลว้ นิสติ สามารถ ๑.อธิบายการประเมินนวัตกรรมด้านการเรยี นการสอนได้ ๒.อธบิ ายกระบวนการตดั สนิ ใจเกี่ยวกบั นวัตกรรมได้ ขอบข่ายเนอื้ หา การประเมนิ นวตั กรรมด้านการเรยี นการสอน กระบวนการตดั สนิ ใจเกย่ี วกบั นวตั กรรม
นวัตกรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศการศึกษา ๘๓ ๘.๑ ความนา การวัดและการประเมินผล เป็นกระบวนการหน่ึงในกระบวนการจัดการเรียนการสอน เนื่องจากการวัดเป็นการตรวจสอบ เพ่ือให้ได้มาซ่ึงข้อมูลเก่ียวกับผู้เรียนในรูปของคะแนนหรือคา บรรยายท่ีเก่ยี วกบั ผลการเรียนรขู้ องผเู้ รียนท่ีแสดงออกท้ังในระยะเวลาก่อน ระหว่าง หรือหลังจากการ เรียนการสอน ส่วนการประเมินผลเป็นกระบวนการนาข้อมูลต่างๆ ที่ได้จากการวัดมาพิจารณาตัดสิน ว่า ผู้เรียนสามารถบรรลุตามเป้าหมายหรือจุดประสงค์ของการจัดการศึกษาเพียงใด มีสิ่งใดท่ีต้องการ ปรับปรุงและพัฒนาให้ดีขึ้น ซึ่งประโยชน์ของการวัดและการประเมินผลของการจัดการเรียนการสอน จึงเป็นเร่ืองท่มี คี วามสาคญั นอกจากน้ีแล้วผลจากการวัดและการประเมินยังเป็นข้อมูลท่ีครูนามาใช้ใน การปรับปรุงการสอนของตนให้มคี ุณภาพ และเกดิ แนวทางในการปรบั ปรุงหลกั สูตรใหม้ คี วาม เหมาะสมย่ิงขึ้น การวัดและการประเมินผลจึงมีความเกี่ยวพันกับการกาหนดความมุ่งหมายของการ เรยี นการสอน และการจัดประสบการณ์เรียนรู้1 ๘.๒ ความหมาย สมหวัง พิธิยานุวัฒน์ (๒๕๔๔ก : ๒๐-๒๑) กล่าวว่า การประเมิน หมายถึง กระบวนการใช้ ดุลยพินิจ และหรือค่านิยมและข้อจากัดต่าง ๆ ในการพิจารณาตัดสินคุณค่าของสิ่งใดส่ิงหนึ่ง โดยการ เปรียบเทียบผลที่วัดได้กับเกณฑ์ท่ีกาหนดไว้ และการประเมิน หมายถึง กระบวนการที่ก่อให้เกิด สารสนเทศ (เชิงคุณค่า) เพื่อช่วยให้ผู้มีอานาจตัดสินใจได้ตัดสินใจเลือกทางเลือกอย่างมีประสิทธิภาพ สงู สดุ ไทเลอร์ (Tyler. ๑๙๕๐) กล่าวว่า การประเมิน เป็นการเปรียบเทียบระหว่างส่ิงท่ีเป็นจริง (What is) กับส่ิงท่ีควรจะเป็น (What should be) และการใช้ข้อมูลความไม่สอดคล้องเป็นหลักใน การตดั สนิ ใจสรปุ ผลการดาเนินงาน ครอนบาค (Cronbach. ๑๙๖๓, ๑๙๘๒) กล่าวว่า การประเมิน คือ การเก็บรวบรวมข้อมูล อยา่ งไดม้ าตรฐาน เพอื่ นาไปสกู่ ารตดั สินใจเกี่ยวกับโครงการ โพรวัส (Provus. ๑๙๗๑) กลา่ วว่า การประเมินเป็นการเปรียบเทียบความสอดคล้องระหว่าง การปฏิบัติตามที่วางแผนกับการปฏิบัติตามที่เป็นจริง และผลลัพธ์ท่ีคาดหวังตามแผนกับผลลัพธ์ท่ี เกิดขึ้นจริง ความสอดคลอ้ ง ไมส่ อดคลอ้ งท่เี กดิ ขนึ้ แสดงถึงขอ้ ดีขอ้ เสยี ของโครงการ อัลคิน (Alkin. ๑๙๖๙) ได้ให้ความหมายของการประเมินว่า คือ กระบวนการที่ได้มาซึ่งส่ิงท่ี เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจ การเลือกเฟ้นข่าวสารที่เหมาะสม การรวบรวมและวิเคราะห์ข่าวสารเพื่อ รายงานข้อสรุป เปน็ ประโยชน์ต่อผูท้ ีท่ าการตัดสนิ ใจในการเลอื กหนทางต่าง ๆ ท่ีเปน็ ไปได้ สคริฟเว่น (Scriven. ๑๙๗๓) กล่าวว่า การประเมิน เป็นกระบวนการตัดสินคุณค่าที่แท้จริง ทงั้ หมดของสง่ิ ท่ีมุ่งประเมนิ ทง้ั คุณคา่ ของผลทีค่ าดหวงั และมิไดค้ าดหวงั 1 การประเมนิ ผลการเรยี นร.ู้ www.bpcd.net/new_subject/library/research/document/.../ ๐๘.pdf
นวตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศการศึกษา ๘๔ สเต้ก (Stake. ๑๙๗๕) ได้ให้ความหมายของการประเมินว่า เป็นการบรรยายและตัดสิน คุณค่าโปรแกรมการศึกษา ซึ่งเน้นเร่ืองการบรรยายสิ่งที่จะถูกประเมิน โดยอาศัยผู้ทรงคุณวุฒิ หรือ ผ้เู ช่ยี วชาญในการตัดสนิ คุณค่า สตัฟเฟลบีม (Stufflebeam. ๑๙๗๑) ได้ให้ความหมายของการประเมินว่าเป็นกระบวนการ กาหนดปญั หา เกบ็ รวบรวมข้อมลู วิเคราะห์ข้อมลู เพื่อให้ไดม้ าซึ่งขอ้ มลู ท่ีเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจ เลือกทางเลอื กทด่ี ีทสี่ ดุ ไพศาล หวังพานิช (อ้างอิงจาก มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. ๒๕๔๓? : ๒) กล่าวว่าการ ประเมิน หมายถึง กระบวนการในการตรวจสอบหรือการพิจารณาตัดสินคุณลักษณะของสิ่งหน่ึงส่ิงใด หรือของกิจกรรมใด ๆ เพ่ือกาหนดคุณค่า คุณภาพ ความถูกต้อง เหมาะสม โดยอาศัยเกณฑ์เป็นหลัก สรุปไดว้ า่ การประเมิน คอื การพิจารณาหรอื กาหนดคณุ ค่าสงิ่ ตา่ ง ๆ ตามเกณฑ์ใดเกณฑ์หน่งึ สมคิด พรมจุ้ย (๒๕๔๒ : ๒๗-๒๘) กล่าวว่า การประเมินเป็นกระบวนการท่ีก่อให้เกิด สารสนเทศ เพื่อช่วยให้ผู้บริหารตัดสินใจอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นการตรวจสอบความก้าวหน้าของ โครงการหรอื แผนงาน ตลอดจนการพจิ ารณาผลสัมฤทธิ์ว่ามีมากน้อยเพียงใด เป็นกระบวนการบ่งชี้ถึง คุณค่าของโครงการ กล่าวคือ โครงการที่ได้ดาเนนิ การไปแลว้ ไดผ้ ลตามวัตถปุ ระสงคห์ รอื ไม่ เพียงใด สมหวัง พิธิยานุวัฒน์ (๒๕๔๔ : ๑๑๓-๑๑๔) กล่าวว่าในการประเมินค่าสิ่งใดก็ตามจะต้อง ประกอบด้วย ส่วนประกอบการ (Performance) ที่ได้จากการวัด กับการตัดสินคุณค่าของส่วน ประกอบการนั้น โดยการเปรียบเทียบส่วนประกอบการที่ได้จากการวัดกับเกณฑ์การประเมิน องค์ประกอบของการประเมนิ เขยี นแสดงในรปู สมการ ดังนี้ การประเมิน = การวดั + การตดั สนิ ใจ (Judgment)2 (Evaluation) (Measurement) ๘.๓ ความสาคัญ ๘.๓.๑-การประเมินเป็นเคร่ืองรับรองคุณภาพในการให้บริการ ถึงแม้จะไม่สามารถประกัน ผลสมั ฤทธิ์ขน้ั สูงสดุ ของโครงการได้ แต่ก็สามารถจะรับรองคุณภาพของการให้บรกิ ารในระดบั หนึ่งได้ ๘.๓.๒-การประเมินผลช่วยให้ได้ข้อมูลซึ่งเป็นสารสนเทศที่มีคุณค่าสาหรับหน่วย งานใน พจิ ารณาจัดสรรงบประมาณ เพื่อให้การสนบั สนนุ โครงการต่าง ๆ ในโอกาสต่อไป ๘.๓.๓-การประเมินผล ช่วยชี้ให้เห็นความสาคัญของแต่ละโครงการตามลาดับก่อนหลัง โดย สามารถจะทราบได้วา่ โครงการใดมีความจาเป็นเร่งด่วนกว่ากัน ท้ังน้ีเพ่ือช่วยแก้ปัญหาในการคัดเลือก โครงการ ตลอดจนช่วยลดความกดดันจากอานาจทางการเมือง อันเนื่องมาจากโครงการมีจานวนมาก แต่เงินทุนสนับสนุนมีจานวนจากัด ดังน้ัน การประเมินผลโครงการต่าง ๆ อย่างมีระบบและครบถ้วน ทุกขั้นตอน จะทาให้ได้ข้อมูลเชิงประจักษ์ที่น่าเช่ือถือ ซึ่งจะช่วยช้ีแนะได้ว่า โครงการใดควรจะได้รับ การพจิ ารณาให้การสนบั สนนุ และโครงการใดควรจะให้การสนับสนนุ ในลาดบั ถัดไป 2 ความหมายของการประเมนิ .pirun.ku.ac.th/~g๕๒๑๔๖๐๐๒๙/Project%๒๐evaluation.pdf
นวตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศการศึกษา ๘๕ ๘.๓.๔ การประเมินผลช่วยให้ได้ข้อมูลป้อนกลบั จากผู้รับบริการ ข้อมูลประเภทนี้ทาให้ทราบ ถึงข้อจากัดและปัญหาต่าง ๆ ในการปฏิบัติงาน เพ่ือนามาปรับปรุงโครงการ ตลอดจนเพ่ือก่อให้เกิด ความสมั พันธท์ ่ดี รี ะหวา่ งผใู้ ห้และผรู้ ับบริการ ๘.๓.๕ การประเมินผลช่วยให้ทราบถึงผลผลิตโครงการท้ังในด้านท่ีพึงประสงค์และไม่พึง ประสงค์ควบคู่กันไป ถึงแม้ว่าการดาเนินโครงการต่าง ๆ ล้วนมีแต่จุดมุ่งหมายเพ่ือให้ได้ผลผลิตที่พึง ประสงค์เปน็ หลกั แตใ่ นความเป็นจริงแล้ว ก็อาจจะมีผลผลิตบางส่วนที่ไม่พงึ ประสงค์เกิดตามมาด้วย3 ๘.๔-การประเมินนวัตกรรมด้านการเรียนการสอน4 สาหรบั เกณฑก์ ารพิจารณาหรอื ประเมินคุณภาพของนวัตกรรมดังกล่าว กรณี นา E–learning มาใชใ้ นการเรยี นการสอน มหี นว่ ยงานและนักการศกึ ษาซ่ึงเปน็ ผู้เช่ียวชาญ ได้แก่ กรมวิชาการ คุรุสภา สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และชม ภูมิภาค ได้เสนอแนะเกณฑ์และแนวคิดท่ี เกยี่ วข้องไวด้ งั น้ี กรมวิชาการ (๒๕๔๕ : ๔๓) กล่าวถึงการประเมินคุณภาพนวัตกรรมการเรียนรู้-ว่าควร พจิ ารณาจากคณุ สมบัติ-๔๓ประการ-ดงั ตอ่ ไปน้ี ๑.ความมีประสิทธิภาพ(Efficiency)โดยพิจารณาจากการที่ผู้เรียนมีพฤติกรรมการเรียนรู้ตรง ตามเป้าหมายที่หลักสูตรกาหนดไว้อย่างชัดเจน ภายหลังจากนานวัตกรรมฯมาใช้สอนแล้ว ๒.ความมีประสิทธิผล (Productivity) โดยพิจารณาจากนวัตกรรมที่พัฒนาข้ึนช่วยให้ผู้เรียน บรรลุเป้าหมาย และวัตถุประสงค์การเรียนการสอน โดยผู้เรียนจานวนมากหรือทุกคนเกิดพฤติกรรม การเรียนรตู้ ามเกณฑ์ทกี่ าหนดไว้ ๓.ความประหยัด (Economy) โดยพิจารณาว่าเม่ือนานวัตกรรมฯ ไปใช้สอนแล้วเกิดความ คุ้มค่ากับการลงทุน ทั้งด้านทุนทรัพย์ แรงงาน และระยะเวลาที่เสียไป ตลอดจนมีความคงทนถาวร ๔.คุณลักษณะที่ดี หมายความว่า นวัตกรรมการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้น มีความสอดคล้องกับ วัตถุประสงค์การเรียนรู้ เหมาะสมกับวัยของผู้เรียน เนื้อหาวิชา และสถานการณ์การเรียนการสอนได้ เปน็ อยา่ งดี ครุ สุ ภา ได้กาหนดเกณฑก์ ารประเมินคณุ ภาพนวัตกรรมทางการศึกษาเพื่อใช้พิจารณาคุณภาพ ของนวัตกรรมหลักสูตรของโรงเรียนต่าง ๆ ภายใต้โครงการหน่ึงโรงเรียน หนึ่งนวัตกรรมประจาปี ๒๕๔๗-๒๕๔๙ ของคุรสุ ภา ดงั นี้ ๑.คุณค่าทางวิชาการ ได้แก่ กระบวนการคิดที่เชื่อมโยง และสัมพันธ์เป็นระบบสมเหตุสมผล แสดงถึงแนวคิด หลักการ ทฤษฎี หรือจุดเน้นของนวัตกรรมที่พัฒนา มีความคิดรวบยอดและความ ถกู ต้องของสาระความรู้ท่นี าเสนอ ตลอดจนมขี ั้นตอนการปฏิบัติที่นาสู่ผลปฏิบัติที่สาเร็จและเกิดผลต่อ กลุ่มเป้าหมาย 3 ความสาคญั ของการประเมนิ .www.nakhonsi.go.th/report_doc/0-2548.doc 4การประเมนิ นวตั กรรมด้านการเรยี นการสอน. http://www. images.bennoy.multiply.multiplycontent.com/.../ประเมินนวตั กรรม.doc
นวัตกรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศการศึกษา ๘๖ ๒.ประโยชน์ของนวัตกรรม เป็นผลงานท่ีนาสู่การพัฒนาด้านต่าง ๆ ทาให้ผู้เรียนและ ผู้เกี่ยวขอ้ งเกดิ การเรียนรกู้ ันทั้งในระดบั โรงเรียนและสง่ ผลถงึ ชมุ ชน ๓.การมีส่วนร่วม หมายถึง การท่ีผู้เก่ียวข้องได้ร่วมคิด วิเคราะห์ วางแผน ตัดสินใจ ประเมิน และชืน่ ชมในผลงานทีเ่ กดิ ขนึ้ ในขณะท่ี ชม ภูมิภาค (๒๕๔๙ : ๑๑๐) ได้กล่าวถึงนวัตกรรมการศึกษาท่ีมีคุณภาพ มีความ เหมาะสมและเปน็ ทย่ี อมรับวา่ ตอ้ งมคี ุณสมบัติดงั นี้ ๑.มีประโยชน์มากกว่า เช่น ช่วยเพิ่มความมีศักด์ิศรีทางสังคม ให้ความสะดวกในการนาไปใช้ หรือใหค้ วามพงึ พอใจมากกวา่ ๒.ตรงกับความต้องการ เช่น ตรงกับประสบการณ์ท่ีผ่านมา ตรงกับค่านิยมของผู้เรียน ๓.ข้าใจงา่ ย ไมซ่ บั ซอ้ น ๔.ทดลองปฏิบตั ไิ ด้ เปน็ การทดลองเล็ก ๆ ประหยัด ไม่สิน้ เปลือง ๕.สงั เกตเห็นได้ โดยเฉพาะเกิดผลแกเ่ ป้าหมายอยา่ งเห็นได้ชัดเจน สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน (๒๕๕๐ : ๓) ได้กาหนดเกณฑ์การพิจารณา คุณภาพของนวัตกรรมการศึกษาท่ีเข้าร่วมโครงการนวัตกรรมการศึกษา Innovation ๒๐๐๗ : จาก ทอ้ งถ่ินสู่สากล ดงั นี้ ๑.ความเป็นนวัตกรรม โดยพจิ ารณาจากการเปน็ ผลงาน วิธกี าร กระบวนการ หรือองค์ความรู้ ท่ีสง่ ผลตอ่ เป้าหมายอยา่ งมีคุณภาพ ๒.กระบวนการพฒั นานวัตกรรม แบ่งเป็นหวั ขอ้ ย่อย คือ ๒.๑-มีการกาหนดวัตถุประสงค์ เป้าหมายของการนาไปใช้อย่างชัดเจน เข้าใจง่าย ๒.๒-การออกแบบนวัตกรรมมีความสอดคลองกับสภาพปัญหา และความต้องการ ของผู้เรยี นและท้องถิ่น ๒.๓ การนาไปใช้ มีการดาเนินกิจกรรมของนวัตกรรม ตามท่ีออกแบบไว้จริง ๒.๔ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการพัฒนาทั้งจากภายในและนอกหน่วยงาน ๒.๕ ผลที่เกดิ ขนึ้ เกดิ จากการนานวตั กรรมไปใช้ตามวตั ถปุ ระสงค์ท่ีกาหนด ๓.คณุ คา่ ของนวัตกรรม พจิ ารณาจากหัวข้อต่อไปนี้ ๓.๑-ความสามารถในการแก้ปัญหา หรือพัฒนาคุณภาพของกลุ่มเป้าหมายได้ตาม วัตถุประสงคท์ ี่กาหนด ๓.๒-การใช้ทรัพยากรไดอ้ ยา่ งเหมาะสม และสอดคลอ้ งกบั บรบิ ทของหน่วยงาน ๓.๓ การเรยี นรูร้ ว่ มกันทงั้ หน่วยงาน ๓.๔ การนาไปใชง้ า่ ยและสะดวก ๓.๕ การยอมรับ โดยมีการเผยแพร่และการนาไปใช้ท้ังภายในและนอกหน่วยงาน
นวตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศการศึกษา ๘๗ ๘.๕-กระบวนการตัดสนิ ใจเกยี่ วกบั นวัตกรรม โรเจอร์ (Rogers . ๑๙๙๕ : ๑๖๑-๑๘๕) กล่าวถึงกระบวนการตัดสินใจเก่ียวกับนวัตกรรม (The Innovation Decision Process) ว่าเป็นกระบวนการท่ีบุคคลหรือหน่วยท่ีทาหน้าที่ตัดสินใจ ยอมรับหรือปฏเิ สธนวัตกรรมรับทราบว่ามีนวตั กรรมเกิดขนึ้ และทราบถงึ หลักการทางานของนวัตกรรม นั้น บุคคลหรือหน่วยตัดสินใจจะสร้างทัศนคติต่อนวัตกรรมนั้น เช่น สนใจหรือไม่สนใจต่อนวัตกรรม จากนั้นจะทาการตัดสินใจยอมรับหรือปฏิเสธนวัตกรรมโดยบุคคลหรือหน่วยตัดสินใจ ได้เข้าไปมีส่วน รว่ มในนวตั กรรมน้ันแล้ว เชน่ ไดท้ ดลองนวัตกรรมน้ันแล้วพร้อมท่ีจะตัดสินใจว่าจะยอมรับหรือปฏิเสธ นวตั กรรมนั้น หากยอมรับในนวัตกรรมนน้ั บุคคลหรือหน่วยตัดสินใจจะนานวัตกรรมนั้นมาใช้งาน หาก การนานวัตกรรมไปใช้งานเกิดประโยชน์แก่ผู้ทดลองใช้ก็จะเข้าสู่ข้ัน ตอนสุดท้ายของการตัดสินใจ ยอมรับว่านวัตกรรมคือการใช้นวัตกรรมนั้นอย่างถาวร โดยในข้ันน้ีบุคคลหรือหน่วยตัดสินใจจะ แสวงหาความมัน่ ใจในการตัดสินใจนานวัตกรรมนั้นมาใช้ อย่างไรก็ตาม เม่ือบุคคลหรือหน่วยตัดสินใจ มาถึงขน้ั นอี้ าจกลบั สู่ข้ันการนานวตั กรรมไปใช้อีกได้ การพัฒนานวัตกรรมด้านการเรียนการสอนโดยท่ัวไปนั้น มีกระบวนการหลัก ๆ ที่คล้ายคลึง กัน ดงั นี้ (ทิศนา แขมมณี . ๒๕๔๕ : ๔๑๙-๔๒๑) การระบปุ ัญหา (Problem) ความคิดในการพฒั นานวัตกรรมส่วนใหญ่จะเรม่ิ ต้นที่การมองเห็น ปัญหาในเร่อื งนั้น และมีความตอ้ งการจะแก้ไขปัญหาน้นั เพื่อให้เกิดสภาพการณห์ รอื ผลท่ดี ีขน้ึ การกาหนดจุดมุ่งหมาย (Objective) เม่ือระบุปัญหาได้ชัดเจนแล้ว ขั้นต่อไปก็คือการกาหนด จุดมุ่งหมายในการพัฒนานวัตกรรมว่า นวัตกรรมท่ีจะพัฒนาน้ันควรมีคุณสมบัติหรือประสิทธิภาพ อย่างไร และเพียงใด การศึกษาข้อจากัดต่าง ๆ (Constraints) ก่อนท่ีจะมีการประดิษฐ์คิดค้นนวัตกรรมต่าง ๆ ขึน้ มา ผูพ้ ฒั นาจาเปน็ ต้องศึกษาข้อมูลเกยี่ วกับลักษณะของปัญหาและข้อจากัดต่าง ๆ ในบริบทที่จะใช้ นวัตกรรมน้ัน เพ่อื ประโยชน์ในการพฒั นานวัตกรรมให้สามารถใช้ไดจ้ ริงโดยสะดวกในบริบทนั้น การประดษิ ฐ์คดิ คน้ นวตั กรรม (Innovation) ได้แก่ การแสวงหาทางเลือกในการแก้ปัญหา ซ่ึง ตอ้ งอาศัยความรู้ ประสบการณ์ ขอ้ มลู และความคิดสรา้ งสรรค์ของผู้ประดิษฐ์คิดค้น นวัตกรรมที่สร้าง ขน้ึ อาจเป็นการนาของเกา่ มาดัดแปลงหรือปรับปรุง เพ่ือให้สามารถแก้ปัญหาและทาให้มีประสิทธิภาพ มากข้ึน หรืออาจเป็นการคิดข้ึนใหม่ทั้งหมดก็ได้ นวัตกรรมอาจอยู่ในรูปแบบต่าง ๆ กัน แล้วแต่ ลักษณะของปัญหาและวัตถุประสงค์ของนวัตกรรมน้ัน เช่น อาจมีลักษณะเป็นแนวความคิด หลักการ แนวทาง ระบบ รูปแบบ วธิ ีการ กระบวนการเทคนคิ หรอื สง่ิ ประดษิ ฐ์ และเทคโนโลยี เปน็ ต้น แต่ไม่ว่า จะอยู่ในรูปแบบใด นวัตกรรมจะต้องประกอบด้วยรายละเอียดเกี่ยวกับหลักการ วัตถุประสงค์ โครงสรา้ ง และรายละเอยี ดในการใช้นวัตกรรมนนั้ ใหไ้ ด้ผล การทดลองใช้ (Experimentation) เม่ือคิดค้นหรือประดิษฐ์นวัตกรรมได้แล้ว ขั้น ตอนที่ สาคัญและจาเป็นมากก็คือ การทดลองใช้นวัตกรรมนั้น ซ่ึงประกอบด้วยการทดลองใช้การประเมินผล และการปรับปรุงแก้ไข การทดลองใช้เป็นการศึกษาเพ่ือดูว่านวัตกรรมน้ันสามารถนาไปใช้ได้จริงและ ได้ผลเพียงใด ผลการทดลองใช้จะช่วยให้ผู้พัฒนารู้จัดท่ีควรปรับปรุงและหาทางแก้ไขเพ่ือให้ได้ผล
นวตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศการศึกษา ๘๘ ตามที่ต้องการ การทดลองใช้ในขั้นนี้ หากสามารถดาเนินการก่อนนาออกเผยแพร่หลายคร้ัง จนแน่ใจ วา่ นวตั กรรมนนั้ สามารถใชไ้ ดผ้ ลจรงิ จะช่วยให้นวัตกรรมนัน้ ประสบความสาเรจ็ มากข้ึน การเผยแพร่ (Dissemination) เม่ือแน่ใจว่านวัตกรรมที่สร้างขึ้นมีคุณภาพและประ สิทธิภาพตามท่ี ต้องการ นวัตกรรมน้ันก็พร้อมที่จะได้รับการเผยแพร่ให้เป็นท่ีรู้จักและยอมรับนาไป ใช้กันอย่าง แพร่หลาย รปู แบบการเผยแพร่ท่ีได้รับความนิยมกันมากโดยท่ัวไปมีอยู่ ๔ รูปแบบ คือ (สาลี ทองธิว , ๒๕๔๑ : ๙๙-๑๔๖ ; อ้างอิงจากทิศนา แขมมณี-.๒๕๔๕๓:๓๔๒๐) ๖.๑ การเผยแพร่ท่ีอิงการใช้อานาจสนับสนุนจากเบ้ืองสูง (Authority Innovation-Decision Model) เป็นการเผยแพร่โดยการชักจูงให้ผู้มีอานาจในระดับสูงเห็น ความสาคญั ของการใช้นวัตกรรมนั้น และตัดสินใจส่ังการไปยังผู้ใช้ ซึ่งอยู่ในระดับล่างให้ใช้นวัตกรรม น้ัน ๖.๒-การเผยแพร่แบบใช้มนุษยสัมพันธ์ (Human Interaction Model) เป็นการเผย แพร่โดยการชักจูงบุคคลที่จะใช้หรือเก่ียวข้องกับการใช้นวัตกรรมน้ัน โดยการให้ความรู้ ความเข้า ใจ และให้ความช่วยเหลือในการทดลองใช้ ซ่ึงต่อไปบุคคลน้ันจะสามารถตัดสินใจได้ว่า สมควรรับนวตั กรรมนน้ั ไวใ้ ชต้ ่อไป หรือหยดุ ใชน้ วตั กรรมนนั้ ๖.๓ การเผยแพร่ใช้นวตั กรรม (User Participation Model) รปู แบบนี้เป็น การเผย แพร่ถึงตัวผู้ใช้นวัตกรรมโยตรง ซึ่งจะเป็นกลุ่มประชากรที่ต่างจากข้อ ๖.๒ ซึ่งถือว่าเป็นผู้ ยอมรบั (adopter) นวัตกรรมนั้น แต่ไม่ใช่ผู้ใช้นวัตกรรมน้ันโดยตรง เช่น นวัตกรรมด้านการเรียนการ สอน ผู้ยอมรับ (adopter) อาจเป็นศึกษานิเทศก์ หรือครูใหม่ ซ่ึงเป็นผู้เก่ียวข้องไม่ใช่ผู้ใช้โดยตรง ผู้ใช้ นวัตกรรมด้านการเรียนการสอนโดยตรงคือครู รูปแบบการเผยแพร่ถึงผู้ใช้โดยตรงน้ี จะให้ผู้ใช้เป็นผู้ ตดั สนิ ใจในการท่ีจะยอมรับหรือไม่ยอมรับนวัตกรรมนั้น ๖.๔ การเผยแพร่แบบผสม (Eclectic Process of Change Model) การ เผยแพรแ่ บบน้เี ป็นการเผยแพร่นวตั กรรมผ่านตวั กลาง ซง่ึ กค็ ือผู้ทาหน้าท่เี ชอ่ื มระหว่างกลุ่มผู้ที่ต้องการ เผยแพร่นวัตกรรมกับกลุ่มผู้ต้องการใช้นวัตกรรม ซ่ึงตัวกลางเผยแพร่นวัตกรรมน้ันอาจจาเป็นต้องใช้ วิธีการเผยแพร่ทง้ั ๓ วิธีท่ีกลา่ วขา้ งตน้ ผสมผสานกันไป ๗. การยอมรับหรือตอ่ ตา้ นนวตั กรรมนั้น เมอื่ นวัตกรรมได้รับการเผยแพร่ผ่านไปในระยะเวลา พอสมควร นวตั กรรมน้นั จะได้รบั การพิสูจนอ์ ยา่ งแทจ้ ริงวา่ ไดร้ ับการยอมรับในระดับใด บางนวัตกรรม อาจได้รับการยอมรับถึงขั้นนาไปใช้อย่างแพร่หลายในระบบงานปกติ ซึ่งต่อไปจะเปล่ียนสภาพจาก นวัตกรรมเป็นวิธีการปฏิบัติโดยทั่วไป ซึ่งนับได้ว่าเป็นความสาเร็จอย่างสมบูรณ์แบบของนวัตกรรม ในขณะท่ีนวัตกรรมอาจได้รับการยอมรับนาไปใช้แต่ไม่แพร่หลายนัก บางนวัตกรรมอาจได้รับการ นาไปใช้ในระยะหน่ึงและเลิกไป บางนวัตกรรมอาจไม่ได้รับการนาไปใช้อย่างสมบูรณ์เต็มรูป และบาง นวตั กรรมก็ตายไป เพราะไมไ่ ด้รบั การยอมรบั นาไปใช้เลยก็มี ซึ่งก็คงต้องมีการเร่ิมต้นใหม่ตั้งแต่ข้ันแรก เป็นตน้ ไป
นวตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศการศึกษา ๘๙ ๘.๖ การประเมนิ นวตั กรรมของ e-learning เทียบกับเกณฑต์ ่างๆ ผนู้ ิยาม กรม คุรุสภา ภมู ภิ าค สพฐ นวตั กรรม เกณฑป์ ระเมนิ วชิ าการ ๑.ความมปี ระสิทธิภาพ ๒.ความมีประสทิ ธผิ ล ๓.ความประหยัด ๔.คุณลักษณะทด่ี ี ๕.คณุ คา่ ทางวิชาการ ๖.ประโยชนข์ องนวัตกรรม ๗.การมีส่วนร่วม ๘.ความเป็นนวตั กรรม ๙.กระบวนการพฒั นานวัตกรรม ๑๐.คุณค่าของนวัตกรรม ๑๑.ตรงกบั ความต้องการ ๑๒.เขา้ ใจง่าย ไม่ซบั ซอ้ น ๑๓.ทดลองปฏบิ ัติได้ ๑๔.เกิดผลแก่เปา้ หมายไดช้ ดั เจน สรปุ ทา้ ยบท การประเมนิ มีส่วนสาคญั ที่ทาให้การดาเนินงานโครงการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเน่ืองจาก ผู้ปฏิบัติได้ทราบถึงผลการดาเนินงานว่าบรรลุวัตถุประสงค์หรือไม่เพียงใด มีข้อ บกพร่องอย่างไรบ้าง และจะต้องดาเนินการปรับปรุงแก้ไขในส่วนใดที่จะเป็นผลให้บรรลุวัตถุประสงค์ท่ีกาหนดไว้ และ สามารถนาผลที่ได้จากการประเมินมาใช้ในการวางแผนงานหรือโครงการท่ีมีลักษณะคล้ายคลึงกันให้ ประสบความสาเร็จได้ ก่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ดังจะเห็นได้จากความสัมพันธ์ของการ ประเมนิ โครงการกับกระบวนการดาเนินโครงการ
บรรณานกุ รม กรมวิชาการ.(๒๕๔๕). เอกสารประกอบหลักสูตรการศึกษาขนั้ พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๔. กรุงเทพฯ : ครุ สุ ภา. คุรุสภา.(๒๕๕๐). หนึ่งโรงเรยี น หนงึ่ นวัตกรรมของคุรสุ ภา. กรุงเทพฯ : พี.เอ. ลิฟวงิ่ . ชม ภมู ภิ าค.(๒๕๔๙. มนี าคม – มิถนุ ายน). การแพร่ของนวตั กรรม.วารสารเทคโนโลยีการสอื่ สาร. ๑๓ (๑) : ๑๐๙-๑๒๘. ถนอมพร (ตันพพิ ัฒน)์ เลาหจรสั แสง. (๒๕๔๕). [ดีไซน์ อเี ลนิ นง่ิ ]Designing e-learning : หลักการออกแบบและการสรา้ งเวบ็ เพ่ือการเรียนการสอน. เชียงใหม่ : มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม.่ ทิศนา แขมณ.ี (๒๕๔๕). ศาสตรก์ ารสอน : องคค์ วามรู้เพอ่ื การจดั กระบวนการเรียนรู้ทีม่ ี ประสิทธภิ าพ. พิมพ์ครัง้ ท่ี 1 . กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์แห่งจฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . ทองปลวิ ชมชน่ื .(๒๕๒๙).ปรัชญาการศึกษานอกระบบโรงเรียน,นครปฐม : มหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร. วิจติ ร-ศรีสอ้าน.(๒๕๒๕)ปรชั ญาการศกึ ษา.ในพ้นื ฐานการศกึ ษา.มหาวิทยาลัยสุโขทยั ธรรมาธิราช ,๒๕๒๕. ภิญโญ สาธร. (๒๕๑๔). ปรัชญาการศึกษาของไทย. วารสารสภาการศึกษาแห่งชาต.ิ ๗ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๑๔. วันเพ็ญ วรวงศ์พงศา . (๒๕๔๗). ปจั จัยระดับครูและระดับผู้บรหิ ารโรงเรยี นทม่ี ีอทิ ธิพลต่อ กระบวนการตัดสนิ ใจเกีย่ วกับนวตั กรรมดา้ นการประเมินคณุ ภาพการศึกษาภายนอกของครู โรงเรยี นประถมศกึ ษาในกรงุ เทพมหานครและปริมณฑล.ปริญญานพิ นธ์ วท.ด. (พฤติกรรม ศาสตร์ประยกุ ต์). กรุงเทพฯ : บัณฑติ วทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลัย ศรีนครนิ ทรวโิ รฒ.ถา่ ย เอกสาร. สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน.(๒๕๕๐). เกณฑก์ ารพจิ ารณาคุณภาพนวัตกรรม หลักสตู รการศึกษาทเ่ี ขา้ รว่ มโครงการนวัตกรรมหลกั สตู รการศึกษา :[อินโนเวช่นั ] Innovation ๒๐๐๗. (เอกสารประกอบการประชุม).สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน.(อัดสำเนา). ฐานข้อมลู ออนไลน์ การประเมินนวตั กรรมดา้ นการเรียนการสอน. [ออนไลน์]. เข้าถึงไดจ้ าก : http://www. images.bennoy.multiply.multiplycontent.com/.../ประเมนิ นวตั กรรม.doc. (วนั ท่ีสบื ค้นข้อมลู : ๓ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๓). การประยุกตใ์ ช้ ICT เพื่อการเรยี นรู้ ในมติ ิ e-Learning. [ออนไลน์]. เขา้ ถึงได้จาก :
www.kruthai๔๐.com/ictเพอื่ การเรียนรู้kruthai๔๐/การประยกุ ตใ์ ช้-ICT-เพื่อการเรียนรู้-ใน มิติ-e-Learning.html. (วนั ท่สี บื คน้ ขอ้ มลู : ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๓). การสรา้ งนวัตกรรม. [ออนไลน์]. เข้าถงึ ไดจ้ าก : http://share.psu.ac.th/blog/ua๕/๙๕๔๘ (วนั ท่สี ืบคน้ ข้อมูล : ๓ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๓). ความหมายทฤษฎี. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : http://th.wikipedia.org/wiki/. ๒๐ มิถนุ ายน ๒๕๕๑. (วันทส่ี บื ค้นข้อมลู : ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๓). ความหมายและขอบข่ายของเทคโนโลยีการศกึ ษา . [ออนไลน์]. เขา้ ถงึ ไดจ้ าก : http://images.dearao.multiply.multiplycontent.com/.../๓hathaikan_ ๑๔๑๓๓๖.doc(ออนไลน์) (วนั ทส่ี บื คน้ ข้อมูล : ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๓). ความเปน็ มาและพฒั นาการของสอ่ื การเรยี นการสอน. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : http://board.atcomink.com/show.php?Category=cai&No=๑๖๒ . (วนั ทสี่ บื ค้นข้อมูล : ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๓). ทฤษฎีการบรหิ ารการศึกษา.[ออนไลน์]. เขา้ ถงึ ได้จาก : http://www.kru- itth.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=๔๒๐๘๑๖&Ntype=๖. (วันที่สบื คน้ ข้อมูล : ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๓). นวตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศทางการศึกษา . [ออนไลน์]. เขา้ ถงึ ได้จาก : http://tipawansc๔ed๒.multiply.com/journal/item/๘/๘. (วันทส่ี ืบค้นขอ้ มลู : ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๓). บทบาทของครูกบั สอื่ การเรยี นการสอน. [ออนไลน์]. เขา้ ถงึ ไดจ้ าก : http://www.vcharkarn.com/vteacher/๒๒. (วนั ท่สี บื คน้ ขอ้ มูล : ๓ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๓). นวตั กรรมและเทคโนโลยสี ารสนเทศทางการศกึ ษา.[ออนไลน์]. เขา้ ถึงได้จาก : http://๖wipapan๓๖.multiply.com/journal/item/๗๗. (วนั ท่ีสบื คน้ ขอ้ มลู : ๓ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๓). พจนานกุ รม ฉบับราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ . พจนานุกรมออนไลน.์ [ออนไลน์]. http://rirs๓.royin.go.th/dictionary.asp. (วันท่สี บื ค้นข้อมูล : ๒๐ มถิ นุ ายน ๒๕๕๓) มติ ิของเทคโนโลยีการศกึ ษากับการสอนทางไกล.[ออนไลน์]. เข้าถงึ ได้จาก : http://๒๐๒.๒๘.๓๒.๔๒/drsam/index.php?option=com_content&task=view&id= ๔๔&Itemid=๑.(วนั ทส่ี ืบค้นข้อมลู : ๑ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๓). หลกั การและทฤษฎีเกย่ี วกบั เทคโนโลยีการศึกษา.[ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : http://www.idis.ru.ac.th/report/index.php?topic=๓๑๘๒.๐;wap๒. (วนั ท่สี ืบคน้ ข้อมลู : ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๓). หวน พนิ ธุพันธ์.ความร้เู บ้ืองตน้ เกีย่ วกับการบริหารการศึกษา. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : http://facstaff.swu.ac.th/.../ความรเู้ บอ้ื งต้นเกีย่ วกบั การบริหารการศึกษา.doc.
(วนั ท่สี ืบคน้ ขอ้ มูล : ๑ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๓).
Search