Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทย

แผนการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทย

Published by ภรภัทร มักสัน, 2021-09-04 08:32:49

Description: แผนการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทย

Search

Read the Text Version

แผนการจัดการเรยี นรู้การนิเทศ แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ า ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๕ นางณรี วรรณ์ สีดาว ตาแหน่ง พนักงานราชการ โรงเรียนโนนเพ็กวิทยาคม อาเภอพยหุ ์ จังหวดั ศรีสะเกษ สานักงานเขตพนื้ ทก่ี ารศึกษามัธยมศึกษาศรสี ะเกษ ยโสธร กระทรวงศึกษาธกิ าร

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๒ “การแผลงคาในภาษาไทย” ช้ันมัธยมศึกษาปี ท่ี ๕ ภาคเรียนที่ ๑ ปี การศึกษา ๒๕๖๔ ******************************************************************** รายวชิ าทน่ี ามาบูรณาการ การงานอาชีพและเทคโนโลยี และภาษาตา่ งประเทศ ๑. มาตรฐานการเรียนรู้ มฐ. ท ๔.๑ ๒. ตวั ชี้วดั ช้ันปี ทเี่ กยี่ วข้อง ท ๔.๑ ม.๔-๖/๖ ๓. สาระการเรียนรู้ ๓.๑ การอธิบายและวเิ คราะห์หลกั การสร้างคาในภาษาไทย ๓.๒ การอธิบายความหมายของคาแผลง ๓.๓ การอธิบายท่ีมาของการแผลงคาอยา่ งสมเหตุสมผล ๓.๔ การวเิ คราะห์คาแผลงโดยอาศยั หลกั การสังเกตการแผลงคา ๔. ร่องรอยการเรียนรู้ ๔.๑ ผลงาน/ชิ้นงาน ไดแ้ ก่ ๑) การอธิบายและวเิ คราะห์หลกั การสร้างคาในภาษาไทย ๒ )การอธิบายความหมายของคาแผลง ๓) การอธิบายที่มาของการแผลงคาอยา่ งสมเหตุสมผล ๔ )การวเิ คราะห์คาแผลงโดยอาศยั หลกั การสังเกตการแผลงคา ๔.๒ กระบวนการปฏิบตั ิงาน ไดแ้ ก่ ๑) การคน้ ควา้ หาความรู้ ๒) การตอบคาถามจากเร่ืองท่ีอา่ น ๔.๓ การทดสอบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนหลงั จบหน่วยการเรียน

๕. แนวทางการจัดการเรียนรู้ในภาพรวม ร่องรอยการเรียนรู้ แนวทางการจัดการเรียนรู้ บทบาทครู บทบาทนักเรียน ๕.๑ ผลงาน /ชิ้นงาน ไดแ้ ก่ ๑) การอธิบายและวเิ คราะห์ ครูมอบหมายใหน้ กั เรียนอธิบายและ นกั เรียนอธิบายและวเิ คราะห์ หลกั การสร้างคาในภาษาไทย วเิ คราะห์หลกั การสร้างคาใน หลกั การสร้างคาในภาษาไทย ๒ )การอธิบายความหมายของคา ภาษาไทย นกั เรียนปฏิบตั ิงานอธิบาย แผลง ครูมอบหมายให้นกั เรียนอธิบาย ความหมายของคาแผลง ความหมายของคาแผลง นักเรี ยน อธิ บ ายท่ี มาของการ ๓) การอธิบายที่มาของการแผลง ครูมอบหมายให้นกั เรียนอธิบายที่มา แผลงคาอยา่ งสมเหตุสมผล คาอยา่ งสมเหตุสมผล ของการแผลงคาอยา่ งสมเหตุสมผล ๔ )การวิเคราะห์คาแผลงโดยอาศยั ครูมอบหมายใหน้ กั เรียนวเิ คราะห์ นกั เรียนวเิ คราะห์คาแผลงโดย หลกั การสังเกตการแผลงคา คาแผลงโดยอาศยั หลกั การสงั เกต อาศยั หลกั การสงั เกตการแผลง การแผลงคา คา ๕.๒ กระบวนการปฏิบตั ิงาน ไดแ้ ก่ ครูมอบหมายใหน้ กั เรียนคน้ ควา้ หา นกั เรียนคน้ ควา้ หาความรู้ ๑) การคน้ ควา้ หาความรู้ ความรู้ ครูมอบหมายให้นกั เรียนอา่ นเร่ือง นักเรี ยนอ่านเร่ื องและตอบ ๒) การตอบคาถามจากเร่ืองท่ีอา่ น และตอบคาถามจากเร่ืองท่ีอ่าน คาถามจากเร่ืองที่อา่ น ครูอธิบาย สรุปเน้ือหาสาคญั เม่ือ นกั เรียนทาแบบทดสอบหลงั ๕.๓ การทดสอบผลสัมฤทธ์ิ เรียนจบในแต่ละหน่วย เรียน ทางการเรียน จบหน่วย

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๒ เรื่อง “การแผลงคาในภาษาไทย” หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๒ “การแผลงคาในภาษาไทย” ใช้สอน เวลา ๔ ช่ัวโมง ครูผ้สู อน นางณรี วรรณ์ สีดาว ๑. เป้าหมายการเรียนรู้ ๑.๑ ผลการเรียนรู้ทคี่ าดหวงั ๑) รู้และเขา้ ใจหลกั การสร้างคาในภาษาไทย ๒) รู้และเขา้ ใจความหมายของคาแผลง ๓) รู้และเขา้ ใจท่ีมาของการแผลงคาไดอ้ ยา่ งสมเหตุสมผล ๔) วเิ คราะห์คาแผลงโดยอาศยั หลกั การสังเกตการแผลงคา ๑.๒ จุดประสงค์การเรียนรู้ ๑) อธิบายความหมายของคาแผลงไดถ้ ูกตอ้ ง ๒) อธิบายท่ีมาของการแผลงคาไดอ้ ยา่ งสมเหตุสมผล ๓) วเิ คราะห์คาแผลงโดยอาศยั หลกั การสงั เกตการแผลงคาไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง ๒. สาระสาคญั ๒.๑ สาระการเรียนรู้ ๑) การอธิบายและวเิ คราะห์หลกั การสร้างคาในภาษาไทย ๒) การอธิบายความหมายของคาแผลง ๓) การอธิบายที่มาของการแผลงคาอยา่ งสมเหตุสมผล ๔) การวิเคราะห์คาแผลงโดยอาศยั หลกั การสงั เกตการแผลงคา ๒.๒ ทกั ษะ/กระบวนการ ๑) ทกั ษะกระบวนการตามธรรมชาติวิชา การอ่าน การพูด การเขียน ๒) ทกั ษะกระบวนการทวั่ ไป การสังเกต การอธิบาย การแสดงออก ๓) ทกั ษะการคดิ ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ ทกั ษะการประยกุ ตใ์ ชค้ วามรู้ ทกั ษะการรับรู้ ทกั ษะการเก็บความรู้ ทกั ษะการสรุปยอ่ ทกั ษะการประเมิน และการคิดวเิ คราะห์ ๓. ร่องรอยการเรียนรู้

๓.๑ ผลงานหรือชิ้นงาน ๑) การอธิบายและวเิ คราะห์หลกั การสร้างคาในภาษาไทย ๒) การอธิบายความหมายของคาแผลง ๓) การอธิบายที่มาของการแผลงคาอยา่ งสมเหตุสมผล ๔) การวเิ คราะห์คาแผลงโดยอาศยั หลกั การสงั เกตการแผลงคา ๓.๒ กระบวนการปฏบิ ัตงิ าน ๑) การคน้ ควา้ หาความรู้ ๒) การตอบคาถามจากเร่ืองท่ีอา่ น ๓) การทดสอบผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนหลงั จบหน่วยการเรียน ๓.๓ พฤตกิ รรมตามคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ มีความรับผดิ ชอบ มีระเบียบวินยั มีความขยนั หมน่ั เพียร ตรงต่อเวลา ใฝ่ เรียนใฝ่ รู้ ๓.๔ ความรู้ความเข้าใจ มีความรู้ความเขา้ ใจเก่ียวกบั ความรู้ ความคิด เจตคติ รวมท้งั ทกั ษะกระบวนการต่าง ๆ ในหน่วย การเรียน ๔. แนวทางการวดั ผลประเมนิ ผล วธิ ีการประเมิน เคร่ืองมือวดั ผล เกณฑ์ผ่านข้นั ตา่ และ การสรุปผลการประเมิน ๑. สังเกตพฤติกรรมการเรียน ๑. แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรียน เกณฑ์ผ่านข้นั ตา่ รายบุคคล ๑. ไดร้ ะดบั “พอใช”้ ข้ึนไป ๒. แบบสังเกตการปฏิบตั ิกิจกรรม ๒. สังเกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม กลุ่ม ๒. ไดร้ ะดบั \"ดี\" ข้ึนไป ๓. ทดสอบผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน ๓. แบบทดสอบผลสมั ฤทธ์ิ ๓. ไดค้ ะแนนรวมร้อยละ ๕๐ หลงั เรียน ทางการเรียนประจาแผนการ ข้ึนไป จดั การเรียนรู้ การสรุปผลการประเมนิ ตอ้ งผา่ นเกณฑข์ ้นั ต่าท้งั ๓ รายการ

๕. กจิ กรรมการเรียนการสอนเพ่ือการเรียนรู้ ฝึ กทกั ษะการคิดแบบ ๕.๑ ข้นั นา ครูสนทนากบั นกั เรียนเกี่ยวกบั การสร้างคาไทยดว้ ยวธิ ีต่าง ๆ ๕.๒ ข้นั สอน ทกั ษะการอา่ นและ ทกั ษะการสังเกต กจิ กรรมการเรียนการสอน ตอนที่ ๑ (อธิบายความหมายของคาแผลงและที่มาของการแผลงคาไดอ้ ยา่ งสมเหตุสมผล) ๑. นกั เรียนอา่ นออกเสียงและพจิ ารณาคาประพนั ธ์จากแผน่ ใสตอ่ ไปน้ี บนั ดาลลงบนั ได บนั ทกึ ให้ดจู งดี รื่นเริงบนั เทงิ มี เสยี งบนั ลอื สนน่ั ดงั ๒. นกั เรียนช่วยกนั คิดทบทวนวา่ บนั ดาล บนั ได บนั ทึก บนั เทิง บนั ลือ เป็นคาเขมรท่ี ทกั ษะกาประยกุ ตใ์ ช้ ไทยยมื มา ใชใ้ นภาษาไทยหรือไม่ ความรู้และทกั ษะ ๓. ครูแจง้ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ใหน้ กั เรียนทราบ การคิดวเิ คราะห์ ๔. นกั เรียนศึกษาเรื่องความหมายของการแผลงคาและหลกั สังเกตคาแผลงในภาษาไทย ทกั ษะการรับรู้ จาก หนงั สือเรียนแมค็ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ ทกั ษะการเก็บความรู้ และทกั ษะการรับรู้ กจิ กรรมการเรียนการสอน ฝึ กทกั ษะการคิดแบบ ๕. ครูและนกั เรียนร่วมกนั อภิปรายเก่ียวกบั ความหมายของการแผลงคาและท่ีมาของคา ทกั ษะการ แผลงในภาษาไทย ประยกุ ตใ์ ชค้ วามรู้ ๖. ครูอธิบายเพิ่มเติมใหน้ กั เรียนเขา้ ใจยงิ่ ข้ึน พร้อมท้งั ใหน้ กั เรียนเขียนสรุปสาระสาคญั ลง ทกั ษะการสรุปยอ่ ในสมุด และทกั ษะการเขียน ๗. ครูแนะนาและมอบหมายใหน้ กั เรียนไปศึกษาคน้ ควา้ เพิม่ เติมจากหนงั สือสาหรับศึกษา ทกั ษะการเก็บความรู้ คน้ ควา้ เช่น หลกั ภาษาไทย ของ กาชยั ทองหล่อ หลกั ภาษาไทย ของ สุธิวงศ์ และทกั ษะการรับรู้ พงศไ์ พบูลย์ ทกั ษะการคิด ๘. นกั เรียนทากิจกรรมตรวจสอบความเขา้ ใจ กิจกรรม ๑ ในหนงั สือเรียน วเิ คราะห์และทกั ษะ การประยกุ ตใ์ ช้ ความรู้ ๙. ครูตรวจผลงานนกั เรียน แกไ้ ข และอธิบายเพิ่มเติมในส่วนที่บกพร่อง ทกั ษะการประเมิน ๑๐. ครูและนกั เรียนช่วยกนั คดั เลือกผลงานนกั เรียนท่ีดีเด่นจดั แสดงที่ป้ายนิเทศหนา้ ช้นั ทกั ษะการประเมิน เรียนเพื่อใหน้ กั เรียนทุกคนไดแ้ ลกเปลี่ยนเรียนรู้กนั ทกั ษะการเก็บความรู้ และทกั ษะการรับรู้

ตอนท่ี ๒ (วเิ คราะห์คาแผลงโดยอาศยั หลกั การสังเกตการแผลงคา) ทกั ษะการเก็บความรู้ ๑. นกั เรียนแบง่ กลุ่มออกเป็น ๓ กลุ่ม ใหน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มศึกษาหลกั การสงั เกตการ และทกั ษะการรับรู้ แผลงคา ทกั ษะการแสดงออก และทกั ษะการพูด ในภาษาไทย จากหนงั สือเรียนแมค็ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ ดงั น้ี ทกั ษะการคิด กลุ่มที่ ๑ ศึกษาเรื่องการแผลงสระ วเิ คราะห์ กลุ่มที่ ๒ ศึกษาเร่ืองการแผลงพยญั ชนะ ทกั ษะการประเมิน กลุ่มท่ี ๓ ศึกษาเร่ืองการแผลงวรรณยกุ ต์ ทกั ษะการคิด วเิ คราะห์และทกั ษะ ๒. นกั เรียนท้งั ๓ กลุ่ม ส่งตวั แทนกลุ่มกล่าวนาเสนอรายงานหนา้ ช้นั เรียน โดยอาจ การประยกุ ตใ์ ช้ แนะนาให้ นกั เรียนใชส้ ื่อประกอบในการนาเสนอ ความรู้ ๓. ครูและนกั เรียนร่วมกนั ซกั ถามและแสดงความคิดเห็นเพ่ิมเติม ทกั ษะการประเมิน ๔. ครูประเมินผลการรายงานของนกั เรียนแต่ละกลุ่มจากแบบสังเกตการปฏิบตั ิกิจกรรม ทกั ษะการเก็บความรู้ กลุ่ม และทกั ษะการรับรู้ ๕. นกั เรียนทากิจกรรมตรวจสอบความเขา้ ใจ กิจกรรม ๒ ในหนงั สือเรียน ๖. ครูตรวจผลงานของนกั เรียน แกไ้ ขขอ้ บกพร่อง อธิบายเพ่ิมเติม และชมเชยนกั เรียนที่ มี ผลงานดีเด่น ๕.๓ ข้ันสรุป ๑) ผเู้ รียนและผสู้ อนร่วมกนั สรุปตามประเด็น ดงั น้ี (๑) การอธิบายความหมายของคาแผลงไดถ้ ูกตอ้ ง (๒) การอธิบายท่ีมาของการแผลงคาอยา่ งสมเหตุสมผล (๓) การวเิ คราะห์คาแผลงโดยอาศยั หลกั การสงั เกตการแผลงคา ๒)นกั เรียนทากิจกรรมตรวจสอบความเขา้ ใจทุกกิจกรรม ๓) ครูแจง้ ผลการปฏิบตั ิงานของนกั เรียนทุกขอ้ และใหข้ อ้ เสนอแนะเพิม่ เติม ๖. สื่อการเรียนรู้/แหล่งเรียนรู้ ๖.๑ส่ือการเรียนรู้ ๑) หนงั สือเรียนแมค็ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ ๕ ภาคเรียนที่ ๑ ๒) แผน่ ใสคาประพนั ธ์คาท่ีใช้ “บนั ” ๖.๒ แหล่งการเรียนรู้ ๑) หอ้ งสมุดโรงเรียน ๒) หอ้ งสมุดภาษาไทย ๓) หอ้ งสมุดประชาชน

๗. กจิ กรรมเสนอแนะ ๗.๑ กจิ กรรมส่งเสริมการอ่านเชิงวเิ คราะห์ ประกอบดว้ ยข้นั ตอน ดงั น้ี ข้นั รวบรวมข้อมลู นกั เรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ ๕ คน รวบรวมเรื่อง “หลกั การสร้างคาในภาษาไทย” จากแหล่งเรียนรู้ ตา่ ง ๆ ขั้นวเิ คราะห์ นกั เรียนอ่านเร่ือง “หลกั การสร้างคาในภาษาไทย” ที่เตรียมไวแ้ ลว้ ในข้นั รวบรวมขอ้ มูล แลว้ วเิ คราะห์เร่ืองราวท่ีอ่านและจาแนกเป็นประเภทต่าง ๆ ดงั น้ี ๑) อธิบายหลกั การสร้างคาไทย ๒) จาแนกประเภทของการสร้างคาไทย ๓) วเิ คราะห์ลกั ษณะของการสร้างคาไทยแตล่ ะประเภท ข้นั สรุป นกั เรียนสรุปเรื่อง “หลกั การสร้างคาในภาษาไทย” ข้นั ประยุกต์ใช้ นกั เรียนเขียนรายงานเร่ือง “หลกั การสร้างคาในภาษาไทย” ๗.๒ กจิ กรรมการบูรณาการ กจิ กรรมที่ ๑ ครูสามารถบูรณาการการเรียนรู้กบั กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยโี ดยให้ นกั เรียนศึกษาส่ืออิเล็ก-ทรอนิกส์จากของจริงและใหน้ กั เรียนปฏิบตั ิกิจกรรมท่ีสอดคลอ้ งกบั สาระท่ี๔: เทคโนโลยสี ารสนเทศ โดยการกาหนดภาระงานใหน้ กั เรียนสืบคน้ ศึกษาคน้ ควา้ รวบรวมความรู้เร่ือง หลกั การสร้างคาในภาษาไทยจากอินเทอร์เน็ต แลว้ รวบรวมรายช่ือแหล่งเรียนรู้ท่ีไดแ้ ลกเปล่ียนเรียนรู้ ตาม ข้นั ตอนดงั น้ี ภาระงาน “ ศึกษาค้นคว้ารวบรวมแหล่งเรียนรู้ทางอนิ เทอร์เน็ต เรื่อง หลกั การสร้างคาในภาษาไทย ” การบูรณาการ ท ๔.๑ และ ง ๔.๑ ผลการเรียนรู้ เขา้ ใจการศึกษาคน้ ควา้ รวบรวมแหล่งเรียนรู้ทางอินเทอร์เน็ต เรื่อง หลกั การสร้างคา ในภาษาไทย ผลงานทต่ี ้องการ แหล่งเรียนรู้ทางอินเทอร์เน็ตเร่ือง “หลกั การสร้างคาในภาษาไทย” ข้นั ตอนการทางาน ๑. กาหนดใหน้ กั เรียนศึกษาคน้ ควา้ รวบรวมแหล่งเรียนรู้ทางอินเทอร์เน็ต เรื่อง “หลกั การสร้างคาใน ภาษาไทย” ๒. นกั เรียนจดั ทาบญั ชีรายช่ือแหล่งเรียนรู้ทางอินเทอร์เน็ต เรื่อง “หลกั การสร้างคาในภาษาไทย”

๓. นาบญั ชีรายชื่อแหล่งเรียนรู้ทางอินเทอร์เน็ต เรื่อง “หลกั การสร้างคาในภาษาไทย” เผยแพร่ แลกเปลี่ยนเรียนรู้กนั ใน ช้นั เรียน เกณฑ์การประเมนิ ๑. ความถูกตอ้ งครบถว้ นสมบูรณ์ของขอ้ มูลท่ีคน้ ควา้ มานาเสนอ ๒. ความถูกตอ้ งตามรูปแบบของการเขียนรายงานการศึกษาคน้ ควา้ ๓. ความประณีต เรียบร้อย ๔. ความน่าสนใจในการนาเสนอ กจิ กรรมที่ ๒ ครูสามารถบูรณาการการเรียนกบั กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาตา่ งประเทศ สาระท่ี ๑ : ภาษาเพอื่ การ สื่อสาร โดยการกาหนดภาระงานใหน้ กั เรียนศึกษาเปรียบเทียบหลกั การสร้างคาไทยกบั หลกั การสร้างคา ภาษาตา่ งประเทศในหลายๆ แง่มุมเพื่อใหเ้ ห็นส่วนเหมือนและส่วนตา่ ง ตามข้นั ตอนดงั น้ี ภาระงาน “เปรียบเทียบหลกั การสร้างคาไทยกบั หลกั การสร้างคาภาษาต่างประเทศ” การบูรณาการ ท ๔.๑ และ ต ๒.๒ ผลการเรียนรู้ เขา้ ใจการเปรียบเทียบหลกั การสร้างคาไทยกบั หลกั การสร้างคาภาษาต่างประเทศ ผลงานทตี่ ้องการ ขอ้ มูลเก่ียวกบั การเปรียบเทียบหลกั การสร้างคาไทยกบั หลกั การสร้างคา ภาษาตา่ งประเทศ ข้นั ตอนการทางาน ๑. ศึกษาหลกั การสร้างคาไทยกบั หลกั การสร้างคาภาษาต่างประเทศ ๒. เปรียบเทียบหลกั การสร้างคาไทยกบั หลกั การสร้างคาภาษาต่างประเทศ ๓. สรุปสิ่งท่ีเหมือนหรือคลา้ ยกนั ๔. สรุปสิ่งที่แตกต่างกนั เกณฑ์การประเมนิ ๑. ความถูกตอ้ งของขอ้ มูลที่นาเสนอ ๒. ความต้งั ใจในการปฏิบตั ิงาน ๘. บนั ทกึ สรุปผลการจัดการเรียนการสอน

บันทกึ สรุปผลการจัดการเรียนการสอน (บนั ทึกเฉพาะประเดน็ ท่ีมีขอ้ มูลสารสนเทศชดั เจน) ประเดน็ การบันทกึ จุดเด่น จุดทคี่ วรปรับปรุง ๑. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ๒. การใชส้ ื่อการเรียนรู้ ๓. การประเมินผลการเรียนรู้ ๔. การบรรลุผลการเรียนรู้ของผเู้ รียน บันทกึ เพมิ่ เตมิ ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... . ลงชื่อ.............................................ผสู้ อน ( นางณรี วรรณ์ สีดาว )

๙. ใบความรู้ ใบงาน และเครื่องมือวดั ผล ใบความรู้ ใบงาน แผน่ ใสคาประพนั ธ์คาท่ีใช้ “บนั ” บนั ดาลลงบันได บันทกึ ให้ดูจงดี ร่ืนเริงบนั เทงิ มี เสียงบันลือสนั่นดัง บนั ดาล บนั ได บนั ทกึ บันเทงิ บนั ลือ คาเหล่านีเ้ ป็ นคาเขมรทไี่ ทยยืมมาใช้ในภาษาไทยทกุ คา เคร่ืองมือวดั ผล ๑. แบบประเมินพฤติกรรมการเรียน (ดูทา้ ยหน่วย) ๒. แบบประเมินการปฏิบตั ิกิจกรรมกลุ่ม (ดูทา้ ยหน่วย) ๓. แบบทดสอบผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนประจาหน่วยการเรียนรู้ ๑๐. เฉลยกจิ กรรมและแบบทดสอบ กจิ กรรม ๑ ๑. การแผลง คือ การเปลี่ยนแปลงรูปหรือเสียงของพยญั ชนะ สระ และวรรณยกุ ตใ์ นภาษาไทยหรือ คาที่มาจากภาษาอ่ืนใหผ้ ดิ เพ้ียนไปจากเดิม โดยวธิ ีเปลี่ยน ตดั ออก หรือเติม แตย่ งั คงความหมายเดิมไวห้ รือ เปล่ียนแปลงไปบา้ งแต่กย็ งั คงมีเคา้ เดิมอยู่ การแผลงคาในภาษาไทยไดแ้ บบอยา่ งมาจากภาษาเขมร บาลี และสนั สกฤต ท้งั น้ีเพราะเขมรเป็ น ชาติที่เจริญอยกู่ ่อนแลว้ ในดินแดนสุวรรณภูมิและมีอานาจปกครองดินแดนท่ีไทยอพยพเขา้ มาอาศยั อยู่ ไทย จึงรับเอาภาษาเขมรเขา้ มาใชใ้ นภาษาไทย อีกท้งั เมื่อไทยยอมรับนบั ถือศาสนาพราหมณ์และพทุ ธศาสนา ภาษาสันสกฤตซ่ึงเป็นภาษาท่ีใชอ้ ยใู่ นศาสนาพราหมณ์และภาษาบาลีซ่ึงเป็นภาษาที่ใชอ้ ยใู่ นศาสนาพุทธจึง เขา้ มาใชป้ ะปนในภาษาไทยมากข้ึน มีผลใหภ้ าษาไทยซ่ึงเป็นภาษาคาโดดกลายเป็นภาษาที่มีคาหลายพยางค์ ที่เกิดข้ึนตามแนวทางของภาษาเขมร บาลี และสันสกฤต และกลายเป็นสาเหตุที่ทาใหค้ นไทยคิดดดั แปลงคา ไทยใหเ้ ป็นคาที่มีมากพยางคข์ ้ึนตามคาเขมร บาลี และสนั สกฤต ๒. ประโยชน์ของการแผลงคาในภาษาไทยมีดงั น้ี

๑) ทาใหเ้ กิดถอ้ ยคาไพเราะสละสลวย เสียงในภาษาที่กระดา้ งหรือหว้ นๆ หายไปกลายเป็นเสียง ท่ีนุ่มนวลฟังเสนาะหูข้ึน เช่น เยาวมาลย์ สรรเพชญ์ ไอศูรย์ จาเริญ อนุสรณ์ กามเลศ ๒) ทาใหม้ ีพยางคเ์ พมิ่ ข้ึน สะดวกในการแต่งบทประพนั ธ์ใหถ้ ูกตอ้ งตามฉนั ทลกั ษณ์ และมี สาเนียงนุ่มนวลไพเราะในการอา่ น แนวคาตอบ อธึกทานอำนวย ทวยเนืองเนกบรรพชิต เสร็จเสวยศวรรเยศอา้ ง ไอศูรย์ สรวงฤา เยน็ พระยศปูนเดือน เด่นฟ้า เกษมสุขส่องสมบรู ณ์ บานทวปี สว่ำงทุกข์ทุกธเรศหลา้ แหล่งลว้ นสรรเสริญ (ลิลิตตะเลงพ่ำย) ๓) ทาใหม้ ีคาเพิม่ ข้ึน ซ่ึงมีความหมายกวา้ งออกไป นบั เป็ นความเจริญงอกงามอยา่ งหน่ึงของ ภาษา เช่น ชุม แผลงเป็น ชุมชน, สัมภาระ แผลงเป็น สมภาร, วร แผลงเป็น พร, ขลงั แผลงเป็น กาลงั , ตรง แผลงเป็น ดารง ๓. ใหอ้ ยใู่ นดุลยพนิ ิจของครูผสู้ อน นกั เรียนอาจจดั ทาเป็นรูปเล่มท่ีกะทดั รัดสวยงาม มีภาพประกอบ อธิบายความหมายดว้ ยได้ จะทาใหผ้ ลงานมีความน่าสนใจมากข้ึน แนวคาตอบ คาแผลงท่ีมาจากภาษาเขมร เช่น ตรัส แผลงเป็น ดารัส, อาจ แผลงเป็น บงั อาจ, ขมอง แผลงเป็น สมอง , คลั แผลงเป็น คานลั , ตรวจ แผลงเป็น ตารวจ, เจริญ แผลงเป็น จาเริญ คาแผลงท่ีมาจากภาษาบาลี เช่น ชาตก แผลงเป็น ชาดก, สิขร แผลงเป็น สิงขร, ฉนั ทะ แผลงเป็น ฉนั ทา, ฉายะ แผลงเป็น ฉายา, ปกติ แผลงเป็น ปรกติ, คิริ แผลงเป็น คีรี คาแผลงท่ีมาจากภาษาสันสกฤต เช่น พชั ร แผลงเป็น เพชร, นิรมิต แผลงเป็ น เนรมิต, ภมร แผลงเป็น ภุมรา, นิรวาณ แผลงเป็น นิพพาน, ปาศ แผลงเป็น บาศ, ไวศยะ แผลงเป็น แพศย์ คาแผลงในภาษาไทย เช่น เสียง แผลงเป็น สาเนียง, ดงั แผลงเป็น ดงั่ , สวย แผลงเป็น สารวย, ช่วย แผลงเป็น ชาร่วย กจิ กรรม ๒ ๑. ๑) ตอบขอ้ ข เหตุผล เพมิ่ เสียงพยญั ชนะ ร ๒) ตอบขอ้ ค เหตุผล ทานูล แผลงมาจาก ทูล เพมิ่ เสียงสระอา และเสียงพยญั ชนะ น ๓) ตอบขอ้ ก เหตุผล โฆษณา เป็นคาภาษาสันสกฤตที่ไทยนามาใชโ้ ดยไมไ่ ดเ้ ปล่ียนแปลงจาก คาเดิม ๔) ตอบขอ้ ข เหตุผล จาเนียร แผลงมาจาก เจียร เพิ่มเสียงสระอา และเสียงสระพยญั ชนะ น

๕) ตอบขอ้ ง เหตุผล วาสุกรี แผลงมาจาก วาสุกิ เพิ่มเสียงพยญั ชนะ ร และเปลี่ยนเสียงสระอิ เป็นสระอี คาอ่ืนเป็นการแผลงสระ ๖) ตอบขอ้ ค เหตุผล สวรรค์ อา่ นออกเสียงตามตวั วา่ สะ-วนั แต่คาท่ีมาจากภาษาบาลีและ สนั สกฤตท่ีมีพยญั ชนะเสียงสูงนาพยญั ชนะเสียงต่า จะอ่านออกเสียงสูงตามพยญั ชนะที่นา จึงอา่ นออกเสียง เป็น สะ-หวนั ๗) ตอบขอ้ ง เหตุผล ชาร่วย แผลงมาจาก ช่วย ซ่ึงเป็นคาภาษาไทย เพ่มิ เสียงสระอา และเสียง พยญั ชนะ ร ๘) ตอบขอ้ ก เหตุผล ชานาญ แผลงมาจาก ชาญ เพ่ิมเสียงสระอา และเสียงพยญั ชนะ น ๙) ตอบขอ้ ข เหตุผล สุธา แผลงมาจาก พสุธา ตดั เสียงพยญั ชนะ พ ๑๐) ตอบขอ้ ค เหตุผล ทาเนียบ แผลงมาจาก เทียบ เพม่ิ เสียงสระอา และเสียงพยญั ชนะ น ๑๑) ตอบขอ้ ง เหตุผล ดาริ แผลงมาจาก ตริ ซ่ึงเป็นคาภาษาสนั สกฤต ส่วนคาอ่ืนๆ แผลงมาจาก ภาษาเขมรทุกคาคือ ดากล แผลงมาจาก ถกล, ดารง แผลงมาจาก ตรง, ดาเนิน แผลงมาจาก เดิน ๑๒) ตอบขอ้ ข เหตุผล โกมุท, เกามุท มีใชใ้ นภาษาบาลีและสันสกฤต ไทยนา ๒ คาน้ีมาใชโ้ ดย ไม่ไดเ้ ปลี่ยนแปลง ๒. ๑) กษีร แผลงเป็น ก. เกษียร ๒) นิรมิต แผลงเป็น ฏ. นฤมิต ๓) ขจาย แผลงเป็น บ. กระจาย ๔) เซาะ แผลงเป็น ฎ. ชาเราะ ๕) โอฬาร แผลงเป็น ค. เอาฬาร ๖) ชะมด แผลงเป็น ด. ชระมด ๗) สุรภี แผลงเป็น ฟ. เสาวรภย์ ๘) เวที แผลงเป็น ง. ไพที ๙) ชน แผลงเป็น ซ. ชานน ๑๐) พาหิร แผลงเป็น จ. พาเหียร ๑๑) เพยี ง แผลงเป็น ม. เพ้ียง ๑๒) สุคนธ์ แผลงเป็น ฑ. เสาวคนธ์ ๑๓) โสภา แผลงเป็น ญ. เสาวภา ๑๔) อธิปเตยย แผลงเป็น ฉ. อธิปไตย ๑๕) ทุรลกั ษณ์ แผลงเป็น ถ. ทรลกั ษณ์ ๓. ๑) ปรึกษา แผลงมาจาก ปรีกษา ใชว้ ธิ ีแผลงสระ มาตย์ แผลงมาจาก อมาตย์ ใชว้ ธิ ีแผลงพยญั ชนะ

ริปู แผลงมาจาก ริปุ ใชว้ ธิ ีแผลงสระ พยหู แผลงมาจาก พยหุ ใชว้ ธิ ีแผลงสระ อารุง แผลงมาจาก บารุง ใชว้ ธิ ีแผลงพยญั ชนะ ลาเคญ็ แผลงมาจาก เขญ็ ใชว้ ธิ ีแผลงพยญั ชนะ ๒) ดารัส แผลงมาจาก ตรัส ใชว้ ธิ ีแผลงพยญั ชนะ บนั ทึก แผลงมาจาก บทึก ใชว้ ธิ ีแผลงนฤคหิต ตร้ึง แผลงมาจาก ตรึง ใชว้ ธิ ีแผลงวรรณยกุ ต์ ปาฏบท แผลงมาจาก ปาฏปถ ใชว้ ธิ ีแผลงพยญั ชนะ ดาเนิน แผลงมาจาก เดิน ใชว้ ธิ ีแผลงพยญั ชนะ ๔. ใหอ้ ยใู่ นดุลยพนิ ิจของครูผสู้ อน แนวคาตอบ คาแผลงจากวรรณคดีเรื่องรามเกียรต์ิ อาธรรม แผลงมาจาก อธรรม ใชว้ ธิ ีแผลงสระ เชาวลิต แผลงมาจาก ชวลิต ใชว้ ธิ ีแผลงสระ โบราณ แผลงมาจาก บุราณ ใชว้ ธิ ีแผลงสระ สุคนธ์ แผลงมาจาก สุคนธะ ใชว้ ธิ ีแผลงสระ บรรทม แผลงมาจาก ผทม ใชว้ ธิ ีแผลงพยญั ชนะ สาแดง แผลงมาจาก แสดง ใชว้ ธิ ีแผลงพยญั ชนะ สะพรั่ง แผลงมาจาก พร่ัง ใชว้ ธิ ีแผลงพยญั ชนะ ดง่ั แผลงมาจาก ดงั ใชว้ ธิ ีแผลงวรรณยกุ ต์ โนน้ แผลงมาจาก โน่น ใชว้ ธิ ีแผลงวรรณยกุ ต์ น้ี แผลงมาจาก น่ี ใชว้ ธิ ีแผลงวรรณยกุ ต์

แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนประจาแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๒ จงเลอื กคาตอบทถ่ี กู ต้องทสี่ ุดเพยี งคาตอบเดยี ว ๑. ขอ้ ใดไม่ใช่ประโยชน์โดยตรงของการแผลงคาในภาษาไทย ๑. ทาใหภ้ าษาไทยมีคาใชเ้ พมิ่ มากข้ึน ๒. ทาใหภ้ าษาไทยมีลกั ษณะเปลี่ยนแปลง ๓. มีคาที่ใชใ้ นการแตง่ คาประพนั ธ์ทาใหเ้ กิดเสียงไพเราะ ๔. มีพยางคเ์ พ่ิมมากข้ึนท่ีจะบรรจุเขา้ เป็ นคณะท่ีถูกตอ้ งตามฉนั ทลกั ษณ์ ๒. ขอ้ ใดเป็นคาแผลงจากภาษาเขมร ๑. นยนา - นยั นา ๒. ชายะ - ชายา ๓. รนด - ระนาด ๔. ทรชน - ทุรชน ๓. ขอ้ ใดเป็นคาแผลงจากภาษาบาลี ๑. ทุชน - ทรชน ๒. จุง่ - จง่ ๓. ทิศ - ทิศา ๔. คารวะ - เคารพ ๔. ขอ้ ใดเป็นคาแผลงจากภาษาสนั สกฤต ๑. รแนง - ระแนง ๒. กีรติ - เกียรติ ๓. ชวม - ชนวน ๔. ตาปู - ตะปู ๕. ขอ้ ใดเป็นคาแผลงจากภาษาไทย ๑. ทุรชน - ทรชน ๒. เรียบ - ระเบียบ ๓. นิรมล - นฤมล ๔. ชีผา้ ขาว - ชีปะขาว ๖. คาประพนั ธ์ตอ่ ไปน้ีมีคาแผลงกี่คา และกลายเสียงในลกั ษณะใด เสือโคร่งยงปี บเปร้ียง สยองหวั ศพั ทส์ าเนียงพงึ กลวั ทว่ั แควน้ ร้ายยวดหมวดเพราะพวั คามุง่ ลองเลบ็ เล่นเผน่ แหลน้ โลดเล้ียวโผนผาย (กำพย์ ห่ อโคลงประพำสธำรทองแดง) ๑.คาแผลง ๒ คา เป็นการแผลงสระและเปล่ียนเสียงพยญั ชนะ ๒. คาแผลง ๒ คา เป็นการแผลงสระและเพ่มิ เสียงพยญั ชนะ ๓. คาแผลง ๒ คา เป็นการแผลงสระและเปล่ียนเสียงวรรณยกุ ต์ ๔. คาแผลง ๒ คา เป็นการแผลงเพิ่มเสียงพยญั ชนะและเปลี่ยนรูปวรรณยกุ ต์ ๗. ขอ้ ใดเป็นคาแผลงพยญั ชนะทุกคา

๑. เฉ แกะ สงั เวย ๒. ผนวช เถา้ แก่ นิจจา ๓. ตะวนั ชนิด พยหู่ ์ ๔. โบสถ์ หม้นั โนน้ ๘. คาประพนั ธ์ต่อไปน้ีมีคาแผลงกี่คา พระภูธรถวลิ นาง พลายรันทวยรันทด ขุนคอคชหมื่นควาญ ขบั คชาธารจรดล ลุตาบลสามสบ ๑. ๒ คา ๒. ๓ คา ๓. ๔ คา ๔. ๕ คา ๙. คาประพนั ธ์ต่อไปน้ีมีคาแผลงกี่คา คบั แคเคียงคูข่ มุ้ เขาขนั เอ้ียงและออกอญั ชนั แซ่ซอ้ ง กระหรอดกระเรียนจรัล เรียงร่าย อยนู่ า กระจิบกระจาบจอ้ ง จบั ไมเ้ มิลเมียง (ลิลิตตะเลงพ่ำย) ๑. ๒ คา ๒. ๓ คา ๓. ๔ คา ๔. ๕ คา ๑๐. ขอ้ ใดมีคาที่ไม่ใช่คาแผลงอยูด่ ว้ ย ๑. สุวคนธ์ โทรศพั ท์ โบราณ ๒. นฤทุกข์ ไกรศรี เห้ียน ๓. ผนวช บาเรอ โพน้ ๔. ชีพตกั ษยั เยาวพา สะเทือน เฉลย ๑. ๒ ๒. ๓ ๓. ๑ ๔. ๒ ๕. ๔ ๖. ๔ ๗. ๑ ๘. ๒ ๙. ๓ ๑๐. ๑ เฉลยละเอยี ด ๑. ตอบข้อ ๒ เหตุผล การแผลงคาทาใหภ้ าษาไทยซ่ึงเป็นภาษาคาโดดกลายเป็นภาษาท่ีมีคามากพยางค์ ทาใหเ้ สีย เอกลกั ษณ์ทางภาษา จึงไม่ใช่ประโยชน์ของการแผลงคา ๒. ตอบข้อ ๓ เหตุผล ขอ้ ๑, ๒ เป็นคาแผลงจากภาษาบาลี ขอ้ ๔ เป็นคาแผลงจากภาษาสันสกฤต ๓. ตอบข้อ ๑ เหตุผล ขอ้ ๒ เป็นคาแผลงจากภาษาไทย ขอ้ ๓, ๔ เป็นคาแผลงจากภาษาสนั สกฤต ๔. ตอบข้อ ๒

เหตุผล ขอ้ ๑ เป็นคาแผลงจากภาษาเขมร ขอ้ ๓,๔ เป็นคาแผลงจากภาษาไทย ๕. ตอบข้อ ๔ เหตุผล ขอ้ ๑,๓ เป็นคาแผลงจากภาษาสันสกฤต ขอ้ ๒ เป็นคาแผลงจากภาษาเขมร ๖. ตอบข้อ ๔ เหตุผล เสียง – สาเนียง (เป็นคาแผลงจากภาษาไทย ใชว้ ธิ ีเพ่ิมเสียงพยญั ชนะ) แล่น – แหลน้ (เป็นคาแผลงจากภาษาไทย ใชว้ ธิ ีเปลี่ยนรูปวรรณยกุ ต)์ ๗. ตอบข้อ ๑ เหตุผล เก - เฉ, แคะ – แกะ, เสวย – สงั เวย (เพิ่มเสียงองั ) ขอ้ ๒ ผนวช (แผลงพยญั ชนะ) เถา้ แก่ (แผลงสระ) นิจจา (ตดั เสียงสระ) ขอ้ ๓ ตะวนั (แผลงสระ) ชนิด (เพม่ิ เสียงพยญั ชนะ) พยหู่ ์ (แผลงวรรณยกุ ต)์ ขอ้ ๔ โบสถ์ (ตดั เสียงพยางคห์ นา้ ) หม้นั (แผลงวรรณยกุ ต)์ โนน้ (แผลงสระ) ๘. ตอบข้อ ๒ เหตุผล มีคาแผลง ๓ คา ไดแ้ ก่ พระ แผลงมาจากวร, รันทวย แผลงมาจาก ระทวย, รันทด แผลงมาจาก ระทด ๙. ตอบข้อ ๓ เหตุผล มีคาแผลง ๔ คา ไดแ้ ก่ คุม่ (ช่ือนก) – ขมุ้ (แผลงวรรณยกุ ต)์ กรอด – กระหรอด กาเรียน – กระเรียน ๑๐. ตอบข้อ ๑ เหตุผล สุคนธ์ – สุวคนธ์ (แผลงสระ อุ เป็น อุว) ทูรศพั ท์ – โทรศพั ท์ (แผลงสระอูเป็ นสระโอ) โปราณ – โบราณ (ไม่ใช่คา แผลง แต่เป็ นคามาจากภาษาบาลี) ขอ้ ๒ นิรทุกข์ – นฤทุกข์ (แผลงสระอิเป็น ฤ) เกสรี – ไกรศรี (แผลงสระเอเป็ นสระไอ) เกรียน – เห้ียน (เปลี่ยนเสียง พยญั ชนะ) ขอ้ ๓ บวช – ผนวช (เพิ่มเสียงพยญั ชนะ) เปรอ – บาเรอ (เพม่ิ เสียงสระอา) พนู้ – โพน้ (แผลงสระอูเป็น สระโอ) ขอ้ ๔ ชีพิตกั ษยั – ชีพตกั ษยั (ลบเสียงสระอิ) ยพุ า – เยาวพา (แผลงสระอุเป็ นเอา) กระเทือน – สะเทือน (เปลี่ยน เสียงพยญั ชนะ)

การประเมินและสะท้อนตนเองหลงั เสร็จสิ้นการเรียนในแผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๒ (Self Reflection) ๑. การประเมินตนเองของผ้เู รียน ใหด้ าเนินการดงั น้ี ๑.๑ ครูทบทวนผลการเรียนรู้ประจาหน่วยทุกขอ้ ให้นกั เรียนไดท้ ราบ โดยอาจเขียนไวบ้ นกระดาน พร้อม ท้งั ทบทวนถึงหวั ขอ้ กิจกรรมการเรียนวา่ ไดเ้ รียนอะไรบา้ ง ๑.๒ ใหน้ กั เรียนเขียนบนั ทึกการประเมินตนเองไวใ้ นสมุดงานดา้ นหลงั ตามหวั ขอ้ ดงั น้ี บนั ทกึ การประเมนิ และสะท้อนตนเองประจาหน่วยท.ี่ .......................................... วนั /เดือน/ปี ทบ่ี ันทกึ ............../............./............... รายการบันทกึ ๑. จากการเรียนท่ีผา่ นมาไดม้ ีความรู้อะไรบา้ ง ........................................................................................................................................................................ ....................................................................................................................................................................... ๒. ปัจจุบนั น้ีมีความสามารถปฏิบตั ิส่ิงใดไดแ้ ลว้ บา้ ง ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ๓. สิ่งท่ียงั ไม่รู้ ไม่กระจ่าง ไม่เขา้ ใจ มีอะไรบา้ ง ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ๔. ผลงานหรือชิ้นงานที่เนน้ ความภาคภูมิใจจากการเรียนในหน่วยน้ีคืออะไร ทาไมจึงภาคภูมิใจ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................

เคร่ืองมือวดั ผล แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียน ชื่อ ...................................................................ช้ัน ...........................วชิ า ............................................. วนั เดือน ปี ..................................................................... คาชี้แจง เขียนเคร่ืองหมาย  ลงในช่องตามความเป็ นจริงท่ีนกั เรียนปฏิบตั ิ รายการประเมนิ ดีมาก ดี พอใช้ ควร (๔) (๓) (๒) ปรับปรุง (๑) ๑. ความรับผดิ ชอบต่องานและหนา้ ท่ีท่ีไดร้ ับ มอบหมาย ๒. ความต้งั ใจและสนใจในการมีส่วนร่วม ๓. การตรงตอ่ เวลา ๔. การแสดงความคิดเห็นอยา่ งมีเหตุมีผล ๕. เคารพความคิดเห็นของผอู้ ื่น สรุปผลการประเมิน ............................................................................................................................. นกั เรียนไดค้ ะแนนรวม๑๗ - ๒๐ คะแนน แสดงวา่ ผลงานนกั เรียนอยใู่ นเกณฑ์ ดีมาก นกั เรียนไดค้ ะแนนรวม๑๓ - ๑๖ คะแนน แสดงวา่ ผลงานนกั เรียนอยใู่ นเกณฑ์ ดี นกั เรียนไดค้ ะแนนรวม๙ - ๑๒ คะแนน แสดงวา่ ผลงานนกั เรียนอยใู่ นเกณฑ์ พอใช้ นกั เรียนไดค้ ะแนนรวม ๕ - ๘ คะแนน แสดงวา่ ผลงานนกั เรียนอยใู่ นเกณฑ์ ควรปรับปรุง ผู้ประเมนิ ครู เพอ่ื น ตนเอง ลงชื่อ..............................................ผปู้ ระเมิน

แบบสังเกตการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมกลุ่ม ช่ือกลุ่ม ............................................................................. ช้ัน .............................................................. ช่ือสมาชิก ๑. ................................................................. ๒. ............................................................... ๓. ................................................................. ๔. .............................................................. ๕. ................................................................. ๖. ................................................................ วชิ า ................................................................... วนั เดือน ปี ...................................................... คาชี้แจง เขียนเคร่ืองหมาย  ลงในช่องตามความเป็ นจริงท่ีนกั เรียนปฏิบตั ิ รายการประเมนิ ดีมาก ดี พอใช้ ควร (๔) (๓) (๒) ปรับปรุง (๑) ๑. ความรับผดิ ชอบต่องานและหนา้ ที่ที่ไดร้ ับ มอบหมาย ๒. ความต้งั ใจและสนใจในการมีส่วนร่วม ๓. การตรงต่อเวลา ๔. การแสดงความคิดเห็นอยา่ งมีเหตุมีผล ๕. เคารพความคิดเห็นของผอู้ ่ืน สรุปผลการประเมิน ...................................................................................................................................... นกั เรียนไดค้ ะแนนรวม๑๗ - ๒๐ คะแนน แสดงวา่ ผลงานนกั เรียนอยใู่ นเกณฑ์ ดีมาก นกั เรียนไดค้ ะแนนรวม๑๓ - ๑๖ คะแนน แสดงวา่ ผลงานนกั เรียนอยใู่ นเกณฑ์ ดี นกั เรียนไดค้ ะแนนรวม๙ - ๑๒ คะแนน แสดงวา่ ผลงานนกั เรียนอยใู่ นเกณฑ์ พอใช้ นกั เรียนไดค้ ะแนนรวม ๕ - ๘ คะแนน แสดงวา่ ผลงานนกั เรียนอยใู่ นเกณฑ์ ควรปรับปรุง ผ้ปู ระเมนิ ครู เพื่อน ตนเอง ลงชื่อ........................................................ผปู้ ระเมิน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook