Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore English Writing

English Writing

Description: การเขียนภาษาอังกฤษ

Keywords: PRACTICE MAKES PERFECT

Search

Read the Text Version

การเขียนภาษาอังกฤษ

จัดทําโดย นางสาวปวรวรรณ ประเสริฐสังข์ รหัส 63181020110 นางสาวภิญญดา สายอุปราช รหัส 63181020117 นายรณภูมิ ทัพพันธุ์ รหัส 63181020120 สาขาภาษาอังกฤษ หลักสูตรครุศาสตร์บัณฑิต (ค.บ. 4 ป ) มหาวิทยาลัยราชภัฏลาํ ปาง

1 การสร้างทักษะการเขียน 2 5 วิธีเพือพัฒนาการเขียนภาษาอังกฤษของคุณ 3 บทความวิจัย

การเรียนการสอนเขียนตังแต่อดีตปจจุบันได้เกิดการเปลียนแปลงค่อนข้างมาก ทังการทีสอนเขียนให้กับผู้เรียนทีเปนเจ้าของภาษาและผู้เรียนทีไม่ใช่เจ้าของภาษา เวลา ส่วนใหญ่ของผู้สอนจะเน้นทีการตรวจงานเขียนเหล่านันเนืองจากการเรียนการสอน เขียนทีเน้นการอ่านตําราและวรรณกรรมต่าง ๆ เปนพืนฐานก่อนการเขียนรูปแบบการ เรียนการสอนเขียนจึงค่อนข้างชัดเจนโดยแบ่งออกเปน 4 ขันตอน คือ 1 สอนหลักการและกฎเกณฑ์การเขียนให้แก่ผู้เรียน 2 แจกบทอ่านให้ผู้เรียนอ่านวิเคราะห์และอธิบายตีความ 3 ผู้เรียนเขียนตามเค้าโครง 4 ผู้สอนอ่านวิจารณ์ผลงานเขียนของผู้เรียนจากขันตอนการเรียนการสอนเขียน ดังกล่าว ซึงลักษณะการเรียนการสอนเขียนทีเน้นการตรวจและประเมินผลงานเขียน ของผู้เรียนเปนแนวการสอนเขียนแบบดังเดิม หรือ แนวการสอนเขียนทีเน้นผลงาน

นักสอนภาษาและนักวิจัยได้ศึกษาขันตอนการเขียนของผู้เรียนทีเปนเจ้าของภาษา และพบข้อเท็จจริงว่า วิธีการเขียนของผู้เรียนทีเปนเจ้าของภาษาไม่เปนไปตามขันตอน การเขียนแบบดังเดิม ผู้เขียนมีกระบวนการเขียน กล่าวคือ ผู้เขียนมีการค้นหาข้อมูลเพือ นาํ มาใช้ในการ กาํ หนดจุดมุ่งหมายในการเขียน วางแผนการเขียน มีการคํานึงถึงผู้อ่าน งานเขียน นอกจากนี ผู้เขียนมีโอกาสย้อนกลับไปทําซําหรือแก้ไขในขันตอนใดขันตอน หนึงทีผ่านมาได้ ซึงกระบวนการเขียนดังกล่าว เกิดขึนคาบเกียวกัน ไม่ได้แยกจากกัน อย่างเด็ดขาด กระบวนการเขียนของผู้เรียนทีเปนเจ้าของภาษาก่อให้เกิดแนวการสอน เขียนแบบเน้นกระบวนการ ซึงมีผลต่อการสอนเขียนให้แก่ผู้เรียนทีเรียนภาษาอังกฤษ เปนภาษาทีสองหรือภาษาต่างประเทศในเวลาต่อมา

ขันตอนการสอนเขียนแบบเน้นกระบวนการทีนิยมใช้เขียนให้แก่ผู้เรียนทีเรียน ภาษาอังกฤษเปนภาษาทีสองหรือภาษาต่างประเทศประกอบด้วยขันตอนหลัก 3 ขันตอน 1 ขันตอนการเขียน เปนขันทีให้ผู้เรียนคิดค้นหาข้อมูลวางแผนเรียบเรียงข้อมูล 2 ขันการเขียน เปนขันทีผู้เรียนถ่ายทอดความคิดโดยใช้ข้อมูลออกมาเปนรูปงานเขียนที เปนฉบับร่าง 3 ข้างหลังการเขียนเปนขันตอนทีผู้เรียนรบกวนปรับปรุงแก้ไขตรวจสอบความถูกต้อง จากขันตอนต่าง ๆ ของการเขียนแบบเน้นกระบวนการจะแตกต่างจากการสอนเขียน แบบเน้นผลงานโดยการสอนเขียนแบบเน้นกระบวนการจะให้ความสาํ คัญกับการตอบ สนองต่องานเขียนในระหว่างกระบวนการเขียน

กล่าวคือ ให้ผู้เรียนได้มีโอกาสทบทวนเพือทาํ การปรับปรุงแก้ไขงานเขียนก่อนให้ ผู้สอนประเมินงานเขียน ในขณะทีการสอนเขียนแบบเปนผลงาน ผู้สอนจะให้ข้อมูลย้อน กลับและประเมินคุณภาพงานเขียนทันทีทีผู้เขียนเขียนเสร็จ จึงทาํ ให้พบข้อผิดพลาดมาก ขึนทังในด้านเนือหาและการใช้ภาษา เพราะผู้เรียนไม่มีโอกาสปรับปรุงแก้ไขงานเขียนอีก ครังก่อนส่งให้ผู้สอนประเมิน ในป ค.ศ 1980 เปนต้นนา นักสอนภาษาและผู้วิจัยสนใจทีนําแนวการสอนเขียนแบบเน้น กระบวนการ สอนเขียนภาษาอังกฤษเพือช่วยพัฒนาความสามารถในการเขียนของผู้เรียน นอกจากนีผู้วิจัยหลายท่านได้ศึกษาถึงผลของการสอนเขียนแบบเน้นกระบวนการทีมีต่อ ความสามารถในการเขียนภาษาอังกฤษ พบว่าการวิจัยปรากฏว่าการสอนเขียนแบบเน้น กระบวนการมีประสิทธิภาพต่อความสามารถในการเขียนภาษาอังกฤษของผู้เรียนทีเปน เจ้าของภาษา ผู้เรียนทีเรียนภาษาอังกฤษเปนภาษาทีสองหรือภาษาต่างประเทศ

ในการสอนเขียนให้แก่ผู้เรียนภาษาอังกฤษเปนภาษาทีสองหรือภาษาต่างประเทศนัน มีวัตถุประสงค์ทีให้ผู้เรียนสามารถเขียนเรียงความทีมีความเหมาะสมทังในด้านเนือหาและ การใช้ภาษาเช่นเดียวกับเจ้าของภาษาซึงในสภาพความเปนจริงแล้วผู้เรียนดังกล่าวมีความ สามารถแตกต่างกัน เช่น ผู้เรียนภาษาระดับต้นหรือแม้แต่ผู้เรียนภาษาระดับกลางไม่สามารถ เขียนเรียงความได้ดีเท่ากับเจ้าของภาษา ดังนันในการพัฒนาทักษะการเขียนให้แก่ผู้เรียน โดยคํานึงถึงความสามารถของผู้เรียนครูผู้สอนสามารถใช้กิจกรรมดัง ต่อไปนี 1 กิจกรรมการเขียนแบบครอบคลุม เปนกิจกรรมการเขียนทีได้รับแนวคิดมาจากวิธีสอน แบบฟงพูดโดยให้ผู้เรียนฝกเขียนในสิงทีได้ฝกฟงและพูดมาแล้ว กิจกรรมการเขียน แบบครอบคลุมมีความจาํ เปนสําหรับผู้เริมเรียนภาษาทีมีปญหาด้านคําศัพท์และ โครงสร้างไวยากรณ์ ตัวอย่างของกิจกรรมการเขียนแบบควบคุมเช่น การเขียนตามคํา บอก

2 กิจกรรมการเขียนแบบชีแนะ เปนกิจกรรมการเขียนทีใช้ฝกทักษะการเขียนให้แก่ผู้ เรียนทีมีข้อจาํ กัดทางสมรรถภาพทางภาษากิจกรรมการเขียนแบบชีแนะจําจาํ เปนต้อง เปดโอกาสให้ผู้เรียนได้ฝกเขียนมากกว่ากิจกรรมการเขียนแบบควบคุม ตัวอย่าง กิจกรรมเช่น การเขียนเรียงความโดยการตอบคาํ ถามแล้วนาํ คําตอบมาเรียบเรียงเขียน เปนเรืองราว 3 กิจกรรมการเขียนแบบอิสระ กิจกรรมการเขียนทีต้องการให้ฝกผู้เรียนเขียนข้อความที สมบูรณ์เพือตอบสนองสิงเร้าต่างๆเช่นรูปภาพบทอ่านทีผู้เรียนอ่านมาแล้ว นอกจากนี กิจกรรมการเขียนแบบอิสระอย่างรวมถึงการเขียนบันทึกประจําวันซึงเปนกิจกรรมทีส่งเสริม ให้ผู้เรียนเขียนโดยไม่คาํ นึงถึงความถูกต้องด้านโครงสร้างไวยากรณ์และรูปแบบการเขียน เปนต้น

1 การระดมพลังสมอง เปนกิจกรรมทีผู้เรียนทุกคนถูกส่งเสริมให้มีส่วนร่วมในการแสดง ความคิดเห็นและแลกเปลียนความรู้เช่นผู้สอนเสนอหัวข้อเรืองผู้เรียนจะช่วยกันระดมความ คิดเห็นต่าง ๆ 2 การเขียนรายการเปนกิจกรรมทีแตกต่างจากการระดมพลังสมองกล่าวคือเปนกิจกรรมที เหมาะสาํ หรับผู้เรียนทีชอบทํางานเงียบ ๆ ไม่ชอบแสดงความคิดเห็นเพราะกลัวพูดจะผิดและ โครงสร้างไวยากรณ์ผู้เรียนจะถูกส่งเสริมให้เขียนหัวข้อย่อย ๆ ตามหัวเรืองทีกาํ หนดให้

3 การเขียนแบบอิสระหรือการเขียนแบบรวดเร็วเปนกิจกรรมทีต้องการให้ผู้เรียนฝก เรียนฝกเขียนในระยะเวลาทีกําหนดเวลาทีนิยมใช้คือ 5-10 นาทีโดยผู้สอนเริมต้นประโยค ให้ผู้เรียนผู้เรียนจะคัดลอกประโยคต้นนันแล้วเขียนต่อผู้เรียนอ่านเขียนตามลาํ พัง ปรึกษาหารือกับเพือนร่วมห้องเรียนได้ 4 การเขียนแบบรวมกลุ่ม เปนกิจกรรมการเริมเขียนโดยผู้สอนให้ความสาํ คัญหรือ ใจความหลักการหน้ากระดาษหรือกระดาน ผู้เรียนแต่ละคนจะเขียนคาํ และวลีที ปฏิสัมพันธ์เกียวข้องกับความสาํ คัญหรือใจความหลักนัน แล้วจะแลกเปลียนสิงทีตัวเอง เขียนกับเพือนร่วมชัน

แนวคิดเกียวกับการตอบสนองงานเขียนหรือการให้ข้อมูลย้อนกลับต่องานเขียน จะเห็นได้ ว่าการให้ข้อมูลย้อนกลับต่องานเขียนไม่ว่าจะเปนโดยครูผู้สอนถึงเพือนร่วมชันหรือตัวผู้เรียน เองนับว่ามีความสําคัญต่อการพัฒนาทักษะการเขียนของผู้เรียน ซึง Raimes and kroll ลักษณะวิธีการให้ข้อมูลย้อนกลับสรุปได้ดังนี 1 การเขียนวิจารณ์ เปนวิธีการเขียนทีผู้สอนอ่านงานเขียนฉบับได้ของนักเรียนฉันชอบใช้ ข้อดีข้อเสนอแนะนาํ ในการปรับปรุงแก้ไขส่วนทีบกพร่อง เปนผู้สอนจะให้ข้อมูลอย่างเพียง พอทีจะช่วยผู้เรียนในการแก้ไขงาน

2 การให้คาํ วิจารณ์งานเขียนโดยการบันทึกเสียง คือการทีผู้สอนให้ทําวิจัยเกียวกับจุด ดีและจุดบกพร่องในงานเขียนของผู้เรียนโดยการบันทึกเสียงลงในเทปบันทึกเสียงที นักเรียนส่งมาพร้อมกับงานเขียนซึงผู้สอนจะเขียนสัญลักษณ์ต่างๆหรือตัวเลขกาํ กับไว้ ในงานเขียนเพือบอกตาํ แหน่งทีผู้สอนให้คําวิจารณ์ไว้ในเทป วิธีนีจะช่วยให้ผู้เรียน สามารถเปดเทปฟงข้อวิจารณ์ของผู้สอนซําได้หลายครัง เครืองทําความเข้าใจ 3 การสนทนาระหว่างผู้สอนกับผู้เรียน เปนวิธีการทีผู้เรียนได้ข้อมูลย้อนกลับเกียวกับ การเขียนของตัวเองจากการสนทนาพูดคุย อาจจะเปนกลุ่มหรือเปนรายบุคคล เปนการ สร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนกับผู้สอนโดยผู้สอนสามารถถามคําถามโดยตรงกับผู้ เรียนเกียวกับสิงทีปรากฏในงานเขียนทีผู้สอนไม่เข้าใจ

4 การใช้รายการตรวจสอบ เปนวิธีทีผู้สอนจะใช้รายการตรวจสอบทีประกอบไปด้วยหัวข้อ ต่าง ๆ ทีเกียวกับรูปแบบการเขียนการวิเคราะห์เนือหาการเรียบเรียงและการใช้ไวยากรณ์ ซึงรายการตรวจสอบควรสันกะทัดรัดผู้สอนควรฝกให้ผู้เรียนเปนผู้ใช้ในการตรวจสอบใน การตอบสนองงานเขียนของเพือนผู้เรียนช่วยกันก่อนทีผู้สอนจะใช้รายการตรวจสอบ รายการอีกครังในการตรวจสอบงานเขียนเพือให้ข้อมูลย้อนกลับต่อการเขียนของนักเรียน 5 การตอบสนองงานเขียนโดยเพือน คือการทีนักเรียนได้อ่านและตรวจงานเขียนของเพือน โดยใช้แบบตรวจสอบทีครูเตรียมไว้ให้เปนแนวทางการตรวจ วิธีการตรวจงานเขียนเพือให้ ข้อมูลย้อนกลับโดยเพือนนี นอกจากจะผ่อนเบาภาระหน้าทีของผู้สอนแล้วผู้เรียนทีเปนผู้อ่าน งานเขียนได้เรียนรู้ทักษะวิเคราะห์งานเขียนของเพือนยังสามารถพัฒนางานเขียนของตัวเอง ได้อีกด้วย

ในการผลิตผลงานเขียนของผู้เรียนทีเรียนภาษาอังกฤษเปนภาษาทีสองหรือภาษาต่าง ประเทศเนืองจากผู้เรียนเรานีมีความสามารถทางภาษาไม่เท่าเทียมกับเจ้าของภาษาดังนัน ผลงานเขียนจึงต้องแสดงให้เห็นว่าผู้เรียนนักมีปญหาด้านตัวภาษาอังกฤษได้แก่โครงสร้าง ไวยากรณ์แต่อย่างไรก็ตามผู้สอนเองไม่ควรไปเน้นการแก้ไขข้อผิดพลาดด้านโครงสร้าง ไวยากรณ์มากจนลืมไปว่าผู้สอนกาํ ลังสอนวิชาการเขียนไม่ใช่วิชาไวยากรณ์ภาษาอังกฤษถ้า เน้นการแก้ไขข้อผิดพลาดด้านโครงสร้างไวยากรณ์มากเกินไปจะทําให้ผู้เรียนท้อแท้และไม่ สนใจทีจะแก้ไขส่วนงานเขียนทีควรปรับปรุง

สําหรับวิธีการแก้ไขข้อผิดพลาดของงานเขียนสามารถได้ทําหลายวิธีดังต่อไปนี 1 การระบุข้อผิดพลาดโดยใช้เครืองหมายสัญลักษณ์ 2 แก้ไขข้อผิดพลาดโดยเขียนรูปแบบทีถูกต้อง 3 เขียนคําหรือวลีแสดงลักษณะของข้อผิดพลาด 4 ระบุว่ามีข้อผิดพลาดแต่ไม่ระบุตาํ แหน่งของข้อผิดพลาดนัน

เพือให้ประสบความสาํ เร็จในการเขียน สิงทีคุณจําเปนต้องรู้ก็คือ คําศัพท์ และต้อง รู้เยอะ ๆ ด้วยนะ การเรียนรู้คาํ ศัพท์ใหม่จึงเปนเรืองทีดีและจะดียิงกว่าหากรู้วิธีใช้คําเหล่า นันอย่างถูกต้องด้วย

คุณจําเปนต้องสะกดคําเหล่านันให้ถูกต้อง การสะกดคําผิด ๆ จะเปลียนความหมาย ของประโยคทีคุณเขียนไปคนละเรืองเลยทีเดียว เช่น : “bare” และ “bear” สองคํานีออก เสียงเหมือนกัน แต่ “bare” แปลว่า เปล่า เปลือย ส่วน “bear” แปลว่า หมี แล้วการสะกด คาํ ผิด ๆ ก็ยังทําให้ผู้อ่านประสบปญหาในการทําความเข้าใจเรืองทีคุณเขียนอีกด้วย เคล็ดลับ: ฝกสะกดคําบ่อย ๆ !

การอ่านภาษาอังกฤษเยอะๆมีประโยชน์เสมอ เพราะจะช่วยให้คุณได้ไอเดียเกียวกับ สไตล์การเขียนทีแตกต่างและได้เรียนรู้การใช้คาํ ทีเหมาะสมด้วย เลือกหนังสือหรือ บทความทีมีหัวข้อทีคุณสนใจ เพือคุณจะได้ไม่เบือซะก่อน

ไวยากรณ์ เปนเรืองทีสาํ คัญมาก เพราะมันเปนเสมือนเครืองพิสูจน์คุณภาพงาน เขียนของคุณ เลือก tense ทีเหมาะสม และจงจําไว้ว่าต้องใช้เครืองหมายวรรคตอน ต่างๆให้ถูกต้อง เพราะเครืองหมายวรรคตอนนีแหละทีจะช่วยให้งานเขียนของคุณ ชัดเจนและไหลลืน

การเขียนสามารถกลายเปนเรืองทีน่ากลัวได้เสมอ อย่างไรก็ตามวิธีทีจะช่วยพัฒนา ทักษะด้านการเขียนทีดีทีสุดก็คือ หยิบปากกาและกระดาษขึนมา หรือไม่ก็ไปนังทีหน้า คอมพิวเตอร์ของคุณแล้วเริมเขียนซะ จําไว้ว่า “Practice makes perfect.” “PRACTICE MAKES PERFECT.”

บทความวิจัย

ในภาวะปจจุบันทีอิทธิพลของโลกาภิวัตน์ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนือง การเรียนรู้ภาษาอังกฤษจึงเปน เรืองจาํ เปนอย่างยิงทีควรให้ความส ําคัญมาเปนอันดับต้น ทักษะทางภาษาอังกฤษทังสี กล่าวคือ ทักษะการฟง พูด อ่าน เขียน ล้วนแล้วแต่มีความส ําคัญเฉพาะตัวทีจําปนในการเรียนรู้ส าหรับผู้ที ต้องการจะศึกษาภาษาอังกฤษ แต่มีอยู่ทักษะหนึงทีมักถูกมองข้ามความสาํ คัญไปคือทักษะเขียน เพราะคนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่า เพียงแค่รู้และเข้าใจเพียงแค่การฟงและการพูดภาษาอังกฤษก็เพียง พอแล้วสําหรับการสือสาร แต่นันไม่เปนความจริงเลย เพราะการอ่านและการเขียนก็จะช่วยเพิมพูน ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษได้เปนอย่างดี

สถาบันสอนภาษาอังกฤษนานาชาติ Education First หรือ อีเอฟ (EF) ได้ท าผลสํารวจ ด้านทักษะภาษาอังกฤษในต้นป พ.ศ. 2554 และจัดอันดับพบว่า เด็กไทยมีทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ อยู่ในอันดับ 42 จาก44 ประเทศทัวโลก โดย EF ยังเผยอีกว่าทักษะทีเปนปญหาในการใช้มากทีสุดคือ ทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ ซึงอาจเพราะเปนทักษะทีมีความซับซ้อน จะต้องใช้องค์ความรู้ทังหมดที มีอยู่กลันกรองออกมาเปนงานเขียน นักเรียนส่วนใหญ่จึงเกิดความรู้สึกเบือหน่าย ขาดแรงจูงใจใน การเขียน

จากแนวคิดและสภาพปญหาทังหมดทกี ล่าวมา การใช้กจิ กรรมการตอบสนองต่องานเพอื นในการ สอนเขียนเรยี งความภาษาอังกฤษจะช่วยให้นกั เรยี นมธั ยมศึกษาปที 4 โรงเรยี นพจิ ติ รพทิ ยาคม ได้ ฝกฝนทักษะการเขยี นภาษาอังกฤษได้อยา่ งเพยี งพอ โดยมงุ่ เน้นทกี ารแสดงออกทางภาษาโดยการ เขียนเรยี งความในเรืองทใี กลต้ วั ผเู้ รยี น เพอื เพิมพนู ความสามารถในการใชภ้ าษาอังกฤษอย่างแท้จรงิ มปี ระสิทธภิ าพและกอ่ ใหเ้ กิดประโยชนใ์ นชีวติ ประจ าวัน รวมไปถงึ การใหข้ ้อมูลยอ้ นกลับ โดยเพือนร่วมชันเรียนดว้ ยกนั เองจะสามารถลดความวติ กกงั วลต่อการเรียนวชิ าภาษาองั กฤษ และเมือ ผู้เรยี นไม่มคี วามวิตกกังวลในการเรยี นแลว้ ผเู้ รียนก็จะให้ความรว่ มมือในการเรยี นการสอนเปนอย่าง ดี การเรยี นรู้ก็จะเปนไปอยา่ งราบรนื มีประสทิ ธภิ าพ ก่อใหเ้ กิดความเข้าใจในการเรยี น

1. ศึกษาความสามารถในการเขียนภาษาอังกฤษของนักเรียน หลังการใช้กิจกรรมการตอบสนอง ต่องานเพือน 2. เปรียบเทียบความวิตกกังวลในการเขียน ก่อนและหลังการใช้กิจกรรมการตอบสนองต่องาน เพือน 1. กาํ หนดกลุ่มเปาหมายทีใช้ในการวิจยั ซงึ กลมุ่ เปาหมายทีใชใ้ นการวจิ ัยครงั นีคือ นกั เรยี นชันมัธยมศกึ ษา ปที 4/9 ห้องเรียนพิเศษภาษาองั กฤษ โรงเรยี นพจิ ติ รพทิ ยาคม อ าเภอเมอื ง จงั หวดั พจิ ติ ร ทีเรยี นชุมนุม คลินกิ ภาษา ในปลายภาคภาค เรยี นที 1 ถึง ต้นภาคเรียนที 2 ปการศึกษา 2559 จํานวน 33 คน

2. รปู แบบการวจิ ยั ในครงั นีผวู้ จิ ยั ใช้เปนการวิจยั เชิงทดลอง ประเภทการวจิ ยั เชงิ ทดลองเบอื งตน้ (Pre- experimental design) แบบกลุ่มทดลองกลุ่มเดียว (The single group, pretest-posttest design) วดั ผลก่อนและหลังการทดลอง 3. กาํ หนดเครืองมอื ทใี ชใ้ นการทดลอง คอื แผนการสอนเขียนภาษาองั กฤษทีใช้กจิ กรรมการตอบสนองตอ่ งานเขียนของเพอื นทผี วู้ ิจยั ได้สร้างขนึ โดยด าเนินตามขนั ตอนการสอนการเขียนแบบเน้นกระบวนการ จ านวน 5 แผน แผนละ 4 คาบ คาบละ 50 นาที รวมทงั หมดเปน 20 คาบ แผนการสอนประกอบดว้ ยขันตอน การจดั กิจกรรมการตอบสนองต่องานเพอื น โดยมีขนั ตอนในการสร้างแผนการสอนดังนี

4. กาํ หนดเครอื งมอื ทีใช้ในการเก็บรวบรวมขอ้ มูล ได้แก่ 1) แบบประเมินความสามารถในการเขยี นภาษา องั กฤษเปนแบบประเมนิ ทใี ชป้ ระเมินการเขยี นเรียงความเกยี วกบั ตนเอง เชน่ การเขียนเรืองราวเกียวกับ ตนเอง 2) แบบวัดความวิตกกังวลในการเขยี นภาษาองั กฤษ เปนแบบสอบถามแบบมาตราสว่ นประมาณค่า 5 ระดับ 5. การดาํ เนินการทดลอง 5.1 วดั ความวติ กกงั วลในการเขียนภาษาองั กฤษกอ่ นการเรยี นการเขียน โดยใช้กิจกรรมการตอบ สนองตอ่ งานเพอื น 5.2 ปฐมนิเทศนักเรียนโดยใหว้ เิ คราะห์ตวั อย่างงานเขียนของครูผู้สอน และใช้แบบบนั ทึกการให้ขอ้ มลู ยอ้ นกลบั ของเพือนทงั ในดา้ นเนือหาและภาษาประกอบการวเิ คราะห์ 5.3 ดาํ เนินการทดลองตามแผนการสอน โดยใชแ้ ผนการ สอนทใี ชก้ จิ กรรมการตอบสนองต่องานเพือนทสี รา้ ง ขึนจํานวน 5 แผน รวมทังหมด 20 คาบ ซึงหลงั จากการเขยี นในแต่ละ แผนนกั เรยี น จะต้องท าการประเมินงานเขยี นของเพือน จากแบบประเมนิ ทีผู้สอนกําหนดให้ โดยเริมต้นตงั แต่เดือนสิงหาคม ถงึ เดอื นธันวาคม พ.ศ. 2559 5.4 ท าการประเมินความสามารถในการเขยี นโดยผูว้ ิจัย หลังการเรียนรใู้ นแต่ละแผนการสอน 5.5 วัดความวิตกกงั วลในการเขียนภาษาอังกฤษหลงั การเรยี นการเขียน โดยใชก้ ิจกรรมการตอบสนองต่องานเพือน 5.6 นาํ ขอ้ มูลทไี ด้มาวเิ คราะหเ์ พือแปลผลตอ่ ไป

จากการวิจัยเรืองการใช้กจิ กรรมการตอบสนองตอ่ งานเพือนเพือส่งเสรมิ ความสามารถในการเขยี นภาษา อังกฤษและลดความวติ กกงั วลในการเขียนของนักเรยี นชนั มธั ยมศึกษาปที 4 สามารถสรุปผลได้ดงั นี 1. คา่ เฉลียงานเขยี นทัง 5 ฉบบั ของนกั เรียนทีไดร้ บั การสอนเขยี นโดยใชก้ จิ กรรมการตอบสนองตอ่ งาน เพือนอยทู่ 1ี 4.03 มีส่วนเบียงเบนมาตรฐานเทา่ กบั 2.26 มคี า่ ร้อยละเท่ากบั 70.15 และมีคณุ ภาพระดบั ดี โดย ค่าเฉลยี ของความสามารถในการเขยี นในงานเขยี นฉบับสดุ ทา้ ยดขี นึ จากงานเขียนฉบับก่อนหนา้ ซึงมีค่า เฉลยี อยู่ที 15.90 มสี ่วนเบียงเบนมาตรฐานเทา่ กับ 3.03 มคี า่ รอ้ ยละเทา่ กับ 75.45 และมคี ณุ ภาพระดบั ดี จะ เห็นได้วา่ คะแนนของนักเรยี นตงั แตง่ านเขยี นฉบับที 1 จนถึงงานเขยี นฉบบั ที 5 มพี ัฒนาการทดี ีขนึ ตาม ลําดับซึงถอื ได้วา่ การทีนักเรยี นได้เรียนการเขยี นโดยใชก้ ิจกรรมการตอบสนองตอ่ งานเพอื น ทาํ ให้ความ สามารถในการเขียนภาษาองั กฤษของนกั เรยี นผ่านเกณฑ์ทีกําหนดไว้ และมพี ัฒนาการดขี ึนตามลําดบั

2. ค่าเฉลยี ของคะแนนความวติ กกังวลในการเขยี นภาษาอังกฤษของนักเรียน ก่อนการทดลองโดยใช้ กิจกรรมการตอบสนองตอ่ งานเพอื นเทา่ กบั 2.63 มคี วามวติ กกงั วลในการเขยี นอยู่ในระดบั ปานกลาง สว่ น ค่าเฉลียของคะแนนหลงั เรียนเทา่ กบั 2.35 ความวติ กกงั วลในการเขยี นอยใู่ นระดับต่ า จากการเปรียบ เทยี บพบวา่ ค่าเฉลยี ของคะแนนความวติ กกังวลในการเขยี นภาษาองั กฤษของนกั เรยี นลดลงเทา่ กบั 0.25 จงึ กล่าวไดว้ ่า หลังการทดลองโดยใชก้ ิจกรรมการตอบสนองตอ่ งานเพือนความวติ กกังวลในการเขยี น ภาษาองั กฤษของนักเรยี นลดลงจากก่อนการทดลอง ซึงสอดคลอ้ งกบั สมมติฐานทตี ังไว้

1. นกั เรียนทไี ดร้ บั การเรยี นการสอนโดยใช้กจิ กรรมการตอบสนองตอ่ งานเพอื นมคี วามสามารถในการเขยี น ภาษาองั กฤษดีขนึ จากการทีนักเรียนได้รบั การเรยี นการสอนโดยใช้กิจกรรมการตอบสนองตอ่ งานเพือน เห็นได้ ชัดว่านักเรียนส่วนใหญ่มคี วามสามารถในการเขียนภาษาอังกฤษเพมิ ขนึ อย่างเห็นได้ชัด ผลงานเขยี นภาษา องั กฤษของนกั เรยี นเองก็ออกมาในเกณฑ์ทีดี จึงเห็นได้ว่าความสามารถในการเขยี นของนกั เรยี นพัฒนาไปใน การทดี ีหลงั จากเรียนโดยใช้กจิ กรรมการตอบสนองต่องานเพอื น ซงึ ปจจัยทสี ่งผลให้เกิดการพัฒนาในการ เขยี นภาษาองั กฤษของนักเรยี นมหี ลายประการ ดงั นี 1.1 การใช้กจิ กรรมการตอบสนองตอ่ งานเพือน เปนการช่วยเหลอื และการท างานรว่ มกันระหว่างเพือนกบั เพอื น เพราะนักเรียนทีทาํ งานร่วมกบั เพอื นทมี ีความรูค้ วามสามารถมากกว่าสามารถพัฒนาตนเองให้มี ศกั ยภาพในการเรยี นดีมากกว่านกั เรยี นทีทํางานเพียงลาํ พงั นอกจากนีแนวคดิ ของ Piaget (1954) ยงั เห็นตรง กนั วา่ ผลจากการทีมปี ฏิสัมพันธ์ระหว่างกันนัน จะท าใหโ้ อกาสทีนกั เรียนไม่ยึดเอาความคดิ ของตวั เองเปน ศนู ย์กลางจะเกดิ ขนึ ง่ายขนึ และการใหข้ ้อมลู ยอ้ นกลับหรือการตอบสนองต่องานเพือนจะเออื ประโยชน์ต่อผู้ เขยี น

1.2 การทพี ฒั นาการทางการเขยี นภาษาองั กฤษของนักเรยี นดีขนึ นนั เหน็ ไดช้ ัดวา่ การใช้กจิ กรรมการ ตอบสนองต่องานเพอื นรว่ มกับการเขียนแบบเนน้ กระบวนการเปนปจจัยสาํ คัญในการเขียน ซึงตัวนกั เรยี นก็ ต้องทาํ ตามขนั ตอนการเขยี นทวี างเอาไว้ ซึงกอ่ นทนี ักเรยี นจะไดล้ งมือเขียนนัน นักเรยี นจะตอ้ งคน้ หาและ รวบรวมข้อมลู ทจี ะใช้ในการเขยี นนกั เรยี นจะตอ้ งมีข้อมูลทีเพยี งพอสาํ หรบั การเขียน 1.3 การใชก้ จิ กรรมการตอบสนองตอ่ งานเพือน สามารถสร้างแรงจูงใจใหก้ ับนกั เรยี นได้เพราะนักเรียน สามารถค้นคว้าหาข้อมลู ทีจะเขยี นด้วยตนเอง อกี ทังได้นาํ ข้อมลู เกยี วกบั ตนเองมาประกอบในงานเขียน จึงทําใหน้ กั เรยี นรสู้ ึกภูมใิ จกับผลงานเขียนมากขนึ ขณะทนี ักเรียนแลกเปลียนกันอ่าน เมือนกั เรียนเห็นขอ้ ดีใน งานเขียนเพือน นักเรยี นก็สามารถนาํ ขอ้ ดเี หล่านันมาใชใ้ นงานของตนเองได้

2. นกั เรียนทีไดร้ ับการเรยี นการสอนโดยใชก้ จิ กรรมการตอบสนองต่องานเพอื นมคี วามวติ กกังวลลดลงจาก ก่อนไดร้ ับการเรยี นการสอนโดยใชก้ จิ กรรมการตอบสนองต่องานเพอื นอยา่ งเหน็ ได้ชัด ซงึ ก่อนการทดลอง นกั เรียนมีความวติ กกังวลอยูใ่ นระดับปลานกลาง และหลงั จากได้รบั การเรยี นการสอนโดยใช้กิจกรรมการตอบ สนองต่องานเพือนความวิตกกังวลของนักเรียนลดลงมาอยูใ่ นระดับตาํ 2.1 การใช้กจิ กรรมการตอบสนองตอ่ งานเพือนทาํ ใหน้ ักเรยี นมคี วามวิตกกังวลนอ้ ยลงดงั นันนักเรียนจงึ มีความ มนั ใจในการเขยี นภาษาอังกฤษเพมิ มากขึน จากการทีนกั เรียนรวบรวมขอ้ มลู ไดอ้ ยา่ งครบถ้วนพอทีจะเขียน กอ่ นทีจะไดล้ งมอื เขยี น รวมไปถึงการมตี วั อย่างงานเขียนจากครผู สู้ อนเพอื นเปนแนวทางในการเขียนกเ็ ปนสว่ น ช่วยส าคญั ทีท าใหค้ วามวติ กกงั วลในการเขียนของนกั เรยี นลดลงดว้ ย

2.2 การใช้กจิ กรรมการตอบสนองต่องานเพอื นยงั ช่วยทําให้นักเรยี นร้สู กึ ผอ่ นคลายมากยิงขนึ หลังจากทรี วู้ า่ ผู้ ทอี ่านงานเขยี นของตนคอื เพือนรว่ มชันเรยี นดว้ ยกันเอง ไมใ่ ช่ครูผสู้ อน สอดคลอ้ งกบั ความคิดของ Muncie (2000) ทีได้แสดงความคดิ ไวว้ ่า ลกั ษณะของขอ้ มูลย้อนกลับหรือการตอบสนองต่องานเขียนของครูผสู้ อนม่งุ เนน้ ไปในเรืองของการแกไ้ ขดา้ นความถูกต้องทางไวยากรณ์เปนส่วนใหญ่ มากกว่าการตรวจสอบแก้ไขในดา้ น ของเนือหา และการเรียบเรียงความคิด รวมไปถงึ ไม่มกี ารแนะนาํ หรอื แสดงความคดิ เห็นต่องานเขียนนัน เพือ เปนแนวทางให้กบั ผู้เขียนในงานเขียนฉบบั ต่อไป ดงั นันจงึ สามารถสรุปไดว้ า่ การใชก้ จิ กรรมการตอบสนองต่องานเพือนสามารถลดความวติ กกังวลในการเขียน ภาษาอังกฤษของนกั เรียนได้ เมอื นกั เรยี นมีความมันใจทจี ะเขียน นกั เรยี นก็จะเขียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ หากนกั เรียนมคี วามมนั ใจในตวั ผใู้ หค้ าํ แนะนําในงานเขียนของตน ก็จะทําให้นกั เรยี นรสู้ ึกสบายใจและผอ่ นคลาย มากขึนทีจะถา่ ยทอดงานเขียนออกมาให้กบั ผู้อืนไดร้ ับรถู้ ึงเรอื งราวและความตังใจทตี นต้องการจะสือสารออก มา

การใช้กิจกรรมการตอบสนองต่องานเพือน ทาํ ให้ความสามารถในการเขยี นภาษาอังกฤษของนกั เรยี นชนั มัธยมศกึ ษาปท4ี ดีขนึ และยงั ทาํ ให้ความวติ กกงั วลในการเขยี นภาษาองั กฤษของนักเรยี นลดนอ้ ยลงอีก ดว้ ย ข้อเสนอแนะในการทําวิจัยครงั ตอ่ ไป 1. ควรทําการวจิ ยั โดยใช้กจิ กรรมการตอบสนองต่องานเพือนในกลมุ่ เปาหมายอนื เช่น ระดบั ชนั มัธยมตน้ หรือระดบั มหาวทิ ยาลยั 2. ควรมกี ารศึกษาตัวแปรอนื ๆเพิมเตมิ เชน่ แรงจงู ใจในการเรยี นภาษาองั กฤษ ความเชอื มันในการแลก เปลียนงานกบั เพือน ความภูมใิ จในงานเขียนของตน 3. ควรนาํ กจิ กรรมการตอบสนองตอ่ งานเพอื นไปใชก้ ับรายวชิ าอืน ๆ ทีมีสอนอยใู่ นโรงเรยี น เช่น ภาษา ฝรงั เศสภาษาจีน ภาษาญปี นุ ภาษาสเปน

Thank you for your attention


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook