Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เยาวชนไทย ห่างไกล… ยาเสพติด

เยาวชนไทย ห่างไกล… ยาเสพติด

Published by phkaratn phkaratnphuththsir, 2022-08-22 07:25:41

Description: เยาวชนไทย ห่างไกล… ยาเสพติด

Search

Read the Text Version

เยาวชนไทย…..ห่างไกล ยาเสพติด จัดทำโดย นางสาวนิชุตินันท์ เถียนนอก เลขที่18 ม.5/2

คำนำ วัตถุประสงค์ เพื่อการศึกษาเกี่ยวกับยาเสพ ติดที่เกิดขึ้นในสังคมไทย มีเนื้อหาเกี่ยวกับ ความหมายยาเสพติด สาเหตุการติดยาเสพ ติด ลักษณะของผู้ติดยาเสพติด การป้องกัน ยาเสพติด การบำบัด

ประวัติสารเสพติด กลางคริสต์ศตวรรษที่ 20 มีการนำเอาโบรไมด์ (Bromide) มาใช้เป็นยาระงับประสาท และรักษาโรคลมชัก ซึ่งได้รับความนิยมมากพอ ๆ กับยาวาเลียม (Valium) และยาริเบ รียม (Librium) ในปัจจุบัน แต่โบรไมด์สะสมในร่างกาย ทำให้เกิดอาการวิกลจริต และ ทำลายสมองอย่างถาวรด้วย ในระยะใกล้เคียงกันก็มีผู้ผลิตยาบาบิทเชอริท

ความหมายยาเสพติด ยาเสพติด หมายถึง สารใดก็ตามที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ หรือสารที่ สังเคราะห์ขึ้น เมี่อนำเข้าสู้ร่างกายไม่ว่าจะโดยวิธีรับประทาน ดม สูบ ฉีด หรือด้วยวิธีการใด ๆ แล้ว ทำให้เกิดผลต่อร่างกายและจิตใจ นอกจากนี้ยัง จะทำให้เกิดการเสพติดได้ หากใช้สารนั้นเป็นประจำทุกวัน หรือวันละหลาย ๆ ครั้ง

ประเภทของยาเสพติด ยาเสพติด แบ่งได้หลายรูปแบบ ฝิ่น กัญชา ยาเสพติดธรรมชาติ (Natural Drugs) คือยาเสพติดที่ ผลิตมาจากพืช เช่น ฝิ่ น กระท่อม กัญชา เป็นต้น

เฮโรอีน ยาบ้า ยาเสพติดสังเคราะห์ (Synthetic Drugs) คือยาเสพติดที่ ผลิตขึ้นด้วยกรรมวิธีทางเคมี เช่น เฮโรอีน แอมเฟตามีน เป็นต้น

การเสพยาเสพติด กระทำได้หลายวิธี ดังนี้คือ ๑.สอดใต้หนังตา ๒.สูบ ๓.ดม ๔.รับประทานเข้าไป ๕.อมไว้ใต้ลิ้น ๖.ฉีดเข้าเหงือก ๗.ฉีดเข้าเส้นเลือด ๘.ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ๙.เหน็บทางทวารหนัก

ยาเสพติดที่แพร่ระบาดในประเทศไทย 1.ยาบ้า 2.ยาอี ยาเลิฟ หรือ เอ็กซ์ตาซี 3.ยาเค 4.โคเคน 5.เฮโรอีน 6.กัญชา 7.สารระเหย 8.แอลเอสดี 9.ฝิ่ น 10.มอร์ฟีน 11.กระท่อม

ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.๒๕๒๒ ซึ่งจะแบ่งออกเป็น ๕ ประเภท คือ ๒.๑ ยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ ๑ ได้แก่ เฮโรอีน แอลเอสดี แอมเฟตามีน หรือยาบ้า ยาอีหรือยาเลิฟ ๒.๒ ยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ ๒ ยาเสพติดประเภทนี้สามารถนำมาใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ได้ แต่ต้องใช้ภายใต้การควบคุมของแพทย์ และใช้เฉพาะกรณีที่จำเป็น เท่านั้น ได้แก่ ฝิ่ น มอร์ฟีน โคเคน หรือโคคาอีน โคเคอีน และเมทาโดน ๒.๓ ยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ ๓ ยาเสพติดประเภทนี้เป็นยาเสพติดให้โทษที่มียาเสพติดประเภทที่ ๒ ผสมอยู่ด้วย มีประโยชน์ทางการแพทย์ การนำไปใช้เพื่อจุดประสงค์ อื่น หรือเพื่อเสพติด จะมีบทลงโทษกำกับไว้ ยาเสพติดประเภทนี้ ได้แก่ ยาแก้ไอ ที่มีตัวยาโคเคอีน ยาแก้ท้องเสีย ที่มีฝิ่ นผสมอยู่ด้วย ยาฉีดระงับปวดต่าง ๆ เช่น มอร์ฟีน เพทิดีน ซึ่งสกัดมาจากฝิ่ น ๒.๔ ยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ ๔ คือสารเคมีที่ใช้ในการผลิตยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ ๑ หรือประเภทที่ ๒ ยาเสพติดประเภทนี้ไม่มีการนำมาใช้ประโยชน์ในการบำบัดโรค แต่อย่างใด และมีบทลงโทษกำกับไว้ด้วย ได้แก่น้ำยาอะเซติคแอนไฮไดรย์ และ อะเซติลคลอไรด์ ซึ่งใช้ในการเปลี่ยนมอร์ฟีนเป็นเฮโรอีน สารคลอซูไดอีเฟครีน สามารถใช้ในการผลิตยาบ้าได้ และ วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทอีก ๑๒ ชนิด ที่สามารถนำมาผลิตยาอีและยาบ้าได้

๒.๕ ยาเสพติดให้โทษประเภทที่ ๕ เป็นยาเสพติดให้โทษที่มิได้เข้าข่ายอยู่ ในยาเสพติดประเภทที่ ๑ ถึง ๔ ได้แก่ ทุกส่วนของพืชกัญชา ทุกส่วนของ พืชกระท่อม เห็ดขี้ควาย เป็นต้น เห็ดขี้ควาย

สาเหตุการติดยาเสพติด������ เป็นสัญชาตญาณอย่างหนึ่งของมนุษย์ โดยคิดว่า \"ไม่ติด\" แต่เมื่อลองเสพเข้าไปแล้วมัก จะติด 1.ถูกเพื่อนชักชวน ส่วนใหญ่พบในกลุ่มเยาวชน ทำตามเพื่อน เพราะต้องการ การ ยอมรับจากเพื่อนฝูง หรือถูกชักจูงว่าใช้แล้วทำให้สมองปลอดโปร่ง หรือใช้แล้วทำให้ขยัน จึงเหมาะแก่การเรียน และการทำงาน 2.ถูกหลอกลวง โดยอาศัยรูปแบบสีสันสวยงาม ทำให้ผู้รับไม่อาจทราบได้ว่า สิ่งที่ ตนได้รับเป็นยาเสพติด 3.ใช้เพื่อลดความเจ็บปวดทางกาย อันเนื่องมาจากโรคภัยไข้เจ็บ จนเกิดการติดยา เพราะใช้เป็นประจำ

ความรู้เรื่องยาเสพติด ยาเสพติด หมายถึง สารใดก็ตามที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ หรือสารที่สังเคราะห์ขึ้น เมี่อนำ เข้าสู้ร่างกายไม่ว่าจะโดยวิธีรับประทาน ดม สูบ ฉีด หรือด้วยวิธีการใด ๆ แล้ว ทำให้เกิดผล ต่อร่างกายและจิตใจ นอกจากนี้ยังจะทำให้เกิดการเสพติดได้ หากใช้สารนั้นเป็นประจำทุกวัน หรือวันละหลาย ๆ ครั้ง ลักษณะสำคัญของสารเสพติด จะทำให้เกิดอาการ และอาการแสดงต่อผู้เสพดังนี้ ๑. เกิดอาการดื้อยา หรือต้านยา และเมื่อติดแล้ว ต้องการใช้สารนั้นในประมาณมาก ๒. เกิดอาการขาดยา ถอนยา หรืออยากยา เมื่อใช้สารนั้นเท่าเดิม ลดลง หรือหยุดใช้ ๓. มีความต้องการเสพทั้งทางร่างกายและจิตใจ อย่างรุนแรงตลอดเวลา

โทษ/พิษภัย ของยาเสพติด การใช้ยาเสพติด มีโทษและพิษภัยรอบตัว นอกจากจะส่งผลกระทบในทางไม่ ดีโดยตรงต่อตัวผู้เสพแล้ว ทั้งทางร่างกายและจิตใจ ยังส่งผลกระทบทาง อ้อมไปยังครอบครัวผู้เสพ ตลอดจนเศรษฐกิจ สังคม และประเทศชาติอีก ด้วย

วิธีสังเกตุอาการผู้ติดยาเสพติด 1.สุขภาพร่างกายทรุดโทรม ซูบผอม ไม่มีแรง อ่อนเพลีย 2.ร่างกายสกปรก เหงื่อออกมาก กลิ่นตัวแรงเพราะไม่ชอบอาบน้ำ 3.ผิวหนังหยาบกร้าน เป็นแผลพุพอง อาจมีหนองหรือน้ำเหลือง คล้ายโรค ผิวหนัง 4.มั่วสุมกับคนที่มีพฤติกรรมเกี่ยวกับยาเสพติด

การออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท 1.ยาเสพติดประเภทกดประสาท ได้แก่ ฝิ่ น มอร์ฟีน เฮโรอีน สารระเหย และยากล่อมประสาท 2.ยาเสพติดประเภทกระตุ้นประสาท ได้แก่ แอมเฟตามีน กระท่อม และ โคคาอีน 3.ยาเสพติดประเภทหลอนประสาท ได้แก่ แอลเอสดี ดีเอ็มพี และ เห็ดขี้ควาย 4.ยาเสพติดประเภทออกฤทธิ์ผสมผสาน กล่าวคือ อาจกด กระตุ้น หรือ หลอนประสาทได้พร้อม ๆ กัน ตัวอย่างเช่น กัญชา

การบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด การบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด หมายถึง การดำเนินงานเพื่อแก้ไข สภาพร่างกาย และจิตใจของผู้ติดยาเสพติดให้เลิกจากการเสพ และสามารถกลับไปดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างปกติ

การเสพติดเพื่อความสนุกสนาน เเบ่งได้2กลุ่มใหญ่ๆ อันตรายถึงชีวิต☠️

ยากลุ่มออกฤทธิ์กระตุ้น ทำให้เกิดอารมณ์สนุกนาน คึกคัก ฮักเหิม มีความกล้า และมีอารมณ์ทางงเพศ มากขึ้น สารเสพติดกลุ่มนี้ได้แก่ เคตามีน (ยาเค) แอมเฟตามีน (ยาบ้า/ยาม้า) ยาอี ยไอซ์ กัญชา และกัญชาสังคราะห์ เป็นต้น จะออกฤทธิ์ต่อมอง หลอดลือด และหัวใจ ส่งผลให้หลอดเลือดขยายตัว ชีพจรเต้นเร็ว รู้สึกเราร้อน เห็นภาพหลอน หาได้รับในปริมาณมากเกินอาจทำให้กล้ามเนื้อสลาย ไตวาย และเกิดภาวะหัวใจ ล้มเหลว

กลุ่มออกฤทธิง่วงขี่ม หรือ “ยามอม” อาจนำมาใช้เพื่อก่ออาชญากรรม เช่น ล่วงละเมิดทางเพศ การรูด ทรัพย์ เป็นต้น ตัวอย่างขอสารเสพติดได้แก่ ยานอนหลับ ยาเสีย สาว เป็นต้น กลุ่มนี้จะออกฤทธิ์กดระบบประสาททำให้เกิดอาการ มึนงง ไม่มีแรง ง่วงซึม กระทั่งหลับไม่รู้สติ ไม่สามารถควบคุมช่วย เหลือตัวเองได้ อีกทั้งยังออกฤทธิ์กดระบบการหายใจและหลอด เลือดจนกระทั่งเสียชีวิตได้ นอกจากนี้ยังอาจทำให้สูญสียความทรง จำในขณะเกิดเหตุ

ข้อควรระวัง������ ยาหรือสารเสพติดหลายประเภทอยู่ในรูปแบบของเหลวใส ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีรส ทำให้ผู้รับสารอาจไม่รู้ตัวและสารบางชนิดอาจสลายตัว หรือ เปลี่ยนแปลงในร่างกายได้เร็วมากภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงทำให้การตรวจ พิสูจน์สารทำได้ยากเมื่อเวลาเกิดหตุผ่านไป


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook