Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore งานis

งานis

Published by WipaweeNetthip, 2021-10-04 11:57:44

Description: งานis

Search

Read the Text Version

เร่อื งโครงงานการศกึ ษาเปรียบเทียบการปลกู ตน้ ขา้ วโพดใน เปลือกไข่และดินธรรมดา จดั ทาโดย 1.นางสาวจนั ทิมา แปงยะ เลขท่ี2 ม.5/4 2.นายนรภทั ร ทะภมู ินทร์ เลขท่ี19 ม.5/4 3.นายพลิส เพชรแกมแกว้ เลขท่ี20 ม.5/4 4.นางสาววิภาวี เนตรทิพย์ เลขท่ี25 ม.5/4 5.นางสาวสดุ ารตั น์ สลอี ่อน เลขท่ี35 ม.5/4 เสนอ คณุ ครูดารงค์ คนั ธะเรศย์ รายงานฉบบั นีเ้ ป็นสว่ นหน่งึ ของรายวิชา วชิ าIS(I30201) โรงเรยี นปัว สานกั งานเขตพืน้ ท่ีมธั ยมศกึ ษาน่าน

คานา รายงานเลม่ นีจ้ ดั ทาขนึ้ เพ่ือเป็นสว่ นหน่งึ ของวชิ าISชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี5 เพ่ือใหไ้ ดศ้ กึ ษาหาความรูใ้ นเร่อื งการศกึ ษาเปรียบเทียบการปลกู ขา้ วโพดในเปลือกไข่และดนิ ธรรมดาและได้ ศกึ ษาอยา่ งเขา้ ใจเพ่ือเป็นประโยชนก์ บั การเรียน ผจู้ ดั ทาหวงั วา่ รายงานเลม่ นีจ้ ะเป็นประโยชนก์ บั ผอู้ า่ นหรือนกั เรียนท่ีกาลงั หาขอ้ มลู เร่ืองนีอ้ ยู่ หากมีขอ้ แนะนา หรือผิดพลาดประการใด ผจู้ ดั ทาขอนอ้ มรบั ไวแ้ ละขออภยั มา ณ ท่ีนีด้ ว้ ย คณะผจู้ ดั ทา 1.นางสาวจนั ทิมา แปงยะ 2.นายนรภทั ร ทะภมู ินทร์ 3.นายพลิส เพชรแกมแกว้ 4.นางสาววิภาวี เนตรทพิ ย์ 5.นางสาวสดุ ารตั น์ สลีอ่อน

กิตติกรรมประกาศ โครงงานคอมพวิ เตอรเ์ ร่ือง การศกึ ษาการเปรียบเทียบการปลกู ตน้ ขา้ วโพดในเปลือกไขแ่ ละดนิ ธรรมดา เป็น โครงงานหนง่ึ ท่ีทาใหเ้ ราไดศ้ กึ ษาการปลกู ตน้ ขา้ วโพด และอีกอยา่ งการทางานหรือโครงงานผา่ นทางเทคโนโลยี ทาใหพ้ วกเราไดท้ าอะไรแปลกใหมเ่ รยี นรูก้ ารทางานผา่ นเทคโนโลยีสมยั นี้ ซง่ึ สามารถนาไปเรียนรูใ้ น ชีวิตประจาวนั การจดั ทาโครงงานนีส้ าเรจ็ ลลุ ว่ งไปดว้ ยดีดว้ ยความกรุณาจากคณุ ครูดารงค์ คนั ธะเรศย์ ครูท่ีปรกึ ษาโครงงาน ท่ีไดเ้ สนอแนะเสนอแนวคดิ ชว่ ยแกไ้ ขปัญหาตา่ งๆ จนกระท่งั โครงงานสาเรจ็ ลลุ ว่ งไปดว้ ยดี ผูจ้ ดั ทาหรือผศู้ กึ ษา จงึ ขอขอบคณุ เป็นอยา่ งย่งิ ขอขอบคณุ ผทู้ ่ีใหค้ าปรกึ ษาทกุ คนขอบคณุ สมาชิกภายในกลมุ่ ท่ีชว่ ยกนั ทางานจนสาเรจ็ ใหค้ วามรว่ มมือเป็น อยา่ งดีขอบคณุ เพ่ือนรว่ มชนั้ ท่ีรบั ฟังแนวคดิ ของกลมุ่ เรา

หวั ขอ้ โครงงาน:โครงงานการศกึ ษาเปรยี บเทียบการปลกู ตน้ ขา้ วโพดในเปลือกไข่และดนิ ธรรมดา ประเภทของโครงงาน:โครงงานเพ่อื ศกึ ษา ผเู้ สนอโครงงาน:นางสาวจนั ทมิ า แปงยะ เลขท่ี2 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี5/4 นายนรภทั ร ทะภมู ินทร์ เลขท่ี19ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี5/4 นายพลิส เพชรแกมแกว้ เลขท่ี20ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี5/4 นางสาววิภาวี เนตรทิพย์ เลขท่ี25ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี5/4 นางสาวสดุ ารตั น์ สลีออ่ น เลขท่ี35ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี5/4 ครูท่ีปรกึ ษาโครงงาน:คณุ ครูดารงค์ คนั ธะเรศย์ ปีการศกึ ษา:2564 บทคดั ย่อ ขา้ วโพดมีถ่ินกาเนดิ ในทวิปอเมรกิ า อาจจะเป็นอเมรกิ ากลางเช่นในประเทศเม็กซโิ ก หรอื อาจจะ เป็นอเมรกิ าใต้ ในปี พ.ศ.2035เม่ือครสิ โตเฟอร์ โคลมั บสั คน้ พบในทวีปอเมรกิ า ยงั ไมพ่ บการ ปลกู ขา้ วโพดในทวีปอ่ืนๆ ต่อมาปีพ.ศ.2036 โคลมั บสั จงึ นาขา้ วโพดกลบั ไปยงั ยโุ รปแลว้ ขา้ วโพด จงึ ไดเ้ กิดการขยายพนั ธุต์ อ่ ไป ปัจจบุ นั นิยมปลกู แพรห่ ลายในแถบอเมรกิ า แคนาดา สามารถปลกู ไดใ้ นสภาพท่ีภมู ิอากาศแตกต่างกนั มากๆเป็นแหล่งอาหารท่ีสาคญั ของสตั วเ์ พราะสามารถนามา เลีย้ งสตั วไ์ ดท้ งั้ ตน้ ใบ และเมล็ด

สารบญั หนา้ เรอ่ื ง คานา กิตตกิ รรมประกาศ บทคดั ยอ่ บทท่ี1บทนา -ท่ีมาและความสาคญั -วตั ถปุ ระสงค์ -ของเขตของการศกึ ษาคน้ ควา้ -ประโยชนท์ ่ีคาดวา่ จะไดร้ บั บทท่ี2 ทฤษฏีท่ีเก่ียวขอ้ งการจดั การโครงงาน -พนั ธุข์ องตน้ ขา้ วโพด -การปลกู ตน้ ขา้ วโพด -ประโยชนข์ องเปลือกไข่ -ชนิดของดนิ -ชนิดของเปลือกไข่ บทท่ี3วธิ ีการดาเนนิ งานโครงงาน -วิธีดาเนินงาน -ระยะเวลาการดาเนินงาน

บทท่ี4ผลการดาเนนิ งาน บทท่ี5สรุปผล บรรณานกุ รม ภาคผนวก

บทท่ี1บทนา ท่ีมาและความสาคญั ของโครงงาน -ขา้ วโพดถา้ ปลกู ในเปลือกไขส่ ามารถเจริญไดด้ ีกวา่ ในดินปกตทิ ่ีเพาะปลกู หรือไมด่ ว้ ยความท่ีอยากรูอ้ ยากเหน็ วา่ ตน้ ขา้ วโพดจะมีการเจรญิ เตบิ โตแคไ่ หนหรือดีอยา่ งไรประกอบกบั การทาการทดลองทาโครงงานนีข้ นึ้ ดงั นนั้ แลว้ เพ่ือพิสจู นว์ า่ การเพาะปลกู ขา้ วโพดในเปลือกไขส่ ามารถเจรญิ เติบโตไดด้ ีแคไ่ หนจึงทาใหม้ ีการทดลองไว้ และรอดผู ลการทดลองพ่ือไขขอ้ สงสยั วา่ ตน้ ขา้ วโพดเจริญเติบโตไดด้ หี รือไมใ่ นการทาโครงงานในการทดลองนี้ -เกษตรกรสามารถนาขอ้ มลู ขา้ งตน้ ไปตอ่ ยอดหรือไปใชเ้ พ่ิมประสิทธิภาพทางการเกษตรทาใหเ้ กษตรมีรายได้ มากขนึ้ วตั ถปุ ระสงคข์ องการทาโครงงาน -เพ่ือตอ้ งการศกึ ษาการเจริญเตบิ โตของตน้ ขา้ วโพดท่ีปลกู อยใู่ นเปลือกไข่ -เพ่ือศกึ ษาแสดงวธิ ีการทดลองนีว้ า่ มีความเป็นไปไดห้ รือไมท่ ่ีจะสามารถปลกู ตน้ ขา้ วโพดในไขไ่ ด้ -เพ่ือพสิ จู นผ์ ลการทดลองจากการทาโครงงาน -ชว่ ยเกษตรกรในการเพาะปลกู ขอบเขตของการศกึ ษาคน้ ควา้ -เตรียมแผนการทาโครงงานและกาหนดความตอ้ งการการทาโครงงานและเตรียมอปุ กรณก์ ารทา โครงงานเป็นระเบยี บเรียบรอ้ ย -ศกึ ษาการทาโครงงานท่ีจะตอ้ งทาวา่ ทาอยา่ งไรบา้ ง -รว่ มมือกนั ทาโครงงานท่ีตกลงกนั ไวใ้ หเ้ สรจ็ สมบรู ณ์ -เตรียมรอดผู ลของการทาโครงงานโดยการทาการทดลองในโครงงานท่ีทา

-เตรียมนาเสนอขอ้ มลู ในโครงงานท่ีทาการทดลองใหพ้ รอ้ ม ประโยชนท์ ่ีคาดว่าจะไดร้ บั สามารถนาไปใชก้ บั คนท่ีไมม่ ีเวลาและสามารถนาเปลือกไขท่ ่ีเราไมใ่ ชแ้ ลว้ นามาใชใ้ หเ้ กิดประโยชน์ สามารถนา เปลือกไขท่ ่ีเราใสต่ น้ ขา้ วโพดมาเป็นป๋ ยุ ไดอ้ ีกดว้ ย

บทท่ี2 ทฤษฏีท่ีเก่ียวกบั การจดั การโครงงาน พนั ธขุ์ องตน้ ขา้ วโพด 1.ขา้ วโพดไรช่ นิดหวั บบุ (dent corn) มีช่ือทางวิทยาศาสตรว์ า่ Zea mays indentata เป็นขา้ วโพดท่ีเมล็ดตอนบนมีรอยบบุ สีขาว เน่ืองจาก ตอนบนเป็นแปง้ ชนิดออ่ น(corneous starch)เม่ือตากใหแ้ หง้ สว่ นท่ีเป็นแปง้ ออ่ นจงึ หดยบุ ตวั และเกิด ลกั ษณะหวั บบุ ดงั กลา่ วมีลาตน้ ตงั้ แต2่ .5-4.5เมตร ฝักยาวตงั้ แต1่ 5-30เซนตเิ มตร และมีเมลด็ ระหวา่ ง8- 24แถว 2.ขา้ วโพดไรช้ นิดหวั แข็ง(flint corn) มีชื่อทางวทิ ยาศาสตร์วา่ Zea mays indurate เป็นขา้ วโพดท่ีมีลกั ษณะเมล็ดคอ่ นขา้ งแขง็ แรง กลม เรียบ หวั ไมบ่ ุบ เพราะมีแป้งชนิดอ่อนอยตู่ รงกลางแต่ดา้ นนอกถูกห่อหุม้ ดว้ ยแป้งชนิดแขง็ เม่ือตากใหแ้ หง้ จึง ไม่หดตวั มีขนาดฝักและจานวนแถวนอ้ ยกวา่ ชนิดหวั บุบ 3. ข้าวโพดหวาน (sweet corn) มีช่ือทางวทิ ยาศาสตร์วา่ Zea mays saccharata เป็นขา้ วโพดปลูกรับประทานฝักสดโดยเฉพาะ เมลด็ เม่ือออ่ นจะมีลกั ษณะใสโปร่งแสง และมีรสหวานเน่ืองจากมีน้าตาลมาก เม่ือเมล็ดแก่จะหดตวั และเหี่ยว ยน่ 4. ข้าวโพดค่วั (pop corn) มีช่ือทางวทิ ยาศาสตร์วา่ Zea mays everta เมล็ดมีขนาดค่อนขา้ งเลก็ มีแป้งประเภทแขง็ อยภู่ ายใน ภายนอกถูกห่อหุม้ ดว้ ยสารที่ค่อนขา้ งเหนียวและยดื ตวั ได้ ฉะน้นั เม่ือเมลด็ ที่มีความช้ืนอยภู่ ายในพอสมควร ถูก ความร้อน จะเกิดแรงดนั ภายในเมลด็ และเม่ือถึงขีดสุดก็จะระเบิดตวั ออกมา โดยทวั่ ๆ ไป อาจแบ่งไดต้ าม รูปร่างเมล็ดอีก 2 พวก คือ พวกหวั แหลม rice pop corn และพวกเมลด็ กลม pearl pop corn เมลด็ มีสีต่าง ๆ กนั เช่น เหลือง ขาว ส้ม มว่ ง ฝักก็มีขนาดตา่ ง ๆ กนั ต้งั แต่ 5 – 10 เซนติเมตร

5. ข้าวโพดข้าวเหนียว (waxy corn) มีช่ือทางวทิ ยาศาสตร์วา่ Zea mays ceratina มีลกั ษณะเมล็ดเหนียวคลา้ ยข้ีผ้งึ ซ่ึงเป็นแป้งท่ีมี ลกั ษณะคลา้ ยแป้งมนั สาปะหลงั ปลูกกนั เล็กนอ้ ยในสหรัฐอเมริกา เพื่อใชท้ าแป้งที่มีคุณภาพคลา้ ยแป้งมนั ดงั กล่าว กล่าวกนั วา่ ขา้ วโพดพนั ธุ์น้ีมีพบคร้ังแรกในประเทศจีน 6. ข้าวโพดแป้ง (flour corn) มีชื่อทางวทิ ยาศาสตร์วา่ Zea mays amylacea เมล็ดประกอบดว้ ยแป้งชนิดอ่อนมาก มีรูปร่าง และลกั ษณะเมลด็ คลา้ ยขา้ วโพดไร่ชนิดหวั แขง็ มากแต่หวั ไมบ่ ุบ หรือบุบเลก็ นอ้ ย โดยสม่าเสมอทวั่ เมล็ด มี เมล็ดประมาณ 8-12 แถว ปลูกมากในบางทอ้ งที่ของอเมริกาใต้ อเมริกากลาง และสหรัฐฯ ทางภาคตะวนั ตก เฉียงใต้ ซ่ึงคอ่ นขา้ งแหง้ แลง้ ชาวอินเดียแดงใชเ้ ป็ นอาหาร ท้งั ฝักสดและฝักแก่ 7. ข้าวโพดป่ า (pod corn) มีช่ือทางวทิ ยาศาสตร์วา่ Zea mays tunicate เป็นขา้ วโพดที่มีลกั ษณะแปลก ใกลเ้ คียงกบั พืชป่ า เมลด็ มีเปลือกหุม้ ทุกเมลด็ และยงั มีเปลือกฝักอีกช้นั หน่ึง ส่วนเมล็ดมีลกั ษณะต่าง ๆ กนั คือ มีท้งั พวกหวั บุบ หวั แขง็ ขา้ วโพดแป้ง ขา้ วโพดหวาน ขา้ วโพดคว่ั การปลูกตน้ ขา้ วโพด เมล็ดพนั ธุ์ที่นามาปลูกควรมีความงอกสูงกวา่ 85 เปอร์เซ็นต์ หยอด 1 เมล็ดต่อหลุม โดยใชเ้ มลด็ พนั ธุ์ ประมาณ 1.0-1.2 กิโลกรัมต่อไร่ แต่ถา้ เมลด็ พนั ธุ์มีความงอกต่ากวา่ 85 เปอร์เซ็นต์ ควรหยอดเมล็ด 1-2 เมลด็ ตอ่ หลุม และหยอดลึกประมาณ 3-5 เซนติเมตร ซ่ึงใชเ้ มลด็ พนั ธุ์ประมาณ 1.5-2.0 กิโลกรัมต่อไร่ เนื่องจากพนั ธุ์ขา้ วโพดหวานที่มีอยใู่ นปัจจุบนั ยงั ไม่ตา้ นทานต่อโรคราน้าคา้ ง ดงั น้นั ก่อนปลูกทุกคร้ังตอ้ งคลุก เมล็ดพนั ธุ์ดว้ ยสารเมตาแลกซิล อตั รา 7 กรัมต่อเมล็ด 1 กิโลกรัม เพอื่ ป้องกนั โรคราน้าคา้ ง สาหรับอตั ราปลูก ที่เหมาะสมของขา้ วโพดหวานเพื่ออุตสาหกรรมการแปรรูปควรอยใู่ นช่วง 8,500-11,00 ตน้ ต่อไร่ ซ่ึงการ จดั ระยะปลูกสามารถทาไดโ้ ดย 1. ใชร้ ะยะระหวา่ งแถว 75 เซนติเมตร และระยะระหวา่ งตน้ 20-25 เซนติเมตร เม่ือขา้ วโพดมีอายุ ประมาณ 10-14 วนั ถอนแยกใหเ้ หลือ 1 ตน้ ต่อหลุม จะไดจ้ านวนตน้ ประมาณ 8,533-10,667 ตน้ ต่อไร่ 2. ใชร้ ะยะระหวา่ งแถวและระยะระหวา่ งตน้ เทา่ กนั คือ ประมาณ 40 เซนติเมตร เม่ือขา้ วโพดมีอายปุ ระมาณ 10-14 วนั ถอนแยกใหเ้ หลือ 1 ตน้ ตอ่ หลุม จะไดจ้ านวนตน้ ประมาณ 10,000 ตน้ ต่อไร่

ประโยชน์ของเปลือกไข่ 1.เปลือกไข่ไล่ศัตรูพืช เช่น หอยทาก หนอน บุง้ ไมใ่ หม้ ากดั กินใบของตน้ ไมเ้ ราได้ แค่เราโรยเปลือกไขต่ าพอ หยาบลงไปรอบๆ โคนตน้ 2. เปลือกไข่เป็ นป๋ ุยให้ต้นไม้ ใหธ้ าตุแคลเซียมในการเจริญเติบโตของตน้ ไม้ แต่โรยเปลือกไขต่ าพอละเอียดบน ดินรอบๆ ตน้ ไม้ 3. เปลือกไข่ทาความสะอาดภาชนะปากแคบ เช่น ขวดน้า หรือแจกนั แคน่ าเปลือกไข่ตาพอหยาบใส่ลงไปใน ขวดผสมน้าเลก็ นอ้ ยและเขยา่ ขวด จากน้นั นามาลา้ งดว้ ยน้าสะอาดอีกคร้ัง แคน่ ้ีกไ็ ดข้ วดท่ีสะอาดแลว้ ค่ะ 4. เปลือกไข่เป็ นผงขัดทาความสะอาดสุขภณั ฑ์ แคเ่ รานาเปลือกไขม่ าใส่บนฟองน้าที่ชุบน้ายาลา้ งทาความ สะอาดไวแ้ ลว้ และนาไปขดั สุขภณั ฑต์ ่างๆ แค่น้ีกท็ าใหส้ ุขภณั ฑข์ องเราเงางามเหมือนใหมเ่ ลยค่ะ 5. เปลือกไข่เป็ นกระถางเพาะต้นกล้า เราใชเ้ ปลือกไขม่ าเพาะเมลด็ ตน้ ไมท้ ่ีเราตอ้ งการปลูกไดเ้ ลยค่ะ แถม สารอาหารจากเปลือกไขย่ งั ช่วยใหต้ น้ ไมเ้ ติบโตไดด้ ีดว้ ยนะคะ ชนิดของดิน อนุภาคของดินจะรวมตวั กนั เขา้ เกิดเป็นเมด็ ดิน อนุภาคเหล่าน้ีจะมีขนาดไม่เทา่ กนั ขนาดเล็กท่ีสุดคืออนุภาคดิน เหนียว อนุภาคขนาดกลางเรียกอนุภาคทรายแป้ง อนุภาคขนาดใหญ่เรียกวา่ อนุภาคทรายเน้ือดิน จะมีอนุภาคท้งั 3 กลุ่มน้ีผสมกนั อยใู่ นสัดส่วนที่ไมเ่ ท่ากนั ทาใหเ้ กิดลกั ษณะของดิน 3 ชนิดใหญ่ ๆ คือ ดินเหนียว ดินทราย และดินร่วน 1. ดินเหนียว เป็ นดินท่ีเม่ือเปี ยกแลว้ มีความยดื หยนุ่ อาจป้ันเป็นกอ้ นหรือคลึงเป็ นเส้นยาวไดเ้ หนียวเหนอะหนะ ติดมือ เป็นดินที่มีการระบายน้าและอากาศไม่ดี มีความสามารถในการอุม้ น้าไดด้ ี มีความสามารถในการจบั ยดึ และแลกเปล่ียนธาตุอาหารพืชไดส้ ูง หรือค่อนขา้ งสูง เป็ นดินที่มีกอ้ นเน้ือละเอียด เพราะมีปริมาณอนุภาคดิน เหนียวอยมู่ าก เหมาะท่ีจะใชท้ านาปลูกขา้ วเพราะเกบ็ น้าไดน้ าน 2. ดินทราย เป็นดินท่ีมีการระบายน้าและอากาศดีมาก มีความสามารถในการอุม้ น้าต่า มีความอุดมสมบูรณ์ต่า เพราะความสามารถในการจบั ยดึ ธาตุอาหารพืชมีนอ้ ย พชื ที่ช้นั บนดินทรายจึงมกั ขาดท้งั อาหารและน้าเป็นดินท่ีมี เน้ือดินทรายเพราะมีปริมาณอนุภาคทรายมาก 3. ดินร่วน เป็ นดินที่มีเน้ือดินคอ่ นขา้ งละเอียดนุ่มมือ ยดื หยนุ่ ไดบ้ า้ ง มีการระบายน้าไดด้ ีปานกลาง จดั เป็ นเน้ือ ดินท่ีเหมาะสมสาหรับการเพาะปลูกในธรรมชาติมกั ไมค่ อ่ ยพบ แตจ่ ะพบดินที่มีเน้ือดินใกลเ้ คียงกนั มากกวา่ สีของดิน สีของดินจะทาใหเ้ ราทราบถึงความอุดมสมบูรณ์ปริมาณอินทรียวตั ถุที่ปะปนอยแู่ ละแปรสภาพเป็ น ฮิวมสั ในดิน ทาใหส้ ีของดินต่างกนั ถา้ มีฮิวมสั นอ้ ยสีจะจางลงมีความอุดมสมบูรณ์นอ้ ย

ชนิดของเปลือกไข่ ไข่ของหนอน ไส้เดือนฝอย ไขม่ ีโครงสร้างสามช้นั : ช้นั Vitellin ภายนอกช้นั ไคตินท่ีใหค้ วามตา้ นทานเชิงกลและช้นั ที่ อุดมดว้ ยไขมนั ภายในท่ีทาใหห้ อ้ งไขไ่ ม่สามารถซึมผา่ นได้ [1] ไข่แมลง ตวั อ่อนผีเส้ือ / หนอนผเี ส้ือมองเห็นไดจ้ ากเปลือกไขใ่ ส แมลง และอื่น ๆ สตั วข์ าปลอ้ ง วางไขห่ ลากหลายสไตลแ์ ละรูปร่าง บางชนิดมีลกั ษณะคลา้ ยวนุ้ หรือผวิ หนงั บาง ชนิดมีเปลือกไข่แขง็ เปลือกน่ิมส่วนใหญ่เป็นโปรตีน อาจเป็นเส้น ๆ หรือค่อนขา้ งเหลว ไขข่ องสัตวข์ าปลอ้ งบาง ชนิดไมม่ ีเปลือก แตจ่ ริงๆแลว้ เปลือกนอกของมนั คือเยือ่ หุ้มตวั อ่อนช้นั นอกสุด คอรอยด์ซ่ึงทาหนา้ ที่ปกป้อง ช้นั ใน คอรอยด์เองอาจเป็ นโครงสร้างที่ซบั ซอ้ นและอาจมีช้นั ต่างๆอยภู่ ายใน มนั อาจมีช้นั นอกสุดที่เรียกวา่ exochorion. ไขท่ ี่ตอ้ งอยรู่ อดในสภาพแหง้ มกั จะมีเปลือกไขแ่ ขง็ ส่วนใหญ่ทาจากโปรตีนที่ขาดน้าหรือมี แร่ธาตุที่มีระบบรูขมุ ขนเพอ่ื ให้ การหายใจ. ไข่อาร์โทรพอดสามารถตกแตง่ ไดอ้ ยา่ งกวา้ งขวางบนพ้นื ผวิ ดา้ น นอก ไข่ปลาสัตว์คร่ึงบกคร่ึงนา้ และสัตว์เลือ้ ยคลาน ปลา และ สตั วค์ ร่ึงบกคร่ึงน้า โดยทวั่ ไปจะวางไขซ่ ่ึงลอ้ มรอบดว้ ยเยอื่ หุม้ เซลลภ์ ายนอก แตไ่ ม่พฒั นาเปลือกแขง็ หรืออ่อนรอบ ๆ เยอ่ื เหล่าน้ี ปลาและไข่สตั วค์ ร่ึงบกคร่ึงน้าบางชนิดมีหนงั หุม้ หนาโดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ หากตอ้ งทน ต่อแรงทางกายภาพหรือการผ่งึ ใหแ้ หง้ ไขป่ ระเภทน้ีอาจมีขนาดเลก็ และเปราะบางมาก ในขณะท่ีหลาย ๆ สตั วเ์ ล้ือยคลาน วางไขด่ ว้ ยเปลือกไข่ที่ยดื หยนุ่ และมีแคลเซียมมีบางชนิดท่ีวางไข่แขง็ ไขท่ ี่ วางโดยงูโดยทว่ั ไปจะมีเปลือกหนงั ซ่ึงมกั จะเกาะติดกนั เต่าและเต่าวางไข่แขง็ หรืออ่อนข้ึนอยกู่ บั สายพนั ธุ์ หลาย ชนิดวางไขซ่ ่ึงแทบจะแยกไม่ออกจากไข่นก ไข่นก นก ไข่เป็นป๋ ุย เกมเมเต (หรือในกรณีของนกบางชนิดเช่นไก่อาจไม่ไดร้ ับการปฏิสนธิ) ซ่ึงอยบู่ นพ้ืนผวิ ไขแ่ ดง และลอ้ มรอบดว้ ย ไขข่ าวหรือไข่ขาว ในทางกลบั กนั อลั มอนจะถูกลอ้ มรอบดว้ ยเยอ่ื เปลือกสองช้นั (เยื่อช้นั ใน และช้นั นอก) และจากน้นั เปลือกไข่ เปลือกไขไ่ ก่คือ 95[จำเป็นต้องมกี ำรอ้ำงอิง]-97%[2] แคลเซียมคาร์บอเนต ผลึก ซ่ึงเสถียรโดยเมทริกซ์โปรตีน[3][4][2] หากไมม่ ีโปรตีนโครงสร้างผลึกจะเปราะเกินไปท่ีจะรักษารูปแบบไวไ้ ด้

และเมทริกซ์อินทรียถ์ ูกคิดวา่ มีบทบาทในการสะสมแคลเซียมในระหวา่ งกระบวนการสร้างแร่[5][6][7] โครงสร้างและองคป์ ระกอบของเปลือกไข่นกทาหนา้ ท่ีปกป้องไขจ่ ากความเสียหายและการปนเป้ื อนของ จุลินทรียก์ ารป้องกนั การผ่งึ ใหแ้ หง้ การควบคุมการแลกเปลี่ยนก๊าซและน้าสาหรับตวั อ่อนท่ีกาลงั เติบโตและให้ แคลเซียมสาหรับ การกาเนิดตวั อ่อน. การสร้างเปลือกไข่ตอ้ งใชแ้ คลเซียมในปริมาณกรัมท่ีสะสมภายในไม่กี่ ชว่ั โมงซ่ึงตอ้ งไดร้ ับจากอาหารของแม่ไก่[2] ไขไ่ ก่ไม่สม่าเสมอ การกลายเป็นปูน โครงสร้างเผยใหเ้ ห็นดว้ ยแสง เยอ่ื หุม้ เปลือกไก่ท่ีเป็นเส้น ๆ จะถูกเพ่มิ เขา้ ไปในคอคอดใกลเ้ คียง (สีขาว) ของ ท่อนาไข.่ [2] ในคอคอดแมมมิล เลอ (สีแดง) ส่วนปลายหรือลูกบิดของเตา้ นมจะสะสมอยบู่ นพ้ืนผวิ ของเมมเบรนภายนอกในรูปแบบอาร์เรย์ ปกติ[8][9] แมมมิลแลอุดมดว้ ยโปรตีโอไกลแคนและคิดวา่ จะควบคุมการกลายเป็นปูน ในตอ่ มเปลือก (คลา้ ยกบั มดลูกของสัตวเ์ ล้ียงลูกดว้ ยนม) การใส่แร่เร่ิมตน้ ที่แมมมิลล่า ของเหลวในต่อมเปลือกมีแคลเซียมและไฮโดรเจน คาร์บอเนตสูงมาก ช้นั เปลือกไขท่ ี่ผา่ นการเผาแลว้ หนาจะก่อตวั เป็นคอลมั นจ์ ากโครงสร้างของสัตวเ์ ล้ียงลูกดว้ ย นมและเรียกวา่ ช้นั ร้ัวเหล็ก ระหวา่ งเสาร้ัวไมเ้ หล่าน้ีจะมีรูพรุนแคบ ๆ ที่ขวางเปลือกไขแ่ ละสามารถแลกเปล่ียน กา๊ ซได้ หนงั กาพร้า สร้างช้นั สุดทา้ ยช้นั นอกของเปลือกไข่[10] ในขณะที่เปลือกไขส่ ่วนใหญ่ทาจากแคลเซียมคาร์บอเนต แต่ตอนน้ีคิดวา่ เมทริกซ์โปรตีนมีบทบาทสาคญั ในการ เพ่มิ ความแขง็ แรงของเปลือกไข่[11] โปรตีนเหล่าน้ีมีผลต่อการตกผลึกซ่ึงจะส่งผลต่อโครงสร้างของเปลือกไข่ ยงิ่ ไปกวา่ น้นั ความเขม้ ขน้ ของโปรตีนจากเปลือกไข่จะลดลงตลอดชีวติ ของไก่ไข่เช่นเดียวกบั ความแขง็ แรงของ เปลือกไข่ โดยเฉล่ีย ไก่ไข่กระบวนการสร้างเปลือกใชเ้ วลาประมาณ 20 ชว่ั โมง ผวิ คล้า ถูกเพม่ิ ลงในเชลลโ์ ดย papillae บุทอ่ นาไขร่ ะบายสีดว้ ยสีและลวดลายที่หลากหลายข้ึนอยกู่ บั ชนิด เนื่องจากไขม่ กั จะวางปลายทู่ ก่อนปลายน้นั จะตอ้ งไดร้ ับแรงกดดนั มากท่ีสุดในระหวา่ งทางและส่งผลใหม้ ีสีมากทีส่ ุด เนื่องจากมีส่วนประกอบหลกั แคลเซียมคาร์บอเนตเปลือกไข่นกละลายในกรดต่าง ๆ รวมท้งั น้าส้มสายชูที่ใชใ้ น การปรุงอาหาร ในขณะท่ีละลายแคลเซียมคาร์บอเนตในเปลือกไข่จะทาปฏิกิริยากบั กรดเพอื่ สร้าง คาร์บอนไดออกไซด.์ [12] ปัญหาสิ่งแวดล้อม อุตสาหกรรมอาหารของสหรัฐฯสร้างขยะจากเปลือกหอย 150,000 ตนั ต่อปี [13] วธิ ีการกาจดั เปลือกไข่ เหลือทิง้ 26.6% เป็ นป๋ ุย 21.1% เป็นวตั ถุดิบอาหารสตั ว์ 26.3% ทิ้งในขยะเทศบาลและ 15.8%

ใชใ้ นรูปแบบอ่ืน ๆ[14] หลุมฝังกลบจานวนมากไม่เตม็ ใจที่จะนาของเสียออกไปเน่ืองจากเปลือกหอยและเยอ่ื หุม้ ที่ติดอยดู่ ึงดูดสตั วร์ ้าย[จำเป็นต้องมีกำรอ้ำงอิง] ร่วมกบั เปลือกไขแ่ คลเซียมคาร์บอเนตและเยอื่ หุม้ โปรตีนท่ีอุดมดว้ ย โปรตีนจะไมม่ ีประโยชน[์ 15] ส่ิงประดิษฐล์ ่าสุดไดร้ ับอนุญาตสาหรับอุตสาหกรรมการกะเทาะไข่ แยกเปลือก ไขอ่ อกจากเยอ่ื หุม้ เปลือกไข.่ เปลือกไข่ส่วนใหญป่ ระกอบดว้ ยแคลเซียมคาร์บอเนตและเมมเบรนเป็นโปรตีนท่ี มีคุณคา่ เม่ือแยกผลิตภณั ฑท์ ้งั สองมีการใชง้ านที่หลากหลาย ไข่สัตว์เลยี้ งลูกด้วยนม Monotremes, สัตวเ์ ล้ียงลูกดว้ ยนมท่ีวางไข่, วางไข่ที่มีเปลือกนิ่มคลา้ ยกบั สัตวเ์ ล้ือยคลาน เปลือกจะทบั ถมบนไข่เป็นช้นั ๆ ภายในมดลูก ไขส่ ามารถรับของเหลวและขยายขนาดไดใ้ นระหวา่ งกระบวนการน้ีและช้นั สุดทา้ ยที่แขง็ ท่ีสุดจะไม่ถูกเพิม่ จนกวา่ ไขจ่ ะมีขนาดเตม็ ฟันไข่ นกฟักไขส่ ัตวเ์ ล้ือยคลานคร่ึงบกคร่ึงน้าและไข่มี ไข่ฟัน ใชใ้ นการเร่ิมรูทางออกในเปลือกไขแ่ ขง็

บทท3่ี วธิ ีการดาเนินงานโครงงาน วธิ ีการดาเนินงาน วสั ดุอุปกรณ์ 1.เปลือกไข่ 2.ถาดไข่ 3.ดิน 4.เมลด็ ขา้ วโพด 5.ท่ีเจาะรู วธิ ีทา 1.แกะไข่ แกะเปลือกดา้ นบนออก เทไขอ่ อกจากเปลือก 2.จากน้นั นาเปลือกไข่ ลา้ งทาความสะอาด เช็ดใหแ้ หง้ 3.เจาะรูกน้ ไข่ 4.ใส่ดินเพาะชา 5.นาเมล็ดขา้ วโพดไปปลูกในเปลือกไข่ 6.รดน้าดว้ ยกระบอกฉีดน้า จากน้นั นาไปวางท่ีท่ีมีแสงแดดส่องถึง เมื่อตน้ กลา้ เร่ิมโต ยา้ ยลงไปปลุกใน แปลงเพาะชาท่ีใหญข่ ้ึน -หลงั จากเพาะเมล็ดขา้ วโพดเสร็จสงั เกตการณ์ สปั ดาห์แรกไดม้ ีการรดน้าทุกวนั เชา้ -เยน็ ไมม่ ีการงอกของ ตน้ ออ่นขา้ วโพด -สัปดาห์ท่ีสองเริ่มมีตน้ อ่อนงอกออกมาจากดินที่เพาะในเปลือกไข่

-หลงั จากตน้ ออ่ นของขา้ วโพดงอกออกมาและมีการเจริญเติบโตหรือมีลาตน้ ที่แขง็ แรงสามารถยา้ ยไปปลูกใน ดินไดน้ ้นั ใชเ้ วลาปกระมาณ2-3วนั ถึงจะยา้ ยไปปลูกในดิน -นาตน้ กลา้ ขา้ วโพดท่ีไดจ้ ากการเพาะในเปลือกไข่ไปปลูกลงดิน วเิ คราะห์ขอ้ มูล การเพาะปลูกเมลด็ ขา้ วโพดในเปลือกไข่น้นั ตน้ อ่อนของเมลด็ ขา้ วโพดจะงอกหรือมีการเจริญเติบโตเร็วกวา่ การท่ี เราไปเพาะในถุงพลาสติก เนื่องจากเมลด็ พนั ธุ์ตน้ ไมจ้ ะไดแ้ ร่ธาตุจากเปลือกไข่ และทาใหจ้ ากเมล็ดพืชกลายเป็น กลา้ ที่แขง็ แรง เติบโตเร็ว ระยะเวลาในการดาเนินงาน สัปดาห์ที่1 เตรียมอุปกรณ์ สปั ดาห์ที่2วางเเผน สปั ดาหท์ ่ี3 ลงมือทา สัปดาหท์ ่ี4ผลการทา สปั ดาหท์ ี่5นาผลท่ีผดิ พลาดมาเเกไ้ ข สัปดาห์ที่6นาการทดลองไปใหบ้ ุคคลทดลองนาไปทดลอง

บทท4ี่ ผลการดาเนินงาน

บทท5ี่ สรุปผล ตน้ ข้าวโพดทป่ี ลูกด้วยเปลือกไข่เจริญไดด้ กี ว่าปลูกในดนิ ธรรมดาแต่เจริญต่างกันไม่มากนัก บรรณานุกรม http://www.thaicityfarm.com/2019/05/29/%E0%B9%81%E0 %B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B9% 88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0 %B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9% 84%E0%B8%82%E0%B9%88- %E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%82-2/ ภาคผนวก การปลกู ในเปลือกไข่และดนิ มีผลการเจรญิ เติบโตของตน้ ขา้ วโพดไดไ้ ม่ มากนกั แตก่ ็เจรญิ เติบโตไดด้ กี วา่


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook