Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สวนพฤกษศาสตร์ในโรงเรียน

สวนพฤกษศาสตร์ในโรงเรียน

Published by Phisit Tonrup, 2020-11-04 03:28:26

Description: นายพิสิษฐ์ ต้อนรับ ม.5/1

Search

Read the Text Version

สวนพฤกษศาสตร์ในโรงเรียน สวนพฤกษศาสตร์ในโรงเรียน คคปปรรรููรปปะะรรกกะะออจจบบาาววววชิชิชิชิ าาาาคคววรร33ููรร22ัชัช110ชช011นนเกกเททคววคงงโโนศศน์์เโเโขขลลยียียยววี ี

คำนำ หนงั สืออิเลก็ ทรอนิกส์ สวนพฤกษศาสตร์ในโรงเรียนเล่ม น้ีประกอบดว้ นเน้ือหาเก่ียวกบั ตน้ ไมแ้ ละดอกไมใ้ น โรงเรียนเป็นส่วนหน่ึงของวชิ า ว32101 เทคโนโลยี 2 ผจู้ ดั ทาหวงั เป็นอยา่ งยง่ิ วา่ เน้ือหาในหนงั สืออิเลก็ ทรอนิกส์ จะเป็นประโยชน์สาหรับผทู้ ่ีศึกษาไดเ้ ป็นอยา่ งดี นาย พิสิษฐ์ ตอ้ นรับ นาย ธีระพงษ์ อวดคม นาย กิจนาพฒั น์ พลบั อิน ผจู้ ดั ทา

พญาสัตบรรณ พญำสตั บรรณ 1. ความสาคญั ตน้ ตีนเป็ด หรือพญาสตั บรรณ หรือสตั บรรณ เป็นหน่ึงในตน้ ไม้ ท่ีมีประวตั ิควรค่าแก่การจารึกไว้ เพราะเม่ือคร้ังที่ สมเดจ็ พระบรมราช ชนนีพนั ปี หลวงในพระบาทสมเดจ็ พระวชิรเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ไดท้ รงโปรด พระราชทานกลา้ ไมม้ งคลใหผ้ วู้ า่ ราชการจงั หวดั ทุกจงั หวดั ในงาน รณรงคโ์ ครงการปลกู ป่ าถาวรเฉลิมพระเกียรติฯ เมื่อวนั ท่ี 9 พฤษภาคม 2537 อีกท้งั ยงั เป็นตน้ ไมป้ ระจาจงั หวดั สมุทรสาครอีกดว้ ย

2. ลกั ษณะ ตน้ ตีนเป็ดจดั อยใู่ นวงศโ์ มก เป็นไม้ ยนื ตน้ รูปทรงสูงใหญ่ ลาตน้ สามารถ เจริญเติบโตสูงไดถ้ ึง 15-35 เมตร เป็นไม้ เน้ืออ่อนแต่เหนียวสีขาวอมเหลืองอ่อน มี เปลือกค่อนขา้ งหนาสีเทาหรือเทาอมเหลือง ลกั ษณะตน้ มีรูปทรงพมุ่ สูงคลา้ ยฉตั ร ใบเป็น แบบเล้ียงเดี่ยว ทรงรูปไข่ โคนใบสอบ มีติ่งที่ ปลายใบ ผลเป็นฝักคู่ยาวเรียว 10-20 เซนติ เตร ออกดอกเป็นช่อปลายก่ิง มีสีขาวอม เหลืองและเขียวนิด ๆ กลีบดอกเป็นรูปวงรี

3. วธิ ีปลูก เนื่องจากเป็ นไม้ยนื ต้นทนี่ ิยมปลูกในบ้านเพอื่ ให้ร่มเงา และให้ความสวยงาม ดงั น้ันการปลูกด้วยวธิ ีการเพาะเมลด็ จึง เหมาะสมทสี่ ุด จะทาให้ต้นมคี วามแขง็ แรงและยดึ เกาะได้ดี ด้วยการนาเมลด็ พนั ธ์ุทส่ี มบูรณ์ มาปลูกลงในกระถางเพาะกล้า ท่ีมดี นิ ร่วนปนทรายผสมขุยมะพร้าว

4. วธิ ีการดูแล วธิ ีการดูแลกไ็ ม่ แตกต่างจากไมย้ นื ตน้ ทวั่ ๆ ไป แนะนาใหร้ ดน้าทุก วนั ท้งั เชา้ และเยน็ รดให้ พอชุ่มฉ่าปานกลาง อยา่ แฉะมากเกินไป 5. ความเป็ นมงคล ประโยชน์ในการช่วยบงั แดดและให้ กล่ินหอมของตน้ ไมช้ นิดน้ี เป็นเพยี ง แค่ส่วนหน่ึงที่ทาใหค้ นนิยมหนั มา ปลกู ตน้ ตีนเป็ด แต่ความหมายอนั เป็นสิริมงคลของตน้ น้ีต่างหากท่ีทา ใหใ้ คร ๆ กอ็ ยากนามาปลกู ไวใ้ นบา้ น นน่ั เอง

6. ประโยชน์ นอกจากจะใหร้ ่มเงา ส่งกลิ่นหอม และมีความหมายท่ีเป็น สิริมงคลแลว้ ตน้ ไมช้ นิดน้ียงั ถกู นาไปแปรรูปเป็นของใชใ้ น และเฟอร์นิเจอร์ภายในบา้ นได้ เช่น กล่องใส่ของ แต่ดว้ ย ลกั ษณะเน้ือไมท้ ่ีไม่แน่น เลยทาใหไ้ ม่มีความแขง็ แรงทนทาน พอ จึงไม่เหมาะท่ีจะนาไปใชใ้ นการก่อสร้าง หากวา่ ดว้ ยเร่ืองของสรรพคุณทางยา ตน้ ตีนเป็ด ช่วย รักษาและบารุงร่างกายมากมายเลยทีเดียว อยา่ งเช่น โรคบิด พอกแกพ้ ษิ แกห้ วดั สติดเช้ือที่ลาไส้ ขบั พยาธิ อาการทาง ผวิ หนงั ช่วยใหเ้ จริญอาหาร และลดน้าตาลในเลือด เป็นตน้

ดอกเฟื่ องฟ้ า ประวตั เิ ฟ่ื องฟ้ า ตน้ เฟื่ องฟ้ าถกู พบคร้ังแรกในประเทศบราซิลโดยนกั พฤกษศาสตร์ชาวฝร่ังเศส เม่ือประมาณปี ค.ศ. 1766-1769 และ ไดถ้ กู นาไปปลกู ยงั ส่วนต่าง ๆ ของโลก เริ่มจากทางยโุ รป อเมริกาเหนือ และเอเชีย สาหรับในประเทศไทยไดม้ ีการนา พนั ธุข์ องตน้ เฟื่ องฟ้ าเขา้ มาจากประเทศสิงคโปร์เป็ นคร้ังแรก เม่ือประมาณปี พ.ศ.2423 (รัชกาลท่ี 5) และมีการนาเขา้ มาจาก ต่างประเทศอีกมากมายจนถึงปัจจุบนั โดยสายพนั ธุข์ องตน้ เฟื่ องฟ้ าในประเทศกม็ ีจานวนไม่นอ้ ยไปกวา่ ต่างประเทศ เน่ืองมาจากตน้ เฟ่ื องฟ้ าเป็นไมท้ ่ีเจริญเติบโตไดด้ ีในประเทศ ไทยแลว้ ยงั เกิดการกลายพนั ธุเ์ ป็นสายพนั ธุ์ใหม่เกิดข้ึนอีก มากมาย

ลกั ษณะของเฟื่ องฟ้ า ตน้ เฟ่ื องฟ้ า จดั เป็นไมย้ นื ตน้ ประเภทพมุ่ ก่ึงเล้ือย มีอายยุ นื หลายสิบปี สามารถเล้ือยไปไดไ้ กลถึง 10 เมตร ลกั ษณะของทรงพมุ่ สามารถตดั แต่งและบงั คบั ทิศทางการเจริญเติบโตได้ ลาตน้ มีลกั ษณะกลมใหญ่ เน้ือแขง็ ผวิ เป็นสีเทาหรือสีน้าตาล ลาตน้ เปราะและหกั ไดง้ ่าย มี หนามข้ึนตามลาตน้ อยเู่ หนือใบ หนามมีความยาวประมาณ 0.5-1 เซนติเมตร ขยายพนั ธุด์ ว้ ยวธิ ีการตอนก่ิง การปักชาก่ิง เสียบยอด เจริญเติบโตไดด้ ีในดินปนทรายระบายน้าดี ชอบความช้ืนต่าและ แสงแดดแบบเตม็ วนั

ใบเฟื่ องฟ้ า ใบเป็นใบเดย่ี วออกเรียงสลบั ลกั ษณะของ ใบเป็นรูปไข่ รูปรี หรือรูปหวั ใจ ปลายใบ แหลม โคนใบมน สว่ นขอบใบเรียบ ใบมี ขนาดกว้างประมาณ 3-6 เซนติเมตรและ ยาวประมาณ 5-10 เซนติเมตร แผน่ ใบเป็น สีเขียว ผิวใบเรียบ ใบบาง มีหนามอย่ตู าม ง่ามใบ มีก้านใบยาวประมาณ 1 เซนตเิ มตร

ดอกเฟ่ื องฟ้ า ออกดอกเป็นกระจุกตามง่ามใบและปลายก่ิง มี 3 ดอก ดอกมีหลายสี ทางจีนนิยมนามาใชเ้ ป็นยา คือ ดอกสีม่วง หรือสีแดง ดอกท่ีเป็นสี ๆ กค็ ือใบที่เปลี่ยนสี เรียกวา่ ใบ ดอก มีลกั ษณะบางคลา้ ยกบั กระดาษ ลกั ษณะเป็นรูปไข่ ปลายแหลม ในหน่ึงดอกจะมีใบดอก 3 ใบเชื่อมติดกนั ใบดอกจะกวา้ งประมาณ 2-4 เซนติเมตรและยาว ประมาณ 3-5 เซนติเมตร มีเกสรเป็นรูปทรงกระบอกสี เขียว

ประโยชน์ของเฟ่ื องฟ้ า ดอกเฟ่ื องฟ้ าสามารถนามาใชใ้ นการประกอบอาหารได้ เช่น การทาดอกเฟื่ องฟ้ าชุบแป้ งทอด ดว้ ยการนาดอก เฟ่ื องฟ้ ามาชุบในแป้ งชุบทอด รอใหน้ ้ามนั ร้อนจดั แลว้ ใส่ ดอกเฟ่ื องฟ้ าที่ชุบแป้ งลงไปทอดจนเหลืองกรอบ แลว้ ตกั ข้ึนมารอจนน้ามนั สะเดด็ ใชร้ ับประทานกบั น้าจิ้มเพือ่ เพม่ิ รสชาติใหอ้ ร่อยยงิ่ ข้ึน ใชป้ ลูกเป็นไมป้ ระดบั ดอกสวยมีหลายสีจากหลากหลาย สายพนั ธุ์ นิยมปลกู เป็นไมป้ ระดบั เป็นซุม้ ไมเ้ ล้ือย เป็นซุม้ นง่ั เล่น ปลกู ในท่ีสาธารณะ สวนขา้ งทางเดิน ปลกู เป็นแนว ร้ัว ปลกู เป็นไมก้ ระถาง หรือทาเป็นไมบ้ อนไซหรือไม้ แคระ สามารถตดั แต่งทรงพมุ่ ได้ ดูแลรักษาไดง้ ่ายและทน ความแลง้ ไดด้ ี เมื่อมีอากาศเยน็ จะมีดอกออกเตม็ ตน้ แต่ไม่ ควรนาไปปลกู ไวใ้ กลก้ บั สนามเดก็ เล่นเพราะมีหนาม แหลม ในดา้ นความเป็นมงคล คนไทยโบราณมีความเชื่อวา่ หาก บา้ นใดปลูกตน้ เฟ่ื องฟ้ าไวเ้ ป็นไมป้ ระจาบา้ นจะสามารถ ช่วยสร้างคุณค่าของชีวติ ใหส้ ูงข้ึน เน่ืองจากตน้ เฟื่ องฟ้ าเป็น พรรณไมท้ ี่ไดร้ ับสมญานามวา่ เป็น \"ราชินีแห่งไมป้ ระดบั \" ปลกู ควรปลกู ในวนั พธุ เพื่อเอาคุณ ถา้ จะใหเ้ ป็นสิริมงคล ยง่ิ ข้ึน ผปู้ ลกู ควรเป็นสตรี เพราะเฟื่ องฟ้ าเป็นราชินีแห่งไม้ ประดบั

ดอกกหุ ลาบ กหุ ลาบน้นั มีชื่อสามญั วา่ \"Rose\" ช่ือทางพฤกษาศาสตร์ วา่ \"Rosa hybrids\" ขยายพนั ธุ์โดยการตอนก่ิง ลกั ษณะของกหุ ลาบน้นั มีท้งั ไมพ้ มุ่ และไมเ้ ล้ือย ลาตน้ และ ก่ิงจะมีหนาม ส่วนดอกของกหุ ลาบจะมีท้งั ดอกเดี่ยวและ เป็นช่อ กลีบดอกมีลกั ษณะใหญ่ มีไม่ต่ากวา่ 5 กลีบ กหุ ลาบน้นั มีกล่ินหอมชวนดม และมีหลายสี เช่น แดง ขาว เหลือง ชมพู อีกท้งั ยงั มีหลายชนิดดว้ ย กหุ ลาบเป็น ดอกไมท้ ่ีไดร้ ับความนิยมจากคนทุกยคุ ทุกสมยั มีประวตั ิ ความเป็นมาปรากฏใหเ้ ห็นต้งั แต่ราว5,000ปี ที่ผา่ นมา

ประโยชน์ของกหุ ลาบ กหุ ลาบ เป็นไมด้ อกที่มีความสวยงามยากท่ีจะหาดอกไม้ ชนิดอ่ืนมาเปรียบเทียบไดจ้ นกระทง่ั มีผใู้ หฉ้ ายาวา่ \"ราชินี แห่งดอกไม\"้ ดงั น้นั กหุ ลาบจึงเป็นดอกไมท้ ่ีนิยมปลกู และใช้ กนั อยา่ งแพร่หลายท้งั ในและต่างประเทศ นอกจากน้ีกหุ ลาบ ยงั มีคุณสมบตั ิที่ดีเด่นอีกหลายประการ สามารถใช้ ประโยชนไ์ ดก้ วา้ งขวาง เช่น ใชเ้ ป็นไมก้ ระถาง ไมต้ ดั ดอก ตกแต่งสถานที่ ตลอดจนใชเ้ ป็นวตั ถุดิบสาหรับทาเป็น น้ามนั หอมระเหยและดอกไมแ้ หง้

กหุ ลาบ กหุ ลาบเป็นไมต้ ดั ดอกที่มีการปลกู เป็นการคา้ กนั แพร่หลายทว่ั โลก มานานแลว้ กหุ ลาบเป็นไมต้ ดั ดอกที่มีการซ้ือขาย เป็นอนั ดบั หน่ึง ในตลาดประมลู อลั สเมีย ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซ่ึงเป็นตลาด ประมูลไมด้ อก ท่ีใหญ่ที่สุดของโลก เมื่อ พ.ศ. 2542 มีการซ้ือขาย ถึง 1,672 ลา้ นดอก และมกั จะมียอดขายสูงสุดในประเทศต่าง ๆ เมื่อเปรียบเทียบกบั ไมด้ อกชนิดอื่น ๆ โดยประเทศท่ีปลกู กหุ ลาบ รายใหญ่ของโลกไดแ้ ก่ อิตาลี เนเธอร์แลนดส์ เปน สหรัฐอเมริกา โคลมั เบีย เอกวาดอร์ อิสราเอล เยอรมนี เป็นตน้ ปัจจุบนั ประเทศไทยมีพ้นื ที่ปลกู กหุ ลาบตดั ดอกประมาณ 5,500 ไร่ กระจายอยทู่ ว่ั ทุกภาคของประเทศ

ลกั ษณะของดอกกหุ ลาบ ไมพ้ มุ่ ขนาดเลก็ บางชนิดมีขนาดใหญ่หรือเป็นไมเ้ ล้ือย ไมผ้ ลดั ใบ มีถิ่นกาเนิดในเอเซียประมาณ 95 ชนิด ในอเมริกา 18 ชนิด ส่วนท่ีเหลือมีถ่ินกาเนิดในยโุ รปหรือตะวนั ตกเฉ๊ยงเหนือของ แอฟริกา รวมแลว้ กป็ ระมาณ 125 ชนิด กระจายสายพนั ธุอ์ ยู่ ทว่ั ไป โดยเฉพาะทางซีกโลกเหนือ ต้งั แต่อลาสกา้ ไซบีเรีย เมก็ ซิโก อินเดียตอนใต้ ไปจนถึงเอธิโอเปี ย กหุ ลาบเป็ นท่ีรู้จกั กนั ทว่ั ไป ลาตน้ มีหนามแหลมปกคลุม รูปทรงของดอก สวยงามสสั นั สะดุดตา ดอกมีกลิ่นหอม จะผลดั ใบในช่วงฤดู หนาว ลกั ษณะของกหุ ลาบท้งั ตน้ มีดงั น้ี

ผู้จดั ทา นายพสิ ษิ ฐ์ ต้อนรับ เลขท่ี 4 ชัน้ ม.5/1 นายธีระพงษ์ อวดคมเลขท่ี 14 ชัน้ ม.5/1

นายกิจธนาพฒั น์ พลับอินทร์เลขท่ี 15 ชัน้ ม.5/1


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook