อ.วศนิ อนิ ทสระ
ชมรมกัลยาณธรรม หนงั สอื ดลี �ำดับที ่ ๑๗๒ พมิ พ์ครงั้ ท่ ี ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๕ จ�ำนวนพมิ พ์ ๑๐,๐๐๐ เล่ม จัดพิมพ์โดย ชมรมกัลยาณธรรม ๑๐๐ ถนนประโคนชัย ต�ำบลปากน้�ำ อ�ำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ ๑๐๒๗๐ โทรศัพท์ ๐-๒๗๐๒-๗๓๕๓ และ ๐-๒๗๐๒-๙๖๒๔ ภาพประกอบ จนั -เจา้ -คะ่ จดั รปู เลม่ คนขา้ งหลงั ชว่ ยแกค้ ำ� อะตอ้ ม พสิ จู น-์ อกั ษร เจา้ แกม้ เพลต บรษิ ทั นครแผน่ พมิ พ ์ จ�ำกดั โทร. ๐-๒๔๓๘-๘๔๐๘ พิมพ์โดย บริษัทส�ำนักพิมพ์สุภา จ�ำกัด ๑๑๘ ซอย ๖๘ ถนนจรัญสนิทวงศ์ เขตบางพลดั กรงุ เทพฯ ๑๐๗๐๐ โทร. ๐-๒๔๓๕-๘๕๓๐ สพั พทานงั ธัมมทานัง ชนิ าติ การให้ธรรมะเป็นทาน ย่อมชนะการให้ทง้ั ปวง www.kanlayanatam.com Dhammaintrend รว่ มเผยแพรเ่ ป็ นธรรมทาน
ธ ร รขมอบมรอรบณเ ปา็ นก า ร แด่ จาก
คำ�นำ�ของ ชมรมกลั ยาณธรรม คุณค่าของชีวิตอยู่ท่ีใดหากมิใช่คุณความดี สิ่งภายนอกท้ังหลาย เช่น เงินทอง รถยนต์ บ้าน บตุ รและภรรยาสาม ี ลว้ นแตเ่ ปน็ สมบตั ชิ วั่ คราวทต่ี อ้ ง พลดั พรากจากเราในทส่ี ดุ ผมู้ ปี ญั ญาจงึ มงุ่ แสวงหา ความดแี ละบญุ กศุ ลซง่ึ เปรยี บเหมอื นตราประจำ� ตน คณุ คา่ แหง่ ชวี ติ จะมากนอ้ ยเพยี งไร แทจ้ รงิ แลว้ เรา วดั กนั ท่ีดชี ั่วในใจนนั่ เอง
การทำ� ความดมี ใิ ชเ่ รอ่ื งยากสำ� หรบั คนด ี แต ่ คงเปน็ เรอื่ งยากเยน็ แสนเขญ็ สำ� หรบั คนชวั่ แตข่ น้ึ ชอื่ วา่ ไดเ้ กดิ เปน็ มนษุ ย ์ จะมใี ครหรอื ทป่ี รารถนาจะถกู เรยี กวา่ คนชว่ั ทกุ ชวี ติ จงึ มงุ่ แสวงหาความด ี แตค่ วามด ี ในความคดิ ของแตล่ ะคนอาจถกู ผดิ และมมี าตรฐาน แตกตา่ งกนั ไปตามกำ� ลงั สตปิ ญั ญา เมอ่ื เปน็ เชน่ นน้ั เราจงึ ตอ้ งฟงั นกั ปราชญใ์ หช้ ดั เจนและเขา้ ใจถอ่ งแท ้ ก่อนว่า ความดีท่ีแท้จริงเป็นเช่นไรและอานุภาพ แห่งความดีน้ันหอมหวาน ควรประพฤติปฏิบัติสัก เพยี งไร ทา่ นอาจารยว์ ศนิ อนิ ทสระ ไดอ้ รรถาธบิ ายถงึ ความดีและอานุภาพแห่งความดีไว้อย่างแจ่มแจ้ง พศิ ดารหลายแงม่ มุ ชมรมกลั ยาณธรรมจงึ ขออนญุ าต
6 จดั พมิ พห์ นงั สอื อนั ทรงคณุ คา่ นเี้ พอ่ื แจกเปน็ ธรรมทาน เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องสำ� คัญที่ทุกคนควรตระหนัก และท�ำความเข้าใจให้ถูกต้อง เพื่อก่อให้เกิดพลัง ศรทั ธาและวริ ยิ ะบากบน่ั ไมย่ อ่ ทอ้ ในการทำ� ความด ี และเพยี รเอาชนะความชวั่ ดว้ ยความด ี ทงั้ สามารถ วางใจให้เหมาะสมในการประกอบความดีอย่าง สมำ่� เสมอ ดว้ ยดที แี่ ทจ้ รงิ จากใจ และในทส่ี ดุ อานภุ าพ แหง่ ความดยี อ่ มบนั ดาลผลคมุ้ ครองชวี ติ ตนใหส้ ำ� เรจ็ ประโยชน์ทงั้ ในปจั จุบันและภายภาคหนา้ ขอนอ้ มบชู าอาจรยิ คณุ แด ่ ทา่ นอาจารยว์ ศนิ อนิ ทสระ ปราชญแ์ หง่ แผน่ ดนิ ผอู้ ทุ ศิ ชวี ติ เพอ่ื ความ เป็นครู แสงประทีปท่ีไม่เคยมอดดับภายใต้ร่มเงา แหง่ พระพทุ ธศาสนา ดว้ ยความดแี ละอานภุ าพแหง่
7 ความดีที่ท่านอาจารย์ได้บ�ำเพ็ญมาอย่างต่อเนื่อง จงเป็นพลวปัจจัยส่งผลให้ท่านอาจารย์มีสุขภาพ แข็งแรง มีพลังใจไม่ท้อถอยในความดีงามที่สูง ย่ิงขึ้นไป และขอให้ท่านได้สมความปรารถนาใน กศุ ลกจิ ทม่ี งุ่ หมายทกุ ประการ ทา้ ยนชี้ มรมกลั ยาณ- ธรรมหวังว่าท่านผู้อ่านจะได้รับประโยชน์จาก การบ�ำเพ็ญความดี และได้รับความคุ้มครองจาก อานภุ าพแหง่ ความดีทั่วถึงกนั ทกุ ท่าน ทพญ.อัจฉรา กลิ่นสุวรรณ์ ประธานชมรมกัลยาณธรรม
คำ�อนโุ มทนา เร่ือง ความดีและอานุภาพแห่งความดี น ี้ เดมิ ทเี ดยี วเปน็ แนวคำ� บรรยายในการประชมุ สมั มนา “พัฒนาตน” ครั้งที่ ๒/๒๕๒๖ ของคณะแพทย ์ ศิริราช เม่ือวันท่ี ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๖ ณ สมาคมศษิ ยเ์ กา่ แพทยศ์ ริ ริ าช โรงพยาบาลศริ ริ าช มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล ไดพ้ มิ พม์ าแลว้ หลายครงั้ บัดน้ี ชมรมกัลยาณธรรม โดยทันตแพทย ์ หญงิ อจั ฉรา กลนิ่ สวุ รรณ ์ ประธานชมรม ไดพ้ จิ ารณา
เห็นคุณค่าของหนังสือเรื่องน้ี ปรารถนาจะพิมพ์ ออกเผยแผใ่ หแ้ พรห่ ลาย ขา้ พเจา้ อนญุ าตดว้ ยความ ยินดียงิ่ หวงั ว่าหนังสอื นจี้ ะเป็นประโยชนแ์ กท่ า่ น ผูอ้ ่านตามสมควร ขอกราบอาราธนาคณุ พระศรรี ตั นตรยั และ คณุ แหง่ กลั ยาณธรรมทชี่ มรมฯ ไดก้ ระทำ� มาดแี ลว้ จงรวมกันเป็นพลวปัจจัยคุ้มครองให้ชมรมและ ท่านผู้อ่านปราศจากทุกข์ โศก โรค ภัย ประสบ ความสขุ สวสั ดีตลอดกาลทกุ เมอื่ ด้วยความปรารถนาดอี ยา่ งยิ่ง
สารบัญ ๑๓ ๑๗ อะไรคือความดี ปัญหาเรอ่ื ง อะไรคอื ความชั่ว การท�ำดไี ม่ไดด้ ี ๕๙ ๖๕ อานภุ าพ ความดที เ่ี ป็นอัตนัย ของความดี และปรนัย ตา่ งกนั อย่างไร?
๒๗ ๓๙ กุศโลบาย วิธสี ร้างความดี ในการท�ำดี ๖๙ ๗๓ ความดี ความถกู บญุ ตวั อยา่ งอานภุ าพของความดี เหมือนกันหรือไม?่ ตามหลักพุทธศาสนา ๗๗ การท�ำความดี ควรจะอธษิ ฐานหรือไม?่
อะไรคอื ความดี อะไรคอื ความช่ัว เร่ืองความดีความชั่วจัดเป็นเร่ืองยากเร่ือง หนงึ่ ทจี่ ะรแู้ ละเขา้ ใจ เมอ่ื รแู้ ละเขา้ ใจแลว้ กย็ งั ยาก ที่จะปฏิบัติการเว้นความช่ัวทำ� ความดีให้สมบูรณ ์ ได้ ท้ังนี้เพราะมีองค์ประกอบหลายอย่างที่ท�ำให้ ปฏิบัติไม่ได้สมความต้องการและปฏิบัติไม่ได ้ เสมอไป
14 ตามหลักพุทธศาสนา คือว่าการกระท�ำ คำ� พดู หรอื ความคดิ ทเ่ี ปน็ ไปเพอ่ื ไมเ่ บยี ดเบยี นตน และผู้อ่ืนให้เดือดร้อนและมีประโยชน์ถือว่าเป็น ความดี ท่ีตรงกันข้ามเป็นความชั่ว ที่กล่าวมานี ้ เป็นหลักกว้างๆ อาจมีข้อปลีกย่อยอ่ืนๆ อีก ท่ีจะ ต้องทำ� ความเขา้ ใจพเิ ศษอีกมากมาย ในองค์ประกอบดังกล่าวข้างต้นนั้น ถือเอา ประโยชน์เป็นจุดยืนท่ีส�ำคัญ คือเม่ือพิจารณา เล็งถึงประโยชน์แล้ว แม้ตนเองจะต้องเดือดร้อน บ้าง ผู้อ่ืนเดือดร้อนบ้าง ก็ถือว่าเป็นความดี เช่น พ่อแม่ต้องเดือดร้อนเหน่ือยยากในการท�ำงาน หาทรัพย์เพ่ือให้ลูกได้ศึกษาเล่าเรียน ตัวลูกเอง ก็ต้องเดือดร้อน ทุกข์กายทุกข์ใจในการศึกษา
15 เล่าเรียน ต้องอดทนอดออม ต้องหักใจไม่ให ้ หลงใหลเพลิดเพลินในการเที่ยวเล่น เอาเวลา เหลา่ นน้ั มาศกึ ษาเลา่ เรยี น แตก่ ารกระทำ� ดงั กลา่ วนี้ มีคุณประโยชน์ท้ังในปัจจุบันและอนาคตจึงเป็น ความดี ในทางกลบั กนั สงิ่ ทท่ี ำ� ใหต้ นเองและผอู้ น่ื ม ี ความสขุ ความเพลดิ เพลนิ แตไ่ มม่ ปี ระโยชน ์ กลบั จะเป็นโทษท้ังแก่ตนและผู้อื่น เช่น การแสวงหา ความสขุ จากอบายมุขต่างๆ ถอื ว่าเป็นความชวั่ พิจารณาตามหลักท่ีสูงข้ึนไปอีกสักหน่อย มาตรฐานแห่งความดีความช่ัว ท่านถือเอาความ โลภ โกรธ หลง และไมโ่ ลภ ไมโ่ กรธ ไมห่ ลง เปน็
16 หลักพิจารณา คือกรรมใดท่ีท�ำเพราะโลภ โกรธ หลง เป็นมูล จัดเป็นกรรมชั่ว ถ้าท�ำด้วยความ ไมโ่ ลภ ไมโ่ กรธ ไมห่ ลง เปน็ มลู คอื ทำ� ดว้ ยเหตุผล บริสุทธ ิ์ จดั เปน็ กรรมดี โลภ โกรธ หลง เป็นอกุศลมูล รากเหง้า ของอกุศล ความไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง เป็น กุศลมูล รากเหง้าของกุศล ท่านว่าเมื่อกุศลมูล เกิดขึ้นแล้ว กุศลอย่างอื่นที่ยังไม่เกิดก็เกิดข้ึน ท่ ี เกดิ แลว้ กเ็ จรญิ ยงิ่ ขน้ึ ฝา่ ยอกศุ ลมลู กเ็ ชน่ เดยี วกนั
ปัญหาเรื่อง การทำ� ดไี ม่ได้ดี เรอื่ งนเี้ ปน็ ปญั หาคา้ งใจของคนสว่ นมากอย ู่ หรอื อยา่ งนอ้ ยกล็ งั เลสงสยั วา่ ทำ� ดไี ดด้ จี รงิ หรอื ไม?่ จนถึงกับบางคนพูดว่า “ท�ำดีได้ดีมีท่ีไหน ท�ำชั่ว ไดด้ มี ถี มไป” ดงั นเ้ี ปน็ ตน้ ทม่ี คี วามรสู้ กึ เชน่ นอี้ าจ เปน็ ดว้ ยเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้
18 ทำ� ความดเี พยี งเล็กนอ้ ย แต่ต้องการผลมาก คือต้องการผลเกินเหตุที่ท�ำ จึงท�ำให้รู้สึก ทำ� ดไี มไ่ ดด้ ี หรอื ไดด้ นี อ้ ยไป ตามธรรมดาคนทม่ี ี ความต้องการมาก ส่ิงใดที่ได้มาแม้มากก็รู้สึกว่า นอ้ ย สว่ นคนทต่ี อ้ งการนอ้ ย แมไ้ ดข้ องนอ้ ย กร็ สู้ กึ วา่ ไดม้ าก ความมากความน้อยจึงขน้ึ อยู่กบั ความ ตอ้ งการและความจำ� เปน็ ของคนซงึ่ มอี ยไู่ มเ่ ทา่ กนั
19 ไมร่ ู้จักรอคอย ผลแหง่ ความดีทตี่ วั ทำ� อยากได้ผลเร็วๆ เม่ือความดีที่ท�ำให้ผลชา้ กไ็ มท่ นั ใจ จงึ ทกึ ทกั เอาวา่ ทำ� ดไี มไ่ ดด้ ี ตามทก่ี ลา่ ว ข้างต้นแล้วว่า การให้ผลของกรรมมีลักษณะ ซบั ซอ้ นมาก และกรรมจะใหผ้ ลเมอ่ื สกุ งอมเตม็ ที่ แล้วเท่านั้น กรรมท่ีท�ำพร้อมกัน อาจให้ผลก่อน บ้าง หลังบ้าง เหมือนต้นไม้ต่างชนดิ กนั เราปลกู วนั เดยี วกนั เปน็ ตน้ วา่ มะมว่ งกบั มะละกอ มะละกอ ย่อมให้ผลก่อนแต่ไม่ย่ังยืน ส่วนมะม่วงให้ผลช้า แต่ย่ังยืน เพราะฉะน้ันผู้ทำ� ความดีจึงควรหัดเป็น คนใจเย็น รู้จักรอคอย ส่วนความช่ัวก็เหมือนกัน ย่อมรอเวลาฟักตัว ไม่ใช่ท�ำช่ัวเด๋ียวน้ัน ผลช่ัว
20 กพ็ รงั่ พรูเดี๋ยวนน้ั เลย ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วใครเล่า จะกลา้ ท�ำชว่ั ท�ำความดีไม่พอดี หมายถงึ ทำ� ขาดไปบา้ งทำ� เกนิ ไปบา้ ง คอื ขาด ความพอดใี นการทำ� ด ี เมอื่ ขาด ความดกี ไ็ มส่ มบรู ณ์ เมอ่ื เกนิ กล็ น้ ไปเสยี ประโยชน ์ ไมว่ า่ การท�ำดีหรือ ทำ� อะไรทงั้ สน้ิ จะตอ้ งพอดจี งึ จะดแี ท ้ ตวั อยา่ งเชน่ เสอ้ื ผา้ ตอ้ งพอดกี บั ผสู้ วมใส ่ อาหารกต็ อ้ งพอดขี อง แต่ละม้ือ และได้สารอาหารต่างๆ ตามที่ร่างกาย ตอ้ งการแตพ่ อด ี ไมม่ สี ารใดเกนิ สารใดขาด จงึ จะ ท�ำให้ร่างกายแข็งแรงเจริญเติบโตและต้านทาน โรคได้ดี การก่อสร้างที่เราต้องพ่ึงสถาปนิกและ
21
22 วศิ วกรกเ็ พอ่ื ใหเ้ กดิ ความพอดนี นั่ เอง ตวั อยา่ งเชน่ เสากพ็ อดกี บั นำ�้ หนกั บา้ น ถา้ บา้ นใหญ ่ เสาเล็ก ก ็ ทานน�้ำหนักไม่ไหว บ้านอาจพังลงมา ที่คิดว่าจะ ประหยดั กก็ ลายเปน็ สญู เสยี ทรพั ยส์ นิ เปน็ อนั มาก แต่ถ้าท�ำเสาใหญ่เกินไปไม่สมดุลกับการท่ีจะ ต้องรับน้�ำหนัก ก็เป็นการสูญเปล่าโดยไม่จ�ำเป็น เหมอื นคนตวั นดิ เดยี วขาใหญโ่ ตมโหฬาร จะกลาย เปน็ นา่ เกลยี ด เปน็ ทเ่ี ยาะเยย้ ของคนทง้ั ปวง เพราะ ฉะนั้นจึงต้องท�ำความดีแต่พอดีกับบุคคลนั้นๆ กรณนี นั้ ๆ ไมใ่ หม้ ากเกนิ ไปหรอื นอ้ ยเกนิ ไป ไมน่ อ้ ย จนไมพ่ อและไมม่ ากจนลน้ เหมอื นนำ�้ ลน้ ตมุ่ สว่ น ลน้ นนั้ เป็นสว่ นเกิน
23 ความฝังใจหรืออุปาทาน มอี ยูใ่ นใจวา่ ท�ำคุณกบั ใครไมข่ น้ึ ข้อน้ีคนทั่วไปเป็นกันมาก ถ้าไปหาหมอด ู และหมอดูทายว่า ชะตาของคุณท�ำคุณกับใคร ไม่ขึ้นละก็ชอบใจนักเชียว นั่นเป็นเพราะไปตรง กบั ความฝงั ใจทม่ี อี ยแู่ ลว้ การทำ� ความดกี บั คนนนั้ ค่อนข้างยากสักหน่อย ไม่เหมือนท�ำความดีกับ พวกสัตว์เป็นต้นว่าสุนัข ท้ังนี้เพราะคนต้องการ ความภมู ใิ จ แมเ้ ราจะทำ� ความดใี หเ้ ขา กอ็ ยา่ ไปลด ความส�ำคัญและความภูมิใจของเขา ถ้าเราไปลด ความสำ� คญั และความภมู ใิ จของเขาแลว้ แทนการ รสู้ กึ บญุ คณุ เขาจะรสู้ กึ เคยี ดแคน้ ชงิ ชงั เสยี ดว้ ยซำ�้
24 ไป เพราะฉะนั้นการท�ำความดีกับคนจึงต้องท�ำ ดว้ ยความระมดั ระวงั มฉิ ะนนั้ การทำ� คณุ จะกลาย เป็นโทษไป ให้เลิกฝังใจว่าท�ำคุณกับใครไม่ข้ึน
25 เสีย แล้วท�ำความดีด้วยความเสียสละด้วยน้�ำใจ อนั ดงี าม ทา่ นจะตอ้ งไดร้ บั ผลดแี ละอาจไดม้ ากกวา่ ที่ท่านหวงั เสยี อีก ขาดกศุ โลบายในการทำ� ดี ค�ำว่ากุศโลบาย ไม่ใช่เล่ห์กระเท่ห์หรือ เล่ห์เหล่ียมกลโกงอะไร แต่หมายถึงความฉลาด รอบคอบ หย่ังรู้ถึงเหตุการณ์ บุคคล กาลเวลา (หรอื โอกาส) ในการทจ่ี ะทำ� ความด ี กศุ โลบายใน การท�ำความดีก็คือ ท�ำดีให้ถูกกาล ให้ถูกบุคคล ถูกเรอ่ื งราว
ใกนุศกโาลรบทา�ำยดี ทำ� ดถี ูกกาล คือเม่ือเห็นเป็นเวลาอันเหมาะสมแล้วจึง ท�ำ ไม่ใช่ต้องดูฤกษ์ยามแล้วจึงท�ำ แต่หมายถึง ท�ำให้ทันเวลา เหมาะแก่เวลา เช่น จะช่วยเหลือ คนต้องช่วยให้ทันเวลาที่เขาต้องการความช่วย เหลือ ตรงกับเวลาท่ีเขาก�ำลังขาดแคลน เหมือน
28 ให้น้�ำแก่คนที่ก�ำลังกระหาย ให้ข้าวแก่คนท่ีก�ำลัง หิว แม้จะตักเตือนคนให้เว้นความช่ัวก็ต้องด ู เวลาอันเหมาะสม ไม่ให้เขาต้องอับอาย เพราะ ค�ำเตือนของเรา หรือเตือนเขาเม่ือสายเสียแล้ว เขาได้ท�ำผิดพลาดไปมากแล้ว บางอย่างเราควร เตือนเขาล่วงหน้าเพื่อเขาจะได้ไม่ถล�ำลึกลงไป ในความผิดพลาด การท�ำดีผิดเวลามักจะใหโ้ ทษ เหมือนคนเอาเส้ือหนาวมาใส่หน้าร้อน จะร้อน ยิ่งขึ้น จะโทษเสื้อไม่ได้ ต้องโทษความโง่เขลา ของเราเอง การช่วยเหลือคนนั้นสิ่งส�ำคัญที่สุด อยา่ งหนง่ึ กค็ อื ตอ้ งชว่ ยใหท้ นั ทว่ งทอี ยา่ ใหพ้ ลาด ได ้ มฉิ ะนนั้ จะเสยี ประโยชน ์ เหมอื นชว่ ยคนตกนำ�้ จะตอ้ งชว่ ยทนั ท ี กอ่ นจะจมนำ้� ตาย มวั ลงั เลลา่ ชา้ อยู ่ เขาจมน้�ำตายไปแลว้ จะชว่ ยอะไรกันอีก
29 นกั ปราชญจ์ นี เชน่ จงั จอ้ื ไดเ้ คยตกยากแลว้ กล่าวค�ำเปรียบเทียบท่ีน่าคิดเอาไว้ มีเรื่องโดย ย่อว่า คราวหน่ึงจังจื้อตกทุกข์ได้ยากบากหน้าไป ขอยืมข้าวสารจากเจ้าเมืองคนหน่ึงซ่ึงเคยเป็น เพื่อนกัน ท่านเจ้าเมืองพูดว่า “ให้ขอยืมแต่ต้อง รอให้เขาเก็บส่วยหรือภาษีจากราษฎรเสียก่อน แล้วจะให้ขอยืมสัก ๓๐๐ เหรียญ เพื่อไปซื้อ ขา้ วสาร” จงั จอ้ื ไดฟ้ งั ดงั นน้ั จงึ เลา่ เรอ่ื งเปรยี บเปรย ว่า “เมื่อวานนี้ขณะฉันเดินทางมาหาท่านที่นี่ ได้ยินเสียงเรียกตะโกนอยู่เบ้ืองหลังจึงหันไปดู เห็นปลาตัวหน่ึงดิ้นอยู่ในรอยล้อเกวียนบนดิน ซึ่งมีน้�ำแฉะๆ ขังอยู่นิดหน่อย ฉันถามมันว่ามา นอนดิ้นอยู่ที่น่ีเพื่ออะไร?” ปลาตอบว่ามาจาก ทะเลตงั โฮ มาตดิ อยทู่ น่ี ี่ ทา่ นโปรดเมตตาชว่ ยเหลอื
30 ฉนั สกั ครง้ั หนงึ่ ดว้ ยการเอานำ้� สกั เลก็ นอ้ ยมาเท ลงบนรอยเกวยี นน ้ี ฉนั ฟงั ปลาพดู ดงั นน้ั จงึ ตอบวา่ “ขา้ กำ� ลงั เดนิ ทางไปทางใตม้ งุ่ ไปแสดงธรรมของขา้ ใหเ้ จา้ นครโงว้ เจา้ นครอ๊วดฟัง ข้าจะไประบายนำ�้ ในล�ำแม่น้�ำไซกังมาใหเ้ จา้ จะดหี รอื ไมเ่ ลา่ ?” ปลา ได้ฟังดังน้ันก็น้อยใจเสียใจ พลางตอบว่า “ท่ีฉัน รับทุกข์ทรมานอยู่นี่เพราะขาดน้�ำ หากไดน้ ำ้� เพม่ิ อีกเพียงเล็กน้อย ก็จะพอยังชีพไปได้ ไม่จ�ำเป็น ถงึ กบั ตอ้ งไประบายนำ�้ ในแมน่ ำ้� มาชว่ ย ถา้ ทา่ นจะ ทำ� อยา่ งนนั้ กจ็ งรบี ไปซอื้ ฉนั ตามรา้ นขายปลาแหง้ ในตลาดเถดิ ”
31 ทำ� ดถี ูกบุคคล ทำ� ดถี กู บคุ คลนน้ั ท�ำอยา่ งไร? คอื การทเี่ รา ท�ำความดีแก่บุคคลที่ควรได้รับความดี เช่นการ ช่วยเหลือเขาก็ควรช่วยเหลือคนที่ควรช่วย และ ก�ำหนดขอบเขตว่าควรช่วยเหลือเพียงใด ถ้าเรา ช่วยเหลือคนที่ไม่ควรช่วยและช่วยไม่ถูกวธิ กี จ็ ะ มโี ทษตดิ ตามมา เชน่ ในนทิ านเรอื่ งชาวนากับงูเห่า เป็นตัวอย่าง การช่วยคนท่ีควรช่วยน้ันเป็นกุศล มากเพราะเป็นการบ�ำบัดทุกข์ของเขาจรงิ ๆ การ บำ� บดั ทกุ ขม์ คี วามส�ำคญั กวา่ การบำ� รงุ สุข ต่อเม่ือ บ�ำบัดทุกข์ได้ดีแล้วจึงค่อยบ�ำรุงสุข แต่ถ้าบ�ำบัด ทุกข์ยังไม่ได้ มัวพะวงแต่เรื่องบำ� รุงสุข ความสุข ท่ีได้น้ันก็เป็นความสุขปลอมและเป็นความสุข
32 อยู่ในกองทุกข์น้ันเอง เหมือนเอาดอกไม้หอม ไปปักไว้บนส่ิงปฏิกูล เป็นต้นว่าบนกองอุจจาระ จะเป็นอย่างไรจงตรองดูเถิด คนบางพวกคิดแต่ จะบ�ำรุงสุขสนุกสนานท้ังแก่ตนเองและญาติมติ ร ในขณะที่การบ�ำบัดทุกข์ท่ีจ�ำเป็นก็ยังท�ำไม่ได ้ สังคมของเราท�ำความดี แบบเอาเนื้อหนูไปใส่ เน้ือช้างกันเสียเป็นส่วนมาก หนูเน้ือน้อยอยู่แล้ว การขดู รดี เอาจากคนยากคนจนหรอื คนทมี่ รี ายได้ น้อย ไปบ�ำรุงบ�ำเรอความสุขของคนม่ังมีอยู่แล้ว เป็นการท�ำความดีแบบเอาเน้ือหนูไปใส่เนื้อช้าง หรือขอดน้�ำในหลุมเท้าโคไปใส่แม่น�้ำท�ำนอง เดยี วกนั นอกจากนคี้ วรพจิ ารณาถงึ คณุ ธรรมของ คนทเี่ ราจะช่วยเหลืออีกด้วย คนมีคุณธรรมน้อย ช่วยไปก็ได้ผลน้อย (น่ีพูดถึงท�ำความดีด้วยการ
33 หวังผล) เหมือนหว่านข้าวลงในนาที่ไม่ดี คนท่ ี คุณธรรมสูงมาก ความดีท่ีท�ำให้ผลมากเหมือน หว่านพืชลงในท่ีดินดี นี่เป็นเหตุผลประการหน่ึง ท่ีคนชอบท�ำบุญท�ำทานกับผู้มีศีลธรรม อีก ประการหนง่ึ ความกตญั ญกู ตเวทนี น้ั เปน็ ภมู ธิ รรม ของคนดี คนทม่ี ภี มู ธิ รรมอนั นมี้ ไี มม่ ากนกั ถา้ เรา ทำ� ความดไี ปถูกคนท่ีมีความกตัญญูกตเวที ผลด ี ก็เพ่ิมพูนเป็นทวีคูณ ตรีคูณ หรือได้รับผลดี ตอบแทนเปน็ รอ้ ยเทา่ พนั เทา่ แตถ่ า้ เราทำ� ความด ี ไปถกู คนทอี่ กตญั ญอู กตเวทเี ขา้ กเ็ หมอื นวา่ หวา่ น พืชลงบนหิน เหนื่อยแรงเปล่า อาจจะกลับกลาย ไปเป็นโทษภายหลังได้ด้วย เพราะคนอกตัญญู อกตเวทีนนั้ ชอบประทุษรา้ ยคนที่มีบญุ คณุ ต่อตน มฉิ ะนั้นเขาจะเรยี กคนอกตญั ญูหรือ
34 ท�ำดเี หมาะกบั เหตุการณ์ ทำ� ดใี หเ้ หมาะกบั เหตกุ ารณน์ นั้ ทำ� อยา่ งไร? ในทนี่ หี้ มายถงึ การทำ� ถกู เรอ่ื งราว ไมด่ งึ ดนั ถอื เอา แต่ความเห็นของตน หรือความพอใจไม่พอใจ ของตนเป็นส�ำคัญ แต่ยืดหยุ่นผ่อนผันตามเหตุ การณ์ท่ีเรียกรวมๆ ว่า การณวสิกตา ความเป็น ผู้ท�ำกิจเหมาะแก่เหตุการณ์ ท�ำพอสมควรแก ่ ฐานะความรคู้ วามสามารถของตน อนงึ่ เหตกุ ารณ ์ ของโลกย่อมเปล่ียนไปเร่ือยๆ การดึงดันแข็งขืน อยู่คนเดียวย่อมไม่ได้ประโยชน์ นอกจากคน ทง้ั หลายจะไมเ่ หน็ ดแี ลว้ ตวั เองกต็ อ้ งคอ่ ยแขง็ ขนื แย้งกับคนในสังคมอยู่ตลอดเวลา ทำ� ให้เกิดการ ทะเลาะววิ าทเปน็ ศตั รตู อ่ กนั ความรคู้ วามสามารถ
35 ศิลปวิทยาที่จะอ�ำนวยผลมาก ก็ต้องเป็นความรู้ ความสามารถอันเป็นท่ีนิยมของสังคม เพราะ ฉะน้ันความรู้ความสามารถที่ทันสมัยจึงเป็น อปุ การะตอ่ ชวี ติ มาก จะเหน็ คณุ ของศลิ ปะวทิ ยา- การกต็ อ่ เมอื่ สงั คมตอ้ งการ และน�ำไปใชป้ ระโยชน์ นน้ั เอง ความรคู้ วามสามารถจะเปน็ หมนั ถา้ ไมไ่ ด ้ ใช้ เหมือนอาหารท่ีไม่ย่อยมีแต่ให้ความอึดอัด หามีประโยชน์อันใดไม่ ความรู้อย่างหนึ่งอาจมี ประโยชน์มากในสมัยหน่ึง แต่ต่อมาความนิยม ของคนทั้งหลายเส่ือมไป ใครยังดึงดันถือความรู ้ อยา่ งนน้ั เปน็ ทพี่ งึ่ อยกู่ อ็ าจจะตอ้ งเดอื ดรอ้ น จะพรำ�่ ร�ำพันว่าฉันมีความรู้ความสามารถดี แต่ท�ำไมจึง ไม่ได้ดี ดังน้ันหาควรไม่ เพราะไม่เหมาะกับเหตุ การณ์และความนิยม การท�ำความดีที่ถูกต้อง
36
37 ตามระเบียบกฎเกณฑ์อันดีงาม ก็จัดอยู่ในข้อน้ี เหมอื นกนั รวมความว่า การท�ำความดีนั้นจะต้องม ี กุศโลบาย มีความฉลาดรอบคอบพอสมควรจึง จะได้รับผลดีเต็มท่ี จะได้ไม่ต้องคิดต่อไปอีกว่า ท�ำดีแล้วไม่ได้ดี คนที่ท�ำความดีน้ันจะได้รับผลด ี เสมอ และได้รับเท่าท่ีต้องการหรือมากกว่าท ี่ ตอ้ งการ เหมอื นเพาะมะมว่ งไวเ้ มลด็ หนงึ่ พองอก เปน็ ตน้ ถงึ คราวมลี กู มนั จะใหล้ กู เปน็ รอ้ ยเปน็ พนั และมีลูกให้นานถึง ๖๐-๗๐ ปีจนกว่าจะแก่ตาย ไป
วิธีสรา้ ง ความดี ๑ วธิ สี รา้ งความดเี ปน็ เรอื่ งยง่ิ ใหญใ่ นชวี ติ ของ มนุษย์ผู้ใดก็ตามท่ีรู้จักความดีความชั่วแล้วว่า คอื อะไร แตถ่ า้ ไมร่ จู้ กั วธิ สี รา้ งความดหี นคี วามชว่ั แลว้ กจ็ ะสรา้ งความดไี มส่ ำ� เรจ็ เหมอื นคนทรี่ วู้ า่ ตึกน้ันคืออะไร ประกอบด้วยอะไรบ้าง แต่ถ้าไม่ รจู้ กั วธิ สี รา้ งตกึ ใหส้ ำ� เรจ็ ได ้ สรา้ งแลว้ พงั ๆ ในทส่ี ดุ ก็อ่อนใจเลกิ สรา้ งไปเอง ๑ โปรดดเู รอ่ื งวธิ ลี ะความชว่ั และวธิ สี รา้ งคณุ ความด ี ในหนงั สอื เรอื่ งปัญญารตั นะ ของผเู้ ขียนประกอบดว้ ย
40 คนทค่ี ดิ จะสรา้ งความดกี เ็ ชน่ กนั ถา้ ไมร่ จู้ กั วิธีสร้าง สร้างแล้วล้มๆ ในที่สุดก็เลิกประกอบ คณุ งามความด ี เหน็ วา่ ไมม่ ผี ลอะไร เมอ่ื เลกิ สรา้ ง คณุ งามความดเี สยี แลว้ กห็ นั มาสรา้ งความชวั่ แทน น�ำชีวติ ไปส่คู วามตกตำ�่ ลม่ จมในทีส่ ดุ วิธีสร้างความดีน้ันมีหลักที่ควรยึดถืออยู ่ ๒ ประการดว้ ยกนั คอื
41 ๑ ศึกษาให้รู้แจง้ ว่า ความดที ่ีแทจ้ ริงคอื อะไร คนสว่ นมากรจู้ กั ความดปี ลอมมากกวา่ ความ ดแี ท ้ ลกั ษณะของความดแี ทน้ นั้ มหี ลายอยา่ ง เชน่ ๑.๑ ท�ำดเี พ่อื ประโยชนแ์ กผ่ อู้ น่ื คอื เพอ่ื ประโยชนข์ องคนทเ่ี ราทำ� ดดี ว้ ยจรงิ ๆ ไมใ่ ชเ่ พอ่ื ประโยชนข์ องเรา ถา้ เราจะไดป้ ระโยชน ์ บ้างก็เป็นเพียงผลพลอยได้หรือเป็นประโยชน์ รอง ถา้ มจี ดุ มงุ่ หมายเพอ่ื ประโยชนข์ องตน แมผ้ อู้ นื่ จะพลอยไดร้ ับด้วยกย็ ังไมเ่ ป็นความดีแท้
42 ๑.๒ ท�ำดดี ้วยความบริสุทธ์ิใจ หรอื ไม่บรสิ ทุ ธ์ใิ จ ถ้าบริสุทธิ์ใจก็เป็นความดีแท้ ถ้ามีเจตนา อนั ไมบ่ รสิ ทุ ธแ์ิ ฝงเรน้ อยดู่ ว้ ยกเ็ ปน็ ความดเี ทยี ม ๑.๓ ท�ำดมี ผี รู้ เู้ ห็นมากหรอื มผี ้รู ูเ้ ห็นนอ้ ย คนส่วนมากชอบท�ำความดีให้มีผู้รู้เห็น ยง่ิ รเู้ หน็ มากประกาศโฆษณามากยง่ิ รสู้ กึ วา่ ด ี แต่ นกั ปราชญท์ แ่ี ทจ้ รงิ กลบั มองวา่ การทำ� ความดแี บบ ปดิ ทองหลงั พระเปน็ ความดที แี่ ทจ้ รงิ โบราณทา่ นวา่ ความดีท่ีมนุษย์ไม่เห็นน้ันเทวดาท่านเห็น และ ฟ้าดินก็ประทานผลดีให้ ที่ส�ำคัญก็คือตนของตน นั่นแหละรู้เห็นย่ิงกว่าผู้ใด ความเศร้าหมองและ ความผ่องแผ้วแห่งจิตอันเป็นบ่อเกิดอันแท้จริง
43 แหง่ ทกุ ขแ์ ละสขุ นน้ั ใครเลา่ จะมองเหน็ ไดด้ ยี งิ่ กวา่ ตัวเราเอง ๑.๔ ความดีน้นั ท�ำถูกหรือทำ� ผดิ คนต้ังใจจะท�ำความดีแต่ท�ำผิดก็มี ถ้าท�ำ ความดผี ดิ ๆ กไ็ มเ่ ปน็ ผลดแี กต่ นและผอู้ นื่ ตวั อยา่ ง เช่น ถ้าเศรษฐีคนหน่ึงมีเงินเป็นกระสอบ เช้าขึ้น ก็ตั้งโต๊ะหน้าบ้านบริจาคเงนิ แก่ผู้ต้องการ เพราะ เหน็ วา่ การบรจิ าคเปน็ เรอ่ื งด ี คนทง้ั หลายในเมือง
44 นน้ั กจ็ ะพากนั เกยี จครา้ นไมท่ �ำงานและใชจ้ า่ ยเงนิ สุรุ่ยสุร่ายส�ำมะเลเทเมา เม่ือหมดเงินแล้วก็มา ขอใหม ่ การทำ� อยา่ งนไี้ มเ่ ปน็ ประโยชนท์ ั้งแก่ผู้ให้ และผู้รับ การท�ำความดีอย่างนี้เป็นการท�ำผิด อกี ตวั อยา่ งหนงึ่ สมมตวิ า่ ผคู้ มุ นกั โทษเกิดเมตตา กรุณาในพวกนักโทษขึ้นมา เห็นว่าการติดคุก ของพวกเขาลำ� บากนกั จงึ ปลอ่ ยนักโทษออกจาก คุกทั้งหมด เห็นเป็นการให้อภัยเป็นคุณธรรม อนั นกี้ เ็ ปน็ การทำ� ความดที ผ่ี ดิ ฯลฯ การทำ� ความดี ที่ผิดนั้นไม่เป็นความดีแท้ แต่เป็นความดีปลอม หรือเทียม ส่วนการท�ำความดีที่ถูกนั้น จะต้อง เปน็ ประโยชนเ์ กอ้ื กลู ทง้ั แกต่ นและผอู้ นื่ และสงั คม เอาเป็นเยี่ยงอย่างได้ ถ้าผู้อ่ืนท�ำอย่างนั้นบ้าง ก็ เปน็ ประโยชน์แก่ผู้ทำ� ตาม
45 ๑.๕ ท�ำความดอี ยา่ งยตุ ธิ รรม หรอื ไมย่ ตุ ธิ รรม บางคนตั้งหน้าแต่จะท�ำความดี เช่นการ ให้อภัย เมตตา กรุณา โดยมิได้นึกถึงความ ยุติธรรมหรือผลเสียอันจะเกิดขึ้นอย่างร้ายแรง ภายหลังแก่ผู้ได้รับอภัยและเมตตากรุณาน้ัน ตัวอย่างเช่น ข้าราชการฝ่ายปกครองไม่ลงโทษ คนผิด หรือครูไม่ลงโทษนักเรียนท่ีทำ� ผิด พ่อแม ่ ท�ำตนเป็นคนใจดีไม่หาวิธีลงโทษลูกที่เกเร เกียจ ครา้ นเสียแต่ต้นๆ ปล่อยไว้จนผู้ท�ำผิดน้ันเคยชนิ กับความผิดพลาดบกพร่อง และท�ำมากข้ึนจน ประสบความเสียหายใหญ่หลวงในบั้นปลาย อยา่ งนเี้ รยี กวา่ ทำ� ดโี ดยไมค่ ำ� นงึ ถงึ ความยตุ ธิ รรม ลงท้ายก็เป็นโทษแก่คนที่ทำ� ดีด้วยน่ันเอง ไม่เป็น
46 ความดีแท้ ถือเป็นความบกพรอ่ งเสยี ดว้ ยซำ�้ ไป เพราะฉะนนั้ การทำ� ความดจี ะต้องประกอบด้วย ความยตุ ธิ รรม ตอ้ งลงโทษคนทค่ี วรไดร้ บั โทษ ให ้ รางวัลคนทค่ี วรไดร้ ับรางวัล ๑.๖ ความดนี ้ันท�ำอยา่ งครงึ่ ๆ กลางๆ หรือท�ำอย่างสมบูรณ์ ข้อนี้หมายความว่า การท�ำความดีท่ีจะให้ ได้ผลดีจริงเต็มเม็ดเต็มหน่วยและเป็นความดี ที่แท้จริงนั้น จะต้องท�ำอย่างสม�่ำเสมอ ไม่ท�ำๆ หยุดๆ หรือครึ่งๆ กลางๆ การส่ังสมความดีน้ัน เหมอื นหยาดนำ�้ หยดลงในภาชนะ ถา้ สงั่ สมทกุ วนั กจ็ ะเปย่ี มไปดว้ ยความด ี ถา้ ท�ำๆ หยดุ ๆ บญุ หรอื ความดีน้นั กจ็ ะพร่องอยูเ่ สมอ ไมเ่ ต็มบริบูรณ์
47 ๑.๗ ความดีนั้นใหญห่ รอื เล็ก ขอ้ นถ้ี อื เอากศุ ลเจตนาและประโยชนท์ ผ่ี อู้ นื่ จะพึงได้รับเป็นเกณฑ์ ถ้าจิตประกอบด้วยกุศล เจตนามาก ถือว่าเป็นความดีอันแท้จริงย่ิงใหญ่ หรอื หากวา่ สง่ิ ทที่ ำ� นนั้ แมเ้ ปน็ เรอื่ งเลก็ นอ้ ยในความ รสู้ กึ ของผกู้ ระทำ� แตเ่ ปน็ ประโยชนแ์ กค่ นหมมู่ าก ก็ถือว่าเป็นความดีอันแท้จริงยิ่งใหญ่เช่นกัน ตัวอย่างการช่วยเหลือราษฎรผู้ทุกข์ยากให้ม ี ท่ีท�ำกินหรือการลดภาษีอากรแก่ผู้มีรายได้น้อย การสั่งให้เอาใจใส่ทุกข์สุขของผู้เจ็บป่วย ไม่ให ้ ทอดทิ้งพวกเขา การสั่งสอนคนให้รู้จักความด ี ความชวั่ ใหก้ ลบั ตวั จากทางชว่ั มาดำ� เนนิ อยใู่ นทาง ดีมีศีลมีธรรม มีความเข้าใจในชีวิตอย่างถูกต้อง เหลา่ นลี้ ว้ นเปน็ ความดีท่ยี ง่ิ ใหญ่ทง้ั ส้ิน
48 ๑.๘ ความดีน้นั ทำ� ยากหรอื ทำ� ง่าย ความดีที่ท�ำยากเป็นความดีที่แท้จริง ใน หนังสือ โอวาทส่ีของท่านเหลี่ยวฝาน ๒ ได้กล่าว อธิบายพร้อมทั้งยกตัวอย่างเกี่ยวกับเรื่องความด ี ทท่ี �ำยากนไี้ ว้ว่า “สมยั ก่อนท่านผคู้ งแก่เรยี นมาก มักจะพูดว่า ถ้าจะเอาชนะใจตนเองให้ได้ ต้อง เรม่ิ จากจดุ ทข่ี ม่ ใจไดย้ ากทสี่ ดุ เสยี กอ่ น ถา้ สามารถ เอาชนะได้ จุดอ่ืนๆก็ไม่ส�ำคัญเสียแล้ว ย่อมจัก เอาชนะได้โดยง่าย” ลูกศิษย์ของท่านขงจื้อชื่อ ฝานฉอื ไดถ้ ามทา่ นอาจารยว์ า่ เมตตาธรรมนนั้ เปน็ อย่างไร ท่านขงจื้อตอบว่าการท�ำสิ่งที่ยากที่สุด ใหไ้ ดเ้ สยี กอ่ น จงึ จะชนะใจตนเองได ้ เมอ่ื เอาชนะ ๒ ทา่ นเหลยี่ วฝานเปน็ ชาวจนี สมยั ๕๐๐ ปเี ศษมาแลว้ เกดิ ราว พ.ศ. ๒๐๙๒ เขียนหนังสอื นไี้ วเ้ มอ่ื อาย ุ ๘๙ ปี
49 ใจตนเองไดแ้ ลว้ ความเหน็ แกต่ วั กห็ มดไปจงึ บงั เกดิ เมตตาธรรม พ่อจะยกตัวอย่างให้ฟังลูกจะได ้ เข้าใจง่ายเข้า ที่มณฑลเจียงซีมีท่านผู้เฒ่าแซ่ซู ท่านยังชีพด้วยการสอนหนังสือตามบ้าน อยู่มา วันหน่ึงมีชายคนหนึ่งเปน็ หนเ้ี พราะความยากจน เม่ือไม่สามารถช�ำระหนี้ได้ เจ้าหน้ีก็ยึดภรรยา ของชายผู้น้ีไปเป็นคนใช้ ท่านผู้เฒ่าซูเกิดความ
Search