Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สัปดาห์ที่ 4-5

สัปดาห์ที่ 4-5

Published by ch.aunchalee, 2020-12-02 03:47:18

Description: สัปดาห์ที่ 4-5

Search

Read the Text Version

44 แผนการสอน/แผนการเรียนรภู้ าคทฤษฏี หน่วยท่ี 3 แผนการสอน/การเรยี นรู้ภาคทฤษฎี สอนสัปดาหท์ ่ี 4-5 คาบรวม 15 ช่ือวิชา อนิ เทอร์เนต็ เพอ่ื งานธุรกจิ จานวนคาบ 6 ชอื่ หน่วย ระบบสารสนเทศ ชอื่ เรอื่ ง. ระบบสารสนเทศ ขน้ั นาเขา้ สบู่ ทเรียน (15 นาที) สมรรถนะอาชพี ประจาหน่วย 1. แสดงความร้เู กีย่ วกบั ระบบสารสนเทศ สาระสาคญั ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการเป็นการรวมกลุ่มของฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ คนขบวนการ ฐานข้อมลู และ อุปกรณ์ต่างๆ เพื่อการจัดการกับข้อมูลและสารสนเทศช่วยให้องค์กรบรรลุเป้าหมายได้ โดยระบบสารสนเทศเพ่ือ การจัดการจะช่วยให้ผู้จัดการมองเห็นภาพรวมของการปฏิบัติงานขององค์กร ทาให้สามารถควบคุม จัดการและ วางแผนการปฏบิ ัตงิ านไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพและประสทิ ธผิ ล ระบบสารสนเทศขององค์กร อาจประกอบด้วยระบบสารสนเทศเพือ่ การจดั การด้านต่างๆ ในองค์กร เช่น ดา้ นการเงนิ การตลาด การผลติ ฯลฯ โดยแตล่ ะระบบตอ้ งการขอ้ มูลเข้าท่ีแตกต่างกนั ประกอบด้วยระบบย่อยๆ ท่ี สนับสนนุ การทางานด้านน้นั ๆ ทแ่ี ตกตา่ งกนั และยงั ให้ผลลัพธข์ องระบบท่ีแตกตา่ งกันอีกด้วย เรื่องทจี่ ะศกึ ษา 1. ระบบสารสนเทศ 2. แนวคดิ ของระบบและการทาตัวแบบ 3. ความหมายและบทบาทของระบบสารสนเทศ 4. ประเภทของระบบสารสนเทศ 5. เทคโนโลยีทีน่ า่ สนใจในระบบสารสนเทศเพอ่ื การจัดการ จดุ ประสงค์ทั่วไป 1. เพอื่ ให้รแู้ ละเขา้ ใจเก่ียวกบั ระบบสารสนเทศ (ด้านความรู้) 2. เพ่ือให้มที กั ษะเก่ยี วกบั เทคโนโลยที ่ีนา่ สนใจในระบบสารสนเทศเพื่อการจดั การ (ด้านทกั ษะ) 3. เพือ่ ให้เห็นคณุ คา่ ของประเภทของระบบสารสนเทศ (ด้านเจตคติ) 4. เพ่ือมีจิตสานึกท่ีดีเกี่ยวกับแนวคิดของระบบและการทาตัวแบบ (ด้านคุณธรรม จริยธรรม/บูรณาการ เศรษฐกิจพอเพียง)

45 จดุ ประสงค์เชงิ พฤตกิ รรม 1. อธบิ ายระบบสารสนเทศได้ (ด้านความรู้ความจา) 2. รวบรวมความหมายและบทบาทของระบบสารสนเทศได้ (ด้านความเขา้ ใจ) 3. ยอมรับแนวคิดของระบบและการทาตวั แบบได้ (ด้านจติ พิสยั ) 4. จาแนกประเภทของระบบสารสนเทศได้ (ดา้ นจติ พิสยั ) 5. ตรวจพบเทคโนโลยีทน่ี ่าสนใจในระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการได้ (ดา้ นทักษะ) 6. มีความรู้ รอบคอบเกย่ี วกบั ระบบสารสนเทศได้ (ดา้ นคุณธรรม จริยธรรม/บรู ณาการเศรษฐกจิ พอเพียง) เนอ้ื หาสาระการสอน/การเรยี นรู้ • ด้านความรู้(ทฤษฎ)ี ระบบสารสนเทศ ข้อมูล (Data) หมายถึง ค่าความจริง ซ่ึงแสดงถึงความเป็นจริงท่ีปรากฏข้ึน เช่น ชื่อพนักงานและจานวน ชั่วโมงการทางานในหนึ่งสัปดาห์จานวนสินค้าทีอยู่ในคลังสินค้า เป็นต้น ข้อมูลมีหลายประเภท เช่น ข้อมูล ตัวเลข ข้อมูลตัวอักษร ข้อมูลรูปภาพ ข้อมลู เสียงและขอ้ มูล ภาพเคลื่อนไหว ซง่ึ ข้อมูลชนิดต่างๆ เหล่าน้ีใช้ในการ นาเสนอค่าความจริงตา่ งๆ โดยค่าความจริงที่ถูกนามาจัดการและปรับแต่งเพ่ือให้มีความหมายแล้ว จะเปลี่ยนเป็น สารสนเทศ สารสนเทศ (Information) หมายถึง กลุ่มข้อมูลท่ีถูกจัดการตามกฎ หรือถูกกาหนดความสัมพันธ์ให้ เพ่ือให้ข้อมูลเหล่านั้นเกิดประโยชน์หรือมีความหมายเพิ่มมากข้ึน ประเภทของสารสนเทศขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ ระหว่างข้อมูลที่มีอยู่ ตัวอย่างเช่น จานวนยอดขายของตัวแทนจาหน่ายแต่ละคนในเดือนมกราคมจัดเป็นข้อมูล เมื่อนามาประมวลผลรวมกันทาให้ได้ยอดขายรายเดือนของเดือนมกราคม ทาให้ผู้บริหารสามารถนายอดขายราย เดือนมาพิจารณาว่ายอดขายเป็นไปตามวัตถุประสงค์ขององค์กรหรือไม่ได้ง่ายข้ึน ยอดขายรายเดือนนี้จึงจัดเป็น สารสนเทศ หรือตัวอย่าง เช่น ตัวเลข 1.1, 1.5, และ 1.6 จัดเป็นข้อมูลตัวเลขเนื่องจากเป็นค่าความจริงซ่ึงยังไม่ สามารถแปลความหมายใดๆ ได้แต่ข้อมูลเหล่านี้จัดเป็นสารสนเทศเมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมท่ีบ่งบอกความหมาย ของข้อมูลได้มากข้ึน เช่น เมอื่ กล่าวว่า ตัวเลขเหล่านี้คือยอดขายประจาเดือนมกราคม กุมภาพันธ์และมีนาคม โดย มีหน่วยเป็นหลักล้าน จะทาให้ตัวเลขท้ัง 3 มีความหมายเกิดข้ึน หรืออาจกล่าวได้ว่ายอดขายเฉล่ียระหว่างเดือน มกราคมถึงมนี าคมมีคา่ เทา่ กับ 1.4 ลา้ น จัดเปน็ สารสนเทศทเ่ี กิดขนึ้ จากข้อมูลตวั เลขทงั้ 3 กระบวนการ (Process) หมายถึง การแปลงข้อมูลให้เปลี่ยนเป็นสารสนเทศหรือกล่าวได้ว่า กระบวนการ คือกลุ่มของงานท่ีสัมพันธ์กัน เพื่อทาให้เกิดผลลัพธ์ตามท่ีต้องการ ดังรูปแสดงกระบวนการแปลงข้อมูลเป็น สารสนเทศ การจัดการ (Management) หมายถึง การบริหารอย่างมีระบบ ซึ่งประกอบด้วยการกาหนดเป้าหมาย และทิศทางขององค์กรและการปฏิบัติเพ่ือให้บรรลุเป้าหมายน้ัน ซึ่งจะต้องมีการวางแผน การจัดการ การกาหนด ทศิ ทางและการควบคมุ เพ่อื ใหเ้ กิดการใช้ทรัพยากรได้อย่างเหมาะสม แนวคิดของระบบและการทาตัวแบบ ระบบ (System) หมายถึง กลุ่มส่วนประกอบหรือระบบย่อยต่างๆ ที่มีการทางานร่วมกัน เพื่อให้ประสบ

46 ผลสาเร็จตามวัตถปุ ระสงค์ทต่ี ั้งไว้ โดยส่วนประกอบและความสมั พนั ธ์ระหวา่ งส่วนประกอบต่างๆ ในระบบ จะเป็น ตัวกาหนดว่าระบบจะสามารถทางานไดอ้ ย่างไรเพ่ือใหผ้ ลลัพธ์ที่ได้เป็นไปตามวัตถปุ ระสงค์ท่ตี ้องการ โดยระบบแต่ ละระบบถูกจากัดดว้ ยขอบเขต (System Boundary) ซง่ึ จะเป็นตัวแยกระบบนนั้ ๆ ออกจากสิ่งแวดลอ้ ม ประเภทของระบบ ระบบสามารถแบง่ เปน็ ประเภทตา่ งๆ ไดห้ ลายกลมุ่ ดังน้ี 1. ระบบอย่างงา่ ย (Simple) และระบบทซี่ ับซ้อน (Complex)  ระบบอย่างง่าย (Simple) หมายถึง ระบบที่มีส่วนประกอบน้อยและความสัมพันธ์หรือการ โตต้ อบระหวา่ งส่วนประกอบต่างๆ ไม่ซับซอ้ น ตรงไปตรงมา  ระบบท่ีซับซ้อน (Complex) หมายถึง ระบบที่มีส่วนประกอบมากหลายส่วนแต่ละส่วนมี ความสัมพนั ธแ์ ละมีความเก่ยี วขอ้ งกันค่อนขา้ งมาก 2. ระบบเปดิ (Open) และระบบปิด (Close)  ระบบเปิด (Open) คือ ระบบท่มี ีการโตต้ อบกบั สิ่งแวดลอ้ ม  ระบบปิด (Close) คอื ระบบทไ่ี มม่ ีการโต้ตอบกบั สิ่งแวดลอ้ ม 3. ระบบคงท่ี (Static) และระบบเคลอ่ื นไหว (Dynamic)  ระบบคงที่ (Static) คอื ระบบท่ีมกี ารเปลี่ยนแปลงนอ้ ยมากเมอื่ เวลาผา่ นไป  ระบบเคล่ือนไหว (Dynamic) คือ ระบบท่ีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและมีการ เปลี่ยนแปลงอยา่ งคงท่ตี ลอดเวลา 4. ระบบทป่ี รับเปลีย่ นได้ (Adaptive) และระบบท่ปี รบั เปล่ียนไมไ่ ด้ (Non adaptive)  ระบบท่ีปรบั เปล่ียนได้ (Adaptive) คอื ระบบที่สามารถเปล่ียนแปลงเพ่อื ตอบโตก้ ับสง่ิ แวดล้อมท่ี เปล่ียนไปได้  ระบบที่ปรับเปลี่ยนไม่ได้ (Non adaptive) คือระบบที่ไม่สามารถเปล่ียนแปลงเพื่อตอบโต้กับ ส่ิงแวดล้อมทเ่ี ปล่ียนแปลงไปได้ 5. ระบบถาวร (Permanent) และระบบชวั่ คราว (Temporary)  ระบบถาวร (Permanent) คือระบบทีม่ ีอย่ใู นชว่ งระยะเวลายาวนาน  ระบบชัว่ คราว (Temporary) คือระบบทม่ี ีอยู่เพยี งชว่ งระยะเวลาสนั้ ๆ ประสทิ ธภิ าพของระบบ ประสทิ ธภิ าพของระบบสามารถวัดได้หลายทาง ไดแ้ ก่ ประสิทธิภาพ (Efficiency) คือการวัดสิ่งท่ีถูกผลิตออกมา หารด้วยส่ิงท่ีถูกใช้ไปสามารถแบ่งช่วงจาก 0 ถึง 100% ตัวอย่างเช่น ประสิทธิภาพของเคร่ืองมอเตอร์เคร่ืองหนึ่ง คอื พลังงานทผ่ี ลิตออกมา (ในรปู ของงานที่ทา เสร็จ) หารด้วยได้พลังงานที่ใช้ไป (ในรูปของไฟฟ้าหรือเช้ือเพลิง) เครื่องมอเตอร์บางเครื่องมีประสิทธิภาพ 50% หรือน้อยกว่า เนอ่ื งจากพลงั งานสูญเสียไปในการเสียดทาน และกาเนดิ ความร้อน ประสิทธิผล (Effectiveness) คือการวัดระดับการประสบผลสาเร็จตามเป้าหมายของระบบ สามารถ คานวณได้ด้วยการหารส่ิงที่ได้รับจากการประสบผลสาเร็จจริง ด้วยเป้าหมายรวม เช่น บริษัทหน่ึงมีเป้าหมายใน การลดช้ินส่วนที่เสียหาย 100 หน่วย เมื่อนาระบบการควบคุมใหม่มาใช้อาจจะช่วยให้บรรลุเป้าหมายนี้ได้ ถ้า ระบบควบคุมใหม่น้ีสามารถลดจานวนช้ินส่วนที่เสียหายได้เพียง 85 หน่วย ดังนน้ั ระดับของประสิทธิผลของระบบ ควบคมุ น้ีจะเทา่ กบั 85%

47 การทาตวั แบบของระบบ ในโลกแห่งความเป็นจริงค่อนข้างซับซ้อนและมีการเปล่ียนแปลงอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น เม่ือต้องการ ทดสอบความสัมพันธ์แบบต่างๆ และสังเกตผลท่ีเกิดขึ้น จึงจาเป็นต้องใช้ตัวแบบของระบบนั้นๆ แทนท่ีจะทดลอง กับระบบจรงิ ตัวแบบ (Model) คือ ตัวแทนซึง่ เปน็ แนวคิดหรือเปน็ การประมาณเพื่อใชใ้ นการแสดงการทางานของ ระบบจริง ตัวแบบสามารถช่วยสามารถสังเกตและเกิดความเข้าใจต่อผลลัพธ์อาจเกิดขึ้นภายใต้สถานการณ์ในโลก แห่งความเป็นจรงิ ได้ ตัวแบบมหี ลายชนิด ไดแ้ ก่ 1. . TC = (V)(X)+FC โดยที่ TC = คา่ ใชจ้ า่ ยรวม V = คา่ ใช้จา่ ยผนั แปรตอ่ หน่วย X = จานวนหนว่ ยทีถ่ กู ผลิต FC = คา่ ใช้จา่ ยคงที่ ในการสร้างตัวแบบแบบใดๆ จะต้องพยายามทาใหต้ ัวแบบนน้ั ๆ สามารถเป็นตัวแทนระบบจริงได้มากท่ีสุด เท่าทจ่ี ะเปน็ ไปได้ เพ่ือให้ไดท้ างแกป้ ญั หาของระบบท่ีถกู ต้องมากทสี่ ุด ความหมายและบทบาทของระบบสารสนเทศ ระบบสารสนเทศ (Information System หรือ IS) คือระบบแบบเฉพาะเจาะจงชนิดหน่ึง ซ่งึ อาจกล่าวได้ ว่าเป็นกลุ่มของส่วนประกอบพื้นฐานต่างๆ ท่ีทางานเก่ียวข้องกันในการเก็บ (นาเข้า) จัดการ (ประมวลผล) และ เผยแพร่ (แสดงผล) ข้อมูลและสารสนเทศและสนับสนุนกลไกลของผลสะท้อนกลับ เพอ่ื ใหบ้ รรลตุ ามวัตถุประสงค์ ส่วนประกอบของระบบสารสนเทศ 1. ส่วนที่นาเข้า (Inputs) ได้แก่ การรวบรวมและการจัดเตรียมข้อมูลดิบ ส่วนท่ีนาเข้านี้สามารถมีได้ หลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการโทรเข้าเพ่ือขอข้อมูลในระบบสอบถามเบอร์โทรศัพท์ ข้อมูลที่ลูกค้ากรอกในใบ สอบถามการใหบ้ ริการของร้านค้าฯลฯ ขึ้นอยู่กบั ส่วนแสดงผลที่ตอ้ งการ สว่ นทนี่ าเขา้ นี้อาจเป็นขบวนการท่ที าดว้ ย ตัวเองหรือเป็นแบบอัตโนมัติก็ได้ เช่น การอ่านข้อมูลรายช่ือสิ นค้าและราคาโดยเครื่องอ่านบาร์โค้ดของ ห้างสรรพสินคา้ จดั เป็นสว่ นที่นาเขา้ แบบอัตโนมัติ 2. การประมวลผล (Processing) เก่ียวข้องกับการเปล่ียนและการแปลงข้อมูลให้อยู่ในรูปของส่วน แสดงผลท่ีมีประโยชน์ ตัวอย่างของการประมวลผล ได้แก่ การคานวณการเปรียบเทียบ การเลือกทางเลือกในการ ปฏิบัติงานและการเก็บข้อมูลไว้ใช้ในอนาคตโดยการประมวลผลสามารถทาได้ด้วยตนเองหรือสามารถใช้ คอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยก็ได้ ตัวอย่างเช่น ระบบคิดเงินเดือนพนักงาน สามารถคิดได้จากการนาจานวนช่ัวโมงการ ทางานของพนักงานคูณเข้ากับอัตราค่าจ้างเพื่อให้ได้ยอดเงินรวมที่ต้องจ่ายรวม ถ้าช่ัวโมงการทางานรายสัปดาห์ มากกว่า 40 ชั่วโมงอาจมีการคิดเงินล่วงเวลาให้ โดยเพิ่มเข้าไปกับเงินรวม จากน้ันอาจจะทาการหักภาษีพนักงาน โดยการนาเงินรวมมาคิดภาษีและนาเงินรวมมาลบด้วยภาษีท่ีคานวณได้ จะทาให้ได้เงินสุทธิท่ีต้องจ่ายให้กับ พนกั งาน 3. ส่วนที่แสดงผล (Outputs) เกี่ยวข้องกับการผลิตสารสนเทศที่มีประโยชน์ มักจะอยู่ในรูปของเอกสาร หรือรายงานหรืออาจะเป็นเช็คท่ีจ่ายให้กับพนักงาน รายงานที่นาเสนอผู้บริหารและสารสนเทศที่ถูกผลิตออกมา ให้กับผู้ถือหุ้น ธนาคาร หรือกลุ่มอื่นๆ โดยส่วนแสดงผลของระบบหน่ึงอาจใช้เป็นส่วนที่นาเข้าเพ่ือควบคุมระบบ หรืออุปกรณ์อื่นๆ ก็ได้ เช่นในขบวนการผลิตเฟอร์นเิ จอร์ พนกั งานขาย ลูกค้า และนักออกแบบเฟอร์นิเจอร์อาจจะ

48 ทาการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ซ้าแล้วซ้าเล่า เพื่อให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า โดยอาจจะใช้ซอฟต์แวร์หรือ ฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการออกแบบน้ีด้วย จนกระท่ังได้ต้นแบบท่ีตรงความต้องการมากท่ีสุด จึงส่ง แบบน้ันไปทาการผลิต จะเห็นว่าแบบเฟอร์นิเจอร์ท่ีได้จากการออกแบบแต่ละครั้งจะเป็นส่วนท่ีถูกนาไปปรับปรุง การออกแบบในคร้ังต่อๆ ไป จนกระทั่งได้แบบสุดท้ายออกมา อาจอยู่ในรูปของสิ่งพิมพ์ท่ีออกมาจากเครื่องพิมพ์ หรอื แสดงอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่เป็นอุปกรณ์แสดงผลตัวหนึ่งหรืออาจจะอยู่ในรูปของรายงานและเอกสารที่ เขยี นดว้ ยมือก็ได้ 4. ผลสะท้อนกลับ (Feedback) คือ ส่วนแสดงผลที่ใช้ในการทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อส่วนที่นาเข้า หรือส่วนประมวลผล เช่น ความผิดพลาดหรือปัญหาที่เกิดขึ้น อาจจาเป็นต้องแก้ไขข้อมูลนาเข้า หรือทาการ เปลี่ยนแปลงการประมวลผลเพื่อให้ได้ส่วนแสดงผลท่ีถูกต้องตัวอย่างเช่น ระบบการจ่ายเงินเดือนพนักงาน ถ้าทา การป้อนชั่วโมงการทางานรายสัปดาห์เป็น 400 แทนที่จะเป็น 40 ช่ัวโมง ถ้าทาการกาหนดให้ระบบตรวจสอบค่า ชั่วโมงการทางานให้อยู่ในช่วง 0-100 ชัว่ โมง ดังนั้นเมื่อพบข้อมูลน้ีเป็น 400 ช่ัวโมง ระบบจะทาการส่งผลสะท้อน กลบั ออกมา อาจจะอยู่ในรูปของรายงานความผดิ พลาด ซึ่งสามารถนาไปใช้ใน การตรวจสอบและแกไ้ ขจานวนชัว่ โมงการทางานทีน่ าเข้ามาคานวณให้ถูกต้องได้ ตัวอยา่ ง เชน่ ระบบลา้ งรถอัตโนมตั ิ ระบบสารสนเทศประกอบด้วย ส่วนหลักดังรูปที่ 3 ส่วนท่ีนาเข้า คือ รถที่สกปรก น้า และน้ายาต่างๆ ท่ีใช้ในการล้างรถ เวลาและพลังงานถูกใช้ในการปฏิบัติการล้างรถ ทักษะ ได้แก่ ความสามารถเฉพาะอย่างจะถูก นามาใช้ในการฉีดสเปรย์ ขัดโฟม และเป่าแห้ง ความรูถ้ ูกนามาใช้ในการกาหนดข้ันตอนการทางานของการล้างรถ ให้ทางานไปตามข้ันตอนทถี่ ูกตอ้ ง การประมวลผล ประกอบด้วย ขั้นท่ีหนึ่ง การเลือกประเภทการล้างรถท่ีต้องการ เช่น ล้างอย่างเดียว ล้างและขัดเงา ล้างและขดั เงาและเป่าแห้งฯลฯ และข้ันต่อไปทาการนารถเขา้ ไปในเครอ่ื งล้างรถ (สังเกตว่าในส่วน น้ีจะเกิดกลไกของผลสะท้อนกลับข้ึน ได้แก่ การประเมินผลของเจ้าของรถที่มีต่อขบวนการล้างรถท่ีกาลังเกิดขึ้น) จากนั้นของฉดี ของเหลวจะฉีดนา้ สบเู่ หลว หรือครมี ขดั เงาไปที่รถ ขึ้นอยู่กับตัวเลอื กทเี่ ลือกไว้ในตอนตน้ ส่วนที่แสดงผล คือรถท่ีสะอาดแล้วจากตัวอย่าง จะเห็นว่าส่วนประกอบอิสระต่างๆ ในระบบล้างรถ อัตโนมัติ เช่น เครื่องฉีดของเหลว แปลงสาหรับทางโฟม และเคร่ืองเป่าแห้งทางานโต้ตอบกัน เพื่อให้รถสะอาด นน่ั เอง ประเภทของระบบสารสนเทศ ระบบงานคอมพิวเตอร์ท่ีมาใช้ในหน่วยงานไม่ว่าเป็นภาครัฐหรือเอกชน อาจจาแนกได้หลายประเภท ระบบท่ีสาคญั คือ 1. ระบบประมวลธุรกรรม หรือรายการค้า (Transaction Processing System : TPS) เป็นระบบ สาหรับบันทึกธุรกรรม หรือรายการค้า (Transaction) ต่างๆ ที่เกิดข้ึนกับบริษัท แล้วดาเนินการท่ีเกี่ยวข้อง เช่น เมื่อบริษัทได้รับสั่งสินค้าซึ่งเป็นรายการค้าอย่างหนึ่ง บริษัทก็จะรีบจัดส่งของ จัดทาใบส่งสินค้า แล้วส่งไปให้ผู้ซ้ือ ต่อจากน้ันเม่ือผู้ซ้ือชาระเงินก็จะบันทึกการชาระเงินไว้เป็นหลักฐานในระบบ ระบบประมวลธุรกรรมที่รู้จักกันดีก็ คือ ระบบบญั ชปี ระเภทตา่ งๆ ระบบพสั ดุสินคา้ คงคลงั 2. ระบบสารสนเทศเพ่ือการจัดการ (Management Information System หรือ MIS) เป็นระบบ สารสนเทศท่ีจัดทาข้ึนเพื่อให้ผู้บริหารระดับล่างและระดับกลางใช้ ระบบน้ีนาข้อมูลรายการค้า มาสรุปให้เป็น สารสนเทศแบบต่างๆ เปน็ กลุ่ม ตามความสนใจของผู้บริหาร รายงานแนวโน้มซ่ึงแสดงแนวโน้มของการดาเนนิ งาน ต่างๆ เช่น การขายสินค้า รายงานพยากรณ์ ได้แก่ รายงานท่ีพยากรณ์เหตุการณ์ท่ีจะเกิดขึ้นในอนาคตโดยอาศัย

49 หลักการทางสถิติ และรายงานเปรียบเทียบ ได้แก่ รายงานที่นาข้อมูลมาเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยเพื่อให้ผู้บริหาร ทราบว่ามีอะไรผิดแปลกไปจากปกติธรรมดาหรือไม่ โดยที่ระบบนี้ต้องใช้ข้อมูลธุรกรรมเป็นพ้ืนฐาน ผู้บริหารชาว ไทยน้ันได้ยินคาว่า MIS กันมานานแล้ว และพอจะทราบว่าระบบน้ีจะช่วยให้ได้รับสารสนเทศสาหรับนาไปใช้ใน การตดั สินใจได้ดขี ้นึ อยา่ งไรก็ตามการพฒั นาระบบ MIS ข้นึ ใช้งานจรงิ นัน้ ไม่ใช่เร่อื งงา่ ย 3. ระบบสารสนเทศเพื่อผู้บริหาร (Executive Information System หรือ EIS) เป็นระบบสารสนเทศ ที่นาข้อมูลรายการค้าและข้อมูลอ่ืนๆ ท้ังท่ีเป็นของหน่วยงานและของคแู่ ข่งพันธมิตร และส่งิ แวดล้อมมาจดั ทาเป็น ข้อสรุป แล้วบันทึกไว้ในฐานข้อมูลผู้บริหารเพื่อให้ผู้บริหารเรียกค้นออกมาใช้ประกอบการตัดสินใจได้ทันที ระบบ EIS นี้เป็นระบบสาหรับผู้บริหารระดับสูง ความแตกต่างระหว่างระบบน้ีกับระบบ MIS อยู่ที่การบันทึกคาอธิบาย เหตุการณ์ท่ีเกิดขึ้นประกอบลงไปกับข้อมูลเพื่อให้ผู้บริหารได้ทราบความเป็นไปของหน่วยงานตลอดจนสาเหตุที่ เป็นไปเช่นน้ัน ปัจจุบันมีหน่วยงานของรัฐหลายแห่งท่ีเร่ิมดาเนินการจัดทาระบบ EIS แล้วยกตัวอย่าง เช่น การ ปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย หรือ ปตท. มีระบบชื่อ TMIS ซ่ึงย่อมาจาก Top Management Information System เป็นระบบท่ีช่วยสรุปความเป็นไปในด้านราคาน้ามันประจาวัน ยอดขาย การนาเข้าน้ามันดิบ และแก๊ส ธรรมชาติ การกล่ันน้ามัน ตลอดจนอัตราแลกเปล่ียนเงนิ ตรา ฯลฯ ให้ผู้บริหารของ ปตท. ได้รับทราบสารสนเทศ ใหม่ๆทกุ วัน 4. ระบบสนบั สนุนการตัดสินใจ (Decision Support System หรือ DSS) เปน็ ระบบท่ีนาเอาข้อมูลจาก ฐานข้อมูลคานวณโดยอาศัยสตู รคณิตศาสตร์ หรอื โมเดลทางธุรกิจ เพื่อคาดคะเนว่าหากตัดสินใจแบบใดแบบหนึ่ง จะทาให้เกิดผลอยา่ งไรบ้าง สูตรคณิตศาสตร์น้ันเวลานี้มีบทบาทสาคัญต่อการจัดการมาก งานบางอย่างก็สามารถ คาดคะเนได้โดยสูตรคณิตศาสตร์ท่ีตายตัว เช่น การคานวณดอกเบี้ยทบต้นและงานบางอย่างก็อาจคาดคะเนได้ โดยวิธีการทางสถิติ ระบบน้ีจะต้องนาสูตรคณิตศาสตร์มาจัดทาเป็นโปรแกรมเก็บไว้ในระบบคอมพิวเตอร์เท่าท่ี ทราบมีหน่วยงานหลายแห่งที่ได้จัดทาระบบสนับสนุนการตัดสินใจขึ้นเพ่ือใช้งานแล้ว เช่น ระบบสาหรับช่วย ตดั สนิ ใจในดา้ นการลงทุนหรือการตงั้ ราคาสินคา้ 5. ระบบผู้เช่ียวชาญ (Expert System) เป็นระบบท่ีเก็บความรแู้ ละความชานาญของผู้เช่ียวชาญมาจัด ประเภทไว้เป็นหมวดหมู่เพ่ือให้ระบบสามารถทางานได้ราวกับเป็นผู้เชี่ยวชาญเอง ระบบผู้เช่ียวชาญที่จัดทาขึ้นใช้ ส่วนมากเป็นระบบแบบวินิจฉัยอาการแล้วหาสาเหตุ เช่น ระบบผู้เชี่ยวชาญโรคติดเช้ือ ระบบผู้เชี่ยวชาญโรคข้าว ระบบผู้เชย่ี วชาญความเสยี หายของอาคาร ฯลฯ การจัดทาระบบผู้เช่ียวชาญน้นั ต้องใช้วิทยาการสาขาใหมท่ เี่ รียกว่า ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) วิทยาการนี้มีจุดมุ่งหมายที่จะทาให้คอมพิวเตอร์ทางานในด้านตา่ งๆ ได้ เหมือนคน อีกนัยหน่ึงก็คือทาให้คอมพิวเตอร์เข้าใจภาษามนุษย์ ฟังคาพูดออกพูดได้ คิดเหตุผลได้เอง ไปจนถึงมี สามัญสานกึ 6. ระบบสารสนเทศสานกั งาน (Office Information System) เป็นระบบท่ีเกย่ี วเนื่องกบั งานสานักงาน อัตโนมัติ แต่แทนทีจ่ ะเน้นทางด้านเคร่ืองมือก็เปลี่ยนไปเน้นการเก็บข้อมลู ขา่ วทเี่ กิดข้นึ ในสานกั งานไวเ้ ปน็ หมวดหมู่ อาทิ ใชเ้ ทคโนโลยปี ระมวลภาพลักษณ์ (Image Processing) ในการบันทึกภาพลักษณ์ของเอกสารแล้วส่งต่อไปให้ ผู้รับเพ่ือดาเนินการต่อ การใช้เทคโนโลยีรู้จาอักขระด้วยแสง (Optical Character Recognition) เพ่ือแปลง ภาพลักษณ์ของตัวอักษรให้เป็นขอ้ ความท่ีจะนาไปประมวลผลได้ การจัดเก็บแฟ้มขอ้ ความต่างๆเพ่ือให้สามารถค้น คนื ไดค้ รบถว้ น การส่งไปรษณีย์อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ ฯลฯ ระบบสารสนเทศเป็นระบบที่ทางสหรฐั อเมริการู้จัก จัดทาขึ้น ใช้งานมานานแล้ว แต่หน่วยงานต่างๆ ของไทยเพ่ิงเริ่มตื่นตัวสนใจจัดทาขึ้นเม่ือไม่กี่ปีมาน้ีเอง ท่ีน่าเสียใจก็คือ ยัง ไม่มีหน่วยงานใดท่ีสามารถจัดทาระบบสารสนเทศได้สมบูรณ์ครบถ้วนเพราะการจัดทาระบบสารสนเทศข้างต้นนี้ ไม่ใช่เรื่องง่าย ผู้พัฒนาต้องมีประสบการณ์และต้องมีความสามารถหลายด้านด้วยกันท้ังทางด้านเทคโนโลยี การ

50 จดั การ จติ วทิ ยา และการสอ่ื สาร เทคโนโลยีท่ีนา่ สนใจในระบบสารสนเทศเพอื่ การจดั การ การแลกเปลีย่ นข้อมูลอิเล็กทรอนกิ ส์ การแลกเปล่ียนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ การส่ือสารข้อมูลในรูปแบบมาตรฐานหรือรูปแบบท่ีผู้รับ อนุญาตเพอ่ื ท่ีจะสามารถนาไปดาเนินรายการทางด้านธรุ กิจตามมาตรฐานระหวา่ งบริษัทหรือระหว่างชุดโปรแกรม กบั ชดุ โปรแกรมของบรษิ ัทได้การแลกเปลี่ยนข้อมูลอเิ ลก็ ทรอนิกส์ ใชร้ ะบบเครือขา่ ยที่เชื่อมโยงเคร่ืองคอมพิวเตอร์ ในองค์กรต่างๆ และดาเนนิ ตามมาตรฐานและขบวนการซ่งึ อนุญาตใหผ้ ลลพั ธ์จากระบบหนงึ่ ถูกประมวลผลโดยตรง เพื่อเป็นข้อมลู นาเข้าไปยังระบบอนื่ ๆ ได้ โดยไม่ต้องให้มนุษย์เป็นผดู้ าเนินการระหวา่ งขบวนการเหลา่ นี้เลย ด้วยการแลกเปล่ียนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ของลูกค้า ผู้ผลิต และแหล่งผลิตสามารถถูก เช่ือมโยงเข้าด้วยกัน ดังรปู ทาให้สามารถลดจานวนการใช้เอกสารท่เี ป็นกระดาษและลดคา่ ใช้จ่ายเรอ่ื งคา่ ใชจ้ ่ายใน การดาเนินงานผิดพลาดลงได้ การสั่งซ้ือหรือคาร้องขอของลูกค้าจะถูกส่งจากเคร่ืองคอมพิวเตอร์ของลูกค้าไปยัง เครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ผลิตและเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ผลิตเม่ือได้รับคาสั่งซื้อนั้น สามารถพิจารณาได้ว่ามี สนิ ค้าพอหรอื ไม่ ถ้าตอ้ งผลิตเพิ่มจะทาการส่งคาสง่ั ซอ้ื ไปยงั เคร่ืองคอมพิวเตอร์ของแหลง่ ผลติ อย่างอัตโนมตั ิ การพาณิชย์อิเล็กทรอนกิ ส์ การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ การดาเนินรายการ (Transaction) ทางด้านธุรกิจผ่านส่ือทาง อิเล็กทรอนิกส์ ระหว่างฝา่ ยต่างๆ เชน่ ระหว่างบริษัท (ธรุ กิจกับธุรกิจ) ระหว่างบรษิ ัทกับลูกคา้ (ธุรกิจกบั ผู้บรโิ ภค) ระหว่างธุรกิจกับส่วนงานสาธารณะหรือระหว่างลูกค้ากับส่วนสาธารณะ คนโดยท่ัวไปมักคิดว่า พาณิชย์ อเิ ล็กทรอนกิ ส์ หมายถงึ การทผ่ี บู้ รโิ ภคเข้าไปยังเว็บไซตใ์ ดๆ เพอื่ ทาการซ้อื สนิ คา้ แบบออนไลน์ แต่ในความเปน็ จริง แล้วการซ้ือขายสินค้าผ่านเว็บไซต์เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่งของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เท่าน้ัน การใช้พาณิชย์ อเิ ล็กทรอนกิ ส์สามารถช่วยให้การดาเนนิ งานในการซือ้ -ขายของบริษัทใหญๆ่ ทาได้ง่ายขึ้นหรือแม้กระท่ังกับบริษัท เล็กๆ เองก็มีโอกาสที่จะขายสินค้าในราคาต่า ในกลุ่มตลาดต่างๆท่ัวโลก ข้อดีของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์สาหรับ ผู้บริโภค ได้แก่ การซ้ือสินค้าได้โดยไม่ต้องเบียดเสียดกับฝูงคนมากมายในห้างสรรพสินค้า สามารถช้ือสินค้าได้ ตลอดเวลาท่ตี ้องการเม่ืออยู่ทีบ่ า้ นหรือที่ทางาน และไดร้ บั สนิ คา้ โดยตรงถงึ บ้านไม่ตอ้ งขนส่งเอง จากรูปเป็นการแสดงตัวอย่างการใช้พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในขบวนการสั่งซ้ือเฟอร์นิเจอร์ใหม่จาก บริษัทผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งในการสั่งซ้ือโดยท่ัวไปแล้วจะเริ่มต้ังแต่พนักงานเขียนคาร้องขอเพื่อส่ังซื้อสินค้าและ นาไปผ่านการขออนุมัติการสั่งซ้ือ เมื่อผ่านการอนุมัติแล้วจึงนาใบร้องขอนั้นไปทาเป็นแบบส่ังซ้ืออย่างเป็นทางการ และส่งไปยังผู้ขายสินค้าที่ต้องการ ขบวนการเหล่าน้ีสามารถสาเร็จได้โดยง่ายเมื่อใช้พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ โดย พนักงานสามารถไปยังเว็บไซต์ของผู้ขายเฟอร์นิเจอร์ และเลือกสินค้าท่ีต้องการจากรายการสินค้าในเว็บไซต์นั้นๆ และทาการส่ังซื้อสินค้าตามราคาที่ตกลงไว้ก่อนหน้าน้ันแล้ว ถ้าการส่ังซ้ือต้องผ่านการอนุมัติกอ่ น ผู้อนุมัติจะได้รับ การแจง้ ให้ทราบถึงการสั่งซ้ือน้ี จากความสะดวกสบายต่างๆ ทั้งในด้านของผู้ดาเนินธุรกิจและในด้านของผบู้ ริโภค ในปจั จุบัน พาณิชย์อเิ ลก็ ทรอนกิ สจ์ ึงมกี ารเจริญเติบโตอย่างรวดเรว็

51 แบบทดสอบก่อนเรยี น หน่วยท่ี 3 คาชแ้ี จง : 1. ขอ้ สอบเป็นแบบปรนัยมีทั้งหมด 10 ขอ้ 10 คะแนน 2. หา้ มขีดเขยี นขอ้ ความใดๆ ลงในข้อสอบโดยเดด็ ขาด 3. จงเลอื กคาตอบทถ่ี ูกต้องเพียงคาตอบเดยี วลงในกระดาษคาตอบที่แจกให้ คาสั่ง ให้นกั เรียนเลือกกากบาท (X) ทบั ข้อท่ีเห็นวา่ ถูกทีส่ ุดเพยี งข้อเดียวลงในกระดาษคาตอบทีแ่ จกให้ 1. ขอ้ ใดตอ่ ไปนี้ ไมเ่ ปน็ แหล่งสารสนเทศ ก. แหลง่ สารสนเทศบุคคล ข. แหลง่ สารสนเทศสถาบัน ค. แหลง่ สารสนเทศสอ่ื มวลชน ง. แหลง่ สารสนเทศเครือขา่ ย 2. หอ้ งสมุดถือวา่ เป็นแหล่งสารสนเทศใด ก. แหลง่ สารสนเทศบคุ คล ข. แหลง่ สารสนเทศสถาบนั ค. แหล่งสารสนเทศส่ือมวลชน ง. แหลง่ สารสนเทศเครือข่าย 3. ขอ้ ใดต่อไปน้คี ือเวบ็ ไซต์ของหนว่ ยงานราชการ ก. กระทรวงสาธารณสุข URL : http://www.moph.go.th/ ข. ธนาคารไทยพาณิชย์ URL : http://www.scb.co.th ค. หนังสือพมิ พ์มติชน URL : http://www.matichon.co.th ง. บรษิ ัทแกรมมี่ URL : http://www.grammy.co.th 4. ข้อใดหมายถงึ ระบบท่ีมกี ารโต้ตอบกับสง่ิ แวดล้อม ก. ระบบเปดิ ข. ระบบปิด ค. ระบบทซ่ี บั ซ้อน ง. ระบบเคลื่อนไหว 5. ขอ้ ใดหมายถึงระบบท่ีมสี ว่ นประกอบมากหลายสว่ น ก. ระบบเปดิ ข. ระบบปดิ ค. ระบบท่ซี บั ซ้อน ง. ระบบเคล่ือนไหว 6. ข้อใดไม่ใชส่ ่วนประกอบของระบบสารสนเทศ ก. Inputs ข. Processing ค. Output ง. Product

52 7. ส่วนใดมีผลต่อการเปล่ียนแปลงตอ่ สว่ นท่ีนาเข้าหรือสว่ นประมวลผล ก. Inputs ข. Processing ค. Feedback ง. Product 8. ระบบใดหมายถงึ ระบบพัสดุสินค้าคงคลัง ก. TPS ข. MIS ค. EIS ง. DSS 9. ระบบปญั ญาประดษิ ฐ์เกีย่ วข้องกับข้อใด ก. TPS ข. MIS ค. Expert System ง. DSS 10. ข้อใดคือความหมายของการแลกเปลย่ี นขอ้ มลู อเิ ลก็ ทรอนิกสม์ ากทส่ี ุด ก. การตดิ ต่อสื่อสารระหว่างเครื่องคอมพวิ เตอร์กับโมเด็ม ข. การส่อื สารข้อมูลระหว่างบริษัทด้วยชดุ คาสั่งโปรแกรม ค. การติดต่อสื่อสารของอนิ เทอร์เน็ต ง. การติดต่อสอื่ สารระหวา่ งเครื่องคอมพวิ เตอร์กับคอมพวิ เตอร์ เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยที่ 3 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 งขกกคงกกคง แบบทดสอบหลังเรียน หน่วยที่ 3 คาชีแ้ จง : 1. ขอ้ สอบเปน็ แบบปรนยั มที ง้ั หมด 10 ข้อ 10 คะแนน 2. หา้ มขดี เขียนข้อความใดๆ ลงในข้อสอบโดยเด็ดขาด 3. จงเลือกคาตอบที่ถูกต้องเพยี งคาตอบเดียวลงในกระดาษคาตอบท่แี จกให้ คาส่งั ให้นักเรยี นเลอื กกากบาท (X) ทบั ข้อที่เหน็ วา่ ถูกท่ีสุดเพียงข้อเดยี วลงในกระดาษคาตอบทแ่ี จกให้ 1. ข้อใดหมายถงึ ระบบที่มกี ารโต้ตอบกบั สิง่ แวดลอ้ ม ก. ระบบเปดิ ข. ระบบปดิ ค. ระบบท่ีซบั ซ้อน ง. ระบบเคล่ือนไหว 2. ส่วนใดมผี ลตอ่ การเปลยี่ นแปลงต่อส่วนท่ีนาเขา้ หรือสว่ นประมวลผล

53 ก. Inputs ข. Processing ค. Feedback ง. Product 3. ระบบปัญญาประดิษฐ์เกย่ี วข้องกับข้อใด ก. TPS ข. MIS ค. Expert System ง. DSS 4. ขอ้ ใดคือความหมายของการแลกเปลี่ยนขอ้ มลู อิเลก็ ทรอนิกส์มากท่สี ดุ ก. การตดิ ต่อสือ่ สารระหว่างเคร่ืองคอมพิวเตอร์กบั โมเด็ม ข. การส่ือสารข้อมลู ระหวา่ งบรษิ ัทดว้ ยชุดคาสง่ั โปรแกรม ค. การตดิ ต่อสอ่ื สารของอนิ เทอร์เนต็ ง. การตดิ ต่อสื่อสารระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์กับคอมพิวเตอร์ 5. ระบบใดหมายถึง ระบบพัสดุสนิ ค้าคงคลัง ก. TPS ข. MIS ค. EIS ง. DSS 6. ข้อใดตอ่ ไปน้ี ไมเ่ ป็น แหล่งสารสนเทศ ก. แหล่งสารสนเทศบุคคล ข. แหลง่ สารสนเทศสถาบัน ค. แหลง่ สารสนเทศสอ่ื มวลชน ง. แหลง่ สารสนเทศเครือขา่ ย 7. ห้องสมุดถือว่าเป็นแหลง่ สารสนเทศใด ก. แหล่งสารสนเทศบุคคล ข. แหลง่ สารสนเทศสถาบัน ค. แหลง่ สารสนเทศสือ่ มวลชน ง. แหล่งสารสนเทศเครือข่าย 8. ขอ้ ใดตอ่ ไปนค้ี ือเวบ็ ไซต์ของหนว่ ยงานราชการ ก. กระทรวงสาธารณสุข URL : http://www.moph.go.th/ ข. ธนาคารไทยพาณชิ ย์ URL : http://www.scb.co.th ค. หนังสอื พมิ พ์มตชิ น URL : http://www.matichon.co.th ง. บรษิ ทั แกรมมี่ URL : http://www.grammy.co.th 9. ข้อใดหมายถึงระบบท่ีมีสว่ นประกอบมากหลายส่วน ก. ระบบเปดิ

54 ข. ระบบปดิ ค. ระบบที่ซบั ซ้อน ง. ระบบเคลื่อนไหว 10. ข้อใดไม่ใชส่ ว่ นประกอบของระบบสารสนเทศ ก. Inputs ข. Processing ค. Output ง. Product เฉลยแบบทดสอบหลังเรยี น หนว่ ยที่ 3 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 กกคงกงขกคง ใบงาน หน่วยท่ี 3 เร่ือง ระบบสารสนเทศ จดุ ประสงค์ 1. มีความรคู้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกบั ระบบสารสนเทศ 2. อธบิ ายแนวคดิ ของระบบและการทาตัวแบบได้ 3. อธิบายความหมายและบทบาทของระบบสารสนเทศได้ 4. บอกประเภทของระบบสารสนเทศได้ 5. บอกเทคโนโลยที น่ี ่าสนใจในระบบสารสนเทศเพ่ือการจดั การได้ 6. เพือ่ ใหน้ กั เรียนมีความสามัคคีและร่วมกันทางานเปน็ ทีม กจิ กรรม จากการเรียนในหน่วยที่ 3 เร่ือง ระบบสารสนเทศ ให้นักเรียนแบง่ กลุ่มๆ ละสองคนแล้วจดั ทารายงาน ตามหัวขอ้ ต่อไปนี้ 1. ให้อธิบายถึงความสาคัญของข้อมลู และสารสนเทศท่ีมีตอ่ ชีวิตประจาวนั 2. ให้ยกตวั อยา่ งประโยชนข์ องข้อมูลและสารสนเทศท่ีมีตอ่ นักเรยี น 3. ใหอ้ ธบิ ายการทาข้อมลู ใหเ้ ป็นสารสนเทศและยกตวั อยา่ งประกอบ

55 เฉลยใบงาน หน่วยท่ี 3 เรอื่ ง ระบบสารสนเทศ จดุ ประสงค์ 7. มีความรคู้ วามเข้าใจเกยี่ วกับระบบสารสนเทศ 8. อธบิ ายแนวคิดของระบบและการทาตวั แบบได้ 9. อธิบายความหมายและบทบาทของระบบสารสนเทศได้ 10. บอกประเภทของระบบสารสนเทศได้ 11. บอกเทคโนโลยที ี่นา่ สนใจในระบบสารสนเทศเพื่อการจดั การได้ 12. เพอ่ื ใหน้ ักเรียนมีความสามัคคีและรว่ มกันทางานเปน็ ทีม กิจกรรม จากการเรียนในหนว่ ยที่ 3 เรอื่ ง ระบบสารสนเทศ ใหน้ กั เรียนแบ่งกลุ่มๆ ละสองคนแลว้ จดั ทารายงาน ตามหัวขอ้ ต่อไปน้ี 4. ให้อธบิ ายถึงความสาคัญของข้อมลู และสารสนเทศท่ีมตี ่อชวี ิตประจาวัน 5. ให้ยกตวั อยา่ งประโยชนข์ องข้อมลู และสารสนเทศท่ีมตี อ่ นักเรยี น 6. ให้อธิบายการทาข้อมลู ให้เป็นสารสนเทศและยกตวั อยา่ งประกอบ ให้นกั ศึกษาทดลองปฏบิ ัติด้วยตนเอง

56 แบบฝกึ ปฏิบัติ หน่วยท่ี 3 เรื่อง ระบบสารสนเทศ สมาชกิ ในกล่มุ 1. ........................................................................... หอ้ ง ................ เลขที่ ................ 2. ........................................................................... หอ้ ง ................ เลขที่ ................ 3. ........................................................................... หอ้ ง ................ เลขที่ ................ จดุ ประสงค์ 1. มีความรคู้ วามเขา้ ใจเกี่ยวกบั ระบบสารสนเทศ 2. อธบิ ายแนวคดิ ของระบบและการทาตวั แบบได้ 3. อธบิ ายความหมายและบทบาทของระบบสารสนเทศได้ 4. เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นมีความสามัคคีและรว่ มกนั ทางานเปน็ ทีม แนวทางการปฏบิ ตั ิ : ให้นักเรียนฝกึ การวิเคราะห์ข้อมลู และสารสนเทศจากข้อมูลต่อไปนีใ้ หถ้ ูกต้อง นกั เรียนไปซื้อผลไม้ในตลาด แม่ค้าร้านหนง่ึ บอกวา่ เงาะราคากโิ ลละ 20 บาท ถ้าซือ้ 3 กิโลกรัม ลดให้ 10 บาท ส่วนอีกรา้ นหน่ึง ติดราคาไว้วา่ เงาะราคา กิโลกรมั ละ 17 บาทถ้าแมใ่ ห้ซ้ือเงาะ 3 กโิ ลกรมั นักเรียนควรจะซื้อ จากร้านไหน ตัวอย่างข้างต้น นักเรียนจะเห็นได้ว่า ราคาเงาะต่อกิโลกรัมของแม่ค้าทั้งสองเจ้า และจานวนเงาะ 3 กิโลกรัม ที่ต้องการซื้อเป็นข้อมูลที่ได้เบื้องต้น แต่ข้อมูลเหล่าน้ีไม่ได้บอกเลยว่าควรจะเลือกซื้อเงาะจากเจ้าไหน ส่ิง ท่ีต้องทาคือ นาข้อมูลเหล่านั้นมาประมวลผลเพ่ือให้ได้ราคาท้ังหมดของเงาะ 3 กิโลกรัม (สารสนเทศ) จากแม่ค้า ทง้ั สองเจ้า

57 เฉลยแบบฝกึ ปฏิบตั ิ หนว่ ยท่ี 3 เรื่อง ระบบสารสนเทศ สมาชกิ ในกลุ่ม 1. ........................................................................... ห้อง ................ เลขท่ี ................ 2. ........................................................................... หอ้ ง ................ เลขที่ ................ 3. ........................................................................... ห้อง ................ เลขท่ี ................ จุดประสงค์ 1. มีความรู้ความเขา้ ใจเก่ยี วกบั ระบบสารสนเทศ 2. อธบิ ายแนวคดิ ของระบบและการทาตวั แบบได้ 3. อธบิ ายความหมายและบทบาทของระบบสารสนเทศได้ 4. เพอ่ื ให้นักเรียนมีความสามัคคีและร่วมกันทางานเปน็ ทีม แนวทางการปฏบิ ตั ิ : ใหน้ ักเรียนฝกึ การวเิ คราะห์ข้อมูลและสารสนเทศจากข้อมูลต่อไปน้ีให้ถูกต้อง นักเรียนไปซือ้ ผลไม้ในตลาด แม่ค้าร้านหนง่ึ บอกวา่ เงาะราคากิโลละ 20 บาท ถ้าซอื้ 3 กิโลกรัม ลดให้ 10 บาท ส่วนอีกร้านหนงึ่ ติดราคาไวว้ ่า เงาะราคา กิโลกรัมละ 17 บาทถา้ แม่ให้ซอื้ เงาะ 3 กิโลกรัม นักเรียนควรจะซ้ือ จากร้านไหน ตัวอย่างข้างต้น นักเรียนจะเห็นได้ว่า ราคาเงาะต่อกิโลกรัมของแม่ค้าท้ังสองเจ้า และจานวนเงาะ 3 กิโลกรัม ท่ีต้องการซ้ือเป็นข้อมูลท่ีได้เบ้ืองต้น แต่ข้อมูลเหล่านี้ไมไ่ ด้บอกเลยว่าควรจะเลือกซ้ือเงาะจากเจ้าไหน ส่ิง ที่ต้องทาคือ นาข้อมูลเหล่านั้นมาประมวลผลเพ่ือให้ได้ราคาท้ังหมดของเงาะ 3 กิโลกรัม (สารสนเทศ) จากแม่ค้า ทั้งสองเจา้ ใหน้ กั ศึกษาทดลองปฏิบตั ิด้วยตนเอง ดา้ นทกั ษะ+ดา้ นจิตพสิ ัย (ปฏบิ ัติ+ดา้ นจติ พิสยั ) (จุดประสงค์เชิงพฤติกรรมขอ้ ที่ 3-5) 1. แบบทดสอบกอ่ นเรียน 2. แบบทดสอบหลังเรียน 3. ใบงาน หน่วยท่ี 3 4. แบบฝึกปฏิบตั ิ หน่วยที่ 3 • ด้านคณุ ธรรม/จรยิ ธรรม/จรรยาบรรณ/บรู ณาการเศรษฐกิจพอเพียง (จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมขอ้ ท่ี 6)

58 1. มีความรู้ รอบคอบเก่ยี วกับระบบสารสนเทศได้ กิจกรรมการเรยี นการสอนหรือการเรยี นรู้ ขนั้ ตอนการสอนหรอื กิจกรรมของครู ข้ันตอนการเรียนรู้หรือกิจกรรมของนักเรยี น 1. ขั้นเตรียม ( 15 นาที ) 1. ขน้ั เตรียม ( 15 นาที ) 1. ผู้สอนให้ผู้เรียนออกมาจาแนกประเภทของ 1. ผู้เรียนจาแนกประเภทของระบบสารสนเทศตาม ระบบสารสนเทศตามความเข้าใจของตนอง ความเขา้ ใจของตนอง 2. ผสู้ อนแจ้งจุดประสงค์การเรียนของหน่วยที่ 3 2. ผู้เรียนทาความเข้าใจเก่ียวกับจุดประสงค์การ เรือ่ ง ระบบสารสนเทศ เรียน ของหนว่ ยท่ี 3 เร่อื ง ระบบสารสนเทศ 3. ผู้สอนให้ผู้เรียนรวบรวมความหมายและ 3. ผู้ เรีย น ร่ว ม กั น ระ ด ม ค ว าม คิ ด รว บ รว ม บทบาทของระบบสารสนเทศโดยให้ผู้เรียนระดม ความหมายและบทบาทของระบบสารสนเทศโดยให้ ความคิดร่วมกัน และนาเสนอหนา้ ช้ันเรียน ผเู้ รยี นระดมความคดิ ร่วมกนั และนาเสนอหนา้ ชน้ั เรียน 4. ผู้สอนให้ผู้เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน 4. ผู้เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยท่ี 3 หน่วยที่ 3 เร่อื ง ระบบสารสนเทศ หน้าท่ี 60-61 เรอ่ื ง ระบบสารสนเทศ หนา้ ที่ 60-61 5. ผู้สอนให้ผู้เรียนสลับกันตรวจแบบทดสอบ 5. ผู้เรยี นสลับกันตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน ด้วย กอ่ นเรยี น ดว้ ยความซอ่ื สตั ย์ แล้วนาคะแนนที่ไดบ้ ันทึก ความซื่อสัตย์ โดยครูเป็นผู้เฉลย แล้วนาคะแนนที่ได้ ลงในแบบบันทึกคะแนนการปฏิบัติกิจกรรมระหว่าง บันทึกลงในแบบบันทึกคะแนนการปฏิบัติกิจกรรม เรยี น ระหว่างเรียน 2. ขน้ั ใหค้ วามรู้ ( 180 นาที) 2. ข้ันใหค้ วามรู้ (180 นาที) 1. ผู้สอนเปิด PowerPoint เร่ือง ระบบ 1. ผู้ เรีย น ศึ ก ษ า PowerPoint เร่ือ ง ระบ บ สารสนเทศและเปิดเอกสารประกอบการสอน วิชา สารสนเทศและเปิดเอกสารประกอบการสอน วิชา อนิ เทอร์เน็ตเพือ่ ธรุ กิจ หนว่ ยท่ี 3 หนา้ ที่ 62-73 อนิ เทอร์เน็ตเพ่ือธุรกิจ หน่วยที่ 3 หน้าที่ 62-73พร้อม จดบันทกึ เนอ้ื หาทสี่ าคัญ 2. ผู้สอนให้ผู้เรียนตรวจพบเทคโนโลยีที่ 2. ผู้เรียนสาธิตวิธีการเสนอรายงานข้อมูลของฝ่ายการ น่าสนใจในระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการตามที่ได้ บัญชี ตามทไ่ี ด้ศกึ ษาจาก PowerPoint ศกึ ษาจาก PowerPoint

59 กิจกรรมการเรียนการสอนหรือการเรยี นรู้ ข้นั ตอนการสอนหรือกจิ กรรมของครู ข้นั ตอนการเรยี นรหู้ รอื กิจกรรมของนักเรยี น 3. ข้นั ประยุกตใ์ ช้ ( 135 นาที ) 3. ขนั้ ประยกุ ต์ใช้ ( 135 นาที ) 1. ผู้สอนให้ผู้เรียนทาใบงาน หน่วยท่ี 3 หน้า 1. ผู้เรยี นทาใบงาน หนว่ ยท่ี 3 หนา้ 76 76 2. ผู้สอนให้ผู้เรียนทาแบบฝึกปฏิบัติ หน่วยท่ี 3 2. ผู้เรียนทาแบบฝึกปฏิบัติ หนว่ ยท่ี 3 หนา้ 77 หน้า 77 3. ผสู้ อนให้ผเู้ รยี นสบื ค้นขอ้ มูลจากอินเทอร์เน็ต 3. ผู้เรยี นสืบค้นข้อมูลจากอินเทอร์เนต็ 4. ขน้ั สรปุ และประเมินผล ( 30 นาที ) 4. ขน้ั สรุปและประเมนิ ผล ( 30 นาที ) 1. ผสู้ อนและผู้เรยี นรว่ มกันสรุปเนอื้ หาที่ไดเ้ รียนให้ 1. ผู้เรียนร่วมกันสรุปเนื้อหาที่ได้เรียนให้มีความ มีความเขา้ ใจในทิศทางเดียวกนั เข้าใจในทิศทางเดียวกัน 2. ผู้สอนให้ผู้เรียนทาแบบทดสอบหลังเรียน 2. ผู้เรียนทาแบบทดสอบหลังเรียน หน่วยท่ี 3 หน่วยที่ 3 หน้า 74-75 หน้า 74-75 3. ผู้สอนให้ผู้เรียนสลับกันตรวจแบบทดสอบหลัง 3. ผู้เรียนสลับกันตรวจแบบทดสอบหลังเรียนด้วย เรียนด้วยความซื่อสัตย์ แล้วนาคะแนนที่ได้บันทึกลงใน ความซื่อสัตย์ นาคะแนนท่ีได้บันทึกลงในแบบ บันทึก แบบบนั ทึกคะแนนการปฏิบตั ิกิจกรรมระหว่างเรยี น คะแนนการปฏิบัติกิจกรรมระหว่างเรียน พร้อม เปรียบเทียบคะแนนของแบบทดสอบก่อนเรียน และหลัง เรียนว่ามีผลต่างกันอย่างไร เพื่อดูความก้าวหน้าของ 4. ผู้สอนให้ผู้เรียนศึกษาเพ่ิมเติมนอกห้องเรียน ตนเอง ด้วย PowerPoint ทีจ่ ดั ทาขึ้น 4. ผู้เรียนศึกษาเพิ่มเติมนอกห้องเรียน ด้วย PowerPoint ทจ่ี ัดทาขน้ึ (บรรลจุ ดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรมขอ้ ท่ี 1-6) (บรรลจุ ุดประสงค์เชงิ พฤติกรรมขอ้ ท่ี 1-6) (รวม 360 นาที หรอื 6 คาบเรียน) งานทีม่ อบหมายหรือกจิ กรรมการวัดผลและประเมนิ ผล ก่อนเรียน 1. จัดเตรยี มเอกสาร สอ่ื การเรียนการสอนหน่วยท่ี 3 2. ทาแบบทดสอบก่อนเรียน เรอ่ื ง ระบบสารสนเทศ แล้วสลับกันตรวจคาตอบ

60 3. ทาความเข้าใจเกีย่ วกับจดุ ประสงคก์ ารเรียนของหนว่ ยท่ี 3 และใหค้ วามรว่ มมือในการทากิจกรรมใน หนว่ ยที่ 3 ขณะเรียน 1. ปฏบิ ัตติ ามใบงาน หนว่ ยที่ 3 2. ปฏบิ ตั ิตามแบบฝึกปฏบิ ตั ิ หน่วยท่ี 3  หลงั เรยี น 1. สรุปเนื้อหา 2. ทาแบบทดสอบ หน่วยท่ี 3 3. สลบั กนั ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน ผลงาน/ช้ินงาน/ความสาเร็จของผูเ้ รียน แบบทดสอบกอ่ นเรียน, แบบทดสอบหลังเรียน, ใบงาน, แบบฝึกปฏิบตั ิ ส่อื การเรยี นการสอน/การเรยี นรู้ สอ่ื ส่ิงพมิ พ์ 1. เอกสารประกอบการสอนวิชา อินเทอร์เน็ตเพื่องานธุรกิจ (ใช้ประกอบการเรียนการสอนจุดประสงค์ เชิงพฤติกรรมขอ้ ที่ 1-6) 2. ใบความรู้ที่ 3 เรื่อง ระบบสารสนเทศ (ใช้ประกอบการเรียนการสอนข้ันให้ความรู้ เพื่อให้บรรลุ จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ข้อท่ี 1-6) 3. แบบทดสอบก่อนเรียน หนว่ ยที่ 3 ขั้นนาเขา้ สู่บทเรยี น ขอ้ 4 4. ใบงาน หน่วยท่ี 3 ขัน้ ประยกุ ต์ใชข้ อ้ 1 5. แบบฝกึ ปฏบิ ัติ หน่วยท่ี 3 ขนั้ ประยุกตใ์ ช้ข้อ 2 6. แบบทดสอบหลงั เรยี น หนว่ ยที่ 3 สรปุ และประเมนิ ผล ข้อ 2 7. แบบประเมนิ ผลงานตามใบงาน ใช้ประกอบการสอนขั้นประยุกตใ์ ช้ ขอ้ 1 8. แบบประเมินพฤตกิ รรมการทางาน ใช้ประกอบการสอนข้ันประยกุ ตใ์ ช้ ขอ้ 2

61 สอื่ โสตทัศน์ (ถา้ มี) 1. เครือ่ งไมโครคอมพิวเตอร์ 2. PowerPoint เรอื่ ง ระบบสารสนเทศ สือ่ ของจรงิ ระบบสารสนเทศ (ใช้ประกอบการเรียนการสอนจดุ ประสงค์เชงิ พฤติกรรมข้อที่ 1-6) แหลง่ การเรยี นรู้ ในสถานศึกษา 1. ห้องสมดุ วิทยาลยั ฯ 2. หอ้ งปฏิบตั กิ ารคอมพิวเตอร์ ศึกษาหาขอ้ มูลทาง Internet นอกสถานศึกษา ผปู้ ระกอบการ สถานประกอบการ ในท้องถิน่ การบูรณาการ/ความสมั พันธก์ ับวิชาอน่ื 1. การบูรณาการกบั วชิ าภาษาไทย ดา้ นบคุ ลิกภาพในการนาเสนอหนา้ ชน้ั เรียน 2. การบูรณาการกับวิชาคอมพวิ เตอรแ์ ละระบบสารสนเทศเพ่ืองานอาชีพ การบรู ณาการกับวิชาจรยิ ธรรมในอาชีพคอมพิวเตอร์ การประเมินผลการเรยี นรู้  หลกั การประเมินผลการเรยี นรู้ กอ่ นเรยี น 1. ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรียน ขณะเรยี น 1. ตรวจผลงานตามใบงานท่ี 3 2. ตรวจแบบฝึกปฏิบตั ิ หน่วยที่ 3 หลังเรยี น 1. ตรวจแบบทดสอบหลงั เรียน

62 คาถาม 1. จงอธิบายเก่ียวกับระบบสารสนเทศ 2. ระบบและการทาตวั แบบ มแี นวคดิ อย่างไร 3. ความหมายและบทบาทของระบบสารสนเทศ คือ 4. ระบบสารสนเทศมกี ีป่ ระเภท อะไรบ้าง 5. เทคโนโลยีทีน่ า่ สนใจในระบบสารสนเทศเพ่ือการจัดการ มีอะไรบ้าง ผลงาน/ชิ้นงาน/ผลสาเร็จของผู้เรียน ตรวจแบบทดสอบก่อนเรยี น, แบบทดสอบหลังเรยี น, ใบงาน, แบบฝกึ ปฏิบตั ิ สมรรถนะที่พงึ ประสงค์ ผ้เู รยี นสรา้ งความเข้าใจเกี่ยวกบั ระบบสารสนเทศ 1. วเิ คราะหแ์ ละตีความหมาย 2. ต้งั คาถาม 3. อภปิ รายแสดงความคดิ เห็นระดมสมอง 4. การประยุกต์ความรู้สู่งานอาชีพ สมรรถนะการปฏิบตั ิงานอาชีพ 1. แสดงความรู้เก่ียวกบั ระบบสารสนเทศ สมรรถนะการขยายผล ความสอดคล้อง จากการเรียน เร่ือง ระบบสารสนเทศ ทาให้ผู้เรียนมีความรู้เพิ่มเก่ียวกับระบบสารสนเทศเพ่ือการ จัดการเป็นการรวมกล่มุ ของฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ คนขบวนการ ฐานข้อมูล และอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อการจัดการกับ ข้อมูลและสารสนเทศช่วยให้องค์กรบรรลุเป้าหมายได้ โดยระบบสารสนเทศเพ่ือการจัดการจะช่วยให้ผู้จัดการ มองเห็นภาพรวมของการปฏิบัตงิ านขององคก์ ร ทาให้สามารถควบคุม จดั การและวางแผนการปฏิบัติงานได้อย่าง มปี ระสิทธิภาพและประสิทธิผล ระบบสารสนเทศขององค์กร อาจประกอบด้วยระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ ด้านต่างๆ ในองค์กร เช่น ด้านการเงิน การตลาด การผลิต ฯลฯ โดยแต่ละระบบต้องการข้อมูลเข้าท่ีแตกต่างกัน ประกอบด้วยระบบย่อยๆ ท่ีสนบั สนุนการทางานด้านน้ันๆ ท่ีแตกตา่ งกันและยงั ให้ผลลัพธ์ของระบบที่แตกต่างกัน อีกด้วย

63 รายละเอยี ดการประเมนิ ผลการเรียนรู้  จุดประสงค์เชงิ พฤติกรรม ข้อท่ี 1 อธิบายระบบสารสนเทศได้ 1. วิธีการประเมนิ : ทดสอบ 2. เครื่องมือ : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การใหค้ ะแนน : อธบิ ายระบบสารสนเทศได้ จะได้ 1 คะแนน  จุดประสงค์เชงิ พฤติกรรม ข้อท่ี 2 รวบรวมความหมายและบทบาทของระบบสารสนเทศได้ 1. วธิ กี ารประเมนิ : ตรวจผลงาน 2. เครื่องมือ : แบบประเมนิ 3. เกณฑ์การให้คะแนน : รวบรวมความหมายและบทบาทของระบบสารสนเทศได้ จะได้ 1 คะแนน  จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม ข้อที่ 3 รวบรวมความหมายและบทบาทของระบบสารสนเทศได้ 1. วธิ ีการประเมิน : ตรวจผลงาน 2. เครื่องมือ : แบบประเมนิ 3. เกณฑ์การใหค้ ะแนน : รวบรวมความหมายและบทบาทของระบบสารสนเทศได้ จะได้ 2 คะแนน  จุดประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม ข้อที่ 4 ยอมรบั แนวคิดของระบบและการทาตัวแบบได้ 1. วธิ กี ารประเมิน : ตรวจผลงาน 2. เครื่องมอื : แบบประเมนิ 3. เกณฑ์การใหค้ ะแนน : ยอมรบั แนวคดิ ของระบบและการทาตัวแบบได้ จะได้ 2 คะแนน  จดุ ประสงค์เชงิ พฤติกรรม ข้อท่ี 5 จาแนกประเภทของระบบสารสนเทศได้ 1. วิธีการประเมิน : ตรวจผลงาน 2. เครอ่ื งมอื : แบบประเมิน 3. เกณฑ์การให้คะแนน : จาแนกประเภทของระบบสารสนเทศได้ จะได้ 1 คะแนน  จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ข้อท่ี 6 ติดตามแนวโนม้ การใช้สือ่ เครือขา่ ยสงั คมออนไลน์ได้ 1. วธิ ีการประเมนิ : ตรวจผลงาน 2. เคร่ืองมือ : แบบประเมิน 3. เกณฑ์การให้คะแนน : ตดิ ตามแนวโน้มการใช้ส่อื เครือข่ายสังคมออนไลนไ์ ด้ จะได้ 1 คะแนน

64  จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ข้อท่ี 7 มีความรู้ รอบคอบเกี่ยวกับระบบสารสนเทศได้ 1. วิธีการประเมนิ : ตรวจผลงาน 2. เครื่องมอื : แบบประเมินกระบวนการทางานกล่มุ 3. เกณฑ์การให้คะแนน : มีความรู้ รอบคอบเกีย่ วกบั ระบบสารสนเทศได้ จะได้ 2 คะแนน

65 แบบประเมินกระบวนการทางาน ชอื่ กลุ่ม……………………………………………ชน้ั ………………………ห้อง........................... รายชือ่ สมาชกิ 2……………………………………เลขที่……. 4……………………………………เลขท่ี……. 1……………………………………เลขท…ี่ …. 3……………………………………เลขท…่ี …. ที่ รายการประเมนิ คะแนน ขอ้ คดิ เหน็ 1 การกาหนดเปา้ หมายรว่ มกนั 321 2 การแบ่งหน้าทีร่ ับผดิ ชอบและการเตรยี มความพร้อม 3 การปฏบิ ตั หิ น้าทีท่ ี่ไดร้ ับมอบหมาย 4 การประเมนิ ผลและปรบั ปรุงงาน รวม ผู้ประเมนิ ………………………………………………… วนั ที่…………เดอื น……………………..พ.ศ…………... เกณฑ์การให้คะแนน 1. การกาหนดเปา้ หมายรว่ มกัน 3 คะแนน = สมาชกิ ทุกคนมสี ว่ นร่วมในการกาหนดเปา้ หมายการทางานอยา่ งชดั เจน 2 คะแนน = สมาชกิ ส่วนใหญ่มสี ่วนรว่ มในการกาหนดเปา้ หมายในการทางาน 1 คะแนน = สมาชิกสว่ นนอ้ ยมสี ว่ นรว่ มในการกาหนดเป้าหมายในการทางาน 2. การมอบหมายหน้าที่รบั ผิดชอบและการเตรยี มความพร้อม 3 คะแนน = กระจายงานไดท้ ัว่ ถึง และตรงตามความสามารถของสมาชิกทกุ คน มกี ารจัดเตรียมสถานที่ สอื่ / อปุ กรณไ์ วอ้ ยา่ งพรอ้ มเพรยี ง 2 คะแนน = กระจายงานได้ทวั่ ถงึ แต่ไมต่ รงตามความสามารถ และมีสื่อ / อุปกรณ์ไว้อยา่ งพรอ้ มเพรยี ง แตข่ าด การจัดเตรียมสถานท่ี 1 คะแนน = กระจายงานไม่ทั่วถงึ และมีสื่อ / อปุ กรณ์ไมเ่ พยี งพอ 3. การปฏบิ ตั หิ นา้ ทีท่ ไี่ ดร้ บั มอบหมาย 3 คะแนน = ทางานได้สาเร็จตามเป้าหมาย และตามเวลาท่ีกาหนด 2 คะแนน = ทางานได้สาเร็จตามเปา้ หมาย แตช่ า้ กว่าเวลาท่กี าหนด 1 คะแนน = ทางานไม่สาเรจ็ ตามเป้าหมาย 4. การประเมินผลและปรับปรงุ งาน 3 คะแนน = สมาชกิ ทกุ คนร่วมปรกึ ษาหารอื ตดิ ตาม ตรวจสอบ และปรบั ปรุงงานเป็นระยะ 2 คะแนน = สมาชกิ บางส่วนมสี ่วนรว่ มปรึกษาหารือ แต่ไมป่ รับปรุงงาน 1 คะแนน = สมาชิกบางส่วนมสี ่วนรว่ มไมม่ สี ว่ นร่วมปรกึ ษาหารอื และปรับปรงุ งาน

66 บันทกึ หลังการสอน บทท่ี 3 ระบบสารสนเทศ ผลการใช้แผนการสอน 1. เนอ้ื หาสอดคล้องกับจดุ ประสงค์เชงิ พฤติกรรม 2. สามารถนาไปใชป้ ฏบิ ัติการสอนไดค้ รบตามกระบวนการเรยี นการสอน 3. สือ่ การสอนเหมาะสมดี ผลการเรียนของนักเรยี น 1. นักศกึ ษาบางคนยงั ไม่คุ้นกับระบบดจิ ติ อล ครูต้องอธิบาย และแนะนาเพ่ิมเตมิ อย่างใกล้ชิด 2. นักศึกษาสว่ นใหญ่ให้ความสนใจ และตน่ื เต้นกับอุปกรณ์ของจริงที่นามาให้ศึกษา 3. นกั ศึกษาตรวจพบเทคโนโลยีท่นี ่าสนใจในระบบสารสนเทศเพื่อการจดั การได้ ผลการสอนของครู 1. ตอ้ งปรบั เรื่องเวลาในส่วนของข้ันให้ความรูเ้ พม่ิ ข้ึน 2. สอนทนั ตามเวลาท่ีกาหนด


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook