Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ทวีปยุโรปพัฒนาการทางประวัติศาตร์

ทวีปยุโรปพัฒนาการทางประวัติศาตร์

Published by student9074, 2021-07-26 17:28:10

Description: ทวีปยุโรปพัฒนาการทางประวัติศาตร์

Search

Read the Text Version

ทวีปยโุ รปพฒั นาการทางประวตั ิศาตร์

พฒั นาการสมยั อดีต ความเจริญของยุโรปเร่ิมข้นึ เป็นแหง่ แรกท่ีบริเวณตอนใตข้ องทวปี แถบชายฝ่ังทะเล เมดิเตอร์เรเนียน โดยมีกรีกและโรมนั เป็นศูนยก์ ลางความเจริญในสมยั โบราณ ซ่ึงเรียกความเจริญสมยั กรีกและโรมนั น้ีวา่ อารยธรรมสมยั คลาสสิค

พฒั นาการสมยั ใหม่ ทวีปอเมรกิ าเหนือ การสารวจและการตง้ั ถ่ินฐานในทวปี ตา่ งๆ ชาวยโุ รปไดเ้ดนิ ทางไปสารวจ ดนิ แดนในทวปี ตา่ ง ๆ คือ แอฟริกา เอเชีย อเมริกาเหนื อ อเมริกาใตแ้ ละออสเตรเลีย ชาวยโุ รปก็ไดร้ บั ผลประโยชนท์ างการคา้ และการสรา้ งอาณานิคมข้นึ ในดินแดนตา่ งๆ เหลา่ น้นั เป็ นผลใหอ้ ิทธิพลของชาวยโุ รปทางดา้ นเศรษฐกจิ การเมือง และวฒั นธรรมแผข่ ยายออกไป กวา้ งขวางทว่ั โลก การปฏิวตั ิอตุ สาหกรรม ซ่ึงเป็ นการเปล่ยี นแปลงวิธีการผลติ จากเดิมท่ีเคย ใชแ้ รงงานคน และสตั วม์ าใชเ้คร่ืองจกั รแทน เกิดข้นึ ในตอนตน้ ของพทุ ธศตวรรษท่ี 24 โดยเร่ิม ข้นึ ในประเทศองั กฤษกอ่ นแลว้ ขยายตวั ไปสู่ประเทศอ่ืนๆ ในเวลาตอ่ มา การปฏิวตั อิ ตุ สาหกรรม มีผลใหท้ วปี ยุโรปน าหนา้ ทวปี อ่ืนๆ ในดา้ นเศรษฐกิจ และความเจริญกา้ วหนา้ ทางเทคโนโลยี เป็ นเวลานานตดิ ตอ่ กนั กวา่ สองศตวรรษ จนถึงสงครามโลกครงั้ ท่ี 2

พฒั นาการสมยั ปจั จุบนั เป็ นชว่ งเวลาของอารยธรรมหน่ึ ง ๆ ซ่ึงเป็ นชว่ งท่ีแตล่ ะอารยธรรมจะมีเทคโนโลยีเขา้ มาใชอ้ ยา่ งแพร่หลาย และมีการตระหนกั ถงึ การใชเ้ ทคโนโลยี อยา่ งถูกวธิ ี นักประวตั ิศาสตรไ์ ดก้ าหนดชว่ งเวลาท่ีเป็ น \"สมยั ปัจจบุ นั \" ของสากลโลกไวใ้ หต้ รงกบั ค.ศ. 1945 จนถึงปัจจบุ นั น้ี โดยเร่ิมนับจากการส้ินสุดของ สงครามโลกครง้ั ท่ีสอง เป็ นตน้ มา ในสมยั ใหม่ เป็ นชว่ งเวลาแห่งการสรา้ งเทคโนโลยี และการคน้ พบทฤษฎีความรูต้ า่ งๆ มากมาย แตท่ วา่ การใชเ้ทคโนโลยอี ยา่ งขาดจติ สานึกทาให้ เทคโนโลยีถูกใชไ้ ปในทางไมด่ ีในชว่ งปลายของสมยั ใหม่ เกิดการแขง่ ขนั สะสมและประดิษฐอ์ าวธุ อนั รา้ ยแรงของประเทศตา่ งๆ จนนาไปสู่ สงครามโลกถึง 2 ครง้ั ในเวลาเพียง 31 ปี มผี เู ้สียชีวิตรวมกวา่ 100 ลา้ นคน เป็ นความสูญเสียของมนุษย์ ท่ีเกิดจากส่ิงประดิษฐแ์ ละการกระทาของ มนุษยด์ ว้ ยกนั เอง แตใ่ นชว่ งใกลส้ ้ินสุดของสมยั ใหม่ เกดิ การตระหนักในการใชว้ ิทยาการอยา่ งถูกวธิ ีและรอบคอบ แตใ่ นขณะเดียวกนั การพฒั นาเทคโนโลยกี ย็ งั มีอยา่ ง ตอ่ เน่ื อง และนบั จากน้ัน เทคโนโลยขี องมนุษยก์ ็ไมเ่ คยถูกจงใจใชเ้ พ่ือสงั หารมนุษยจ์ านวนมาก ๆ อกี เลย ทาใหส้ งั คมของอารยธรรมนน้ั ๆ มสี ภาพ คลา้ ยกบั ในชว่ งปัจจบุ นั ทาใหส้ มยั ใหมข่ องอารยธรรมนั้นๆ ส้ินสุดลง และอารยธรรมกา้ วเขา้ สูส่ มยั ปัจจบุ นั

พฒั นาการดา้ นการเมืองการปกครอง โดยทว่ั ไปกลา่ วไดว้ า่ ในอดตี ดนิ แดนส่วนใหญ่ของทวปี ยุโรปมีกษัตริยเ์ ป็ นประมขุ สูงสุด แมแ้ ตใ่ นสมยั กรีกเรืองอานาจเม่ือกวา่ ๕๐๐ ปี กอ่ น คริสตศ์ กั ราช ระบอบการปกครองแบบกษัตริยก์ ็เป็ นท่ีรูจ้ กั กนั แพร่หลายแลว้ ในสมยั จกั รวรรดิโรมนั (๒๗ ปี กอ่ นคริสตศ์ กั ราช-ค.ศ.๔๗๖) พระประมขุ สูงสุด เรียกวา่ ซีซารห์ รือจกั รพรรดิซ่ึงทรงปกครองอาณาบริเวณกวา้ งขวางครอบคลุมพ้ืนท่ีในยโุ รปและบางสว่ นของเอเชียและแอฟริกา เม่ือจกั รวรรดโิ รมนั ลม่ สลายลงใน ค.ศ. ๔๗๖ ยโุ รปไดเ้ขา้ สูส่ มยั กลาง (Middle Ages ค.ศ. ๔๗๖-๑๔๙๒)ท่ีระยะแรกๆบา้ นเมืองแตกแยกจากการเขา้ รุกรานของพวกอนารยชนเผา่ กอท (Goth) หรือชนเผา่ เยอรมนั ท่ีอพยพลงมาจากตอนเหนื อ ระบอบการปกครองแบบรวมศูนยอ์ านาจของโรมสลายตวั บา้ นเมืองไรข้ ่ือแป ประมวลกฎหมายโรมนั ท่ีใชบ้ งั คบั ท่วั ทงั้ จกั รวรรดิถูกละท้ิงเกิดเป็ นระบอบการปกครองแบบฟิวดลั (feudalism) หรือการปกครอง แบบกระจายอานาจการปกครองตกอยใู่ นมือของขุนนางเจา้ ของท่ีดนิ และมกี ารใชก้ ฎหมายจารีตประเพณี (customary law) ของพวกอนารยชนแทน ประมวลกฎหมายโรมนั อยา่ งไรกด็ ี กษัตริยก์ ็ยงั คงไดร้ บั การยกยอ่ งวา่ เป็ นเจา้ ของแผน่ ดนิ และไดร้ บั การยกยอ่ งวา่ เป็ นพระประมุข (แตไ่ มม่ อี านาจ) แต่ ในปลายสมยั กลางกษตั ริยต์ า่ งสามารถสถาปนาอานาจปกครองแบบรวมศูนยอ์ านาจและสรา้ งรฐั ชาติ (nation state) ท่ีรวมดนิ แดนตา่ งๆ เขา้ เป็ นชาติ เดยี วกนั ได้ ซ่ึงพระราชอานาจในการปกครองของกษัตริยใ์ นดนิ แดนตา่ งๆ มีพฒั นาการท่ีแตกตา่ งกนั ดงั น้ี

ระบอบกษัตริยภ์ ายใตร้ ัฐธรรมนูญ ในองั กฤษ พระเจา้ จอหน์ (ค.ศ.๑๑๙๙-๑๒๑๖) ทรงยอมรบั แมกนาคารต์ า (Magna Carta ค.ศ.๑๒๑๕) หรือมหากฎบตั ร (Great Charter) ท่ีขุนนาง พระ พอ่ คา้ และประชาชนรวมตวั กนั บีบบงั คบั ใหพ้ ระองค์ยอมรบั ขอ้ ตกลงท่ีเป็ นลายลกั ษณอ์ กั ษรในการจากดั พระราชอานาจไมใ่ หใ้ ชพ้ ระราชอานาจ เกนิ ขอบเขตในการเก็บภาษีอากร การลงโทษและอ่ืนๆ ตอ่ มาไดเ้กิดรฐั สภา (parliament) ท่ีประกอบดว้ ย สภาขุนนาง (House of Lords) และ สภา สามญั (House of Commons) ท่ีมีสว่ นสาคญั ในการลดอานาจสิทธ์ิของกษัตริย์ ตอ่ มาเม่ือกษตั ริยพ์ ยายามจะละเลยอานาจของรฐั สภา สภาและประชาชนไดร้ ่วมกนั กอ่ การปฏิวตั อิ นั รุง่ โรจน์ (Glorious Revolution) ข้นึ ใน ค.ศ. ๑๖๘๘ ขบั กษตั ริยอ์ อกจากบลั ลงั โดยไมม่ กี ารนองเลือดและใหก้ ษัตริยพ์ ระองคใ์ หมย่ อมรบั ในอานาจของรฐั สภา นบั เป็ นการส้ินสุดของการพยายาม ใชอ้ านาจปกครองอยา่ งเดด็ ขาดของกษัตริย์ และเป็ นจุดเร่ิมตน้ ของการปกครองแบบกษัตริยภ์ ายใตร้ ฐั ธรรมนูญอยา่ งแทจ้ ริง ทงั้ ยงั ยตุ ิปัญหาความ แตกแยกทางศาสนาภายในประเทศโดยกาหนดใหก้ ษัตริยต์ อ้ งทรงนับถือและเป็ นองคศ์ าสนูปถมั ภกของนิกายแองกลคิ นั (Anglicanism) หรือนิกาย องั กฤษ (Church of England)

ระบอบกษตั ริยแ์ บบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ระบอบการปกครองท่ีมีกษัตริยเ์ ป็นผูป้ กครองและมีสิทธ์ิขาดในการบริหารประเทศ ในระบอบการปกครองน้ี กษัตริยก์ ็ คือกฎหมาย กลา่ วคือ ท่ีมาของกฎหมายทง้ั ปวงอยทู่ ่ีกษัตริย์ คาส่งั ความตอ้ งการตา่ ง ๆ ลว้ นมีผลเป็นกฎหมาย กษัตริยม์ อี านาจในการปกครองแผน่ ดนิ และพลเมืองโดยอิสระ โดยไมม่ กี ฎหมายหรื อองคก์ รตามกฎหมายใด ๆ จะหา้ ม ปรามได้ แมอ้ งคก์ รทางศาสนาอาจทดั ทานกษตั ริยจ์ ากการกระทาบางอยา่ งและองคร์ ัฏฐาธิปตั ย์ (กษตั ริย)์ นั้นจะถูก คาดหวงั วา่ จะปฏิบตั ิตามธรรมเนียม แตใ่ นระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชยน์ ้ัน ไมม่ ีรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายใด ๆ ท่ีจะ อยเู่ หนื อกวา่ คาช้ีขาดของรัฏฐาธิปตั ย์ ตามทฤษฎีพลเมืองนั้น ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชยม์ อบความไวว้ างใจ ทง้ั หมดใหก้ บั พระเจา้ แผน่ ดินท่ีดีพรอ้ มทางสายเลือดและไดร้ ับการเล้ยี งดฝู ึกฝนมาอยา่ งดตี ง้ั แตเ่ กดิ

ระบอบประชาธิปไตย เป็นระบอบท่ีเนน้ ความเป็นปจั เจกบุคคลนิยม (individualism) เหตุผลนิยม (rationalism) และเสรีภาพ (freedom) หลกั การสาคญั ของแนวความคิดประชาธิปไตย คือ สิทธิ เสรีภาพของประชาชน ประชาชนเป็นท่ีมาของอานาจ อธิปไตย ทุกคนมสี ิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคภายใตก้ ฎหมาย การปกครองระบอบประชาธิปไตยมีตน้ กาเนิดมา ตงั้ แตส่ มยั กรีกโบราณ เม่ือกวา่ ๕๐๐ ปีกอ่ นคริสตศ์ กั ราช โดยนครรัฐเอเธนสเ์ ป็นดนิ แดนแหง่ แรกท่ีใหส้ ิทธิแกพ่ ลเมือง เพศชายท่ีเป็นเสรีชนทุกคนมสี ิทธิในการเลือกตงั้ และเขา้ น่ังในสภา ทงั้ ยงั ดารงตาแหน่งผูป้ กครองได้ ระบอบการ ปกครองแบบประชาธิปไตยเป็นระบอบการปกครองท่ีประชาชนมีอานาจสูงสุด โดยมรี ัฐสภาทาหนา้ ท่ีเป็นตวั แทนของ ประชาชน

ระบอบเผด็จการคอมมิวนิ สต์ เป็นระบอบการปกครองท่ีอา้ งอดุ มการณข์ องลทั ธิมากซใ์ นการสรา้ งสงั คมท่ีปราศจากชนชนั้ และมีความเสมอภาคกนั ในดา้ นตา่ งๆ โดยชนชน้ั แรงงานเป็นผูป้ กครองประเทศระอบเผดจ็ การคอมมิวนิสตม์ พี รรคการเมืองเพียงพรรคเดยี ว ผูน้ าพรรคคอมมวิ นิสตแ์ ละผูน้ ารัฐเป็นคนเดียวกนั สหภาพโซเวยี ตเป็นประเทศแรกท่ีมกี ารปกครองในระบอบเผดจ็ การ คอมมวิ นิสตภ์ ายหลงั การปฏิวตั ิรัสเซียในเดือนตุลาคม ค.ศ. ๑๙๑๗ หลงั สงครามโลกครั้งท่ี ๒ กม็ ีประเทศอ่ืนปกครอง ในระบอบเผด็จการคอมมิวนิสตอ์ กี ๑๖ ประเทศ แตเ่ ม่ือสหภาพโซเวยี ตลม่ สลายลงใน ค.ศ. ๑๙๙๑ กเ็ หลือเพียงไมก่ ่ี ประเทศ เชน่ จีน คิวบา เกาหลเี หนื อ เป็นตน้ สว่ นบรรดาประเทศบริวารของสหภาพโซเวยี ตเดิม (รวมทงั้ รัสเซีย) ก็ ตอ้ งปฏิรูปการปกครองตนเองในแนวทางของระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยดว้ ย

พฒั นาการทางดา้ นสงั คม วฒั นธรรม สมยั โบราณ กรีกและโรมนั เป็นสงั คมชนชน้ั โดยแบง่ พลเมืองเป็นชนชน้ั ปกครอง ไดแ้ ก่ ผนู้ าทางการเมือง เชน่ กษตั ริย์ กงสุล จกั รพรรดิ รวมถงึ ทหารและขุนนาง และชนชนั้ ท่ีถูกปกครอง ไดแ้ ก่ เสรีชนท่ีประกอบอาชีพตา่ ง ๆ เชน่ พอ่ คา้ เกษตรกร ชา่ งฝีมือ รวมถึงทาส สมยั กลาง เป็นสงั คมแมนเนอร์ท่ีมีปราสาทของขุนนางเป็นศูนยก์ ลางชุมชน แบง่ ออกเป็น 2 ชน้ั คือ ชนชน้ั ปกครอง ประกอบดว้ ยกษตั ริย์ ขุนนาง และบาทหลวง และชนชน้ั สามญั ชน สมยั ใหม่ ลกั ษณะทางสงั คมและวฒั นธรรมเจริญกา้ วหนา้ โดยเฉพาะทางความรูด้ า้ นตา่ ง ๆ มีการร้ือฟ้ืนวิทยาการสาขาตา่ ง ๆ ของกรีกและโรมนั ทาใหเ้ กิดการปฏิวตั ิวิทยาศาสตร์ การประดิษฐแ์ ทน่ พิมพข์ ้ึนใชไ้ ดผ้ ลเป็นคร้งั แรกในยุโรป เม่ือ ค.ศ. 1454 ทาใหม้ ีการอา่ นหนังสือกนั อยา่ งกวา้ งขวาง

พฒั นาการดา้ นเศรษฐกิจ สมยั โบราณ เศรษฐกจิ ของยุโรปข้นึ อยกู่ บั การเกษตรตามบริเวณลมุ่ แมน่ ้า และการคา้ ขายผลผลติ เกษตรและงาน หตั ถกรรม มีการสรา้ งเมืองทา่ การคา้ เพ่ือใชข้ นสง่ สินคา้ สมยั กลาง เศรษฐกิจในชว่ งคริสตศ์ ตวรรษท่ี 5–11 เป็นระบบเศรษฐกจิ แบบแมนเนอร์ (Manorial System) ซ่ึง เป็นเศรษฐกจิ เกษตรกรรมแบบพ่ึงตวั เอง สมยั ใหม่ ระบบเศรษฐกิจเป็นแบบทุนนิยม ทนุ นยิ ม แมนเนอร์

อิทธิพลท่ีมีตอ่ สงั คมโลก เมืองและระบบการปกครองแบบเทศาภิบาลในสมยั กลางเป็นแมแ่ บบของเมืองและการจดั ระบบการปกครองปจั จุบนั ยคุ การคน้ พบ เกดิ ลทั ธิพาณิชยนิยมและการปฏิวตั ิทางการคา้ คริสตศ์ าสนา ภาษาตะวนั ตก และเช้ือโรคบางชนิดแพร่ ไปยงั ทว่ั โลก การปฏิวตั ิในยคุ ภูมธิ รรมนาโลกเขา้ สูส่ งั คมอุตสาหกรรม ทุนนิยม เทคโนโลยี ประชาธิปไตย และชาตินิยม หลงั สงครามโลก 2 เกดิ การจดั ตงั้ องคก์ รระหวา่ งประเทศ จดั ตงั้ สหภาพยุโรป EU กลายเป็นแมแ่ บบในการตง้ั อาเซียน ในเอเชียใต ้ ผลจากลทั ธิสงั คมนิยมนาไปสูก่ ารปฏิวตั ิรัสเซีย เกดิ การปกครองระบอบคอมมวิ นิสตแ์ ละขยายตัวไปยงั ท่ีตา่ งๆทว่ั โลก

จดั ทำโดย เสฏฐพงษ์ ศิรทิ พิ ย์ ม.3/2 เลขท่ี1 ราคา 100 บาท


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook