ก คำนำ โรงเรียนปราสาทเบงวิทยา ได้น้อมนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาขับเคลื่อนสู่การปฏบิ ัติใน โรงเรียน ในลักษณะของการพัฒนากระบวนการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ในโรงเรียนให้เป็นไปตามหลกั ปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง โดยเปน็ กจิ กรรมท่ีต้ังอยูบ่ นพ้ืนฐานของทางสายกลางและความไม่ประมาท สร้างแนวคิดใน ตระหนักถงึ ความพอประมาณ ความมเี หตผุ ลและการสร้างภูมิคุ้มกันในตัว รวมถงึ การพยายามใช้ความรูข้ องครู ผู้ปกครองและนักเรียน มาร่วมวางแผนกิจกรรม ใช้ภูมิปัญญาชุมชนมาเป็นหลักคิด เพ่ิมความรอบคอบและ คณุ ธรรมประกอบการวางแผน การตัดสนิ ใจและการกระทาต่างๆ โดยมีหลัก 3 ห่วง 2 เงื่อนไข จงึ เกดิ เปน็ ฐาน การเรียนรู้ที่บูรณาการเข้ากับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ท่ีมีชื่อฐานกิจกรรมว่า สืบทอดภูมิปัญญา ทอ้ งถ่ินปราสาทเบง ภูมิปัญญาท้องถ่ินปราสาทเบงท่ีเป็นเอกลักษณ์และสืบทอดกันมาช้านานในท้องถ่ิน คือ การจัดพิธี บวงสรวงปราสาทเบง เป็นพิธีกรรมที่คนในชมุ ชนเชอื่ วา่ ทาให้เกดิ ความสงบสุขตอ่ ครอบครัวและชุมชน โดยพิธี บวงสรวงน้จี ะจัดข้นึ ในเดอื นมีนาคม หลังจากการเกบ็ เกี่ยวผลผลิตทางการเกษตร ในช่วงเวลานี้ ลูกหลานท่ีไป ทางานในพืน้ ทตี่ ่าง ๆ จะเดินทางกลับมาหาครอบครวั กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา เพื่อทาพิธีบวงสรวง เซน่ ไหว้ แก่บรรพบุรุษ เป็นการแสดงออกถึงความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ ในพิธีกรรมดังกล่าวจะมีการใช้บายศรีเป็น สัญลักษณ์แห่งความเชื่อ ซึ่งประดิษฐ์ขึ้นจากใบตอง การทาบายศรีถือเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นปราสาทเบงท่ีคง ความงดงามและถือปฏิบัติสืบต่อกันมายาวนาน นอกจากนี้อาหารถิ่นปราสาทเบงก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวท่ี สะทอ้ นให้เห็นถึงวถิ ีชวี ิตอันเรยี บง่ายของคนในชุมชน อาทิเช่น อังแกบบอบ (กบยดั ไส้) และข้าวต้มมดั ซ่ึงเป็น อาหารทใี่ ช้ประกอบพิธบี วงสรวงปราสาทเบงอีกด้วย นบั เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นท่ีควรคา่ แกก่ ารอนุรกั ษ์ในคงอยู่ คกู่ ับชุมชนต่อไป จงึ เกิดเปน็ ฐานการเรียนรู้ทม่ี ีช่ือฐานกิจกรรมว่า สืบทอดภูมิปัญญาท้องถ่ินปราสาทเบง โดย คณะครูและนักเรียนแกนนาได้จดั ทาเอกสารคูม่ ือฐานกิจกรรม เพื่อถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับภูมิปัญญาท้องถิ่น ปราสาทเบงท่ีสอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ให้แก่นักเรียนโรงเรียนปราสาทเบงวิทยาและ บคุ คลอ่นื ท่สี นใจนาความรู้ที่ได้ไปตอ่ ยอดและสามารถสร้างรายไดใ้ หแ้ ก่ตนเองและครอบครัวได้ หวงั เป็นอย่างย่งิ ว่าฐานกิจกรรม สืบทอดภมู ปิ ัญญาท้องถ่ินปราสาทเบง จะเป็นประโยชน์ต่อผทู้ ่ีสนใจ และเอกสารเล่มน้สี ามารถเปน็ แนวทางในการประยกุ ต์ใชก้ ิจกรรมในลักษณะเดียวกันได้ หากมีข้อผิดพลาดใด ทางคณะผู้จัดทาต้องขออภยั ไว้ ณ ทนี่ ้ีด้วย คณะครูและนักเรยี นแกนนา ผู้จัดทา
สำรบญั ข คานา หนำ้ สารบัญ ก ขอ้ มลู ท่ัวไปของโรงเรียนปราสาทเบงวิทยา ข แนวทางการขบั เคล่ือนหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งในสถานศึกษา 1 ฐานการเรยี นรู้สบื ทอดภมู ิปญั ญาทอ้ งถนิ่ ปราสาทเบง 4 ความเป็นมา 7 วัตถปุ ระสงค์ 7 การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ 8 การวิเคราะหผ์ ลที่สอดคลอ้ งกับหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง 8 ส่อื /อุปกรณ์ 9 แหล่งเรียนรู้ 11 ผลการประเมนิ 11 แผนการจัดกจิ กรรมพธิ ีบวงสรวงปราสาทเบง 12 แผนการจดั กจิ กรรมบายศรีพธิ บี วงสรวง 13 แผนการจดั กจิ กรรมอาหารถิ่นปราสาทเบง 19 25
ข้อมลู ท่วั ไปของโรงเรยี นปราสาทเบงวทิ ยา 1 แนวทางการขับเคล่ือนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งในสถานศึกษา 1. ข้อมลู ทั่วไปของโรงเรยี น ชอ่ื โรงเรยี นปราสาทเบงวทิ ยา ท่ีอยู่ บา้ นเลขที่ 1 หมู่ 19 ตาบลกาบเชิง อาเภอกาบเชิง จังหวดั สุรินทร์ สังกัด สานกั งานเขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษามัธยมศึกษาสรุ ินทร์ โทรศพั ท์ 044- 069767 โทรสาร 044- 069-767 E-mail Address : [email protected] เวบ็ ไซตโ์ รงเรียน http://www.pbwschool.ac.th เปิดสอนระดับชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 1 ถึงระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6 ตราประจาโรงเรียน ลักษณะของตราประจาโรงเรยี นปราสาทเบงวิทยา เปน็ รูปตน้ มะคา่ โมงอยู่ กลางปราสาท ซ่ึงปราสาทถือเป็นสญั ลกั ษณข์ องชุมชนปราสาทเบงและ มีช่อื โรงเรยี นปราสาทเบงวทิ ยาอยู่ดา้ นล่าง คาขวญั ประจาโรงเรียน ประพฤติดี มีวนิ ัย ใฝ่ศกึ ษา พฒั นาคุณภาพชีวิต ยดึ ตดิ คุณธรรม ปรชั ญาโรงเรยี น ปญญฺ า โลกสมฺ ิ ปชฺโชโต ปัญญาเป็นเครอื่ งสอ่ งสว่างในโลก สปี ระจาโรงเรยี น เหลอื ง – ฟ้า สีเหลือง หมายถึง คณุ ธรรม ระเบยี บ บริสทุ ธิ์ สฟี า้ หมายถงึ ความร่มเยน็ ความสงบ ความสุข เหลือง – ฟ้า หมายถึง สีแห่งความสงบสุข ร่มเยน็ เมื่ออยู่บนฐานความมีระเบยี บวินัย อกั ษรย่อของโรงเรียน ป.บ.ว
2 ประวตั ิโรงเรยี น กระทรวงศกึ ษาธกิ ารประกาศจดั ตั้งโรงเรียนปราสาทเบงวิทยาขึ้น เมอื่ วันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2540 เป็นโรงเรียนแบบสหศึกษา โดยต้ังอยู่เลขท่ี 1 หมทู่ ี่ 19 ต.กาบเชงิ อ.กาบเชิง จ.สุรนิ ทร์ นายตึล จาปา- ทอง กานันตาบลกาบเชิงพร้อมด้วยประชาชนในเขตตาบลกาบเชิงให้ความร่วมมือในการดาเนินการขอจัดตั้ง และกรมสามญั ศกึ ษาไดแ้ ตง่ ตง้ั นายสุวรรณ สายไทย ดารงตาแหนง่ ผู้บริหารโรงเรียนในตาแหน่งครูใหญ่ เดิมโรงเรียนปราสาทเบงวิทยา เปน็ สาขาของโรงเรยี นกาบเชิงวิทยา ได้ดาเนนิ การจัดต้งั โรงเรียนสาขา เม่ือ พ.ศ. 2536 โดยนายสมนึก ศนู ย์กลาง ผู้อานวยการโรงเรียนกาบเชิงวิทยาได้มอบหมายให้ นายสุวรรณ สายไทย เป็นผู้ดูแลสาขา ครั้งแรกที่ได้เปิดทาการเรียนการสอนมีนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1 จานวน 36 คน โดยอาศัยศาลาวัดบ้านปราสาทเบงเปิดทาการสอน ต่อมาในปี พ.ศ. 2537 ไดย้ ้ายจากศาลาวัดไปเปิดทา การสอนทีอ่ าคารชั่วคราว ซ่ึงชาวบ้านในเขตตาบลกาบเชิงได้ร่วมกันสร้างมอบให้โรงเรียนปราสาทเบงวิทยา จานวน 1 หลงั 4 ห้องเรยี น ณ ทีต่ ัง้ ของโรงเรยี นในปจั จบุ นั สถานท่ีต้งั โรงเรียนปราสาทเบงวิทยา ตั้งอยู่บนเน้ือที่สาธารณะบ้านปราสาทเบง ตาบลกาบเชิง อาเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ มีเนื้อที่ 68 ไร่ 2 งาน 32 ตารางวา สภาพท่ัวไปเป็นดินทราย น้าไม่ขังห่างจากหมู่บ้าน ปราสาทเบงประมาณ 2 กิโลเมตรและมหี มบู่ ้านอื่นอกี กระจายอยโู่ ดยรอบ ซง่ึ บ้านปราสาทเบงเปน็ ชุมชนที่ใหญ่ ที่สุด หมู่บ้านที่อยู่ในเขตบริการ ได้แก่ บ้านปราสาทเบง บ้านบักจรัง บ้านลาดวนพัฒนา บ้านโคกกลาง สามัคคี บ้านโนนสวรรค์ บ้านโนนทอง คนในชุมชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทานา ทาไร่ปอ เล้ยี งสตั ว์ และขายแรงงานตา่ งถ่ิน ภาษาท่ีพูดสว่ นใหญ่เปน็ ภาษาพนื้ เมอื ง เชน่ เขมร ลาว ส่วย แผนผังโรงเรยี นปราสาทเบงวิทยา
3 วสิ ยั ทัศน์ โรงเรยี นปราสาทเบงวทิ ยา จัดการศกึ ษาไดม้ าตรฐานการศกึ ษา บนพน้ื ฐานความเป็นไทยใช้ชีวติ อยา่ ง พอเพียง พันธกจิ 1. พฒั นาผู้เรียนให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาและมาตรฐานสากล บนพืน้ ฐานหลกั ปรชั ญาของ เศรษฐกจิ พอเพียงและมีคณุ ลกั ษณะตามศตวรรษท่ี 21 2. สรา้ งโอกาสทางการศึกษาอย่างทั่วถงึ และมคี ณุ ภาพ 3. พฒั นาครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษาให้มีความรู้ ความสามารถ มีคณุ ภาพตามมาตรฐานวชิ าชพี 4. สง่ เสริมและพัฒนาการบรหิ ารจดั การโดยใช้หลักการมสี ว่ นร่วมจากทุกภาคสว่ น 5. ส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียนรู้โดยใช้แหล่งเรีย นรู้ ส่ือนวัตกรรม เทคโนโลยีที่มี ประสทิ ธิภาพ 6. ประสานความร่วมมือระหว่างโรงเรียน ผู้ปกครอง ชุมชน และสรา้ งภาคเี ครือข่ายเพอ่ื สนับสนุนการ จัดการศึกษา เป้าประสงค์ 1. ผ้เู รยี นมีคุณภาพตามมาตรฐานการศกึ ษาและมาตรฐานสากล บนพน้ื ฐานหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพยี งและมคี ณุ ลกั ษณะตามศตวรรษที่ 21 2. ผู้เรียนไดร้ บั โอกาสทางการศกึ ษาอย่างทวั่ ถงึ และมคี ณุ ภาพ 3. ครูและบคุ ลากรทางการศึกษามคี วามรู้ ความสามารถ มคี ณุ ภาพตามมาตรฐานวิชาชีพ 4. โรงเรยี นบริหารจดั การโดยใชห้ ลกั การมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน 5. โรงเรียนพัฒนาแหล่งเรยี นรู้ สื่อนวัตกรรม เทคโนโลยี และส่งเสริมสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ที่มี ประสทิ ธิภาพ 6. ชุมชน ผู้ปกครอง และภาคีเครือข่ายมีส่วนร่วมในการส่งเสริม สนับสนุนการจัดการศึกษาท่ีมี คณุ ภาพ วตั ถุประสงคข์ องการจัดตั้งสถานศึกษา 1. เพือ่ เป็นแหลง่ บรกิ ารชุมชน 2. พฒั นาและยกระดับพัฒนาคุณภาพของนกั เรียน 3. เพอ่ื ขยายโอกาสทางการศกึ ษาให้แกน่ ักเรียน 4. เพ่อื เปน็ แหลง่ ฝกึ ระเบียบวนิ ัย ปลกู ฝังคุณธรรม จรยิ ธรรม 5. เพอื่ เปน็ ศูนยส์ ง่ เสริมทางวิชาการ ทักษะอาชพี และการกีฬา 6. เพ่ือประหยดั ค่าใช้จ่ายผู้ปกครองให้ลูกหลานได้เรียนใกลบ้ า้ น
4 2. แนวทางการขบั เคลื่อน แนวทางการขบั เคล่ือนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่ฐานการเรียนรู้ โรงเรียนปราสาทเบงวิทยา ตาบลกาบเชิง อาเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เริ่มต้นจากการน้อมนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเข้าสู่ สถานศกึ ษา โรงเรียนไดแ้ ต่งต้ังคณะกรรมการขบั เคลือ่ นหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงของสถานศกึ ษา ซ่ึง มหี น้าท่ีรบั ผิดชอบในการสรา้ งความเขา้ ใจในหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งให้แก่นกั เรียน ครู และบุคลากร ทางการศึกษาของสถานศึกษา เพื่อให้มีความเข้าใจ และครูนาความรู้มาบูรณาการกับแผนการจัดการเรียนรู้ เพอื่ นาสูห่ ้องเรียนทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ทุกรายวชิ า โดยสถานศกึ ษามนี โยบายให้ ครผู ู้สอนบูรณาการนาหลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่ห้องเรียน บทเรียน และนักเรียนสามารถถอดบทเรียน และสามารถนาหลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ต่อตนเอง ครอบครัว และสังคมได้ ตลอดท้ังสามารถ แนะนาให้ความรแู้ ก่ผสู้ นใจ โดยมุ่งเน้น ใหเ้ กดิ ผลกบั ผ้เู รยี นอยา่ งยัง่ ยืนจนเปน็ วิถีชีวติ เศรษฐกจิ พอเพยี ง เศรษฐกจิ พอเพียง (Sufficiency Economy) หมายถึง ปรัชญาพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอย่หู ัว ไดท้ รง มพี ระราชดารสั แนะแนวทางที่ควรดารงอยูแ่ ละปฏิบัติตนแกพ่ สกนกิ รชาวไทยมาโดยตลอดนานกว่า 30 ปี ตัง้ แตก่ ่อนเกิดวกิ ฤตเศรษฐกจิ 2550 ใหใ้ ช้เป็นแนวทางการแก้ไข เพอ่ื ให้รอดพ้นวกิ ฤต และสามารถดารงอยูไ่ ด้ อย่างมั่นคง และยั่งยนื ภายใต้ความเปล่ยี นแปลงตา่ ง ๆ
5 ลกั ษณะของปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง 1. เป็นวถิ กี ารดาเนนิ ชีวิตทใ่ี ช้คณุ ธรรมกับความรู้ 2. เปน็ การพัฒนาตัวเอง ครอบครัว องค์กร สงั คม ประเทศชาติ ให้กา้ วหนา้ ไปพร้อมกบั ความ สมดลุ มน่ั คง ย่งั ยืน 3. เป็นหลกั คิดและหลักปฏิบัติเพอ่ื ให้คนส่วนใหญพ่ อมีพอกิน พอใช้ สามารถพึง่ ตนเองได้เพอ่ื ใหค้ นใน สังคม สามารถอยู่รว่ มกัน อย่างสันติสขุ เพื่อให้คนกบั ธรรมชาติ อยู่ร่วมกันอย่างสมดุล ย่ังยืน และให้แต่ละคน ดารงตนอยา่ งมีศักดศ์ิ รี และรากเหง้าทางวฒั นธรรม องค์ประกอบปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง เศรษฐกิจพอเพียง ประกอบดว้ ย 2 3 4 คือ 2 เงอ่ื นไข 3 หลักการ 4 มติ ิ คอื กอ่ นท่จี ะลงมือทา กจิ กรรม ใด ๆ นั้น ต้องมเี งอื่ นไขสาคญั ที่จะทาใหก้ ารตัดสินใจ และการกระทา เป็นไปอยา่ งพอเพยี ง จะตอ้ ง อาศัยทงั้ คุณธรรมและความรู้ ดงั น้ี เง่ือนไขความร้ปู ระกอบด้วยการฝึกตนให้มคี วามรอบรเู้ กีย่ วกับกับวิชาการต่าง ๆ ท่เี กี่ยวขอ้ งอย่างรอบ ด้าน มีความรอบคอบ และความระมัดระวังที่จะนาความรู้ต่างๆ เหล่าน้ันมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกันเงื่อนไข คุณธรรม ที่จะต้องสร้างเสรมิ ให้เป็นพนื้ ฐานจิต ใจของคนในชาติ ประกอบดว้ ย ดา้ นจิตใจ คอื การตระหนักใน คุณธรรม รู้ผิดชอบชั่วดี ซ่ือสตั ยส์ ุจริต ใช้สตปิ ัญญาอย่างถูกต้องและเหมาะสมในการดาเนิน ชีวติ และด้านการ กระทา คอื มคี วามขยนั หมน่ั เพียร อดทน ไม่โลภ ไมต่ ระหน่ี รู้จักแบง่ ปัน และรบั ผดิ ชอบ ในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น ในสังคม ระหว่างดาเนินการใหใ้ ช้ 3 หลักการเป็นตัวกากับ ในการทากิจกรรม คอื ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีต่อ ความจาเป็น และเหมาะสมกับฐานะของตนเอง สังคมส่ิงแวดล้อม รวมทั้ง วัฒนธรรมในแต่ละ ท้องถิ่น ไม่มากเกิน ไป ไม่น้อยเกินไป และต้องไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อ่ืน ความมีเหตุผล หมายถึง การ ตัดสินใจดาเนินการเรื่องต่าง ๆ อย่างมีเหตุผลตามหลักวิชาการ หลักกฎหมาย หลักศีลธรรมจริยธรรม และ วัฒนธรรมที่ดีงาม โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยท่ีเก่ียวข้อง ตลอดจนคานึงถึงผลที่คาดว่า จะเกิด ขึ้นจากการ กระทานั้น ๆ อย่างรอบรู้และรอบคอบระบบภูมิคุ้มกันในตัวท่ีดี หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับต่อ ผลกระทบและการเปล่ียนแปลง ในด้านต่าง ๆ ไม่ว่า จะเป็นด้านเศรษฐกิจ สังคม ส่ิงแวดล้อม และวัฒนธรรม เพอื่ ใหส้ ามารถปรับตวั และ รบั มอื ได้อย่างทันทว่ งที สถานศึกษาพอเพียง เป็นโรงเรียนท่ีน้อมนาเอาปรัชญาที่ว่าด้วยการวางรากฐานเบ้ืองต้น มาเป็น แนวทางสร้างครูและนักเรียนให้เป็นคนพอเพียง ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระกรุณาธิคุณ พระราชทานแก่พสกนกิ รชาวไทยทั้งหลายโดยไมจ่ ากดั เฉพาะเกษตรกรเท่านนั้ หากแต่ผู้ประกอบสัมมาชพี อื่น และผู้บริหารจัดการของโรงเรียนสามารถนาไปปรับประยุกต์ใช้ เพ่ือสร้างความเข้มแข็ง ยั่งยืนให้แก่รากฐาน ของตนเองและหน่วยงานได้ และยังกล่าวถึงปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในฐานะระบบเศรษฐกิจท่ีสามารถอุ้มชู ตนเอง ให้ครูและนักเรียนเรียนรู้จากการปฏิบัติ จนสามารถอยู่ได้ในระดับพื้นฐานโดยไม่เดือดร้อน สามารถ สร้างความเจรญิ กา้ วหน้าทางการงาน และฐานะทางเศรษฐกจิ ต่อไป โดยอธบิ ายวา่ ความสามารถในการอยไู่ ดใ้ น
6 ระดับพื้นฐานต้องยึดแนวทางสายกลาง (มัชฌิมาปฏิปทา) เป็นหลักในการดารงชีวิต (สุเมธ ตันติเวชกุล) เพ่ือ สร้างความสามารถในการพงึ่ ตนเอง ประกอบด้วย 1. พงึ่ ตนเองทางจิตใจ มีจิตใจเขม้ แขง็ ไมท่ อ้ แทจ้ ะประสบความลม้ เหลว หรอื ความยากลาบาก 2. พง่ึ ตนเองทางสงั คม ชว่ ยเหลือเก้อื กลู กันภายในสงั คม 3. พงึ่ ตนเองไดท้ างทรพั ยากรธรรมชาติ ทั้งทรัพยากรทางสังคมและทรัพยากรทางเศรษฐกิจ 4. พึ่งตนเองได้ทางเทคโนโลยแี ละวจิ ัยและพัฒนาเทคโนโลยที เ่ี หมาะสม 5. พ่ึงตนเองไดท้ างเศรษฐกจิ สามารถอยู่ไดด้ ้วยตนเอง
7 ฐานการเรียนร้ตู ามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ช่ือฐานการเรียนรู้ : สืบทอดภูมปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ ปราสาทเบง หัวหนา้ ฐาน : นางจุฑามาศ ทองดา กิจกรรมท่ี 1 พิธบี วงสรวงปราสาทเบง ครแู กนนา นางจุฑามาศ ทองดา,นางสาวอรุณโรจน์ ทวเี หลอื กจิ กรรมท่ี 2 บายศรีพิธีบวงสรวง ครแู กนนา นางสาวปนัดดา สุกใส,นางสาวอรัญณกิ าร์ ทองนา กจิ กรรมที่ 3 อาหารถิน่ ปราสาทเบง ครูแกนนา นายเกียรตศิ ักด์ิ จารัตน์,นางสาวสรุ ีรัตน์ สุทธิโส,นางสาวอรยา ศรีจันทร์ 1. ความเปน็ มา การเปล่ียนแปลงทางสังคมและเศรษฐกิจซึ่งเป็นผลพวงมาจากกระแสโลกาภิวัตน์ ทาให้รูปแบบการ ดาเนนิ ชีวติ ของคนในสงั คมไทยเปล่ยี นแปลงไปจากสงั คมเกษตรกรรมเร่มิ เข้าสูส่ ังคมอุตสาหกรรมมากข้นึ คนใน สงั คมจึงถูกกระแสสังคมกดดันให้ดาเนินชีวิตที่ทันสมัยและเน้นแสวงหาปจั จัยทางวัตถุเป็นหลักในการดาเนิน ชีวิต ความต้องการท่ีไม่มีที่สิ้นสุดส่งผลให้ภาระค่าใช้จ่ายมีมากข้ึนตามไปด้วย ทาให้เกิดปัญหาความเครียด ปญั หาครอบครัว ซ่งึ เป็นต้นเหตุให้เกิดปญั หาสังคมอื่น ๆ ตามมามากมาย เศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญาท่ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชดาริชี้แนว ทางการดาเนินชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอด ต้ังแต่ก่อนเกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ และเม่ือ ภายหลังได้ทรงเน้นย้าแนวทางการแก้ไขเพ่ือให้รอดพ้นและสามารถดารงอยู่ได้อย่างม่ันคงและย่ังยืนภายใต้ กระแสโลกาภิวัตน์ และความเปล่ียนแปลงต่างๆ เศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญาที่ช้ีถึงแนวการดารงอยู่และ ปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ ต้ังแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชนจนถึงระดับรัฐ ทั้งในการพัฒนาและ บรหิ ารประเทศให้ดาเนนิ ไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจเพือ่ ใหก้ ้าวทันตอ่ โลกในยคุ โลกา- ภิวัตน์ การน้อมนาหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติในโรงเรียน เป็นการพัฒนา กระบวนการจัด กิจกรรมต่าง ๆ ในโรงเรียนให้เป็นไปตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นกิจกรรมที่ ต้ังอยู่บนพ้ืนฐานของทางสายกลางและความไม่ประมาท สร้างแนวคิดในการตระหนักถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผลและการสร้างภูมิคุ้มกันในตัว รวมถึงการพยายามใช้ความรู้ของครู ผู้ปกครองและนักเรี ยน มาร่วมวางแผนกิจกรรม ใช้ภูมิปัญญาท้องถ่ินในชุมชนมาเป็นหลักคิด เพ่ิมความรอบคอบและคุณธรรม ประกอบการวางแผน การตัดสินใจและการกระทาตา่ งๆ โดยมหี ลัก 3 หว่ ง 2 เงอื่ นไข ภูมิปัญญาทอ้ งถ่ินปราสาทเบง เป็นพืน้ ความรู้ความคิดและความสามารถของคนในชุมชนปราสาทเบง ซึ่งรวบรวมความรู้ต่าง ๆ อาทิเช่น พิธีกรรมบวงสรวงปราสาทเบง การทาบายศรีพิธีบวงสรวง อาหารถ่ิน ปราสาทเบง ให้มาสมั พันธ์กนั จนทาใหเ้ กดิ มิติรอบด้านเพอ่ื ให้เหน็ เป็นวถิ ีชวี ิตของชมุ ชน จะเห็นได้ว่าภูมิปัญญา ท้องถ่ินเป็นรากฐานการดารงชีวิตของกลุ่มชนท่ีสาคัญยิ่ง ท้ังนี้เพราะภูมิปัญญาท้องถ่ินเป็นสรรพวิชาความรู้ ทงั้ หมดท่ีชมุ ชนท้องถิ่นใช้แก้ปญั หาหรือจรรโลงชวี ิต เป็นความรู้ที่ผ่านการพิสูจน์มาแล้วว่าเข้ากันได้กับวิถดี ้าน อ่ืน ๆ ของชุมชนท้องถ่ินล้วนแต่เป็นประโยชน์ในการเลี้ยงชีพ หรือประโยชน์ด้านอื่น ๆ ในการดารงชีวิตของ
8 ชุมชนท้องถิ่นปราสาทเบงท่ีน้อมนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางในการดาเนินชีวิตบน พืน้ ฐานของความพอเพยี ง และสามารถดารงตนอยู่ได้อยา่ งมั่นคงและย่งั ยนื 2. วตั ถุประสงค์ 1. เพ่อื ใชเ้ ป็นแหล่งเรียนรตู้ ามแนวโครงการพระราชดาริหลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง 2. เพ่ือเปน็ ศนู ยร์ วมข้อมูลใหน้ ักเรียนและผสู้ นใจไดศ้ ึกษาค้นคว้าดว้ ยตนเอง 3. เพอ่ื ส่งเสริมให้เกดิ กระบวนการการคดิ วเิ คราะห์ คิดสังเคราะห์ อย่างเปน็ ระบบ 4. เพอ่ื ส่งเสริมการนาไปประยกุ ตใ์ ช้ในชีวติ ประจาวันไดอ้ ย่างสร้างสรรค์ 5. เพื่ออนุรกั ษแ์ ละสบื ทอดภูมิปญั ญาท้องถิ่นในชมุ ชนปราสาทเบงใหค้ งอยสู่ ืบไป 3. การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ เพอ่ื ให้การดาเนินงานสถานศึกษาพอเพยี งของโรงเรียนปราสาทเบงวิทยา ดาเนินงานใหเ้ ป็นไปอย่างมี ประสิทธิภาพ จึงมีการกาหนดนโยบายและกิจกรรมในการขับเคลื่อนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่ สถานศึกษาและสู่กระบวนการจัดการเรียนรู้ระดับห้องเรียน ดาเนินกิจกรรมที่เก่ียวข้อง ประสานงานตา่ งๆ รวมท้ังการ ให้บริการแก่โรงเรียนและชุมชน ตดิ ตาม ประเมนิ ผลและรายงานผลการดาเนินการแก่ผู้เกีย่ วข้อง จดั เตรียมฐานการเรียนรู้ ในด้านต่างๆ และเป็นวิทยากรประจาฐานการเรียนที่ได้รับมอบหมาย โดยฐานการ เรียนรู้ สืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นปราสาทเบง ได้ดาเนินการแบ่งกิจกรรมการเรียนรู้และคณะผู้รับผิดชอบ ออกเป็น 3 กจิ กรรม ซงึ่ มรี ายละเอยี ดดงั นี้ ท่ี ช่ือกิจกรรม คณะครแู ละนกั เรยี นแกนนา 1 พิธกี รรมบวงสรวงปราสาทเบง ครูแกนนำประกอบด้วย ครู 2 บายศรพี ิธีบวงสรวง 1) นางจุฑามาศ ทองดา 2) นางสาวอรุณโรจน์ ทวีเหลอื ครู นักเรยี นแกนนาประกอบดว้ ย 1) นางสาวศศิประภา ซ่อนกล่นิ นักเรียนช้ัน ม. 6 2) นางสาววิศัลยา ศาลางาม นักเรียนชัน้ ม. 6 3) นางสาวฐติ าภรณ์ พานทอง นักเรียนช้นั ม. 6 4) นายครวชิ ญ์ คาอดุ นักเรยี นชนั้ ม. 5 5) นางสาวชลธชิ า เสกแสรง้ นกั เรยี นชน้ั ม. 4 ครูแกนนำประกอบดว้ ย ครู 1) นางสาวปนดั ดา สกุ ใส 2) นางสาวอรัญณิการ์ ทองนา ครู
9 นกั เรยี นแกนนำประกอบดว้ ย 1) นางสาวสมุ ิตา เครอื วลั ย์ นักเรียนชั้น ม. 6 2) นางสาววรรณวิสา เสาทอง นกั เรยี นชั้น ม. 6 3) นางสาวนงลักษณ์ ซ่อนกล่นิ นักเรยี นชั้น ม. 5 4) นางสาวรัตนาภรณ์ ซอ่ นกล่ิน นกั เรยี นชน้ั ม. 5 5) นางสาวนภัสสร เอน็ ดู นักเรยี นช้ัน ม. 5 3 อาหารถิ่นปราสาทเบง ครแู กนนำประกอบด้วย 1) นายเกยี รตศิ กั ด์ิ จารัตน์ ครู 2) นางสาวสุรรี ตั น์ สุทธโิ ส ครูธุรการ 3) นางสาวอรยา ศรีจันทร์ ครูอัตราจา้ ง นกั เรียนแกนนำประกอบด้วย 1) นางสาวพชั รี ไกรเพชร นักเรียนชั้น ม. 6 2) นางสาวณภทั ร สมรูป นักเรียนช้ัน ม. 6 3) นางสาวประวณี า อินทร์ตา นกั เรียนชน้ั ม. 6 4) นางสาววิยุดา ยารมั ย์ นกั เรียนช้นั ม. 6 5) นางสาวจิราวรรณ บุญคง นกั เรยี นช้นั ม. 6 6) นางสาวจันทมิ า บุญเพง็ นักเรยี นชัน้ ม. 6 7) นางสาวญาณศรณ์ คงสขุ นกั เรียนช้นั ม. 6 8) นางสาวอรพรรณ บุตรงาม นกั เรียนชน้ั ม. 6 9) นางสาวเพชรลดา เนยี มเกดิ นักเรยี นช้นั ม. 6 4. การวเิ คราะห์ผลที่สอดคล้องกบั หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง (2: 3: 4) ในฐานสบื ทอดภมู ิปัญญา ท้องถน่ิ ปราสาทเบง 2 เง่ือนไข เงือ่ นไขความรู้ เง่อื นไขคณุ ธรรม - ศึกษาความเป็นมาและความสาคัญของการ - คณะครูและนักเรียนแกนนา ให้ความทุ่มเทและ ประกอบพิธีกรรมบวงสรวงปราสาทเบง ท่ีแสดง ความร่วมมือกนั เป็นอยา่ งดีเพือ่ ให้เกิดเป็นฐานสืบ ใหเ้ หน็ ถึงวถิ ชี ีวติ ของคนในชมุ ชน ทอดภมู ปิ ัญญาทอ้ งถ่นิ ปราสาทเบง - ศึกษาและเรียนรู้ขั้นตอนการทาบายศรี เพ่ือนา - นักเรียนแกนนามีความตั้งใจท่ีจะถ่ายทอด ความรู้ที่ได้ไปใช้ในการทาบายศรีเพ่ือประกอบ ความรู้เก่ียวกับภูมิปัญญาท้องถิ่นปราสาทเบง พธิ ีกรรมบวงสรวง ให้แก่นักเรียนในโรงเรียนและบุคคลอื่นท่ีสนใจ - ศึกษาและเรียนรู้ข้ันตอนการทาอาหารพ้ืนบ้าน เป็นอย่างดี สูตรเฉพาะของท้องถ่ินปราสาทเบง เช่น อังแกบ- บอบ ขา้ วต้มมดั
10 3 หลักการ ความพอประมาณ ความมเี หตผุ ล มภี ูมิคมุ้ กันท่ีดี - การดาเนินกิจกรรมในฐาน - การดาเนินงานจะต้องมีการ - การดาเนินกิจกรรมในฐาน ตั้งอยู่บนหลกั ความพอประมาณ วางแผนการทางานร่วมกันในแต่ คณะครูและนักเรียนแกนนา คือ จัดหาวัสดุและอุปกรณ์ที่มี ละฝ่าย โดยมีการกาหนดหน้าที่ จะต้องมีการเตรียมพร้อมรับมือ อ ยู่ ใ น ท้ อ ง ถิ่ น ม า ใ ช้ ใ ห้ เ กิ ด ความรับผิดชอบ เพอ่ื ให้กิจกรรม กับความเปลี่ยนแปลงในด้าน ประโยชน์คุ้มค่ามากท่ีสุด เพ่ือ ภายในฐานดาเนินไปอย่างมี ต่าง ๆที่จะเกิดข้ึน และร่วมมือ ลดก าร ใช้ง บปร ะ มาณที่ไ ม่ ประสิทธิภาพ กันปรับเปล่ียนแกไ้ ขสถานการณ์ จาเป็น โดยพิจารณาถงึ ศกั ยภาพ - ใช้ความรู้ความสามารถและ ให้สามารถดาเนินงานต่อไปได้ ความรู้ความสามารถของคณะ ความรอบคอบของคณะครูและ อย่างราบรื่น ครูและนักเรยี นแกนนา นั ก เ รี ย น แ ก น น า ใ น ฐ า น ประกอบการตัดสินใจและเลือก ปฏิบัติ รวมถึงสามารถแก้ไข ปัญหาร่วมกันเพ่ือให้เกิดผลที่ ถกู ตอ้ งได้ เป้าหมายสมดลุ และพร้อมรบั การเปลยี่ นแปลงใน 4 มิติทสี่ มดลุ ยง่ั ยืน ดา้ นวตั ถุ ดา้ นสังคม ด้านส่ิงแวดล้อม วฒั นธรรม - จัดหาวัสดุและอุปกรณ์ที่มี - ความร่วมมือกันของสมาชิก - ทรัพยากรที่มีอยู่ภายใน ฐานการเรียนรู้สืบทอดภูมิ อยใู่ นท้องถน่ิ ปราสาทเบงมา ภายในฐานกิจกรรม และ ชุมช นปร าส าทเบง จ ะถู ก ปัญญาท้องถิ่นปราสาทเบงมี ใช้ประโยชน์ในการประกอบ ความร่วมมือของชุมชนในการ นามาใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า ความต้ังใจท่ีจะร่วมสืบทอด พิธีกรรมบวงสรวงปราสาท ร่วมกันวางแผน ให้ความ สมาชิกในฐานสืบทอดภูมิ ความรู้เก่ียวกับวิถีการดาเนิน เ บ ง ท า บ า ย ศ รี ใ น พิ ธี ช่วยเหลือ และแบ่งปันความรู้ ปัญญาท้องถ่ินปราสาทเบงทั้ง ชีวิตของท้องถ่ินปราสาทเบงที่ บวงสรวง และประกอบ ภูมิปัญญาท้องถิ่นเป็นอย่างดี คณะครูและนักเรียนแกนนา เก่ียวขอ้ งกบั พธิ ีกรรม ความเชื่อ อาหารถ่นิ ปราสาทเบง ทาให้ฐานกิจกรรมการเรียนรู้ จะต้องเห็นความสาคัญของ วัฒนธรรมการกินและอาหาร สืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่น ทรัพยากร แ ล ะธร ร มช า ติ พื้นถ่ิน ที่บ่งบอกถึงเอกลักษณ์ ปราสาทเบงดาเนินไปได้ด้วยดี รอบตัว จึงควรเป็นไปด้วย ของท้องถิ่นปราสาทเบง ให้มี และราบรื่น ความเคารพและระมัดระวัง ลักษณะเฉพาะในระยะยาวโดย ดว้ ยความรับผิดชอบต่อคนรุ่น พัฒนาต่อยอดให้สอดคล้องกับ ห ลั ง ที่จ า เ ป็น ต้ อ ง พ่ึ ง พิ ง วิถีชีวิตของชุมชน เพ่ืออนุรักษ์ ทรัพยากรต่าง ๆ เหล่านี้ใน และคงความเปน็ เอกลักษณข์ อง การดาเนินชวี ิตดว้ ยเช่นกัน ท้องถ่ินปราสาทเบงไม่ให้ถูก กลนื หายไป
11 5. สื่อ/อปุ กรณ์ กจิ กรรม พธิ ีกรรมบวงสรวงปราสาทเบง 1. แบบจาลองปราสาทเบง 2. แผ่นนาเสนอความรูเ้ กยี่ วกับความเปน็ มาของปราสาทเบง 3. แผ่นนาเสนอความรู้เกย่ี วกบั พิธกี รรมบวงสรวงปราสาทเบง 4. จิก๊ ซอว์ ปราสาทเบง กิจกรรม บายศรีพิธีบวงสรวง 1. การสาธิตข้นั ตอนการทาบายศรีโดยวทิ ยากรแกนนา 2. แผ่นภาพนาเสนอข้ันตอนการทาบายศรี 3. อุปกรณใ์ นการทาบายศรี กิจกรรม อาหารพืน้ บา้ นอังแกบบอบ 1. การสาธิตข้นั ตอนการทาอาหารพืน้ บ้านอังแกบบอบโดยวทิ ยากรแกนนา 2. วัตถดุ ิบและอปุ กรณ์ท่ีใช้ในการประกอบอาหารพื้นบา้ นองั แกบบอบ 6. แหลง่ เรยี นรู้ หอ้ งแหล่งการเรยี นรู้ ฐานสบื ทอดภูมปิ ญั ญาท้องถ่ินปราสาทเบง โรงเรยี นปราสาทเบงวทิ ยา
12 7. การประเมนิ ผลลพั ธ์ท่ีเกดิ ขนึ้ จากกิจกรรมฐานการเรียนรู้ สืบทอดภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถ่นิ ปราสาทเบง ด้าน อยอู่ ยา่ งพอเพียง-สมดลุ และพรอ้ มรับการเปล่ยี นแปลงในดา้ นตา่ ง ๆ วัด วัตถุ/เศรษฐกจิ สังคม ส่งิ แวดล้อม วัฒนธรรม ความรู้ - เ ลื อ ก ใ ช้ วั ส ดุ ท่ี - วางแผนการ - สานึกรกั - ร้วู ัฒนธรรม ภูมิ เหมาะสม ประหยัด ทางานรว่ มกัน สง่ิ แวดลอ้ ม ปญั ญาท้องถิ่น ฝกึ ปลอดภัย คุ้มค่า - แบง่ หน้าที่ - จดั เก็บทาความ ปฏิบตั ิเพ่ือนาความรู้ และเกิดประโยชน์ รับผดิ ชอบให้ สะอาดเปน็ ท่ีได้มาสบื สานภมู ิ สูงสุด ชัดเจน ระเบียบ ปัญญาท้องถิน่ ต่อไป - ทางานร่วมกัน อย่างมีความสุข ทกั ษะ - ใช้วสั ดุ/อุปกรณ์ - รับฟงั ความ - ใชว้ ัสดอุ ุปกรณ์ - มีความเอือ้ เฟอื้ อย่างถกู ตอ้ ง คดิ เห็นของผ้อู ่นื อยา่ งคมุ้ คา่ แบ่งปันความรู้และ ระมดั ระวงั และ - เกิดความสัมพันธ์ - เกบ็ รักษา ช่วยเหลอื ผอู้ นื่ ดว้ ย ปลอดภัย อนั ดกี ับเพ่ือน เครอื่ งมอื และ ความเตม็ ใจเพื่อ รว่ มงาน อุปกรณ์ในการทา ร่วมกนั สบื สาน อย่างระมัดระวงั อนรุ ักษ์ภมู ปิ ัญญา ท้องถนิ่ ใหค้ งอยู่ ค่านยิ ม - ใช้วัตถุดิบที่มีอยู่ - นาประสบการณ์ - ใช้วัตถุดิบท่ีมีอยู่ - ภูมิใจในภูมิปัญญา หรือท่ีสามารถหา ความรู้ท่ีได้รับ ไป หรือที่สามารถหา ท้องถิ่น เห็นคุณค่า ได้ในชุมชุนมาใช้ แ บ่ ง บั น ใ ห้ ผู้ อ่ื น ได้ในชมุ ชน และส่งเสริมอนุรักษ์ อย่างประหยัดและ เช่น ครอบครัวหรือ ภูมิปัญ ญ าท้ อ ง ถิ่ น คมุ้ คา่ เพอ่ื น ปราสาทเบงให้คงอยู่ ต่อไป
13 แผนการจัดกิจกรรม พธิ ีกรรมบวงสรวงปราสาทเบง ชอื่ ฐานการเรียนรู้ สบื ทอดภูมปิ ัญญาทอ้ งถนิ่ ปราสาทเบง ครแู กนนา นางจุฑามาศ ทองดา นางสาวอรณุ โรจน์ ทวเี หลือ กิจกรรมท่ี 1 พธิ กี รรมบวงสรวงปราสาทเบง ที่ตัง้ ห้องฐานการเรียนรู้ สืบทอดภูมิปญั ญาท้องถิน่ ปราสาทเบง ครแู กนนา นางจฑุ ามาศ ทองดา นางสาวอรุณโรจน์ ทวีเหลือ นกั เรียนแกนนา 1) นางสาวฐติ าภรณ์ พานทอง นกั เรยี นชัน้ ม. 6 2) นางสาววศิ ลั ยา ศาลางาม นักเรียนช้ัน ม. 6 3) นางสาวศศปิ ระภา ซอ่ นกล่ิน นกั เรียนชัน้ ม. 5 4) นายครวิชญ์ คาอดุ นักเรียนชน้ั ม. 5 5) นางสาวกาญจนา งามเลศิ นกั เรยี นชน้ั ม. 5 6) เด็กหญงิ ชลธิชา เสกแสร้ง นักเรยี นชั้น ม. 4 วัตถุประสงค์ 1. เพ่ือใช้เป็นแหล่งเรยี นรู้ใหแ้ ก่นักเรียนและผู้ที่สนใจศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับความเป็นมาและพธิ ีกรรม บวงสรวงปราสาทเบง 2. เพ่ือเป็นศูนย์รวมข้อมูลเก่ียวกับพิธีกรรมบวงสรวงปราสาทเบงให้นักเรียนและผู้สนใจได้ศึกษา ค้นคว้าด้วยตนเอง 3. เพอื่ สง่ เสริมใหเ้ กดิ กระบวนการการคิดวเิ คราะห์ คดิ สงั เคราะห์ อย่างเปน็ ระบบ 4. เพ่ือส่งเสริมการนาไปประยุกต์ใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั ได้อย่างสร้างสรรค์ 5. เพื่ออนรุ ักษ์และสบื ทอดภูมปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ และพธิ กี รรมบวงสรวงปราสาทเบงใหค้ งอยู่สืบไป ขอ้ มลู ความรู้ พธิ ีบวงสรวง ตามความเชื่อทีม่ ีสืบต่อกนั มา “การบวงสรวง” คือการบชู าสง่ิ ศกั ดิ์สทิ ธ์ทิ ้ังหลายในลักษณะการอญั เชิญ เพื่อใหเ้ กิดสิริมงคลกับตัวเอง กจิ การงานต่างๆ หรือเป็นการขออนุญาตก่อนจะเริ่มทาส่ิงหนึ่งส่ิงใด ซึ่งอาจเป็น การบุกรุก รบกวนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นการแสดงตนว่าไม่ได้มีเจตนาที่จะลบหลู่จากการกระทาน้ันๆ ชุมชน ปราสาทเบงเป็นชมุ ชนทม่ี ีความเชื่อเกี่ยวกับการบวงสรวงปราสาท ถอื ว่าเมื่อทาแล้วจะทาให้เกิดความสงบสุข ต่อครอบครัวและชุมชน โดยพิธีบวงสรวงน้ีจะจัดข้ึนในเดือนมีนาคม หลังจากการเก็บเก่ียวผลผลิตทาง การเกษตร ในช่วงเวลานี้ ลูกหลานที่ไปทางานในพ้ืนที่ต่าง ๆ จะเดินทางกลับมาหาครอบครัวกันอย่างพร้อม หนา้ พร้อมตา เพื่อทาพิธีบวงสรวง เซ่นไหว้แกบ่ รรพบุรษุ เป็นการแสดงออกถงึ ความกตญั ญูต่อผู้มีพระคุณ ซ่ึง ทางโรงเรยี นไดพ้ านกั เรียนจดั ขนึ้ ทุกปี เพือ่ ใหน้ ักเรยี นได้เรียนร้แู ละอนรุ ักษ์ประเพณที อ้ งถ่ิน
14 วิธีใชฐ้ านการเรียนรู้ ขน้ั นา วิทยากรกล่าวทักทายผู้เขา้ ศึกษาฐานการเรียนรู้ จากน้ันแนะนาตนเอง คณะครูและนักเรียนแกนนา และช่อื ฐานการเรยี นรู้ “สบื ทอดภมู ิปญั ญาท้องถ่นิ ” ในกิจกรรม “พิธีกรรมบวงสรวงปราสาทเบง” 1. ดวู ิดีทัศน์พธิ ีกรรมบวงสรวงปราสาทเบง 2. วทิ ยากรให้ความรเู้ กีย่ วกับความเป็นมาของปราสาทเบงและพิธีกรรมบวงสรวงปราสาทเบง โดย มัคคเุ ทศนน์ อ้ ยดงั นี้ ความเป็นมาของปราสาทเบง โบราณสถานปราสาทเบง ตั้งอยู่บ้านปราสาทเบง ตาบลกาบเชิง อาเภอกาบเชิง จ.สุรินทร์ ปราสาท เบง ประกอบด้วยปราสาทหลังเดียว ต้ังอยู่ ภายในบริเวณซ่ึงมีคูน้าล้อมรอบมีรายละเอียดดังน้ี ปราสาท ประธาน ก่ออิฐ มีแผนผังเป็นรูปส่ีเหลี่ยม จัตุรัสไม่ย่อมุม ขนาดประมาณ 4 x 4 เมตร มีประตูทางเข้า อยู่ ทางด้านทิศตะวันออก มีเสาประดับกรอบประตูเป็น เสาแปดเหลี่ยม แต่ละเหลี่ยมประดับด้วยลายใบไม้รูป สามเหล่ียม 1 ใบ ซ่ึงเป็นรูปแบบที่นิยมในราวพุทธศตวรรษ ที่ 15 ผนังด้านที่เหลืออีก 3 ด้านทา เป็นประตู หลอก ส่วนหลังคาพังทลายหมดแล้ว คูนาล้อมรอบเป็นรูปสี่เหลี่ยม เว้นทางดา้ นทิศตะวนั ออกไว้เป็นทางเข้า- ออก ปัจจุบนั ยังคงปรากฏรอ่ งรอยให้ เห็นอย่ทู ุกด้าน ความสาคญั ของแหล่งทางประวัติศาสตร์ โบราณคดี ปราสาทเบง เป็นปราสาทขอม ท่ีมแี ผนผังเป็นรูปส่ีเหลี่ยม จัตุรัสไม่ย่อมุม และมีเสาประดับกรอบประตูเป็น รูปแปดเหล่ียม ซึ่งกาหนดอายุได้ราวพุทธศตวรรษที่ 15 ปราสาทเบงจึงเป็นร่องรอยหลกั ฐานทแ่ี สดงอิทธิพล วัฒนธรรมขอมทป่ี รากฏข้ึนในดินแดนแถบน้ี ในราวพุทธ ศตวรรษที่ 15 ปราสาทเบง จัดเป็นปราสาทหลังเดียว มีขนาดเล็ก ตามคาบอกเลา่ ของปราชญ์ชาวบ้าน สันนิ ฐานว่า โบราณสถานแห่งนี้เป็นอโรคยศาล หรือสถานพยาบาลแห่งหน่ึง แหง่ อาณาจักรขอม โปรดใหส้ ร้างขึ้น ทว่ั ราชอาณาจักร ตามความที่ปรากฏในจารึกปราสาทตาพรหม ประเทศกัมพูชา สภาพปัจจุบนั ยังไม่ได้รับการ ขุดแต่งและบูรณะ ปรากฏ ร่องรอยหลักฐานคือส่วนเรือนธาตุและเสาประดับกรอบประตูซึ่งยังติดต้ังอยู่ ตาแหนง่ เดิม มีมูลดินทับถมขึน้ มา ถึงส่วนฐาน คูนา้ ตื้นเขิน และถนนเขา้ ถงึ ตวั ปราสาทเปน็ ถนนลูกรัง ในส่วน ของการดูแลปัจจุบันได้มีการดูแลรักษา ทาความสะอาดและกาจัดวัชพืชอย่างสม่าเสมอ อ้างอิงจากหนังสือ เสน้ ทางอารยธรรม มรดกลา้ ค่าจงั หวดั สุรินทร์ พิธีบวงสรวงปราสาทเบง โบราณสถานปราสาทเบง มีเร่ืองราวเล่าต่อกันมาเป็นท่ีเส่ือมและศรัทธาของคนท่ีอยู่อาศัยในชุมชน มาอย่างยาวนาน ในปัจจุบันนี้ โบราณสถานปราสาทเบง ยังคงเป็นสถานที่สาคัญใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ทาง ประวตั ศิ าสตรข์ องคนในชุมชน มคี วามสาคัญ คณุ ค่าทางสังคมและทางจิตใจ ที่มใี นวถิ ีการดาเนนิ ชีวิตของคน ในชุมชน ไดศ้ ึกษาเรียนรู้รว่ มกันมีการจัดพิธเี ซ่นไหว้บวงสรวงปราสาทเบง ทาใหก้ ารดาเนินของคนในชุมชนมี การไปมาหาสู่กันและคงให้ความสาคญั กับพธิ บี วงสรวงปราสาทเบง มาโดยตลอดเปน็ ระยะเวลาทย่ี าวนาน และ อีกนัยหนึ่งสาหรับผู้ประกอบอาชีพทางการเกษตรกร ก็ช่วยให้การทาไร่ ทานา ตลอดจนการประกอบสัมมา อาชีพต่าง ๆ เป็นไปด้วยความราบรืน่ ซ่ึงปัจจบุ ันทางรฐั ภาคเอกชน และผทู้ ี่มีความเชือ่ ความศรัทธาในปราสาท
15 เบง ต่างกเ็ ข้าร่วมประกอบพิธเี ซ่นไหว้บวงสรวง จึงกาหนดจัดให้มีพิธีเซ่นไหว้บวงสรวงปราสาทเบง ในวันขึ้น 12 ค่าเดือน 10 ของทุกปี เพ่ือแสดงความเคารพเทพยดาฟ้าดิน และสิ่งศักดิ์สทธ์ิที่อยู่บริเวณปราสาทเพ่ือ ปกป้องคุ้มครองให้ตนเองครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข ยังเป็นที่ยดึ เหน่ียวจิตใจคนในชุมชนและยังส่งเสริมให้เป็น แหลง่ ทอ่ งเทีย่ วท่ีสาคญั ทางประวตั ิศาสตร์ดว้ ย ขน้ั สอน 3. วิทยากรแกนนาพาถอดบทเรียนเร่ืองพิธีกรรมบวงสรวงปราสาทเบง เพ่ืออธิบายกิจกรรมให้ เชื่อมโยงเขา้ กับหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 4. วิทยากรแกนนาแบ่งกลุ่มนกั เรยี นออกเปน็ 3-4 กลมุ่ ทากจิ กรรมตอ่ จิ๊กซอวร์ ูปปราสาทเบง 5. วทิ ยากรแกนนาพาทาพวงกุญแจรูปปราสาทเบงเป็นของที่ระลึก ขนั้ สรปุ 5. วิทยากรและผู้เข้าร่วมกิจกรรม พิธีกรรมบวงสรวงปราสาทเบง ร่วมกันสรุปกิจกรรมด้วยการใช้ คาถามสะท้อนความคิด ด้วยคาถาม RCA ดังน้ี R-Reflect 1) รสู้ กึ อยา่ งไรบา้ งท่ีไดเ้ ขา้ มาศกึ ษาในฐานการเรียนรู้ C-Connect 1) เคยมคี วามรู้เกีย่ วกับแนวคดิ หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมากอ่ นหรือไม่ อย่างไร 2) เคยเรียนรู้เก่ียวกบั การนาหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งมาเขียนเป็นเร่ืองราวถ่ายทอด ใหผ้ ูอ้ น่ื อ่านบา้ งไหม 3) ทีผ่ ่านมาเศรษฐกิจพอเพยี งสง่ ผลอยา่ งไรตอ่ ตนเองและผอู้ ่ืน A-Apply 1) สามารถนาไปประยุกตใ์ ช้ในชีวติ ประจาวนั ไดอ้ ยา่ งไร ส่ือ/อปุ กรณ์ 1. อปุ กรณท์ ใ่ี ช้ในการทากิจกรรมตอ่ จกิ๊ ซอว์รูปปราสาทเบง 2. แผนผังความคิดการถอดบทเรยี น เร่อื ง พิธีกรรมบวงสรวงปราสาทเบง ผลผลิต/ชิน้ งาน 1. พวงกุญแจรูปปราสาทเบง
16 การประเมนิ ผลลพั ธ์ท่เี กดิ ขึน้ จากกจิ กรรมฐานการเรียนรู้ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง กิจกรรม พธิ ีกรรมบวงสรวงปราสาทเบง ดา้ น อยู่อยา่ งพอเพยี ง-สมดลุ และพรอ้ มรับการเปล่ียนแปลงในด้านตา่ ง ๆ วดั วัตถ/ุ เศรษฐกจิ สงั คม สงิ่ แวดลอ้ ม วัฒนธรรม ความรู้ - เ ลื อ ก ใ ช้ วั ส ดุ ท่ี - วางแผนการ - สานึกรกั - รวู้ ฒั นธรรม ภมู ิ เหมาะสม ประหยดั ทางานรว่ มกัน สิ่งแวดล้อม ปัญญาท้องถ่นิ ฝึก ปลอดภัย คุ้มค่า - แบ่งหนา้ ท่ี - จดั เก็บทาความ ปฏิบัตเิ พือ่ นาความรู้ และเกิดประโยชน์ รับผดิ ชอบให้ สะอาดเป็น ที่ไดม้ าสืบสานภูมิ สูงสดุ ชัดเจน ระเบยี บ ปัญญาท้องถิ่นต่อไป - ทางานรว่ มกนั อยา่ งมคี วามสุข ทกั ษะ - ใช้วัสดุ/อปุ กรณ์ - รับฟงั ความ - ใช้วัสดุอปุ กรณ์ - มีความเออื้ เฟ้ือ อย่างถูกตอ้ ง คดิ เห็นของผอู้ ่ืน อยา่ งคมุ้ ค่า แบง่ ปนั ความรู้และ ระมัดระวงั และ - เกดิ ความสมั พันธ์ - เกบ็ รักษา ช่วยเหลือผู้อ่ืน ด้วย ปลอดภยั อนั ดกี บั เพอื่ น เครื่องมือและ ความเตม็ ใจเพ่อื ร่วมงาน อปุ กรณใ์ นการทา รว่ มกันสบื สาน อยา่ งระมัดระวัง อนรุ ักษภ์ มู ปิ ัญญา ท้องถิน่ ใหค้ งอยู่ คา่ นยิ ม - ใช้วัตถุดิบที่มีอยู่ - นาประสบการณ์ - ใช้วัตถุดิบที่มีอยู่ - ภูมิใจในภูมิปัญญา หรือท่ีสามารถหา ความรู้ท่ีได้รับ ไป หรือที่สามารถหา ท้องถ่ิน เห็นคุณค่า ได้ในชุมชุนมาใช้ แ บ่ ง บั น ใ ห้ ผู้ อ่ื น ได้ในชุมชน และส่งเสริมอนุรักษ์ อย่างประหยัดและ เช่น ครอบครัวหรือ ภูมิปัญ ญ าท้ อ ง ถ่ิ น คุม้ คา่ เพ่ือน ปราสาทเบงให้คงอยู่ ต่อไป
17 ถอดบทเรียนตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง กิจกรรม พิธีกรรมบวงสรวงปราสาทเบง ศาสตร์พระราชา ศาสตร์ภูมิปญั ญา ศาสตรส์ ากล รแู้ ละเข้าใจเก่ยี วกับพิธกี รรมบวงสรวง เรยี นรู้พธิ ีกรรมบวงสรวงปราสาทเบง ใช้สือ่ เทคโนโลยีสบื ค้นความรู้ท่ี ปราสาทเบง สามารถนาความรู้ที่ได้มา จากผปู้ กครองและวิทยากรในท้องถ่นิ เกี่ยวกบั พธิ กี รรมบวงสรวง ปรบั ใช้ในการประกอบพิธกี รรมตา่ ง ๆ รปู แบบการอนรุ กั ษ์ศลิ ปวัฒนธรรม ปราสาทเบง ได้อยา่ งเหมาะสม ศึกษาขอ้ มูลอยา่ ง หลักการอนรุ ักษ์ศิลปวฒั นธรรม เป็นระบบ ประหยดั เรียบง่ายใช้ ประโยชน์สูงสดุ ความรู้ คณุ ธรรม ศกึ ษาเรียนรู้พธิ ีกรรมบวงสรวงปราสาทเบง รักษาขนมธรรมเนียมประเพณี มีรบั ผดิ ชอบตอ่ จากแหล่งเรยี นรูต้ า่ ง ๆ โดยเฉพาะในชุมชน สงั คม ชมุ ชนและท้องถนิ่ ของตน ของตนเอง พอประมาณ มเี หตุผล มภี ูมคิ มุ้ กนั การอนรุ กั ษท์ รพั ยากรทม่ี ีอยู่ให้เกดิ เป็นแหลง่ เรยี นรู้ ศิลปวฒั นธรรม สร้างความเข้มแข็งใหก้ ับ ประโยชน์สูงสดุ อยา่ งเหมาะสม สถานศกึ ษา ชุมชน สงั คม พอเหมาะ ไมม่ ากไม่นอ้ ยเกินไป ไม่ สาหรบั ผู้เรยี นและชมุ ชน ความรกั และหวงแหน ในสง่ิ ที่ มีจติ สานกึ การอนรุ กั ษ์ประเพณี กอ่ ให้เกดิ ความเดือดร้อน เป็นรากเง้าของตน วัฒนธรรมประจาท้องถน่ิ วัตถุ สงั คม สิ่งแวดล้อม วฒั นธรรม ใชว้ สั ดุทีม่ อี ย่ใู นท้องถนิ่ ให้ เรียนร้ทู จ่ี ะทางานร่วมกัน เป็นระเบยี บ เรยี บรอ้ ย ไดศ้ กึ ษาเรียนรู้และสืบทอด เกิดประโยชน์สงู สุด อยา่ งมีประสิทธภิ าพ โดย สะอาด สวยงาม เอือ้ ต่อ ภมู ปิ ญั ญาทเี่ กยี่ วข้องกบั การขอคาแนะนาจาก การเรยี นรู้ ประเพณีและพธิ ีกรรมใน ผปู้ กครองและวิทยากรใน ทอ้ งถิ่น ชุมชน สืบทอดวฒั นธรรมท้องถนิ่ สามัคคใี นหมู่คณะ เอือ้ เฟ้ือ ตามเทศกาล เผื่อแผ่
18 ประโยชน์ 1. สามารถใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ให้แก่นักเรียนและผู้ท่ีสนใจศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับพิธีกรรมบวงสรวง ปราสาทเบงได้ 2. กิจกรรมที่จัดข้ึนเปรียบเสมือนศูนย์รวมข้อมูลเก่ียวกับพิธีกรรมบวงสรวงปราสาทเบงให้นักเรียน และผสู้ นใจได้ศกึ ษาค้นคว้าด้วยตนเอง 3. กจิ กรรมท่จี ดั ขึ้นเปน็ การสง่ เสริมใหเ้ กิดกระบวนการการคิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ อย่างเป็นระบบ 4. กิจกรรมที่จัดข้ึนเป็นการส่งเสริมการนาไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวันได้อย่างสร้างสรรค์และ สามารถตอ่ ยอดเป็นรายได้ใหแ้ ก่ครอบครัวได้ 5. กิจกรรมทจ่ี ดั ขึน้ ช่วยอนุรักษแ์ ละสืบทอดภูมิปัญญาท้องถิน่ เก่ียวกับการทาบายศรีใหค้ งอยู่สบื ไป
19 แผนการจัดกจิ กรรม บายศรีพิธบี วงสรวง ชอ่ื ฐานการเรียนรู้ สบื ทอดภูมิปญั ญาทอ้ งถ่นิ ปราสาทเบง ครแู กนนา นางสาวปนดั ดา สุกใส นางสาวอรญั ณกิ าร์ ทองนา กิจกรรมที่ 2 บายศรีพิธีบวงสรวง ท่ตี ้งั หอ้ งฐานการเรียนรู้ สบื ทอดภูมปิ ัญญาท้องถิน่ ปราสาทเบง ครแู กนนา นางสาวปนดั ดา สุกใส และนางสาวอรัญณกิ าร์ ทองนา นักเรยี นแกนนา 1) นางสาวสุมติ า เครอื วลั ย์ นักเรียนช้นั ม. 6 2) นางสาววรรณวสิ า เสาทอง นักเรียนชัน้ ม. 6 3) นางสาวนงลักษณ์ ซอ่ นกล่ิน นักเรยี นชั้น ม. 5 4) นางสาวรตั นาภรณ์ ซ่อนกลนิ่ นกั เรียนชัน้ ม. 5 5) นางสาวนภสั สร เอน็ ดู นกั เรียนช้นั ม. 5 วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพอ่ื ใชเ้ ปน็ แหล่งเรียนรใู้ หแ้ ก่นกั เรยี นและผู้ท่ีสนใจศกึ ษาเรยี นรู้เก่ียวกบั การทาบายศรี 2. เพอื่ เปน็ ศูนยร์ วมขอ้ มูลเกยี่ วกบั การทาบายศรีใหน้ กั เรียนและผ้สู นใจได้ศึกษาคน้ ควา้ ด้วยตนเอง 3. เพือ่ สง่ เสรมิ ใหเ้ กิดกระบวนการการคดิ วเิ คราะห์ คดิ สังเคราะห์ อยา่ งเปน็ ระบบ 4. เพื่อสง่ เสรมิ การนาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวิตประจาวนั ไดอ้ ยา่ งสร้างสรรค์ 5. เพ่ืออนุรกั ษแ์ ละสบื ทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นเกย่ี วกบั การทาบายศรีให้คงอยู่สบื ไป ข้อมูลความรู้ การทาบายศรีด้วยใบตอง ที่มีลักษณะเฉพาะแบบบายศรีภาคอีสานหรือเรียกอกี ช่ือหน่ึงไดว้ ่า พาขวัญ เพื่อใชใ้ นประเพณีการสู่ขวัญ พิธบี วงสรวง ซ่ึงเป็นประเพณที ี่สืบทอดกนั มาช้านาน เปน็ เร่ืองเกย่ี วกับความเช่ือ เรอ่ื งขวญั หรือจิตใจอันก่อให้เกิดกาลังใจท่ีดีข้ึน ชาวอสี านเห็นความสาคญั ทางด้านจิตใจมาก ในการดาเนินชีวิต แตล่ ะช่วง มักมีการสู่ขวัญควบคกู่ ันเสมอ จึงพบเห็นการสู่ขวญั ทุกทอ้ งถิ่นในภาคอสี าน รวมถึงทอ้ งถ่ินปราสาท เบง การทาบายศรีถือเป็นภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ ปราสาทเบง ทีค่ งความงดงามและถือปฏิบตั สิ ืบตอ่ กนั มายาวนาน
20 วิธใี ช้ฐานการเรียนรู้ ขัน้ นา วิทยากรกล่าวทักทายผู้เข้าศึกษาฐานการเรียนรู้ จากน้ันแนะนาตนเอง คณะครูและนักเรยี นแกนนา และชื่อฐานการเรียนรู้ “สืบทอดภมู ิปัญญาท้องถน่ิ ” ในกิจกรรม “บายศรพี ธิ ีบวงสรวง” 1. วิทยากรให้ความรู้เกยี่ วกบั บายศรีทใี่ ชใ้ นพธิ ีบวงสรวง ดงั น้ี พิธีบวงสรวง ตามความเช่อื ทมี่ สี ืบต่อกันมา “การบวงสรวง” คอื การบูชาสิง่ ศักด์สิ ิทธ์ิทง้ั หลายในลกั ษณะการอญั เชิญ เพื่อให้เกิดสิริมงคลกับตัวเอง กจิ การงานต่างๆ หรือเป็นการขออนุญาตก่อนจะเริ่มทาส่ิงหน่ึงสิ่งใด ซ่ึงอาจเป็น การบุกรกุ รบกวนต่อส่ิงศักด์ิสทิ ธิ์ เป็นการแสดงตนว่าไมไ่ ด้มีเจตนาทีจ่ ะลบหลู่จากการกระทาน้ันๆ โดยมากจะ จัดข้ึนเป็นพิธีอย่างเปน็ ทางการ เช่น ยกเสาเอก ขึ้นบ้านใหม่ ตง้ั ศาลพระภูมิ พธิ ีวางศิลาฤกษ์ พิธกี ารงานมงคล ตา่ งๆ โดยปกตใิ นพธิ ีบวงสรวงจะมี “พราหมณ์” เป็นผ้นู าในการทาพิธี เพราะตามแนวคิดทางศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู ถือว่า พราหมณ์เป็นนักบวชผู้สืบทอดวิชาความรู้ในคัมภีร์ ไตรเวทพิธีกรรม จารีต ประเพณี ศิลปวัฒนธรรม และคติความเช่ือต่าง ๆ ส่วนเครื่องบวงสรวงหรือของไหว้ ส่ วนใหญ่จะมีบายศรีเป็น องค์ประกอบหลกั และอ่นื ๆ ท่ีใชส้ าหรับบชู าครทู ่วั ไป บายศรพี ธิ บี วงสรวงทีเ่ ปน็ ภูมิปัญญาทอ้ งถิน่ ของชุมชนปราสาทเบง การทาบายศรีในพิธีบวงสรวงของชุมชนปราสาทเบงน้ัน จะเลือกใช้วัสดุจากธรรมชาติมาใช้ในการ ประดิษฐ์บายศรี โดยวัสดหุ ลักคือใบตองและดอกไมท้ ่ีสามารถหาไดใ้ นชมุ ชน โดยรปู แบบของบายศรที ป่ี ระดิษฐ์ ขึน้ นนั้ มีลกั ษณะเดียวกันกับบายศรขี องภาคอสี าน ท่ีเรยี กว่า บายศรีสขู่ วญั หรือบายศรีพาขวัญ โดยปกติบายศรี จะนยิ มประดษิ ฐ์ใหม้ ีลักษณะชั้นท่แี ตกต่างกนั ไป เชน่ 3 ชนั้ 5 ชัน้ 7 ช้นั และ 9 ชั้น แต่สาหรับคนธรรมดาหรือ คนทั่วไปมักนิยมทาบายศรีจานวน 3 และ 5 ช้ัน ใชใ้ นพิธีการสาคัญ ๆ เน่ืองจากบายศรี 7 และ 9 ช้นั จะนิยม จดั สาหรบั พระมหากษตั ริยห์ รอื เชอ้ื พระวงศ์ และนิยมทาบายศรที ่ใี ชป้ ระกอบในพิธีกรรมเปน็ คู่ ๆ 2. วิทยากรแนะนาวสั ดแุ ละอุปกรณท์ ีใ่ ช้ในการทาบายศรี ขั้นสอน 3. วิทยากรแบ่งกลุ่มนักเรียนออกเป็น 3-4 กลุ่ม เพ่ือสาธิตข้ันตอนการทาบายศรีและพานักเรียนที่ สนใจฝึกนาใบตองมาพบั ม้วนให้เป็นกรวยปลายแหลมให้เป็นกรวยแม่และกรวยลูก เพื่อใช้ในการประกอบขึ้น เปน็ บายศรตี อ่ ไป 4. นากรวยปลายแหลมจากแตล่ ะกลุม่ ทีพ่ บั เรยี บร้อยแลว้ มาประกอบเขา้ กับพานบายศรจี านวน 3 ช้ัน ท่ีไดเ้ ตรียมไว้ ตกแตง่ ด้วยดอกไมใ้ หส้ วยงาม 5. นาบายศรีที่ประดิษฐ์เรียบร้อยไปต้ังวางไว้ที่โต๊ะ จากน้ันวิทยากรแกนนา นาสื่อการสอนเก่ียวกับ การถอดบทเรยี นเรอื่ งทาบายศรพี ิธบี วงสรวง เพื่ออธิบายกจิ กรรมใหเ้ ชื่อมโยงเข้ากับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพยี ง
21 ขัน้ สรุป 6. วทิ ยากรและผูเ้ ข้าร่วมกิจกรรม บายศรีพิธีบวงสรวง ร่วมกันสรุปกิจกรรมด้วยการใชค้ าถามสะทอ้ น ความคดิ ด้วยคาถาม RCA ดังนี้ R-Reflect 1) รู้สึกอย่างไรบ้างท่ไี ด้เขา้ มาศกึ ษาในฐานการเรียนรู้ C-Connect 1) เคยมคี วามรู้เก่ยี วกับแนวคดิ หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งมากอ่ นหรอื ไม่ อยา่ งไร 2) เคยเรยี นรูเ้ ก่ยี วกบั การนาหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงมาเขยี นเป็นเรอ่ื งราวถา่ ยทอด ใหผ้ ู้อ่ืนอ่านบา้ งไหม 3) ที่ผา่ นมาเศรษฐกจิ พอเพยี งส่งผลอยา่ งไรตอ่ ตนเองและผูอ้ ่ืน A-Apply 1) สามารถนาไปประยุกต์ใชใ้ นชวี ติ ประจาวันไดอ้ ย่างไร สอ่ื /อุปกรณ์ 1. อปุ กรณ์ทใ่ี ชใ้ นการสาธติ ขัน้ ตอนการทาบายศรี 2. แผนผงั ความคิดการถอดบทเรยี น เรือ่ ง บายศรีพิธบี วงสรวง ผลผลติ /ชน้ิ งาน 1. กรวยปลายแหลม กรวยแม่และกรวยลกู 2. บายศรที ใ่ี ช้ประกอบพธิ บี วงสรวง
22 การประเมินผลลพั ธ์ทเ่ี กิดขึ้นจากกจิ กรรมฐานการเรยี นรตู้ ามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง กิจกรรม บายศรีพธิ ีบวงสรวง ดา้ น อยู่อยา่ งพอเพยี ง-สมดลุ และพร้อมรบั การเปลย่ี นแปลงในดา้ นตา่ ง ๆ วัด วัตถุ/เศรษฐกจิ สังคม ส่งิ แวดล้อม วัฒนธรรม ความรู้ - เ ลื อ ก ใ ช้ วั ส ดุ ท่ี - วางแผนการ - สานกึ รกั - รูว้ ัฒนธรรม ภูมิ เหมาะสม ประหยดั ทางานรว่ มกัน สิ่งแวดล้อม ปัญญาท้องถิน่ ฝกึ ปลอดภัย คุ้มค่า - แบง่ หนา้ ที่ - จดั เก็บทาความ ปฏิบัตเิ พ่อื นาความรู้ และเกิดประโยชน์ รับผิดชอบให้ สะอาดเปน็ ทไ่ี ดม้ าสืบสานภมู ิ สงู สุด ชัดเจน ระเบียบ ปญั ญาท้องถิ่นต่อไป - ทางานรว่ มกัน อยา่ งมีความสุข ทกั ษะ - ใช้วสั ดุ/อุปกรณ์ - รับฟังความ - ใช้วัสดุอุปกรณ์ - มีความเออ้ื เฟอื้ อยา่ งถูกต้อง คิดเห็นของผ้อู ่ืน อยา่ งคุม้ คา่ แบ่งปนั ความร้แู ละ ระมดั ระวงั และ - เกิดความสัมพันธ์ - เกบ็ รักษา ชว่ ยเหลอื ผอู้ ่นื ด้วย ปลอดภัย อนั ดกี บั เพอื่ น เคร่อื งมือและ ความเตม็ ใจเพอื่ ร่วมงาน อปุ กรณใ์ นการทา รว่ มกนั สบื สาน อยา่ งระมดั ระวงั อนุรกั ษภ์ ูมปิ ัญญา ทอ้ งถ่นิ ให้คงอยู่ คา่ นยิ ม - ใช้วัตถุดิบท่ีมีอยู่ - นาประสบการณ์ - ใช้วัตถุดิบท่ีมีอยู่ - ภูมิใจในภูมิปัญญา หรือท่ีสามารถหา ความรู้ที่ได้รับ ไป หรือที่สามารถหา ท้องถ่ิน เห็นคุณค่า ได้ในชุมชุนมาใช้ แ บ่ ง บั น ใ ห้ ผู้ อื่ น ไดใ้ นชมุ ชน และส่งเสริมอนุรักษ์ อย่างประหยัดและ เช่น ครอบครวั หรือ ภูมิปัญ ญ าท้ อ ง ถ่ิ น คุม้ คา่ เพ่ือน ปราสาทเบงให้คงอยู่ ตอ่ ไป
23 ถอดบทเรยี นตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง กจิ กรรม บายศรพี ธิ บี วงสรวง ศาสตร์พระราชา ศาสตร์ภูมปิ ัญญา ศาสตร์สากล รู้และเข้าใจเก่ียวกับการทาบายศรี เรยี นรู้การทาบายศรี จากผ้ปู กครอง ใชส้ อื่ เทคโนโลยีสืบคน้ ความรูท้ ี่ สามารถทาบายศรีเพื่อใช้ในการ ประกอบพิธกี รรมต่าง ๆ ไดอ้ ย่าง และวิทยากรในทอ้ งถ่นิ เก่ียวกบั การทาบายศรี สวยงาม ความรู้ คณุ ธรรม ศกึ ษาเรียนรวู้ ธิ กี ารทาบายศรจี ากแหลง่ มีความละเอียดออ่ นและประณตี ร้จู ักรบั ผิดชอบ เรยี นรตู้ า่ ง ๆ โดยเฉพาะในชมุ ชนของตนเอง และมีความมงุ่ มัน่ ในการทางาน พอประมาณ มีเหตุผล มีภมู คิ ุ้มกนั ใชป้ ระโยชน์จากใบตองและดอกไม้ใน วางแผนการทางานรว่ มกัน โดยแบ่ง มที กั ษะการทาบายศรี ท้องถนิ่ อยา่ งคุ้มค่า เพือ่ ประหยดั หน้าที่รบั ผิดชอบให้ชัดเจน รวมทั้ง สามารถตอ่ ยอดเป็นอาชพี เสริม งบประมาณ วางแผนขนั้ ตอนการทาบายศรเี พ่ือให้ เพือ่ หารายไดร้ ะหวา่ งเรียนได้ การทางานเกิดประสิทธภิ าพสงู สดุ วัตถุ สงั คม ส่งิ แวดลอ้ ม วฒั นธรรม นาใบตองและดอกไม้ใน เรยี นรู้ทีจ่ ะทางานร่วมกนั นาใบตองและดอกไมใ้ น ไดศ้ กึ ษาเรยี นรแู้ ละสบื ทอด ท้องถ่นิ มาใชป้ ระโยชนใ์ น อย่างมปี ระสิทธภิ าพ โดย ทอ้ งถิน่ มาใช้ประโยชน์ ภมู ิปญั ญาทเี่ ก่ียวขอ้ งกบั การทาบายศรีเพอื่ ประกอบ การขอคาแนะนาจาก ประเพณีและพิธีกรรมใน ผปู้ กครองและวทิ ยากรใน อย่างคุ้มคา่ พิธีกรรมต่าง ๆ ท้องถ่นิ ชมุ ชน
24 ประโยชน์ 1. สามารถใชเ้ ปน็ แหล่งเรียนรใู้ หแ้ กน่ ักเรียนและผทู้ ีส่ นใจศกึ ษาเรยี นรู้เก่ียวกบั การทาบายศรีได้ 2. กจิ กรรมท่จี ัดข้ึนเปรียบเสมือนศนู ยร์ วมข้อมูลเกยี่ วกับการทาบายศรีให้นักเรยี นและผู้สนใจไดศ้ ึกษา ค้นควา้ ดว้ ยตนเอง 3. กิจกรรมทจ่ี ดั ข้นึ เป็นการสง่ เสรมิ ให้เกดิ กระบวนการการคดิ วิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ อยา่ งเปน็ ระบบ 4. กิจกรรมท่ีจัดขึ้นเป็นการส่งเสริมการนาไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวันได้อย่างสร้างสรรค์และ สามารถต่อยอดเปน็ รายไดใ้ หแ้ กค่ รอบครวั ได้ 5. กจิ กรรมท่ีจดั ขนึ้ ช่วยอนรุ กั ษแ์ ละสบื ทอดภูมปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ เกี่ยวกับการทาบายศรีให้คงอยู่สบื ไป
25 แผนการจัดกจิ กรรม อาหารพ้ืนบ้านอังแกบบอบ ชอ่ื ฐานการเรียนรู้ สืบทอดภูมปิ ัญญาท้องถนิ่ ปราสาทเบง ครแู กนนา 1) นายเกียรติศกั ดิ์ จารตั น์ 2) นางสาวอรยา ศรจี นั ทร์ 3) นางสาวสุรรี ตั น์ สุทธิโส กจิ กรรมที่ 2 อาหารพ้ืนบา้ นองั แกบบอบ ทต่ี ้งั หอ้ งฐานการเรยี นรู้ สืบทอดภมู ิปัญญาท้องถ่ินปราสาทเบง ครแู กนนา 1) นายเกียรตศิ กั ดิ์ จารตั น์ 2) นางสาวอรยา ศรีจนั ทร์ 3) นางสาวสุรรี ตั น์ สทุ ธิโส นักเรยี นแกนนา 1) นางสาวพัชรี ไกรเพชร นกั เรียนชั้น ม. 6/1 2) นางสาวณภทั ร สมรูป นกั เรยี นชนั้ ม. 6/1 3) นางสาวประวณี า อนิ ทร์ตา นกั เรยี นชนั้ ม. 6/1 4) นางสาววยิ ุดา ยารัมย์ นกั เรยี นชน้ั ม. 6/1 5) นางสาวจริ าวรรณ บุญคง นักเรียนช้นั ม. 6/1 6) นางสาวจันทิมา บุญเพง็ นกั เรียนชั้น ม. 6/1 7) นางสาวญาณศรณ์ คงสุข นักเรยี นชั้น ม. 6/1 8) นางสาวอรพรรณ บตุ รงาม นกั เรียนชั้น ม. 6/1 9) นางสาวเพชรลดา บตุ รงาม นกั เรยี นชน้ั ม. 6/1 10) นางกาญจนา งามเลิศ นกั เรยี นชน้ั ม. 6/1 วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพื่อใช้เป็นแหล่งเรยี นรู้ใหแ้ ก่นักเรียนและผ้ทู ่ีสนใจศึกษาเรียนรู้เกย่ี วกบั อาหารพ้นื บ้านอังแกบบอบ 2. เพื่อเปน็ ศูนย์รวมขอ้ มูลเก่ียวกับอาหารพ้ืนบ้านอังแกบบอบให้นักเรียนและผู้สนใจได้ศึกษาค้นคว้า ดว้ ยตนเอง 3. เพอ่ื สง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ กระบวนการการคิดวเิ คราะห์ คดิ สังเคราะห์ อยา่ งเปน็ ระบบ 4. เพือ่ ส่งเสริมการนาไปประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ิตประจาวนั ได้อย่างสร้างสรรค์ 5. เพอื่ อนรุ ักษแ์ ละสืบทอดภูมิปญั ญาท้องถ่นิ เกีย่ วกับอาหารพืน้ บ้านองั แกบบอบให้คงอยสู่ บื ไป ข้อมลู ความรู้ อังแกบบอบ \" กบยัดไส้ อาหารพ้ืนบา้ นของแซบ่ เมอื งสรุ นิ ทร์������������ (องั -แกบ-บอบ) ปน็ ภาษาเขมรทอ้ งถ่นิ ของ จ.สุรินทร์ ที่แปลว่า กบยัดไส วัตถุดิบทส่ี าคญั ท่ีสุด ก็คือกบนั่นเอง ถ้าจะให้ดีต้องเป็นกบนา รสชาติจะดีกว่ากบเลี้ยง ซ่ึงการคิดค้นวิธีการถนอมอาหารแบบนี้ ถือเป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน ของคนในสมัยก่อนถูกถ่ายทอดต่อๆกันมา จากรุ่นสู่รุ่นหลายร้อยปี และปัจจุบัน สามารถทาเปน็ อาชพี สร้างรายได้ดี
26 วิธีใชฐ้ านการเรียนรู้ ข้ันนา วทิ ยากรกล่าวทักทายผู้เข้าศึกษาฐานการเรียนรู้ จากน้ันแนะนาตนเอง คณะครูและนกั เรียนแกนนา และชอื่ ฐานการเรยี นรู้ “สบื ทอดภมู ปิ ัญญาท้องถิ่น” ในกิจกรรม “อาหารพน้ื บ้านองั แกบบอบ” 1. วทิ ยากรใหค้ วามร้เู ก่ยี วกบั อาหารพนื้ บา้ นอังแกบบอบ ดังน้ี วิธกี ารทาอาหารพืน้ บา้ นอังแกบบอบ เริ่มต้ังแต่เดือนตุลาคมของทุกปี ในเขตอาเภอเมือง อาเภอปราสาท อาเภอกาบเชิง ฯลฯ จะมีอาหารที่เรียกว่า “อังแกบบอบ”มาต้ังเพิงจาหน่ายริมทางให้กับนักท่องเท่ียวผู้สัญจรไปมาซื้อหา รับประทาน “องั แกบบอบ”เป็นภาษาเขมร ความหมายตั้งแตบ่ รรพบรุ ุษคอื “ใครทาเธอท้อง” ส่วนภาษาไทยก็ คือ “กบยัดไส้ยา่ ง” กบท่ีนามาทาอังแกบบอบต้องเปน็ กบนาหรอื กบธรรมชาติ ไมใ่ ช่กบเล้ยี ง พอ่ ค้าแม่ค้าจะนา กบมาผา่ ท้องเอาไสก้ บออกจากตวั จากนนั้ ล้างทาความสะอาด สบั หัวแขนขาของกบเหลอื แตท่ อ้ งไว้ จากนั้นนาเครื่องปรุงรสอันประกอบด้วย ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด กระเทียม หอม พริกแกง มะพร้าว และ ใบกระเพราะ สับให้ละเอยี ดก่อนคลุกเคล้ากับเนื้อแขนขาของกบที่สับไว้แล้ว นามายัดใส่ท้องกบจนกลม แน่น เสยี บไม้จุ่มน้าปรุงรส ย่างจนหอมใหส้ ุกทั่วกัน กนิ เป็นกับแกล้ม ขา้ วเหนียว หรอื ทานกบั ข้าวสวยรอ้ น ๆ ก็ได้ กบนาหรือกบธรรมชาตเิ ป็นของหายากเหมือนปลาช่อนปลาดุกและไก่นาที่เกิดในท้องนา นานๆหรือ ตามฤดูกาลจึงจะมี แม่ค้าในเขตสุรินทร์นิยมไปซื้อกบจากฝ่ังกัมพูชา บริเวณตลาดการค้าชายแดนช่องจอม ตาบลด่าน อาเภอกาบเชิง เป็นกบจากธรรมชาตินามาสบั ปรงุ รส ยัดไส้ กอ่ นจะยา่ งขายได้ทันที ราคาประมาณ 30-50 บาท ข้นึ อยูข่ นาดของกบ เมื่อเป็นของหายาก ใครอยากรบั ประทาน อัง-แกบ-บอบ เป็นภาษาเขมรทอ้ งถ่ินของ จังหวัดสุรินทร์แปลวา่ กบยัดไส้ ส่วนผสม เร่ิมจากวัตถุดิบ หลกั คอื กบตอ้ งเปน็ “กบนา”รสชาติดกี วา่ “กบเลีย้ ง” ขนั้ สอน วทิ ยากรแบ่งกลุ่มนักเรียนออกเป็น 3-4 กลมุ่ เพื่อสาธติ ขั้นตอนการทาอาหารพ้นื บ้านองั แกบบอบ ดงั นี้ ลอกหนงั กบ โดยตดั หวั ขา ควักเอาเครอื่ งในออกแล้ว ล้างใหส้ ะอาด แบง่ กบส่วนหนง่ึ มาสับทาไส้ โรย เกลอื สับใหล้ ะเอียด STEP 1 : ตาพรีกแกง + แล่กบ - ปอกกระเทยี ม ซอยขา่ ตะไคร้ หอมแดงและขมนิ้ ใสถ่ ้วยรวมกนั ไว้ - ขูดมะพร้าว และนาไปคั่วให้หอม - นากระเทียมข่าตะไคร่ หอมแดง และขม้ินที่เตรียมไว้ใส่ลงในครก ตามด้วยเกลือโขลกให้ละเอียด พกั ไว้
27 STEP 2 : ประกอบร่าง + ย่าง - นาแขนและขากบท่ีสับไว้ ใส่ลงในชามผสม ตามดว้ ยมะพร้าวคั่ว พริกแกงทีเ่ ตรียมไว้ ใบมะกรดู ซอย และใบกะเพราคลกุ เคล้าให้เข้ากัน และยัดเขา้ ไปในตัวกบและนาไปเสียบไม้ TIP : ใช้ก้านกล้วยตัดเป็นท่อนประมาณ 1 นิ้ว เสียบลงบนปลายทั้งสองด้านของไม้เสียบเพ่ือให้ไม้ ตดิ กนั กันไม้หลดุ STEP 2 : จัดเสิร์ฟ - นากบยดั ไส้ไปย่างบนเตาถ่านไฟเบาๆ ระหว่างยา่ งให้นากะทิกับพริกแกงทเ่ี หลอื ผสมกันทาตวั กบแล้ว ย่างจนสกุ และมสี ีเหลือหอม TIP : วิธดี วู า่ กบสุกหรอื ยงั คอื กบยดั ไส้จะแหง้ ไม่มีน้าออกมา และเวลากดเน้ือจะแข็งๆ ไม่ยบุ หลังจากสกุ แล้วจะมีกลน่ิ หอมรสชาตอิ ร่อย บางรายไมย่ า่ งจะนาไปทอดไฟอ่อนๆให้เหลอื งกรอบก็ไดเ้ ช่นกัน ขัน้ สรปุ 6. วิทยากรและผูเ้ ขา้ ร่วมกิจกรรม การทาอาหารพ้ืนบ้านองั แกบบอบ ร่วมกนั สรุปกิจกรรมด้วยการใช้ คาถามสะทอ้ นความคิด ดว้ ยคาถาม RCA ดงั นี้ R-Reflect 1) รู้สึกอยา่ งไรบ้างท่ีได้เข้ามาศกึ ษาในฐานการเรียนรู้ C-Connect 1) เคยมคี วามรเู้ กีย่ วกับแนวคิดหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งมาก่อนหรือไม่ อย่างไร 2) เคยเรยี นรูเ้ ก่ยี วกบั การนาหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงมาเขียนเป็นเรื่องราวถ่ายทอด ใหผ้ อู้ ืน่ อ่านบา้ งไหม 3) ท่ผี ่านมาเศรษฐกิจพอเพยี งสง่ ผลอย่างไรตอ่ ตนเองและผ้อู ่ืน A-Apply 1) สามารถนาไปประยุกตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจาวนั ไดอ้ ย่างไร ส่อื /อุปกรณ์ 1. อปุ กรณท์ ่ใี ชใ้ นการสาธิตขั้นตอนการทาอาหารพ้นื บา้ นองั แกบบอบ - กบนา (หรอื จะเปน็ กบเลยี้ ง) - พรกิ ขา่ ตะไคร้ ใบกระเพรา ใบมะกรดู กระเทียม พรกิ ไทย หอมแดง มะพร้าว 2. แผนผังความคดิ การถอดบทเรียน เรอ่ื ง การทาอาหารพน้ื บ้านอังแกบบอบ ผลผลิต/ชิ้นงาน กบยดั ไส้ยา่ ง
28 การประเมนิ ผลลพั ธ์ท่เี กดิ ขน้ึ จากกจิ กรรมฐานการเรยี นรู้ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง กิจกรรม การทาอาหารพื้นบา้ นองั แกบบอบ ด้าน อยู่อยา่ งพอเพยี ง-สมดุล และพรอ้ มรบั การเปลีย่ นแปลงในด้านตา่ ง ๆ วัด วตั ถุ/เศรษฐกิจ สงั คม สง่ิ แวดล้อม วฒั นธรรม ความรู้ - เ ลื อ ก ใ ช้ วั ส ดุ ที่ - วางแผนการ - สานึกรกั - รู้วัฒนธรรม ภูมิ เหมาะสม ประหยดั ทางานรว่ มกนั สิ่งแวดล้อม ปัญญาท้องถิน่ ฝึก ปลอดภัย คุ้มค่า - แบ่งหน้าที่ - จัดเก็บทาความ ปฏบิ ัติเพือ่ นาความรู้ และเกิดประโยชน์ รบั ผดิ ชอบให้ สะอาดเป็น ที่ได้มาสืบสานภมู ิ สูงสุด ชัดเจน ระเบียบ ปัญญาท้องถ่ินต่อไป - ทางานร่วมกนั อย่างมีความสุข ทกั ษะ - ใช้วสั ดุ/อุปกรณ์ - รับฟงั ความ - ใชว้ ัสดอุ ุปกรณ์ - มคี วามเออ้ื เฟ้ือ อยา่ งถูกตอ้ ง คดิ เห็นของผู้อน่ื อยา่ งคุ้มค่า แบ่งปันความรู้และ ระมัดระวงั และ - เกดิ ความสัมพันธ์ - เก็บรกั ษา ช่วยเหลือผู้อน่ื ดว้ ย ปลอดภยั อันดีกบั เพือ่ น เครอ่ื งมอื และ ความเตม็ ใจเพื่อ ร่วมงาน อุปกรณใ์ นการทา รว่ มกันสืบสาน อยา่ งระมดั ระวัง อนรุ กั ษภ์ ูมิปัญญา ท้องถิ่นให้คงอยู่ ค่านยิ ม - ใช้วัตถุดิบที่มีอยู่ - นาประสบการณ์ - ใช้วัตถุดิบที่มีอยู่ - ภูมิใจในภูมิปัญญา หรือที่สามารถหา ความรู้ท่ีได้รับ ไป หรือที่สามารถหา ท้องถิ่น เห็นคุณค่า ได้ในชุมชุนมาใช้ แ บ่ ง บั น ใ ห้ ผู้ อื่ น ไดใ้ นชุมชน และส่งเสริมอนุรักษ์ อย่างประหยัดและ เชน่ ครอบครัวหรือ ภูมิปัญ ญ าท้ อ ง ถิ่ น ค้มุ คา่ เพ่อื น ปราสาทเบงให้คงอยู่ ต่อไป
29 ถอดบทเรยี นตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง กจิ กรรม การทาอาหารพ้นื บา้ นองั แกบบอบ ศาสตร์พระราชา ศาสตรภ์ ูมปิ ญั ญา ศาสตรส์ ากล ร้แู ละเขา้ ใจเกีย่ วกับการทาอาหาร เรยี นการทาอาหารพืน้ บ้านองั แกบ ใช้สอื่ เทคโนโลยีสบื ค้นความรทู้ ี่ พนื้ บา้ นองั แกบบอบ สามารถทา บอบจากผู้ปกครองและวทิ ยากรใน เกีย่ วกบั การทาอาหารพืน้ บา้ น ทาอาหารพน้ื บา้ นอังแกบบอบใช้ใน ท้องถ่ิน องั แกบบอบ การประกอบอาชีพได้ ความรู้ คณุ ธรรม ศกึ ษาเรียนร้วู ิธีการทาอาหารพน้ื บา้ นอังแกบ มคี วามละเอยี ดอ่อนและประณตี รู้จักรบั ผิดชอบ บอบจากแหล่งเรียนรตู้ า่ ง ๆ โดยเฉพาะใน และมีความม่งุ มั่นในการทางาน ชมุ ชนของตนเอง พอประมาณ มีเหตุผล มภี มู คิ มุ้ กนั ใชป้ ระโยชนจ์ าก กบนา กบเล้ยี ง ใน วางแผนการทางานร่วมกัน โดยแบ่ง มีทกั ษะการทาอาหารพ้ืนบ้าน ทอ้ งถ่ินอยา่ งค้มุ ค่า เพอื่ เปน็ อาชพี ใน หนา้ ท่ีรบั ผิดชอบให้ชดั เจน รวมท้ัง อังแกบบอบ สามารถต่อยอด เป็นอาชพี เสริมเพอื่ หารายได้ อนาคต วางแผนข้นั ตอนการทาอาหาร พืน้ บา้ นองั แกบบอบเพอื่ ใหก้ าร ระหวา่ งเรยี นได้ ทางานเกดิ ประสิทธภิ าพสงู สุด วตั ถุ สังคม ส่งิ แวดลอ้ ม วัฒนธรรม นากบ และสมนุ ไพร ใน เรียนรทู้ จี่ ะทางานรว่ มกัน นากบ และสมนุ ไพรใน ไดศ้ ึกษาเรียนรู้และสืบทอด ท้องถน่ิ มาใชป้ ระโยชนใ์ น อย่างมีประสทิ ธิภาพ โดย ท้องถิ่นมาประกอบอาชีพ ภูมิปัญญาท่เี กยี่ วขอ้ งกบั การทาอาหารพ้ืนบ้านองั การขอคาแนะนาจาก ใชป้ ระโยชน์อยา่ งคุ้มค่า ประเพณีและพิธกี รรมใน ผู้ปกครองและวทิ ยากรใน แกบบอบ ท้องถน่ิ ชุมชน
30 ประโยชน์ 1. สามารถใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ให้แก่นักเรียนและผู้ท่ีสนใจศึกษาเรียนรู้เก่ียวกับการทาอาหารพืน้ บ้าน องั แกบบอบได้ 2. กจิ กรรมทจ่ี ัดข้นึ เปรยี บเสมอื นศนู ยร์ วมข้อมลู เกยี่ วกบั การทาอาหารพื้นบ้านอังแกบบอบให้นักเรยี น และผสู้ นใจได้ศกึ ษาค้นคว้าดว้ ยตนเอง 3. กิจกรรมทจ่ี ดั ขน้ึ เป็นการสง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ กระบวนการการคิดวเิ คราะห์ คิดสังเคราะห์ อย่างเปน็ ระบบ 4. กิจกรรมท่ีจัดข้ึนเป็นการส่งเสริมการนาไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวันได้อย่างสร้างสรรค์และ สามารถตอ่ ยอดเปน็ รายได้ใหแ้ ก่ครอบครวั ได้ 5. กิจกรรมที่จัดขึ้นช่วยอนุรักษ์และสืบทอดภูมิปัญญาท้องถ่ินเกี่ยวกับการทาอาหารพื้นบ้านอังแกบ บอบให้คงอยสู่ บื ไป
31 แผนการจัดกิจกรรม อาหารพืน้ บา้ น ข้าวตม้ มดั “อนั ซอมโดง-อันซอมเจก” ชอื่ ฐานการเรยี นรู้ สืบทอดภูมิปัญญาท้องถ่ินปราสาทเบง ครแู กนนา 1) นายเกียรตศิ ักด์ิ จารตั น์ 2) นางสาวอรยา ศรีจนั ทร์ 3) นางสาวสรุ ีรัตน์ สทุ ธิโส กจิ กรรมที่ 2 อาหารพืน้ บา้ น ขา้ วตม้ มดั “อันซอมโดง-อนั ซอมเจก” ที่ต้ัง หอ้ งฐานการเรียนรู้ สืบทอดภมู ิปญั ญาทอ้ งถ่นิ ปราสาทเบง ครูแกนนา 1) นายเกียรติศักดิ์ จารัตน์ 2) นางสาวอรยา ศรีจันทร์ 3) นางสาวสุรีรัตน์ สุทธิโส นักเรียนแกนนา 1) นางสาวพชั รี ไกรเพชร นักเรียนชนั้ ม. 6/1 2) นางสาวณภัทร สมรูป นักเรียนชั้น ม. 6/1 3) นางสาวประวณี า อนิ ทรต์ า นักเรยี นชั้น ม. 6/1 4) นางสาววิยุดา ยารัมย์ นักเรียนชน้ั ม. 6/1 5) นางสาวจริ าวรรณ บุญคง นกั เรียนชน้ั ม. 6/1 6) นางสาวจันทมิ า บุญเพง็ นักเรยี นช้ัน ม. 6/1 7) นางสาวญาณศรณ์ คงสุข นกั เรียนชั้น ม. 6/1 8) นางสาวอรพรรณ บุตรงาม นักเรียนชั้น ม. 6/1 9) นางสาวเพชรลดา บุตรงาม นักเรียนชั้น ม. 6/1 10) นางกาญจนา งามเลศิ นักเรียนชน้ั ม. 6/1 วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพื่อใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ให้แก่นักเรียนและผู้ท่ีสนใจศึกษาเรียนรู้เก่ียวกับอาหารพื้นบ้านข้าวต้มมัด “อันซอมโดง-อันซอมเจก” 2. เพื่อเป็นศูนยร์ วมขอ้ มูลเก่ียวกับอาหารพ้ืนบ้านอังแกบบอบให้นักเรียนและผู้สนใจไดศ้ ึกษาค้นคว้า ดว้ ยตนเอง 3. เพอ่ื ส่งเสริมใหเ้ กิดกระบวนการการคิดวเิ คราะห์ คดิ สังเคราะห์ อยา่ งเปน็ ระบบ 4. เพื่อส่งเสรมิ การนาไปประยุกตใ์ ช้ในชวี ิตประจาวนั ได้อย่างสรา้ งสรรค์ 5. เพอ่ื อนุรักษ์และสืบทอดภมู ิปญั ญาท้องถิ่นเกี่ยวกับอาหารพื้นบา้ นข้าวตม้ มัด “อนั ซอมโดง-อนั ซอม เจก” ใหค้ งอยู่สืบไป ข้อมลู ความรู้ ขา้ วต้มมัด “อันซอมโดง-อนั ซอมเจก” “อันซอมโดง” ขนมโบราณพ้ืนเมืองสุรินทร์ “อันซอมโดง” ภาษาเขมรพื้นถิ่นสุรินทร์ อนั ซอม คือ ข้าวต้ม และ โดง คือ มะพร้าว หรือแปลเป็นไทยว่า ข้าวต้มใบมะพร้าว ส่วน “อันซอมเจก” ก็คือ ข้าวต้มใบกลว้ ยนน่ั เอง ซ่งึ เปน็ ขนมโบราณของพื้นเมืองเขมรใน จังหวัดสุรินทร์ ชาวสุรินทร์รู้จักกันเปน็ อยา่ งดี
32 ซง่ึ ทาจากข้าวเหนียวผสมเน้ือมะพรา้ ว กล้วยน้าว้า น้าตาล หรือถ่ัวดา แลว้ ห่อด้วยใบมะพรา้ วหรือใบตองให้มี ลักษณะเป็นท่อนยาว มัดด้วยเชือกแล้ว นาไปต้มให้สุก “อันซอมโดง-อันซอมเจก” มักจะทากันเยอะในช่วง งานเทศกาลประเพณี อย่างวันเขา้ พรรษา, งานบวช, งานแต่งงาน, แซนโฎนตา เปน็ ต้น หรอื ทากินในครอบครัว และทาขายประกอบอาชีพ นอกเทศกาลก็ได้ จัดว่าเปน็ ขนมมงคลชนิดหน่ึง วธิ ใี ชฐ้ านการเรียนรู้ ขั้นนา วทิ ยากรกล่าวทักทายผู้เข้าศกึ ษาฐานการเรียนรู้ จากนั้นแนะนาตนเอง คณะครแู ละนักเรยี นแกนนา และชื่อฐานการเรยี นรู้ “สบื ทอดภูมิปัญญาท้องถนิ่ ” ในกจิ กรรม ขา้ วต้มมัด “อันซอมโดง-อนั ซอมเจก” 1. วิทยากรใหค้ วามรู้เกีย่ วกับอาหารพนื้ บ้านอังแกบบอบ ดังน้ี วิธีการทาอาหารพื้นบ้านข้าวตม้ มัด “อันซอมโดง-อนั ซอมเจก” เมอ่ื พดู ถงึ ขา้ วตม้ มดั หรอื ภาษาถ่ินบ้านเราเรียกว่า “อันซอมโดง-อันซอมเจก” เรากจ็ ะนึกถึง ข้าวเหนียวห่อกลว้ ย อาจมีถ่ัวดาผสมบา้ งตามแต่ความชอบ จากน้ันกห็ ่อด้วยใบมะพร้อวหรือใบตองแล้วใชเ้ ชอื ก ตอก เชือกกล้วยมัดเป็นสองท่อน ซึ่งก็เป็นรูปแบบตายตัวท่ีเราเห็นกันจนคุ้นชิน แต่โดยรวมแลว้ ไม่ว่าเวลาจะ ผ่านไปนานเท่าไหร่ ข้าวต้มมัด หรือภาษาถิ่นบ้านเราเรียกว่า “อันซอมโดง-อันซอมเจก” ก็ยังสามารถคง รูปลักษณ์ ซงึ่ เป็นเอกลกั ษณ์เฉพาะตัวได้อย่างดี หากเปรียบกบั ขนมไทยอน่ื ๆท่มี ีการแปรรูป จนกลายเปน็ ขนม เดิมรปู ลักษณ์ใหม่ทีไ่ มค่ นุ้ ตา ข้าวต้มมัด หรือภาษาถิ่นบ้านเราเรียกว่า “อันซอมโดง-อันซอมเจก” ภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ ไทยเรา ในอดตี นยิ มทาเพอื่ รับประทานกันภายในครอบครัวเสียเปน็ ส่วนใหญ่ นอกจากนน้ั ก็จะนิยมนาไปทาบุญ ถวายพระหรือใช้ในงานบุญงานเทศกาลต่างๆ เช่นในวันออกพรรษา ก็มีการทาข้าวต้มมัดเพ่ือไปทาบุญ นอกจากนี้ชว่ งท่ีมีงานบญุ ตอ้ งการผมู้ าช่วยงานเยอะจึงมกี ารชกั ชวนคนในหมู่บา้ นมาชว่ ยกนั ทาอาหาร ทาขนม และหน้าท่ีอ่ืนๆ ซึ่งนี่ก็เป็นภูมิปัญญาของบรรพบรุ ุษท่ตี ้องการให้คนในชุมชนได้มีปฏิสัมพันธท์ ี่ดีตอ่ กัน มีความ รว่ มมอื มคี วามสามคั คีกันภายในชุมชน ในสมัยก่อนคนโบราณนิยมนาข้าวต้มมัด หรือภาษาถ่ินบ้านเราเรียกว่า “อันซอมโดง-อันซอม เจก” ไปถวายพระในวันเข้าพรรษาและออกพรรษา ความเชื่อถือท่ีสืบเนื่องและพูดต่อกันมาคือ ถ้าชายหนุ่ม และหญิงสาวคู่ใดทาบุญด้วยข้าวต้มมัดแล้วน้ัน คู่ครองและเรื่องของความรักทั้งคู่จะอยู่นานตลอดกาล เหมือนข้าวต้มมัดที่มัดเข้าด้วยกนั 2 อันเปรียบเสมอื นชายหญิงคู่หนงึ่ ในสมัยโบราณนั้นข้าวต้มมดั ยังไม่มีไส้ อะไรห่อมีเพียงแตข่ ้าวเหนียว ต่อมาได้มีการพัฒนานาไส้มาใส่ คือ กล้วย และกล้วยที่เหมาะแก่การนามาทาไส้ คอื กล้วยน้าว้า เพราะมีขนาดพอดีกบั ข้าวต้มมัดและเปน็ กล้วยที่สุกยากเมื่อนามานง่ึ แล้ว เวลาการน่ึงที่ทาให้ ข้าวเหนียวสกุ กับเวลาทีท่ าให้กลว้ ยสกุ น้นั ใกล้เคยี งกัน คนโบราณจึงเลอื กกล้วยนา้ วา้ คนโบราณเช่ือกันว่าทาบุญด้วยข้าวต้มมัด หรือภาษาถ่ินบ้านเราเรียกว่า “อันซอมโดง-อันซอม เจก” จะดใี นเรือ่ งความรัก ถ้าทาด้วยใจบริสุทธจิ์ รงิ แตถ่ า้ ใจหมกมนุ่ ก็จะไมไ่ ด้ผล ตามตานานกล่าวไว้ว่าข้าวต้ม มัด เป็นข้าวต้มท่ีพระอินทร์ทานกับนางสนม เม่ือมีความรักต่อกันต่อมาพระอินทร์รู้ว่านางสนมมีชู้
33 จึงดลบันดารให้ลูกของนางสนม เกิดมาเป็นข้าวต้มมัด เมื่อนางสนมคลอดบุตรก็เป็นข้าวต้มมัด นางสนมรังเกลยี ดลูกตนเองจึงนามาทิง้ ไว้ที่โลกมนุษย์วันหนงึ่ ก็มีตายายคู่หน่งึ เขา้ มาในป่าและเจอข้าวต้มมัดท่ี นางสนมมาทิ้งไว้ จึงเก็บไปและลองทาดูจากนั้นข้าวต้มมัดก็เป็นท่ีแพร่หลายออกมาอย่างมาก และคนก็นิยม รับประทานกนั ในอดีตสังคมไทยน้ันอาศัยอยู่รวมกันเป็นครอบครัวใหญ่ มีความเอ้ือเฟ้ือแก่กันภายในหมู่บ้าน ภายในชุมชน บ้านไหนมีงานก็จะช่วยกัน ข้าวต้มมัด หรือภาษาถิ่นบา้ นเราเรียกว่า “อันซอมโดง-อันซอมเจก” กจ็ ะพบไดใ้ นงานสาคัญต่างๆท้งั งานของครอบครวั งานของชุมชน งานประเพณีทางศาสนา และเทศกาลต่างๆ อย่างเชน่ หากมกี ารทาบุญที่วัดก็จะมีชาวบ้านในชุมชนมาชว่ ยกันทาอาหาร ทาขนม ซึ่งขา้ วต้มมัดกเ็ ปน็ หนงึ่ ใน ขนมที่ใช้ในประกอบพิธี และเลี้ยงต้อนรับผู้ท่ีเดินทางมาทาบุญ รวมท้ังมอบให้เป็นของทานระหว่างเดินทาง กลับเม่ือเสร็จส้ินพิธีด้วย เป็นต้น พิธีต่างๆ เหล่านี้จะใช้ข้าวต้มมัด หรอื ภาษาถ่ินบ้านเราเรียกว่า “อันซอม โดง-อันซอมเจก” ท่ีทาจากใบมะพร้าวหรือใบตอง เนือ่ งจากหางา่ ย สะดวกต่อการใช้ และเปน็ วัสดอุ ุปกรณท์ ี่มี อยู่ตามธรรมชาติ ขัน้ สอน วิทยากรแบ่งกลุ่มนักเรียนออกเป็น 3-4 กลุ่ม เพ่ือสาธิตขั้นตอนการทาอาหารพ้ืนบ้านข้าวต้มมัด “อันซอมโดง-อันซอมเจก” ขา้ วตม้ มัดโบราณของเมืองแขมร์ ดังนี้ สาหรบั อปุ กรณใ์ นการทาข้าวต้มมัดใบมะพร้าวนั้น ประกอบด้วยข้าวเหนียว น้าตาล กะทิ ใบมะพร้าว อ่อน กล้วยน้าหว้า และตอกมัดหรือเชือกฟาง (อาจจะใส่งาหรือถ่ัวลงไปด้วยก็ได้) โดยนาข้าวเหนียวคลุกกับ กะทิและน้าตาลใหเ้ ข้ากนั จากน้นั ก็ห่อดว้ ยใบมะพร้าว หรือใบตอง และมัดดว้ ยตอกไม้ไผ่ แลว้ ก็เอาไปตม้ จนสุก เสร็จแล้วก็จะไดข้ า้ วต้มมัดใบมะพรา้ วหรอื ใบตองทแี่ สนอรอ่ ยในท่สี ดุ 1. นาใบมะพร้าวอ่อนหรือใบกล้วยที่ฉีกมาแล้วนาไปผึ่งแดดเพ่ือไม่ให้ใบตองแตก เม่ือ พอสมควรแล้วให้เช็ดให้สะอาด 2. แชข่ ้าวเหนียวในน้าทง้ิ ไว้ 1 ชม. 3. นามะพรา้ วแกส่ ดมาค้นั แยกน้าและกากออก 4. เทน้ากะททิ ี่ไดใ้ ส่กระทะ ตั้งไฟออ่ น ใสเ่ กลือ นา้ ตาล คนจะละลาย 5. ชมิ รสชาตติ ามใจ แล้วคอ่ ยๆใส่ข้าวเหนียวทีแ่ ช่ไว้ลงไปกวนพร้อมกบั (อาจจะใสง่ าหรือถั่ว ลงไปด้วยกไ็ ด)้ 6. พอขา้ วไดท้ ปี่ ิดแก๊ส 7. นาใบมะพร้าวอ่อนหรือใบตองคอ่ ยๆหอ่ แล้วนาไปต้ม หรอื นึง่ ข้นั สรุป 6. วิทยากรและผู้เข้าร่วมกิจกรรม การทาอาหารพื้นบ้าน ข้าวต้มมัด “อันซอมโดง-อันซอมเจก” รว่ มกนั สรุปกิจกรรมด้วยการใชค้ าถามสะทอ้ นความคดิ ดว้ ยคาถาม RCA ดังนี้
R-Reflect 34 1) รสู้ ึกอยา่ งไรบา้ งทไี่ ด้เขา้ มาศกึ ษาในฐานการเรียนรู้ C-Connect 1) เคยมีความรเู้ กีย่ วกับแนวคดิ หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงมากอ่ นหรอื ไม่ อยา่ งไร 2) เคยเรียนรูเ้ กย่ี วกับการนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาเขยี นเป็นเร่อื งราวถา่ ยทอด ใหผ้ ูอ้ นื่ อ่านบา้ งไหม 3) ทผ่ี า่ นมาเศรษฐกิจพอเพียงสง่ ผลอย่างไรตอ่ ตนเองและผูอ้ ืน่ A-Apply 1) สามารถนาไปประยุกตใ์ ช้ในชวี ิตประจาวันไดอ้ ย่างไร สื่อ/อปุ กรณ์ 1. อปุ กรณ์ท่ีใช้ในการสาธติ ขั้นตอนการทาอาหารพน้ื บา้ น ข้าวต้มมัด “อนั ซอมโดง-อันซอมเจก” - มะพร้าวแก่สด - ขา้ วเหนียวแช่นา้ - กลว้ ยน้าว้า / ถ่ัวดา (แลว้ แต่ชอบ) - เกลือ - น้าตาล - ใบมะพรา้ วอ่อนหรือใบตอง 2. แผนผังความคิดการถอดบทเรียน เร่ือง การทาอาหารพ้ืนบ้าน ข้าวต้มมัด “อันซอมโดง-อันซอม เจก” ผลผลิต/ช้ินงาน ขา้ วตม้ มัด “อนั ซอมโดง-อนั ซอมเจก”
35 การประเมนิ ผลลัพธ์ทเ่ี กดิ ขึน้ จากกิจกรรมฐานการเรียนรูต้ ามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง กิจกรรม การทาอาหารพน้ื บา้ น ขา้ วตม้ มัด “อนั ซอมโดง-อนั ซอมเจก” ด้าน อยู่อย่างพอเพยี ง-สมดลุ และพรอ้ มรบั การเปล่ียนแปลงในด้านตา่ ง ๆ วดั วัตถุ/เศรษฐกจิ สงั คม ส่ิงแวดลอ้ ม วฒั นธรรม ความรู้ - เ ลื อ ก ใ ช้ วั ส ดุ ที่ - วางแผนการ - สานกึ รกั - ร้วู ฒั นธรรม ภูมิ เหมาะสม ประหยัด ทางานรว่ มกัน สง่ิ แวดลอ้ ม ปัญญาท้องถน่ิ ฝึก ปลอดภัย คุ้มค่า - แบง่ หนา้ ที่ - จดั เก็บทาความ ปฏบิ ัติเพื่อนาความรู้ และเกิดประโยชน์ รับผดิ ชอบให้ สะอาดเป็น ที่ไดม้ าสบื สานภมู ิ สูงสุด ชัดเจน ระเบียบ ปญั ญาทอ้ งถิ่นต่อไป - ทางานรว่ มกนั อย่างมีความสุข ทักษะ - ใชว้ สั ดุ/อุปกรณ์ - รับฟงั ความ - ใช้วัสดุอปุ กรณ์ - มีความเออื้ เฟอ้ื อยา่ งถกู ต้อง คดิ เห็นของผอู้ ่ืน อยา่ งคมุ้ คา่ แบง่ ปันความรูแ้ ละ ระมัดระวงั และ - เกดิ ความสัมพันธ์ - เก็บรักษา ช่วยเหลอื ผู้อนื่ ดว้ ย ปลอดภัย อันดกี บั เพ่อื น เครือ่ งมอื และ ความเต็มใจเพ่ือ รว่ มงาน อปุ กรณใ์ นการทา รว่ มกันสืบสาน อย่างระมัดระวงั อนุรักษ์ภมู ิปัญญา ทอ้ งถ่นิ ให้คงอยู่ คา่ นยิ ม - ใช้วัตถุดิบที่มีอยู่ - นาประสบการณ์ - ใช้วัตถุดิบท่ีมีอยู่ - ภูมิใจในภูมิปัญญา หรือท่ีสามารถหา ความรู้ที่ได้รับ ไป หรือท่ีสามารถหา ท้องถิ่น เห็นคุณค่า ได้ในชุมชุนมาใช้ แ บ่ ง บั น ใ ห้ ผู้ อื่ น ได้ในชมุ ชน และส่งเสริมอนุรักษ์ อย่างประหยัดและ เชน่ ครอบครวั หรือ ภูมิปัญ ญ าท้ อ ง ถิ่ น คมุ้ ค่า เพ่อื น ปราสาทเบงให้คงอยู่ ต่อไป
36 ถอดบทเรยี นตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง กจิ กรรม การทาอาหารพืน้ บา้ น ข้าวต้มมดั “อันซอมโดง-อันซอมเจก” ศาสตรพ์ ระราชา ศาสตรภ์ มู ิปัญญา ศาสตรส์ ากล ร้แู ละเขา้ ใจเก่ยี วกบั การทาอาหาร เรียนการทาอาหารพ้ืนบ้านข้าวตม้ มดั ใช้สือ่ เทคโนโลยีสืบคน้ ความรทู้ ่ี พื้นบา้ นข้าวต้มมดั “อันซอมโดง-อัน “อนั ซอมโดง-อนั ซอมเจก” จาก เกย่ี วกบั การทาอาหารพน้ื บ้าน ผู้ปกครองและวทิ ยากรในท้องถ่ิน ขา้ วต้มมดั “อันซอมโดง-อัน ซอมเจก” สามารถทาทาอาหาร พน้ื บ้านขา้ วต้มมดั “อันซอมโดง-อัน ซอมเจก” ซอมเจก” ใชใ้ นการประกอบอาชีพได้ ความรู้ คุณธรรม ศึกษาเรยี นรู้วธิ ีการทาอาหารพ้ืนบา้ นข้าวตม้ มีความละเอยี ดออ่ นและประณตี รจู้ ักรบั ผดิ ชอบ มัด “อันซอมโดง-อนั ซอมเจก” จากแหล่ง และมคี วามมงุ่ มน่ั ในการทางาน เรียนรตู้ ่าง ๆ โดยเฉพาะในชุมชนของตนเอง พอประมาณ มเี หตผุ ล มีภมู ิค้มุ กัน ใชป้ ระโยชนจ์ าก ใบมะพร้าว ใบตอง วางแผนการทางานร่วมกนั โดยแบง่ มีทักษะการทาอาหารพ้นื บ้าน และวถั ดุ ิบ ในทอ้ งถ่ินอยา่ งคุ้มค่า เพอื่ หนา้ ทรี่ ับผดิ ชอบให้ชัดเจน รวมทัง้ องั แกบบอบ สามารถตอ่ ยอด เป็นอาชพี เสรมิ เพือ่ หารายได้ เปน็ อาชีพในอนาคต วางแผนข้ันตอนการทาอาหาร พน้ื บา้ น ข้าวตม้ มัด “อนั ซอมโดง-อัน ระหว่างเรยี นได้ ซอมเจก” เพ่ือให้การทางานเกดิ ประสทิ ธิภาพสงู สุด วัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อม วฒั นธรรม นาใบมะพรา้ ว ใบตอง เรียนรู้ที่จะทางานรว่ มกัน กล้วยนาหว้า ในท้องถ่ินมา อย่างมีประสทิ ธิภาพ โดย นาใบมะพรา้ ว ใบตอง ได้ศึกษาเรียนรู้และสบื ทอด ใชป้ ระโยชนใ์ นการ การขอคาแนะนาจาก ทาอาหารพ้นื บา้ น ข้าวตม้ กล้วย ในทอ้ งถน่ิ มา ภมู ปิ ัญญาทเ่ี กยี่ วข้องกบั ประกอบอาชพี ใช้ประโยชน์ ประเพณแี ละพธิ กี รรมใน อยา่ งคุม้ ค่า ทอ้ งถน่ิ
มดั “อนั ซอมโดง-อนั ซอม ผปู้ กครองและวทิ ยากรใน 37 เจก” ชุมชน ประโยชน์ 1. สามารถใชเ้ ป็นแหล่งเรียนรู้ใหแ้ ก่นักเรียนและผู้ที่สนใจศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับการทาอาหารพนื้ บ้าน ข้าวต้มมดั “อันซอมโดง-อนั ซอมเจก” ได้ 2. กิจกรรมที่จัดขึ้นเปรียบเสมือนศูนย์รวมข้อมูลเกี่ยวกับการทาอาหารพื้นบ้านข้าวต้มมัด “อันซอม โดง-อนั ซอมเจก” ใหน้ กั เรยี นและผ้สู นใจได้ศึกษาค้นควา้ ดว้ ยตนเอง 3. กิจกรรมทจ่ี ัดขึน้ เปน็ การส่งเสริมใหเ้ กิดกระบวนการการคดิ วิเคราะห์ คดิ สงั เคราะห์ อยา่ งเปน็ ระบบ 4. กิจกรรมที่จัดข้ึนเป็นการส่งเสริมการนาไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวันได้อย่างสร้างสรรค์และ สามารถต่อยอดเป็นรายได้ใหแ้ กค่ รอบครัวได้ 5. กิจกรรมท่ีจัดข้ึนชว่ ยอนุรักษแ์ ละสบื ทอดภมู ปิ ัญญาท้องถิน่ เกย่ี วกบั การทาอาหารพน้ื บ้านขา้ วตม้ มัด “อันซอมโดง-อันซอมเจก”ใหค้ งอยสู่ บื ไป
ภาคผนวก รปู ภาพประกอบการทาอาหารพน้ื บา้ น ขา้ วต้มมดั “อันซอมโดง-อนั ซอมเจก” ภาพประกอบกิจกรรม
วทิ ยากรใหค้ วามรู้ การทาอาหารพน้ื บา้ น ข้าวต้มมดั “อันซอมโดง-อนั ซอมเจก” ภาพประกอบกิจกรรม
นกั เรยี นแกนนาสาธติ การทาอาหารพน้ื บ้าน ขา้ วต้มมัด“อันซอมโดง-อนั ซอมเจก” ภาพประกอบกจิ กรรม
อาหารหารพื้นบา้ น“อันซอมโดง-อันซอมเจก”
Search
Read the Text Version
- 1 - 45
Pages: