Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 1.5 โครงสร้างรายวิชาวิทยาศาสตร์ ป.5

1.5 โครงสร้างรายวิชาวิทยาศาสตร์ ป.5

Published by jarunpanakul, 2019-09-10 10:27:30

Description: 1.5 โครงสร้างรายวิชาวิทยาศาสตร์ ป.5

Search

Read the Text Version

การออกแบบการจัดการเรยี นรอู งิ มาตรฐานการเรยี นรู กลมุ สาระการเรยี นรวู ทิ ยาศาสตร วชิ าวิทยาศาสตร ระดบั ชั้น ประถมศึกษาปท่ี 5 โดย นางอมลสิริ คาํ ฟู ตาํ แหนง พนกั งานราชการ โรงเรยี นราชประชานุเคราะห 31 จงั หวัดเชียงใหม สาํ นักบริหารงานการศึกษาพเิ ศษ สํานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

ผงั มโนทศั น รายวชิ าวิทยาศาสตร รหสั วิชา ว 15101 ระดับชน้ั ประถมศกึ ษาปที่ 5 หนว ยที่ 1 (8ช่วั โมง) หนว ยที่ 2 (14ชัว่ โมง) ระบบนิเวศ ตวั เรานารู หนว ยที่ 3 (12 ชัว่ โมง) รายวชิ าวิทยาศาสตร หนว ยที่ 4 (15 ชว่ั โมง) สสาร ชน้ั ประถมศกึ ษาปท่ี 5 พลงั งาน จํานวน 120 ชัว่ โมง หนว ยที่ 6 (6 ชวั่ โมง) หนวยท่ี 5 (10 ชว่ั โมง) โลกและอวกาศ เอกภพ หนวยท่ี 7 (15 ช่ัวโมง) เทคโนโลยี

การจดั ทําโครง รายวชิ า วิทยาศาสตร ชั้นประถมศกึ ษ ที่ ชื่อหนวย รหัส มฐ. ตัวชว้ี ดั /ผลการเรยี นรู มาตรฐาน ว 1.1 ป5/1 บรรยายโครงสรา ง และ - ส ลักษณะของสง่ิ มชี วี ิตท่เี หมาะสมกบั การดํารงชีวติ เหม ซ่ึง เปนผลมาจากการปรับตวั ของสง่ิ มชี วี ติ ใน แต ปร ละแหลง ที่อยู แต ใบ มรี 1 ความหลากหลาย มาตรฐาน ว 1.1 ป 5/2 อธบิ ายความสัมพนั ธ เคล ของสง่ิ มีชวี ิต ระหวา งส่ิงมชี ีวิตกับสงิ่ มชี วี ิต -ใ มาตรฐาน ว 1.1 ป 5/3 เขียนโซอาหารและระบุ กัน ตอ บทบาทหนา ท่ีของสิ่งมชี วี ติ ท่ีเปนผผู ลิตและ เปน ผูบรโิ ภคในโซอาหารและความสัมพนั ธระหวาง ลกู สิ่งมีชีวติ กบั -ส มาตรฐาน ว 1.1 ป 5/4 ตระหนกั ในคุณคา ของ ทอ สงิ่ แวดลอ มทีม่ ีตอ การดาํ รงชีวิตของสงิ่ มีชีวติ โดย บท มีสวนรว ม ในการดแู ลรกั ษาสง่ิ แวดลอ ม

งสรา งรายวชิ า ษาปท ี่ 5 จํานวน 120 ชั่วโมง สาระสําคัญ เวลา นาํ้ หนกั คะแนน คะแนน (ช.ม.) KPA รวม สง่ิ มชี ีวิตท้ังพืชและสตั วมีโครงสรา งและลักษณะ ท่ี 20 621 10 มาะสมในแตละแหลง ทอ่ี ยู ซึ่งเปนผลมาจาก การ รับตวั ของส่ิงมชี วี ติ เพ่ือใหด ํารงชีวติ และอยรู อดไดใน 20 621 10 ตล ะแหลงที่อยู เชน ผักตบชวามีชอ งอากาศในกาน บ ชว ยใหล อยน้ําได ตนโกงกางทขี่ น้ึ อยใู น ปา ชายเลน รากค้ําจุนทาํ ใหล าํ ตน ไมลม ปลามีครีบชว ยในการ ลอ่ื นทใี่ นนํ้า ในแหลงทอ่ี ยูหนงึ่ ๆ ส่ิงมชี วี ิตจะมีความสมั พนั ธ ซ่ึง นและกันและสมั พันธกบั สง่ิ ไมม ีชีวิต เพอ่ื ประโยชน อการดํารงชีวติ เชน ความสัมพันธกัน ดา นการกินกนั นอาหาร เปนแหลงท่ีอยูอาศัย หลบภัยและเล้ยี งดู กออ น ใชอ ากาศในการหายใจ ส่ิงมีชวี ติ มีการกนิ กนั เปนอาหารโดยกินตอ กัน เปน อด ๆ ในรปู แบบของโซอ าหารทาํ ใหสามารถระบุ ทบาทหนา ท่ีของส่งิ มชี วี ิตเปนผูผลติ และผูบริโภค

ที่ ชื่อหนวย รหัส มฐ. ตัวช้วี ดั /ผลการเรยี นรู การถายทอด ว 1.2 ป 5/1 อธิบายลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมทม่ี ี - ส 2 ลักษณะทาง การถายทอดจากพอแมสูล กู ของพชื สตั ว และ สบื พนั ธุกรรม มนษุ ย จะ ว 1.2 ป 5/2 แสดงความอยากรูอยากเห็นโดยการ ทาํ ถามคําถามเกยี่ วกับลักษณะที่คลายคลงึ กันของ สงิ่ ตนเองกับพอแม -พ ลัก -ส ลัก -ม ผม ลกั

สาระสําคัญ เวลา น้ําหนักคะแนน คะแนน (ช.ม.) K P A รวม สิง่ มชี ีวิตท้งั พชื สัตว และมนุษย เมอื่ โตเต็มทีจ่ ะมีการ บพนั ธเุ พ่ือเพมิ่ จํานวนและดํารงพนั ธุ โดยลกู ทีเ่ กดิ มา ะไดร บั การถายทอดลักษณะทางพันธุกรรมจากพอแม าใหม ีลกั ษณะทางพันธุกรรมที่เฉพาะแตกตา งจาก งมชี ีวิตชนดิ อ่นื พชื มีการถายทอดลักษณะทางพนั ธุกรรม เชน 20 10 8 2 20 กษณะของใบ สดี อก สัตวมีการถา ยทอดลักษณะทางพนั ธุกรรม เชน สขี น กษณะของขน ลกั ษณะของหู มนษุ ยมีการถายทอดลกั ษณะทางพันธุกรรม เชน เชิง มทีห่ นาผาก ลกั ยิ้ม ลกั ษณะหนงั ตํา การหอลน้ิ กษณะของติ่งหู

ที่ ชอื่ หนวย รหสั มฐ. ตวั ชีว้ ดั /ผลการเรยี นรู ว 2.1 ป 5/1 อธบิ ายการเปล่ียนสถานะของ - การเปล่ยี น สสาร เมือ่ ทาํ ใหสสารรอ นขึ้นหรือเยน็ ลง กายภาพ เม โดยใชหลกั ฐานเชิงประจกั ษ สสารท่เี ปน หลอมเหลว ของเหลวจะ 3 ลดความรอ สสาร ของเหลว เร จนถึงระดับ เรียกวา การ ของแขง็ เปน ระเหิด สว น โดยไมผาน ว 2.1 ป 5/2 อธิบายการละลายของสารใน - เมื่อใสสาร น้าํ โดยใชหลักฐานเชงิ ประจักษ ทกุ สวน แส ว 2.1 ป 5/3 วิเคราะหก ารเปลีย่ นแปลงของ - เมื่อผสมส สาร เม่ือเกดิ การเปล่ียนแปลงทางเคมี โดย ตา งจากสาร แลว มสี ารให ใชหลักฐานเชงิ ประจักษ เปล่ียนแปล สารเดิม หร เพิม่ ขึ้นหรือ

สาระสําคัญ เวลา นํา้ หนกั คะแนน คะแนน (ช.ม.) K P A รวม นสถานะของสสารเปน การเปลยี่ นแปลงทาง ม่ือเพ่ิมความรอนใหก ับสสารถงึ ระดับหนง่ึ จะทาํ ให นของแข็งเปลี่ยนสถานะเปน ของเหลว เรยี กวา การ ว และเม่ือเพ่ิม ความรอ นตอไปจนถงึ อีกระดบั หนึ่ง ะเปลีย่ นเปน แกส เรยี กวา การกลายเปน ไอ แตเมือ่ อนลงถึงระดบั หนึ่งแกสจะเปลี่ยนสถานะเปน 6 211 4 รยี กวา การควบแนน และถาลดความรอ นตอไปอกี บหน่งึ ของเหลวจะเปลยี่ นสถานะเปน ของแข็ง ารแขง็ ตวั สสารบางชนิดสามารถเปล่ยี นสถานะจาก นแกส โดยไมผานการเปน ของเหลว เรยี กวา การ นแกส บางชนิดสามารถเปลี่ยนสถานะเปนของแข็ง การเปนของเหลว เรียกวา การะเหิดกลบั รลงในน้ําแลว สารนั้นรวมเปนเน้อื เดียวกันกับน้ําท่ัว 6 211 4 สดงวาสารเกดิ สาร 2 ชนิดขึ้นไปแลว มีสารใหมเกดิ ข้นึ ซึ่งมสี มบัติ 6 211 4 รเดิม หรือเม่ือสารชนิดเดียว เกดิ การเปล่ยี นแปลง หมเกดิ ข้ึน การเปล่ียนแปลงน้ีเรียกวา การ ลงทางเคมี ซง่ึ สงั เกตไดจ ากมีสี หรอื กลิ่นตา งจาก รอื มีฟองแกส หรือมีตะกอนเกดิ ขึ้น หรือมกี าร อลดลงของอณุ หภมู ิ

ท่ี ชือ่ หนวย รหัส มฐ. ตัวช้วี ดั /ผลการเรียนรู ว 2.1 ป 5/4 วิเคราะหและระบุการเปลยี่ นแปลงที่ - เม่ือสา ผันกลับไดและการเปล่ยี นแปลงทผ่ี นั กลบั ไมได เปนสาร หลอมเห เกิดการ สารเดิม เผาไหม ว 2.1 ป 5/1 อธบิ ายวิธกี ารหาแรงลพั ธข องแรง - แรงลัพ หลายแรงในแนวเดยี วกนั ท่ีกระทาํ ตอวตั ถใุ นกรณที ่ี ของแรง ผลรวมข วัตถอุ ยูน่ิงจากหลักฐานเชิงประจักษ และมีทิศ 4 ว 2.1 ป 5/2 เขยี นแผนภาพแสดงแรงทกี่ ระทําตอ ทง้ั สองเ วัตถทุ ี่อยูในแนวเดียวกันและแรงลัพธท่กี ระทาํ ตอ ขามกัน แรงและการ วตั ถุ เปน ศูนย เคล่อื นที่ ว 2.1 ป 5/3ใชเครอื่ งชัง่ สปริงในการวัดแรงท่ี - การเข กระทําตอ วตั ถุ ไดโดยใช ความยา ว 2.1 ป 5/4 ระบุผลของแรงเสียดทานท่มี ตี อ การ - แรงเส เปลีย่ นแปลงการเคล่ือนที่ของวัตถุจากหลักฐานเชงิ เพื่อตาน วตั ถทุ ่ีอย ประจกั ษ พ้ืนผวิ น ว 2.1 ป 5/5 เขียนแผนภาพแสดงแรงเสยี ดทาน เคลื่อนท และแรง ที่อยใู นแนวเดยี วกนั ที่กระทาํ ตอวัตถุ หรอื หยดุ

สาระสาํ คัญ เวลา นํา้ หนกั คะแนน คะแนน (ช.ม.) KPA รวม ารเกดิ การเปล่ียนแปลงแลว สารสามารถเปลีย่ นกลับ 111 4 รเดมิ ได เปน การเปลี่ยนแปลงทผี่ ันกลับได เชน การ 3 หลว การกลายเปน ไอ การละลาย แตสารบางอยา ง 431 8 รเปล่ียนแปลง แลวไมสามารถเปลี่ยนกลบั เปน 10 มได เปน การเปลย่ี นแปลงทีผ่ นั กลับไมได เชน การ 421 7 ม การเกิดสนมิ 8 พธเปน ผลรวมของแรงทก่ี ระทําตอวัตถุ โดยแรงลพั ธ ง 2 แรงที่กระทําตอวตั ถุเดียวกนั จะมขี นาดเทา กับ ของแรงท้งั สองเม่อื แรงทงั้ สอง อยูในแนวเดยี วกนั ศทางเดียวกัน แตจะมีขนาดเทากับผลตางของแรง เมอื่ แรงทัง้ สอง อยูในแนวเดยี วกันแตมีทิศทางตรง สาํ หรับวัตถุที่อยูน่งิ แรงลพั ธท กี่ ระทําตอวัตถุมีคา ย ขยี นแผนภาพของแรงท่ีกระทาํ ตอวัตถุสามารถเขยี น ชล ูกศร โดยหวั ลูกศรแสดงทศิ ทางของแรง และ าวของลูกศรแสดงขนาดของแรงที่กระทําตอวตั ถุ สียดทานเปนแรงที่เกิดข้นึ ระหวางผวิ สัมผสั ของวัตถุ นการเคลือ่ นท่ีของวตั ถุนัน้ โดยถาออกแรงกระทาํ ตอ ยูนิง่ บนพน้ื ผวิ หนึง่ ใหเคลือ่ นที่ แรงเสยี ดทานจาก น้ันกจ็ ะตา นการเคลื่อนที่ของวัตถุ แตถ ํ้าวัตถกุ ําลงั ที่ แรงเสยี ดทานกจ็ ะทําใหวตั ถนุ ัน้ เคลือ่ นท่ีช้าํ ลง ดนิง่

ที่ ชื่อหนวย รหสั มฐ. ตวั ชวี้ ัด/ผลการเรียนรู 6 พลังงาน ว 2.3 ป 5/1 อธิบายการไดยินเสียงผา นตัวกลาง - จากหลกั ฐานเชิงประจักษ ขอ ตัว ว 2.3 ป 5/2 ระบุตวั แปร ทดลองและอธบิ าย - เส ลกั ษณะและการเกิดเสยี งสงู เสยี งตํ่า ว 2.3 ป 5/3 ออกแบบกาํ รทดลองและอธิบาย คว ลักษณะและการเกิดเสียงดงั เสียงคอย ว 2.3 ป 5/4 วัดระดับเสียงโดยใชเคร่อื งมือวัด แห ระดับเสยี ง ว 2.3 ป 5/5 ตระหนกั ในคุณคาํ่ ของความรเู ร่ือง ถาํ้ ระดับเสยี งโดยเสนอแนะแนวทางในการหลกี เลีย่ ง และลดมลพิษทางเสยี ง ไดย เมอ่ื แต เสีย - เส กอ เปน

สาระสาํ คัญ เวลา น้าํ หนักคะแนน คะแนน (ช.ม.) K P A รวม การไดย ินเสยี งนั้นตอ งอาศัยตวั กลางโดยอาจเปน 10 4 3 1 8 องแขง็ ของเหลว หรอื อากาศ เสียงจะสง ผา น วกลางมายังหู สียงท่ีไดย นิ มีระดบั สงู ต่าํ ของเสียงตา งกนั ขึน้ กับ วามถขี่ องการสั่นของแหลงกําเนดิ เสยี ง โดยเม่ือ หลงกําเนิดเสียงส่นั ดวยความถ่ีต่าํ จะเกิดเสียงต่ํา แต าสั่นดวยความถ่สี ูงจะเกดิ เสียงสูง สวนเสียงดงั คอ ยท่ี ยินข้ึนกับพลงั งานการส่นั ของแหลงกําเนดิ เสียง โดย อแหลง กําเนิดเสยี งสน่ั พลังงานมากจะเกดิ เสียงดัง 10 4 2 1 7 ตถา แหลง กําเนดิ เสียงสัน่ ดว ยพลังงานนอยจะเกดิ ยงคอย สียงดังมาก ๆ เปน อนั ตรายตอ การไดย ินและเสยี งท่ี อใหเกดิ ความรําคาญเปนมลพิษทางเสยี ง เดซเิ บล นหนวยทบ่ี อกถงึ ความดังของเสียง

ท่ี ชือ่ หนวย รหัส มฐ. ตวั ช้ีวดั /ผลการเรียนรู ว 3.1 ป 5/1 เปรยี บเทยี บความแตกตาง - ดาวทีม่ องเหน็ ของดาวเคราะหแ ละดาวฤกษจาก บรรยากาศของ แบบจําลอง แหลง กาํ เนดิ แส แหลงกําเนิดแส อาทิตยตกกระท ว 3.1 ป 5/2 ใชแ ผนท่ดี าวระบตุ ําแหนง - การมองเหน็ ก และเสนทาง การขนึ้ และตกของกลมุ ดาว ผูสงั เกต กลมุ ด ฤกษแตละดวงเ ฤกษบนทองฟา และอธิบายแบบรูป ตามเสน ทางเดิม ตําแหนงและกา 6 โลกและอวกาศ เสนทางการข้นึ และตก ของกลมุ ดาว ทําไดโดยใชแผ ฤกษบ นทอ งฟา ในรอบป ปรากฏ ผูสังเกต สงั เกตดาวในท ว 3.2 ป 5/1 เปรยี บเทียบปรมิ าณน้ําใน - โลกมีทัง้ นาํ้ จืด แตล ะแหลง และระบุปรมิ าณนํ้าทม่ี นุษย ผวิ ดิน เชน ทะเ สามารถนาํ มาใชป ระโยชนไ ด จากขอมลู นาํ้ ในดิน และน ประมาณรอยล ทีร่ วบรวมได เหลอื อีกประมา จืดจากมากไปน ดนิ เยอื กแข็งคง ความช้นื ในบรร

สาระสาํ คัญ เวลา นาํ้ หนักคะแนน คะแนน (ช.ม.) KPA รวม นบนทองฟา อยูในอวกาศซึ่งเปนบริเวณท่อี ยนู อก 11 - 10 งโลกมีท้งั ดาวฤกษและดาวเคราะห ดาวฤกษเปน 3 สงจึงสามารถมองเหน็ ได สว นดาวเคราะห ไมใช 21 - 3 สง แตสามารถมองเห็นไดเ นือ่ งจากแสงจากดวง 3 ทบดาวเคราะหแลว สะทอนเขา สูตํา 11 - 2 กลุมดาวฤกษมีรูปรางตาง ๆ เกดิ จากจนิ ตนาการของ 3 ดาวฤกษต าง ๆ ท่ปี รากฏในทองฟา แตล ะกลุม มีดาว เรียงกนั ที่ตําแหนง คงที่ และมีเสน ทางการขนึ้ และตก มทุกคนื ซึ่งจะปรากฏตาํ แหนงเดิมการสังเกต ารขึ้นและตกของดาวฤกษแ ละกลมุ ดาวฤกษสามารถ ผนทด่ี าว ซงึ่ ระบุมุมทศิ และมุมเงยที่กลมุ ดาวนั้น ตสามารถใชม อื ในการประมาณคาของมุมเงยเมื่อ ทองฟา ดและน้ําเค็มซ่ึงอยใู นแหลงนํ้าตาง ๆ ทีม่ ีท้งั แหลง น้าํ เล มหาสมทุ ร บงึ แมนา้ํ และแหลงนาํ้ ใตดนิ เชน นํา้ บาดาล น้าํ ท้ังหมดของโลกแบง เปนนํ้าเค็ม ละ 97.5ซ่ึงอยูในมหาสมุทรและแหลงนํา้ อื่น ๆ และที่ าณรอยละ 2.5 เปน นํา้ จดื ถ้าํ เรียงลําดับปรมิ าณน้ํา นอยจะอยูท ่ี ธารนา้ํ แข็งและพดื น้ําแขง็ นาํ้ ใตดิน ช้ัน งตัวและนา้ํ แขง็ ใตด นิ ทะเลสาบ ความชนื้ ในดิน รยากาศ บึง แมน ้าํ และน้าํ ในสิ่งมีชีวติ

ท่ี ชื่อหนวย รหัส มฐ. ตวั ชี้วดั /ผลการเรียนรู ว 3.2 ป 5/2 ตระหนกั ถึงคณุ คาของนํา้ โดย - น้ําจดื ท่ีมน นําเสนอแนวทาง การใชน้าํ อยางประหยดั ประหยัดแล และการอนุรักษน้ํา ว 3.2 ป 5/3 สรา งแบบจําลองที่อธบิ ายการ - วัฏจักรนํ้า หมุนเวยี น ของนํ้าในวฏั จกั รนํ้า ตอเนอ่ื งระห พฤติกรรมก ว 3.2 ป 5/4 เปรียบเทียบกระบวนการเกิด - ไอนํ้าในอา เมฆ หมอก น้ําคา ง และนาํ้ คา งแข็ง จาก ลอย เชน เก แบบจําลอง เมอ่ื ละอองน มาก เรยี กว พ้นื ดนิ เรียก อยูบนพ้นื ผิว พืน้ ดินตํ่ากว ว 3.2 ป 5/5 เปรียบเทียบกระบวนการเกิด - ฝน หิมะ ล ฝน หมิ ะ และลกู เห็บ จากขอมูลทีร่ วบรวม ทตี่ กจากฟา ได จนอากาศไม วดั ผลกลางภาค วัดผลปลายภาค รวมทั้งส้ิน

สาระสาํ คัญ เวลา น้ําหนักคะแนน คะแนน (ช.ม.) K P A รวม นษุ ยนาํ มาใชไดม ีปริมาณนอ ยมาก จึงควรใชน ํา้ อยา ง ละรวมกนั อนรุ ักษน้ํา 3 11- 2 า เปน การหมนุ เวยี นของนํา้ ทีม่ ีแบบรปู ซํ้าเดมิ และ 3 11 - 2 หวา งน้ําในบรรยากาศ นํา้ ผิวดิน และนํา้ ใตด ิน โดย 3 11 - การดํารงชวี ติ ของพืชและสัตวส งผลตอ วฏั จักรนา้ํ 3 11 - 2 ากาศจะควบแนนเปน ละอองนาํ้ เล็ก ๆ โดยมีละออง 2 กลอื ฝนุ ละออง เกสรดอกไม เปน อนภุ าคแกนกลาง 20 นํ้าจํานวนมากเกาะกลุมรวมกันลอยอยสู งู จากพ้ืนดนิ 20 วา เมฆ แตละอองนํา้ ที่เกาะกลุมรวมกนั อยูใกล 100 กวา หมอก สวนไอนา้ํ ที่ควบแนน เปน ละอองนํ้าเกาะ ผววัตถุใกลพนื้ ดนิ เรียกวา นาํ้ คาง ถํ้าอณุ หภมู ิ ใกล วาจดุ เยือกแข็ง นํา้ คา งก็จะกลายเปนน้ําคางแข็ง ลูกเห็บ เปน หยาดนาํ้ ฟา ซ่ึงเปน นํ้าท่มี สี ถานะตาง ๆ าถงึ พื้นดิน ฝน เกดิ จากละอองนํ้าในเมฆท่รี วมตัวกัน มสามารถ 10 5 5 10 5 5 120 53 33 12

การวิเคราะหมาต วิชา วทิ ยาศาสตร ช่อื หนว ย ความหลาก มาตรฐานและตัวชวี้ ัด รอู ะไร ทําอะไร ภาระ มาตรฐาน ว 1.1 ป5/1 รอู ะไร - ใบงา บรรยายโครงสราง และ - สงิ่ มชี ีวิตทง้ั พืชและสัตวมีโครงสรา งและลักษณะ - ผังคว ลกั ษณะของสง่ิ มีชีวติ ที่ ท่ีเหมาะสมในแตล ะแหลงท่ีอยู ซ่งึ เปนผลมาจาก เหมาะสมกบั การ การปรบั ตวั ของส่งิ มชี ีวิต เพ่ือใหด ํารงชีวิตและอยู ดํารงชวี ติ ซึง่ เปนผลมา รอดไดในแตล ะแหลงที่อยู เชน ผกั ตบชวามีชอ ง จากการปรบั ตวั ของ อากาศในกานใบ ชว ยใหลอยน้ําได ตน โกงกางที่ สง่ิ มีชวี ติ ใน แตละแหลง ข้ึนอยใู น ปา ชายเลนมรี ากคํา้ จนุ ทาํ ใหลําตน ไมลม ท่ีอยู ปลามคี รบี ชว ยในการเคล่ือนท่ีในนาํ้ ทาํ อะไร ศกึ ษาโครงสราง ลักษณะของส่ิงมีชวี ติ และการ ปรับตวั ของส่ิงมีชวี ิต

ตรฐานและตัวชวี้ ัด กหลายของสิง่ มีชวี ติ ชัน้ ประถมศึกษาปที่ 5 ะงาน/ชน้ิ งาน สมรรถนะสาํ คัญ คณุ ลกั ษณะของ คุณลกั ษณะ วิชา อนั พงึ ประสงค าน วามคดิ 1. ความสามารถในการ 1. ความ 1. ใฝเ รยี นรู สอ่ื สาร กระตือรอื รน 2. มงุ มน่ั ในการ 2. ความสามารถในการคิด 2. ความสนใจ ทาํ งาน 3.มวี นิ ัย

มาตรฐานและตวั ชี้วัด รูอ ะไร ทําอะไร ภาระ มาตรฐาน ว 1.1 ป 5/2 รูอะไร - ใบงา อธิบายความสัมพันธ - ในแหลงทอี่ ยูหนึง่ ๆ สงิ่ มีชวี ิตจะมคี วามสัมพันธ - ผังห ระหวา งสิ่งมีชวี ิตกบั ซึ่งกนั และกนั และสมั พนั ธกับสิ่งไมม ีชวี ติ เพื่อ สิ่งมีชีวติ ประโยชนต อ การดาํ รงชวี ติ เชน ความสมั พันธกนั มาตรฐาน ว 1.1 ป 5/3 ดานการกินกนั เปน อาหาร เปนแหลงที่อยูอาศยั เขียนโซอาหารและระบุ หลบภยั และเล้ยี งดูลูกออน ใชอากาศในการ บทบาทหนาที่ของ หายใจ ส่ิงมชี วี ติ ที่เปน ผผู ลิต - สิ่งมีชีวติ มีการกนิ กันเปน อาหารโดยกนิ ตอกนั และผูบริโภคในโซ เปน ทอด ๆ ในรูปแบบของโซอาหารทาํ ให อาหารและ สามารถระบุบทบาทหนา ทข่ี องสง่ิ มีชีวติ เปน ความสัมพันธระหวา ง ผผู ลติ และผบู ริโภค สิ่งมีชวี ิตกบั ทาํ อะไร มาตรฐาน ว 1.1 ป 5/4 - ศกึ ษาความสัมพนั ธร ะหวางส่ิงมีชวี ิตกบั ตระหนักในคุณคาของ สง่ิ มชี วี ติ ส่ิงแวดลอมทีม่ ีตอ การ - เขยี นโซอ าหารและระบุบทบาทหนา ทขี่ อง สิ่งมีชวี ิตที่เปนผผู ลติ และผูบ ริโภคในโซอ าหาร ดํารงชวี ติ ของส่ิงมชี วี ิต และความสมั พนั ธระหวางส่ิงมีชีวติ กับ โดยมีสวนรว ม ในการ ดแู ลรกั ษาสิ่งแวดลอม

ะงาน/ช้ินงาน สมรรถนะสําคญั คุณลกั ษณะของ คุณลกั ษณะ วชิ า อันพึงประสงค าน หวงโชอาหาร 1. ความสามารถในการ 1. ความ 1. ใฝเรียนรู สอ่ื สาร กระตือรอื รน 2. มงุ ม่นั ในการ 2. ความสามารถในการคดิ 2. ความสนใจ ทํางาน 3. มวี นิ ัย

มาตรฐานและตัวช้วี ัด รอู ะไร ทําอะไร ว 1.2 ป 5/1 อธบิ าย รูอ ะไร ลกั ษณะทางพันธุกรรม - ส่งิ มีชวี ติ ทงั้ พืช สัตว และมนษุ ย เมื่อโตเต็มทีจ่ ะมีการสืบ ทม่ี กี ารถายทอดจาก เพ่ือเพ่มิ จาํ นวนและดาํ รงพนั ธุ โดยลกู ทเี่ กดิ มาจะไดรับการถา พอ แมสลู ูกของพืช ลกั ษณะทางพันธุกรรมจากพอแมทําใหมลี ักษณะทางพนั ธุกร สตั ว และมนุษย เฉพาะแตกตางจากส่ิงมชี ีวิตชนิดอ่นื ว 1.2 ป 5/2 แสดง - พชื มีการถา ยทอดลักษณะทางพันธุกรรม เชน ลกั ษณะของ ความอยากรอู ยากเห็น ดอก โดยการถามคําถาม - สัตวมกี ารถา ยทอดลกั ษณะทางพันธุกรรม เชน สขี น ลักษณ เกย่ี วกบั ลกั ษณะท่ี ขน ลักษณะของหู คลายคลงึ กนั ของ - มนษุ ยมีการถายทอดลกั ษณะทางพันธกุ รรม เชน เชงิ ผมท่ี ตนเองกับพอแม หนาผาก ลกั ยมิ้ ลักษณะหนังตาํ การหอ ลิ้น ลักษณะของตง่ิ ห ทาํ อะไร - ศึกษาการถา ยทอดลักษณะทางพันธกุ รรม

ภาระงาน/ สมรรถนะสาํ คญั คณุ ลักษณะของ คณุ ลักษณะ ชนิ้ งาน วชิ า อนั พงึ ประสงค - ใบงาน 1. ความสามารถ บพนั ธุ - ผังความคิด ในการสอ่ื สาร 1. ความ 1. ใฝเรียนรู 2. ความสามารถ กระตือรือรน 2. มุงมนั่ ในการ ายทอด ในการคิด 2. ความสนใจ ทาํ งาน 3. วนิ ัย รรมที่ งใบ สี ณะของ หู

มาตรฐานและตัวชว้ี ดั รอู ะไร ทําอะไร ว 2.1 ป 5/1 อธบิ าย รูอะไร การเปล่ียนสถานะของ - การเปลยี่ นสถานะของสสารเปน การเปลยี่ นแปลงทางกายภ สสาร เมื่อทาํ ใหสสาร เม่ือเพิม่ ความรอนใหกับสสารถึงระดับหนง่ึ จะทําใหส สารที่เป รอ นข้ึนหรือเย็นลง ของแข็งเปล่ียนสถานะเปนของเหลว เรียกวา การหลอมเหล โดยใชหลกั ฐานเชงิ เมอื่ เพมิ่ ความรอนตอไปจนถึงอีกระดบั หน่งึ ของเหลวจะ ประจักษ เปลี่ยนเปน แกส เรยี กวา การกลายเปนไอ แตเม่ือลดความรอ ถงึ ระดับหนง่ึ แกส จะเปล่ียนสถานะเปน ของเหลว เรียกวา กา ควบแนน และถาลดความรอนตอ ไปอีกจนถงึ ระดบั หนง่ึ ของเ จะเปลยี่ นสถานะเปน ของแข็ง เรียกวา การแขง็ ตวั สสารบาง สามารถเปล่ยี นสถานะจากของแข็งเปนแกสโดยไมผ านการเป ของเหลว เรยี กวา การระเหดิ สวนแกสบางชนดิ สามารถเปล สถานะเปนของแขง็ โดยไมผา น การเปนของเหลว เรยี กวา ก ระเหิดกลบั ทาํ อะไร - ออกแบบการทดลอง ทําการทดลอง วเิ คราะหเขยี นอธิบาย ทดลอง

ภาพ ภาระงาน/ สมรรถนะสําคญั คุณลกั ษณะของ คณุ ลักษณะ ปน ช้นิ งาน วชิ า อนั พงึ ประสงค ลว และ 1. ความสามารถ - ทดลอง ในการสื่อสาร 1. ความ 1. ใฝเรียนรู - ใบงาน 2. ความสามารถ กระตือรอื รน 2. มุงมนั่ ในการ - รายงานการ ในการคิด 2. ความสนใจ ทาํ งาน ทดลอง 3. มวี นิ ยั อนลง าร เหลว งชนดิ ปน ลี่ยน กา ยการ

มาตรฐานและตัวชวี้ ัด รอู ะไร ทาํ อะไร ภ ว 2.1 ป 5/2 อธิบายการ รอู ะไร -ท ละลายของสารในน้าํ โดยใช - เม่ือใสสารลงในน้ําแลว สารน้ันรวมเปนเน้ือ -ใ หลกั ฐานเชิงประจักษ เดียวกันกับนา้ํ ทวั่ ทุกสวน แสดงวา สารเกดิ -ร การละลาย เรยี กสารผสมที่ไดวา สารละลาย ทาํ อะไร - ออกแบบการทดลอง ทําการทดลอง วเิ คราะห เขยี นอธบิ ายการทดลอง ว 2.1 ป 5/3วิเคราะหก าร รอู ะไร -ท เปลย่ี นแปลงของสาร เมอ่ื เกดิ - เม่อื ผสมสาร 2 ชนดิ ขน้ึ ไปแลวมสี ารใหม - ใ การเปลยี่ นแปลงทางเคมี โดย เกดิ ข้นึ ซึ่งมีสมบตั ติ างจากสารเดิม หรอื เม่ือสาร - ร ชนิดเดยี ว เกดิ การเปลีย่ นแปลงแลวมสี ารใหม ใชห ลักฐานเชงิ ประจักษ เกิดขนึ้ การเปลีย่ นแปลงน้ีเรยี กวา การ เปลย่ี นแปลงทางเคมี ซึง่ สังเกตไดจากมีสี หรอื กลิน่ ตา งจากสารเดิม หรือ มีฟองแกส หรอื มี ตะกอนเกิดขึ้น หรือมีการเพิ่มขนึ้ หรือลดลงของ อุณหภูมิ ทําอะไร - ออกแบบการทดลอง ทําการทดลอง วเิ คราะห เขยี นอธิบายการทดลอง

ภาระงาน/ชน้ิ งาน สมรรถนะสําคญั คณุ ลักษณะของ คณุ ลกั ษณะ วชิ า อนั พึงประสงค ทดลอง 1. ความสามารถใน ใบงาน การสื่อสาร 1. ความ 1. ใฝเ รยี นรู รายงานการทดลอง 2. ความสามารถใน กระตือรือรน 2. มงุ ม่นั ในการ การคิด 2. ความสนใจ ทํางาน 3. มวี นิ ัย ทดลอง 1. ความสามารถใน 1. ความ 1. ใฝเ รยี นรู ใบงาน การส่ือสาร กระตือรือรน 2. มุงมั่นในการ รายงานการทดลอง 2. ความสามารถใน 2. ความสนใจ ทํางาน การคดิ 3. มวี ินัย

มาตรฐานและตัวช้ีวดั รอู ะไร ทําอะไร ว 2.1 ป 5/4 วเิ คราะหแ ละ รอู ะไร ระบุการเปลย่ี นแปลงท่ผี ัน - เมอื่ สารเกดิ การเปลี่ยนแปลงแลว สารสามารถ กลบั ไดและการเปล่ียนแปลง เปล่ียนกลับเปนสารเดิมได เปนการเปล่ยี นแปลงที่ ทีผ่ ันกลับไมได ผันกลบั ได เชน การหลอมเหลว การกลายเปน ไอ การละลาย แตส ารบางอยางเกิดการเปล่ียนแปลง แลว ไมส ามารถเปลีย่ นกลับเปนสารเดิมได เปน การ เปล่ยี นแปลงทผี่ นั กลบั ไมได เชน การเผาไหม การ เกิดสนิม ว 2.1 ป 5/1 อธบิ ายวธิ กี าร ทําอะไร หาแรงลัพธข องแรงหลายแรง - ออกแบบการทดลอง ทําการทดลอง วิเคราะห ในแนวเดยี วกันท่ีกระทําตอ เขยี นอธบิ ายการทดลอง วตั ถุในกรณีทว่ี ัตถอุ ยูน่ิงจาก รอู ะไร หลกั ฐานเชิงประจกั ษ - แรงลัพธเปน ผลรวมของแรงท่กี ระทาํ ตอวัตถุ ว 2.1 ป 5/2 เขียนแผนภาพ แสดงแรงท่ีกระทาํ ตอ วัตถุท่ี โดยแรงลพั ธของแรง 2 แรงที่กระทาํ ตอ วัตถุ อยูในแนวเดียวกันและแรง เดียวกันจะมีขนาดเทากับผลรวมของแรงท้งั สอง เมอื่ แรงท้งั สอง อยใู นแนวเดยี วกนั และมีทิศทาง เดียวกัน แตจะมีขนาดเทากับผลตางของแรงทั้ง สองเมื่อแรงท้ังสอง อยูในแนวเดยี วกันแตมที ิศ ทางตรงขา มกัน สําหรับวตั ถุท่ีอยนู ่ิง แรงลัพธที่

ภาระงาน/ชนิ้ งาน สมรรถนะสําคญั คุณลักษณะของ คุณลกั ษณะ วชิ า อันพึงประสงค - ทดลอง 1. ความสามารถใน - ใบงาน การส่ือสาร 1. ความ 1. ใฝเ รียนรู - รายงานการ 2. ความสามารถใน กระตือรือรน 2. มงุ ม่ันในการ ทดลอง การคิด 2. ความสนใจ ทาํ งาน 3. มวี นิ ัย - ทดลอง 1. ความสามารถใน 1. ความ 1. ใฝเ รยี นรู - ใบงาน การส่ือสาร กระตือรือรน 2. มงุ ม่นั ในการ - รายงานการ 2. ความสามารถใน 2. ความสนใจ ทํางาน ทดลอง การคิด 3. มวี นิ ัย

ลัพธท ี่กระทาํ ตอวตั ถุ กระทาํ ตอ วัตถุมคี าเปนศนู ย ว 2.1 ป 5/3 ใชเคร่อื งชงั่ สปรงิ ในการวดั แรงท่ีกระทาํ - การเขียนแผนภาพของแรงท่ีกระทาํ ตอวัตถุ ตอวตั ถุ สามารถเขียนไดโ ดยใชล กู ศร โดยหวั ลูกศรแสดง ทิศทางของแรง และความยาวของลูกศรแสดง ขนาดของแรงท่ีกระทาํ ตอวัตถุ ทําอะไร - เขียนแผนภาพแสดงแรงที่กระทําตอวตั ถทุ ี่อยูใ น แนวเดียวกนั และแรงลัพธท่กี ระทําตอวัตถุ - ทาํ การทดลอง มาตรฐานและตัวช้ีวดั รอู ะไร ทาํ อะไร ว 2.2 ป 5/4 ระบุผลของแรงเสียด รอู ะไร ทานทมี่ ตี อ การเปลย่ี นแปลงการ - แรงเสียดทานเปน แรงทเี่ กิดขน้ึ ระหวางผิวส เคล่อื นที่ของวตั ถุจากหลักฐานเชิง วตั ถุ เพือ่ ตานการเคลือ่ นที่ของวัตถนุ นั้ โดยถา อ ประจกั ษ กระทําตอ วตั ถุท่ีอยูนิ่งบนพ้นื ผิวหนึง่ ใหเ คลอ่ื นท เสยี ดทานจากพน้ื ผิวนัน้ กจ็ ะตานการเคลื่อนทขี่ ว 2.1 ป 5/5 เขียนแผนภาพแสดง แตถ า้ํ วตั ถุกําลังเคล่ือนท่ี แรงเสยี ดทานก็จะทาํ แรงเสียดทานและแรง ที่อยูใ นแนว เคลื่อนท่ชี ้ําลง หรือหยุดนิ่ง เดียวกันทก่ี ระทาํ ตอวัตถุ ทาํ อะไร - ออกแบบการทดลอง ทําการทดลอง วิเคราะ อธิบายการทดลอง

ภาระงาน/ สมรรถนะสาํ คญั คุณลกั ษณะของ คณุ ลักษณะ ชน้ิ งาน วชิ า อนั พึงประสงค 1. ความสามารถใน - ทดลอง การส่ือสาร 1. ความ 1. ใฝเรียนรู สัมผสั ของ - ใบงาน 2. ความสามารถใน กระตือรอื รน 2. มงุ มัน่ ในการ ออกแรง - รายงานการ การคิด 2. ความสนใจ ทํางาน ที่ แรง ทดลอง 3. มีวินัย ของวัตถุ าใหวัตถุนั้น ะหเขียน

มาตรฐานและตัวชว้ี ัด รูอ ะไร ทําอะไร ว 2.3 ป 5/1 อธบิ ายการไดยิน รูอะไร เสยี งผา นตวั กลาง จากหลักฐาน - การไดยินเสียงน้ันตองอาศัยตัวกลางโดยอาจเปน ของแข็ง ของเหลว หรืออากาศ เสียงจะสงผานตวั กลา เชงิ ประจักษ มายังหู ทาํ อะไร - ออกแบบการทดลอง ทําการทดลอง วิเคราะหเขียน อธิบายการทดลอง ว 2.3 ป 5/2 ระบตุ ัวแปร ทดลอง รูอะไร และอธิบาย ลกั ษณะและการเกิด - เสยี งที่ไดย นิ มีระดับสงู ต่ําของเสียงตา งกันขน้ึ กบั ควา เสียงสงู เสยี งตาํ่ ของการสัน่ ของแหลง กําเนิดเสยี ง โดยเมื่อแหลง กําเนิด ว 2.3 ป 5/3 ออกแบบกํารทดล เสียงสัน่ ดวยความถี่ต่ําจะเกดิ เสยี งต่าํ แตถ าํ้ สั่นดว ยคว องและอธิบาย ลกั ษณะและการ สูงจะเกดิ เสยี งสงู สว นเสียงดงั คอ ยท่ีไดยนิ ข้ึนกบั พลังง เกิดเสียงดัง เสียงคอย การสั่นของแหลง กาํ เนิดเสยี ง โดยเมอื่ แหลง กําเนิดเสีย ว 2.3 ป 5/4 วดั ระดับเสยี งโดยใช พลังงานมากจะเกิดเสยี งดัง แตถา แหลงกาํ เนดิ เสียงส่ัน เครื่องมือวัดระดับเสียง ดวยพลังงานนอยจะเกิดเสียงคอย ว 2.3 ป 5/5 ตระหนกั ในคุณค่ํา - เสียงดงั มาก ๆ เปนอันตรายตอ การไดย นิ และเสยี งท ของความรูเ รอ่ื งระดับเสยี งโดย กอ ใหเกิดความรําคาญเปน มลพษิ ทางเสยี ง เดซิเบลเป เสนอแนะแนวทางในการ หนว ยที่บอกถึงความดังของเสียง หลกี เลี่ยงและลดมลพษิ ทางเสียง ทําอะไร - ออกแบบการทดลอง ทําการทดลองการเกดิ เสียง วเิ คราะหเขียนอธบิ ายการทดลอง

ภาระงาน/ชิ้นงาน สมรรถนะสําคัญ คุณลักษณะของ คุณลักษณะ วิชา อนั พงึ ประสงค - ทดลอง 1. ความสามารถ 1. ความ 1. ใฝเ รยี นรู - ใบงาน ในการส่ือสาร กระตือรอื รน 2. มุงมนั่ ในการ าง - รายงานการ 2. ความสามารถ 2. ความสนใจ ทํางาน ทดลอง ในการคิด 3. มีวนิ ัย น - ทดลองการเกิด 1. ความสามารถ 1. ความ 1. ใฝเรียนรู ามถ่ี เสยี ง ในการสอ่ื สาร กระตือรอื รน 2. มุงมัน่ ในการ ด - ใบงาน 2. ความสามารถ 2. ความสนใจ ทาํ งาน วามถ่ี - รายงานการ ในการคิด 3. มวี นิ ัย งาน ทดลอง ยงสน่ั น ที่ ปน

มาตรฐานและตวั ช้วี ดั รอู ะไร ทําอะไร ว 3.1 ป 5/1 รูอะไร เปรยี บเทยี บความ - ดาวท่มี องเห็นบนทองฟาอยูใ นอวกาศซึ่งเปนบรเิ วณทอ่ี ยูนอก แตกตางของดาว บรรยากาศของโลกมที ั้งดาวฤกษแ ละดาวเคราะห ดาวฤกษเ ปน เคราะหและดาวฤกษ แหลง กําเนิดแสงจงึ สามารถมองเห็นได สว นดาวเคราะห ไมใช จากแบบจําลอง แหลง กาํ เนิดแสง แตสามารถมองเห็นไดเน่อื งจากแสงจากดวง อาทิตยต กกระทบดาวเคราะหแลวสะทอ นเขา สูตํา ทําอะไร - ศกึ ษาดวงดาวบนทองฟา ว 3.1 ป 5/2 ใชแ ผนที่ รอู ะไร ดาวระบุตาํ แหนง และ - การมองเหน็ กลุมดาวฤกษมรี ปู รา งตาง ๆ เกิดจากจนิ ตนาการ เสนทาง การขนึ้ และ ของผสู ังเกต กลุมดาวฤกษตาง ๆ ทีป่ รากฏในทองฟาแตละกลมุ ม ดาวฤกษแตล ะดวงเรยี งกันท่ีตําแหนง คงท่ี และมีเสนทางการข้ึน ตกของกลุมดาวฤกษ และตกตามเสน ทางเดิมทุกคนื ซ่ึงจะปรากฏตําแหนง เดมิ การ บนทองฟา และอธิบาย สังเกตตาํ แหนง และการขนึ้ และตกของดาวฤกษแ ละกลมุ ดาวฤกษ แบบรปู เสน ทางการขึ้น สามารถทําไดโดยใชแผนที่ดาว ซง่ึ ระบมุ ุมทิศและมมุ เงยทก่ี ลุม ด และตก ของกลมุ ดาว น้นั ปรากฏ ผูส งั เกตสามารถใชมือในการประมาณคา ของมุมเงยเ ฤกษบ นทองฟาในรอบ สังเกตดาวในทองฟา ป ทาํ อะไร - ศึกษาแผนท่ีดาว - ศกึ ษาดวงดาวบนทองฟา

ภาระงาน/ สมรรถนะสาํ คญั คุณลักษณะของ คุณลกั ษณะ ชิ้นงาน วชิ า อันพึงประสงค - ใบงาน 1. ความสามารถใน 1. ความ 1. ใฝเรียนรู ก การสอ่ื สาร กระตือรือรน 2. มงุ มั่นในการ 2. ความสามารถใน 2. ความสนใจ ทํางาน การคิด 3. มวี ินัย - ใบงาน 1. ความสามารถใน 1. ความ 1. ใฝเ รยี นรู ร - แผนทีด่ าว 2. มุง ม่ันในการ มี การสอ่ื สาร กระตือรือรน ทาํ งาน 3. มีวนิ ยั ษ 2. ความสามารถใน 2. ความสนใจ ดาว เม่ือ การคดิ

มาตรฐานและตัวชว้ี ัด รูอะไร ทําอะไร ว 3.2 ป 5/1 เปรียบเทยี บ รอู ะไร - ใ ปรมิ าณนา้ํ ในแตละแหลง - โลกมีท้งั น้ําจืดและน้ําเค็มซึ่งอยูในแหลงน้ําตาง ๆ ที่ และระบุปริมาณนา้ํ ที่มนษุ ย มที งั้ แหลงนํา้ ผวิ ดนิ เชน ทะเล มหาสมทุ ร บึง แมน ้าํ สามารถนาํ มาใชประโยชน และแหลงนาํ้ ใตดิน เชน นา้ํ ในดนิ และนาํ้ บาดาล นํ้า ได จากขอมลู ทรี่ วบรวมได ทั้งหมดของโลกแบงเปน น้าํ เค็มประมาณรอยละ 97.5ซงึ่ อยูในมหาสมุทรและแหลง น้ําอื่น ๆ และที่ เหลอื อีกประมาณรอยละ 2.5 เปนน้ําจืด ถํ้า เรยี งลําดบั ปริมาณนา้ํ จดื จากมากไปนอยจะอยูที่ ธาร นา้ํ แขง็ และพืดนํ้าแข็ง นาํ้ ใตด ิน ชนั้ ดินเยอื กแข็งคง ตัวและน้ําแขง็ ใตดิน ทะเลสาบ ความชื้นในดนิ ความชื้นในบรรยากาศ บึง แมน าํ้ และนํ้าในส่ิงมีชีวิต ทําอะไร - ศกึ ษา เปรียบเทียบปริมาณนาํ้ ในแตล ะแหลง และ ระบปุ ริมาณนํ้าที่มนุษยส ามารถนํามาใชป ระโยชนได ว 3.2 ป 5/2ตระหนกั ถึง รอู ะไร -ใ คุณคา ของนํ้าโดยนําเสนอ - นา้ํ จดื ท่มี นุษยนํามาใชไดม ีปริมาณนอ ยมาก จึงควร ใชนํ้าอยา งประหยดั และรว มกันอนรุ ักษนํ้า แนวทาง การใชนา้ํ อยา ง ทาํ อะไร ประหยัดและการอนรุ ักษนาํ้ - ศกึ ษาแนวทางการใชน ํา้ -นาํ เสนอขอมูล

ภาระงาน/ สมรรถนะสําคญั คุณลักษณะของวิชา คุณลกั ษณะ ชน้ิ งาน อนั พงึ ประสงค 1. ความสามารถใน 1. ความกระตือรือรน ใบงาน 1. ใฝเ รียนรู 2. มุงมั่นในการ การสื่อสาร 2. ความสนใจ ทาํ งาน 3. มวี นิ ัย 2. ความสามารถใน การคิด ใบงาน 1. ความสามารถใน 1. ความกระตือรือรน 1. ใฝเรียนรู การสอ่ื สาร 2. ความสนใจ 2. มุงม่ันในการ 2. ความสามารถใน ทํางาน การคิด 3. มวี นิ ัย

มาตรฐานและตัวชว้ี ดั รอู ะไร ทําอะไร ว 3.2 ป 5/3 สรา ง รูอ ะไร แบบจําลองที่อธิบายการ - วัฏจกั รน้าํ เปนการหมุนเวียนของนํ้าท่ีมีแบบรปู ซํ้าเดิม แ หมุนเวียน ของนํ้าในวฏั จักร ตอ เน่ืองระหวา งนํ้าในบรรยากาศ นํา้ ผวิ ดิน และนา้ํ ใตดนิ โ น้ํา พฤติกรรมการดํารงชวี ิตของพืชและสัตวส ง ผลตอวัฏจักรนา้ํ ว 3.2 ป 5/4 เปรยี บเทยี บ ทาํ อะไร กระบวนการเกดิ เมฆ หมอก - ศกึ ษาวัฏจกั รของน้าํ น้ําคาง และนาํ้ คางแขง็ จาก - สรา งแบบจาํ ลองท่ีอธิบายการหมนุ เวยี น ของน้าํ ในวัฏจกั ร แบบจาํ ลอง รูอะไร - ไอน้ําในอากาศจะควบแนนเปน ละอองน้ําเล็ก ๆ โดยมลี ะ ลอย เชน เกลือ ฝนุ ละออง เกสรดอกไม เปน อนุภาคแกนก เม่อื ละอองนํา้ จํานวนมากเกาะกลุมรวมกันลอยอยูสูงจากพ มาก เรียกวา เมฆ แตล ะอองน้ําท่เี กาะกลุมรวมกนั อยูใกล พน้ื ดนิ เรยี กวา หมอก สว นไอน้ําท่คี วบแนนเปน ละอองนํ้าเ อยบู นพืน้ ผิววตั ถใุ กลพ ้ืนดิน เรียกวา น้าํ คา ง ถ้าํ อุณหภมู ิ ใก พื้นดินต่าํ กวาจุดเยือกแข็ง นํ้าคางก็จะกลายเปน น้ําคา งแขง็ รูอะไร - ศกึ ษากระบวนการเกิดเมฆ หมอก นํา้ คา ง และน้าํ คางแขง็

ภาระงาน/ชิ้นงาน สมรรถนะสําคัญ คุณลักษณะ คณุ ลักษณะ ของวิชา อนั พงึ ประสงค - ใบงานวัฏจกั รของ 1. ความสามารถใน 1. ความ 1. ใฝเ รียนรู และ นาํ้ การแกป ญหา กระตือรอื รน 2. มุงมั่นในการ โดย - แบบจาํ ลอง 2. ความสามารถใน 2. ความสนใจ ทาํ งาน า การคิด 3. มีวนิ ัย รน้ํา - ใบงานการทดลอง 1. ความสามารถใน 1. ความ 1. ใฝเ รยี นรู กระตือรอื รน 2. มุงม่นั ในการ ะออง การควบแนน การแกปญหา 2. ความสนใจ ทํางาน กลาง - แบบฝกหัด 2. ความสามารถใน 3. มีวนิ ัย พื้นดนิ การคดิ เกาะ กล ง ขง

มาตรฐานและตวั ชว้ี ดั รูอะไร ทาํ อะไร ว 3.2 ป 5/5 เปรียบเทียบ รอู ะไร กระบวนการเกิดฝน หิมะ - ฝน หิมะ ลูกเห็บ เปนหยาดนาํ้ ฟาซ่งึ เปน น้ําท่มี ีสถานะตา ง และลกู เหบ็ จากขอ มูลท่ี ที่ตกจากฟาถงึ พ้นื ดิน ฝน เกิดจากละอองนํา้ ในเมฆทีร่ วมตวั รวบรวมได จนอากาศไมส ามารถ ทําอะไร - ศกึ ษาและเปรยี บเทยี บกระบวนการเกดิ ฝน หมิ ะ และลกู เ

ภาระงาน/ช้ินงาน สมรรถนะสําคัญ คุณลักษณะ คณุ ลกั ษณะ ของวชิ า อนั พงึ ประสงค - ใบงาน 1. ความสามารถใน 1. ความ 1. ใฝเรียนรู งๆ การแกปญหา กระตือรอื รน 2. มงุ มั่นในการ วกนั 2. ความสามารถใน 2. ความสนใจ ทาํ งาน การคดิ 3. มีวินัย เหบ็

มาตรฐานและตวั ชี้วัด รูอ ะไร ทาํ อะไร ภ ว 4.2 ป 5/1 ใชเหตุผลเชิง รูอะไร - ตรรกะในการแกปญ หา การ - การใชเ หตุผลเชงิ ตรรกะเปนการนํากฎเกณฑ หรือ - อธิบายการทาํ งาน การ เง่อื นไขที่ครอบคลุมทุกกรณีมาใชพ จิ ารณา ในการ คาดการณผลลัพธ จาก แกป ญหา การอธิบายการทาํ งาน หรือ การคาดการณ ปญ หาอยา งงาย ผลลพั ธ - สถานะเรม่ิ ตนของการทาํ งานท่แี ตกตา งกนั จะให ผลลัพธท ่ีแตกตางกนั - ตัวอยา งปญหา เชน เกม Sudoku , โปรแกรม ทํานายตวั เลข, โปรแกรมสรางรปู เรขาคณิตตามคา ขอ มลู เขา , การจัดลําดบั การทํางานบา นในชวงวนั หยุด, จดั วางของในครัว ทาํ อะไร - ทําใบงาน - เขียนโปรแกรม

ภาระงาน/ชน้ิ งาน สมรรถนะสําคญั คณุ ลักษณะ คณุ ลกั ษณะของวิชา อนั พึง ประสงค - ใบงาน 1. ความสามารถในการ 1. ความกระตือรือรน 1. ใฝเ รียนรู - แบบทดสอบ แกปญหา 2. ความสามารถในการคิด 2. ความสนใจ 2. มุง ม่ันใน 3. ความสามารถในการใช เทคโนโลยี การทํางาน 3. มวี นิ ัย

มาตรฐานและตัวช้ีวัด รูอ ะไร ทาํ อะไร ว 4.2 ป 5/2 ออกแบบ รูอะไร และเขยี นโปรแกรมท่มี ี - การออกแบบโปรแกรมสามารถทําไดโดยเขียน เปนขอความ การใชเหตผุ ลเชงิ ตรรกะ ผงั งาน อยางงา ย ตรวจหา - การออกแบบและเขยี นโปรแกรมที่มกี ารตรวจสอบเงอ่ื นไขท่ี ขอ ผดิ พลาดและแกไข ครอบคลุมทกุ กรณเี พอื่ ใหไ ดผลลัพธท ี่ถกู ตองตรงตามความตอ ง - หากมขี อผดิ พลาดใหต รวจสอบการทาํ งาน ทีละคําสั่ง เม่ือพบ ทท่ี าํ ใหผ ลลัพธไมถูกตอง ใหทําการแกไขจนกวาจะไดผ ลลพั ธท ถกู ตอง - การฝก ตรวจหาขอผดิ พลาดจากโปรแกรมของผูอ่ืนจะชวยพัฒ ทักษะการหาสาเหตุของปญหาไดดยี ง่ิ ขนึ้ - ตวั อยา งโปรแกรม เชน โปรแกรมตรวจสอบเลขคเู ลขคี่ โปรแ รับขอมูลน้าํ หนักหรือสวนสูงแลวแสดงผลความสมสวนของราง , โปรแกรมส่งั ให ตวั ละครทาํ ตามเงือ่ นไขทีก่ ําหนด - ซอฟตแ วรท ่ีใชในการเขยี นโปรแกรม เชน Scratch, logo ทาํ อะไร ออกแบบโปรแกรมสามารถทําไดโดยเขียน เปนขอความ หรือผ งาน

ภาระงาน/ชิ้นงาน สมรรถนะสาํ คญั คณุ ลักษณะของวิชา คุณลักษณะ อันพึงประสงค - เขียนโปรกรม 1. ความสามารถใน 1. ความกระตือรือรน 1. ใฝเรียนรู หรือ การแกปญหา 2. ความสามารถใน 2. ความสนใจ 2. มุง มน่ั ในการ งการ การคิด บจุด 3. ความสามารถใน ทํางาน ที่ การใชเ ทคโนโลยี 3. มวี นิ ัย ฒนา แกรม งกาย ผัง

มาตรฐานและตัวชวี้ ัด รูอะไร ทําอะไร ว 4.2 ป 5/3 ใช รอู ะไร อินเทอรเนต็ คน หาขอมลู - การคนหาขอมูลในอินเทอรเ น็ต และการพิจารณาผลการคนห ติดตอสอ่ื สารและทํางาน - การติดตอส่ือสารผา นอนิ เทอรเน็ต เชน อีเมล บลอ็ ก โปรแกร รวมกัน ประเมินความ สนทนา นา เช่อื ถอื ของขอมูล - การเขียนจดหมาย - การใชอ นิ เทอรเ นต็ ในการติดตอสื่อสารและทาํ งานรวมกัน เช ใชนัดหมายในการประชมุ กลุม ประชาํ สัมพันธก จิ กรรมในหองเ การแลกเปล่ยี นความรู ความคดิ เห็นในการเรยี น ภายใตการดแู ของครู - การประเมินความนา เชอื่ ถอื ของขอมลู เชน เปรียบเทียบควา สอดคลอง สมบูรณของขอมูลจากหลายแหลง แหลงตน ตอของ ขอ มูล ผูเ ขียน วันท่ีเผยแพรขอมลู - ขอ มลู ทีด่ ตี องมีรายละเอียดครบทกุ ดาน เชน ขอดีและขอเสยี ประโยชนและโทษ ทาํ อะไร - คนหาขอมูลในอินเทอรเนต็

ภาระงาน/ชนิ้ งาน สมรรถนะสําคญั คุณลกั ษณะของวิชา คุณลักษณะ อันพงึ ประสงค - เขยี นจดหมาย 1. ความสามารถใน หา - ใชอ ินเทอรเ นต็ การแกป ญหา 1. ความกระตือรือรน 1. ใฝเรยี นรู รม ในการตดิ ตอสื่อสาร 2. ความสามารถใน 2. ความสนใจ 2. มงุ ม่ันในการ และทํางานรว มกัน การคิด 3. ความสามารถใน ทํางาน การใชเทคโนโลยี 3. มีวินยั ชน เรียน แล าม ง ย

มาตรฐานและตวั ชี้วัด รูอะไร ทําอะไร ว 4.2 ป 5/4 รวบรวม รอู ะไร ประเมนิ นําเสนอ ขอมลู - การรวบรวมขอ มลู ประมวลผล สรางทางเลอื ก ประเมินผล จ และสารสนเทศ ตาม ทาํ ใหไ ดส ารสนเทศเพื่อใชใ นการแกปญหาหรือการตดั สินใจได วัตถปุ ระสงคโ ดยใช อยา งมีประสิทธิภาพ ซอฟตแวรหรอื บรกิ ารบน - การใชซอฟตแวรหรือบริการบนอินเทอรเ นต็ ท่หี ลากหลายใน อนิ เทอรเนต็ ท่ี รวบรวม ประมวลผล สรางทางเลอื ก ประเมินผล นาํ เสนอ จะช หลากหลาย เพือ่ ใหการแกปญหาทาํ ไดอยางรวดเร็ว ถกู ตอ ง และแมน ยํา แกปญหาใน ชีวติ ประจาํ วัน - ตัวอยางปญ หา เชน ถายภาพและสํารวจแผนท่ี ในทองถ่ินเพ นําเสนอแนวทางในการจดั การพืน้ ท่ีวา งใหเกดิ ประโยชน ทําแบ สํารวจความคิดเหน็ ออนไลน และวิเคราะหขอมูล นาํ เสนอขอ ม โดยการใช Blog หรือ web page ทาํ อะไร รวบรวม ประเมนิ นาํ เสนอ ขอ มูลและสารสนเทศ ตาม วตั ถุประสงค

ภาระงาน/ชน้ิ งาน สมรรถนะสําคัญ คุณลักษณะของวิชา คุณลักษณะ อันพงึ ประสงค - -ใบงาน 1. ความสามารถใน 1. ความกระตือรือรน 1. ใฝเ รียนรู จะ การแกป ญหา 2. ความสามารถใน 2. ความสนใจ 2. มงุ ม่ันในการ นการ การคิด ชวย 3. ความสามารถใน ทาํ งาน การใชเทคโนโลยี 3. มวี ินัย พ่ือ บบ มลู

มาตรฐานและตวั ชีว้ ัด รอู ะไร ทําอะไร ว 4.2 ป 5/5 ใช รอู ะไร เทคโนโลยสี ารสนเทศ - อนั ตรายจากการใชง านและอาชญากรรม ทางอนิ เทอรเ น็ต อยา งปลอดภยั มี - มารยาทในการติดตอส่ือสารผานอินเทอรเ นต็ มารยาท เขาใจสิทธแิ ละ ทําอะไร หนาท่ขี องตน เคารพใน - ใชเ ทคโนโลยีสารสนเทศอยางปลอดภัย สทิ ธิของผูอืน่ แจง ผูเกีย่ วขอ งเม่อื พบขอมลู หรือบุคคลที่ไมเหมาะสม

ภาระงาน/ช้ินงาน สมรรถนะสําคัญ คณุ ลกั ษณะของวิชา คณุ ลักษณะ อันพงึ ประสงค - ใบงาน 1. ความสามารถใน 1. ความกระตือรือรน 1. ใฝเ รียนรู การแกป ญหา 2. ความสามารถใน 2. ความสนใจ 2. มุงม่ันในการ การคิด 3. ความสามารถใน ทาํ งาน การใชเทคโนโลยี 3. มีวนิ ัย


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook