คาชี้แจง : ใหน้ กั เรียนเขียนอุปกรณ์ทีใ่ ช้ในปฏิบัติจริง ตามตารางทีก่ าหนดมาให้ 51 ลาดบั รายการ ขนาด จานวน หมายเหตุ ขัน้ ตอนในการดาเนนิ งาน 1. ..................................................................................................................................................... 2. ..................................................................................................................................................... 3. ..................................................................................................................................................... 4. ..................................................................................................................................................... 5. ..................................................................................................................................................... 6. ..................................................................................................................................................... 7. ..................................................................................................................................................... 8. ..................................................................................................................................................... 9. ..................................................................................................................................................... 10. ..................................................................................................................................................... ปญั หาและอปุ สรรคในการปฏิบัตงิ าน 1. ..................................................................................................................................................... 2. ..................................................................................................................................................... 3. ..................................................................................................................................................... “ร้อยรู้ หรือจะสหู้ นึง่ ทา เกง่ เรียน เกง่ จา ก็สู้เกง่ ทาไม่ได้”
52 4.1 การปอกสาย กอ่ นทจี่ ะตอ่ สายไฟฟ้าเข้าด้วยกนั จะตอ้ งปอกเอาฉนวนท่ี หุ้มตัวนาออกใหห้ มด โดยใช้คทั เตอร์ มดี ปอกสาย คมี หรือคมี สาหรบั ปอกสายโดยเฉพาะ รูปที่ 4.1 เครือ่ งมือสำหรับปอกสำย
53 4.2 การต่อสายไฟฟ้าแบบต่างๆ 4.2.1 การต่อสายแบบหางเปยี ใชส้ าหรบั สายขนาดเล็กและ ปานกลาง นยิ มตอ่ ในกลอ่ งตอ่ สาย สวิตช์ และปลก๊ั รปู ท่ี 4.2 กำรตอ่ แบบหำงเปีย 4.2.2 การต่อแบบแยกทางเดยี ว ใชส้ าหรบั ตอ่ แยกออกจาก สายเมน และไม่ต้องการแรงดงึ มากนัก รปู ท่ี 4.3 กำรต่อแบบแยกทำงเดียว
54 4.2.3 การตอ่ แบบแยกสองทาง เปน็ การตอ่ แยกออกจากสาย เมน จานวน 2 เส้น หรือมากกว่า รปู ที่ 4.4. กำรต่อแบบแยกสองทำง 4.2.4 การตอ่ แบบต่อตรง การตอ่ แบบนส้ี ามารถรับแรงดึงได้ มากขน้ึ รูปที่ 4.5 กำรตอ่ แบบตอ่ ตรง
55 4.2.5 การต่อสายพวี ีซคี ู่ เป็นการตอ่ สายพีวซี ีคู่ หมุ้ ฉนวน จะต้องใหร้ อยต่อเย้อื งกนั เล็กน้อย เพื่อปอ้ งกนั การลัดวงจร รูปที่ 4.6 กำรต่อสำยพีวีซีคู่ 4.2.6 การต่อสายออ่ นกบั สายแขง็ เพื่อปอ้ งกนั สายพาดหลดุ ออกจากกัน จะพนั สายอ่อนหลายๆรอบ แล้วงอสายแขง็ ทบั สาย ออ่ นไมใ่ หค้ ลายตวั ออก รูปที่ 4.7 กำรต่อสำยอ่อนกบั สำยแขง็
56 4.2.7 การตอ่ สายตีเกลยี วแบบต่อตรง กอ่ นจะตอ่ เขา้ ด้วยกนั จะต้องแยกตเี กลยี วออกจากกนั จากนั้นจงึ สอดประสานกัน และ เริม่ พนั ทีละเสน้ จนครบ รูปท่ี 4.8 กำรต่อสำยตีเกลียวแบบต่อตรง
57 4.2.8 การตอ่ สายตีเกลยี วแบบต่อแยก แบง่ ตวั นาออกเปน็ สองสว่ น จากน้ันนาไปสอดเขา้ กับสายเมน พรอ้ มกบั พนั ไปรอบๆ สายเมน โดยพันให้มที ิศทางสลับกัน รูปที่ 4.9 กำรตอ่ สำยตีเกลียวแบบตอ่ แยก 4.3 การต่อสายไฟฟ้าด้วยไวร์นัท ( Wire nut ) จะใชว้ ธิ ีหมุน เพ่อื ใหไ้ วรน์ ทั รัดสายใหแ้ นบชดิ กนั นิยม ตอ่ ในกล่องตอ่ สาย โดยเฉพาะการเดินสายในท่อรอ้ ยสาย 4.4 การใชเ้ ทปพันสาย เทปพนั สายเปน็ วสั ดุฉนวนไฟฟ้าทนี่ ิยมใช้พันปดิ ทับ รอยต่อต่างๆ โดยเร่มิ จากการพันเอียงไปดา้ นใดดา้ นหนึง่ จน สุดรอยต่อจากน้นั จงึ พนั วกกลบั มาทจี่ ดุ เรม่ิ ต้น ในขณะทพี่ นั จะตอ้ งดึงเทปพนั สายให้ยืดออกเล็กนอ้ ย
58 รปู ท่ี 4.10 กำรตอ่ สำยไฟฟ้ำด้วยไวร์นัท รูปท่ี 4.11 กำรพนั เทปหุม้ รอยต่อ
59 หนวยเรยี นท่ี 6 การเดินสายไฟฟ้ าด้วยเขม็ ขัดรัดสาย ข้นั ตอนการเดนิ สายไฟฟ้ าด้วยเข็มขัดรัดสาย มีข้นั ตอนการปฏิบตั ิตามลาํ ดบั ดงั น้ี 1. อ่านแบบและแนวการเดินสายไฟ 2. เลือกและพบั เขม็ ขดั รัดสาย 3. ตีเสน้ เพื่อทาํ แนวเดินสายไฟฟ้ า 4. ตอกตะปูเขม็ ขดั รัดสาย 5. คล่ีสายไฟฟ้ า 6. รีดสายไฟฟ้ า 7. เดินสายไฟฟ้ า 1. อ่านแบบและแนวการเดนิ สายไฟ เป็นสิ่งแรกจะตอ้ งศึกษาและทาํ ความเขา้ ใจใหล้ ะเอียด เพราะ จะทาํ ใหท้ ราบวา่ การเดินสายไฟฟ้ าจะตอ้ งเดินลกั ษณะใด ในแต่ละช่วงจะตอ้ งเดินสายไฟฟ้ าก่ีเสน้ แต่ละเสน้ ขนาดเท่าใด เพ่อื ใชเ้ ป็นขอ้ มูลในการเลือกเบอร์เขม็ ขดั รัดสายและวางแผนการเดิน สายไฟฟ้ าไดอ้ ยา่ งมี ประสิทธิภาพ แบบวงจรท่ีแสดงการเดินสายใชก้ บั งานติดต้งั เรียกวา่ วนั ไลน์ ไดอะแกรม (Oneline Diagram) โดยจะแสดงดว้ ยสายเพยี งเสน้ เดียวและกาํ กบั ไวด้ ว้ ย สญั ลกั ษณ์ และตวั เลข เช่น หมายถึง เดินสายไฟฟ้ า 2 เสน้ แต่ถา้ เป็นสาย VAF ซ่ึงเป็นสายคู่ ใหเ้ ดินสายไฟฟ้ า 1 เสน้ 4 หมายถึง เดินสายไฟฟ้ า 4 เสน้ แต่ถา้ เป็นสาย VAF ซ่ึงเป็นสายคู่ ใหเ้ ดินสายไฟฟ้ า 2 เสน้ 5 หมายถึง เดินสายไฟฟ้ า 5 เสน้ แต่ถา้ เป็นสาย VAF ซ่ึงเป็นสายคู่ ใหเ้ ดินสายไฟฟ้ า 3 เสน้ ( ไม่ไดใ้ ชง้ าน 1 เสน้ )
60 2. เลอื กและพบั เข็มขดั รัดสาย การเลือกเบอร์เขม็ ขดั ใหเ้ ปรียบเทียบดูตามตาราง ขนาดเข็มขัด ใช้รัดสาย จํานวนสายไฟฟ้ า /เส้น รัดสายเบอร์(#) VAF 3 2 × 0.5 (มม.) 2 จาํ นวน 1 เสน้ จาํ นวน 1 เสน้ 4 0 2 × 1 (มม.) 2 1 - 2 × 1.5 (มม.) 2 จาํ นวน 1 เสน้ - 2 × 2.5 (มม.) 2 จาํ นวน 1 เสน้ 2 - 2 × 1 (มม.) 2 จาํ นวน 2 เสน้ - 2 × 1 กบั 2 × 1.5 (มม.) 2 อยา่ งละ 1 เสน้ 3 2 × 2.5 (มม.) 2 จาํ นวน 2 เสน้ 4 2 × 4 (มม.) 2 จาํ นวน 2 เสน้ 2 × 1.5 (มม.) 2 จาํ นวน 3 เสน้ 5 หลายเสน้ ตามความเหมาะสม 6 หลายเสน้ ตามความเหมาะสม ตารางที่ 1 แสดงขนาดเขม็ ขดั รัดสายที่ใชก้ บั สายไฟฟ้ า การเดินสายไฟฟ้ าไม่เกิน 3 เสน้ ใหใ้ ชเ้ ขม็ ขดั รัดตวั เดียว หากมีการเดินสายไฟฟ้ าต้งั แต่ 4 เสน้ ข้ึนไปใหเ้ พ่มิ เขม็ ขดั ข้ึนอีก 1 ตวั การพบั เขม็ ขดั มีวิธีปฏิบตั ิดงั น้ี 1. นาํ ตะปใู ส่เขา้ ไปในรูของเขม็ ขดั รัดสายโดยใหด้ า้ นท่ีมีคมของเขม็ ขดั อยดู่ า้ นในเพอื่ เวลารัดสายไฟฟ้ าจะทาํ ใหจ้ บั ยดึ สายไฟฟ้ าไดแ้ น่น
61 รูปที่ 1 การใส่ตะปทู ่ีเขม็ ขดั ท่ีมา : วธิ วชั เทียนสีม่วง ถ่ายภาพ 2. พบั ดา้ นหวั ของเขม็ ขดั รัดสาย ปิ ดตะปู รูปที่ 2 การพบั หวั เขม็ ขดั รัดสาย ที่มา : วธิ วชั เทียนสีม่วง ถ่ายภาพ
62 รูปท่ี 3 การพบั หวั เขม็ ขดั รัดสาย ที่มา : วธิ วชั เทียนสีม่วง ถ่ายภาพ รูปท่ี 4 การพบั เขม็ ขดั รัดสาย ที่มา : วิธวชั เทียนสีม่วง ถ่ายภาพ 3. ตีเส้น เพือ่ ใชเ้ ป็นแนวการตอกตะปเู ขม็ ขดั รัดสายไฟทาํ ใหก้ ารเดินสายไฟฟ้ าตรงสวยงาม 3.1 การตีเสน้ ในแนวดิ่ง โดยทว่ั ไปหากระยะการตีเสน้ มีความยาว 2-3 เมตร กใ็ หใ้ ช้ บกั เตา้ ในการตีเสน้ และหากเป็นระยะส้นั กส็ ามารถใชร้ ะดบั น้าํ หรือฟตุ เหลก็ ได้ การตีเสน้ ในแนวด่ิง ดว้ ยบกั เตา้ มี ดงั น้ี 3.1.1. กาํ หนดตาํ แหน่ง ที่ตอ้ งการเดินสายไฟฟ้ าในแนวด่ิงตอกตะปูท่ีดา้ นบน เพอื่ ใชเ้ ป็นตะขอเกี่ยวใหก้ บั ปลายเชือกของบกั เตา้
63 ตอกตะปู รูปท่ี 5 การตีเสน้ ดว้ ยบกั เตา้ ที่มา : วธิ วชั เทียนสีม่วง ถ่ายภาพ 3.2 การตีเสน้ ในแนวนอน ถา้ หากเป็นการเดินสายไฟฟ้ าในระยะทางส้นั ๆ จะใชฟ้ ุต เหลก็ หรือ ระดบั น้าํ แต่ถา้ หากระยะทางยาว ควรใชบ้ กั เตา้ จะสะดวกที่สุด สาํ หรับวธิ ีการตีเสน้ ใน แนวนอนดว้ ยระดบั น้าํ มีดงั น้ี 3.2.1 วางระดบั น้าํ ลงบนแผงฝึก และขยบั ระดบั น้าํ จนระดบั น้าํ อยตู่ รงกลางขีด 3.2.2 ใชด้ ินสอขีดเสน้ ตามความยาวท่ีตอ้ งการ
64 ระดบั น้าํ อยกู่ ่ึงกลางเสน้ รูปท่ี 6 การใชร้ ะดบั น้าํ ขีดเสน้ ในแนวนอน ที่มา : วธิ วชั เทียนสีม่วง ถ่ายภาพ 4. ตอกตะปูเขม็ ขัดรัดสาย การตอกตะปูเขม็ ขดั รัดสายไฟ จะตอ้ งมีระยะห่างท่ีเท่ากนั เพอ่ื ความแขง็ แรง และสวยงาม ระยะห่างระหวา่ งเขม็ ขดั รัดสายประมาณ 10-12 ซม. อยา่ งไรกต็ าม ในทางปฏิบตั ิเพ่อื ความรวดเร็วจะวดั ระยะห่างดว้ ยความยาวประมาณ 1 หวั คอ้ น 10-12 ซม. หรือ 1 หวั คอ้ น รูปที่ 7 ระยะของเขม็ ขดั รัดสายไฟ ที่มา : วธิ วชั เทียนสีม่วง ถ่ายภาพ
65 ระยะห่างของเขม็ ขดั เมื่อดดั โคง้ สายไฟฟ้ า เนื่องจากการเดินสายไฟฟ้ าจะมุ่งเนน้ ในเรื่อง ของความสวยงาม และความมน่ั คงแขง็ แรงในการจบั ยดึ ดงั น้นั เม่ือเดินสายไฟฟ้ าต้งั แต่ 2 เสน้ ข้ึน ไป จะตอ้ งดดั โคง้ สายใหเ้ รียงชิดติดกนั รัศมีการดดั โคง้ ควรกะระยะใหเ้ หมาะสม ตวั อยา่ งเช่น สายขนาด 2 × 2.5 (มม.) 2 ควรใชร้ ัศมีการดดั โคง้ ไม่ต่าํ กวา่ 3 ซม. ระยะห่าง 3 ซม. รูปที่ 8 รัศมีการดดั โคง้ สายไฟฟ้ า ท่ีมา : วธิ วชั เทียนสีม่วง ถ่ายภาพ รูปที่ 9 การเดินสายไฟฟ้ าดดั โคง้ ไฟฟ้ า ท่ีมา : วธิ วชั เทียนสีม่วง ถ่ายภาพ
66 วิธีการตอกเขม็ ขดั รัดสายไฟ มีวธิ ีปฏิบตั ิดงั น้ี 1. นาํ เขม็ ขดั ที่ไดเ้ ตรียมไวม้ าตอกตามแนวเสน้ ท่ีขีดไวโ้ ดยตอกเบาๆเพอ่ื ใหแ้ ค่ปลายของ ตะปูยดึ ติดกบั ผนงั รูปที่ 10 การตอกเขม็ ขดั รัดสาย ท่ีมา : วิธวชั เทียนสีม่วง ถ่ายภาพ 2. กางเขม็ ขดั ที่พบั ไวอ้ อกและใชม้ ือจบั เขม็ ขดั ใหต้ รงต้งั ฉากกบั เสน้ ท่ีขีดไว้ ใชค้ อ้ นตอก หวั ตะปูใหเ้ รียบกบั พ้ืน ตอ้ งหนั หวั เขม็ ขดั รัดสายไฟไปในทิศทางเดียวกนั และหนั ออกจากผนงั เพื่อง่ายต่อการรัดเขม็ ขดั รูปท่ี 11 การตอกเขม็ ขดั รัดสาย ท่ีมา : วิธวชั เทียนสีม่วง ถ่ายภาพ
67 5. การคลสี่ ายไฟฟ้ า โดยทว่ั ผผู้ ลิตจะมว้ นสายซอ้ นทบั กนั ไว้ ความยาวมว้ นละ 100 เมตร ถา้ หาก คล่ีสายอยา่ งถูกตอ้ งวิธีสายจะไม่เสียรูปทรง ในทางตรงกนั ขา้ มการดึงสายออกจากมว้ นโดยตรงจะ ทาํ ใหส้ ายบิดงอเป็นเกลียว วธิ ีการคลี่สายมีดงั น้ี 5.1 แกะพลาสติกที่ห่อหุม้ สายไฟฟ้ าออกใหห้ มด จากน้นั ดึงปลายสายออกจากมว้ น ประมาณ 2-3 รอบ 5.2 ยกมว้ นสายไฟฟ้ าข้ึน สอดแขนท้งั สองขา้ งเขา้ ไปในมว้ นสาย กม้ ตวั ลงเลก็ นอ้ ย หมุน คลายสายออกจากมว้ น พร้อมกบั เดินถอยหลงั ไปเรื่อยๆ จนไดค้ วามยาวท่ีตอ้ งการ เดินถอยหลงั และ หมุนคลายสายออก รูปท่ี 12 การคล่ีสายไฟฟ้ า ที่มา : วธิ วชั เทียนสีม่วง ถ่ายภาพ 6. การรีดสายไฟฟ้ า ก่อนที่จะใชเ้ ขม็ ขดั รัดสายไฟฟ้ า ควรใชผ้ า้ นุ่มรีดสายใหต้ รงทุกเสน้ ซ่ึงมี วธิ ีการปฏิบตั ิดงั น้ี 6.1 กดปลายสายไฟฟ้ าใหแ้ น่นกบั แผงฝึก 6.2 ใชม้ ืออีกขา้ งหน่ึงนาํ ผา้ มารีดสายจากดา้ นบนลงล่างจนสุดแขน ถา้ เป็นสายไฟฟ้ าเก่า ผา่ นการใชง้ านมาแลว้ ควรรีดซ้าํ หลายๆคร้ัง เริ่มตรงหรือบิด-งอนอ้ ยท่ีสุด
68 รีดสายจาก บนลงล่าง รูปที่ 13 การรีดสายไฟฟ้ า ที่มา : วธิ วชั เทียนสีม่วง ถ่ายภาพ 7. การเดินสายไฟฟ้ า มีวธิ ีการปฏิบตั ิดงั น้ี 7.1 การเดินสายไฟฟ้ าในแนวด่ิง เมื่อจบั สายไฟฟ้ าแนบชิดกบั ผนงั สายจะหอ้ ยลงสู่พ้ืน ดา้ นล่างตามแรงดึงดูดของโลก ดงั น้นั จึงตอ้ งเริ่มรัดสายจากดา้ นบนลงสู่ดา้ นล่างดงั น้ี 7.1.1 ใชผ้ า้ รีดสายใหต้ รง ระยะประมาณ 20-50 ซม. จดั สายใหเ้ รียงชิดกนั กรณี เดินสายต้งั แต่ 3 เสน้ ข้ึนไปใหส้ ายเสน้ ที่มีขนาดใหญ่ท่ีสุดอยดู่ า้ นนอก 7.1.2 ใชม้ ือจบั ปลายสายดา้ นบนไว้ และกดสายไวใ้ หแ้ นบกบั ผนงั ส่วนมืออีกขา้ ง ใช้ รัดเขม็ ขดั รัดสายไฟทีละตวั จากบนลงล่างดึงสายไฟใหต้ ึง กรณีเดินสายต้งั แต่ 3 เสน้ ข้ึนไปสายไฟ จะตอ้ งแนบชิดกนั รัดสายไฟเกือบสุดระยะท่ีรีดสายไฟไว้ 7.1.3 ปฏิบตั ิตามขอ้ 1-2 เลื่อนลงมาจากบนลงล่าง จนเสร็จสิ้นระยะท่ีกาํ หนด 7.1.4 ใชค้ อ้ นเคาะเบาๆ เพือ่ ใหร้ อยพบั สนิทกบั สายไฟฟ้ าและแผงฝึก
69 รูปที่ 14 การเดินสายไฟฟ้ าในแนวดิ่งที่มา : วธิ วชั เทียนสีม่วง ถ่ายภาพ 7.2 การเดินสายแนวนอน การเดินสายไฟฟ้ าในแนวนอน จะใชว้ ิธีการคลา้ ยกบั การเดิน สายไฟฟ้ าในแนวดิ่ง จะเดินจากซา้ ยไปขวาหรือขวาไปซา้ ยกไ็ ดต้ ามความถนดั มีวิธีปฏิบตั ิดงั น้ี 7.2.1 ตอกตะปขู นาด 1 นิ้วดา้ นท่ีตอ้ งการเดินสายไฟไป ห่างจากจุดเร่ิมตน้ ประมาณ 50-100 ซม. เพอื่ รองรับน้าํ หนกั สายไฟตามแรงดึงดูดของโลก เป็นการป้ องกนั ตะปแู ละเขม็ ขดั รัด สายหลุดออกจากแผงฝึ ก ตอกตะปรู ับ น้าํ หนกั สายไฟ จุดรัดสาย 50 – 100 ซม. รูปที่ 15 การเดินสายในแนวนอน ที่มา : วิธวชั เทียนสีม่วง ถ่ายภาพ
70 7.2.2 รีดสายไฟฟ้ าใหต้ รงและรัดสายไฟ โดยวางปลายสายไฟฟ้ าไวบ้ นตะปูที่ตอกไว้ 7.2.3. รีดสายและรัดสายไฟจนเสร็จสิ้นตามระยะเป้ าหมาย 7.2.4 ใชค้ อ้ นเคาะเบาๆ เพือ่ ใหร้ อยพบั เรียบสนิทกบั สายไฟฟ้ า
71 ใบงาน เร่ือง การเดนิ สายไฟฟ้ าด้วยเขม็ ขดั รัดสาย จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. นกั เรียนสามารถเลือกและเตรียมเคร่ืองมือ วสั ดุอุปกรณ์ สาํ หรับงานเดินสายไฟฟ้ า ดว้ ยเขม็ ขดั รัดสายได้ 2. นกั เรียนสามารถ เดินสายไฟฟ้ าดว้ ยเขม็ ขดั รัดสายได้ 3. นกั เรียนสามารถบอกข้นั ตอนการปฏิบตั ิงานได้ 4. นกั เรียนสามารถนาํ ไปประยกุ ตใ์ ชง้ านได้ 5. นกั เรียนมีคุณธรรม จริยธรรม ขยนั อดทน ทาํ งานร่วมกบั ผอู้ ่ืนได้ มีเจตคติท่ีดีต่อการ ทาํ งาน และวิชาในกลุ่มสาระการงานอาชีพและเทคโนโลยี กจิ กรรมทก่ี าํ หนด นกั เรียนเดินสายไฟฟ้ าตามแบบที่กาํ หนด เคร่ืองมือและวสั ดุ 1. เขม็ ขดั เบอร์ 1 จาํ นวน 40 ตวั 2. เขม็ ขดั เบอร์ 2 จาํ นวน 40 ตวั 3. ตะปู 4. บกั เตา้ จาํ นวน 1 อนั 5. ระดบั น้าํ จาํ นวน 1 อนั 6. ฟตุ เหลก็ จาํ นวน 1 อนั 7. ดินสอ จาํ นวน 1 แท่ง 8. คอ้ นเดินสายไฟฟ้ า จาํ นวน 1 อนั 9. แผงฝึกขนาด 1.20 × 2.40 ม. จาํ นวน 2 แผง 10. สายไฟฟ้ า VAF ขนาด 2 × 1.5 (มม.) 2 ยาว 3.60 เมตร จาํ นวน 3 เสน้ 11. เศษผา้ ขนาด 1 × 1 ฟตุ หรือมากกวา่ จาํ นวน 1 ผนื การปฏบิ ตั ิงาน 1. เตรียมวสั ดุอุปกรณ์
72 2. ปฏิบตั ิงาน 3. ตรวจความเรียบร้อย 4. ทาํ ความสะอาดบริเวณที่ปฏิบตั ิงาน การมอบงาน แบ่งนกั เรียนออกเป็นกลุ่มๆละ 4 คน ข้ันตอนการปฏิบัตงิ าน 1. ศึกษาวิธีการเดินสายไฟฟ้ าดว้ ยเขม็ ขดั รัดสายไฟ จากใบความรู้ 2. จดั เตรียมเครื่องมือวสั ดุอุปกรณ์ 3. พบั เขม็ ขดั เบอร์ 1 จาํ นวน 40 ตวั และเบอร์ 2 จาํ นวน 40 ตวั 4. ตีเสน้ ใหไ้ ดข้ นาดตามแบบที่กาํ หนดบนแผงฝึกท่ี 1 และแผงฝึกที่ 2 ตามรูปที่ 16 86 ซม. 46 ซม. 46 ซม. 46 ซม. 4 86 ซม. 46 ซม. แผงฝึกที่ 1 แผงฝึกที่ 2 รูปท่ี 16 การตีเสน้ บนแผงฝึก ท่ีมา : วธิ วชั เทียนสีม่วง 5. นาํ สายไฟฟ้ า VAF ขนาด 2 × 1.5 (มม.) 2 คล่ีออกจากมว้ นตดั ใหไ้ ดค้ วามยาวเสน้ ละ 3.60 เมตร 6. รีดสายไฟฟ้ าท้งั 3 เสน้ ใหต้ รงดว้ ยผา้ 7. นาํ สายไฟฟ้ า VAF ขนาด 2 × 1.5 (มม.) 2 ยาว 3.60 เมตร จาํ นวน 1 เสน้ เดินบน แผงฝึกท่ี 1 แลว้ เดินสายไฟฟ้ ารัดเขม็ ขดั รัดสายจนเสร็จตามแบบ ตามรูปที่ 17
73 รูปท่ี 17 การเดินสายไฟฟ้ าที่เสร็จแลว้ แผงฝึกท่ี 1 ที่มา : วิธวชั เทียนสีม่วง ถ่ายภาพ 8. นาํ สายไฟฟ้ า VAF ขนาด 2 × 1.5 (มม.) 2 ยาว 3.60 เมตร จาํ นวน 2 เสน้ เดินบน แผง ฝึกที่ 2 แลว้ เดินสายไฟฟ้ ารัดเขม็ ขดั รัดสายจนเสร็จตามแบบ ตามรูปท่ี18 รูปที่ 18 การเดินสายไฟฟ้ าท่ีเสร็จแลว้ แผงฝึกที่ 2 ที่มา : วิธวชั เทียนสีม่วง ถ่ายภาพ
74 9. ตรวจความเรียบร้อยของงานเสร็จแลว้ ส่งงาน 10. ร้ือสายไฟฟ้ าและอุปกรณ์ไฟฟ้ าออกจากแผงฝึกเกบ็ ไวใ้ ชง้ านในชว่ั โมงต่อไป 11. ทาํ ความสะอาดบริเวณสถานที่ปฏิบตั ิงาน การประเมนิ ผล 1. สงั เกตระหวา่ งปฏิบตั ิงาน 2. ตรวจผลงาน
75 หนว ยเรียนที่ 7 เร่ือง วงจรไฟฟา้ และอปุ กรณไ์ ฟฟ้าภายในบ้าน 1 รปู แบบของวงจรไฟฟ้าภายในบา้ น ........ . วงจรไฟฟ้าภายในบ้าน หมายถึง ทางเดนิ ของกระแสไฟฟา้ ทีจ่ ะไหลไปตามสว่ นตา่ ง ๆ ของวงจรทีเ่ ปน็ ตัวนา .......... การตอ่ วงจรไฟฟา้ ในบา้ น หมายถึง การต่อความต้านทาน ซึ่งมอี ยู่ 3 แบบ คือ 1.1 การต่อความตา้ นทานแบบอันดับ หรือแบบอนกุ รม ..................... เปน็ การต่อความตา้ นทานเรยี งกนั ไปตามลาดบั โดยทีป่ ลายสายของความตา้ นทานหรืออุปกรณไ์ ฟฟา้ (หลอด) ของตัวท่ีหนึ่งตอ่ กบั ต้นสายของความตา้ นทานหรืออุปกรณ์ไฟฟา้ (หลอด) ของตัวที่สอง และอีกปลายหน่ึง ของความตา้ นทานหรืออปุ กรณไ์ ฟฟา้ ตวั ท่สี องต่อกบั ต้นสายของความตา้ นทาน หรืออุปกรณ์ตวั ท่สี ามเรยี งต่อกนั ไป อย่างน้ีจนครบวงจร คณุ สมบตั ิของวงจรแบบอันดับหรอื อนุกรม 1. กระแสไฟฟา้ ไหลผ่านความตา้ นทานแตล่ ะตัวมีคา่ เท่ากัน 2. แรงดันกระแสไฟฟา้ ของวงจรทัง้ หมดเทา่ กัน แรงดันกระแสไฟฟ้าตกคร่อมของแต่ละความต้านทานรวมกนั 1.2 การตอ่ ความต้านทานแบบขนาน ......... การต่อความตา้ นทานแบบขนาน เปน็ การต่อสายของความตา้ นทานแต่ละตวั ไวท้ ่ีเดยี วกนั และปลายสายอกี ดา้ น หนึ่งต่อรว่ มกันไวท้ เี่ ดียวกนั
คณุ สมบัตขิ องการต่อวงจรแบบขนาน 76 1. ความตา้ นทานแตล่ ะตวั ได้รับแรงดันกระแสไฟฟา้ เทา่ กัน 2. กระแสไฟฟา้ ท่ีไหลผา่ นความตา้ นทานแตล่ ะตัวมีค่าไม่เท่ากัน ทง้ั น้ขี ้นึ อยู่กับความต้านทานนัน้ ๆ คือ ถ้ามี ความตา้ นทานมากกระแสไฟฟ้าจะไหลได้นอ้ ย ถา้ มีความตา้ นทานน้อยกระแสไฟฟ้าจะไหลไดม้ าก 3. ผลรวมของกระแสไฟฟา้ ท่ีแยกไหลผ่านแต่ละความตา้ น เม่ือรวมกันแล้วจะเทา่ กับกระแสไฟฟ้าของวงจร 4. ความต่างศักย์ไฟฟา้ บนความตา้ นทานแต่ละเส้น จะมคี ่าเทา่ กนั และเทา่ กบั ความตา่ งศกั ยไ์ ฟฟา้ รวมทง้ั วงจร วงจรไฟฟ้าภายในบ้านนิยมแบบขนาน เนือ่ งจากถ้ามีอปุ กรณไ์ ฟฟา้ ตวั ใดตัวหนง่ึ ขาด อุปกรณไ์ ฟฟ้าที่เหลือก็จะใช้งานได้ 1.3 การตอ่ ความต้านทานแบบผสม .........เป็นการตอ่ ความตา้ นทานท่ีมีทงั้ 2 แบบในวงจรเดียวกัน แผนผังการตอ่ วงจรไฟฟา้ ในบ้าน การต่อไฟฟ้าในบ้านเรมิ่ ต้นจากสายไฟฟ้าใหญ่ลงมาท่มี าตรไฟฟ้าจากมาตรไฟฟา้ ตอ่ เขา้ คัตเอาท์และฟวิ ส์ สายทต่ี ่อจากฟิวส์เป็นสายประธาน ซึ่งสามารถตอ่ แยกไปยงั ส่วนตา่ ง ๆ ของอาคารได้
2. อุปกรณ์และเคร่ืองใช้ไฟฟา้ ภายในบา้ นทีจ่ าเปน็ 77 .2.1 อปุ กรณ์ไฟฟ้าทใ่ี ชภ้ ายในบ้าน ................2.1.1 เตา้ เสยี บ หรือเต้ารองรบั เป็นอปุ กรณ์ไฟฟ้าท่ใี ชเ้ ป็นจดุ ตอ่ ของวงจรอุปกรณไ์ ฟฟา้ ภายในบา้ น เพอ่ื ความสะดวกในการใช้งานเต้าเสียบท่ีใชใ้ นบา้ นเราจะมี 2 ชอ่ ง แต่เต้าเสยี บทจี่ ะช่วยใหเ้ กิดความปลอดภัยมากคือ เต้าเสียบแบบ 3 ช่อง เพราะช่องที่ 3 จะต่อกับสายดนิ ซึง่ จะช่วย ใหเ้ กดิ ความปลอดภัยในการใชง้ าน ............ ลกู เสยี บน้จี ะตอ่ กบั ปลายสายไฟฟ้าท่ีต่อเขา้ อปุ กรณ์ไฟฟ้าตา่ ง ๆ จะตอ้ งต่อสายไฟเขา้ ขั้วตอ่ สายอยา่ งแข็งแรงและ ถกู ตอ้ งตามวิธี คือ ภายในจะตอ้ งผูกปมอยา่ งถูกวิธี 2.1.2 สวติ ช์ไฟฟ้า.... เปน็ อปุ กรณ์สาหรับปิด-เปดิ วงจรไฟฟ้า สวิตชไ์ ฟฟา้ ที่ใช้ตามบ้านมหี ลายแบบ ขึน้ อยู่ กบั บริษัทที่ผลติ แบ่งเปน็ 2 ประเภทคือ แบบฝงั (ใช้ฝงั ในผนงั ) แบบท่ี 2 แบบไมฝ่ ัง หรือเรยี กว่า แบบลอย (Surface Switches) คอื ตดิ ตั้งบนผนัง นิยมใชใ้ นอาคาร ตามชนบทท่วั ไป เพราะราคาถูกและตดิ ตั้งงา่ ยกว่าแบบฝัง .2.1.3 ลูกเสียบ (ปลก๊ั เสียบ).... เป็นอุปกรณ์ทีต่ ่อกบั สายของเคร่ืองใชไ้ ฟฟ้า มี 2 แบบ คือ ลูกเสยี บแบบ 2 ขา ซึง่ จะใชก้ ับเตา้ เสียบ 2 ชอ่ งกับลูกเสียบแบบ 3 ขา ซง่ึ จะใชก้ บั เต้าเสยี บที่มี 3 ช่อง
78 .........การต่อสวิตชไ์ ฟฟ้าจาเป็นตอ้ งต่อใหถ้ ูกวิธี คือ จะต้องต่อสายมไี ฟเข้าสวติ ช์ เพราะเม่ือปิดไฟ (Close switch) แล้ว สามารถซอ่ มหรือแก้ไขหลอดไฟได้อยา่ งปลอดภยั ..2.2 เคร่ืองใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน .................เคร่ืองใชไ้ ฟฟ้าภายในบา้ นมีหลายประเภทท้ังท่ีให้แสงสว่าง ความรอ้ น และประเภททใ่ี ชม้ อเตอร์ อปุ กรณ์ ไฟฟ้าแต่ละอยา่ งจะมีวิธีใชแ้ ละการบารงุ รักษาทแี่ ตกตา่ งกัน ดังน้ัน ผูใ้ ช้จะต้องรู้จกั วิธใี ชอ้ ย่างถูกต้องปลอดภัย ประเภทของเครื่องใช้ไฟฟา้ มีดังนี้ .................... 2.2.1 เคร่อื งใช้ไฟฟา้ ประเภทใหค้ วามร้อนท่ีควรรจู้ กั คือ ................................. 1) เตารีดไฟฟา้ เตารีดไฟฟา้ มหี ลายแบบ แบบท่ีนิยมใช้คือ แบบปรบั ความร้อนโดยอัตโนมัติ ธรรมดา และแบบปรับความรอ้ นอัตโนมัตมิ ีไอนา้ ส่วนประกอบของเตารดี ไฟฟา้ แบง่ ออกเป็น 2 ส่วนคอื .......... 1. สว่ นท่ใี ห้ความร้อน ประกอบดว้ ย ลวดนิโครม ซ่ึงเป็นโลหะผสมระหวา่ งนกิ เกิลกบั โครเมยี ม ซึ่งเปน็ โลหะท่ี มีความต้านทานสูง และจุดหลอมเหลวสงู เปน็ ตัวจ่ายความรอ้ น และแผน่ ไมกา้ ซงึ่ เปน็ ฉนวนความร้อน
79 ...........2. ส่วนทีค่ วบคุมความร้อน หรือท่ีเราเรียกวา่ เทอร์โมสตารต์ ประกอบดว้ ยโลหะท่มี คี วามจคุ วามร้อนต่างกนั 2 แผน่ ประกบติดกนั เม่อื ได้รับความร้อนเทา่ กนั การขยายตัวจะต่างกัน ทาให้แผ่นโลหะโคง้ ข้นึ วงจรปิด กระแสไฟฟา้ ไม่ไหลผา่ น เมอื่ อณุ หภูมิลดลงแผ่นโลหะกจ็ ะกลบั เหมือนเดิม วงจรเปิด กระแสไฟฟ้าไหลผา่ นได้ ซงึ่ การทางานจะเป็น ดังนต้ี ลอดการใช้งาน 2.2.2 หม้อหุงข้าวไฟฟ้า มีหลายแบบแตกตา่ งกันไปตามบริษทั ผ้ผู ลิต ส่วนประกอบของหม้อหงุ ข้าวไฟฟ้า มดี ังนี้ หลกั ในการทางาน หม้อหงุ ข้าวไฟฟา้ ประกอบด้วยสว่ นสาคัญ 2 สว่ น คือ - ส่วนที่ให้ความร้อน ประกอบไปดว้ ยแผ่นโลหะทมี่ คี วามต้านทานสงู และจดุ หลอมเหลวสูง - ส่วนควบคุมอุณหภูมหิ รอื เทอร์โมสตาร์ต ประกอบด้วยโลหะทมี่ ีความจคุ วามรอ้ นต่างกัน 2 แผ่นประกบตดิ กันอยู่ การทางานเม่ือปลอ่ ยกระแสไฟฟา้ ผา่ นเข้าไปในหมอ้ หุงขา้ ว ไฟฟา้ จะทาให้แผ่นความร้อนสง่ ผ่านพลงั งานความ รอ้ นไปยังหม้อใน และเม่ืออุณหภมู สิ ูงจนถึงทกี่ าหนดไว้ เทอร์โมสตาร์ตกจ็ ะตัดวงจร ทาให้ไมม่ กี ระแสไฟฟา้ ไหลใน วงจรที่ผ่านแผ่นความร้อน ....2.3 เครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทใช้มอเตอร์ ............2.3.1 พดั ลมไฟฟ้า พดั ลมไฟฟา้ มีหลายแบบ หลายบรษิ ทั ผผู้ ลิต เช่น แบบตั้งโค๊ะ แบบตั้งพืน้ แบบโคจร เปน็ ตน้
....2.4 เครือ่ งใช้ไฟฟา้ ประเภทให้แสงสวา่ ง ไฟฟ้าแสงสว่างท่ีนยิ มใช้ในบา้ นพกั อาศัยมอี ยู่ 2 แบบ คือ 80 ....... .2.4.1 หลอดชนิดไส้ (Incandescent Lamp) หมายถงึ หลอดไฟฟ้าทีไ่ ส้หลอดทาด้วยโลหะทังสเตนภายในเป็น สญู ญากาศ การใชจ้ ะต้องเสียบลงในขว้ั หลอด ซึง่ มที ัง้ แบบเกลียว และแบบเข้ยี ว หลอดไฟฟา้ ขนาดต่าง ๆ บอก กาลงั ไฟฟ้าเป็นวตั ต์ ..................... 2.4.2 หลอดวาวแสงหรือหลอดฟลอู อเรสเซนต์ ....เป็นหลอดมีไสอ้ ีกชนิดหนึ่ง ประกอบด้วยส่วนสาคัญ คอื ราง หลอด ข้วั หลอดบัลลาสต์ และสตาร์ตเตอร์สวิตช์ ซึ่งต่อเป็นวงจร ......1) บลั ลาสต์ เป็นส่วนประกอบที่สาคญั ของหลอดวาวแสง เพราะเปน็ ตัวจากัดกระแสไฟฟ้า ทาให้หลอดมีอายยุ ืน มี ขนาด 40 วตั ต์ 32 วัตต์ (สาหรบั หลอดกลม) และ 20 วัตต์ ปจั จบุ ันมนี โยบายประหยดั พลงั งาน บริษทั ได้ผลติ บลั ลาสต์ ชนิดประหยดั พลังงานไฟฟา้ เรียกวา่ “โลลอสบลั ลาสต”์ (Low Loss Ballast) เปน็ บลั ลาสตท์ ม่ี กี ารสูญเสียกาลังงาน ไฟฟา้ ต่ากวา่ บัลลาสต์ธรรมดา เป็นการประหยัดไฟฟา้ ได้ 4 - 6 วตั ต์ต่อ 1 หลอด คิดเป็น 40 เปอร์เซนตข์ องบัลลาสต์ แบบเดมิ
81 ......2) สตาร์ตเตอร์ เปน็ อปุ กรณ์ประกอบวงจรหลอดวาวแสง ขาหลอดจะออกแบบไว้ใส่สตาร์ตเตอร์ โดยเฉพาะสตาร์ต เตอร์มหี น้าท่ตี ่อวงจร เพื่ออุ่นไส้หลอดเกดิ อิเลก็ ตรอนไหลในหลอด แลว้ สตาร์ตเตอร์จะตัดวงจรโดยอัตโนมัติโดยอาศัย หลกั การขยายตัวของโลหะต่างชนิดกัน เรยี กวา่ แผ่นไบเมทอล (Bimetallic strip) การทางานของหลอดไฟฟา้ ............. ภายในหลอดฟลูออเรสเซนต์ สูบอากาศออกใหเ้ หลอื ความดนั ประมาณ 1/6 ของบรรยากาศ แล้วหยดไอปรอท ลงไป ผนังหลอดฉาบสารเรืองแสง (ฟลูออ) เม่ือมกี ระแสไฟฟา้ ไหลผา่ นวงจรผา่ นบัลลาสต์ จะทาใหเ้ กดิ แรงดนั กระแสไฟฟ้าสูง อเิ ลก็ ตรอนจะหลดุ ออกจากไส้หลอดด้านหน่ึงผ่านหลอดไปยงั อีกข้ัวหลอดที่อยู่ตรงข้าม ซง่ึ ชว่ งนบี้ ลั ลาสต์จะลดแรงดนั กระแสไฟฟ้าลง สตาร์ตเตอรส์ วิตช์ก็เปิดวงจรไฟฟ้า ขณะทอ่ี เิ ลก็ ตรอนผา่ นและชนโมเลกุลของไอ ปรอท ทาให้เกิดแสงอัลตราไวโอเลต ซึง่ ทาใหเ้ กดิ การเรอื งแสงในหลอด หลอดวาวแสงหรอื หลอดฟลูออเรสเซนต์ ............. มีขนาดตา่ ง ๆ เช่น 20 วตั ต์ 32 วตั ต์ และ 40 วัตต์ ปจั จบุ นั บริษทั ผ้ผู ลิตไดค้ ิดประดิษฐห์ ลอดไฟฟา้ แบบ ประหยดั ขนึ้ เพื่อโครงการประหยัดพลังงานคือ 1. หลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์ (หลอดตะเกียบ) 2. หลอดประหยัดไฟฟา้ (แบบผอม) ขนาด 18 วตั ต์ แทนหลอดไฟฟา้ ขนาด 20 วัตต์ (แบบอว้ น) ซงึ่ ประหยดั ไฟฟา้ 2 วัตต์ คดิ เปน็ 10 เปอรเ์ ซนต์ของหลอดอ้วน (20 วัตต)์ ซ่งึ ให้แสงสวา่ งเทา่ กัน 3. หลอดประหยัดไฟ 36 วัตต์ (หลอดผอม) แทนหลอดไฟฟ้าแบบอว้ น (40 วตั ต)์ ประหยดั ไฟฟา้ 4 วตั ต์ คดิ เป็น 40 เปอร์เซนตข์ องหลอดอว้ น (40 วัตต)์ ซง่ึ ให้แสงสวา่ งเท่ากัน
82 3 การใช้ไฟฟ้าอยา่ งประหยัด การประหยดั พลังงานไฟฟา้ อาจจะทาไดด้ ังนี้ 1. ใชห้ ลอดวาวแสงแบบประหยดั (หลอดผอม) 2. ปดิ ไฟฟ้าเมือ่ ไม่ใช้งาน ก่อนถอดปล๊กั ไฟตอ้ งปิดเครื่องใชไ้ ฟฟ้าก่อนเสมอ 3. ใชแ้ สงสว่างเท่าท่จี าเป็น 4. ใชห้ ลอดไฟฟ้าวัตต์ต่า 5. ออกแบบโคมไฟฟ้าท่ีมีกาลังสะทอ้ นแสงสงู 6. หมัน่ ทาความสะอาดโคมไฟฟ้า 7. หลกี เลย่ี งใช้สีทึบแสงในอาคารต่าง ๆ 8. ประหยัดไฟฟ้าในระบบทาความเย็น .................- เลือกใชต้ เู้ ย็นขนาดตา่ พอเหมาะหรือเลือกใชต้ ู้เยน็ แบบประหยัดไฟฟ้า .................- ลดภาระความรอ้ นของเคร่ืองปรับอากาศ เช่น ความร้อนจากภายนอกห้องและความร้อนภายในห้อง .................- เลอื กใชเ้ คร่อื งปรับอากาศทีเ่ หมาะสม 9. เลอื กใชโ้ ทรทศั นข์ นาดเหมาะสม
83 หนว ยเรยี นท่ี 8 เรื่อง หลกั ความปลอดภัยในการปฏบิ ตั งิ าน หลักความปลอดภัยในการใชไ้ ฟฟ้า ปัจจุบนั ไฟฟ้ามกี ารจาเป็นต่อชีวติ ประจาวนั มาก ซง่ึ ไมม่ ีใครปฏิเสธถงึ ความสะดวกสบายทไ่ี ด้รับ จากการใช้ไฟฟ้ารวมถึงงานอตุ สาหกรรมและธรุ กิจตอ้ งใช้ไฟฟ้าเปน็ ปจั จัยสาคัญ ไฟฟา้ มปี ระโยชน์ มากมายกจ็ ริงแต่ในเวลาเดยี วกนั ก็มอี ันตรายอยใู่ นตัวของมันเองถ้ารจู้ ักใชก้ ็จะได้ประโยชน์ มหาศาล ถ้าใชผ้ ดิ วธิ ีก็อาจจะได้รบั อนั ตรายถึงชีวติ จึงควรเขา้ ใจและรู้พ้ืนฐานทางดา้ นความ ปลอดภัยในการใช้ไวบ้ า้ งเพราะความประมาทหรือเพกิ เฉยต่อสง่ิ ท่เี กิดขึ้นเพยี งเลก็ นอ้ ยก็อาจนามาสู่ ความหายนะและการสญู เสียตา่ งๆในชวี ติ ประจาวันของเราตัง้ แตเ่ ช้าข้นึ มาไฟฟา้ เขา้ มามสี ่วนพวั พัน กับการดาเนนิ ชวี ิตตลอดท้ังวันจนกระทั่งเขา้ นอนก็ยังใช้ไฟฟ้าแต่ทวา่ มาตรฐานความปลอดภัย ของระบบไฟฟ้าในบา้ นผใู้ ช้ยงั ไม่ใหค้ วามสนใจเท่าท่ีควร ดงั นนั้ ความปลอดภยั ในการใชไ้ ฟฟ้าจงึ เปน็ เร่ืองท่คี วรได้รบั ความสนใจ ในการศึกษาไฟฟ้าทา อันตรายใหแ้ ก่รา่ งกายได้ผทู้ จี่ ะได้รับอนั ตรายจากเคร่อื งใช้ไฟฟา้ นนั้ เน่ืองจากสว่ นหน่ึงสว่ นใดของ รา่ งกายบังเอญิ ไปแตะและตอ่ เป็นสว่ นหนง่ึ ในวงจรไฟฟ้าหรอื สมั ผัสถกู สายสองเส้นหรือเพียงเส้น เดยี วหรืออาจจะไปสัมผัสถกู วัตถุทม่ี กี ระแสไฟฟา้ รว่ั ไหลแตเ่ พยี งจุดเดียวในขณะที่รา่ งกายสว่ นอื่น สัมผสั อยู่กับพื้นดนิ ครบวงจรทาให้เกดิ อนั ตรายเเก่ร่างกายข้ึน
84 ไฟฟา้ ใหโ้ ทษแก่มนุษย์ สามารถแบง่ ออกได้เปน็ 1.เปน็ อันตรายแก่ชีวิต สงิ่ ที่ทาให้เสียชีวิตหรือไดร้ บั อันตรายเพียงบาดเจบ็ คอื การไหลของกระแสไฟฟา้ (วดั เปน็ จานวนแอมแปร)์ ซึง่ จะมีปรมิ าณ เพยี งเล็กน้อย ถา้ เป็นกระแสไฟสลบั กส็ ามารถจะทาอันตรายถึง เสยี ชวี ติ ไดถ้ ้าหากว่ากระแสไฟฟา้ นน้ั ไดไ้ หลผ่านอวยั วะทีส่ าคัญ ๆ เชน่ หวั ใจ อันตรายตา่ ง ๆ ท่ีเกดิ ขน้ึ กับรา่ งกายมีอาการ 4 อย่าง คอื 1.1 กลา้ มเน้อื แข็งตัว 1.2 หัวใจเตน้ เรว็ กวา่ ปกติ และหยดุ ทางาน 1.3 เซลล์ภายในร่างกายถูกทาลาย 1.4 ระบบประสาทชะงกั 2.เปน็ อนั ตรายต่อทรัพยส์ ิน อันตรายตอ่ ทรพั ย์สิน ไดแ้ ก่ การเกดิ เพลิงไหมแ้ ละระเบดิ ทาใหท้ รพั ยส์ นิ เสียหายปลี ะมากๆ เนอ่ื งจากความประมาทหรือความรู้เท่าไม่ถงึ การณ์ โดยปกตแิ ล้ว สภาพรา่ งกายแตล่ ะส่วนของคนเราจะมคี วามต้านทานกระแสมากน้อยไมเ่ ท่ากนั ในขณะที่ผิวหนังแหง้ สนทิ จะมคี วามต้านทานประมาท 100,000-600,000 โอห์ม แตถ่ ้าเกิดมี ความชืน้ หรอื เหงื่อ เพยี งเล็กน้อย ความตา้ นทานจะลดลงเหลือเพยี ง 800-1,000 โอห์ม เท่านัน้ ดงั นั้น กระเเสไฟฟา้ จึงสามารถผา่ นรา่ งกายได้โดยง่ายอันตรายทจ่ี ะไดร้ ับนนั้ ขึ้นอยู่กับกระแสไฟฟา้ ทีไ่ หล ผา่ นรา่ งกาย ถ้ามกี ระแสไฟฟา้ ไหลผา่ นน้อยก็ได้รับอันตรายน้อย ถา้ ไหลผา่ นมากอนั ตรายท่ีไดร้ ับก็
85 มีเพ่ิมมากข้ึนตามลาดับ ซงึ่ พอสรปุ ปรมิ าณของกระแสไฟฟา้ ทม่ี ีผลตอ่ ร่างกายได้ดังนี้ จานวนกระแสไฟฟ้า อาการหรอื อนั ตรายทเ่ี กดิ ขน้ึ เเกร่ ่างกาย 1-3 มิลลิแอมแปร์ กล้ามเน้อื กระตุกเลกน้อย ไมถ่ งึ ขั้นอนั ตรายแตก่ ็อาจด้ินไมย่ อมหลดุ 8 มลิ ลแิ อมแปร์ กล้ามเนอ้ื กระตุกรุนเเรง เป็นเหตใุ ห้ลม้ ฟาด หรือตกจากทส่ี ูง 10 มลิ ลแิ อมแปร์ กลา้ มเนอ้ื กระตุกรุนเเรงยิ่งขน้ึ และอาจได้รบั บาดแผล ไหม้ พองด้วย เนอื่ งจากผู้ทถ่ี ูกไฟฟา้ ชอ๊ ต สว่ นมากไม่สามารถบงั คับตวั เองให้หลดุ พ้นจากไฟฟ้าจึงถูก กระแสไฟฟ้าไหลผา่ นร่างกายเป็นเวลานาน ดงั นั้น ถา้ ไม่มบี คุ คลอนื่ ช่วยเหลืออย่างทนั ท่วงที อนั ตรายที่ได้รับกจ็ ะสาหัสมากข้นึ คือหัวใจเต้นรัวเรว็ หรือชา้ ซึง่ อาจไดร้ บั อนั ตรายถึงชวี ติ ถา้ ระยะ เวลานานกวา่ กาหนด ดงั นี้ 15 มลิ ลิแอมแปร์ นานกว่า 2 นาที 20 มลิ ลแิ อมแปร์ นานกวา่ 1 นาที 30 มิลลิแอมแปร์ นานกว่า 35 วนิ าที 100 มิลลแิ อมแปร์ นานกว่า 3 วินาที 500 มิลลแิ อมแปร์ นานกวา่ 11/100 วินาที * 1,000 มลิ ลแิ อมแปร์นานกว่า 1/100 วนิ าที กล้ามเนื้อบริเวณทรวงอกขยายตวั มากถ้าไมไ่ ด้รับการชว่ ยเหลื อยา่ งทันท่วงที นอกจากท่ีกลา่ ว มาแล้วยงั มีองคป์ ระกอบอ่ืนๆ อีก เชน่ ตาแหน่งทส่ี ัมผัส กล่าวคือ ถา้ กระแสไฟฟา้ ไหลผ่านรา่ งกาย บริเวณอวัยวะสาคัญ เชน่ บรเิ วณศรี ษะหรือทรวงอก อันตรายทไ่ี ดร้ ับจะมีมากกวา่ กระแสไฟฟ้าไหล ผา่ นสว่ นอนื่ ของรา่ งกาย และถ้ารา่ งกายถกู กระแสไฟฟ้าเปน็ บรเิ วณกว้าง อนั ตรายกอ็ าจจะสาหสั มากข้ึนดว้ ย
86 วธิ ชี ว่ ยเหลือผู้ถกู กระแสไฟฟา้ ดูด ข้อควรระวังในขณะชว่ ยเหลอื ผู้ถูกกระเเสไฟฟ้าดดู ติดอยู่ อย่าใช้อวัยวะร่างกายของท่านแตะตอ้ ง ร่างหรอื เส้ือผ้าท่ีเปยี กช้ืนของผูถ้ กู ไฟฟา้ ดดู ตดิ อยูเ่ ปน็ อันขาด มิฉะน้นั ทา่ นอาจดดู ไปดว้ ย การ ช่วยเหลือให้พน้ จากกระแสไฟฟ้าให้เลอื กใชว้ ธิ ีใดวธิ หี นง่ึ ดงั น้ี 1. ตัดกระแสไฟฟา้ โดยปลดสวิตชห์ รอื คัทเอาท์ หรือเต้าเสยี บออก 2. หากตดั กระแสไฟฟา้ ไมไ่ ด้ ให้ใชไ้ มแ้ หง้ หรอื วสั ดทุ ี่เป็นฉนวนไฟฟา้ เขย่ี สง่ิ ที่มีกระแสไฟฟ้า ออกไปให้พน้ 3. ให้ใชผ้ า้ หรอื เชือกเเห้งคล้องแขน ขา หรอื ลาตวั ผูถ้ กู ไฟฟ้าดูดชกั ลากออกไปให้พ้นสิ่งท่มี ี กระแสไฟฟา้ หากผู้ถกู ไฟดดู สลบหมดสตใิ หท้ าการปฐมพยาบาลให้ฟน้ื ตอ่ ไป ข้อควรระวังเก่ียวกบั การใชไ้ ฟฟ้า 1. อย่าใชส้ วทิ ช์ปดิ -เปิดไฟฟ้าบนเตยี งนอน เพราะอาจพลิกตวั นอนทบั แตก จะถกู ไฟฟ้าดดู ได้ 2. อยา่ เปิดวทิ ยหุ รอื ใช้ไฟฟา้ ในห้องนา้ ท่ีช้ืนแฉะ ถา้ กระแสไฟฟา้ รว่ั อาจเป็นอนั ตรายถึงชวี ิตได้ 3. อปุ กรณ์ไฟฟา้ ทแ่ี ตกชารดุ ควรซ่อมแซมหรือเปลย่ี นให้เรียบร้อย 4. อยา่ ใช้ขอ้ ตอ่ แยก เสียบปลก๊ั หลายทาง เปน็ การใชก้ ระแสไฟเกนิ กาลัง อาจทาใหส้ ายรอ้ นและ เกดิ ไฟไหม้ได้ 5. อยา่ ใชว้ สั ดอุ ่ืนแทนฟิวส์ หรอื ใช้ฟิวส์เกนิ ขนาด 6. อย่าปล่อยให้สายเครอ่ื งไฟฟ้า เชน่ พดั ลม ลอดใต้เส่อื หรือพรม เปลือกหมุ้ หรือฉนวนอาจแตก เกิดไฟช๊อตได้ง่าย 7. อยา่ เดินสายไฟช่วั คราวอยา่ งลวก ๆ อาจเกดิ อันตรายได้ 8. อยา่ แกไ้ ฟฟา้ เองโดยไมม่ คี วามรู้ 9. อยา่ เดนิ สายไฟตดิ ร้วั สงั กะสีหรือเหล็กโดยไมใ่ ชว้ ธิ ีร้อยในทอ่ ไฟฟา้ อาจร่ัวเปน็ อนั ตรายได้ 10. อยา่ ปล่อยให้เครอื่ งใชไ้ ฟฟา้ เปียกน้า เพราะน้าจะเปน็ สะพานให้ไฟฟ้ารว่ั ไหลออกมาได้ 11. อยา่ ใช้เคร่ืองมอื ไฟฟา้ ที่ไม่มีฉนวนหมุ้ เป็นที่จับ เชน่ ไขควง หัวแร้ง เคร่ืองวดั ไฟฟ้า ฯลฯ 12. อยา่ นาเครอ่ื งใช้ไฟฟา้ ท่ใี ชก้ ระแสตรงไปใช้กับไฟกระแสสลบั ควรตรวจสอบใหด้ ีเสยี ก่อน 13. สวิทชแ์ ละสะพานไฟ (Cut Out) ทุกแหง่ ตอ้ งปดิ -เปดิ ได้สะดวก 14. อย่ายืนบนพ้ืนคอนกรตี ดว้ ยเทา้ เปลา่ ขณะปฏิบัตงิ านเกี่ยวกับไฟฟา้ ควรใช้ผา้ ยางหรอื สวมใส่ รองเทา้
87 ความปลอดภัยในปฏบิ ัติงานไฟฟ้า 1. กอ่ นปฏิบตั งิ านต้องตรวจดเู สียกอ่ นว่า เครอ่ื งมือ และอปุ กรณ์ ตา่ ง ๆ ทใี่ ชใ้ นงานไฟฟา้ ชารดุ แตก หกั หรือเปล่า 2. ก่อนปฏิบตั งิ าน เช่น การตอ่ สายไฟ ควรยกสะพานไฟ (Cut Out) ออกเสียก่อน 3. ขณะทางานไม่ควรหยอกลอ้ กันเป็นอันขาด 4. ไมค่ วรเสีย่ งอันตรายเมอ่ื ไมม่ ีความแน่ใจ 5. ขณะทางานมือ เท้า ตอ้ งแหง้ หรือสวมรองเท้า 6. ก่อนปฏบิ ัตงิ าน ควรจะเขยี นวงจรดูเสยี ก่อนเพื่อความไม่ประมาท 7. เม่อื เสรจ็ งาน ก่อนจ่ายกระแสไฟฟ้า ควรตรวจสอบวงจรไฟฟ้าใหล้ ะเอียดและถูกตอ้ งเสยี ก่อน 8. เมื่อจะจา่ ยกระแสไฟฟ้าตอ้ งดใู หแ้ น่ใจ ว่าไมม่ ใี ครปฏบิ ัตงิ านไฟฟา้ อยู่ 9. ไมค่ วรนาฟวิ ส์ทโ่ี ตกว่าขนาดทใ่ี ช้ หรือวสั ดุอืน่ ๆ เชน่ ลวดทองแดงแทนฟิวส์ 10. รอยต่อสายไฟฟา้ ต้องใช้ผา้ เทปพันสายให้เรยี บรอ้ ยเสียก่อน 11. ตอ่ วงจรใหเ้ สรจ็ เสียก่อน จึงนาปลายสายทั้งคู่เข้าแผงสวทิ ช์ 12. สายเครือ่ งมอื ไฟฟา้ ต้องใชช้ นิดหุ้มฉนวน 2 ชน้ั ถ้าขาดต้องเปลย่ี นใหม่ท้ังเส้น เราจะป้องกันอนั ตรายไดอ้ ย่างไร กระแสไฟฟ้าทไ่ี หลไปตามทางเดนิ ไฟฟา้ นนั้ ถ้ามที างไหลของกระแสมากกว่าหนงึ่ ทางแล้ว กระแสไฟฟา้ จะไหลไปในทางทมี่ ีความต้านทานน้อยท่ีสดุ ดังน้นั เพ่อื ให้รา่ งกาย มคี วามต้านทาน มากมกี ระแสไฟฟ้าผา่ นนอ้ ย หรือไมไ่ หลผา่ นเลย จึงพอจาแนกวธิ ปี อ้ งกันได้ดงั นี้ 1.การตอ่ สายดิน (Ground) เครอื่ งใชไ้ ฟฟา้ สว่ นใหญจ่ ะมโี ครงสรา้ งภายนอกเปน็ โลหะ เชน่ เคร่อื งซักผา้ ตูเ้ ยน็ เตารดี ปมั๊ น้า สวา่ น เป็นต้น อุปกรณ์ ไฟฟา้ เหล่าน้ี เม่ือมีการชารดุ ของไฟฟา้ เช่น ฉนวนเส่ีอมสภาพ หรอื มีการ แตกหักของฉนวน ทาใหส้ ายไฟไปสัมผัสกับโครงโลหะของเครอ่ื งไฟฟ้าน้ัน ๆ กระแสไฟฟา้ ก็ สามารถร่ัวไหล มายงั โครงสร้างนัน้ ไดแ้ ละเมอ่ื มีผ้นู าอุปกรณไ์ ฟฟา้ ชนิดนนั้ ๆ ในขณะทท่ี างานอยู่ กระแสไฟฟา้ ก็จะไหลผา่ นตวั ผทู้ างาน หรือผสู้ มั ผสั อปุ กรณน์ น้ั ลงสูด่ ินทาใหไ้ ดร้ บั อันตรายได้ วธิ ี ป้องกนั อุบัติเหตุดังกล่าวคือ การต่อสายดนิ โดยใช้สายไฟฟ้าตอ่ กับโครงสรา้ งส่วนทีเ่ ปน็ โลหะของ อปุ กรณห์ รอื เคร่ืองใชไ้ ฟฟา้ เหล่าน้ันลงดนิ เพื่อเปน็ ทางให้กระแสไฟฟ้าท่ีอาจจะร่ัวไหลออกมาจาก อุปกรณไ์ ฟฟ้าเหล่านัน้ (เพราะเหตเุ น่อื งจากฉนวนเสื่อมสภาพหรือฉกี ขาด)ไหลลงสู่ดนิ โดยผ่าน ทางสายดินทไ่ี ด้ตอ่ ไว้ แทนทจ่ี ะไหลผา่ นตัวผู้ใชง้ านหรือผู้ทไี่ ปสมั ผสั อุปกรณ์เหลา่ น้นั ซ่ึงวธิ ีการ ป้องกันโดยใชส้ ายดนิ นีเ้ ป็นวิธีมาตรฐานที่นิยมใชก้ ันอยทู่ วั่ ไป
88 อปุ กรณไ์ ฟฟา้ บางชนดิ มีสายเดินต่อให้เรียบร้อยแล้ว ปล๊ักไฟท่ใี ชง้ านจึงมี 3 ขาดงั นน้ั การ นามาใชง้ านจึงควรจดั เตรียมเต้าเสยี บท่มี ีสายดนิ พร้อมอยูแ่ ลว้ คอื เดินสายไฟไว้ 3 เสน้ โดยใช้เสน้ หนึง่ เปน็ สายเชื่อมต่อลงดินหรอื เดนิ สายรอ้ ยท่อโลหะและใชท้ ่อโลหะเป็นสายดินหรอื ถา้ เดนิ สายไฟฟา้ ไวเ้ ป็นชนดิ 2 เส้น อยแู่ ล้ว ก็ให้เดนิ สายเพ่มิ อกี เส้นหนงึ่ เพ่ือใชเ้ ปน็ สายดิน โดยที่สายดินที่ ใชจ้ ะต้องโตไมน่ อ้ ยกว่า 1/3 ของสายไฟฟ้าทง้ั สองเสน้ ทีใ่ ชง้ านอยู่ หรือถ้าเป็นอุปกรณไ์ ฟฟ้าชนิดที่ ไม่มสี ายดินผ้ใู ช้งานก็ควรจะตอ่ สายดินจากโครงโลหะของเคร่ืองไฟฟ้านน้ั ลงดินโดยตรง ซ่งึ อาจจะ ตอ่ สายดนิ เขา้ กบั ท่อประปาที่เปน็ โลหะหรอื ตอ่ เข้ากบั แท่งโลหะไร้สนิม (Ground Rod) ขนาด เสน้ ผ่าศนู ย์กลาง 1 ซ.ม ยาวไม่น้อยกว่า 150 ซ.มและฝังลึกจากผวิ ดนิ อยา่ งนอ้ ย 30 ซ.ม ก็จะไดร้ ะบบ สายดินที่สมบูรณ์ อันตรายทีอ่ าจจะเกดิ ขึ้นก็จะไมม่ ี 2. การใชฉ้ นวนปอ้ งกันไฟฟ้า (Insulation) ฉนวนหุ้มสายไฟฟ้าหรือหมุ้ สายอุปกรณไ์ ฟฟ้าตา่ งๆ น้ัน เปน็ สิ่งที่ชารดุ ฉกี ขาดได้ และฉนวน หุ้มสายจะชารดุ งา่ ยยิ่งข้นึ ถา้ ผูใ้ ช้งานใชอ้ ยา่ งขาดการทะนถุ นอมและไมเ่ อาใจใส่ เชน่ การดึงหรอื กระชากผา่ น ของมคี มหรอื วัตถทุ ม่ี ีขอบหรือมุมแขง็ การวางไวใ้ นทางทมี่ กี ารเหยียบไปมา หรอื มี วตั ถุหนัก ๆ เคลือ่ นทับอยู่เสมอ กเ็ ป็นเหตุใหฉ้ นวนชารดุ เสียหายได้นอกจากน้กี ารตอ่ สายไฟฟ้าใช้ งานอย่างชั่วคราวมกั จะใชต้ ะปตู อกกดทับไว้ ทาใหฉ้ นวนชารุด กลายเป็นสายเปลือยไปจุดต่อตา่ ง ๆ ทต่ี อ่ ไว้มิไดม้ กี ารพนั ฉนวนปอ้ งกันซ่ึงจะกลายเปน็ จุดอนั ตรายไปด้วยสิ่งเหลา่ นถี้ ้าผ้ใู ชง้ านละเลย ไมใ่ หค้ วามเอาใจใส่กจ็ ะนาอันตรายมาส่ตู ัวผใู้ ช้งานได้
89 เพือ่ เปน็ การป้องกัน จงึ ควรหม่นั ตรวจสภาพฉนวนของสายไฟฟา้ หรือสายอปุ กรณไ์ ฟฟา้ ต่างๆ เพอ่ื หารอยแตกปริ หรอื ฉีกขาดโดยเฉพาะอยา่ งยิ่งตรงขั้วตอ่ อุปกรณ์ไฟฟา้ เชน่ ขวั้ หลอด ปลั๊ก ถา้ พบว่า มกี ารชารดุ อยา่ ปล่อยทิ้งไวค้ วรรีบซ่อมแซมหรอื เปลี่ยนทันที 3. การใชส้ วติ ชต์ ดั วงจรอัตโนมัติ (Earth leakage circuitbreaker) อปุ กรณ์ไฟฟ้าชนดิ นี้ เป็นอุปกรณท์ ่ีสามารถตัดวงจรไฟฟ้าทันทที มี่ กี ระแสไฟฟ้ารว่ั ไหลออกจาก วงจรการทางานอุปกรณช์ นิดน้คี ือ ปกติในวงจรไฟฟ้าจะมีกระแสไฟฟ้าไหลในสายไฟทงั้ 2 สาย เทา่ กัน แต่เม่ือเกิดมกี ระแสไฟฟา้ รั่วไหลลงดิน โดยผ่านร่างกายหรือผ่านตวั นาอืน่ ๆ กต็ าม กระแสไฟฟ้าทีไ่ หลในสายทั้งสองจะไมเ่ ท่ากนั เม่อื เกดิ ภาวะดังกล่าว อปุ กรณ์ตรวจสอบการรั่วของ กระแสไฟฟ้าจะส่งสัญญาณไปยังสวิตชอ์ ตั โนมัติ ซึ่งทาหนา้ ที่ตดั วงจรทันทกี ่อนทจ่ี ะมผี ู้ไดร้ บั อนั ตรายจากกระแสไฟฟา้ นบั วา่ เพิ่มความปลอดภัยให้แกผ่ ้ใู ช้งานมากยงิ่ ขนึ้ อยา่ งไรก็ตามอปุ กรณ์ ดงั กล่าวยงั มีราคาแพงอยู่มาก การเดนิ สายไฟฟ้าและตดิ ต้งั อปุ กรณ์ไฟฟ้า ผูข้ อใช้ไฟฟา้ จะต้องพิจารณาเลือกใชช้ นิดและขนาดของสายไฟฟา้ ให้ถกู ตอ้ งตามมาตรฐาน และข้อกาหนดของการไฟฟา้ นครหลวง หรอื การไฟฟ้าส่วนภมู ภิ าคทัง้ นขี้ น้ึ อยู่กบั ว่าบา้ นเรอื นต้ังอยู่ บรเิ วณใด โดยมชี า่ งผู้มีความรู้ ความชานาญ รวมทั้งเลือกใช้อปุ กรณ์ไฟฟ้าที่มีคุณภาพ เพือ่ ให้เกดิ ความปลอดภัยตอ่ ชวี ติ และทรพั ยส์ นิ ของผู้ใช้เอง อปุ กรณ์ไฟฟ้า อปุ กรณ์ไฟฟา้ ที่จะนาไปตดิ ต้งั ใชง้ าน เชน่ สายไฟฟ้า สวิตชต์ ัดตอน คารท์ ริดจฟ์ วิ ส์ สวิตชต์ ัด ตอนอัตโนมตั ิ หลอดไฟฟา้ หลอดฟลูออเรสเซนต์ บัลลาสต์ สตาร์เตอร์ ควรเลือกใช้แตช่ นดิ ทม่ี ี คุณภาพดแี ละมีเครื่องหมายมาตรฐานหรอื ม.อ.ก. แสดงไวจ้ ากกระทรวงอุตสาหกรรมเทา่ นั้นหาก อปุ กรณใ์ ดเป็นผลิตภณั ฑ์ทย่ี งั มิไดม้ ีผูไ้ ดร้ บั ใบอนุญาตใหแ้ สดงเครอ่ื งหมายมาตรฐานจากกระทรวง อุตสาหกรรม ก็ให้เลอื กใชอ้ ปุ กรณ์ ท่มี ีคุณภาพเชอื่ ถือได้ ขอ้ กาหนดตา่ งๆนอกเหนือจากท่ไี ดก้ ล่าว มาแล้วขา้ งตน้ โปรดสอบถามและขอคาแนะนาไดท้ ี่สานกั งานการไฟฟ้าในพ้นื ที่นั้น
90 ใบความรู้ เร่ืองการปฐมพยาบาลผู้ได้รบั อนั ตรายจากไฟฟ้า การช่วยเหลอื ให้พน้ จากกระแสไฟฟ้า ใหเ้ ลือกใชว้ ธิ ีใดวธิ หี น่ึง ดังนี้ 1. ตดั กระแสไฟฟา้ โดยปลดสวติ ช์หรอื คทั เอาท์ หรือเตา้ เสยี บออก 2. หากตดั กระแสไฟฟา้ ไมไ่ ด้ ใหใ้ ช้ไมแ้ ห้ง หรือวัสดุทเ่ี ป็นฉนวนไฟฟา้ เขย่ี สง่ิ ที่มีกระแสไฟฟา้ ออกไปใหพ้ ้น 3. ให้ใช้ผ้าหรือเชอื กเเหง้ คลอ้ งแขน ขา หรอื ลาตวั ผถู้ ูกไฟฟ้าดดู ชักลากออกไปใหพ้ ้นสิ่งท่ีมี กระแสไฟฟ้า หากผ้ถู กู ไฟดดู สลบหมดสตใิ หท้ าการปฐมพยาบาลใหฟ้ ้นื ตอ่ ไป การชว่ ยเหลือดว้ ยวธิ ีปฐมพยาบาล 1. หากหัวใจหยุดเต้น (ตรวจโดยเอาหูฟังทห่ี นา้ อกหรือจับชพี จร) ใหใ้ ช้วธิ ี \"นวดหัวใจภายนอก \" โดยเอามอื กดตรงทต่ี ้ังหัวใจให้ยบุ ลงไป 3 - 4 เซนตเิ มตร เป็นจงั หวะ ๆ เทา่ จงั หวะการเต้นของ หวั ใจ(ผ้ใู หญว่ นิ าทลี ะ 1 ครัง้ เด็กเล็กวินาทลี ะ 2 ครง้ั ) นวด 10 - 15 คร้ัง เอาหูแนบฟังครัง้ หน่งึ 2. หากไมห่ ายใจ (ตรวจโดยดูการขยายของซีโ่ ครงและหน้าอก) ใหใ้ ช้วธิ เี ปา่ ลมเข้าทางปากหรือ ทางจมกู ของผปู้ ว่ ยดังน้ีคือ การเปา่ ปาก จบั ผปู้ ่วยนอนหงาย ใช้หวั แม่มอื ง้างปลายคางผู้ป่วยให้ปากอา้ ออก หากมีเศษ อาหารหรือวัสดใุ ดๆ ให้ล้วงออกให้หมด แลว้ จับศรี ษะใหเ้ งยหน้ามาก ๆ ผู้ชว่ ยเหลอื อ้าปากแล้ว ประกบกบั ปากผ้ปู ่วยใหส้ นิท และเป่าลมเข้าไปอยา่ งแรงจนปอดผปู้ ว่ ยขยายออก (ซโ่ี ครงและ หนา้ อกพองข้นึ ) แลว้ ปลอ่ ยให้ลมหายใจของผ้ปู ว่ ยออกเอง แลว้ เป่าอีก ทาเช่นนี้เป็นจงั หวะ ๆ เท่ากับ จังหวะหายใจปกติ (ผู้ใหญ่นาทีละ 12 - 15 ครั้ง เดก็ เลก็ นาทลี ะ 20 - 30 ครั้ง) ถา้ เป่าปากไม่ได้ให้ ปดิ ปากผปู้ ่วยแลว้ เป่าเขา้ ทางจมกู แทน ถา้ ผู้ป่วยหวั ใจหยดุ เตน้ และไมห่ ายใจดว้ ย ให้นวดหวั ใจสลับ
91 กบั การเป่าปาก ถ้ามผี ้ชู ว่ ยเหลอื เพยี งคนเดียวกใ็ ห้เป่าปาก 2 ครงั้ สลับกับการนวดหัวใจ 15 ครงั้ หรือ ถา้ มผี ้ชู ว่ ยเหลอื สองคน ก็ให้นวดหวั ใจสลบั กบั การเปา่ ปากเปน็ ทานองเดียวกัน โดยเปา่ ปาก 1 คร้ัง นวดหวั ใจ 5 คร้งั การปฐมพยาบาลน้ี ต้องรีบทาทันที หากชา้ เกนิ กวา่ 4 - 6 นาที โอกาสท่ีจะฟื้นมี น้อย ขณะพาส่งแพทย์ก็ควรทาการปฐมพยาบาลไปด้วยตลอดเวลา
92 คาแนะนำด้านขคอวงามอปุปลกอรดณภ์ตัยิดตั้งทางไฟฟ้า ฉนวน PVC ตัวนำทองแดง ตัวอยา่ งสายไฟฟ้าแรงตำ่ ชนดิ ตา่ งๆ สาย THW (สายเด่ยี ว) ตวั นำทองแดง ฉนวน PVC ตัวนำทองแดงฉ สนายวนVPAVFC( สายคเ)ู่ป ลอื เปกหลือ้มุ กหPV้มุ CP VC สาย VFF (สายอ่อน) ตวั นำทองแดงฉ นวน PVC สายดิน (G) 3.1 สายไฟฟ้า การเลอื กใช้สายไฟฟา้ 1. ใช้เฉพาะสายไฟฟ้าที่ได้มาตรฐาน จากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มี เครื่องหมาย มอก.11) เท่านน้ั 2. สายไฟฟ้าชนิดท่ีใช้เดินภายในอาคารห้ามนำไปใช้เดินนอกอาคาร เพราะแสงแดดจะทำให้ ฉนวนแตกกรอบชำรุด สายไฟชนิดท่ีใช้เดินนอกอาคารมักจะมีการเติมสารป้องกันแสงแดดไว้ใน เปลอื กหรือฉนวนของสาย สารป้องกันแสงแดดส่วนใหญ่ทใ่ี ช้กันมากนัน้ จะเป็นสดี ำ แต่อาจจะเป็น สอี ื่นก็ได้ การเดนิ รอ้ ยในท่อกม็ ีส่วนชว่ ยปอ้ งกนั ฉนวนของสายจากแสงแดดได้ในระดับหนึง่ 3. เลือกใช้ชนิดของสายไฟให้เหมาะสมกับสภาพการติดต้ังใช้งาน เช่น สายไฟชนิดอ่อน หา้ มนำไปใชเ้ ดินยดึ ตดิ กับผนังหรือลากผ่านบรเิ วณที่มกี ารกดทบั สาย เชน่ ลอดผา่ นบานพบั ประตู หนา้ ตา่ ง หรือตู้ เน่อื งจากฉนวนของสายไมส่ ามารถรบั แรงกดกระแทกจากอุปกรณ์จับยดึ สายหรอื บานพบั ได้ การเดินสายใต้ดินก็ต้องใช้ชนิดท่ีเป็นสายใต้ดิน (เช่น สายชนิด NYY) พร้อมทั้งมี การเดนิ ร้อยในท่อเพอื่ ปอ้ งกันสายใต้ดินไม่ใหเ้ สยี หาย เปน็ ต้น 18
93 4. ขนาดของสายไฟฟ้า ต้องใช้สายตัวนำทองแดงและเลือกให้เหมาะสมกับขนาดแรงดันไฟฟ้า (1 เฟส หรอื 3 เฟส) ปรมิ าณกระแสไฟฟา้ ทใ่ี ช้งาน และสอดคลอ้ งกับขนาดของฟิวส์หรอื สวิตช์ อัตโนมัติ (เบรกเกอร์) ท่ีใช้ สำหรับขนาดสายเมนและสายต่อหลักดินน้ันก็ต้องสอดคล้องกับ ขนาดของเมนสวิตช์และขนาดของเครอ่ื งวัดฯ ด้วย ตามตารางตอ่ ไปนี้ ตารางท่ี 1 ขนาดสายไฟฟ้าตามขนาดของเมนสวิตช์ ขนาดเคร่ืองวัดฯ เฟส ขนาดสูงสุด ขนาดต่ำสุดของสายเมนและ แรงดันไฟฟ้า (แอมแปร์) ของเมนสวิตช์ (สายต่อหลักดิน) **ตร.มม. ของสายเมน (แอมแปร์) สายเมนในอากาศ สายเมนในท่อ (โวลต์) 5 (15) 1 16 4 (10) 4,10**(10) 300 15 (45) 1 50 10 (10) 16 (10) 300 30 (100) 1 100 25 (10) 50 (16) 300 50 (150) 1 125 35 (10) 70 (25) 300 15 (45) 3 50 10 (10) 16 (10) 750 30 (100) 3 100 25 (10) 50 (16) 750 50 (150) 3 125 35 (10) 70 (25) 750 200 3 250 95 (25) 150 (35) 750 400 3 500 240 (50) 500 (70) 750 หมายเหตุ * สายต่อหลักดินขนาด 10 ตร.มม. ให้เดินในท่อ ส่วนสายเมนที่ใหญ่กว่า 500 ตร.มม. ใหใ้ ชส้ ายต่อหลักดนิ ขนาด 95 ตร.มม. เป็นอย่างน้อย ** สายเมนท่ีใชเ้ ดินในทอ่ ฝังดินต้องไม่เลก็ กวา่ 10 ตร.มม. 5. ขนาดของสายตอ่ หลกั ดนิ ตอ้ งมขี นาดไมเ่ ลก็ กวา่ ทก่ี ำหนดไวใ้ นตารางตอ่ ไปน ้ี ตารางที่ 2 ขนาดต่ำสุดของสายต่อหลักดิน ขนาดสายเมนเข้าอาคาร ขนาดต่ำสุดของสายต่อหลักดิน (ตัวนำทองแดง) (ตร.มม.) (ตัวนำทองแดง) (ตร.มม.) ไม่เกนิ 35 10 (ควรเดินในทอ่ ) เกิน 35 แต่ไม่เกิน 50 16 เกิน 50 แตไ่ มเ่ กิน 95 25 เกนิ 95 แต่ไมเ่ กนิ 185 35 เกนิ 185 แต่ไม่เกนิ 300 50 เกนิ 300 แตไ่ มเ่ กิน 500 70 เกนิ 500 95 19
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120