พระพทุ ธศาสนา ชน้ั มธั ยม4
พระพทุ ธศาสนาทษฏิสากล เหมาะสมกบั ทุกยคุ ทุกสมยั รวมท้งั มีขอ้ ปฏิบตั ิท่ียดึ ทางสายกลาง พทุ ธศาสนิกชนพงึ วิเคราะห์และตระหนกั ในคณุ คา่ ของทฤษฎี วิธีการ และหลกั ปฏิบตั ิเหล่าน้นั นอ้ มนามาประยกุ ตใ์ ชใ้ ห้สอดคลอ้ งกบั การดาเนินชีวติ เพอ่ื ความสงบสุขและความเจริญของตนเองและสังคม (อมร โสภณวิเชษฐว์ งศ์ และ กวี อศิ ริวรรณ. 2533 : 1) หลกั ธรรมและวธิ ีการที่เป็นสากลของพระพุทธศาสนา จาแนกออกเป็นดงั น้ี 1. หลกั ธรรมทเี่ ป็ นสากล 2. วธิ กี ารทางพระพุทธศาสนาทเี่ ป็ นสากล 1. หลกั ธรรมทเี่ ป็ นสากล เป็ นหลักธรรมทสี่ ามารถถอื ประพฤตปิ ฏบิ ัตไิ ดท้ กุ ชาติ ทุกภาษา ทกุ ชนชนั้ ของสงั คม หากประพฤตปิ ฏบิ ัตติ ามกจ็ ะสามารถดารงชวี ติ อยใู่ นโลกน้ีไดอ้ ย่างสนั ตสิ ขุ โลกเกดิ ความสงบ ไมเ่ บยี ดเบยี นทารา้ ยซงึ่ กนั และกนั ไมก่ อ่ ใหเ้ กดิ สงครามซงึ่ สง่ ผลเสยี หายตอ่ มวลมนุษยชาตแิ ละธรรมชาตอิ ยา่ งมหาศาล หลักธรรมทเี่ ป็ นสากลของพระพทุ ธศาสนา มดี ังต่อไปน้ี 1.1 หลกั ความเป็ นกฎธรรมชาติ ไดแ้ กถ่ อื วา่ ความจรงิ นัน้ เป็ นกฎธรรมชาติ เป็ นสงิ่ ทมี่ อี ยตู่ ามธรรมดาของมัน พระพทุ ธเจา้ มฐี านะเป็ นผคู ้ น้ พบ หมายความวา่ กฎความจรงิ ของธรรมชาตมิ นั มอี ยอู่ ยา่ งนัน้ เองเป็ นธรรมดา พระพทุ ธเจา้ จะอบุ ัตขิ นึ้ หรอื ไม่อบุ ัตขิ น้ึ ก็ตาม ธรรมชาตกิ ็เป็ นธรรมชาตอิ ยอู่ ยา่ งนัน้ ไมม่ ใี ครฝืนกฎของธรรมชาตไิ ปได ้ ซง่ึ หลักการนี้ถอื ว่าเป็ นสากล เพราะการทเี่ ราฝืนธรรมชาตจิ ะกอ่ ใหเ้ กดิ ความเสยี หายมากมาย เชน่ การผลติ เทคโนโลยที ส่ี นองความตอ้ งการหรอื ความสะดวกสบายของมนษุ ย์ กอ่ ใหเ้ กดิ ผลเสยี ตอ่ ธรรมชาติ เกดิ มลพษิ ทงั้ ในอากาศ ในน้า และบนบก เป็ นตน้ หลักธรรมทเี่ ป็ นกฎธรรมชาติ เชน่ หลักไตรลกั ษณ์ หลกั ไตรลกั ษณ์ (The Three Characteristics of Existence) เรยี กอกี อยา่ งหนงึ่ วา่ สามัญ
ขอปฏิบตั ิทีย่ ึดทางสายกลาง ทางสายกลาง
พระพุทธโอวาทของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าน้ัน ท่านทรงเตือนให้เราละความช่วั ประพฤติความดี เม่ือละความชว่ั ประพฤติความดีแลว้ ท่ีสุดก็ทรงสอนให้ละสิ่งท้งั สองน้ีไปเสียด้วย ฉะน้ัน วนั น้ีจึงจะขอให้คติในเร่ืองทางสายกลางคือให้ละให้ได้ หรือหลีกให้พน้ จากส่ิงท้ังสองน้ัน ท้งั ดีท้งั ชั่ว ท้งั บุญท้ังบาป ท่ีเป็ นสุขเป็ นทุกข์ ท้งั หลายเหล่าน้ีแหละ ความดีใจ ความเสียใจ มนั ก็เกิดจากพ่อแม่เดียวกันคือตณั หา ความลุ่มหลงนั่นเอง ฉะน้ัน บางทีเมื่อมีสุขแลว้ ใจก็ยงั ไม่สบาย ไม่สงบ ท้งั ท่ีไดส้ ่ิงท่ีพอใจแลว้ เช่น ได้ลาภยศสรรเสริญได้มาแลว้ ก็ดีใจก็จริง แต่มนั ก็ยงั ไม่สงบจริงๆ เพราะยงั มีความเคลือบแคลงใจว่า มนั จะสูญเสียไป กลวั มนั จะหายไป ความกลวั น่ีแหละเป็ นตน้ เหตุให้มนั ไม่สงบ บางทีมนั เกิดสูญเสียไปจริงๆ ก็ยิ่งเป็ นทุกข์มาก น่ีหมายความว่า ถึงจะสุขก็จริงแต่ก็มีทุกข์ดองอยู่ในน้ันดว้ ยแต่เราก็ไม่รู้จกั เหมือนกันกับว่าเราจบั งู ถึงแมว้ ่าเราจบั หางมนั ก็จริง ถา้ จบั ไม่วาง มนั ก็หันกลบั มากดั ได้ ประชาธิไตรในพระพทุ ธศาสนา ประชาธิปไตรในพทุ ธศาสนา
1. พระพุทธศาสนามีพระธรรมวนิ ยั เป็นธรรมนูญหรือกฎหมายสูงสุด พระธรรม คือ คาสอนท่ีพระพทุ ธเจา้ ทรงแสดง พระวินยั คือ คาสัง่ อนั เป็นขอ้ ปฏิบตั ิท่ีพระพุทธเจา้ ทรงบญั ญตั ิข้ึนเมือ่ รวมกนั เรียกว่า พระธรรมวินยั ซ่ึงมคี วามสาคญั ขนาดที่พระพุทธเจา้ ทรงมอบให้เป็นพระศาสดาแทนพระองค์ กอ่ นที่พระองคจ์ ะปรินิพพานเพียงเลก็ นอ้ ย 2. มกี ารกาหนดลกั ษณะของศาสนาไวเ้ รียบร้อย ไม่ปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม ลกั ษณะของพระพุทธศาสนาคือสายกลาง ไม่ซา้ ยสุด ไม่ขวาสุด ทางสายกลางน้ีเป็นครรลอง อาจปฏิบตั ิคอ่ นขา้ งเคร่งครัดก็ได้ โดยใชส้ ิทธิในการแสวงหาอดิเรกลาภตามท่ีทรงอนุญาตไว้ ในสมยั ต่อมา เรียกแนวกลางๆ ของพระพุทธศาสนาวา่ วิภชั ชวาที คอื ศาสนาที่กลา่ วจาแนกแจกแจง ตามความเป็นจริงบางอยา่ งกลา่ วยนื ยนั โดยส่วนเดียวได้ บางอยา่ งกล่าวจาแนกแจกแจงเป็นกรณี ๆ ไป 3. พระพทุ ธศาสนา มีความเสมอภาคภายใตพ้ ระธรรมวินยั บคุ คลที่เป็นวรรณะกษตั ริย์ พราหมณ์ แพศย์ ศทู รมาแต่เดิม รวมท้งั คนวรรณะต่ากว่าน้นั เช่นพวกจณั ฑาล พวกปกุ กุสะคนเกบ็ ขยะ และพวกทาส เม่ือเขา้ มาอปุ สมบทในพระพุทธศาสนาอยา่ งถกู ตอ้ งแลว้ มคี วามเท่าเทียมกนั คอื ปฏิบตั ิตามสิกขาบทเทา่ กนั และเคารพกนั ตามลาดบั อาวุโส คือผอู้ ุปสมบทภายหลงั เคารพผูอ้ ปุ สมบทกอ่ น 4. พระภิกษุในพระพุทธศาสนา มีสิทธิ เสรีภาพภายใตพ้ ระธรรมวินยั เช่นในฐานะภิกษุเจา้ ถนิ่ จะมสี ิทธิไดร้ ับของแจกกอ่ นภกิ ษุอาคนั ตุกะ ภกิ ษทุ ี่จาพรรษาอยดู่ ว้ ยกนั มสี ิทธิไดร้ ับของแจกตามลาดบั พรรษา มีสิทธิรับกฐิน และไดร้ ับอานิสงส์กฐินในการแสวงหาจีวรตลอด 4 เดือนฤดูหนาวเท่าเทียมกนั นอกจากน้นั ยงั มเี สรีภาพท่ีจะเดินทางไปไหนมาไหนได้ จะอยู่จาพรรษาวดั ใดก็ไดเ้ ลอื กปฏิบตั ิกรรมฐานขอ้ ใด ถือธุดงควตั รขอ้ ใดก็ไดท้ ้งั สิ้นฃ 5. มกี ารแบง่ อานาจ พระเถระผใู้ หญ่ทาหนา้ ที่บริหารปกครองหมู่คณะ การบญั ญตั ิพระวินยั พระพุทธเจา้ ทรงบญั ญตั ิเอง เช่นมีภิกษุผทู้ าผิดมาสอบสวนแลว้ จึงทรงบญั ญตั ิพระวนิ ยั ส่วนการตดั สินคดีตามพระวินยั ทรงบญั ญตั ิแลว้ เป็นหนา้ ที่ของพระวินยั ธรรมซ่ึงเท่ากบั 6. พระพุทธศาสนามีหลกั เสียงขา้ งมาก คอื ใชเ้ สียงขา้ งมาก เป็นเกณฑต์ ดั สิน เรียกว่า วิธีเยภยุ ยสิกา การตดั สินโดยใชเ้ สียงขา้ งมาก ฝ่ายใดไดร้ ับเสียงขา้ งมากสนบั สนุน ฝ่ายน้นั เป็นฝ่ายชนะคดี
Search
Read the Text Version
- 1 - 6
Pages: