วชิ าสงั คมศกึ ษาศาสนาและวฒั นธรรม ส31101 พระพทุ ธศาสนาท่ีมีทฤษฏีและวธิ ีการท่เี ป็นสากลและ มีขอ้ ปฏิบตั ทิ ่ีเป็นสายกลาง ระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4
การฝึกหดั อบรมตน การฝึกอบรมตน หมายถึง การฝึกตนเองใหก้ ระทาความดีทงั้ ทางกาย วาจา และใจ ซงึ่ ถือว่าเป็นผพู้ ฒั นาตนเอง ไมก่ ่อใหเ้ กิดความเดือดรอ้ นตอ่ ตนเอง ครอบครวั และสงั คม โดยรวม โดยอาศยั หลกั ของไตรสกิ ขาดงั นี้ 1. ศลี เป็นการฝึกการควบคมุ พฤตกิ รรมทางกาย และวาจา เครือ่ งมอื ท่ีใชฝ้ ึกศีลคือ วนิ ยั เพราะวนิ ยั เป็นตวั การจดั เตรยี มชีวติ ใหอ้ ยใู่ นสภาพท่เี ออื้ ตอ่ การพฒั นา โดยการ 2. สมาธิ เป็นการฝึกในดา้ นจิต ไดแ้ ก่การพฒั นาจติ ทงั้ ในดา้ น คณุ ธรรม เชน่ มคี วามเมตตากรุณา ความเออื้ เฟื้อเผ่อื แผ่ มจี ิตใจท่ี เขม้ แข็งม่นั คง มคี วามเพียรพยายาม มีความรบั ผิดชอบ มคี วาม อดทนอดกลนั้ มคี วามขม่ ใจ เป็นตน้ และมสี ขุ ภาพจติ ท่ดี มี ี ความสขุ เชน่ มคี วามอ่มิ เอมใจ มีความรา่ เรงิ เบิกบานใจ มคี วาม สดช่ืนผ่องใส
3. ปัญญา เป็นการฝึกพฒั นาดา้ นความรูค้ วามเขา้ ใจ ความรูท้ ่มี ี เหตผุ ล รูจ้ กั การคดิ วิเคราะห์ การสงั เคราะห์ ตลอดจนรูเ้ ทา่ ทนั การ เปล่ียนแปลงของสงั คมโลก เป็นตน้ การพง่ึ ตนเอง หมายถึง การทาตนใหเ้ ป็นท่พี ง่ึ ของตนได้ พรอ้ มท่ีจะรบั ผิดชอบตนเอง ไม่ทาตวั ใหเ้ ป็นปัญหาหรอื เป็น ภาระใหก้ บั บคุ คลอน่ื 1. รูจ้ กั คบคนดี คอื มกี ลั ยาณมิตร รูจ้ กั เลือกคบหาสมาคมกบั คนทด่ี ี เป็นท่ปี รกึ ษาหรือเป็นผแู้ นะนาส่งั สอนเราไป ในทางท่ดี ี 2. เป็นคนท่พี ดู กนั ง่าย คอื ไมด่ ือ้ รนั้ เป็นประพฤติดมี วี นิ ยั คอื ดาเนินชวี ติ โดยสจุ รติ ทง้ั ทางกาย ทางวาจา มวี ินยั และ ประกอบอาชีพสจุ รติ (สมั มาชีพ) 3. ไดศ้ กึ ษาสดบั ตรบั ฟังมาก คือศกึ ษาเล่าเรยี นสดบั ตรบั ฟังมาก โดยศกึ ษาวิชาการใหม้ ีความรูค้ วามชานาญอยา่ ง แทจ้ รงิ มีความรูแ้ จง้ ชดั เจน และสามารถนาความรู้
4. คนกระดา้ งกระเดือ่ ง รูจ้ กั รบั ฟังเหตผุ ล ยอมรบั ความคิดเหน็ ของคนอื่น และยอมรบั ขอ้ เสนอแนะพรอ้ มท่จี ะ ปรบั ปรุงตนเอง 5. ขวนขวายกจิ ของหมู่ คือเอาใจใสช่ ่วยเหลอื ธรุ ะหรอื กจิ การงานของหม่คู ณะ ญาติ เพ่อื นฝงู และภายในชมุ ชนของ ตนเอง รูใ้ จใชป้ ัญญาไตรต่ รองหาวธิ ีดาเนินงานท่เี หมาะสม 6. เป็นผใู้ ฝ่ในธรรม คือ ศกึ ษาธรรม หรือชอบศกึ ษาหาความรู้ รูจ้ กั พดู รูจ้ กั ฟัง สรา้ งความรูส้ กึ สนิทสนม ทาตวั เป็นท่ี รกั ใครข่ องบคุ คลอืน่ 7. มคี วามขยนั หม่นั เพยี ร คอื มีความมมุ านะบากบ่นั ขยนั เรียนขยนั ทากจิ การงาน ไมย่ อ่ ทอ้ รกั ความกา้ วหนา้ พยายามหลีกเลี่ยงจากความช่วั 8. มีความพอดี คือ มีความยนิ ดี มคี วามพงึ พอใจในสงิ่ ท่คี วรไดแ้ ละไม่ควรได้ รูจ้ กั ความพอดีไม่ละโมบโลภมาก 9มีสตมิ ่นั คง คอื รูส้ กึ ตนเองอยตู่ ลอดเวลา ระลกึ อยเู่ สมอในสง่ิ ท่กี ระทา สง่ิ ท่คี ดิ มคี วามสขุ มุ รอบคอบ ไมป่ ระมาท เลนิ เลอ่ ไมเ่ ลือ่ นลอย 10.มีปัญญาอย่เู หนืออารมณ์ คือ มีปัญญาหย่งั รูเ้ หตผุ ล รูด้ ีรูช้ ่วั รูค้ ณุ รูโ้ ทษ รูส้ ิ่งท่เี ป็นประโยชนแ์ ละไมเ่ ป็น ประโยชน์ มองส่งิ ทงั้ หลายตามความเป็นจรงิ พระพทุ ธศาสนาเป็นศาสตรแ์ ห่งการศกึ ษา ความหมายของคาวา่ การศกึ ษา คาวา่ “การศกึ ษา” มาจากคาวา่ “สิกขา” โดยท่วั ไปหมายถงึ “กระบวนการเรยี น “ “การฝึกอบรม” “การคน้ ควา้ ” “การพฒั นาการ” และ “การรูแ้ จง้ เห็นจรงิ ใน สงิ่ ทงั้ ปวง” จะเห็นไดว้ า่ การศกึ ษาในพระพทุ ธศาสนามี
หลายระดบั ตงั้ แตร่ ะดบั ต่าสดุ ถึงระดบั สงู สดุ เม่ือแบง่ ระดบั อย่างกวา้ ง ๆ มี 2 ประการคอื 1. การศกึ ษาระดบั โลกิยะ มีความมงุ่ หมายเพ่อื ดารงชีวติ ในทางโลก 2. การศกึ ษาระดบั โลกตุ ระ มีความมงุ่ หมายเพ่อื ดารงชีวิตเหนือกระแสโลก ดงั นนั้ หลกั ในการศกึ ษาของพระพทุ ธศาสนา นนั้ จะมี ลาดบั ขนั้ ตอนการศกึ ษา โดยเร่มิ จาก สลี สิกขา ตอ่ ดว้ ยจิต ตสิกขาและขนั้ ตอนสดุ ทา้ ยคือ ปัญญาสกิ ขา ซง่ึ ขนั้ ตอน การศกึ ษาทงั้ 3 นี้ รวมเรยี กวา่ \"ไตรสกิ ขา\" ซง่ึ มีความหมาย ดงั นี้ 1. สลี สิกขา การฝึกศกึ ษาในดา้ นความ ประพฤติทางกาย วาจา และอาชีพ ใหม้ ีชีวิตสจุ รติ และ เกือ้ กลู 2. จิตตสิกขา การฝึกศกึ ษาดา้ นสมาธิ หรอื พฒั นาจติ ใจใหเ้ จรญิ ไดท้ ่ี
3.ปัญญาสกิ ขา การฝึกศกึ ษาในปัญญา สงู ขนึ้ ไป ใหร้ ูค้ ิดเขา้ ใจมองเห็นตามเป็นจรงิ หลกั ธรรมคาสอนของพระพทุ ธศาสนา 1 ทิฎฐธมั มิกตั ถะ คอื ประโยชนใ์ นภาคปัจจบุ นั ไดแ้ ก่ หลกั ปฏิบตั ิเพ่ือใหไ้ ดร้ บั ประโยชนใ์ นปัจจบุ นั มี 4 ประการ 1) อฏุ ฐานสมั ปทามคี วามหม่นั ขยนั 2) อารกั ขสมั ปทารกั ษาทรพั ยท์ ่ีหามาได้ 3) กลั ยาณมิตตตาคบเพ่อื นที่ดี 4)สมชีวติ า เลยี้ งชีวิตตามสมควรแกก่ าลงั ทรพั ยท์ ่ีหามาได้
2 สมั ปรายกิ ตั ถะ คือประโยชนใ์ นภาคภายหนา้ หมายถึง ไป ไดแ้ ก่ สามารถหวงั ความเจรญิ ในอนาคตหรอื หวงั สคุ ติในชาติตอ่ ไป ได้ 1) สทั ธาสมั ปทามีศรทั ธาท่ีถกู ตอ้ ง 2) สลี สมั ปทา มศี ีลบรสิ ทุ ธิ์ตามภมู ชิ น้ั ของตน 3) คสมั ปทาจา ทาการบรจิ าคอยา่ งสมบรู ณ์ 4)ปัญญาสมั ปทามปี ัญญาเพียบพรอ้ มรูจ้ กั บาปบญุ คณุ โทษ 3 ปรมตั ถะ ประโยชนอ์ ยา่ งย่งิ คอื นิพพาน ย่อมไดร้ บั ผลตามสมควรแกก่ ารปฏิบตั ิ หลกั คาสอนของพระพทุ ธศาสนาท่ีมงุ่ ความสขุ แก่บคุ คล ความสขุ มี 2 ประเภทคอื โลกิยสขุ ความสขุ ท่ีเก่ยี วขอ้ งกบั โลก และโลกตุ ตรสขุ ความสขุ เหนือโลก
โลกิยสขุ สาหรบั ความสขุ ของคฤหสั ถม์ ี 4 ประการคือ 1) สขุ เกิดจาก ความมที รพั ย์ 2) สขุ เกิดจากการจา่ ยบรโิ ภค 3) สขุ เกิดจากความไม่ตอ้ งเป็นหนี้ 4) สขุ เกิดจากการประกอบการงานท่ปี ราศจากโทษ โลกตุ ตรสขุ ความสขุ ของพระอรยิ บคุ คลผพู้ น้ กิเลสขอ้ ความบางสว่ น หรอื สนิ้ เชงิ เป็นความสขุ อยา่ งย่งิ
วดิ โี อประกอบการเรยี น
Search
Read the Text Version
- 1 - 9
Pages: