หน่วยที่ 4 เรื่องเทคโนโลยบี ลอ็ คเชน เสนอ อาจารย์ นราภรณ์ บวั นุช จดั ทาโดย นางสาว ปฏิมากร คงคาสุริฉาย ปวส 1/1 เลขที่30 รายงานเล่มน้ีเป็นส่วนหน่ึงของวชิ า เทคโนโลยดี ิจิทลั เพือ่ การจดั การอาชีพ วทิ ยาลยั เทคโนโลยอี รรถวทิ ยพ์ าณิชยการ
บทนา แนวคิดเทคโนโลยีท่ีใช้ในการทาธุรกรรมโยไม่ตอ้ งผ่านบุคคลที่สาม หรือที่เรียกว่าบล็อกเชน (Block Chain)เป็ นเทคโนโลยีท่ีจะส่งผลกระทบต่อการ เปล่ียนแปลงการทาธุรกรรมต่างๆ ในอนาคตและปัจจุบนั ไดถ้ ูกนามาใชใ้ นประเทศไทยแลว้ แตย่ งั ไม่แพร่หลายมากนกั เน่ืองจาความเขา้ ใจเกี่ยวกบั เทคโนโลยบี ลอ็ ก เชน(Block Chain) ยงั อยใู่ นวงแคบเฉพาะผเู้ ชี่ยวชาญดา้ นเทคโนโลยหี รือหน่วยงานที่มีกลยทุ ธใ์ นการพฒั นาทางดา้ นเทคโนโลยเี ท่าน้นั
ความหมายของเทคโนโลยบี ลอ็ กเชน (Block Chain) เทคโนโลยบี ลอ็ กเชน (BlockChain) คือ ระบบการเกบ็ ขอ้ มูลสาธารณะ ในรูปแบบรายการเดินบญั ชี (Ledger)โดยระบบน้ีไม่ จาเป็ นตอ้ งใชต้ วั กลางในการบริหารจดั การขอ้ มูลเพราะเป็ นการเก็บขอ้ มูลแบบกระจายศูนย์ (Decentralise) ซ่ึงขอ้ มูลท้งั หมดจะถูกทา สาเนาและเก็บบนคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายทุกเคร่ืองหรือที่เรียกกว่า Nodeคาว่าบลอ็ กเชนน้นั มาจากการเรียกขอ้ มูลดิจิทลั ว่า “บลอ็ ค” ซ่ึง ในระบบน้ีจะเกบ็ ในฐานขอ้ มูลโดยยงั คงขอ้ มูลท่ีเกบ็ ไวเ้ ดิมอยแู่ ลว้ เปรียบเสมือนการต่อห่วงวงโซ่เดิม หรือ “เชน” นนั่ เอง ระบบการเกบ็ ขอ้ มูลบนเทคโนโลยีบลอ็ กเชน น้ีสามารถเก็บขอ้ มูลในรูปแบบรายการเดินบญั ชีที่ประกอบดว้ ยรายละเอียดยืนยนั การทา รายการ เช่นวนั ที่ เวลา จานวนเงินซ่ึงผรู้ ับเงินหรือใหเ้ งิน เป็นตน้
ววิ ฒั นาการของเทคโนโลยบี ลอ็ กเชน (Block Chain) การพฒั นาการเทคโนโลยบี ลอ็ กเชน แบ่งออกเป็น 3 ช่วงใหญ่ๆ คือ 1. Block Chain 1.0 คือ เป็นยคุ แรกสาหรับเทคโนโลยบี ลอ็ กเชน ยดุ น้ีเป็นเรื่องราวเก่ียวกบั “เงินตรา” โดยจะเป็นการนาระบบสื่อกลางในการ แลกเปล่ียนรูปแบบดิจิทลั มาใชใ้ นโปรแกรมต่างๆ โดยเนน้ ไปท่ีเร่ืองการเงินเป็นหลกั เช่น การโอนเงิน การโอนเงินประหวา่ งประเทศและระบบการจ่ายเงินใน รูปแบบดิจิทลั เป็นตน้ 2. Block Chain 2.0 คือ เป็นยคุ ที่เรียกวา่ “สญั ญาต่าง ๆ” เทคโนโลยบี ลอ็ คเชนในยคุ น้ีถูกนาไปใชใ้ นระบบที่มีความซบั ซอ้ นมากข้ึนและมากกวา่ ระบบ การโอนเงินท่ีเคยมีมา เช่น หุน้ ตราสารหน้ี ฟิ วเจอร์ เป็นตน้ 3. Block Chain 3.0 คือ เป็นยตุ ท่ีเรียกวา่ “โปรแกรมบลอ็ ตฃคเชน” เน่ืองจากเทคโนโลยบี ลอ็ คเชนไม่ใหถ้ กู จากดั อยใู่ นวงการการเงินเท่าน้นั แต่จะถกู นาไปประยกุ ตใ์ ชก้ บั ธุรกิจหรือหน่วยงานรัฐอ่ืน ๆ เช่น ดา้ นรัฐบาล ดา้ นสุขภาพ กา้ นวิทยาศาสตร์ ดา้ นวรรณกรรม
หลกั การทางานของเทคโนโลยบี ลอ็ กเชน (Block Chain) ฐานขอ้ มูลจะถกู แชร์ใหก้ บั ทุกอุปกรณ์ในเครือขา่ ยบลอ็ กเชน ที่อยใู่ นเครือขา่ ยการทางานของเทคโนโลยบี ลอ็ กเชน จะไม่มี เคร่ืองใดเครื่องหน่ึงเป็นศุนยก์ ลางหรือเครื่องแม่ข่ายซ่ึงการทางานแบบกระจายศนู ยน์ ้ีจะไม่ถกู ควบคุมโยคนเพียงคนเดียว
องคป์ ระกอบของเทคโนโลยบี ลอ็ กเชน (Block Chain) 1. กล่องเกบ็ ขอ้ มลู (Block) ทาหนา้ ที่หระจายไปใหท้ ุกคนท่ีเก่ียวขอ้ งเกบ็ เอาไวโ้ ดยขอ้ มูลเหล่าน้นั ไม่สามารถแกไ้ ขหรือเปล่ียนแปลงได้ 2. ระบบการผกู (Chain)เป็นการนาเอากล่องมาผกู เขา้ กนั โดยการผกู ดว้ ยวิธี Hash 3. การตกลงร่วมกนั (consensus)เป็นการกาหนดขอ้ ตกลงท่ีตอ้ งเห็นร่วมกนั อลั กกอรทึมต่างๆ 4. การตรวจสอบ (Validation) เป็นการยนื ยนั ความถูกตอ้ งเพ่ือใหเ้ กิดความเชื่อมน่ั ร่วมกนั
ประเภทของเทคโนโลยบี ลอ็ กเชน (Block Chain) สามารถแบ่งออกไดเ้ ป็น 3 ประเภท ดงั น้ี 1. แบบเปิ ดสาธารณะ (Public Block Chain) 2. แบบปิ ดสาธารณะ (Private Block Chain) 3. แบบเฉพาะกลุ่ม (Consortium Block Chain)
คุณสมบตั ิของเทคโนโลยบี ลอ็ กเชน (Block Chain) 1. ความถูกตอ้ งเที่ยงตรงของขอ้ มลู 2. ความโปร่งใสในการเขา้ ถึงขอ้ มลู 3. ความสามารถในการทางานไดอ้ ยา่ งต่อเนื่องของระบบ ประโยชน์ของเทคโนโลยบี ลอ็ กเชน (Block Chain) 1. ไม่ตอ้ งมีคนกลางในการทาธุรกรรม 2. ผใู้ ชง้ านสามารถควบคุมดูแลขอ้ มลู ตนเองได้ 3. ขอ้ มลู ในระบบมีคุณภาพสูง 4. ความแขง็ แรงและเช่ือถือไดข้ องระบบบลอ็ ค 5. มีข้นั ตอนท่ีถกู ตอ้ ง 6. มีความโปรงใสและไม่สามารถเปล่ียนแปลงได้ 7. มีความเรียบง่าย 8. มีการสื่อสารขอ้ มูลกนั ไดไ้ ว 9. ลดตน้ ทุนในการส่ือสารหรือส่งผา่ นขอ้ มูลไดเ้ มื่อไม่มีคนกลางในการดูแลรักษา
Thank you
Search
Read the Text Version
- 1 - 9
Pages: