การคานวณภาษีมลู ค่าเพ่ิมการคานวณภาษีมลู คา่ เพ่ิมAcer
การคานวณภาษมี ลู คา่ เพ่ิมการคานวณภาษีมลู ค่าเพมิ่ มีวธิ ีการคานวณดงั นี้ ผปู้ ระกอบการจดทะเบยี นทเ่ี สียภาษีมลู คา่ เพ่มิ ในอตั ราร้อยละ 7 ถอื เปน็ผปู้ ระกอบการจดทะเบียนแบบเตม็ รูป การคานวณภาษมี ูลคา่ เพิ่มทีต่ อ้ งชาระแตล่ ะเดอื นเป็นดังน้ี ตัวอย่าง บริษัท ผุสดี จากัด เป็นบริษัทซื้อสินค้าสาเร็จรูปมาขาย ในเดือนเมษายน 25X9 บริษัทซื้อสินค้า 20,000 บาท และซ้ือวัสดุสานักงานเพ่ือใช้ในกิจการราคา 1,500 บาท บรษิ ัทขายสินค้าได้ในราคา 40,000 บาท ในเดือนเมษายน 25X9 การคานวณภาษมี ูลค่าเพิ่มจะเป็นดงั นี้กรณกี ารซื้อและการขายเกิดในเดือนเดียวกัน วธิ ีคานวณภาษีภาษที ต่ี ้อง = ภาษขี าย – ภาษซี อ้ืชาระภาษีขาย = 40,000×7% = 2,800 บาท =ภาษีซอ้ื = (20,000×7%) + (1,500×7%) = = 1,400 + 105 1,505 บาท 1,295 บาทภาษที ี่ตอ้ ง = 2,800 – 1,505ชาระ
จากการคานวณภาษีมลู ค่าเพิม่ ภาษีขายมากกว่าภาษซี ือ้ ดังน้ันผู้ประกอบการต้องเสียภาษมี ูลค่าเพิม่ ซึ่งเป็นของเดือนเมษายน 25X9 จานวน 1,295 บาท ภายในวันท่ี15 พฤษภาคม 25X9 ให้แก่กรมสรรพากร กรณีการซอ้ื และการขายเกิดขึ้นคนละเดอื น สมมตวิ ่าบริษทั ผุสดี จากดั ขายสนิ ค้าได้ในเดือนพฤษภาคม 25X9วธิ กี ารคานวณภาษีของเดอื นเมษายน 25X9 (เดอื นที่ซอื้ )ภาษที ี่ตอ้ ง = ภาษีขาย – ภาษีซอื้ =0 บาทชาระ =0ภาษีขาย = (20,000×7%) + (1,500×7%) = 1,505 บาทภาษซี อ้ื = 1,400 + 105 -ภาษีทต่ี ้อง = 0 – 1,505 = 1,505 บาทชาระจากการคานวณภาษีมูลค่าเพม่ิ ภาษีซอ้ื มากกว่าภาษขี าย ดงั นน้ั สามารถขอคืนภายในวนั ท่ี 15 พฤษภาคม 25X9 หรอื ขอเครดิตภาษเี พ่ือนาเงินจานวนน้ีไปเสียภาษมี ูลคา่ เพิ่มของเดือนพฤษภาคม 25X9 ก็ได้วิธีคานวณภาษขี องเดือนพฤษภาคม 25X9 (เดอื นท่ีขาย)ภาษที ต่ี ้อง = ภาษีขาย – ภาษีซ้อื = 2,800 บาทชาระ = 40,000×7% = 2,800 บาท =0ภาษีขาย = 2,800 – 0ภาษซี ้อืภาษที ีต่ อ้ งชาระ
จากการคานวณภาษีในเดือนพฤษภาคม 25X9 ผูป้ ระกอบการไมไ่ ดจ้ ่ายภาษซี ื้อดงั นั้นจงึ ต้องชาระภาษีมลู คา่ เพ่ิม 2,800 บาท ภายในวันท่ี 15 มถิ ุนายน 25X9 ภาษีมูลค่าเพ่ิมของผู้ประกอบการจดทะเบียนในอัตราร้อยละ 7 จะไม่ถือเป็นค่าใช้จ่าย เพราะภาษีที่ผู้ประกอบการจ่ายไปเป็นภาษีซ้ือซ่ึงสามารถขอคืนได้ทั้งหมด โดยนาไปหักจากภาษีขายที่ผู้ประกอบการมีหน้าท่ีนาส่งกรมสรรพากร ภาษีมูลค่าเพิ่มน้ีเป็นภาระของผู้บริโภคไม่ใช่ของผู้ประกอบการ ดังน้ันภาษีมูลค่าเพิ่มจึงไม่ถือเป็นค่าใช้จ่ายท่ีรวมอยู่ในต้นทุนของสินค้าหรือบรกิ าร หรอื ค่าใชจ้ า่ ย
Search
Read the Text Version
- 1 - 4
Pages: