สรปุ ประเดน็ สาคญั พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนญู ว่าดว้ ยคณะกรรมการการเลือกตง้ั พ.ศ. ๒๕๖๐ ท่ีเครือข่ายประชาชนของ สนง.กกต. ควรทราบ และช่วยเผยแพร่ …………………………………. ความรู้ท่ีเก่ียวกบั คณะกรรมการการเลือกตง้ั (กกต.) ๑. กกต. ประกอบด้วย กรรมการ ๗ คน พระมหากษตั รยิ ท์ รงแต่งตงั้ ตามคาแนะนาของวฒุ สิ ภา จากบุคคล ดังน้ี ๑) จานวน ๕ คน ได้รับการสรรหาจากคณะกรรมการสรรหา จากบุคคลผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญ ในสาขาวชิ าการตา่ งๆ ทีย่ ังประโยชนแ์ ก่การบริหารและจัดการการเลือกตั้งให้เปน็ ไปโดยสุจรติ และเทีย่ งธรรม ๒) จานวน ๒ คน คดั เลอื กจากท่ีประชุมใหญ่ศาลฎกี า จากผู้มีความรู้ ความเช่ียวชาญ และประสบการณ์ ดา้ นกฎหมาย และเคยตารงตาแหน่งไม่ต่ากว่าอธิบดีผู้พิพากษา หรือตาแหน่งไม่ต่ากว่าอธิบดีอัยการมาแล้วเป็นเวลา ไมน่ อ้ ยกว่า ๕ ปี ๒. คณะกรรมการสรรหา กกต. ประกอบดว้ ย ๑) ประธานศาลฎีกา เป็นประธานกรรมการ ๒) ประธานสภาผ้แู ทนราษฎร และผนู้ าฝาุ ยคา้ นในสภาผ้แู ทนราษฎร เปน็ กรรมการ ๓) ประธานศาลปกครองสงู สุด เปน็ กรรมการ ๔) บุคคลซึ่งศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระท่ีมิใช่คณะกรรมการการเลือกต้ัง แต่งต้ังจากผู้มีคุณสมบัติ ตามทก่ี ฎหมายกาหนด องค์กรละ ๑ คน ๕) ให้เลขาธิการวุฒิสภาเป็นเลขานุการของคณะกรรมการสรรหา และให้สานักงานเลขาธิการวุฒิสภาปฏิบัติ หนา้ ทเี่ ปน็ หนว่ ยธรุ การของคณะกรรมการสรรหา ๓. วาระการดารงตาแหน่งของ กกต. มีวาระ ๗ ปี นับแตว่ ันท่ีพระมหากษตั รยิ ์ทรงแต่งตั้ง และให้ดารงตาแหนง่ ไดเ้ พียงวาระเดียว ๔. กรณีการพ้นจากตาแหน่ง และการสรรหา กกต. ใหม่ ๑) กรณีพ้นจากตาแหน่ง เมอ่ื (๑) ตาย (๒) ลาออก (๓) ขาดคุณสมบัติ หรือมลี ักษณะต้องห้ามตามที่กฎหมายกาหนด เม่ือประธาน กกต. พ้นจากตาแหน่ง ให้พน้ จากตาแหนง่ กกต. ด้วย ในระหว่างท่ี กกต. พ้นจากตาแหน่ง และยังไม่แต่งตั้ง กกต. แทนตาแหน่งท่ีว่างให้ กกต. เท่าท่ีเหลืออยู่ ปฏบิ ัตหิ น้าทตี่ ่อไป แตถ่ า้ เหลอื อย่ไู ม่ถึง ๔ คน ให้กระทาไดแ้ ต่เฉพาะการที่จาเปน็ อันไม่อาจหลีกเลยี่ งได้ ๒) การสรรหา กกต. ใหม่ กรณีพ้นจากตาแหน่งตามวาระ ให้ดาเนินการสรรหาหรือคัดเลือก กกต. ใหม่ ภายใน ๑๒๐ วัน ก่อนวัน ครบวาระ
-๒- กรณพี ้นจากตาแหนง่ ดว้ ยเหตุอื่น ให้ดาเนินการสรรหาหรือคัดเลือก กกต. ใหม่ ภายใน ๙๐ วัน นับแต่วันท่ี ตาแหนง่ วา่ ง ๕. องค์ประชุม ของ กกต. - การประชมุ ตอ้ งมี กกต. มาประชมุ ไมน่ อ้ ยกว่า ๕ คน จึงจะเปน็ องค์ประชุม - การลงมติในการประชุม กกต. ให้ใช้คะแนนเสียงข้างมาก โดยประธาน กกต. และ กกต. ที่มาประชุม ตอ้ งลงคะแนนเสียงเพื่อมมี ติ ถ้าคะแนนเสียงเทา่ กัน ให้ประธานในท่ปี ระชุมมีสิทธิออกเสียงเพ่ิมอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียง ชขี้ าด ๖. การลงมติของ กกต. กกต. ทกุ คน ตอ้ งลงมติในเร่ืองดงั ต่อไปนี้ การงดออกเสียงหรือการออกเสียงท่ีแตกต่างจากประเด็นที่จะต้อง ลงมตจิ ะกระทามิได้ ๑) การวินจิ ฉยั ว่าการเลอื กต้ังใดมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเทย่ี งธรรม หรือเปน็ ไปโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ๒) การใหค้ วามเห็นชอบคาวินจิ ฉัยของ กกต. ๓) การแต่งต้งั ผตู้ รวจการเลอื กตั้งประจาจังหวดั ๔) การสั่งระงับการดาเนินการอันจะทาให้การเลือกต้ังมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเท่ียงธรรม หรือเป็นไปโดย มิชอบดว้ ยกฎหมาย ๕) การส่ังระงบั สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง (ใบสม้ ) ๖) การยื่นคาร้องต่อศาลฎีกาเพ่ือสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกต้ัง (ใบดา) หรือเพิกถอนสิทธิเลือกต้ัง (ใบแดง) ของผู้สมัครรับเลือกตั้งตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกต้ัง ส.ส. หรือกฎหมายประกอบ รฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยการไดม้ าซึง่ ส.ว. ๗) การส่ังให้คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองพ้นจากตาแหน่งทั้งคณะ และการวินิจฉัยว่าผู้สมัคร รับเลือกต้ังผู้ใดรับเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นเพ่ือประโยชน์ในการดาเนินกิจกรรมทางการเมือง ตามกฎหมาย ประกอบรฐั ธรรมนูญว่าดว้ ยพรรคการเมอื ง ๘) เรอ่ื งอ่ืนใดท่ี กกต. มีมติกาหนดดว้ ยคะแนนสองในสามของ กกต. ท้ังหมดเท่าท่ีมีอยู่ แตไ่ มเ่ ป็นการตัดสทิ ธิท่ีจะลาออกจาก กกต. ก่อนมีการลงมติ ๗. การปฏบิ ัติในการลงมติ กกต. ๑) ให้ กกต. ลงมติเป็นหนังสอื ตามแบบท่ี กกต. กาหนด และให้เลขาธิการ กกต. เกบ็ รวบรวมไว้เปน็ หลักฐาน ๒) กรณีมีมติแล้ว ให้ดาเนินการต่อไป โดยไม่ต้องรอรับรองรายงานการประชุม และในกรณีท่ีต้องทา คาวินิจฉัย เม่ือ กกต. ให้ความเห็นชอบร่างคาวินิจฉัยแล้ว และประธาน กกต. หรือผู้ทาหน้าท่ีแทนประธาน กกต. ได้ลงนามในคาวินิจฉัยนัน้ แลว้ ให้ถือวา่ เป็นคาวินจิ ฉยั ของ กกต. ๓) กกต. จะมอบหมายให้ กรรมการคนหนง่ึ หรือหลายคนเป็นผพู้ จิ ารณาให้ความเห็นชอบแทน กกต. ก็ได้ ๔) คาวินจิ ฉยั ใหเ้ ผยแพร่ใหป้ ระชาชนทราบเปน็ การท่วั ไป
-๓- ๕) กรณี กกต. พ้นจากตาแหน่งหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ท้ังคณะก่อนลงนามในคาวินิจฉัยให้เลขาธิการ กกต. บนั ทึกเหตุดงั กล่าวไว้ในคาวินิจฉัยและให้เลขาธิการ กกต. เป็นผู้ลงนามในคาวินิจฉัยนั้นแทน และให้เป็นอันใช้ บังคบั ได้ ๘. การปฏบิ ตั หิ น้าท่ขี อง กกต. ๑) ปฏิบัติหนา้ ทเ่ี ต็มเวลา การปฏบิ ัตหิ น้าท่แี ละการใชอ้ านาจต้องเป็นไปโดยสจุ รติ เที่ยงธรรม กล้าหาญ และ ปราศจากอคตทิ ัง้ ปวงในการใช้ดลุ พนิ ิจ และปฏบิ ัติตนใหถ้ กู ต้องตามมาตรฐานทางจริยธรรม ๒) จะเข้ารับการศึกษาหรืออบรมในหลักสูตรหรือโครงการใด ๆ มิได้ เว้นแต่เป็นหลักสูตรหรือโครงการที่ กกต. เป็นผูจ้ ัดขน้ึ โดยเฉพาะสาหรับ กกต. ๙. อานาจ กกต. เพิ่มเตมิ จาก รธน. ๑) หน้าทีแ่ ละอานาจทก่ี าหนดไวใ้ น พ.ร.ป. กกต. และกฎหมายอนื่ ๒) ออกข้อกาหนด ระเบียบ หรือประกาศตาม พ.ร.ป. กกต. และกฎหมายอน่ื ๓) วินิจฉัยชข้ี าดปัญหาหรือขอ้ โต้แยง้ เกยี่ วกับขอ้ กาหนด ระเบยี บ หรอื ประกาศของ กกต. ๔) วางระเบียบการปฏิบัติหน้าที่ของสานักงาน ข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐ หรือ เจา้ หน้าที่อน่ื ของรฐั เกี่ยวกบั การเลือกต้งั การสบื สวนและไตส่ วน ๕) ส่งเสริม สนับสนุน ให้หน่วยงานของรัฐ สถาบันการศึกษา และองค์กรเอกชน ในการสร้างความรู้ ความ เข้าใจทีถ่ ูกตอ้ งให้แก่ประชาชนเก่ยี วกับ (๑) การปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษตั ริยท์ รงเป็นประมุข (๒) การมีส่วนรว่ มทางการเมอื งของประชาชน (๓) ใหป้ ระชาชนมีสว่ นร่วมในการตรวจสอบการเลอื กตัง้ (๔) ความรทู้ ถี่ กู ตอ้ งเก่ยี วกบั รฐั ธรรมนูญ ๖) วางระเบยี บเกย่ี วกับการชาระคา่ เสียหายและคา่ ใช้จ่ายสาหรับการจัดการเลอื กต้ัง ๗) กากบั และติดตามการใชจ้ ่ายเงนิ อุดหนุนที่พรรคการเมืองไดร้ ับการจดั สรร ๘) รายงานผลการปฏิบัตปิ ระจาปีและข้อสงั เกตตอ่ รฐั สภา และเผยแพร่ให้ประชาชนทราบทวั่ กัน ๙) จัดให้มีการศึกษา วิเคราะห์ หรือวิจัย เพื่อกาหนดวิธีการหรือมาตรการให้การเลือกต้ังเป็นไปโดยสุจริต และเทยี่ งธรรม หรอื เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย ๑๐) ออกระเบียบ กาหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการเปิดเผยข้อมูลเก่ียวกับการปฏิบัติหน้าที่ของ คณะกรรมการและสานักงาน นอกจากน้ี กกต. มีหน้าที่และอานาจที่จะต้องดาเนินการสอดส่อง สืบสวน หรือไต่สวนเพ่ือปูองกันและขจัด การกระทาหรอื การงดเว้นการกระทาใดอนั จะก่อใหเ้ กิดความไม่สจุ รติ หรอื ไม่เท่ียงธรรมในการเลือกตั้งได้ ไม่ว่าจะเป็น เวลาในระหวา่ งประกาศใช้พระราชกฤษฎกี าใหม้ ีการเลือกตั้งหรือไม่ก็ตาม
-๔- ๑๐. การบูรณาการการทางานร่วมกับองค์กรอิสระอนื่ ๑) หาก กกต. เหน็ ว่ามีผกู้ ระทาการอันไมช่ อบด้วยกฎหมาย อนั อยใู่ นหนา้ ทแี่ ละอานาจขององค์กรอสิ ระอืน่ ให้ กกต. มีหนงั สือแจ้งองคก์ รอสิ ระท่ีเกย่ี วข้องเพอื่ ดาเนินการตามหน้าทแ่ี ละอานาจตอ่ ไปโดยไมช่ ักช้า ๒) กรณี กกต. เหน็ วา่ การกระทาท่ีทาให้การเลือกตงั้ มิไดเ้ ป็นไปโดยสจุ รติ หรอื เท่ยี งธรรม หรือมชิ อบด้วย กฎหมาย อาจเข้าลักษณะเป็นการกระทาความผิดที่อยู่ในหน้าที่และอานาจขององค์กรอิสระอื่นด้วย ให้ กกต. ปรกึ ษาหารือร่วมกับองค์กรอสิ ระอื่นท่ีเก่ียวข้องเพ่ือกาหนดแนวทางในการดาเนินงานร่วมกันเพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ ของแต่ละองค์กรมีประสิทธิภาพและไมซ่ ้าซ้อนกัน ๓) ให้ประธาน กกต. มีอานาจเชิญประธานองค์กรอสิ ระอืน่ มาร่วมประชุมเพ่ือหารอื และกาหนดแนวทาง ร่วมกนั ได้ และให้องคก์ รอสิ ระทุกองค์กรปฏบิ ัติตามแนวทางดงั กลา่ ว ๑๑. หลกั การเกี่ยวกับการจัดสง่ เอกสาร ๑) การแจ้ง ย่ืน หรือส่งหนังสือหรือเอกสารให้บุคคล ณ ภูมิลาเนาหรือท่ีอยู่ที่ปรากฏตามหลักฐานทาง ทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร และในกรณีท่ี พ.ร.ป.กกต. กาหนดให้ประกาศ หรือเผยแพร่ ให้ประชาชนทราบท่ัวไป ให้ถือว่าการประกาศหรือเผยแพร่ในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือวิธีอื่นที่ประชาชน เขา้ ถึงได้สะดวก ให้ถอื ว่าดาเนนิ การโดยชอบด้วย พ.ร.ป.กกต. แลว้ ๒) กกต. หรือเลขาธิการ กกต. จะกาหนดหรือมีคาสั่งเรื่องใด ให้กาหนดเป็น ประกาศ ระเบียบ หรือคาส่ัง แลว้ แตก่ รณี แต่ถา้ ใชบ้ งั คบั แกบ่ ุคคลท่ัวไป ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา หากมีการกาหนดขั้นตอนดาเนินงานไว้ กกต. หรือ เลขาธิการ กกต. ต้องกาหนดระยะเวลาการดาเนินงานในแต่ละข้ันตอนให้ชัดเจนดว้ ย ๓) ให้สานักงานมีหน้าที่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ท่ีมิได้มีผลเป็นการเปิดเผยถึงตัวบุคคล ผู้ลงคะแนนเลือกต้ังเป็นการเฉพาะและมิได้ถูกห้ามไว้ใน พ.ร.ป.กกต. เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลทางระบบ เทคโนโลยีสารสนเทศได้ ๑๒. การตอบขอ้ หารอื แกพ่ รรคการเมอื งหรือผู้สมคั รรบั เลือกตั้ง ๑) กกต. ตอบข้อหารือแก่พรรคการเมือง หรือผู้สมัครโดยเร็วแต่ต้องไม่ช้ากว่า ๓๐ วัน นับแต่วันได้รับการ สอบถาม ๒) กกต. จะมอบหมายให้ กรรมการคนใดคนหนึ่งหรือเลขาธิการ กกต. เป็นผู้ตอบแทนก็ได้ เม่ือตอบแล้ว ให้เผยแพรใ่ ห้ประชาชนทราบเปน็ การทั่วไป ๓) หากตอบข้อซักถามไม่ทันภายในเวลาที่กาหนด ให้ถือว่าเป็นการจงใจฝุาฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐาน ทางจริยธรรม ๑๓. อานาจของ กกต. ในการปฏิบัติตาม พ.ร.ป. กกต. มดี ังตอ่ ไปนี้ ๑) ให้หน่วยงานของรัฐมีหนังสือช้ีแจงข้อเท็จจริง หรือให้ความเห็น หรือส่งเอกสารหลักฐาน หรือ พยานหลักฐานอืน่ ท่ีเกี่ยวขอ้ งเพื่อประกอบการพิจารณา
-๕- ๒) ให้เจ้าหน้าท่ีหน่วยงานของรัฐ พนักงานอัยการ พนักงานสอบสวน หรือบุคคลใด มีหนังสือช้ีแจง ข้อเท็จจริง หรือมาให้ถ้อยคา หรือส่งเอกสารหลักฐาน หรือพยานหลักฐานภายในระยะเวลาที่กาหนดเพื่อ ประกอบการพิจารณา ๓) ขอความรว่ มมอื ใหศ้ าลส่งเอกสาร หลักฐาน หรอื พยานหลกั ฐานอ่ืนท่ีเกี่ยวขอ้ งเพ่ือประกอบการพจิ ารณา ๔) เข้าไปหรือแต่งตั้งให้บุคคลเข้าไปในท่ีเลือกตั้ง ที่ออกเสียงประชามติ หรือสถานท่ีนับคะแนนเลือกต้ัง หรือนบั คะแนนการออกเสยี งประชามติ ๑๔. หนา้ ทีแ่ ละอานาจของ กกต. แต่ละคน มดี ังต่อไปนี้ ๑) กากับและตรวจสอบการดาเนนิ การท่ีเก่ียวกับการเลือกตั้งให้เป็นไปโดยสุจริตและเท่ียงธรรม และเป็นไป โดยชอบด้วยกฎหมาย ๒) มีคาสั่งให้ดาเนินการสืบสวนหรือไต่สวนเม่ือพบเห็นการกระทาใดที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าการเลือกตั้ง มไิ ดเ้ ป็นไปโดยสุจริตหรือเทีย่ งธรรม หรือเปน็ ไปโดยมชิ อบด้วยกฎหมาย ๓) เมือ่ พบการกระทาหรือการงดเวน้ การกระทาอันเป็นเหตใุ หก้ ารเลือกตั้งไม่สจุ ริตหรอื เท่ียงธรรม ถ้าการน้ัน เป็นเจา้ หน้าท่ขี องรัฐกระทา ให้มอี านาจสัง่ ให้ระงับ ยบั ยงั้ แก้ไขเปลี่ยนแปลง หรือส่ังให้กระทาการอย่างใดอย่างหน่ึง ตามทเี่ หน็ สมควร กรณีไม่ใช่เจ้าหน้าท่ีของรัฐ ให้มีอานาจส่ังให้เจ้าพนักงานฝุายปกครองหรือตารวจและเจ้าพนักงานฝุาย ปกครองหรือตารวจชั้นผูใ้ หญด่ าเนินการตามหน้าท่แี ละอานาจ หรอื ส่ังให้ ผอ.กต.จว.บนั ทกึ พฤติกรรมและรวบรวมพยานหลักฐานไว้เพ่อื ดาเนินการต่อไปได้ตามที่จาเป็น หรือกรณีจาเป็นอันไม่อาจหลีกเล่ียงได้ จะส่ังให้ระงับหรือยับยั้งการดาเนินการเลือกตั้งในหน่วยเลือกต้ังบางหน่วย หรอื ทุกหนว่ ยในเขตเลอื กตั้งทพ่ี บเห็นการกระทาหรอื การงดเว้นการกระทานน้ั ก็ได้ ให้ถือว่าการดาเนินการตามคาส่ังดังกล่าวของ ผอ.กต.จว. เป็นการดาเนินการสอบสวนของพนักงาน สอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาอาญา ในกรณีทผ่ี ลการสืบสวนหรอื ไตส่ วนจะต้องมีคาส่ังระงบั สทิ ธิสมคั รรบั เลือกตงั้ ของผสู้ มัครผ้ใู ดไวเ้ ปน็ การ ชวั่ คราว หรอื ดาเนนิ การอ่ืนใด ให้เสนอต่อ กกต. เพอื่ วินิจฉัย ๑๕. อานาจในการจัดการเลอื กตั้ง ๑) ใหเ้ ป็นหนา้ ที่และอานาจของ กกต. ในการจัดการเลอื กตั้ง ส.ส. ส.ว. หรือการออกเสยี งประชามติ ๒) กรณีการเลือกต้ังท้องถ่ิน ให้ กกต. มีหน้าท่ีดาเนินการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือหน่วยงาน ของรัฐเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดการเลือกต้ัง ภายใต้การควบคุม ดูแลของ กกต. และให้มีอานาจแต่งต้ังบุคคลหรือ คณะบุคคลซ่ึงรับผิดชอบในการจัดการเลือกต้ัง แต่งต้ังเจ้าหน้าท่ีผู้ปฏิบัติงาน และกาหนดหลักเกณฑ์และวิธีการ ปฏิบตั งิ านในการเลอื กต้ัง
-๖- ๑๖. กกต. มอี านาจใหด้ าเนินการ ดงั ตอ่ ไปน้ี ๑) ให้ สตง. หรือผู้ตรวจสอบบญั ชรี บั อนุญาต สอบบญั ชขี องพรรคการเมืองอย่างเร่งด่วนในช่วงเลอื กตง้ั ๒) ให้ ปปง. รายงานธุรกรรมของพรรคการเมือง ผู้ดารงตาแหน่งในพรรคการเมือง หรือผู้สมัคร หรือให้ ธนาคารแห่งประเทศไทย สถาบันการเงินแจ้งใหท้ ราบถงึ การโอนหรอื การเบกิ จา่ ยเงนิ เม่อื ปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อ หรือมีเหตุอนั ควรสงสัยว่าการกระทาความผิดหรอื ฝุาฝืนกฎหมายเกีย่ วกบั การเลอื กต้ังและพรรคการเมืองตามท่ี กกต. รอ้ งขอ และตอ้ งภายในระยะเวลาท่ี กกต.กาหนด ๓) ให้หน่วยงานของรัฐทุกหน่วยท่ีเก่ียวกับการข่าว แจ้งเบาะแสตามที่ กกต. ร้องขอ แต่ กกต. จะเปิดเผย ข้อมูลและแหล่งข้อมูลมิได้ และให้มีอานาจจัดสรรเงินงบประมาณให้แก่หน่วยงานนั้นเป็นเงินอุดหนุนทั่วไปของ หน่วยงานนั้นได้ ๑๗. อานาจส่ังบคุ คลระงบั ธุรกรรมทางการเงนิ ชั่วคราว กกต. มีอานาจสั่งบุคคลระงับธุรกรรมทางการเงินที่อาจใช้เงินในทางผิดกฎหมายเลือกตั้ง หรือการผลิตหรือ เตรียมผลติ วสั ดอุ ปุ กรณ์ท่อี าจใช้ในการจัดการเลือกต้งั โดยไม่มอี านาจ ไวเ้ ปน็ การชวั่ คราวไม่เกนิ ๖๐ วัน บคุ คลมีสทิ ธริ อ้ งขอต่อศาลปกครองสงู สดุ เพ่ือใหเ้ พิกถอนคาสั่งของ กกต. ได้ ๑๘. อานาจสัง่ หนว่ ยงานของรฐั ๑) ให้เปน็ หน้าทีข่ องหนว่ ยงานของรัฐที่จะต้องดาเนินการช่วยเหลือและสนับสนุนการปฏิบัติหน้าท่ีของ กกต. ๒) กกต. มีอานาจสั่งหรอื แตง่ ต้งั ขา้ ราชการ พนักงานหรอื ลูกจา้ งหนว่ ยงานของรัฐปฏิบตั ิอนั จาเปน็ เกีย่ วกบั การเลือกตั้ง ๓) ข้าราชการ พนักงานหรือลูกจ้างท่ีไม่ปฏิบัติตามคาส่ังของ กกต. ให้ถือว่ากระทาความผิดทางวินัยและให้ ดาเนินคดีอาญาดว้ ย ถา้ เกดิ ความเสียหาย ใหถ้ ือวา่ เป็นความผิดวนิ ยั รา้ ยแรง ๑๙. อานาจแตง่ ต้งั ผู้สงั เกตการณ์เลือกตัง้ กกต.อาจแต่งตั้งบุคคล กลุ่มบุคคล องค์กรชุมชน หรือสถาบันการศึกษาซ่ึงสมัครใจปฏิบัติหน้าท่ีเป็น ผู้ช่วยเหลือการปฏิบัตงิ านหรือเปน็ ผสู้ ังเกตการณ์ในการเลอื กต้งั เพื่อรายงานต่อ กกต. ความรูเ้ กีย่ วกบั ผูต้ รวจการเลอื กตง้ั ประจาจังหวัด ๒๐. ผ้ตู รวจการเลอื กตงั้ ประจาจงั หวัด ระหว่าง มี พ.ร.ฎ. ให้มีการเลือกต้ัง ส.ส. หรือ ส.ว. จนถึงประกาศผลหรือภายหลังอีกไม่เกิน ๖๐ วัน ให้ กกต. จดั ใหม้ ผี ู้ตรวจการเลอื กต้งั เพื่อปฏิบตั หิ น้าทใ่ี นแตล่ ะจงั หวัด โดยมหี น้าทด่ี ังนี้ ๑) ตรวจสอบการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่ดาเนินการเลือกตั้ง และการกระทาความผิดกฎหมายเกี่ยวกับ การเลือกต้ังและพรรคการเมอื ง ๒) มีอานาจแจ้งเตือนเจ้าหน้าท่ีให้ปฏิบัติหน้าท่ีให้ถูกต้องได้ ถ้าไม่ดาเนินการแก้ไขให้ถูกต้อง ให้รายงาน กกต. ทราบโดยเรว็
-๗- ๓) กกต. อาจมอบหมายหน้าทเี่ พม่ิ เติม กรณเี ลือกตง้ั แทนตาแหน่งที่ว่าง หรือมีการออกเสียงประชามติ หรือ มีการเลือกตั้งท้องถ่นิ ตามที่เห็นสมควรก็ได้ ๒๑. หลกั เกณฑ์การคดั เลือกผตู้ รวจการเลอื กตั้งประจาจงั หวัด ๑) ให้ กกต. คดั เลอื กบุคคลซึ่งมีภูมิลาเนาในแต่ละจังหวัด ๆ ละไม่น้อยกว่า ๕ คน แต่ไม่เกิน ๘ คน เพื่อแต่งตั้ง เป็นผู้ตรวจการเลือกตง้ั ให้ครบทุกจงั หวดั โดยจดั ทาบัญชีรายชือ่ ไว้ไมเ่ กิน ๕ ปี ๒) ประกาศรายชอ่ื ผูไ้ ด้รบั การคัดเลอื กให้ประชาชนทราบเปน็ เวลาไมน่ อ้ ยกวา่ ๑๕ วนั ๓) จังหวัดใดไม่อาจแต่งต้ังบุคคลซึ่งมีภูมิลาเนาในจังหวัดครบตามจานวน กกต. จะไม่แต่งตั้งผู้มีภูมิลาเนา จากจงั หวัดน้นั เลย หรือจะแตง่ ตั้งน้อยกว่าทีก่ าหนดกไ็ ด้ หรอื กกต. จะแต่งตั้งบุคคลซง่ึ มีภูมลิ าเนาจากจังหวัดอื่นแทน ใหค้ รบจานวนก็ได้ ๔) ผ้ตู รวจการตอ้ งไมเ่ ปน็ ข้าราชการซ่งึ มตี าแหน่งหรือเงินเดือนประจา พนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยงานรัฐ หรือกรรมการหรอื ที่ปรกึ ษาของหนว่ ยงานของรัฐ ไม่เป็นสมาชิกพรรคการเมืองในเวลา ๕ ปีก่อนการแต่งต้ัง โดยต้อง มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามท่ีกาหนดไว้สาหรับผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ทั้งต้องไม่เป็นผู้มีบุพการี ค่สู มรส หรอื บตุ รเป็นหรอื สมัครรบั เลอื กตง้ั ทกุ ระดบั ด้วย ๕) ผู้สมัครเข้ารับการคัดเลือกต้องยืนยันในใบสมัครว่ามีความพร้อมท่ีจะไปปฏิบัติหน้าท่ีในจังหวัดใด ๆ ทไ่ี ดร้ ับมอบหมายหรือไดร้ ับการแตง่ ต้งั ๖) ไม่ว่าเวลาใด ๆ ถ้า กกต. มีหลักฐานอันควรเช่ือได้ หรือมีเหตุสงสัยว่าผู้ใดขาดความสุจริต ขาดความ เท่ียงธรรม ประพฤติเสื่อมเสีย ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม ให้ กกต. มีมติให้ผู้น้ันพ้นจากตาแหน่งและ คัดออกจากบัญชีรายชอ่ื ทนั ที ๒๒. หลกั เกณฑ์การแตง่ ตงั้ ผ้ตู รวจการเลือกตั้งประจาจังหวดั กกต. แต่งตั้งจานวนไม่นอ้ ยกว่า ๕ คน แตไ่ ม่เกนิ ๘ คน ใหแ้ ตง่ ตง้ั จากบุคคลซ่ึงกรรมการที่ กกต. มอบหมาย จบั สลากจาก ๑) รายชอ่ื ตามบญั ชีรายชอื่ บุคคลที่มีภูมลิ าเนาในจงั หวัดทจ่ี ะแต่งตั้ง จานวน ๒ คน ๒) รายชือ่ ตามบัญชรี ายชอื่ บคุ คลท่ีมิได้มีภูมิลาเนาในจังหวัดที่จะแต่งตั้งให้ครบตามจานวนท่ีกาหนดสาหรับ จงั หวัดน้ัน กรณีไม่อาจแต่งต้ังตาม ๑) ได้ ไม่ว่าด้วยเหตุใด กกต. จะแต่งตั้งผู้ตรวจการเลือกต้ังประจาจังหวัดตาม ๒) แทนผูต้ รวจการเลอื กตัง้ ประจาจังหวดั ตาม ๑) กไ็ ด้ ให้ กกต. แต่งตั้งให้แล้วเสร็จไม่ช้ากว่า ๑๐ วัน นับแต่วันท่ีมี พ.ร.ฎ. ให้มีการเลือกต้ังมีผลใช้บังคับแต่ต้อง ไมเ่ ร็วกวา่ ๓๐ วันกอ่ นวันที่ พ.ร.ฎ. ใหม้ กี ารเลอื กต้งั มีผลใช้บงั คับ
-๘- ความรู้เก่ียวกับการสืบสวน การไต่สวน และการดาเนนิ คดี ๒๓. อานาจในการการสืบสวน ไต่สวน เมื่อมีเหตุอันควรสงสัยหรือความปรากฏต่อ กกต. ไม่ว่าโดยทางใดไม่ว่าจะมีผู้แจ้งหรือผู้กล่าวหาหรือไม่ ให้ กกต. มีหนา้ ที่ตอ้ งดาเนินการ ๑) สบื สวน ไต่สวน โดยพลนั ๒) กรณี มีหลักฐานอันควรเชื่อว่ามีผู้กระทาตามท่ีมีการสืบสวน ไต่สวน ให้ กกต. สั่งให้ดาเนินคดีโดยเร็ว หรือในกรณีจาเปน็ จะสง่ั ระงบั สิทธสิ มัครรบั เลือกต้งั ของผ้กู ระทาการดงั กล่าวไวเ้ ปน็ การชว่ั คราวก็ได้ ๓) กรณถี า้ ไมม่ มี ูล ให้สั่งยุติเรอื่ ง ๔) หา้ มมใิ หเ้ ปิดเผยข้อมูลผแู้ จ้ง ๕) บคุ คลทีท่ าหนา้ ทสี่ บื สวน ไต่สวนตาม พ.ร.ป. กกต. เปน็ เจ้าพนกั งานตามประมวลกฎหมายอาญา ๒๔. เจา้ พนักงานผู้มอี านาจสบื สวน ไต่สวน ๑) กกต. มอี านาจ แตง่ ต้งั เลขาธิการ กกต. หรือพนักงานของสานกั งานเป็นเจา้ พนกั งานมีอานาจสืบสวนหรือ ไตส่ วน หรือดาเนนิ คดี ไดต้ ามระเบยี บท่ี กกต. กาหนด รวมทัง้ การออกบัตรประจาตวั เจ้าพนักงานที่เกยี่ วขอ้ งด้วย พนักงานของสานักงานที่จะได้รับแต่งต้ังต้องเป็นผู้มีความรู้ความสามารถทางกฎหมาย การสืบสวน การไตส่ วน หรอื การดาเนนิ คดี และผา่ นการฝกึ อบรมหลกั สูตรที่ กกต. กาหนดแลว้ ให้ผู้ได้รับการแต่งต้ังเป็นเจ้าพนักงาน เป็นพนักงานฝุายปกครองหรือตารวจชั้นผู้ใหญ่ ตามประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และให้มีอานาจเช่นเดียวกับพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา แต่ไม่เป็นการตัดอานาจที่ กกต. จะดาเนินการให้พนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการดาเนินการ ไปตามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา ๒) กรณีจาเป็น กกต. จะแต่งต้ังเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานอื่นของรัฐเพ่ือปฏิบัติหน้าที่เฉพาะกาลหรือเฉพาะ เรอ่ื งกไ็ ด้ ๒๕. ขนั้ ตอนการปฏบิ ตั ิงานของเจ้าพนักงาน ๑) ต้องใหโ้ อกาสผู้ถกู กล่าวหาทราบข้อกล่าวหา ขอ้ เท็จจริง และพยานหลักฐานโดยสรปุ ๒) กรณีผ้ถู ูกกล่าวหามีสิทธิท่ีจะให้ถ้อยคาหรือแสดงพยานหลักฐานภายในเวลาท่ีกาหนด และมีสิทธิที่จะให้ ทนายความหรือบุคคลซึ่งไว้วางใจเข้าร่วมฟังการไต่สวนได้ ในกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาไม่มาให้ถ้อยคาหรือแสดง พยานหลักฐานภายในเวลาทีก่ าหนด ให้ กกต. หรือเจ้าพนักงานมีอานาจดาเนนิ การไต่สวนต่อไปได้ ๓) เจ้าพนักงานจะแจ้งโดยวิธีปิดหมาย หรือส่ง ณ ภูมิลาเนาหรือที่อยู่ท่ีปรากฏตามหลักฐานทางทะเบียนตาม กฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร หรือแจ้งทางอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ และเมื่อได้ดาเนินการแล้ว ให้ถือว่าผู้ถูกกว่าวหา ไดร้ บั ทราบข้อกล่าวหาแล้ว ๔) เจา้ พนกั งานอาจจดั ใหม้ กี ารบันทกึ ภาพหรอื เสียงของผู้ถูกกลา่ วหรอื พยานกไ็ ด้
-๙- ๒๖. กรณดี าเนินคดีในศาล ๑) เม่ือมีกรณีทีจ่ ะดาเนินคดอี าญาแกบ่ ุคคลใด ให้ กกต. แจง้ ใหพ้ นักงานอัยการท่มี เี ขตอานาจเพ่ือพิจารณา ดาเนินการต่อไป โดยส่งสานวนการไต่สวนหรือสานวนการสืบสวนให้พนักงานอัยการเพื่อใช้เป็นสานวนในการ ดาเนินคดีโดยถือว่าสานวนการไต่สวนหรือสานวนการสอบสวนของ กกต. เป็นสานวนการสอบสวนของพนักงาน สอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ๒) ถ้าพนักงานอัยการเห็นควรสั่งไม่ฟูอง ให้เสนอเรื่องต่ออัยการสูงสุดเพ่ือวินิจฉัย เม่ืออัยการสูงสุดวินิจฉัย ประการใดให้แจ้งให้ กกต. ทราบ กรณีอัยการสูงสุดส่ังไม่ฟูอง ให้แจ้งเหตุผลให้ กกต. ทราบ และให้ กกต. เผยแพร่ เหตผุ ลดงั กล่าวใหป้ ระชาชนทราบเป็นการทั่วไป ๓) ถ้าการกระทาความผดิ เก่ียวกบั กฎหมายว่าดว้ ยการเลือกต้ังท้องถ่ิน กกต. อาจมอบอานาจให้ผู้ว่าราชการ จังหวัดในจังหวดั ท่ีจดั ให้มีการเลือกตั้งเปน็ ผ้ดู าเนนิ การแทน กกต. ก็ได้ ๔) กรณที จ่ี ะตอ้ งร้องขอต่อศาลฎีกาหรือศาลอุทธรณ์เพื่อสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิ เลือกตั้ง ให้ กกต. มีอานาจยื่นคาร้องต่อศาลฎีกาหรือศาลอุทธรณ์ได้โดยตรง หรือจะมอบหมายให้ กกต. หรือ เจ้าพนักงานเป็นผู้ดาเนินการแทนก็ได้ และให้ศาลฎีกาหรือศาลอุทธรณ์แล้วแต่กรณี นาสานวนการสืบสวนหรือ ไต่สวนของ กกต. มาใช้เปน็ หลักในการพิจารณา ให้ศาลมีอานาจส่ังไต่สวนข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพิ่มเตมิ ได้ ๕) คดีที่ต้องยื่นคาร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้ กกต. หรือผู้ซึ่ง กกต. มอบหมายเป็นผู้มีอานาจในการย่ืน คารอ้ งต่อศาลรฐั ธรรมนูญ ๖) การดาเนนิ คดีแพ่ง คดีอาญา หรือคดปี กครองตาม พ.ร.ป. กกต. ให้ กกต. ไดร้ ับยกเวน้ คา่ ฤชาธรรมเนียมทั้งปวง ๒๗. การคมุ้ ครองพยาน และการใหค้ วามช่วยเหลือผ้ถู ูกฟ้องคดี ๑) ให้ กกต. กาหนดมาตรการคมุ้ ครองพยานมิใหเ้ กดิ อันตราย รวมท้งั มาตรการรักษาความลับให้แก่พยาน ๒) การคมุ้ ครองพยานให้หมายความรวมถงึ ผู้ให้ข้อมูล หรือผู้ช้ีเบาะแสด้วย และให้กระทาได้เมื่อได้รับคาร้องขอ จากบุคคลดังกล่าว ๓) ให้ กกต. มีอานาจให้ความช่วยเหลือในการต่อสู้คดี และให้พนักงานอัยการเข้าแก้ต่าง ในกรณีท่ี กกต. เจ้าหน้าท่ีของสานักงาน ผู้ตรวจการเลือกต้ัง หรืออนุกรรมการรวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่ดาเนินการเลือกตั้ง ผู้ใด ถูกดาเนินคดีไม่ว่าเป็นคดีแพ่ง คดีอาญา หรือคดีปกครองและไม่ว่าจะถูกฟูองในขณะดารงตาแหน่งหรือเม่ือพ้นจาก ตาแหน่งแลว้ และการให้ความชว่ ยเหลอื ค่าฤชาธรรมเนียมและคา่ ทนายความดว้ ย ๒๘. ให้อานาจ กกต. ไมด่ าเนินคดีอาญาแกผ่ ้กู ระทาผิด กกต. อาจจะไม่ดาเนินคดีแก่บุคคลซึ่งมีส่วนเก่ียวข้องในการกระทาผิด หากได้ให้ถ้อยคา หรือแจ้งเบาะแส หรือขอ้ มูลอนั เป็นสาระสาคัญในการที่จะใชเ้ ปน็ พยานหลักฐาน และเม่ือ กกต. มีมติไม่ดาเนินคดีแก่บุคลดังกล่าวแล้ว ใหส้ ทิ ธิในการดาเนนิ คดอี าญาเป็นอนั ระงบั ไป ๒๙. การแสวงหาแหล่งข่าว ๑) ให้ กกต. มีอานาจต้ังงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการแสวงหาข้อมูลข่าวสาร รวมทั้งให้รางวัลแก่ ผูแ้ จ้งเบาะแสได้
-๑๐- ๒) กรณีจาเป็น กกต. จะจัดสรรเงินจากกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองหรือจากเงินรายได้ของ สานักงานมาเพื่อใช้จ่ายในการน้ีตามท่ีเหน็ สมควรกไ็ ด้ ๓๐. กรณมี กี ารใชจ้ ่ายเงินแผ่นดินผดิ ปกติ กรณีท่ี กกต. ได้รับแจ้งจากผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินว่ามีหลักฐานอันควรเช่ือได้ว่าการใช้จ่ายเงินแผ่นดิน มีพฤติการณ์อันอาจทาให้การเลือกต้ังมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเท่ียงธรรม และไม่อยู่ในอานาจผู้ว่าการตรวจเงิน แผ่นดิน ให้ กกต. ดาเนินการสืบสวน ไต่สวน หรือดาเนินคดีโดยพลัน โดยถือว่าเอกสารและหลักฐานท่ีผู้ว่าการ ตรวจเงนิ แผน่ ดินตรวจสอบหรอื จัดทาขน้ึ เป็นส่วนหนึง่ ของสานวนการไตส่ วนหรือสวบสวนของ กกต. ๓๑. อานาจเรียกสานวนจากหนว่ ยงานอน่ื มาดาเนนิ การเอง เม่ือความปรากฏต่อ กกต. ว่าหน่วยงานของรัฐหรือพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องการกระทาความผิดตาม กฎหมายเก่ียวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมืองไว้พิจารณา และ กกต. เห็นว่าเป็นการสมควรท่ี กกต. จะดาเนิน การเองตาม พ.ร.ป. กกต. ให้หน่วยงานของรัฐหรอื พนักงานสอบสวนโอนเรือ่ งหรือส่งสานวนการสอบสวนมาให้ กกต. ภายใน ๗ วันนับแต่วันทีไ่ ด้รับหนงั สอื แจ้งดงั กล่าว ความรู้เกย่ี วกับสานักงานคณะกรรมการการเลอื กตัง้ (สนง.กกต.) ๓๒. สานกั งานมฐี านะเป็นนติ ิบุคคลอยภู่ ายใต้การบังคับบญั ชา กากับดแู ล และรับผดิ ชอบของ กกต. ในการกากับดูแลสานักงาน ให้ กกต. มีอานาจออกระเบียบท่ีเก่ียวข้อง เช่น การจัดแบ่งส่วนงานของ สานักงาน การกาหนดตาแหน่ง อัตราเงินเดือน เงินเพิ่มพิเศษสาหรับตาแหน่ง การคัดเลือก การบรรจุ การแต่งตั้ง การจัดสวสั ดกิ ารหรอื การสงเคราะหอ์ ื่น เปน็ ต้น ขอ้ กาหนดทางจรยิ ธรรม การส่ังย้ายระหว่างถกู สอบสวนทางวินัย ๑) ให้ กกต. ออกข้อกาหนดทางจริยธรรม ถา้ ฝาุ ฝืนหรือไมป่ ฏบิ ัติตามจะตอ้ งได้รบั โทษอยา่ งใด ๒) พนักงานหรือลูกจ้างของสานักงานกระทาการใดโดยไม่สุจริตหรือเอื้อประโยชน์หรือกล่ันแกล้งผู้ใด ให้ กกต. ดาเนนิ การทางวนิ ัยโดยเรว็ และใหย้ ้ายผนู้ ้ันให้พน้ จากตาแหน่งหนา้ ที่หรือจากทอ้ งที่ทันที ๓) ถ้าเป็นเลขาธิการ ให้ กกต. สัง่ ให้หยุดปฏิบัติหน้าท่ไี ปพลางกอ่ น ๓๓. หนา้ ทแ่ี ละอานาจของสานักงาน ๑) รบั ผดิ ชอบงานธุรการ และดาเนนิ การเพื่อให้ กกต. บรรลภุ ารกจิ ๒) อานวยความสะดวก ช่วยเหลือ ส่งเสรมิ และสนบั สนุน การปฏิบัติงานของ กกต. และผตู้ รวจการเลือกตั้ง ๓) ดาเนินการเพอื่ ใหพ้ รรคการเมอื ง เจา้ หน้าทพ่ี รรคการเมอื ง และผสู้ มัครมคี วามรู้เข้าใจระเบยี บ กฎหมาย ๔) งานอืน่ ๆ ตามท่มี กี ฎหมายกาหนดหรือ กกต. มอบหมาย
-๑๑- ๓๔. เลขาธิการ กกต. ๑) ให้มีเลขาธิการ กกต. ๑ คน ที่ประธาน กกต. แต่งต้ังตามมติของ กกต. เป็นผู้บังคับบัญชาพนักงาน ลูกจ้าง รับผิดชอบการปฏิบัติงานของสานักงาน ขึ้นตรงต่อ กกต. และจะกาหนดให้มีรองเลขาธิการเป็นผู้ช่วยสั่ง และปฏิบตั ิงานแทนก็ได้ ๒) ให้เลขาธิการ กกต. ทาหนา้ ที่เป็นเลขานกุ าร ของ กกต. ๓) เลขาธิการ กกต. ต้องเป็นกลางทางการเมือง ไม่เคยเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดในระยะเวลา ๑๐ ปี ก่อนได้รับแต่งตั้ง มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ อายุไม่เกิน ๖๐ ในวันที่ได้รับแต่งตั้ง และมีอายุไม่เกิน ๖๕ ปี ในขณะดารงตาแหนง่ ๔) วาระการดารงตาแหน่งคราวละ ๕ ปีนับแต่วันได้รับแต่งต้ัง และอาจได้รับแต่งตั้งใหม่ได้ แต่ไม่เกิน ๒ วาระตดิ ต่อกัน ๓๕. หนา้ ที่ของเลขาธิการ กกต. ควบคุมดูแลงานการปฏิบัติงานโดยท่ัวไปของสานักงานให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ประกาศ และมติ ของ กกต. และให้มีหน้าที่และอานาจ ดังน้ี ๑) บรรจุ แตง่ ตั้ง ถอดถอน เลือ่ น ลดเงนิ เดือนหรอื ค่าจา้ ง ลงโทษทางวนิ ยั พนกั งานหรือลูกจ้างของสานักงาน ตลอดจนให้พนักงานหรอื ลูกจา้ งของสานักงานออกจากตาแหน่ง ๒) วางระเบยี บเกี่ยวกับการปฏิบตั งิ านของสานักงานเทา่ ท่ีไมข่ ดั กบั ระเบียบหรือประกาศหรือมตขิ อง กกต. ๓) หน้าท่แี ละอานาจตามทก่ี าหนดไวใ้ น พ.ร.ป. กกต. หรอื กฎหมายอ่ืนและตามท่ี กกต. กาหนด ๓๖. กิจการของสานักงานทเ่ี ก่ยี วกับบคุ คลภายนอก ๑) ให้เลขาธิการเป็นผู้แทนของสานักงานเก่ียวกับบุคคลภายนอก หรือจะมอบอานาจให้บุคคลใดปฏิบัติงาน แทนกไ็ ด้ ๒) ถ้าเป็นกิจการสาคัญเกี่ยวกับการเลือกตั้ง การงบประมาณของสานักงาน และกิจการอื่นใดท่ีมีผลต่อการ ปฏบิ ตั ภิ ารกจิ ของ กกต. ตามท่ีกาหนดไว้ ให้เลขาธิการ กกต. ขอความเหน็ ชอบจาก กกต. กอ่ น ๓๗. อานาจในการแต่งตง้ั ผ้อู านวยการการเลือกตั้งประจาจังหวัด กกต. มีอานาจแตง่ ต้งั ผอ.กต.จว. ในแตล่ ะจงั หวดั เพอื่ ปฏบิ ัติหนา้ ท่แี ละมีอานาจตามที่ กกต. กาหนด ๓๘. การงบประมาณของ กกต. ๑) ให้ กกต. เสนองบประมาณรายจ่าย เพือ่ จดั สรรเป็นเงินอุดหนุนของ กกต. และสานักงานไว้ในร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจาปีหรือร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจา่ ยเพม่ิ เติม แล้วแตก่ รณี ๒) ถ้างบไม่เพียงพอ ให้ กกต. เสนอคาขอแปรญัตติต่อคณะกรรมาธิการพิจารณางบประมาณของสภา ผูแ้ ทนราษฎรไดโ้ ดยตรง ๓) การเสนองบประมาณรายจ่าย ให้ กกต. แจง้ ครม. ทราบถงึ รายไดแ้ ละทรพั ย์สนิ ท่ีมอี ยดู่ ้วย ๔) กรณที ีม่ คี า่ ใชจ้ ่ายในการเลือกตง้ั มากกว่างบประมาณที่สานักงานได้รับ ใหร้ ฐั อดุ หนุนคา่ ใชจ้ ่ายใหเ้ พยี งพอ
-๑๒- ๓๙. รายได้ของสานกั งาน ๑) เงินอดุ หนุนทไ่ี ด้รบั จากงบประมาณรายจ่ายประจาปี ๒) รายไดจ้ ากค่าธรรมเนยี มหรอื ทรัพยส์ ินของสานกั งาน ๓) ทรัพย์สนิ ท่ีมีผอู้ ุทศิ ให้แกส่ านักงาน ๔) ดอกผลหรอื ผลประโยชนข์ องเงนิ หรือทรัพยส์ นิ ของสานกั งาน ๕) รายไดอ้ ่นื ตามทกี่ ฎหมายกาหนด รายได้ของสานักงานไม่เป็นรายได้ที่ต้องนาส่งคลัง เม่ือส้ินปีงบประมาณให้สานักงานจัดทารายงานรายรับ รายจา่ ยเสนอต่อรฐั สภาและ ครม. ทรพั ยส์ นิ ของสานักงานไม่อยใู่ นความรบั ผิดแห่งการบงั คับคดี และจะยกอายุความขึน้ เป็นขอ้ ต่อสมู้ ิได้ บทกาหนดโทษ ๔๐. การขัดขวางการปฏบิ ตั ิหน้าท่ี การไม่ปฏบิ ตั หิ น้าท่ี การกระทาหรอื การละเว้นการกระทา ๑) ผู้ใดขดั ขวางการปฏิบัตหิ น้าที่ของ กกต. เลขาธิการ กกต. ผอ.กต.จว. ผ้ตู รวจการเลอื กตั้ง กรรมการหรือ อนุกรรมการซง่ึ กกต.แต่งตงั้ ตอ้ งระวางโทษจาคุกไม่เกนิ หนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหม่ืนบาท หรือทง้ั จาทั้งปรบั ๒) ถ้าขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ กระทาโดยใช้กาลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กาลังประทุษร้าย หรือ เพือ่ ใหก้ ารเลือกตงั้ ไม่สจุ รติ หรอื เท่ยี งธรรม ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือท้ังจา ทง้ั ปรบั ๓) ไมป่ ฏิบัตติ ามคาสั่งของ กกต. ตอ้ งระวางโทษจาคุกไม่เกินหกเดือน หรอื ปรับไม่เกินหนึ่งหม่ืนบาท หรือทั้ง จาทงั้ ปรับ ๔) เปิดเผยข้อมูลหรือแหล่งข้อมูลที่ กกต. ได้รับแจ้งมาต่อบุคคลอื่นที่มิใช่ กกต. หรือผู้มีหน้าที่และอานาจ ในการใชข้ ้อมลู นน้ั ตอ้ งระวางโทษจาคกุ ไม่เกินห้าปี หรือปรบั ไมเ่ กินหนึ่งแสนบาท หรอื ท้ังจาทั้งปรับ ถ้าผู้กระทาผิดเป็น กกต. เลขาธิการ ผอ.กต.จว. ผู้ตรวจการเลือกตั้งหรือเป็นพนักงาน หรือลูกจ้างของ สานกั งาน ตอ้ งระวางโทษตามท่กี าหนดไว้เป็นสองเทา่ ๕) กกต. เลขาธกิ าร กกต. ผอ.กต.จว. ผตู้ รวจการเลือกตั้ง กรรมการหรืออนุกรรมการ พนักงานและลูกจ้าง ของสานักงาน และเจ้าหนท่ีที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง กระทาหรือละเว้นการการทะอันมิชอบด้วยหน้าที่ ต้องระวางโทษ จาคกุ ไมเ่ กนิ หา้ ปี หรอื ปรับไม่เกนิ หนง่ึ แสนบาท หรือทัง้ จาทง้ั ปรับ และใหศ้ าลส่ังเพกิ ถอนสิทธิเลือกต้ังเป็นเวลาสิบปี ถ้ากระทาโดยทุจรติ นอกจากรับโทษแลว้ ใหศ้ าลส่ังเพิกถอนสิทธสิ มคั รรับเลือกต้งั ของผ้นู ้นั ดว้ ย .....................
Search
Read the Text Version
- 1 - 12
Pages: