๑๕๑ คำอธิบายรายวิชาพน้ื ฐาน ง๑๖๑๐๑การงานอาชพี และเทคโนโลยี กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๖ เวลา ๘๐ ชั่วโมง ศึกษาส่วนประกอบของระบบเทคโนโลยีหลักการแก้ปัญหารวมถึงเกบ็ รักษาขอ้ มลู ท่ีเป็นประโยชน์ในรปู แบบ ตา่ งๆได้ความรู้ความสามารถและคณุ ธรรมทส่ี มั พนั ธ์กบั อาชพี การวางแผนในการเลือกอาชีพทส่ี นใจการปรบั ปรุงการ ทำงานแตล่ ะขัน้ ตอนการใช้ทักษะการจดั การในการทำงานทกั ษะการทำงานร่วมกนั อยา่ งมีประสิทธภิ าพการสร้าง สิง่ ของเครื่องใช้ตามความสนใจอยา่ งปลอดภัยการกำหนดปัญหาหรือความต้องการรวบรวมข้อมลู เลือกวธิ ีการ ออกแบบโดยถ่ายทอดความคิดเป็นภาพรา่ ง 3 มิติหรือแผนทค่ี วามคิดการสร้างและประเมินผลและการนำความรู้และ ทกั ษะการสร้างชิน้ งานไปประยุกต์ในการสรา้ งส่ิงของเคร่ืองใช้การใชค้ อมพิวเตอร์ในการค้นหาข้อมลู อยา่ งมี ประสิทธิภาพการนำเสนอข้อมลู ในรปู แบบทีเ่ หมาะสมการเลือกใช้ซอฟต์แวรป์ ระยกุ ต์และการใชค้ อมพวิ เตอร์ชว่ ยสรา้ ง ช้นิ งานจากจนิ ตนาการหรืองานท่ที ำในชวี ิตประจำวัน โดยใช้กระบวนการกลุ่มในการทำงานตามขน้ั ตอนได้แก่การเลือกหวั หนา้ กลุ่มวางแผนแบ่งงานตาม ความสามารถปฏิบตั ิตามบาบาทหนา้ ที่ทักษะการปฏิบัติการประเมินผลและปรับปรุงงาน เพอ่ื ใหร้ ู้ เขา้ ใจทักษะการจัดการทำงานและมที ักษะการทำงานรว่ มกนั ปฏบิ ตั ติ นอย่างมีมารยาทในการทำงาน กบั สมาชกิ ในครอบครวั และผู้อนื่ นำความรู้และทักษะการสร้าง ชนิ้ งาน ไปประยุกตใ์ นการสร้างสง่ิ ของเครือ่ งใช้และการ แก้ปัญหาวางแผนในการเลือกอาชพี สามารถนำความรู้ไปใชใ้ ห้เกดิ ประโยชนโ์ ดยใช้วธิ กี ารของเศรษฐกิจพอเพียงและ สามารถนำไปประยุกตใ์ ชก้ ับชีวิตประจำวนั ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม มาตรฐาน/ตัวช้ีวัด ง ๑.๑ ป.๖/๑ , ป.๖/๒, ป.๖/๓ ง ๒.๑ ป.๖/๑ , ป.๖/๒ , ป.๖/๓ ง ๓.๑ ป.๖/๑ ,ป.๖/๒ , ป.๖/๓,ป ๖/๔ , ป ๖/๕ ง ๔.๑ ป.๖/๑ , ป.๖/๒ รวมท้ังหมด ๑๓ ตัวชวี้ ัด
๑๕๒ คำอธบิ ายรายวิชา รายวชิ าพนื้ ฐาน กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาตา่ งประเทศ ระดบั ประถมศึกษา รายวชิ าพน้ื ฐาน จำนวน ๑๖๐ ชัว่ โมง อ ๑๑๑๐๑ ภาษาอังกฤษ จำนวน ๑๖๐ ชั่วโมง อ ๑๒๑๐๑ ภาษาอังกฤษ จำนวน ๑๖๐ ชัว่ โมง อ ๑๓๑๐๑ ภาษาอังกฤษ จำนวน ๒๐๐ ชว่ั โมง อ ๑๔๑๐๑ ภาษาอังกฤษ จำนวน ๒๐๐ ชั่วโมง อ ๑๕๑๐๑ ภาษาอังกฤษ จำนวน ๒๐๐ ชวั่ โมง อ ๑๖๑๐๑ ภาษาอังกฤษ
๑๕๓ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาตา่ งประเทศ ทำไมตอ้ งเรยี นภาษาตา่ งประเทศ ในสงั คมโลกปจั จบุ ันการเรียนรู้ภาษาตา่ งประเทศมีความสำคญั และจำเปน็ อย่างยิ่งในชีวติ ประจำวัน เนอื่ งจาก เปน็ เครอ่ื งมอื สำคญั ในการติดตอ่ สอ่ื สาร การศึกษา การแสวงหาความรู้ การประกอบอาชีพ การสรา้ งความเขา้ ใจ เก่ยี วกบั วัฒนธรรมและวิสัยทัศน์ของชุมชนโลก และตระหนกั ถึงความหลากหลายทางวฒั นธรรมและมมุ มองของสังคม โลก นำมาซึง่ มิตรไมตรแี ละความรว่ มมอื กับประเทศต่างๆ ชว่ ยพัฒนาผู้เรียนให้มีความเข้าใจตนเองและผู้อื่นดีขึ้น เรียนรูแ้ ละเข้าใจความแตกตา่ งของภาษาและวฒั นธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี การคดิ สงั คม เศรษฐกิจ การเมือง การปกครอง มีเจตคติท่ีดีต่อการใช้ภาษาต่างประเทศ และใช้ภาษาต่างประเทศเพ่ือการส่ือสารได้ รวมท้ังเข้าถึงองค์ความรู้ตา่ งๆ ได้งา่ ยและกวา้ งขึน้ และมีวิสัยทัศน์ในการดำเนินชวี ติ ภาษาต่างประเทศท่ีเป็นสาระการเรียนรู้พื้นฐาน ซ่ึงกำหนดให้เรียนตลอดหลักสูตรการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน คือ ภาษาอังกฤษ สว่ นภาษาต่างประเทศอื่น เช่น ภาษาฝร่ังเศส เยอรมัน จีน ญี่ปุ่น อาหรับ บาลี และภาษากลุ่มประเทศ เพ่ือนบา้ น หรอื ภาษาอื่นๆ ให้อยใู่ นดลุ ยพนิ ิจของสถานศึกษาท่ีจะจัดทำรายวิชาและจัดการเรียนรู้ตามความเหมาะสม เรียนรอู้ ะไรในภาษาตา่ งประเทศ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ มุ่งหวังให้ผู้เรียนมีเจตคติที่ดีต่อภาษาต่างประเทศ สามารถใภาษา ตา่ งประเทศ สื่อสารในสถานการณ์ต่าง ๆ แสวงหาความรู้ ประกอบอาชีพ และศึกษาต่อ ในระดับที่สูงขึ้น รวมท้ังมีความรู้ ความเข้าใจในเร่ืองราวและวัฒนธรรมอันหลากหลายของประชาคมโลก และสามารถถ่ายทอดความคิดและวัฒนธรรม ไทยไปยงั สงั คมโลกไดอ้ ยา่ งสร้างสรรค์ ประกอบด้วยสาระสำคญั ดังน้ี • ภาษาเพอ่ื การส่อื สาร การใช้ภาษาต่างประเทศในการฟัง-พดู -อา่ น-เขยี น แลกเปลี่ยนขอ้ มูล ข่าวสาร แสดงความรสู้ ึกและความคิดเหน็ ตีความ นำเสนอข้อมูล ความคิดรวบยอดและความคิดเห็นในเร่ืองต่างๆ แลสร้าง ความสมั พันธ์ระหว่างบุคคลอยา่ งเหมาะสม • ภาษาและวัฒนธรรม การใช้ภาษาต่างประเทศตามวัฒนธรรมของเจ้าของภาษาความสัมพันธ์ ความ เหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา ภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับ วัฒนธรรมไทย และนำไปใช้อยา่ งเหมาะสม • ภาษากบั ความสัมพันธก์ บั กลุ่มสาระการเรยี นรอู้ นื่ การใชภ้ าษาต่างประเทศในการเช่อื มโยงความรู้กับ กลุ่มสาระการเรยี นร้อู ่ืน เปน็ พน้ื ฐานในการพัฒนา แสวงหาความรู้ และเปดิ โลกทัศน์ของตน • ภาษากบั ความสัมพันธ์กับชุมชนและโลก การใชภ้ าษาตา่ งประเทศในสถานการณ์ตา่ งๆ ทั้งใน หอ้ งเรียนและนอกห้องเรียน ชมุ ชน และสงั คมโลก เปน็ เครื่องมือพ้ืนฐานในการศึกษาต่อ ประกอบอาชีพ และแลกเปลย่ี น เรียนร้กู ับสังคมโลก
๑๕๔ สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ สาระท่ี ๑ ภาษาเพ่อื การส่ือสาร มาตรฐาน ต ๑.๑ เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากส่ือประเภทตา่ งๆ และแสดงความคดิ เหน็ อยา่ งมีเหตุผล มาตรฐาน ต ๑.๒ มที ักษะการสอื่ สารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมลู ขา่ วสาร แสดงความรสู้ ึก และความคิดเหน็ อย่างมีประสิทธิภาพ มาตรฐาน ต ๑.๓ นำเสนอขอ้ มูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเร่ืองตา่ งๆ โดยการพูดและการ เขยี น สาระที่ ๒ ภาษาและวัฒนธรรม มาตรฐาน ต ๒.๑ เขา้ ใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากบั วัฒนธรรมของเจา้ ของภาษา และนำไปใช้ ได้อย่างเหมาะสม กับกาลเทศะ มาตรฐาน ต ๒.๒ เขา้ ใจความเหมอื นและความแตกต่างระหว่างภาษาและวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา กบั ภาษาและวฒั นธรรมไทย และนำมาใช้อยา่ งถกู ต้องและเหมาะสม สาระท่ี ๓ ภาษากับความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรยี นรู้อืน่ มาตรฐาน ต ๓.๑ ใช้ภาษาตา่ งประเทศในการเชอ่ื มโยงความร้กู ับกลุ่มสาระการเรียนรู้อ่ืน และเป็นพืน้ ฐานในการ พัฒนา แสวงหาความรู้ และเปิดโลกทศั นข์ องตน สาระที่ ๔ ภาษากับความสัมพนั ธ์กับชุมชนและโลก มาตรฐาน ต ๔.๑ ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ตา่ งๆ ทั้งในสถานศึกษา ชุมชน และสงั คม มาตรฐาน ต ๔.๒ ใชภ้ าษาต่างประเทศเปน็ เครอ่ื งมอื พืน้ ฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชพี และ การ แลกเปลีย่ นเรยี นรู้กบั สงั คมโลก คณุ ภาพผู้เรยี น จบชัน้ ประถมศึกษาปีที่ ๓ • ปฏิบัติตามคำสั่ง คำขอร้องท่ีฟัง อ่านออกเสียงตัวอักษร คำ กลุ่มคำ ประโยคง่ายๆ และ บทพูดเข้า จังหวะง่ายๆ ถูกต้องตามหลักการอ่าน บอกความหมายของคำและกลุ่มคำที่ฟังตรงตามความหมาย ตอบคำถามจาก การฟงั หรืออา่ นประโยค บทสนทนาหรอื นิทานงา่ ยๆ • พูดโต้ตอบด้วยคำสั้นๆ ง่ายๆ ในการสื่อสารระหว่างบุคคลตามแบบที่ฟัง ใช้คำส่ังและคำขอร้องง่ายๆ บอ ความต้องการง่ายๆ ของตนเอง พูดขอและให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเองและเพ่ือน บอกความรู้สึกของตนเองเก่ียวกับส่ิง ตา่ งๆ ใกล้ตัวหรอื กจิ กรรมต่างๆ ตามแบบท่ีฟงั • พดู ให้ข้อมูลเกย่ี วกับตนเองและเรอ่ื งใกล้ตัว จดั หมวดหมู่คำตามประเภทของบคุ คล สตั ว์ และสิง่ ของ ตามทีฟ่ ังหรืออา่ น
๑๕๕ • พูดและทำท่าประกอบ ตามมารยาทสังคม/วัฒนธรรมของเจ้าของภาษา บอกชื่อและคำศัพท์ง่ายๆ เก่ียวกับเทศกาล/วันสำคัญ/งานฉลอง และชีวิตความเป็นอยู่ของเจ้าของภาษา เข้าร่วมกิจกรรมทางภาษาและ วัฒนธรรมที่เหมาะกับวัย • บอกความแตกตา่ งของเสียงตัวอักษร คำ กล่มุ คำ และประโยคง่ายๆ ของภาษาตา่ งประเทศและภาษาไทย • บอกคำศัพทท์ ี่เก่ยี วข้องกบั กลุ่มสาระการเรยี นร้อู ่นื • ฟัง/พูดในสถานการณ์ง่ายๆ ทเ่ี กิดข้ึนในห้องเรียน • ใช้ภาษาตา่ งประเทศ เพือ่ รวบรวมคำศพั ทท์ เ่ี กีย่ วข้องใกล้ตวั • มีทกั ษะการใช้ภาษาตา่ งประเทศ (เนน้ การฟงั -พูด) สอ่ื สารตามหัวเรอ่ื งเก่ียวกบั ตนเอง ครอบครัว โรงเรียน ส่ิงแวดล้อมใกล้ตัว อาหาร เคร่ืองดื่ม และเวลาว่างและนันทนาการ ภายในวงคำศพั ทป์ ระมาณ ๓๐๐- ๔๕๐ คำ (คำศพั ทท์ ่เี ป็นรปู ธรรม) • ใช้ประโยคคำเดียว (One Word Sentence) ประโยคเดี่ยว (Simple Sentence) ในการสนทนาโต้ตอบ ตามสถานการณ์ในชีวิตประจำวนั จบช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๖ • ปฏิบตั ิตามคำสั่ง คำขอรอ้ ง และคำแนะนำท่ีฟังและอา่ น อ่านออกเสียงประโยค ขอ้ ความ นิทาน และบท กลอนสั้นๆ ถูกต้องตามหลักการอ่าน เลือก/ระบุประโยคและข้อความตรงตามความหมายของสัญลักษณ์หรือ เครือ่ งหมายทอ่ี า่ น บอกใจความสำคัญ และตอบคำถามจากการฟังและอ่าน บทสนทนา นิทานง่ายๆ และเร่ืองเลา่ • พูด/เขียนโต้ตอบในการสื่อสารระหว่างบุคคล ใช้คำสั่ง คำขอร้อง และให้คำแนะนำ พูด/เขียนแสดง ความต้องการ ขอความช่วยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือในสถานการณ์ง่ายๆ พูดและเขียนเพ่ือ ขอและให้ข้อมูลเกย่ี วกับตนเอง เพอื่ น ครอบครัว และเรือ่ งใกล้ตวั พูด/เขียนแสดงความร้สู ึกเกี่ยวกับเร่ืองต่างๆ ใกล้ตัว กิจกรรมต่างๆ พร้อมท้ังให้เหตุผลสน้ั ๆ ประกอบ • พูด/เขียนให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง เพ่ือน และสิ่งแวดล้อมใกล้ตัว เขียนภาพ แผนผัง แผนภูมิ และตาราง แสดงข้อมลู ตา่ งๆ ทฟี่ งั และอ่าน พดู /เขยี นแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับเรือ่ งตา่ งๆ ใกล้ตวั • ใช้ถ้อยคำ น้ำเสียง และกิริยาท่าทางอย่างสุภาพ เหมาะสม ตามมารยาทสังคมและวัฒนธรรมของเจ้าของ ภาษา ให้ข้อมูลเก่ียวกับเทศกาล/วันสำคัญ/งานฉลอง/ชีวิตความเป็นอยู่ของเจ้าของภาษา เข้าร่วมกิจกรรมทางภาษา และวฒั นธรรมตามความสนใจ • บอกความหมือน/ ความแตกต่างระหว่างการออกเสียงประโยคชนิดต่างๆ การใช้เคร่ืองหมายวรรคตอน และการลำดับคำ ตามโครงสร้างประโยคของภาษาต่างประเทศและภาษาไทย เปรียบเทียบความเหมือน/ความ แตกตา่ งระหว่างเทศกาล งานฉลองและประเพณีของเจ้าของภาษากับของไทย • ค้นคว้า รวบรวมคำศัพท์ที่เก่ียวข้องกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นจากแหล่งการเรียนรู้ และนำเสนอด้วยการพูด/ การเขยี น • ใช้ภาษาสื่อสารในสถานการณต์ า่ งๆ ทเี่ กดิ ข้ึนในห้องเรียนและสถานศึกษา • ใชภ้ าษาต่างประเทศในการสบื คน้ และรวบรวมข้อมลู ตา่ งๆ • มีทักษะการใช้ภาษาต่างประเทศ (เน้นการฟัง-พูด-อ่าน-เขียน) ส่ือสารตามหัวเร่ืองเก่ียวกับตนเอง ครอบครัว โรงเรียน สิ่งแวดล้อม อาหาร เครื่องดื่ม เวลาว่างและนันทนาการ สุขภาพและสวัสดิการ การซื้อ-ขาย และลม ฟา้ อากาศ ภายในวงคำศัพท์ประมาณ ๑,๐๕๐-๑,๒๐๐ คำ (คำศัพท์ทเี่ ปน็ รปู ธรรมและนามธรรม)
๑๕๖ • ใชป้ ระโยคเด่ยี วและประโยคผสม (Compound Sentences) สื่อความหมายตามบรบิ ทตา่ งๆ อ ๑๑๑๐๑ภาษาอังกฤษ คำอธิบายรายวชิ าพ้นื ฐาน ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๑ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ เวลา ๑๖๐ ชวั่ โมง ปฏิบัติตามคำสงั่ งา่ ยๆท่ีฟงั ตัวอักษรและเสยี งและสะกดคำง่ายๆถูกต้องตามหลกั การอา่ นภาพตรงตาม ความหมายของคำและกล่มุ คำทฟ่ี งั เร่ืองใกล้ตัวคำส่ังๆง่ายๆในการสือ่ สารระหวา่ งบคุ คลตามแบบที่ฟงั คำสั่งงา่ ยๆตาม แบบทีฟ่ ังความต้องการง่ายๆของตนเองตามแบบที_ฟงั การขอและให้ข้อมูลงา่ ยๆเกี่ยวกบั ตนเองตามแบบที่ฟงั ขอ้ มลู ง่ายๆเกย่ี วกบั ตนเองและเร่ืองใกล้ตัวตามวฒั นธรรมของเจ้าของภาษาชอ่ื และคำศัพท์เกี่ยวกับเทศกาลสำคญั ของ เจ้าของภาษาการเข้าร่วมกิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมทีเ่ หมาะสมกับวัยการระบุตวั อกั ษรและเสยี งอักษรของ ภาษาตา่ งประเทศ(ภาษาอังกฤษ)และภาษาไทยคำศัพทท์ ีเ่ ก่ียวขอ้ งกบั กลมุ่ สาระการเรียนรู้อ่นื การฟงั /พูดใน สถานการณ์ง่ายๆทเ่ี กิดขึน้ ในหอ้ งเรยี นการใชภ้ าษาต่างประเทศ(ภาษาอังกฤษ)เพ่ือรวบรวมคำศัพท์ท่เี กี่ยวขอ้ งใกล้ตวั โดยการปฏบิ ตั ติ าม ระบุ อ่านออกเสยี ง เลือกภาพ ตอบคำถาม พูดโตต้ อบ ใช้ บอก พดู ขอ ให้ขอ้ มลู ทำท่าประกอบ เขา้ รว่ ม ฟงั /พูด เพ่ือให้ผูเ้ รียนมีความรูค้ วามเขา้ ใจและนำไปประยกุ ต์ใช้ในชีวิตประจำวนั เกิด สมรรถนะตามความต้องการของหลกั สตู ร มีคุณลักษณะอันพึงประสงคข์ นึ้ ในตัวของผู้เรียน และสามารถอยรู่ ่วมกับ ผอู้ น่ื ในสงั คมได้อย่างมีความสุขสามารถนำความร้ไู ปใช้ให้เกิดประโยชน์โดยใชห้ ลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและ สามารถนำไปประยุกตใ์ ชก้ บั ชีวติ ประจำวันไดอ้ ย่างถูกตอ้ งเหมาะสม และมจี ิตสาธารณะ มาตรฐาน/ตวั ชี้วัด ต ๑.๑ ป.๑/๑, ป.๑/๒, ป.๑/๓, ป.๑/๔ ต ๑.๒ ป.๑/๑, ป.๑/๒, ป.๑/๓, ป.๑/๔ ต ๑.๓ป.๑/๑ ต ๒.๑ ป.๑/๑,ป.๑/๒, ป.๑/๓ ต ๒.๒ ป.๑/๑ ต ๓.๑ ป.๑/๑ ต ๔.๑ ป.๑/๑ ต ๔.๒ ป.๑/๑ รวมทั้งหมด ๑๖ ตวั ชี้วดั
๑๕๗ อ๑๒๑๐๑ภาษาองั กฤษ คำอธบิ ายรายวิชาพน้ื ฐาน ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๒ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ เวลา ๑๖๐ ชัว่ โมง ปฏิบัตติ ามคำสง่ั ง่ายๆและคำขอร้องงา่ ยๆท่ีฟังระบุตวั อักษรและเสียงอา่ นออกเสยี งคำสะกดคำและอ่าน ประโยคง่ายๆถกู ต้องตามหลกั การอ่านเลือกภาพตรงตามความหมายของคำและกล่มุ คำที่ฟังตอบคำถามจากการฟงั ประโยคบทสนทนาหรือนิทานงา่ ยๆที่มีภาพประกอบพูดโต้ตอบดว้ ยคำส่งั ๆง่ายๆในการสื่อสารระหว่างบุคคลตามแบบ ท่ฟี ังใชค้ ำส่งั และคำขอร้องง่ายๆตามแบบท่ฟี งั บอกความต้องการงา่ ยๆของตนเองตามแบบท่ีฟังพูดขอและให้ข้อมูล ง่ายๆเกีย่ วกบั ตนเองตามแบบทฟ่ี ังพูดใหข้ ้อมูลเก่ียวกับตนเองและเรอ่ื งใกล้ตวั พูดและทำทา่ ทางประกอบตาม วฒั นธรรมของเจ้าของภาษาบอกชอ่ื และคำศัพท์เกี่ยวกับเทศกาลสำคญั ของเจ้าของภาษาการเข้าร่วมกจิ กรรมทาง ภาษาและวัฒนธรรมที่เหมาะสมกบั วัยระบุตัวอักษรและเสียงอกั ษรของภาษาตา่ งประเทศ(ภาษาอังกฤษ)และภาษาไทย บอกคำศัพทท์ ่เี กีย่ วข้องกบั กลุ่มสาระการเรยี นรู้อนื่ ฟงั /พูดในสถานการณ์ง่ายๆที่เกดิ ข้นึ ในหอ้ งเรยี นใช้ ภาษาต่างประเทศ(ภาษาอังกฤษ) เพ่ือรวบรวมคำศพั ทท์ เี่ กี่ยวขอ้ งใกลต้ วั โดยการระบุอ่านออกเสียงเลือกตอบคำถามพูดโตต้ อบใชบ้ อกทำทา่ ทางเขา้ รว่ มฟังเพื่อให้ผูเ้ รียนมคี วามรคู้ วาม เขา้ ใจและนำไปประยุกต์ใชใ้ นชีวิตประจำวัน เกดิ สมรรถนะตามความต้องการของหลักสูตร มคี ุณลักษณะอนั พึง ประสงคข์ ึ้นในตัวของผเู้ รยี น และสามารถอย่รู ่วมกับผอู้ น่ื ในสงั คมได้อย่างมีความสุขสามารถนำความร้ไู ปใช้ใหเ้ กิด ประโยชนโ์ ดยใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและสามารถนำไปประยุกตใ์ ช้กับชวี ิตประจำวันได้อยา่ งถูกต้อง เหมาะสมและมีจติ สาธารณะ มาตรฐาน/ตัวช้ีวัด ต ๑.๑ ป.๒/๑ , ป.๒/๒ , ป.๒/๓ , ป.๒/๔ ต ๑.๒ ป.๒/๑ , ป.๒/๒ , ป.๒/๓ , ป.๒/๔ ต ๑.๓ ป.๒/๑ , ป.๒/๑ ต ๒.๑ ป.๒/๒ , ป.๒/๓ ต ๒.๒ ป.๒/๑ ต ๓.๑ ป.๒/๑ ต ๔.๑ ป.๒/๑ ต ๔.๒ ป.๒/๑ รวมท้ังหมด ๑๖ ตัวชีว้ ดั
๑๕๘ อ๑๓๑๐๑ภาษาองั กฤษ คำอธบิ ายรายวิชาพนื้ ฐาน ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ ๓ กล่มุ สาระการเรยี นรู้ภาษาต่างประเทศ เวลา ๑๖๐ ช่ัวโมง ปฏบิ ตั ิตามคำสั่งและคำขอร้องท่ฟี งั หรืออ่านคำสะกดคำอา่ นกลมุ่ คำประโยคและบทพูดเขา้ จังหวะ (chant)ง่ายๆถูกต้องตามหลักการอ่านภาพหรือสญั ลักษณ์ตรงตามความหมายของคำกลมุ่ คำและประโยคที่ฟังจากการ ฟังหรืออา่ นประโยคบทสนทนาหรอื นิทานง่ายๆคำส่ังๆง่ายๆในการสอื่ สารระหว่างบุคคลตามแบบท่ีฟังคำสั่งและคำ ขอร้องงา่ ยๆตามแบบทฟ่ี ังความต้องการงา่ ยๆของตนเองตามแบบท่ีฟงั ขอและใหข้ ้อมลู งา่ ยๆเกยี่ วกบั ตนเองและเพื่อน ตามแบบที่ฟังความรูส้ กึ ของตนเองเกี่ยวกับส่งิ ต่างๆใกล้ตัวหรอื กิจกรรมตา่ งๆตามแบบทฟี่ ังให้ข้อมลู งา่ ยๆเกยี่ วกับ ตนเองและเร่ืองใกลต้ วั คำตามประเภทของบคุ คลสัตวแ์ ละส่ิงของตามท่ีฟงั หรืออ่านมารยาทสังคม/วฒั นธรรมของ เจา้ ของภาษาชอื่ และคำศพั ทง์ ่ายๆเกยี่ วกบั เทศกาล/วันสำคญั /งานฉลองและชีวติ ความเป็นอยูข่ องเจ้าของภาษา กจิ กรรมทางภาษาและวัฒนธรรมทเี่ หมาะสมกบั วยั ความแตกตา่ งของเสยี งตวั อกั ษรคำกลุม่ คำและประโยคงา่ ยๆของ ภาษาตา่ งประเทศ(ภาษาอังกฤษ)และภาษาไทยคำศัพท์ท่ีเก่ียวขอ้ งกบั กลุม่ สาระการเรยี นร้อู นื่ สถานการณง์ า่ ยๆท่ี เกดิ ข้ึนในห้องเรยี นภาษาตา่ งประเทศ(ภาษาองั กฤษ)เพื่อรวบรวมคำศัพทท์ ี่เกี่ยวข้องใกลต้ ัว โดยการอ่านออกเสียง สะกดคำฟังพูด เลือก/ระบุ ตอบคำถาม พูดโต้ตอบ ใช้ บอกจัดหมวดหมู่ทำท่าประกอบ เข้าร่วมกิจกรรม เพ่ือให้มีความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถนำความรู้ไปปฏิบัติให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและ สังคมมีคุณธรรม จริยธรรม สามารถนำความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์โดยใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและ สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับชีวติ ประจำวันไดอ้ ย่างถกู ต้องเหมาะสม และมีจติ สาธารณะ รหัสตวั ชว้ี ัด ต ๑.๑ ป.๓/๑ , ป.๓/๒ , ป.๓/๓ , ป.๓/๔ ต ๑.๒ ป.๓/๑ , ป.๓/๒ , ป.๓/๓ , ป.๓/๔ , ป.๓/๕ ต ๑.๓ ป.๓/๑ , ป.๓/๒ ต ๒.๑ ป.๓/๑ , ป.๓/๒ , ป.๓/๓ ต ๒.๒ ป.๓/๑ ต ๓.๑ ป.๓/๑ ต ๔.๑ ป.๓/๑ ต ๔.๒ ป.๓/๑ รวมท้งั หมด ๑๘ ตัวชวี้ ัด
๑๕๙ อ๑๔๑๐๑ภาษาอังกฤษ คำอธบิ ายรายวิชาพ้นื ฐาน ช้ันประถมศึกษาปที ี่ ๔ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาตา่ งประเทศ เวลา ๒๐๐ ช่ัวโมง ปฏิบัติตามคำส่ังคำขอร้องและคำแนะนำ (instructions)ง่ายๆที่ฟังหรืออ่านอ่านออกเสียงคำสะกดคำอ่าน กลุ่มคำประโยคข้อความง่ายๆและบทพูดเข้าจังหวะถูกต้องตามหลักการอ่านเลือก/ระบุภาพหรือสัญลักษณ์หรือ เคร่ืองหมายตรงตามความหมายของประโยคและข้อความสั้นๆท่ีฟังหรืออ่านตอบคำถามจากการฟังหรืออ่านประโยค บทสนทนาหรือนิทานง่ายๆพูด/เขียนโต้ตอบในการสื่อสารระหว่างบุคคลใชค้ ำสั่งคำขอร้องและคำขออนุญาตง่ายๆพดู / เขียนแสดงความต้องการของตนเองตามและขอความช่วยเหลือในสถานการณ์ง่ายๆพูด/เขียนเพ่ือขอและให้ข้อมูล เก่ียวกับตนเองเพอื่ นและครอบครัวพดู แสดงความรสู้ ึกของตนเองเกย่ี วกับเร่ืองต่างๆใกลต้ ัวหรือกิจกรรมต่างๆตามแบบ ท่ีฟังพูด/เขียนให้ข้อมูลง่ายๆเก่ียวกับตนเองและเรื่องใกล้ตัวพูด/วาดภาพแสดงความสัมพันธ์ของส่ิงต่างๆใกล้ตัวท่ีฟัง หรืออ่านพูดแสดงความคิดเห็นง่ายๆเกี่ยวกับตนเองและเร่ืองใกล้ตัวพูดและทำท่าประกอบอย่างสุภาพตามมารยาท สังคม/วัฒนธรรมของเจ้าของภาษาตอบคำถามเก่ียวกับเทศกาล/วันสำคัญ/งานฉลองและชีวิตความเป็นอยู่ง่ายๆของ เจ้าของภาษาการเข้าร่วมกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมที่เหมาะสมกับวัยบอกความแตกต่างของเสียงตัวอักษรคำ กลุ่มคำประโยคและข้อความของภาษาต่างประเทศ(ภาษาอังกฤษ)และภาษาไทยบอกความเหมือน/ความแตกต่าง ระหว่างเทศกาลและงานฉลองตามวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับของไทยค้นคว้ารวบรวมคำศัพท์ท่ีเก่ียวข้องกับกลุ่ม สาระการเรียนรู้อ่ืนและนำเสนอด้วยการพูด/การเขียนฟัง/พูดในสถานการณ์ท่ีเกิดขึ้นในห้องเรียนและสถานศึกษาใช้ ภาษาต่างประเทศ(ภาษาองั กฤษ)ในการสืบค้นและรวบรวมข้อมูลตา่ งๆ โดยการฟัง พูด อ่าน เขียน ระบุอ่านออกเสียงเลือกตอบคำถามพูดโต้ตอบใช้บอกทำท่าทางเข้าร่วมเพ่ือให้ผู้เรียนมี ความรู้ความเขา้ ใจและนำไปประยุกต์ใช้ในชวี ติ ประจำวนั เกดิ สมรรถนะตามความตอ้ งการของหลักสูตร มีคณุ ลักษณะ อันพึงประสงค์ข้ึนในตัวของผู้เรียน และสามารถอยู่ร่วมกับผู้อ่ืนในสังคมได้อย่างมีความสุขสามารถนำความรู้ไปใช้ให้ เกิดประโยชน์โดยใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวันได้อยา่ งถูกต้อง เหมาะสม และมีจิตสาธารณะ มาตรฐาน/ตัวชี้วัด ต ๑.๑ ป.๔/๑ , ป.๔/๒ , ป.๔/๓ , ป๔/๔ ต ๑.๒ ป.๔/๑, ป.๔/๒ , ป.๔/๓ , ป๔/๔ , ป๔/๕ ต ๑.๓ ป.๔/๑,ป.๔/๒ , ป.๔/๓ ต ๒.๑ ป.๔/๑ , ป.๔/๒ , ป.๔/๓ ต ๒.๒ ป.๔/๑ , ป.๔/๒ ต ๓.๑ ป.๔/๑ ต ๔.๑ ป.๔/๑ ต ๔.๒ ป.๔/๑ รวมท้ังหมด ๒๐ ตวั ชวี้ ัด
๑๖๐ อ๑๕๑๐๑ภาษาอังกฤษ คำอธบิ ายรายวิชาพนื้ ฐาน ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๕ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาต่างประเทศ เวลา ๒๐๐ ชั่วโมง ปฏิบัตติ ามคำสงั่ คำขอร้องและคำแนะนำท่ีฟังหรืออ่านอ่านออกเสยี งประโยคข้อความและบทกลอนส้นั ๆ ถกู ต้องตามหลักการอา่ นระบุ/วาดภาพสัญลักษณห์ รือเคร่ืองหมายตรงตามความหมายของประโยคและขอ้ ความสั้นๆที่ ฟังหรอื อ่านบอกใจความสำคัญและตอบคำถามจากการฟงั หรอื อ่านบทสนทนาและนิทานงา่ ยๆหรือเร่ืองส้ันๆพูด/เขยี น โตต้ อบในการสื่อสารระหวา่ งบุคคลใชค้ ำส่งั คำขอรอ้ งคำขออนุญาตและใหค้ ำแนะนำง่ายๆพดู /เขียนแสดงความ ต้องการของตนเองตามขอความช่วยเหลือตอบรับและปฏเิ สธการใหค้ วามชว่ ยเหลอื ในสถานการณ์ง่ายๆพดู /เขยี นเพ่ือ ขอและให้ข้อมลู เก่ยี วกบั ตนเองเพ่ือนครอบครวั และเร่ืองใกล้ตวั พดู แสดงความรูส้ ึกของตนเองเกยี่ วกับเรือ่ งต่างๆใกลต้ ัว หรือกจิ กรรมตา่ งๆพร้อมทัง้ ใหเ้ หตุผลส้นั ๆประกอบพูด/เขียนให้ข้อมูลงา่ ยๆเกยี่ วกบั ตนเองและเรอ่ื งใกลต้ ัวเขยี นภาพ แผนผังและแผนภูมแิ สดงข้อมูลตา่ งๆตามท่ีฟงั หรืออ่านพูดแสดงความคดิ เหน็ เกี่ยวกับเรื่องต่างๆใกล้ตัวใช้ถ้อยคำ น้ำเสียงและกิริยาท่าทางอย่างสภุ าพตามมารยาทสังคม/วฒั นธรรมของเจ้าของภาษาตอบคำถาม/บอกความสำคัญของ เทศกาล/วนั สำคัญ/งานฉลองและชีวิตความเป็นอยู่งา่ ยๆของเจ้าของภาษาการเข้ารว่ มกิจกรรมทางภาษาและ วัฒนธรรมตามความสนใจบอกความเหมือน/ความแตกตา่ งระหว่างการออกเสียงประโยคชนิดต่างๆการใช้เคร่ืองหมาย วรรคตอนและการลำดับคำ(order)ตามโครงสรา้ งของประโยคของภาษาต่างประเทศ(ภาษาองั กฤษ)และภาษาไทยบอก ความเหมือน/ความแตกตา่ งระหวา่ งเทศกาลและงานฉลองตามวฒั นธรรมของเจ้าของภาษากับของไทยคน้ คว้ารวบรวม คำศัพทท์ ี่เก่ียวขอ้ งกบั กลุ่มสาระการเรียนรู้อ่นื และนำเสนอดว้ ยการพดู /การเขยี นฟงั พูดและอา่ น/เขียนในสถานการณ์ ต่างๆทเ่ี กิดขึน้ ในห้องเรยี นและสถานศึกษาใช้ภาษาต่างประเทศ(ภาษาอังกฤษ)ในการสบื ค้นและรวบรวมขอ้ มูลตา่ งๆ โดยการฟงั พดู อ่าน เขยี น ระบอุ ่านออกเสียงเลอื กตอบคำถามพูดโต้ตอบใช้บอกทำทา่ ทางเข้ารว่ มเพื่อให้ผู้เรยี นมี ความรู้ความเข้าใจและนำไปประยกุ ต์ใชใ้ นชีวิตประจำวัน เกิดสมรรถนะตามความต้องการของหลกั สูตร มีคุณลักษณะ อันพงึ ประสงค์ขึ้นในตัวของผู้เรยี น และสามารถอยู่รว่ มกับผู้อื่นในสงั คมได้อยา่ งมีความสขุ สามารถนำความร้ไู ปใชใ้ ห้ เกิดประโยชนโ์ ดยใช้หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงและสามารถนำไปประยุกต์ใช้กบั ชีวติ ประจำวันได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม และมจี ิตสาธารณะ มาตรฐาน/ตวั ช้ีวัด ต ๑.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔ ต ๑.๒ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔, ป.๕/๕ ต ๑.๓ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓ ต ๒.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓ ต ๒.๒ ป.๕/๑,ป.๕/๒ ต ๓.๑ ป.๕/๑ ต ๔.๑ ป.๕/๑ ต ๔.๒ ป.๕/๑
๑๖๑ รวมทั้งหมด ๒๐ ตัวชี้วดั อ๑๖๑๐๑ภาษาองั กฤษ คำอธิบายรายวิชาพ้ืนฐาน ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๖ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ เวลา ๒๐๐ ชั่วโมง ปฏบิ ัติตามคำส่ังคำขอรอ้ งและคำแนะนำที่ฟงั และอา่ นอ่านออกเสียงข้อความนิทานและบทกลอนสนั้ ๆถกู ต้อง ตามหลักการอา่ นเลือก/ระบปุ ระโยคหรือข้อความสั้นๆตรงตามภาพสัญลกั ษณ์หรอื เครอื่ งหมายที่อา่ นบอกใจความ สำคญั และตอบคำถามจากการฟงั หรอื อ่านบทสนทนาหรือนทิ านง่ายๆและเรอื่ งเลา่ พูด/เขียนโตต้ อบในการสอ่ื สาร ระหว่างบคุ คลใช้คำส่งั คำขอร้องและคำขออนุญาตและใหค้ ำแนะนำพูด/เขยี นแสดงความตอ้ งการขอความชว่ ยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการใหค้ วามช่วยเหลือในสถานการณง์ ่ายๆพดู /เขยี นเพ่ือขอและใหข้ ้อมูลเก่ยี วกบั ตนเองเพื่อน ครอบครัวและเรื่องใกล้ตวั พูด/เขยี นแสดงความรสู้ ึกของตนเองเกี่ยวกับเร่อื งตา่ งๆใกล้ตัวหรือกจิ กรรมต่างๆพร้อมท้งั ให้ เหตผุ ลสั้นๆประกอบพูด/เขยี นใหข้ ้อมูลเกีย่ วกบั ตนเองเพ่ือนและสิ่งแวดล้อมใกล้ตวั เขียนภาพแผนผังและแผนภูมิแสดง ข้อมลู ต่างๆตามที_ฟังหรอื อ่านพูดเขียนแสดงความคิดเห็นเกยี่ วกบั เรือ่ งต่างๆใกลต้ ัวใช้ถอ้ ยคำน้ำเสยี งและกิริยาทา่ ทาง อยา่ งสภุ าพเหมาะสมตามมารยาทสงั คมและวฒั นธรรมของเจ้าของภาษาใหข้ ้อมูลเกยี่ วกับเทศกาล/วันสำคญั /งาน ฉลอง/ชีวติ ความเป็นอยขู่ องเจา้ ของภาษาการเข้าร่วมกิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมตามความสนใจบอกความ เหมือน/ความแตกต่างระหว่างการออกเสยี งประโยคชนิดต่างๆการใชเ้ คร่ืองหมายวรรคตอนและการลำดับคำตาม โครงสร้างประโยคของภาษาต่างประเทศ(ภาษาอังกฤษ)และภาษาไทยเปรยี บเทยี บความเหมอื น/ความแตกต่าง ระหวา่ งเทศกาลงานฉลองและประเพณีของเจา้ ของภาษากับของไทยค้นคว้ารวบรวมคำศัพทท์ ่เี ก่ยี วขอ้ งกบั กลมุ่ สาระ การเรยี นรอู้ ่ืนจากแหล่งการเรียนรแู้ ละนำเสนอดว้ ยการพูด/การเขยี นใชภ้ าษาส่ือสารในสถานการณ์ต่างๆทีเ่ กิดข้นึ ใน หอ้ งเรยี นและสถานศึกษาใชภ้ าษาต่างประเทศ(ภาษาอังกฤษ)ในการสืบคน้ และรวบรวมข้อมลู ต่างๆ โดยการฟัง พดู อ่าน เขยี น ระบอุ า่ นออกเสยี งเลือกตอบคำถามพดู โตต้ อบเข้าร่วมเปรียบเทียบ ค้นคว้า ใช้บอกเพอ่ื ใหผ้ เู้ รียนมคี วามรู้ความเข้าใจและนำไปประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ิตประจำวัน เกิดสมรรถนะตามความตอ้ งการของ หลกั สตู ร มคี ณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ขึ้นในตัวของผเู้ รียน และสามารถอยรู่ ว่ มกับผู้อ่ืนในสงั คมได้อย่างมีความสขุ สามารถนำความรู้ไปใชใ้ ห้เกิดประโยชน์โดยใช้หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งและสามารถนำไปประยุกตใ์ ช้กับ ชวี ติ ประจำวันได้อยา่ งถูกต้องเหมาะสม และมจี ิตสาธารณะ มาตรฐาน/ตวั ช้ีวัด ต ๑.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔ ต ๑.๒ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔, ป.๖/๕ ต ๑.๓ ป.๖/๑,ป.๖/๒, ป.๖/๓ ต ๒.๑ ป.๖/๑,ป.๖/๒, ป.๖/๓ ต ๒.๒ ป.๖/๑,ป.๖/๒ ต ๓.๑ ป.๖/๑ ต ๔.๑ ป.๖/๑ ต ๔.๒ ป.๖/๑
๑๖๒ รวมท้ังหมด ๒๐ ตวั ชว้ี ดั กิจกรรมพัฒนาผ้เู รียน
๑๖๓ กจิ กรรมพัฒนาผ้เู รียน โรงเรยี นวดั ไมเ้ สยี บจดั กจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี นโดยมงุ่ ใหผ้ ้เู รยี นเกดิ การเรียนร้จู ากประสบการณต์ รง ได้ฝกึ ปฏบิ ตั ิจรงิ และค้นพบความถนัดของตนเองสามารถคน้ ควา้ หาความรูเ้ พิ่มเตมิ ตามความสนใจจากแหลง่ เรียนรู้ที่ หลากหลายบำเพญ็ ประโยชนเ์ พ่ือสังคมมีทกั ษะในการดำเนินงานส่งเสริมใหม้ ีวุฒิภาวะทางอารมณส์ ังคมศลี ธรรม จรยิ ธรรมใหผ้ เู้ รียนรูจ้ กั และเข้าใจตนเองสามารถวางแผนชีวิตและอาชีพได้อย่างเหมาะสม กิจกรรมพฒั นาผู้เรยี นเปน็ กิจกรรมท่ีมุ่งใหผ้ เู้ รียนพัฒนาตนเองตามศักยภาพพัฒนาการเรียนรอู้ ยา่ งรอบดา้ น เพอื่ ความเปน็ มนุษยท์ ส่ี มบรู ณ์ท้ังร่างกายสติปัญญาอารมณ์และสังคมเสริมสรา้ งใหเ้ ปน็ ผู้มีศลี ธรรมจรยิ ธรรมมรี ะเบียบ วนิ ัยปลกู ฝงั ให้สร้างจติ สำนกึ ของการทำประโยชน์เพื่อสังคมสามรถจกั การตนเองได้และอยู่รว่ มกับผูอ้ ื่นอย่างมีความสุข โรงเรียนวดั ไม้เสียบ ไดจ้ ดั กจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี นโดยแบ่งออกเป็น๓ลักษณะดงั น้ี ๑.กิจกรรมแนะแนวเปน็ กิจกรรมที่ส่งเสรมิ และพัฒนาผเู้ รียนให้รจู้ ักตนเองรู้รกั ษส์ ่ิงแวดลอ้ มสามารถตัดสินใจ คดิ แก้ปัญหากำหนดเป้าหมายวางแผนชวี ิตท้ังดา้ นการเรยี นและอาชีพสามารถปรบั ตนได้อยา่ งเหมาะสมนอกจากน้ียงั ชว่ ยใหค้ รรู จู้ ักและเข้าใจผเู้ รยี นทั้งยังเปน็ กิจกรรมทชี่ ว่ ยเหลือและใหค้ ำปรกึ ษาแก่ผู้ปกครองในการมสี ว่ นร่วมพัฒนา ผ้เู รยี นโดยนกั เรยี นทกุ คนต้องเข้าร่วมกจิ กรรมแนะแนว๔๐ชั่วโมงตอ่ ปกี ารศึกษา ๒.กจิ กรรมนกั เรียนเป็นกิจกรรมที่มงุ่ พัฒนาระเบยี บวนิ ัยความเปน็ ผูน้ ำผตู้ ามที่ดีความรับผิดชอบการทำงาน รว่ มกันรู้จักแก้ปัญหาการตัดสินใจที่เหมาะสมความมีเหตุผลการชว่ ยเหลือแบ่งปันเอื้ออาทรและสมานฉนั ทโ์ ดยจดั ให้ สอดคล้องกับความสามารถความถนัดและความสนใจของผู้เรียนให้ได้ปฏิบตั ิด้วยตนเองในทุกขั้นตอนไดแ้ ก่การศึกษา วิเคราะห์วางแผนปฏบิ ัตติ ามแผนประเมินและปรับปรุงการทำงานเน้นการทำงานรวมกันเปน็ กลุ่มตามความเหมาะสม และสอดคล้องกับวุฒิภาวะของผเู้ รยี นและบริบทของสถานศึกษาและท้องถิ่นกจิ กรรมนักเรียนประกอบด้วยกจิ กรรม ลกู เสือเนตรนารนี ักเรียนทุกคนต้องเข้าร่วมกิจกรรมลกู เสอื เนตรนารี๔๐ชัว่ โมงต่อปกี ารศึกษากจิ กรรมชมรมนักเรียน ทกุ คนต้องเขา้ รว่ มกิจกรรมชุมนมุ ๓๐ชั่วโมงตอ่ ปีการศึกษา ๓. กจิ กรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชนเ์ ป็นกจิ กรรมท่ีสง่ เสริมให้ผ้เู รยี นบำเพญ็ ตนใหเ้ ป็นประโยชนต์ ่อ สงั คมชุมชนและท้องถิ่นตามความสนใจในลกั ษณะอาสาสมัครเพื่อแสดงถึงความรับผิดชอบความดีงามความเสยี สละ การมีจิตสาธารณะเชน่ กจิ กรรมอาสาพัฒนาต่างๆกิจกรรมสร้างสรรค์สังคมนักเรยี นทุกคนต้องเข้าร่วมกิจกรรมเพ่ือ สังคมและสาธารณประโยชน์๑๐ช่ัวโมงตอ่ ปกี ารศกึ ษา
๑๖๔ โครงสร้างกิจกรรมพัฒนาผ้เู รยี น โครงสร้างเวลาการจดั กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี นในแตร่ ะดบั ชัน้ ประถมศกึ ษา ของโรงเรยี นวดั ไม้เสีบยบ กจิ กรรม ระดบั ชน้ั ป.๑ ป.๒ ป.๓ ป.๔ ป.๕ ป.๖ กจิ กรรมแนะแนว ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ กิจกรรมนกั เรยี น ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ - กิจกรรมลกู เสือ (๔๐) (๔๐) (๔๐) (๔๐) (๔๐) (๔๐) - กิจกรรมชุมนมุ (๓๐) (๓๐) (๓๐) (๓๐) (๓๐) (๓๐) - ลดเวลาเรียนเพม่ิ เวลารู้ (๔๐) (๔๐) (๔๐) (๔๐) (๔๐) (๔๐) กิจกรรมเพ่อื สังคมและสาธารณประโยชน์ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ รวม ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๖๐ หมายเหตุกิจกรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์บรู ณาการในกิจกรรมอื่นๆ
๑๖๕ การจัดสรรเวลากิจกรรมพัฒนาผู้เรยี นนกั เรียนโรงเรยี นวัดไม้เสียบ ได้รบั การพฒั นาและฝกึ ปฏิบตั ิกิจกรรมทั้ง ๓กจิ กรรมอยา่ งต่อเนื่องทุกปีจนจบการศกึ ษาตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พื้นฐานพุทธศักราช๒๕๕๑ (ปรับปรงุ พุทธศักราช๒๕๖๑) โรงเรยี นวัดไม้เสียบ ไดจ้ ัดกจิ กรรมพฒั นาผู้เรียนโดยแบ่งออกเปน็ ๓ลักษณะดงั น้ี ๑. กิจกรรมแนะแนว วัตถุประสงค์ ๑. เพ่ือผูเ้ รียนคน้ พบความถนัดความสามารถความสนใจของตนเองรักละเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อ่ืน ๒.เพอ่ื ใหผ้ เู้ รียนแสวงหาความรจู้ ากข้อมูลขา่ วสารแหล่งเรยี นรูท้ ้ังดา้ นการศกึ ษาอาชีพสว่ นตัวสังคมเพ่ือ นำไปใช้ในการวางแผนเลอื กแนวทางการศึกษาอาชีพได้อยา่ งเหมาะสมสอดคล้องกับศกั ยภาพของตนเอง ๓. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รียนได้พฒั นาบุคลิกภาพและรบั ตัวอยู่ในสงั คมไดอ้ ย่างมคี วามสุข ๔. เพ่ือใหผ้ ้เู รียนมคี วามรู้มที ักษะมีความคดิ สรา้ งสรรค์ในงานอาชพี และมเี จตคติที่ดตี ่ออาชพี สุจริต ๕. เพื่อให้ผูเ้ รยี นมคี า่ นิยมที่ดงี ามในการดำเนินชวี ติ สร้างเสรมิ วนิ ยั คณุ ธรรมและจริยธรรมแกน่ กั เรยี น ๖. เพ่ือให้ผ้เู รียนมจี ิตสำนึกในการรับผิดชอบต่อตนเองครอบครวั สงั คมและประเทศชาติ แนวการจดั กจิ กรรมโรงเรยี นวดั ไม้เสียบ ได้จดั กจิ กรรมแนะแนวเพ่อื ช่วยเหลอื และพัฒนาผู้เรียนดังนี้ ๑. จดั กิจกรรมเพื่อให้ครูได้รูจ้ ักและชว่ ยเหลอื ผเู้ รียนมากข้ึนโดยใช้กระบวนการทางจติ วิทยาการจัดบริการ สนเทศโดยให้มีเอกสารเพ่ือใช้ในการสำรวจข้อมูลเกี่ยวกบั ตัวผเู้ รยี นดว้ ยการสังเกตสัมภาษณ์การใช้แบบสอบถามการ เขียนประวตั ิการพบผูป้ กครองกอ่ นและระหวา่ งเรยี นการเยี่ยมบ้านนกั เรยี นการให้ความช่วยเหลือผู้เรียนเร่ือง สุขภาพจติ เศรษฐกจิ การจัดทำระเบยี นสะสมสมุดรายงานประจำตัวนักเรยี นและบัตรสขุ ภาพ ๒.การจัดกิจกรรมพฒั นาวฒุ ิภาวะทางอารมณ์โดยทำแบบทดสอบเพื่อรู้จกั และเข้าใจตนเองมที ักษะในการ ตัดสนิ ใจการปรบั ตัวการวางแผนเพ่ือเลือกศึกษาต่อเลือกอาชีพ
๑๖๖ ๓.การจัดบริการใหค้ ำปรึกษาแกผ่ เู้ รียนรายบคุ คลและรายกลุ่มในด้านการศกึ ษาอาชีพและสว่ นตัวโดยมผี ู้ให้ คำปรกึ ษาท่ีมีคุณวุฒิและมคี วามเช่ียวชาญในเรื่องการใหค้ ำปรึกษาตลอดจนมหี ้องให้คำปรกึ ษาท่ีเหมาะสม ๓.๑ ชว่ ยเหลือผูเ้ รียนท่ีประสบปัญหาดา้ นการเงนิ โดยการให้ทุนการศึกษาแกผ่ ู้เรียน ๓.๒ ตดิ ตามเก็บข้อมลู ของนักเรยี นท่ีสำเรจ็ การศึกษา ๒. กิจกรรมนักเรียน กจิ กรรมลกู เสอื - เนตรนารี ผู้เรยี นในระดบั ชั้นประถมศึกษาปที ี่๑ – ๖ ทุกคนได้ฝกึ อบรมวชิ าลูกเสอื - เนตรนารเี พ่ือสง่ เสรมิ หลักการ ปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมขุ ส่งเสริมความสามัคคีมีวนิ ัยและบำเพญ็ ประโยชน์ตอ่ สงั คมโดยดำเนนิ การจดั กิจกรรมตามข้อกำหนดของคณะกรรมการลกู เสือแหง่ ชาติ วตั ถุประสงค์ พระราชบัญญตั ลิ ูกเสอื พ.ศ. ๒๕๕๑มาตรา๘ได้กำหนดวัตถุประสงคข์ องการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาลกู เสือท้ังทาง กายสติปัญญาจิตใจและศีลธรรมให้เปน็ พลเมืองดีมคี วามรับผิดชอบและชว่ ยสร้างสรรคส์ ังคมเพื่อให้เกดิ ความสามัคคี และความเจริญกา้ วหน้าทั้งนี้ เพอ่ื ความสงบสขุ และความมั่นคงของประเทศชาตติ ามแนวทางดังต่อไปน้ี ๑. ใหม้ ีนสิ ยั ในการสังเกตจดจำเชื่อฟังและพ่ึงตนเอง ๒. ให้มีความซอ่ื สัตย์สุจรติ มรี ะเบยี บวินัยและเหน็ อกเหน็ ใจผู้อื่น ๓. ใหร้ จู้ กั บำเพ็ญตนเพื่อสาธารณประโยชน์ ๔. ใหร้ ู้จกั ทำการฝีมือและฝึกฝนการทำกจิ กรรมตา่ งๆตามความเหมาะสม ๕. ใหร้ ูจ้ ักรกั ษาและส่งเสริมจารตี ประเพณวี ัฒนธรรมและความมั่นคงชองชาติ แนวการจดั กิจกรรม กจิ กรรมลูกเสือเนตรนารีชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๑ - ๓ เปิดประชมุ กองดำเนนิ การตามกระบานการของลูกเสอื และจัดกจิ กรรมให้ศึกษาวเิ คราะห์วางแผน ปฏบิ ัติกจิ กรรมตามมาตรฐานโดยเนน้ ระบบหมู่สรุปผลการปฏิบัตกิ ิจกรรมปิดประชุมกองโดยให้ผู้เรียนศกึ ษาและฝกึ ปฏิบัติดังน้ี ๑. เตรยี มลกู เสอื สำรองนิยายเร่ืองเมาคลีประวตั ิการเริ่มกจิ กรรมลกู เสือสำรองการทำความเคารพ เป็นหม่(ู แกรนดฮ์ าวล์) การทำความเคารพเป็นรายบุคคลการจับมือซ้ายระเบียบแถวเบื้องต้นคำปฏญิ าณกฎและคติ พจน์ของลูกเสือสำรอง ๒. ลูกเสอื สำรองดาวดวงที่ ๑,๒และ๓อนามัยความสามารถเชงิ ทักษะการสำรวจการคน้ หา ธรรมชาติความปลอดภยั บรกิ ารธงและประเทศตา่ งๆการฝีมือกิจกรรมกลางแจ้งการบนั เทงิ การผกู เงื่อนคำปฏิญาณและ กฎของลูกเสอื สำรองโดยใช้กระบานการทำงานกระบวนการแกป้ ัญหากระบวนการกลุ่มกระบวนการจดั การ กระบวนการคิดรเิ ร่ิมสรา้ งสรรคก์ ระบวนการฝกึ ปฏบิ ตั ทิ างลูกเสือกระบวนการทางเทคโนโลยีและภูมปิ ัญญาท้องถ่ินได้ อย่างเหมาะสม
๑๖๗ เพอ่ื ใหม้ คี วามรู้ความเขา้ ใจในกิจกรรมลูกเสือสามารถปฏบิ ัติตามคำปฏิญาณกฎและคติพจนข์ องลูกเสือสำรอง มีนสิ ัยในการสังเกตจดจำเชื่อฟงั และพ่ึงตนเองซื่อสตั ยส์ จุ ริตมรี ะเบียบวนิ ยั และเหน็ อกเหน็ ใจผ้อู ่ืนบำเพ็ญตนเพื่อ สาธารณประโยชน์รจู้ ักทำการฝีมือพัฒนากายจิตใจและศีลธรรมทั้งน้ีโดยไมเ่ กย่ี วข้องกับลัทธิทางการเมืองใดๆสนใจ และอนุรักษธ์ รรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อมนำไปใชใ้ นชีวติ ประจำวนั ไดอ้ ย่างมปี ระสิทธิภาพ กิจกรรมลูกเสอื – เนตรนารชี ั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ๔ – ๖ เปิดประชุมกองดำเนนิ การตามกระบวนการของลูกเสือและจดั กิจกรรมให้ศึกษาวเิ คราะห์วางแผนปฏบิ ตั ิ กจิ กรรมตามมาตรฐานโดยเน้นระบบหมูส่ รุปการปฏิบตั ิกจิ กรรมปดิ ประชุมกองโดยให้ผเู้ รยี นศึกษาและปฏิบัตใิ นเรื่อง ๑. ลกู เสอื ตรีความรู้เกี่ยวกับขบวนการลูกเสือคำปฏญิ าณและกฎของลูกเสือสามัญกจิ กรรมกลางแจ้ง ระเบยี บแถว ๒.ลูกเสอื โทการรจู้ ักดูแลตนเองการชว่ ยเหลอื ผอู้ ่ืนการเดนิ ทางไปยงั สถานทตี่ ่างๆทักษะทางวชิ าลูกเสืองาน อดเิ รกและเร่ืองทนี่ ่าสนใจคำปฏญิ าณและกฎของลูกเสอื ระเบียบแถว ๓. ลกู เสือเอกการพึ่งพาตนเองการบรกิ ารการผจญภยั วชิ าการของลกู เสือระเบยี บแถวโดยใช้ กระบวนการทำงานกระบวนการแก้ปัญหาระบวนการกลุ่มกระบวนการจัดการกระบวนการคิดริเร่ิ มสร้างสรรค์ กระบวนการฝกึ ปฏิบตั ทิ างลกู เสอื กระบวนการทางเทคโนโลยีและภูมิปญั ญาท้องถ่ินได้อย่างเหมาะสม เพอ่ื ใหม้ คี วามรู้ความเขา้ ใจในกจิ กรรมลูกเสือสามารถปฏิบัตติ ามคำปฏิญาณกฎและคติพจนข์ องลูกเสือสามัญ มีนสิ ัยในการสังเกตจดจำ เช่ือฟังและพึ่งตนเองซอ่ื สัตย์สุจรติ มรี ะเบียบวนิ ัยและเห็นอกเหน็ ใจผ้อู ่ืนบำเพ็ญตนเพ่ือสาร ธารณประโยชนร์ จู้ กั ทำการฝีมือพฒั นากายจติ ใจและศลี ธรรมทั้งน้ี โดยไมเ่ ก่ียวข้องกับลัทธทิ างการเมืองใดๆสนใจและ อนุรกั ษธ์ รรมชาติและสิ่งแวดลอ้ มและนำไปใช้ในชีวติ ประจำวนั ได้อย่างมีประสิทธิภาพหมายเหตุผูเ้ รียนไดป้ ฏิบัติ กิจกรรมและผ่านการทดสอบแล้วจะไดร้ บั เคร่ืองหมายลกู เสือตรีลูกเสือโทและลูกเสือเอก กจิ กรรมตามความสนใจ(ชุมนุม) วตั ถปุ ระสงค์ ๑. เพื่อให้ผูเ้ รียนได้ปฏิบัติกจิ กรรมตามความสนใจความถนัดและความต้องการของตน ๒.เพอื่ ใหผ้ ู้เรยี นได้พัฒนาความร้คู วามสามารถดา้ นการคดิ วิเคราะห์สงั เคราะห์ใหเ้ กิดประสบการณ์ทง้ั ทาง วชิ าการและวิชาชพี ตามศักยภาพ ๓. เพื่อสง่ เสรมิ ให้ผเู้ รยี นใช้เวลาให้เกดิ ประโยชนต์ อ่ ตนเองและสว่ นรวม ๔. เพ่ือใหผ้ เู้ รยี นทำงานรว่ มกับผ้อู ่ืนไดต้ ามวถิ ีประชาธิปไตย แนวการจัดกจิ กรรม การจดั กิจกรรมตามความสนใจ(ชมรม) ผู้เรยี นสามารถเลือกเข้าเป็นสมาชกิ ชมรมวางแผนการดำเนิน
๑๖๘ หลากหลายเหมาะสมกบั เพศวัยและความสนใจของผเู้ รยี นประกอบด้วยกิจกรรมดา้ นคุณธรรมจรยิ ธรรมวัฒนธรรม อนรุ ักษส์ ่ิงแวดลอ้ มสง่ เสริมประชาธปิ ไตยสง่ เสรมิ การเรยี นรู้และค่ายวิชาการการศึกษาดูงานการฝึกปฏิบตั ิ โรงเรียนกำหนดช่ือชุมนุมขน้ึ มาและให้นักเรียนไดส้ มคั รเข้าชุมนมุ ตามความสนใจของนักเรียน โดยจดั กจิ กรรมชุมนุมในวนั องั คารภาคบ่ายและนักเรียนทุกคนต้องเขา้ ร่วมกจิ กรรมชุมนุม๔๐ชวั่ โมงตอ่ ปกี ารศึกษา ๓. กจิ กรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ วตั ถุประสงค์ ๑. เพื่อใหผ้ ู้เรยี นบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ตอ่ ครอบครวั โรงเรยี นชมุ ชนและประเทศชาติ ๒. เพ่ือใหผ้ ู้เรียนออกแบบกิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารประโยชนอ์ ย่างสรา้ งสรรคต์ ามความถนัดและความ สนใจในลักษณะอาสาสมคั ร ๓. เพ่ือให้ผเู้ รยี นพฒั นาศกั ยภาพในการจดั กจิ กรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์ไดอ้ ย่างมี ประสทิ ธิภาพ ๔. เพื่อใหผ้ ้เู รยี นปฏบิ ตั ิกิจกรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชนจ์ นเกดิ คณุ ธรรมจรยิ ธรรมตาม คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ ๕. เพื่อใหผ้ เู้ รียนมจี ิตสาธารณะและใช้เวลาว่างใหเ้ กิดประโยชน์ แนวการจดั กจิ กรรม การจดั กจิ กรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์เป็นกิจกรรมทสี่ ง่ เสรมิ ให้ผเู้ รียนได้ทำประโยชน์ตาม ความสามารถความถนัดและความสนใจในลักษณะอาสาสมัครเพื่อแสดงถงึ ความรับผิดชอบความดีงามความเสยี สละ ตอ่ สงั คมมีจิตใจมุ่งทำประโยชน์ตอ่ ครอบครัวชุมชนและสงั คมกจิ กรรมสำคญั ไดแ้ ก่กจิ กรรมบำเพ็ญประโยชน์กจิ กรรม สรา้ งสรรคส์ งั คมกิจกรรมดำรงรกั ษาสืบสานศาสนาศลิ ปะและวฒั นธรรมกจิ กรรมพัฒนานวตั กรรมและเทคโนโลยีเวลา เรียนสำหรบั กจิ กรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชนใ์ นสว่ นกิจกรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชนจ์ ดั สรรเวลาให้ ผู้เรียนระดบั ประถมศึกษาปีท่ี ๑–๖รวม๖ปีจำนวน๖๐ชว่ั โมง(เฉล่ียปลี ะ๑๐ช่ัวโมง) การจดั กจิ กรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์ในระดบั ประถมศึกษาปที ี่ ๑ – ๖ เปน็ การจัดกิจกรรมภายใน เวลาเรยี นโดยใหผ้ ูเ้ รียนรายงานแสดงกรเข้าร่วมกิจกรรมลงในสมดุ บันทกึ และมีผู้รับรองผลการเขา้ ร่วมกิจกรรมทุกคร้ัง แนวทางการประเมินกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น โรงเรียนวัดไม้เสียบ กำหนดแนวทางในการประเมินกิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี นดงั น้ี ๑. การประเมินกจิ กรรมพัฒนาผ้เู รยี นรายกิจกรรมมีแนวทางปฏิบตั ิดังนี้ ๑.๑การตรวจสอบเวลาเข้าร่วมกิจกรรมของผเู้ รียนไมน่ ้อยกว่ารอ้ ยละ๘๐ของเวลาเรียน ตลอดปีการศกึ ษา ๑.๒ ประเมนิ กจิ กรรมพฒั นาผู้เรียนจากการปฏบิ ัติกจิ กรรมและผลงาน/ช้ินงานของผู้เรียน
๑๖๙ ผูเ้ รียนต้องไดร้ บั การประเมินทกุ ผลการเรยี นร้แู ละผา่ นทกุ ผลการเรยี นรโู้ ดยแตล่ ะผลการเรียนร้ผู ่านไม่นอ้ ยกว่าร้อยละ ๕๐หรอื มีคณุ ภาพในระดบั ๑ขึ้นไป ๑.๓ผเู้ รยี นมีเวลาเขา้ ร่วมกิจกรรมการปฏิบัติกิจกรรมและผลงาน/ชนิ้ งานของผเู้ รียนตาม เกณฑ์ขอ้ ๑.๑ และขอ้ ๑.๒ถือวา่ ผูเ้ รยี นมผี ลการเรียน “ผ” ผ่านการประเมนิ กจิ กรรมและนำผลการประเมนิ ไปบันทึกใน ระเบียนแสดงผลการเรยี น ๑.๔ผเู้ รยี นมีเวลาเขา้ รว่ มกจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี นการปฏิบตั ิกิจกรรมและผลงานไม่เป็นไปตาม เกณฑ์ข้อ๑.๑ และข้อ๑.๒ ถอื วา่ ผู้เรียนมีผลการเรยี น “มผ” โรงเรียนต้องจดั ซ่อมเสริมให้ผู้เรยี นทำกิจกรรมในส่วนท่ี ผเู้ รยี นไม่ได้เข้าร่วมหรือไม่ได้ทำจนครบถว้ นแล้วจงึ เปลยี่ นผลการเรียนจาก “มผ” เป็น “ผ” และนำผลการประเมนิ ไป บนั ทึกในระเบียนแสดงผลการเรยี น ๒. การประเมินกจิ กรรมพัฒนาผู้เรียนเพอื่ การตัดสินมแี นวปฏิบัตดิ งั นี้ ๒.๑ กำหนดใหผ้ ู้รบั ผดิ ชอบในการรวบรวมข้อมูลเกีย่ วกบั การรว่ มกิจกรรมพัฒนาผเู้ รียนของ ผูเ้ รียนทกุ คนตลอดระดบั การศึกษา ๒.๒ ผู้รับผดิ ชอบสรปุ และตัดสนิ การร่วมกจิ กรรมพัฒนาผู้เรียนของผูเ้ รยี นเปน็ รายบุคคลตามเกณฑท์ ่ี โรงเรียนกำหนดผู้เรยี นจะต้องผา่ นกจิ กรรม๓กจิ กรรมสำคัญดังน้ี ๒.๒.๑กิจกรรมแนะแนว ๒.๒.๒กจิ กรรมนักเรยี นไดแ้ ก่ ๑. กจิ กรรมลูกเสอื เนตรนารยี ุวกาชาดผบู้ ำเพญ็ ประโยชน์ ๒. กิจกรรมชุมนมุ ๒.๒.๓กิจกรรมเพอื่ สงั คมและสาธารณประโยชน์ ๒.๓ การนำเสนอผลการประเมนิ ต่อคณะกรรมการกลมุ่ สาระการเรียนรแู้ ละกจิ กรรมพัฒนาผ้เู รียน ๒.๔ เสนอผ้บู ริหารโรงเรียนพิจารณาอนมุ ัติผลการประเมินกิจกรรมพฒั นาผูเ้ รยี นผ่านเกณฑ์การ จบแต่ละระดับการศึกษา
๑๗๐ คำอธบิ ายรายวชิ า กจิ กรรมพฒั นาผ้เู รยี น
๑๗๑ คำอธบิ ายรายวิชากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน กิจกรรมแนะแนว กิจกรรมพฒั นาผู้เรียน เวลา๔๐ชัว่ โมง/ปี ชั้นประถมศกึ ษาปีที๑ – ๖ รจู้ กั และเข้าใจตนเองรกั และเห็นคณุ ค่าในตนเองและผู้อืน่ มีวุฒิภาวะทางอารมณ์มเี จตคติทดี่ ตี ่อการมีชีวิตทดี่ ีมี คุณภาพมีทกั ษะในการดำเนนิ ชวี ติ สามารถปรบั ตัวใหด้ ำรงชวี ติ อยู่ในสงั คมได้อยา่ งมีความสุขรจู้ กั ตนเองในทุกดา้ นรู้ ความถนดั ความสนใจและบุคลิกภาพของตนเองรู้และเขา้ ใจโลกของงานอาชพี อย่างหลากหลายมีเจตคติทดี่ ีต่ออาชีพ สจุ ริตรู้ข้อมูลอาชีพสามารถเลือกตนแนวทางในการประกอบอาชีพไดอ้ ย่างเหมาะสมมีการเตรยี มตัวส่อู าชพี สามารถ วางแผนเพอื่ ประกอบอาชีพตามท_ตี นเองมคี วามถนัดและสนใจมีคณุ ลักษณะพื้นฐานท่จี ำเป็นในการประกอบอาชพี และพัฒนางานใหป้ ระสบความสำเร็จเพ่ือสร้างฐานะทางเศรษฐกจิ ให้กบั ตนเองครอบครัวชมุ ชนและประเทศชาติ พฒั นาตนเองในด้านการเรยี นอยา่ งเตม็ ศกั ยภาพร้จู ักแสวงหาความรใู้ ฝร่ ้ใู ฝเ่ รียนใหเ้ ป็นคนดมี ีความรู้และทักษะทาง วชิ าการรู้จกั แสวงหาและใช้ข้อมูลประกอบการวางแผนการเรยี นหรอื การศึกษาต่อได้อย่างมีประสิทธภิ าพมวี ธิ ีการ เรียนรมู้ ีทกั ษะการคิดแก้ปญั หาอยา่ งสร้างสรรค์คดิ เป็นทำเป็นมคี ณุ ธรรมจรยิ ธรรมเอื้ออาทรและสมานฉันทเ์ พอ่ื ดำรงชีวติ อยู่รวมกนั อย่างสงบสุขตามวถิ ีชีวิตเศรษฐกิจพอเพียง เพอื่ ใหผ้ ้เู รียนเกิดการเรียนร้รู ู้จกั เข้าใจรักและเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่นเกิดการเรียนรู้สามารถวางแผนการ เรียนรู้อาชพี รวมทง้ั การดำเนินชีวติ และมที ักษะทางสังคมเกิดการเรยี นรู้สามารถปรบั ตัวไดอ้ ย่างเหมาะสมอยรู่ ว่ มกบั ผู้อ่นื ได้อยา่ งมีความสขุ พึ่งตนเองได้มที ักษะในการเลือกแนวทางการศึกษาการงานและอาชพี ชวี ิตและสงั คมมี สขุ ภาพจิตทด่ี แี ละจิตสำนึกในการทำประโยชน์ตอ่ ครอบครวั สังคมและประเทศชาตติ ามวถิ ีชวี ติ เศรษฐกิจพอเพยี ง ผลการเรียนรู้ ๑. เพ่ือให้ผ้เู รยี นเกดิ การเรียนรรู้ ูจ้ ักเขา้ ใจรกั และเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อืน่ ๒. เพอ่ื ให้ผูเ้ รยี นเกิดการเรยี นรสู้ ามารถวางแผนการเรยี นการศึกษาต่ออาชีพรวมท้ังการดำเนนิ ชีวติ และมีทักษะทางสังคม ๓. เพ่อื ให้ผเู้ รียนเกิดการเรยี นรู้สามารถปรับตัวได้อย่างเหมาะสมและอยูร่ ่วมกบั ผ้อู ่ืนไดอ้ ยา่ ง เหมาะสม ๔. สามารถประยกุ ต์ใชป้ รชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงได้ รวมทั้งหมด ๔ผลการเรยี นรู้
๑๗๒ กจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รยี น คำอธบิ ายรายวชิ ากิจกรรมพัฒนาผูเ้ รยี น ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที ๑ กิจกรรมนักเรียนลกู เสือสำรองดาว ดวงที่ ๑ เวลา๔๐ ช่ัวโมง/ปี เปิดประชุมกอง ดำเนินการตามกระบวนการของลูกเสือและจัดกิจกรรมโดยให้ศึกษา วิเคราะห์ วางแผน ปฏิบัติกิจกรรมตามฐานการเรียนรู้ โดยเน้นระบบหมู่และปฏิบัติกิจกรรมตามคำปฏิญาณและกฎของลูกเสือสำรอง เรียนรู้จากการคิดและปฏิบัติจรงิ ใช้สญั ลักษณ์สมาชิกลกู เสือสำรองทมี่ ีความเป็นเอกลักษณ์ร่วมกัน ศึกษาธรรมชาตใิ น ชุมชนด้วยความสนใจ ใฝ่รู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม ปิดประชุมกอง ใน เร่อื งต่อไปน้ี ๑. เตรียมลกู เสือสำรอง นิยายเมาคลี ประวัติการเร่ิมกิจการลูกเสอื การทำความเคารพหมู่ (แก รนด์ฮาวล์) การทำความเคารพเป็นรายบุคคล การจับมือซ้าย ระเบียบแถว เบื้องต้น คำปฏิญาณ กฎและคติพจน์ของลกู เสอื สำรอง ๒. ลูกเสือสำรองดาวดวงท่ี ๑ อนามัย ความสามารถเชิงทักษะ การสำรวจ การค้นหาธรรมชาติ ความปลอดภัย บริการ ธงและประเทศต่าง ๆ การฝีมือ กิจกรรมกลางแจ้ง การบันเทิง การผูก เง่อื น คำปฏญิ าณและกฎของลกู เสอื สำรอง เพ่ือใหม้ คี วามรู้ ความเข้าใจในกิจกรรมลกู เสอื สำรองดาวดวงที่ ๑ สามารถปฏิบัติตามคำปฏญิ าณ กฎ และคติพจน์ของลูกเสอื สำรอง มีนิสัยในการสังเกต จดจำ เชื่อฟังและพง่ึ ตนเอง มีความซ่ือสัตย์ สุจริต มรี ะเบียบ วนิ ยั และเห็นอกเหน็ ใจผอู้ ื่น รูจ้ ักบำเพ็ญตนเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์ ร้จู ักทำการฝมี ือและฝกึ ฝนทำกจิ กรรม ต่าง ๆ ตามความเหมาะสม รักษาและส่งเสริมจารีตประเพณี วัฒนธรรมและความมั่นคงของชาติ และสามารถ ประยกุ ตใ์ ช้หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ผลการเรยี นรู้ ๑. มีนิสยั ในการสงั เกต จดจำ เชื่อฟงั และพึ่งพาตนเองได้ ๒. มีความซื่อสัตย์ สจุ ริต มรี ะเบยี บวนิ ยั และเห็นอกเหน็ ใจผู้อื่น ๓. บำเพญ็ ตนเพ่ือสังคมและสาธารณะประโยชน์ ๔. ทำการฝมี ือและฝึกฝนการทำกิจกรรมตา่ ง ๆ ตามความเหมาะสม ๕. รกั ษาและส่งเสริมจารตี ประเพณี วฒั นธรรมประเพณี ภูมปิ ัญญาท้องถ่นิ และ ความมน่ั คง ๖. อนุรกั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดลอ้ มและลดภาวะโลกรอ้ น ๗. สามารถประยุกตใ์ ช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงได้ รวมทั้งหมด ๗ ผลการเรยี นรู้
๑๗๓ กจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน คำอธิบายรายวิชากจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รยี น ชั้นประถมศกึ ษาปที ี ๒ กจิ กรรมนกั เรยี น (ลูกเสอื สำรองดาวดวงที่๒) เวลา ๔๐ ช่ัวโมง/ปี เปิดประชุมกอง ดำเนินการตามกระบวนการของลูกเสือ และจัดกิจกรรมให้ศึกษา วิเคราะห์ วางแผน ปฏิบัติกิจกรรมตามฐานการเรียนรู้ โดยเน้นระบบหมู่ และปฏิบัติตามคำปฏิญาณ คติพจน์และกฎของลูกเสอื สำรอง ศึกษาเรียนรู้จากการคิดและปฏิบัติจริงใช้สัญลักษณ์สมาชิกลูกเสือสำรองท่ีมีความเป็นเอกลักษณ์ร่วมกัน ศึกษา ธรรมชาติในชุมชนด้วยความสนใจใฝ่รู้ตามวิถีเศรษฐกิจพอเพียง สรุปผลและปฏิบัติกิจกรรม ปิดประชุมกองในเรื่อง ตอ่ ไปน้ี ลูกเสือสำรองดาวดวงท่ี ๒ นิยายเมาคลี ประวัติการเริ่มกิจการลูกเสือ การทำความเคารพหมู่ (แกรนฮาวล์) การทำความเคารพเป็นรายบุคคล การจับมือซ้าย ระเบียบแถว คำปฏิญาณ กฎ และคติพจน์ของ ลูกเสือสำรอง อนามัย ความสามารถเชิงทักษะ การสำรวจ การค้นหาธรรมชาติการอนุรักษ์ทรัพยากรในชุมชน ท้องถิ่น ความปลอดภยั บรกิ าร การผกู เงือ่ น ธง และประเทศต่าง ๆ การฝมี ือท่ีใชว้ ัสดเุ หลือใช้ในท้องถน่ิ กิจกรรม กลางแจ้ง การบันเทิงท่ีส่งเสริมสุขภาพกายสุขภาพจิตและอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถ่ิน อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ สงิ่ แวดล้อมลดภาวะโลกร้อน เพ่ือให้มีความรู้ ความเข้าใจในกิจกรรมลูกเสือสำรองดาวดวงที่ ๒ สามารถปฏิบัติตามคำปฏิญาณ กฎและ คติพจน์ของลูกเสือสำรอง มีนิสัยในการสังเกต จดจำ เชื่อฟังและพึ่งตนเอง มีความซื่อสัตย์สุจริต มีระเบียบวินัย และเห็นอกเห็นใจ รู้จักบำเพ็ญเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ รู้จักทำการฝีมือและฝึกฝนทำกิจกรรมต่าง ๆ ตาม ความเหมาะสม รักษาและส่งเสริมจารีตประเพณี วัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถ่ิน อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ สง่ิ แวดลอ้ ม ความมัน่ คงของชาติ และสามารถประยกุ ต์ใชห้ ลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ผลการเรยี นรู้ 1. มนี ิสัยในการสงั เกต จดจำ เชือ่ ฟังและพึ่งตนเองได้ 2. มีความซ่ือสตั ย์ สจุ รติ มรี ะเบยี บวินยั และเห็นอกเหน็ ใจผอู้ น่ื 3. บำเพญ็ ตนเพอ่ื สังคมและสาธารณประโยชน์ 4. ทำการฝีมือและฝึกฝนทำกจิ กรรมตา่ ง ๆ ตามความเหมาะสม 5. รักษาและสง่ เสรมิ จารตี ประเพณี วฒั นธรรมภมู ิปัญญาท้องถ่ินและความมนั่ คงของชาติ 6. อนรุ กั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาติ และสิง่ แวดล้อม ลดภาวะโลกรอ้ น สามารถประยุกต์ใช้หลักปรัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพยี งได้ รวมทั้งหมด ๖ ผลการเรยี นรู้
๑๗๔ กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน คำอธบิ ายรายวิชากจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน ชั้นประถมศกึ ษาปีที ๓ กิจกรรมนักเรยี น (ลูกเสือสำรองดาวดวงท่ี๓) เวลา ๔๐ ช่ัวโมง/ปี เปิดประชุมกอง ดำเนินการตามกระบวนการของลูกเสือ และจัดกิจกรรมให้ศึกษา วิเคราะห์ วางแผน ปฏิบัติกิจกรรมตามฐานการเรียนรู้ โดยเน้นระบบหมู่ และปฏิบัติตามคำปฏิญาณ คติพจน์และกฎของลูกเสอื สำรอง ศึกษาเรียนรู้จากการคิดและปฏิบัติจริงใช้สัญลักษณ์สมาชิกลูกเสือสำรองท่ีมีความเป็นเอกลักษณ์ร่วมกัน ศึกษา ธรรมชาติในชุมชนด้วยความสนใจใฝ่รู้ตามวิถีเศรษฐกิจพอเพียง สรุปผลและปฏิบัติกิจกรรม ปิดประชุมกองในเร่ือง ต่อไปนี้ ลูกเสือสำรองดาวดวงท่ี ๓ นิยายเมาคลี ประวัติการเร่ิมกิจการลูกเสือ การทำความเคารพหมู่ (แกรนฮาวล์) การทำความเคารพเป็นรายบุคคล การจับมือซ้าย ระเบียบแถว คำปฏิญาณ กฎ และคติพจน์ของ ลูกเสือสำรอง อนามัย ความสามารถเชิงทักษะ การสำรวจ การค้นหาธรรมชาติการอนุรักษ์ทรัพยากรในชุมชน ท้องถ่ิน ความปลอดภัย บริการ การผูกเง่ือน ธง และประเทศต่าง ๆ การฝีมือที่ใช้วัสดุเหลือใช้ในท้องถ่ิน กิจกรรมกลางแจ้ง การบันเทิงท่ีส่งเสริมสุขภาพกายสุขภาพจิตและอนุรักษ์ภูมิปัญญ าท้องถิ่น อนุรักษ์ ทรพั ยากรธรรมชาติส่ิงแวดลอ้ มลดภาวะโลกร้อน เพ่ือให้มีความรู้ ความเข้าใจในกิจกรรมลูกเสือสำรองดาวดวงที่ ๓ สามารถปฏิบัติตามคำปฏิญาณ กฎและคติ พจน์ของลูกเสือสำรอง มีนิสยั ในการสังเกต จดจำ เชื่อฟังและพง่ึ ตนเอง มีความซ่อื สัตยส์ ุจริต มรี ะเบียบวนิ ัย และเห็น อกเห็นใจ รู้จักบำเพ็ญเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ รู้จักทำการฝีมือและฝึกฝนทำกิจกรรมต่าง ๆ ตามความ เหมาะสม รักษาและส่งเสริมจารีตประเพณี วัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถ่ิน อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ความม่ันคงของชาติ และสามารถประยุกตใ์ ชห้ ลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ผลการเรยี นรู้ ๑. มีนิสยั ในการสังเกต จดจำ เช่ือฟังและพ่งึ ตนเองได้ ๒. มคี วามซ่ือสตั ย์ สุจรติ มรี ะเบียบวินยั และเหน็ อกเหน็ ใจผูอ้ ื่น ๓. บำเพ็ญตนเพอ่ื สังคมและสาธารณประโยชน์ ๔. ทำการฝีมือและฝึกฝนทำกจิ กรรมตา่ ง ๆ ตามความเหมาะสม ๕. รกั ษาและส่งเสริมจารตี ประเพณี วัฒนธรรมภูมิปญั ญาท้องถิ่นและความม่นั คงของชาติ ๖. อนรุ ักษ์ทรพั ยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดลอ้ ม ลดภาวะโลกร้อน สามารถประยกุ ต์ใชห้ ลกั ปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพยี งได้ รวมท้ังหมด ๖ ผลการเรยี นรู้
๑๗๕ คำอธบิ ายรายวชิ ากิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น กจิ กรรมพฒั นาผ้เู รยี น กิจกรรมนักเรียน ลูกเสือสามัญ (ลูกเสือตร)ี ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที ๔ เวลา ๓๐ ชั่วโมง/ปี เปิดประชมุ กอง ดำเนินการตามกระบวนการของลกู เสือ และจัดกิจกรรมโดยใหศ้ ึกษา วิเคราะห์ วางแผน ปฏิบัติกิจกรรมตามฐานการเรยี นรู้ โดยเนน้ ระบบหมู่ และปฏบิ ัติกิจกรรมตามคำปฏญิ าณ คติพจน์ และกฎ ของลูกเสอื สามัญ เรียนรู้จากการคิดและปฏิบตั จิ รงิ ใชส้ ญั ลกั ษณ์สมาชิกลูกเสือสามญั ที่มีความเปน็ เอกลักษณร์ ่วมกนั ศกึ ษาธรรมชาติในชุมชนดว้ ยความสนใจ ใฝร่ ู้และมีจิตสำนึกในการอนรุ กั ษท์ รัพยากรธรรมชาติ วฒั นธรรมประเพณี ภูมิ ปญั ญาท้องถิน่ ลดภาวะโลกร้อนและประยุกตใ์ ชป้ รัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ความรเู้ กี่ยวกบั กระบวนการลูกเสือ ประวัติของLoad Baden Powell พระราชประวัติสงั เขปของพระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจ้าอยู่หวั วิวัฒนาการ ของกระบวนการลกู เสือไทยและลูกเสือโลก การทำความเคารพ การแสดงรหัส การจบั มอื ซา้ ย กิจกรรมกลางแจ้ง ระเบียบแถวท่ามือเปล่าท่ามือไม้พลวง การใชส้ ญั ญามือและนกหวดี การตง้ั แถวและการเรียนแถว เพ่ือให้มคี วามรู้ ความเข้าใจในกจิ กรรมลูกเสือสามัญ สามารถปฏิบัติตามคำปฏญิ าณ กฎ และคติพจนข์ อง ลกู เสอื สามัญ มีนสิ ยั ในการสงั เกต จดจำ เชื่อฟงั และพ่งึ ตนเอง มีความซ่ือสตั ย์ สจุ รติ มีระเบียบวินัย และเห็นอกเห็น ใจผู้อ่ืน บำเพญ็ ตนเพอ่ื สังคมและสาธารณประโยชน์ ทำการฝมี ือและฝึกฝนการทำกิจกรรมตา่ ง ๆ ตามความเหมาะสม ความถนัด และความสนใจ รกั ษาและส่งเสรมิ จารีตประเพณี วฒั นธรรมและความม่ันคง ประโยชน์และสามารถ ประยุกต์ใชป้ รัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ผลการเรียนรู้ ๑. มนี สิ ัยในการสงั เกต จดจำ เชอื่ ฟังและพึ่งตนเองได้ ๒. มีความซอ่ื สตั ย์สจุ ริต มรี ะเบยี บ วินัยและเห็นอกเหน็ ใจผู้อน่ื ๓. บำเพญ็ ตนเพื่อสง่ เสริมและสาธารณะประโยชน์ ๔. ทำการฝีมือและฝึกฝนทำกิจกรรมตา่ ง ๆ ตามความถนัดและความสนใจ ๕. รักษาและสง่ เสรมิ จารีตประเพณี วัฒนธรรม ภูมิปัญญาทอ้ งถ่ิน และความม่ันคงของชาติ ๖. อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอ้ ม ลดภาวะโลกร้อน ๗. สามารถประยุกต์ใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง รวมทั้งหมด๗ผลการเรยี นรู้
๑๗๖ คำอธิบายรายวิชากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน กจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รียน กิจกรรมนกั เรยี นลูกเสอื สามัญ (ลูกเสือโท) ช้ันประถมศึกษาปีที ๕ เวลา ๓๐ ชั่วโมง/ปี เปดิ ประชุมกองดำเนนิ การตามกระบวนการของลกู เสือและจัดกิจกรรมโดยให้ศึกษาวิเคราะห์วางแผนปฏบิ ตั ิ กิจกรรมตามฐานการเรียนรู้โดยเนน้ ระบบหม่แู ละปฏิบัตกิ ิจกรรมตามคำปฏิญาณคติพจน์และกฎของลูกเสือสามญั เรยี นรู้จากคดิ และปฏบิ ัติจรงิ ใช้สัญลกั ษณส์ มาชิกลูกเสือสามัญทีม่ ีความเปน็ เอกลักษณร์ ่วมกันศึกษาธรรมชาตใิ นชุมชน ด้วยความสนใจใฝร่ ู้มีจติ สำนกึ ในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาตวิ ฒั นธรรมภมู ปิ ัญญาท้องถิน่ ลดภาวะโลกรอ้ นและการ ประยุกตใ์ ชป้ รัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงโดยใช้ทกั ษะในทางวิชาลกู เสือการรจู้ ักดูแลตนเองการชว่ ยเหลอื ผู้อน่ื การ เดนิ ทางไปยังสถานท่ีตา่ งๆทำงานอดิเรกและเรื่องทีส่ นใจ เพอ่ื ใหม้ ีความรู้ความเข้าใจในกิจกรรมลูกเสือสามัญสามารถปฏิบตั ติ ามคำปฏญิ าณกฎและคติพจน์ ของลกู เสอื สามัญมีนิสัยในการสงั เกตจดจำเชอ่ื ฟงั และพ่งึ ตนเองมีความซ่ือสัตยส์ จุ ริตมีระเบยี บวินัยและเห็นอกเห็นใจ ผู้อื่นบำเพญ็ ตนเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ทำการฝมี ือและฝึกฝนการทำกจิ กรรมต่างๆตามความเหมาะสมความ ถนดั และความสนใจรกั ษาและสง่ เสรมิ จารีตประเพณวี ฒั นธรรมและความมนั่ คงประโยชนแ์ ละสามารถประยุกตใ์ ช้ ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ผลการเรียนรู้ ๑. มีนิสยั ในการสังเกตจดจำเชื่อฟังและพ่ึงตนเองได้ ๒. มีความซอื่ สตั ยส์ ุจรติ มรี ะเบยี บวินยั และเหน็ อกเห็นใจผู้อืน่ ๓. บำเพ็ญตนเพื่อส่งเสรมิ และสาธารณะประโยชน์ ๔. ทำการฝมี อื และฝกึ ฝนทำกิจกรรมต่างๆตามความถนดั และความสนใจ ๕. รกั ษาและส่งเสริมจารตี ประเพณีวฒั นธรรมภูมิปัญญาท้องถนิ่ และความม่นั คงของชาติ ๖. อนรุ กั ษท์ รัพยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดล้อมลดภาวะโลกรอ้ น ๗. สามารถประยกุ ต์ใชป้ รัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง รวมท้ังหมด๗ผลการเรียนรู้
๑๗๗ คำอธบิ ายรายวชิ ากจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน กิจกรรมพัฒนาผ้เู รียน กิจกรรมนกั เรียนลูกเสือสามญั (ลกู เสอื เอก) ชนั้ ประถมศึกษาป่ีที ๖ เวลา ๔๐ ช่ัวโมง/ปี เปดิ ประชุมกองดำเนนิ การตามกระบวนการของลกู เสือและจดั กจิ กรรมโดยให้ศึกษาวเิ คราะห์วางแผนปฏบิ ัติ กจิ กรรมตามฐานการเรยี นร้โู ดยเน้นระบบหมแู่ ละปฏบิ ตั ติ ามคำปฏิญาณคตพิ จน์และกฎของลกู เสือสามญั วชิ าการของ ลูกเสือระเบยี บแถวการพึ่งตนเองการผจญภัยการใชส้ ญั ลกั ษณ์สมาชกิ ลูกเสือสามญั ทม่ี ีความเปน็ เอกลักษณ์รว่ มกัน เรยี นรจู้ ากการคิดและปฏิบัตจิ ริงศึกษาธรรมชาตวิ ัฒนธรรมประเพณภี ูมิปญั ญาท้องถิ่นด้วยความสนใจใฝ่ร้แู ละ ประยกุ ต์ใชป้ รัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมเพ่ือการอนรุ กั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาติและลดภาวะโลก ร้อน เพอ่ื ให้มคี วามรู้ความเข้าใจในกจิ กรรมลูกเสือสามัญสามารถปฏิบัติตามคำปฏิญาณกฎและคติพจนข์ องลูกเสอื สามัญมนี ิสยั ในการสังเกตจดจำเช่ือฟังและพ่งึ ตนเองมีความซอื่ สตั ย์สจุ ริตมีระเบียบวนิ ยั และเหน็ อกเห็นใจผู้อ่นื บำเพญ็ ตนเพอ่ื สังคมและสาธารณประโยชนท์ ำการฝีมือและฝึกฝนการทำกจิ กรรมตา่ งๆตามความเหมาะสมความถนดั และ ความสนใจรักษาและสง่ เสริมจารตี ประเพณีวฒั นธรรมและความมัน่ คงประโยชนแ์ ละสามารถประยุกตใ์ ชป้ รัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพยี ง ผลการเรยี นรู้ ๑. มีนิสัยในการสงั เกตจดจำเชอ่ื ฟังและพึ่งตนเองได้ ๒. มคี วามซ่อื สตั ยส์ ุจรติ มรี ะเบยี บวนิ ัยและเห็นอกเหน็ ใจผู้อ่นื ๓. บำเพญ็ ตนเพ่ือส่งเสริมและสาธารณะประโยชน์ ๔. ทำการฝีมอื และฝกึ ฝนทำกิจกรรมตา่ งๆตามความถนดั และความสนใจ ๕. รักษาและส่งเสรมิ จารีตประเพณวี ฒั นธรรมภมู ิปัญญาท้องถนิ่ และความมนั่ คงของชาติ ๖. อนรุ ักษ์ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดล้อมลดภาวะโลกร้อน ๗. สามารถประยุกต์ใชป้ รชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง รวมท้ังหมด ๗ ผลการเรียนรู้
๑๗๘ คำอธิบายรายวชิ ากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน กิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น กจิ กรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ ช้ันประถมศกึ ษาปีที๑ – ๖ เวลา๑๐ ชัว่ โมง/ปี ฝึกปฏบิ ตั กิ จิ กรรมด้วยความสมัครใจผ่านกิจกรรมที่หลากหลายฝึกการทำงานทสี่ อดคล้องกบั ชีวติ จริงตลอดจน สะท้อนความรทู้ ักษะและประสบการณส์ ำรวจและใชข้ ้อมลู ประกอบการวางแผนอยา่ งเป็นระบบเน้นทักษะการคดิ วเิ คราะหแ์ ละใชค้ วามคิดสรา้ งสรรคก์ ารบริการด้านตา่ งๆที่เปน็ ประโยชน์ตอ่ ตนเองและสว่ นรวมเสริมสรา้ งความมีน้ำใจ เอ้อื อาทรความเป็นพลเมอื งดีและความรับผิดชอบต่อตนเองครอบครวั และสังคมคดิ ออกแบบกจิ กรรมบำเพ็ญ ประโยชนใ์ นลกั ษณะอาสาสมัครจิตอาสาเพ่ือแสดงความรบั ผิดชอบตอ่ สงั คมตามแนวทางวถิ ชี ีวิตเศรษฐกิจพอเพยี ง เพอ่ื ให้ผู้เรยี นบำเพญ็ ตนให้เปน็ ประโยชน์ตอ่ ครอบครัวโรงเรียนชมุ ชนสังคมและประเทศชาติสามารถออกแบบ การจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์อย่างสร้างสรรค์ตามความถนัดและความสนใจในลกั ษณะอาสาสมัคร พัฒนาศักยภาพตนเองในการจัดกิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพเพ่ือสังคมและ สาธารณประโยชนจ์ นเกดิ คุณธรรมจริยธรรมตามคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ มีจติ สาธารณะและใช้เวลาวา่ งใหเ้ กิดประโยชน์และสามารถประยุกตใ์ ช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งได้ ผลการเรียนรู้ ๑. บำเพ็ญตนใหเ้ ปน็ ประโยชนต์ อ่ ครอบครวั โรงเรยี นชมุ ชนสังคมและประเทศชาติ ๒. ออกแบบการจัดกิจกรรมเพอ่ื สังคมและสาธารณประโยชน์อย่างสร้างสรรคต์ ามความถนัดและความ สนใจในลกั ษณะอาสาสมคั ร ๓. สามารถพัฒนาศักยภาพในการจดั กจิ กรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์ได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ ๔. ปฏบิ ตั กิ ิจการเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชนจ์ นเกิดคุณธรรมจริยธรรมตามคณุ ลักษณะอนั พึง ประสงค์ ๕. สามารถประยกุ ต์ใช้ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงได้ รวมท้ังหมด ๕ผลการเรียนรู้
๑๗๙ คำอธิบายรายวิชากจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน กิจกรรมนักเรยี น (กจิ กรรมชุมนุม) ชนั้ ประถมศึกษาปีท๑ี –๖ เวลา ๓๐ ชั่วโมง/ปี ปฏบิ ัติกิจกรรมตามความสนใจความถนัดและความต้องการเพื่อพฒั นาความรู้ความสามารถด้านการคิด วิเคราะห์สงั เคราะห์ให้เกดิ ประสบการณ์ท้งั ด้านวิชาการและพ้ืนฐานอาชพี ทักษะชวี ิตและสังคมตามศักยภาพอย่างรอบ ด้านเพ่ือความเปน็ มนษุ ยท์ _ี สมบรู ณม์ คี วามสามารถในการสอื่ สารมีทกั ษะการคิดแก้ปัญหาความสามารถในการใช้ เทคโนโลยีพัฒนาทักษะในการทำงานและการอยูร่ ว่ มกับผู้อื่นในสงั คมได้อยา่ งมีความสุขรักชาตศิ าสนก์ ษตั รยิ ซ์ ื่อสัตย์ สจุ รติ มวี ินัยใฝ่เรียนรู้อยูอ่ ยา่ งพอเพียงมุ่งมัน่ ในการทำงานรักความเป็นไทยมีจติ สาธารณะ เพือ่ ใหผ้ เู้ รยี นไดป้ ฏบิ ัตกิ จิ กรรมตามความสนใจความถนัดและความต้องการของตนได้พัฒนาความรู้ ความสามารถด้านการคิดวิเคราะหส์ งั เคราะห์ใหเ้ กิดประสบการณท์ ั้งทกั ษะทางวิชาการทกั ษะอาชพี ทักษะชวี ิตและ สงั คมตามศักยภาพใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ กิดประโยชนต์ ่อตนเองและสว่ นรวมคดิ เปน็ ทำไดท้ ำงานรว่ มกบั ผู้อ่นื ไดต้ ามวถิ ี ประชาธปิ ไตยและประยุกต์ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงได้อยา่ งเหมาะสม ผลการเรยี นรู้ ๑. ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมตามความสนใจความถนัดและความตอ้ งการของตน ๒. มคี วามรูค้ วามสามารถด้านการคดิ วเิ คราะห์สังเคราะหใ์ ห้เกดิ ประสบการณท์ ้ังทางวชิ าการและ วิชาชีพตามศักยภาพ ๓. ใช้เวลาว่างให้เกดิ ประโยชน์ต่อตนเองและส่วนรวม ๔. มุง่ มนั่ ในการทำงานและทำงานร่วมกับผู้อนื่ ได้ตามวิถปี ระชาธิปไตย ๕. ประยุกต์ใช้ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งได้อยา่ งเหมาะสม รวมทั้งหมด๕ผลการเรียน
๑๘๐ เกณฑ์การจบการศกึ ษา หลักสูตรโรงเรียนวัดไม้เสียบ (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๑) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ัน พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ กำหนดเกณฑส์ ำหรบั การจบการศกึ ษา ดังนี้ เกณฑ์การจบระดับประถมศกึ ษา โรงเรียนวดั ไม้เสียบ ใช้ในการตัดสินผลการเรียนรายวชิ ากิจกรรมพัฒนาผ้เู รยี นการอา่ น คดิ วิเคราะห์และเขียนคุณลักษณะอันพงึ ประสงคโ์ ดยมเี กณฑ์การจบการศกึ ษาระดับประถมศึกษา ๑. ผเู้ รียนเรียนรายวิชาพ้ืนฐานชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๑ – ๖ จำนวน ๑๒๐๐ชั่วโมง/ปีและรายวิชาเพิ่มเตมิ / กิจกรรมเพ่ิมเติมจำนวน๔๐ ชวั่ โมง/ปีและมผี ลการประเมนิ รายวิชาพ้ืนฐานผ่านทกุ รายวชิ า ๒. ผเู้ รียนเรยี นรายวิชาพน้ื ฐานและรายวชิ าเพม่ิ เติม/กจิ กรรมเพ่ิมโดยเปน็ รายวชิ าพน้ื ฐานตามโครงสร้างเวลา เรยี นทห่ี ลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พื้นฐานกำหนดและรายวชิ าเพมิ่ เตมิ /กจิ กรรมเพม่ิ ตามทส่ี ถานศึกษากำหนด ๓. ผูเ้ รยี นต้องมีผลการประเมินรายวชิ าพืน้ ฐาน ระดับ ๑ ขนึ้ ไปทกุ รายวชิ าพนื้ ฐาน จงึ จะถือว่าวผ่านรายวิชา พื้นฐาน ๔. ผู้เรยี นต้องมีผลการประเมินการอา่ นคดิ วิเคราะห์และเขียนระดับ “ผ่าน” ขน้ึ ไป ๕. ผู้เรียนต้องมีผลการประเมินคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงคร์ ะดับ “ผ่าน” ขึ้นไป ๖. ผ้เู รียนตอ้ งเข้าร่วมกจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี นโดยมีเวลาเขา้ ร่วมกิจกรรมปีละ๑๑๖๐ชัว่ โมง/ปแี ละได้รบั การ ตดั สินผลการเรียน “ผา่ น”ทุกกิจกรรม ๗.ผู้เรยี นตอ้ งมเี วลาเรยี นตลอดปกี ารศึกษาไมน่ ้อยกวา่ ร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรยี นทัง้ หมด การจัดการเรยี นรู้ การจัดการเรียนรู้เป็นกระบวนการสำคัญในการนำหลักสูตรสู่การปฏิบัติ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น พื้นฐาน เป็นหลักสูตรที่มีมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสำคัญและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน เป็น เป้าหมายสำหรับพัฒนาเด็กและเยาวชน ในการพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณสมบัติตามเป้าหมายหลักสูตร ผู้สอนพยายามคัดสรรกระบวนการเรียนรู้ จดั การ เรียนรู้โดยช่วยให้ผู้เรียนเรียนรู้ผ่านสาระท่ีกำหนดไว้ในหลักสูตร ๘ กลุ่มสาระการเรียนรู้ รวมท้ังปลูกฝังเสริมสร้าง คุณลักษณะอันพึงประสงค์ พัฒนาทกั ษะตา่ งๆ อันเปน็ สมรรถนะสำคัญใหผ้ เู้ รยี นบรรลตุ ามเป้าหมาย ๑. หลักการจดั การเรยี นรู้ การจัดการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความสามารถตามมาตรฐานการเรียนรู้สมรรถนะสำคัญและ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามที่กำหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน โดยยึดหลักว่า ผู้เรียนมี ความสำคัญที่สุด เช่ือว่าทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ ยึดประโยชน์ที่เกิดกับผู้เรียน กระบวนการ จดั การเรียนรู้ต้องส่งเสรมิ ใหผ้ ู้เรียน สามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ คำนึงถึงความแตกตา่ งระหวา่ ง บคุ คลและพฒั นาการทางสมองเนน้ ใหค้ วามสำคัญทัง้ ความรู้ และคุณธรรม
๑๘๑ ๒. กระบวนการเรียนรู้ การจัดการเรียนรู้ทเ่ี น้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ผู้เรียนจะต้องอาศัยกระบวนการเรียนร้ทู ่ีหลากหลาย เป็นเครื่องมือ ท่ีจะนำพาตนเองไปสู่เป้าหมายของหลักสูตร กระบวนการเรยี นรทู้ ี่จำเป็นสำหรับผู้เรียน อาทิ กระบวนการเรยี นร้แู บบ บรู ณาการ กระบวนการสร้างความรู้ กระบวนการคิด กระบวนการทางสงั คม กระบวนเผชิญสถานการณแ์ ละแก้ปญั หา กระบวนการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง กระบวนการปฏิบัติ ลงมือทำจริงกระบวนการจัดการ กระบวนการวิจัย กระบวนการเรียนรู้การเรียนรขู้ องตนเอง กระบวนการพัฒนาลกั ษณะนิสยั กระบวนการเหล่านี้เป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู้ท่ีผู้เรียนควรได้รับการฝึกฝน พัฒนา เพราะจะสามารถ ช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดี บรรลุเป้าหมายของหลักสูตร ดังน้ัน ผู้สอน จึงจำเป็นต้องศึกษาทำความเข้าใจใน กระบวนการเรยี นร้ตู า่ ง ๆ เพอ่ื ให้สามารถเลอื กใชใ้ นการจัดกระบวนการเรียนรู้ได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ ๓. การออกแบบการจัดการเรียนรู้ ผู้สอนต้องศึกษาหลักสูตรสถานศึกษาให้เข้าใจถึงมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวช้ีวัด สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และสาระการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผู้เรียน แล้วจึงพิจารณาออกแบบการจัดการเรียนรู้ โดยเลือกใช้วิธีสอนและเทคนิคการสอน สื่อ/แหล่งเรียนรู้ การวัดและประเมินผล เพ่ือให้ผู้เรียนได้พัฒนาเต็มตาม ศักยภาพและบรรลตุ ามเปา้ หมายทก่ี ำหนด ๔. บทบาทของผู้สอนและผ้เู รยี น การจดั การเรยี นรเู้ พ่อื ให้ผู้เรยี นมคี ุณภาพตามเปา้ หมายของหลักสูตร ทง้ั ผู้สอนและผู้เรียนควรมบี ทบาท ดังนี้ ๔.๑ บทบาทของผู้สอน ๑) ศึกษาวิเคราะหผ์ ู้เรยี นเป็นรายบุคคล แล้วนำข้อมลู มาใชใ้ นการวางแผนการจัดการเรยี นรู้ ทีท่ ้า ทายความสามารถของผู้เรียน ๒) กำหนดเป้าหมายที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับผู้เรียน ด้านความรู้และทักษะกระบวนการ ท่ีเป็น ความคิดรวบยอด หลกั การ และความสมั พนั ธ์ รวมทงั้ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ๓) ออกแบบการเรียนรู้และจัดการเรียนรู้ที่ตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคลและพัฒนาการ ทางสมอง เพอื่ นำผเู้ รียนไปสเู่ ป้าหมาย ๔) จดั บรรยากาศทีเ่ ออื้ ต่อการเรียนรู้ และดแู ลชว่ ยเหลอื ผู้เรยี นให้เกิดการเรยี นรู้ ๕) จัดเตรียมและเลือกใช้ส่ือให้เหมาะสมกับกิจกรรม นำภูมิปัญญาท้องถ่ิน เทคโนโลยีท่ีเหมาะสมมา ประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอน ๖) ประเมินความกา้ วหน้าของผูเ้ รยี นด้วยวธิ ีการที่หลากหลาย เหมาะสมกับธรรมชาติของวชิ า และระดบั พัฒนาการของผู้เรียน ๗) วิเคราะห์ผลการประเมินมาใช้ในการซอ่ มเสริมและพัฒนาผู้เรียน รวมท้ังปรับปรงุ การจัดการเรียน การสอนของตนเอง ๔.๒ บทบาทของผู้เรยี น ๑) กำหนดเป้าหมาย วางแผนและรับผดิ ชอบการเรียนรู้ของตนเอง ๒) เสาะแสวงหาความรู้ เข้าถึงแหล่งการเรียนรู้ วิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อความรู้ ต้ังคำถาม คิดหาคำตอบ หรอื หาแนวทางแกป้ ญั หาด้วยวธิ ีการต่างๆ ๓) ลงมือปฏบิ ัตจิ รงิ สรุปสง่ิ ทไ่ี ดเ้ รยี นรู้ดว้ ยตนเอง และนำความรไู้ ปประยกุ ตใ์ ช้ในสถานการณต์ า่ งๆ
๑๘๒ ๔) มีปฏสิ ัมพนั ธ์ ทำงาน ทำกิจกรรมรว่ มกับกลมุ่ และครู ๕) ประเมินและพฒั นากระบวนการเรยี นร้ขู องตนเองอยา่ งตอ่ เน่ือง ส่อื การเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้เป็นเครื่องมือส่งเสริมสนับสนุนการจัดการกระบวนการเรียนรู้ ให้ผู้เรียนเข้าถึงความรู้ ทักษะ กระบวนการ และคณุ ลักษณะตามมาตรฐานของหลักสูตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่ือการเรียนรู้มีหลากหลายประเภท ทั้งส่ือธรรมชาติ ส่ือส่ิงพิมพ์ สื่อเทคโนโลยี และเครือข่าย การเรียนรู้ต่างๆ ท่ีมีในท้องถิ่น การเลือกใช้สื่อควรเลือกให้มี ความเหมาะสมกับระดบั พฒั นาการ และลีลาการเรียนรู้ทห่ี ลากหลายของผู้เรียน การจัดหาสื่อการเรียนรู้ ผู้เรียนและผู้สอนสามารถจัดทำและพัฒนาขึ้นเอง หรือปรับปรุงเลือกใช้อย่างมี คุณภาพจากสื่อต่างๆ ที่มีอยู่รอบตัวเพื่อนำมาใช้ประกอบในการจัดการเรียนรู้ที่สามารถส่งเสริมและส่ือสารให้ผู้เรียน เกดิ การเรียนรู้ โดยสถานศึกษาควรจดั ให้มีอย่างพอเพยี ง เพื่อพฒั นาให้ผู้เรียน เกิดการเรียนร้อู ยา่ งแท้จริง สถานศึกษา เขตพืน้ ท่กี ารศกึ ษา หนว่ ยงานท่ีเกีย่ วขอ้ งและผมู้ หี นา้ ทจี่ ดั การศึกษาข้ันพื้นฐาน ควรดำเนนิ การดังน้ี ๑. จัดให้มีแหล่งการเรียนรู้ ศูนย์ส่ือการเรียนรู้ ระบบสารสนเทศการเรียนรู้ และเครือข่ายการเรียนรู้ท่ีมี ประสิทธิภาพท้ังในสถานศึกษาและในชุมชน เพื่อการศึกษาค้นคว้าและการแลกเปล่ียนประสบการณ์การเรียนรู้ ระหวา่ งสถานศึกษา ท้องถิน่ ชุมชน สงั คมโลก ๒. จัดทำและจดั หาส่ือการเรยี นรู้สำหรับการศึกษาค้นควา้ ของผู้เรียน เสริมความรู้ให้ผู้สอน รวมทั้งจัดหาสง่ิ ท่ี มีอยู่ในทอ้ งถนิ่ มาประยกุ ตใ์ ชเ้ ปน็ ส่อื การเรียนรู้ ๓. เลือกและใช้ส่ือการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ มีความเหมาะสม มีความหลากหลาย สอดคล้อง กับวิธีการเรียนรู้ ธรรมชาตขิ องสาระการเรียนรู้ และความแตกต่างระหว่างบคุ คลของผเู้ รียน ๔. ประเมินคุณภาพของสือ่ การเรยี นรทู้ ีเ่ ลือกใชอ้ ยา่ งเปน็ ระบบ ๕. ศกึ ษาค้นควา้ วจิ ัย เพอ่ื พฒั นาสอื่ การเรียนรใู้ หส้ อดคลอ้ งกับกระบวนการเรียนรขู้ องผเู้ รยี น ๖. จัดให้มีการกำกับ ติดตาม ประเมินคุณภาพและประสิทธิภาพเกี่ยวกับสื่อและการใช้สื่อการเรียนรู้เป็น ระยะๆ และสม่ำเสมอ ในการจัดทำ การเลือกใช้ และการประเมินคุณภาพส่ือการเรียนรู้ที่ใช้ในสถานศึกษา ควรคำนึงถึงหลักการ สำคัญของส่ือการเรียนรู้ เช่น ความสอดคล้องกับหลักสูตร วัตถุประสงค์การเรียนรู้ การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ การจัดประสบการณ์ให้ผู้เรียน เน้ือหามีความถูกต้องและทันสมัย ไม่กระทบความมั่นคงของชาติ ไม่ขัดต่อศีลธรรม มี การใชภ้ าษาทถ่ี กู ตอ้ ง รปู แบบการนำเสนอทีเ่ ขา้ ใจง่าย และน่าสนใจ การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนต้องอยู่บนหลักการพื้นฐานสองประการคือการประเมินเพ่ือ พัฒนาผู้เรียนและเพื่อตัดสินผลการเรียน ในการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน ให้ประสบผลสำเร็จน้ัน ผู้เรียน จะต้องได้รับการพัฒนาและประเมินตามตัวช้ีวัดเพื่อให้บรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้ สะท้อนสมรรถนะสำคัญ และ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ของผเู้ รยี นซงึ่ เปน็ เป้าหมายหลักในการวัดและประเมินผลการเรยี นรูใ้ นทุกระดับไมว่ า่ จะเป็น ระดับชั้นเรียน ระดับสถานศึกษา ระดับเขตพื้นที่การศึกษา และระดับชาติ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ เป็น กระบวนการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนโดยใช้ผลการประเมินเป็นข้อมูลและสารสนเทศที่แสดงพัฒนาการ ความก้าวหน้า
๑๘๓ และความสำเร็จทางการเรียนของผู้เรียน ตลอดจนข้อมูลท่ีเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมให้ผูเ้ รียนเกิด การพัฒนาและ เรียนรู้อยา่ งเตม็ ตามศกั ยภาพ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ แบ่งออกเป็น ๔ ระดับ ได้แก่ ระดับชั้นเรียน ระดับสถานศึกษา ระดับเขต พ้นื ท่ีการศึกษา และระดบั ชาติ มีรายละเอียด ดังนี้ ๑. การประเมินระดับช้ันเรียน เป็นการวัดและประเมินผลท่ีอยู่ในกระบวนการจัดการเรียนรู้ ผู้สอน ดำเนินการเป็นปกติและสม่ำเสมอ ในการจัดการเรียนการสอน ใช้เทคนิคการประเมินอย่างหลากหลาย เช่น การ ซักถาม การสังเกต การตรวจการบ้าน การประเมินโครงงาน การประเมินช้ินงาน/ ภาระงาน แฟ้มสะสมงาน การใช้ แบบทดสอบ ฯลฯ โดยผสู้ อนเปน็ ผู้ประเมนิ เองหรอื เปิดโอกาสให้ผูเ้ รียนประเมินตนเอง เพื่อนประเมินเพือ่ น ผู้ปกครอง รว่ มประเมิน ในกรณีท่ไี มผ่ า่ นตัวชวี้ ัดใหม้ ีการสอนซ่อมเสรมิ การประเมินระดับชั้นเรียนเป็นการตรวจสอบว่า ผู้เรียนมีพัฒนาการความก้าวหน้าในการเรียนรู้ อันเป็น ผลมาจากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนหรือไม่ และมากน้อยเพียงใด มีส่ิงที่จะต้องได้รับการพัฒนาปรับปรุงและ ส่งเสริมในด้านใด นอกจากนี้ยังเป็นข้อมูลให้ผู้สอนใช้ปรับปรุงการเรียนการสอนของตนด้วย ทั้งน้ีโดยสอดคล้องกับ มาตรฐานการเรียนรแู้ ละตัวชีว้ ดั ๒. การประเมินระดับสถานศึกษา เป็นการประเมินที่สถานศึกษาดำเนินการเพ่ือตัดสินผล การเรียนของ ผู้เรียนเป็นรายปี/รายภาค ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ และกิจกรรม พัฒนาผู้เรียน นอกจากน้ีเพ่ือให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการศึกษา ของสถานศึกษา ว่าส่งผลต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน ตามเป้าหมายหรือไม่ ผู้เรียนมีจุดพัฒนาในด้านใด รวมท้ังสามารถนำผลการเรียนของผู้เรียนในสถานศึกษา เปรียบเทียบกับเกณฑ์ระดับชาติ ผลการประเมินระดับสถานศึกษาจะเป็นข้อมูลและสารสนเทศเพื่อการปรับปรุง นโยบาย หลักสูตร โครงการ หรือวิธีการจัดการเรียนการสอน ตลอดจนเพ่ือการจัดทำแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษา ของสถานศึกษา ตามแนวทางการประกันคุณภาพการศึกษาและการรายงานผลการจัดการศึกษาต่อคณะกรรมการ สถานศึกษา สำนกั งานเขตพื้นทก่ี ารศกึ ษา สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน ผู้ปกครองและชมุ ชน ๓. การประเมินระดับเขตพื้นท่ีการศึกษา เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับเขตพ้ืนท่ีการศึกษาตาม มาตรฐานการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน เพ่ือใช้เป็นข้อมูลพ้ืนฐานในการพัฒนาคุณภาพ การศึกษาของเขตพ้ืนที่การศึกษา ตามภาระความรับผิดชอบ สามารถดำเนินการโดยประเมินคุณภาพผลสัมฤทธ์ิของ ผู้เรียนด้วยข้อสอบมาตรฐานที่จัดทำและดำเนินการโดยเขตพ้ืนที่การศึกษา หรือด้วยความร่วมมือกับหน่วยงานต้น สังกัด ในการดำเนินการจดั สอบ นอกจากนี้ยงั ไดจ้ ากการตรวจสอบทบทวนข้อมลู จากการประเมนิ ระดับสถานศึกษาใน เขตพื้นทีก่ ารศกึ ษา ๔. การประเมินระดบั ชาติ เปน็ การประเมนิ คุณภาพผเู้ รยี นในระดับชาตติ ามมาตรฐานการเรยี นรตู้ าม หลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน สถานศึกษาต้องจัดให้ผเู้ รยี นทุกคนทเ่ี รยี น ในช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี ๓ ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๖ เขา้ รับการประเมนิ ผลจากการประเมินใชเ้ ป็นข้อมลู ในการเทียบเคยี งคุณภาพการศึกษาในระดบั ต่าง ๆ เพ่ือนำไปใชใ้ นการวางแผนยกระดับคณุ ภาพการจัดการศึกษา ตลอดจนเปน็ ข้อมูลสนับสนนุ การตดั สินใจใน ระดบั นโยบายของประเทศ ข้อมูลการประเมินในระดับต่างๆ ข้างต้น เป็นประโยชน์ต่อสถานศึกษาในการตรวจสอบทบทวนพัฒนา คุณภาพผู้เรียน ถือเป็นภาระความรับผิดชอบของสถานศกึ ษาที่จะต้องจัดระบบดแู ลช่วยเหลอื ปรบั ปรุงแกไ้ ข ส่งเสริม สนับสนุนเพ่ือให้ผู้เรียนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพบนพ้ืนฐานความแตกต่างระหว่างบุคคลท่ีจำแนกตามสภาพปัญหา และความต้องการ ได้แก่ กลุ่มผู้เรยี นทั่วไป กล่มุ ผู้เรียนที่มีความสามารถพิเศษ กลุ่มผู้เรียนที่มีผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี น ต่ำ กลุ่มผู้เรียนท่ีมีปัญหาด้านวินัยและพฤติกรรม กลุ่มผู้เรียนท่ีปฏิเสธโรงเรียน กลุ่มผู้เรียนที่มีปัญหาทางเศรษฐกิจ
๑๘๔ และสังคม กลุ่มพิการทางร่างกายและสติปัญญา เป็นต้น ข้อมูลจากการประเมินจึงเป็นหัวใจของสถานศึกษาในการ ดำเนนิ การชว่ ยเหลือผเู้ รียนไดท้ ันท่วงที เปิดโอกาสให้ผ้เู รยี นไดร้ ับการพัฒนาและประสบความสำเร็จในการเรยี น สถานศึกษาในฐานะผู้รับผิดชอบจัดการศึกษา จะต้องจัดทำระเบียบว่าด้วยการวัดและประเมินผลการเรียน ของสถานศึกษาให้สอดคล้องและเป็นไปตามหลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติท่ีเป็นข้อกำหนดของหลักสูตรแก นกลาง การศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน เพื่อใหบ้ ุคลากรทเ่ี ก่ยี วข้องทุกฝ่ายถือปฏบิ ตั ริ ่วมกัน เกณฑก์ ารวัดและประเมนิ ผลการเรียน ๑. การตดั สิน การให้ระดับและการรายงานผลการเรยี น ๑.๑ การตัดสนิ ผลการเรยี น ในการตดั สนิ ผลการเรยี นของกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ การอา่ น คิดวิเคราะห์และเขยี น คุณลักษณะอันพึง ประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผเู้ รียนนั้น ผูส้ อนตอ้ งคำนึงถึงการพัฒนาผู้เรยี นแต่ละคนเป็นหลกั และต้องเกบ็ ข้อมูลของ ผู้เรียนทุกด้านอย่างสม่ำเสมอและต่อเนือ่ งในแตล่ ะภาคเรียน รวมท้ังสอนซ่อมเสริมผเู้ รียนให้พัฒนาจนเตม็ ตามศักยภาพ ระดับประถมศึกษา (๑) ผูเ้ รียนตอ้ งมเี วลาเรียนไม่นอ้ ยกว่าร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียนทัง้ หมด (๒) ผูเ้ รยี นต้องได้รบั การประเมนิ ทุกตัวชว้ี ดั และผ่านตามเกณฑท์ ีส่ ถานศกึ ษากำหนด (๓) ผูเ้ รยี นต้องได้รบั การตัดสนิ ผลการเรียนทุกรายวิชา (๔) ผเู้ รยี นตอ้ งไดร้ ับการประเมิน และมีผลการประเมนิ ผา่ นตามเกณฑ์ท่ีสถานศึกษากำหนด ในการ อ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ และกจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น การพจิ ารณาเล่ือนชนั้ ถ้าผู้เรียนมีข้อบกพร่องเพียงเล็กนอ้ ย และสถานศกึ ษาพิจารณาเห็นว่าสามารถ พัฒนาและสอนซ่อมเสริมได้ ให้อยู่ในดุลพนิ ิจของสถานศกึ ษาท่ีจะผอ่ นผันให้เลื่อนชั้นได้ แต่หากผู้เรียนไม่ผ่านรายวิชา จำนวนมาก และมีแนวโนม้ วา่ จะเป็นปัญหาต่อการเรยี นในระดบั ชั้นท่สี ูงขนึ้ สถานศึกษาอาจตงั้ คณะกรรมการพจิ ารณา ให้เรยี นซำ้ ช้นั ได้ ทงั้ นใี้ ห้คำนงึ ถึงวฒุ ภิ าวะและความรู้ความสามารถของผ้เู รียนเป็นสำคญั ๑.๒ การให้ระดบั ผลการเรยี น ระดับประถมศึกษาการตัดสินเพื่อให้ระดับผลการเรียนรายวิชาของกลุ่มสาระการเรียนรู้กำหนดให้ใช้ ตวั เลขแสดงระดับผลการเรยี นเปน็ ๘ระดบั โดยมแี นวการใหค้ ะแนนระดับผลการเรียนดงั น้ี คะแนนรอ้ ยละ ระดับผลการเรียน ความหมายของผลการประเมิน ๘๐-๑๐๐ ๔ ดเี ยยี่ ม ๗๕-๗๙ ๓.๕ ดีมาก ๗๐-๗๔ ๓ ๖๕-๖๙ ๒.๕ ดี ๖๐-๖๔ ๒ คอ่ นข้างดี ๕๕-๕๙ ๑.๕ ปานกลาง ๕๐-๕๔ ๑ ๐-๔๙ ๐ พอใช้ ผ่านเกณฑ์ขน้ั ต่ำ ตำ่ กว่าเกณฑ์
๑๘๕ การประเมินการอ่านคดิ วเิ คราะหแ์ ละเขียนและคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงคน์ น้ั ให้ระดบั ผลการประเมนิ เป็น ผ่านและไมผ่ ่านกรณผี า่ นให้ระดับผลการเรียนเป็นดีเย่ยี มดีและผา่ นโดยใชเ้ กณฑ์การประเมนิ ดงั นี้ ๑) การประเมนิ อา่ นคดิ วิเคราะหแ์ ละเขยี น ดีเยย่ี มหมายถงึ สามารถจบั ใจความสำคัญได้ครบถ้วนเขยี นวพิ ากษว์ จิ ารณเ์ ขียนสร้างสรรค์ แสดงความคดิ เหน็ ประกอบอยา่ งมีเหตผุ ลไดถ้ ูกต้องและสมบรู ณใ์ ชภ้ าษาสภุ าพและเรยี บเรยี งไดส้ ละสลวย ดหี มายถึงสามารถจบั ใจความสำคญั ได้เขียนวพิ ากษว์ ิจารณ์และเขียนสร้างสรรค์ได้โดยใช้ ภาษาสุภาพ ผา่ นหมายถงึ สามารถจับใจความสำคญั ได้และเขียนวิพากษ์วิจารณ์ไดบ้ า้ ง ๒) การประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ดีเย่ียมหมายถึงผเู้ รียนมีคณุ ลักษณะในการปฏิบตั ิจนเปน็ นิสยั และนำไปใช้ในชีวติ ประจำวนั เพอ่ื ประโยชนส์ ุขของตนเองและสงั คม ดหี มายถงึ ผู้เรียนมีคุณลกั ษณะในการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์เพ่ือใหเ้ ป็นท่ียอมรับของสังคม ผา่ นหมายถงึ ผ้เู รียนรับร้แู ละปฏิบตั ติ ามกฎเกณฑแ์ ละเงื่อนไขที่สถานศกึ ษากำหนด ๓) การประเมนิ กิจกรรมพฒั นาผู้เรียนจะต้องพิจารณาทงั้ เวลาการเข้าร่วมกิจกรรมการปฏิบัติกจิ กรรมและผลงานของ ผู้เรยี นตามเกณฑท์ ี่กำหนดและใหผ้ ลการเขา้ รว่ มกิจกรรมเป็นผ่านและไมผ่ ่าน ๑.๓ การรายงานผลการเรียน การรายงานผลการเรียนเป็นการส่ือสารให้ผู้ปกครองและผู้เรียนทราบความก้าวหน้าในการเรียนรู้ของ ผ้เู รียน ซงึ่ สถานศึกษาต้องสรุปผลการประเมินและจัดทำเอกสารรายงานให้ผู้ปกครองทราบเปน็ ระยะๆ หรืออย่างน้อย ภาคเรยี นละ ๑ คร้งั การรายงานผลการเรียนสามารถรายงานเป็นระดับคณุ ภาพการปฏบิ ัติของผเู้ รยี นทส่ี ะทอ้ นมาตรฐานการ เรยี นรกู้ ลุ่มสาระการเรยี นรู้ ๒. เกณฑก์ ารจบการศกึ ษา หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน กำหนดเกณฑ์กลางสำหรับการจบการศึกษาเป็น ๑ ระดับ คอื ระดับ ประถมศกึ ษา ๒.๑ เกณฑ์การจบระดับประถมศึกษา (๑) ผู้เรียนเรียนรายวิชาพื้นฐาน และรายวิชา/กิจกรรมเพ่ิมเติมตามโครงสร้างเวลาเรียนที่หลักสูตร แกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐานกำหนด (๒) ผูเ้ รยี นต้องมีผลการประเมนิ รายวิชาพนื้ ฐาน ผ่านเกณฑ์การประเมินตามทีส่ ถานศกึ ษากำหนด (๓) ผูเ้ รยี นมีผลการประเมนิ การอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขยี นในระดับผา่ นเกณฑ์การประเมินตามที่ สถานศกึ ษากำหนด (๔) ผู้เรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมินตามที่ สถานศกึ ษากำหนด (๕) ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและมีผลการประเมินผ่านเกณฑ์การประเมินตามที่ สถานศึกษากำหนด สำหรับการจบการศึกษาสำหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เช่น การศึกษาเฉพาะทาง การศึกษาสำหรับผู้มี ความสามารถพิเศษ การศึกษาทางเลือก การศกึ ษาสำหรบั ผูด้ อ้ ยโอกาส การศกึ ษาตามอัธยาศยั ให้คณะกรรมการของ
๑๘๖ สถานศึกษา เขตพ้ืนที่การศึกษา และผู้ท่ีเกี่ยวข้อง ดำเนินการวัดและประเมินผล การเรียนรู้ตามหลักเกณฑ์ในแนว ปฏิบัตกิ ารวดั และประเมินผลการเรียนรู้ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานสำหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เอกสารหลกั ฐานการศึกษา เอกสารหลักฐานการศึกษา เป็นเอกสารสำคัญที่บันทึกผลการเรียน ข้อมูลและสารสนเทศท่ีเกี่ยวข้องกับ พัฒนาการของผ้เู รียนในด้านต่าง ๆ แบ่งออกเปน็ ๒ ประเภท ดงั น้ี ๑. เอกสารหลักฐานการศึกษาทก่ี ระทรวงศกึ ษาธกิ ารกำหนด ๑.๑ ระเบียนแสดงผลการเรียน เป็นเอกสารแสดงผลการเรียนและรับรองผลการเรียนของผู้เรียน ตามรายวิชา ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน ผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของ สถานศึกษา และผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน สถานศึกษาจะต้องบันทึกข้อมูลและออกเอกสารน้ีให้ผู้เรียน เปน็ รายบคุ คล เม่ือผู้เรยี นจบการศกึ ษาระดับประถมศึกษา (ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖) ๑.๓ แบบรายงานผู้สำเร็จการศึกษา เปน็ เอกสารอนมุ ัติการจบหลกั สูตรโดยบันทึกรายชอ่ื และข้อมูล ของผู้จบการศึกษาระดับประถมศึกษา (ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖) ๒. เอกสารหลกั ฐานการศกึ ษาทีส่ ถานศกึ ษากำหนด เปน็ เอกสารท่ีสถานศึกษาจดั ทำขนึ้ เพื่อบนั ทึกพัฒนาการ ผลการเรยี นรู้ และข้อมูลสำคัญ เกย่ี วกับผ้เู รยี น เช่น แบบรายงานประจำตัวนักเรียน แบบบันทึกผลการเรียนประจำรายวิชา ระเบียนสะสม ใบรับรองผลการเรียน และ เอกสารอน่ื ๆ ตามวตั ถปุ ระสงคข์ องการนำเอกสารไปใช้ การเทียบโอนผลการเรยี น สถานศึกษาสามารถเทียบโอนผลการเรียนของผู้เรียนในกรณีต่างๆได้แก่ การย้ายสถานศึกษา การเปล่ียน รูปแบบการศึกษา การย้ายหลักสูตร การออกกลางคันและขอกลับเขา้ รับการศึกษาต่อ การศึกษาจากต่างประเทศและ ขอเขา้ ศกึ ษาตอ่ ในประเทศ นอกจากนี้ ยงั สามารถเทยี บโอนความรู้ ทักษะ ประสบการณจ์ ากแหลง่ การเรยี นรู้อืน่ ๆ เช่น สถานประกอบการ สถาบนั ศาสนา สถาบนั การฝึกอบรมอาชีพ การจดั การศึกษาโดยครอบครัว การเทียบโอนผลการเรียนควรดำเนินการในช่วงก่อนเปิดภาคเรียนแรก หรือต้นภาคเรียนแรก ท่ีสถานศึกษา รบั ผ้ขู อเทียบโอนเป็นผ้เู รยี น ทั้งน้ี ผู้เรียนท่ีได้รับการเทียบโอนผลการเรียนตอ้ งศึกษาต่อเนือ่ งในสถานศึกษาท่ีรับเทียบ โอนอย่างนอ้ ย ๑ ภาคเรยี น โดยสถานศกึ ษาท่รี ับผ้เู รียนจากการเทยี บโอนควรกำหนดรายวิชา/จำนวนหนว่ ยกิตทจ่ี ะรับ เทียบโอนตามความเหมาะสม การพิจารณาการเทยี บโอน สามารถดำเนนิ การได้ ดังน้ี ๑. พิจารณาจากหลักฐานการศกึ ษา และเอกสารอื่นๆ ท่ีให้ข้อมูลแสดงความรู้ ความสามารถของผเู้ รียน ๒. พจิ ารณาจากความรู้ ความสามารถของผู้เรยี นโดยการทดสอบด้วยวธิ ีการต่างๆ ท้ังภาคความรแู้ ละ ภาคปฏิบัติ ๓. พจิ ารณาจากความสามารถและการปฏิบัติในสภาพจรงิ การเทยี บโอนผลการเรียนให้เปน็ ไปตาม ประกาศ หรือ แนวปฏิบตั ิ ของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร
๑๘๗ การบริหารจัดการหลกั สูตร ในระบบการศึกษาที่มีการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นและสถานศึกษามีบทบาทในการพัฒนาหลักสูตรน้ัน หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในแต่ละระดับ ต้ังแต่ระดับชาติ ระดับท้องถ่ิน จนถึงระดับสถานศึกษา มีบทบาทหน้าที่ และความรบั ผิดชอบในการพฒั นา สนบั สนุน ส่งเสรมิ การใช้และพัฒนาหลกั สูตรใหเ้ ป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพ่ือให้ การดำเนินการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษาและการจัดการเรียนการสอนของสถานศึกษามีประสิทธิภาพสูงสุด อั นจะ สง่ ผลใหก้ ารพัฒนาคุณภาพผเู้ รียนบรรลุตามมาตรฐานการเรียนรูท้ ี่กำหนดไว้ในระดับชาติ ระดับท้องถ่ิน ได้แก่ สำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา หน่วยงานต้นสังกัดอ่ืน ๆ เป็นหน่วยงานที่มีบทบาทในการ ขับเคล่ือนคุณภาพการจัดการศึกษา เป็นตัวกลางที่จะเช่ือมโยงหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐานท่ีกำหนดใน ระดับชาติให้สอดคล้องกับสภาพและความต้องการของท้องถิ่น เพื่อนำไปสู่การจัดทำหลักสูตรของสถานศึกษา ส่งเสริมการใช้และพัฒนาหลักสูตรในระดับสถานศึกษา ให้ประสบความสำเร็จ โดยมีภารกิจสำคัญ คือ กำหนด เป้าหมายและจุดเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ในระดับท้องถ่ินโดยพิจารณาให้สอดคล้องกับส่ิงที่เป็นความต้องการ ในระดบั ชาติ พัฒนาสาระ การเรยี นรู้ท้องถนิ่ ประเมินคุณภาพการศึกษาในระดับท้องถิ่น รวมท้ังเพิ่มพูนคุณภาพการ ใช้หลักสูตรด้วยการวิจัยและพัฒนา การพัฒนาบุคลากร สนับสนุน ส่งเสริม ติดตามผล ประเมินผล วิเคราะห์ และ รายงานผลคุณภาพของผเู้ รยี น สถานศึกษามีหน้าท่ีสำคัญในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา การวางแผนและดำเนินการใช้หลักสูตร การ เพิ่มพูนคุณภาพการใช้หลักสูตรด้วยการวิจัยและพัฒนา การปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรจัดทำระเบียบการวัดและ ประเมินผล ในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาต้องพิจารณาให้สอดคล้อง กับหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน และรายละเอียดท่ีเขตพื้นที่การศึกษา หรือหน่วยงาน สังกัดอ่ืนๆ ในระดับท้องถิ่นได้จัดทำเพิ่มเติม รวมท้ัง สถานศึกษาสามารถเพ่ิมเติมในส่วนท่ีเก่ียวกับสภาพปัญหาในชุมชนและสังคม ภูมิปัญญาท้องถิ่น และความต้องการ ของผูเ้ รียน โดยทกุ ภาคสว่ นเข้ามามสี ่วนรว่ มในการพฒั นาหลักสูตรสถานศกึ ษา
๑๘๘ ภาคผนวก
๑๘๙ คำสัง่ โรงเรียนวัดไมเ้ สยี บ ที่ ๔1 / 2561 เร่ือง แต่งต้ังคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการของสถานศึกษา …………………………………………… คำสั่งกระทรวงศึกษาธิการ ท่ี สพฐ. 1239/2560 ลงวันท่ี 7 สิงหาคม 2560 เรื่อง ให้ใช้มาตรฐานการ เรียนรู้และตัวช้ีวัด กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสาระภูมิศาสตร์ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 โดย ใหเ้ ร่ิมใช้ในปีการศึกษา 2561 ในชั้นประถมศึกษาปีท่ี 1 และ 4 และช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 1 และ 4 นั้น สถานศึกษาจะตอ้ ง นำมาตรฐานการเรียนรแู้ ละตัวชว้ี ัด ดังกลา่ ว ไปจัดทำหลกั สูตรสถานศึกษาเพ่ือพัฒนาผเู้ รยี นให้บรรลุมาตรฐานและตัวชว้ี ัดท่ี กำหนด เพอ่ื ให้การบริหารหลกั สูตรและงานวชิ าการสถานศึกษาข้นั พ้ืนฐานเป็นไปอย่างมีประสทิ ธภิ าพ สอดคล้องกับ พระราชบญั ญตั ิการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แกไ้ ขเพ่มิ เติม หมวด 4 มาตรา 27 ที่กำหนดให้สถานศกึ ษาขั้น พื้นฐานมีหน้าที่จัดทำสาระของหลักสูตรเพ่ือความเป็นไทย ความเป็นพลเมืองท่ีดีของชาติ การดำรงชีวิต และการ ประกอบอาชีพตลอดจนเพื่อการศึกษาต่อ ในส่วนท่ีเก่ียวกับสภาพของปัญหา ในชุมชนและสังคม ภูมิปัญญาท้องถิ่น คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์เพอื่ เปน็ สมาชกิ ท่ีดีของครอบครวั ชุมชน สงั คมและประเทศชาติ ดงั น้ัน อาศยั อำนาจตามมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญตั ปิ รับปรงุ กระทรวง ทบวง กรม พ.ศ.2534 ระเบยี บ กระทรวงศึกษาธิการว่าดว้ ยคณะกรรมการบริหารหลกั สตู รและงานวชิ าการสถานศึกษา พ.ศ. 2544 จงึ ขอแต่งต้ัง คณะกรรมการบริหารหลักสตู รและวิชาการสถานศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐานโรงเรยี นวัดไม้เสยี บ ดงั นี้ 1. นายประพนั ธ์ ยังช่วย ผอู้ ำนวยการโรงเรยี น ประธานกรรมการ 2. นางสาวนฤมล ภิรมยร์ กั ษ์ หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย กรรมการ 3. นางพรรณี นาคปลัด หวั หนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ กรรมการ 4. นางสาวอโนชา ไทรแก้ว หวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ กรรมการ 5. นางสชุ าติ ทองมี หวั หนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สงั คมศกึ ษาศาสนา กรรมการ และวฒั นธรรม 6. นายรสธศกั ดิ์ นภากุล หัวหนา้ กล่มุ สาระการเรียนรู้ประวัตศิ าสตร์ กรรมการ 7. นายกำพล จงไกรจักร หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรูส้ ขุ ศกึ ษาและพลศึกษา กรรมการ 8. นายศุภมิตร วรรณเปรม ศึกษาหัวหนา้ กลมุ่ สาระการเรียนรศู้ ลิ ปะ กรรมการ 9. นางประนอม มัจฉาวรกุล หวั หนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชพี และเทคโนโลยี กรรมการ 10. นายศุภมติ ร วรณเปรม ศกึ ษาหัวหนา้ กลมุ่ สาระการเรียนรศู้ ิลปะ กรรมการ 11. นายชำนาญ มณพี นั ธ์ หวั หน้างานกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน กรรมการ 12. นายรสธศกั ดิ์ นภากลุ หวั หนา้ งานแนะแนว กรรมการ 13. นางประนอม มจั ฉาวรกุล หัวหนา้ งานพัฒนาหลักสูตร กรรมการและเลขานุการ 14. นางณํฐกานต์ คุณาเทพ หวั หน้างานวดั ผลและประเมนิ ผลการศึกษา กรรมการและผู้ชว่ ยเลขานกุ าร
๑๙๐ คณะกรรมการดำเนินงาน มีหน้าทแ่ี ละดำเนินการจัดการตามขัน้ ตอนท่กี ำหนด ดังนี้ 1. วางแผนการดำเนนิ งานวชิ าการ กำหนดสาระรายละเอียดของหลักสตู รระดบั สถานศกึ ษา และแนวการจัด สดั ส่วนสาระการเรยี นรู้ และกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียนของสถานศึกษาให้สอดคลอ้ งกับหลกั สตู รการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐานสภาพ เศรษฐกจิ สังคม ศิลปวัฒนธรรม ภูมปิ ญั ญาทอ้ งถ่นิ 2. จัดทำคู่มือบริหารหลักสูตรและงานวิชาการของสถานศึกษา นิเทศ กำกับ ติดตาม ให้คำปรึกษาเก่ียวกับการ พัฒนาหลักสูตร การจัดกระบวนการเรียนรู้ การวัดและประเมินผล และการแนะแนวให้สอดคล้องและเป็นไปตาม มาตรฐานหลักสตู รการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน 3. สง่ เสริมและสนบั สนุนการพฒั นาบคุ ลากรเก่ยี วกบั การพัฒนาหลกั สูตร การจัดกระบวนการเรียนรู้ การวัดและ ประเมินผลและการแนะแนวให้เปน็ ไปตามจุดหมายและแนวทางการดำเนินการของหลักสตู ร 4. ประสานความร่วมมือจากบุคคล หน่วยงาน องค์กรต่างๆ และชุมชนเพื่อให้การใช้หลักสูตรเป็นไปอย่างมี ประสิทธภิ าพและคุณภาพ 5. ประชาสัมพันธ์หลักสูตรและการใช้หลักสูตรแก่นักเรียน ผู้ปกครอง ชุมชนและผู้ที่เกี่ยวข้อง และนำข้อมูล ปอ้ นกลบั จากฝา่ ยต่างๆ มาพิจารณาเพือ่ การปรบั ปรงุ และพฒั นาหลกั สตู รของสถานศึกษา 6. ส่งเสรมิ และสนับสนุนการวจิ ัยเก่ียวกบั การพัฒนาหลักสูตรและกระบวนการเรยี นรู้ 7. ตดิ ตามผลการเรียนของนักเรยี นรายบคุ คล ระดับชัน้ ระดบั ชว่ งชน้ั ระดบั กลุ่มวิชาในแตล่ ะปีการศกึ ษา เพ่ือ ปรับปรงุ แกไ้ ขและพฒั นาการดำเนินงานด้านตา่ งๆ ของสถานศึกษา 8.ตรวจสอบ ทบทวน ประเมินมาตรฐานการปฏบิ ัติงานของครูและบริหารหลกั สตู รระดบั สถานศึกษาในรอบปีท่ี ผา่ นมา แลว้ ใชผ้ ลการประเมนิ เพอ่ื วางแผนพัฒนาการปฏิบตั งิ านของครแู ละการบรหิ ารหลกั สูตรปกี ารศึกษาต่อไป 9. รายงานผลการปฏบิ ัตงิ านและผลการบริหารหลกั สูตรของสถานศกึ ษา โดยเนน้ ผลการพัฒนาคุณภาพนักเรยี น ตอ่ คณะกรรมการสถานศึกษาข้นั พน้ื ฐาน คณะกรรมการบริหารหลกั สตู รระดบั เหนือสถานศึกษา สาธารณชนและผทู้ ี่ เกี่ยวขอ้ ง ท้ังน้ี ตัง้ แต่บัดน้ีเป็นตน้ ไป ส่ัง ณ วันที่ ๑๓ เดอื น กนั ยายน พ.ศ. 2561 (นายประพนั ธ์ ยังชว่ ย) ผู้อำนวยการโรงเรยี นวัดไมเ้ สียบ
๑๙๑ ประกาศโรงเรยี นวดั ไมเ้ สยี บ เรื่อง ใหใ้ ช้หลกั สูตรโรงเรยี นวดั ไม้เสียบ (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๑) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ………………………………. ตามท่ีโรงเรียนวดั ไม้เสยี บ ได้ประกาศใช้หลักสูตรโรงเรียนวดั ไม้เสยี บ พุทธศักราช ๒๕๕๓(ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) โดยเร่ิมใช้หลักสูตรดังกล่าวกับนักเรียนทุกระดับชั้นในปีการศึกษา ๒๕๕๓ ต่อมาในปีการศึกษา ๒๕๕๘ โรงเรียนวัดไม้เสียบ ได้เพิ่มรายวิชาเพิ่มเติมเพื่อให้สอดคล้องรับกับนโยบายเร่งด่วนของรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงศึกษาธิการ เพื่อให้ผ้เู รยี นพัฒนาทักษะกระบวนการคิด วิเคราะห์ มีเวลาในการทำกจิ กรรมเพ่ือพัฒนาความรู้ ความสามารถและทักษะ การปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม การสร้างวินัย การมีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคม ยึดม่ัน ใน สถาบันชาติศาสนา พระมหากษัตริย์ และมีความภาคภูมิใจในความเป็นไทย ตลอดจนการเรียนการสอนในวิชา ประวัติศาสตร์ และหน้าที่พลเมือง รวมถึงการสอนศีลธรรมแก่นักเรียน โรงเรียนวัดไม้เสียบ ได้ดำเนินการจัดทำ หลักสูตรโรงเรียนวัดไม้เสียบ พุทธศักราช ๒๕๕๓(ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๐) สอดคล้องตาม ประกาศ กระทรวงศึกษาธกิ าร เรื่อง การบริหารจัดการเวลาเรียน และปรับมาตรฐานและตัวชี้วัดสอดคล้องกับ คำสั่งสพฐ. ท่ี ๑๒๓๙/๖๐ และประกาศ สพฐ.ลงวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๖๑ เปน็ ทเ่ี รียบร้อยแล้ว ทงั้ น้ีหลักสตู รโรงเรียนวัดไม้เสยี บ ได้รบั ความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพน้ื ฐาน เมือ่ วนั ท่ี ๒๕ เมษายน ๒๕๖๑ จงึ ประกาศใหใ้ ช้หลกั สูตรโรงเรียนต้งั แตบ่ ดั น้ีเปน็ ตน้ ไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๕ เดอื น เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๑ ลงชอื่ ลงชื่อ (นายยงสุข ยมิ้ มุก) (นายประพันธ์ ยังช่วย) ผูอ้ ำนวยการโรงเรียนวดั ไมเ้ สยี บ ประธานคณะกรรมการสถานศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน โรงเรียนวดั ไมเ้ สยี บ
๑๙๒
หลกั สูตรโรงเรียนวดั ไมเ้ สยี บ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พทุ ธศกั ราช๒๕๖๐) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พื้นฐานพุทธศกั ราช๒๕๕๑
หลกั สูตรโรงเรียนวดั ไมเ้ สยี บ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พทุ ธศกั ราช๒๕๖๐) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พื้นฐานพุทธศกั ราช๒๕๕๑
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194