ค่มู ือประจำฐำน ฐำนกำรเรียนรู้ สำมทหำรเสือตะกร้ำปันสุข ศูนยก์ ำรศกึ ษำนอกระบบและกำรศึกษำนำมอัธยำศยั อำเภอวังน้ำเย็น สำนักงำนสง่ เสรมิ กำรศึกษำศึกษำนอกระบบและกำรศึกษำตำมอัธยำศยั จังหวัด สระแกว้
คาํ นาํ เอกสารคู่มอื การปฏิบตั งิ านเล่มนี้ เป็นการรวบรวมความรู้จากเอกสาร ตํารา แนวปฏบิ ตั ิทดี่ ีโดยนาํ ความรูเ้ หลา่ นนั้ มาประมวลเปน็ ค่มู อื การปฏิบตั ิงาน เรื่อง “ฐานการเรียนรู้ สามทหารเสอื ตะกร้าปนั สุข” สาํ หรับ ให้ ผูท้ ร่ี ับผดิ ชอบได้ ศึกษาแนวทาง สามารถปฏบิ ตั งิ านไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ และประสทิ ธผิ ลยง่ิ ขน้ึ โดย แสดงแผนผงั เส้นทางการทํางาน ทมี่ จี ดุ เร่ิมต้นและจุดสน้ิ สุดของกระบวนการ ระบุถึงขั้นตอนและรายละเอียด ของกระบวนการ ทั้งน้ีเพือ่ อใหก้ ารปฏิบตั งิ าน เปน็ ระบบและมมี าตรฐานเดยี วกนั คณะผู้จดั ทำหวังเป็นอยา่ งยย่ิงวา่ เอกสารคู่มือการปฏิบตั ิงานน้จี ะเปน็ ประโยชน์ใชเ้ ป็นแนวทางในการ ใหข้ อ้ มูลที่ครบถ้วนชดั เจน และมปี ระสทิ ธิภาพย่ิงขน้ึ ต่อไป คณะผู้จดั ทำ มนี าคม 2565
ฐำนกำรเรียนรู้ สำมทหำรเสือตะกร้ำปันสุข กำรแบง่ ปัน คือการสง่ ต่อการเป็นคนใหซ้ ่งึ กนั และกนั ก็จะไดร้ บั ความสขุ กลบั มาทงั้ ผใู้ หแ้ ละผรู้ บั ข่ำ
ลกั ษณะทำงพฤกษศำสตร์ ไมล้ ม้ ลกุ อายหุ ลายปี สงู ประมาณ 1.5 – 2 เมตร มลี าตน้ ใตด้ นิ เรียกว่าเหงา้ มขี อ้ และปลอ้ งชดั เจน เลือ้ ยขนานพืน้ ดนิ และแตกแขนงเป็นแงง่ เหงา้ หวั มีขนาดใหญ่ดว้ นสีขาว ลาตน้ เทยี มเหนือดินคือสว่ นของ กาบใบท่หี มุ้ ซอ้ นทบั กนั มีสีเขียวทรงกระบอกกลม เนอื้ ในสีเหลืองและมกี ลิน่ หอมเฉพาะ ใบ เป็นใบเด่ียว แตกใบเวยี นรอบตน้ ลกั ษณะใบรูปขอบขนานหรือรูปขอบขนานแกมรูปไข่ ขอบใบ เรียบและบางช่วงเป็นคลื่น ปลายใบเป็นติ่งแหลมหรือเรียวแหลม โคนใบเฉียงและสอบเรยี วเขา้ หากา้ นใบ แผ่นใบสีเขยี วเขม้ เป็นมนั กา้ นใบสน้ั กวา้ ง 7-9 ซม. ยาว 20-40 ซม. ดอก ออกดอกเป็นชอ่ แบบช่อกระจะ ตรงปลายยอด แกนกลางช่อมีขนและดอกดช่อจะจดั อยู่ ดว้ ยกนั อย่างหลวมๆ ช่อท่ยี งั อ่อนจะมีใบประดบั รูปไขล่ กั ษณะเป็นกาบสีเขียวอมเหลืองหมุ้ มิด ดอกสขี าว ขนาดเล็ก กลีบดอกเช่อื มติดกนั เป็นหลอดสน้ั ปลายแยกเป็น 3 กลีบ กลีบใหญ่มีรวิ้ สีแดง ผล ลกั ษณะรูปทรงกระบอกหรอื กลมรี ขนาดเท่าเม็ดบวั ผลอ่อนสีเขียวเม่อื แกจ่ ะมีสีแดงอมสม้ และภายในมีเมล็ดเล็กๆ สดี า มรี สขมและเผ็ด ผลแหง้ แตกได้ ถ่นิ ท่พี บในประเทศไทย สรรพคณุ ยำพนื้ บำ้ นอีสำน ใช้ เหงา้ มีกลิ่นหอม ฉนุ รสขม บดเป็นผงละลายนา้ หรือตม้ นา้ ด่มื ขบั ลม แก้ ทอ้ งอืดทอ้ งเฟอ้ ตำรำยำไทย ใช้ เหงา้ แก่ รสเผด็ รอ้ น ขม รบั ประทานเป็นยาขบั ลม บารุงธาตุ เป็นยาระบายอ่อนๆ แกไ้ อ ชว่ ยยอ่ ยอาหาร แกบ้ ิด แกป้ วดทอ้ งจกุ เสียด กินแกโ้ รคปวดขอ้ และโรคหลอดลมอกั เสบ ขบั นา้ คาวปลา ขบั รก ใชภ้ ายนอกทารกั ษากลากเกลือ้ น แกไ้ ฟลวด แกน้ า้ รอ้ นลวก แกล้ มพษิ และโรคลมป่วง แกส้ นั นบิ าตหนา้ เพลิง ตากบั นา้ มะขามเปียกและเกลือใหส้ ตรกี นิ หลงั คลอดเพ่อื ขบั นา้ คาวปลา แกฟ้ กบวม โดยใชข้ ่าแกฝ่ านเป็นชิน้ บางๆชบุ เหลา้ โรงทา เหงา้ แก่สดแกโ้ รคนา้ กดั เทา้ โดยใช้ 1-2 หวั แมม่ ือ ตาให้ ละเอยี ด เตมิ เหลา้ โรงพอท่วม ทงิ้ ไว้ 2 วนั ใชส้ าลีชบุ ทาวนั ละ 3-4 ครง้ั หรือทาลมพิษ(ทาบอ่ ยๆจนกว่าจะดี ขนึ้ ) ใบ รสเผ็ดรอ้ น ฆ่าพยาธิ กลากเกลือ้ น ตม้ อาบ แกป้ วดเม่อื ยตามขอ้ ดอก รสเผ็ดรอ้ น ทาแกก้ ลาก เกลอื้ น ผล รสเผ็ดรอ้ นฉนุ ชว่ ยยอ่ ยอาหาร แกป้ วดทอ้ ง แกค้ ลนื่ เหยี นอาเจยี น ทอ้ งอืดเฟอ้ แกบ้ ดิ มีตวั และไม่ มตี วั หน่อ รสเผ็ดรอ้ นหวาน แกล้ มแนน่ หนา้ อก บารุงไฟธาตุ ตน้ แก่ รสเผด็ รอ้ นซ่า ตาผสมนา้ มนั มะพรา้ ว ทาแกป้ วดเม่ือยตามกลา้ มเนือ้ ตามขอ้ แกต้ ะครวิ ราก รสเผ็ดรอ้ นปรา่ ขบั เลือดลม ใหเ้ ดนิ สะดวก แกเ้ หน็บ ชา แกเ้ สมหะ และโลหิต หน่อ มรี สเผด็ รอ้ นหวาน แกล้ มแนน่ หนา้ อก บารุงไฟธาตุ ยำพนื้ บำ้ นลำ้ นนำ ใช้ เหงา้ ผสมใบมะกา เถาเชือก เขาหนงั หวั ยาขา้ วเย็นและเกลือ ตม้ นา้ ดื่ม เป็นยาถ่าย เหงา้ อ่อน ผสมขยนั ทงั้ ตน้ หวั ยาขา้ วเย็น ตม้ นา้ ดม่ื แกร้ ดิ สีดวงลาไส้ ลาตน้ ใตด้ ิน รกั ษาโรค กลากเกลือ้ น เป็นสว่ นประกอบในตารบั ยาเจ็บเม่ือยเสน้ เอน็ ยาเสียบคดั ยามะเรง็ ครุด ยาไอ เป็นตน้
ฤทธทิ์ ำงเภสัชวิทยำ ในหลอดทดลองพบวา่ นา้ มนั หอมระเหยจากเหงา้ มีฤทธิ์ตา้ นการเจรญิ เติบโต ของเชือ้ แบคทเี รียหลายชนิด เช่น แบคทีเรียท่ีทาใหเ้ กิดโรคทอ้ งเสยี วณั โรค ฝีหนอง และมฤี ทธิต์ า้ นเชือ้ รา พวกกลาก และยสื ต์ นอกจากนีน้ า้ มนั หอมระเหยยงั มฤี ทธิ์ฆ่าแมลง และมฤี ทธิต์ า้ นเนือ้ งอกในหนู สารสกดั แอลกอฮอลจ์ ากเหงา้ มีฤทธิข์ บั พยาธิ ลดความดนั โลหิต ลดไข้ และรกั ษาแผลท่ีกระเพาะอาหารและลดการ หล่งั ของกรด นอกจากนยี้ งั ตา้ นการอกั เสบของตบั เพิม่ การเคลื่อนไหวของอสจุ ิ กระตนุ้ การบีบตวั ของ กลา้ มเนือ้ เรียบ การศกึ ษาความเป็นพิษในสตั วท์ ดลองพบวา่ ไม่มพี ิษเฉียบพลนั แต่ในระยะยาวพบว่า ระดบั เม็ดเลือดแดงลดลง และไม่เป็นพษิ ต่ออสจุ ิ องคป์ ระกอบทำงเคมี นา้ มนั ระเหยง่าย มกี ลิ่นฉนุ และรสเผด็ ประกอบดว้ ย eugenol, cineol, camphor, methyl cinnamate, pinene, galangin, chavicol, trans-p-coumaryl diacetate, coniferyl diacetate, p-hydroxy-trans-cinnamaldehyde, kaemferol, quercetin คะไคร้ ลกั ษณะทำงพฤกษศำสตร์ ไมล้ ม้ ลกุ ประเภทหญา้ อายหุ ลายปี สงู ประมาณ 0.7 – 1.0 เมตร เหงา้ ใตด้ ินมีกลน่ิ เฉพาะ ลาตน้ เป็นกอใหญ่มีขอ้ เห็นชดั เจน ขอ้ และปลอ้ งสน้ั มาก มไี ขปกคลมุ ตามขอ้ ลกั ษณะเป็นแท่งทรงกระบอก ยาว แข็ง และเกลยี้ ง ใบ เป็นใบเด่ียว ออกเรียงสลบั แคบยาว กวา้ ง 1 - 2 ซม. ยาว 70 - 100 ซม. ลกั ษณะใบรูปใบหอก แกมรูปไข่หรือรูปขอบขนาน ขอบใบเรยี บสากคม มีขนเล็กนอ้ ย ปลายใบเรียวแหลม โคนใบสอบเรียวเป็น กาบซอ้ นกนั กาบใบสีขาวนวลหรอื ขาวปนมว่ ง ยาวและหนาหมุ้ ขอ้ และปลอ้ งไวแ้ น่น แผ่นใบสเี ขียว มเี สน้ ใบ ขนานตามยาว สขี าวนวล เสน้ กลางใบแขง็ ผิวใบสากทงั้ สองดา้ น มกี ล่ินหอมเฉพาะ
ดอก ออกดอกเป็นช่อแบบช่อแยกแขนง ท่ปี ลายยอด มชี ่อดอกย่อย 1 – 12 ช่อ และมีใบประดบั รองรบั ช่อดอกยอ่ ยแบนออกเป็นคู่ ช่อหน่ึงไมม่ ีกา้ น และอีกช่อหนง่ึ มีกา้ น มีรงั ไข่แบบเหนอื วงกลีบ ออก ดอกยาก ผล เป็นผลแหง้ แบบธัญพืช เมล็ดเด่ยี ว กำรปลกู และขยำยพนั ธุ์ ปลกู ไดก้ ารปักชาตน้ เหงา้ โดยตดั ใบออกใหเ้ หลอื ตอนโคนประมาณหนง่ึ คืบ นามาปักชาไวส้ กั หนง่ึ สปั ดาหก์ จ็ ะมีรากงอกออกมา แลว้ นาไปลงแปลงดินท่เี ตรียมไว้ หรืออาจใชว้ ธิ ีเอาโคนปักลงไปท่ดี ินซ่งึ เตรียมไวเ้ ลย ใหห้ ่างประมาณหนึง่ ศอก ถา้ ปลกู ในกระถางใชว้ ิธีปักโคนลงในกระถาง ๆ ละ 2-3 ตน้ กไ็ ด้ แลว้ หม่นั รดนา้ ใหช้ ่มุ เชา้ เยน็ ตงั้ ไวใ้ หโ้ ดนแดดตลอดวนั จะทาใหโ้ ตไดเ้ รว็ ตะไครช้ อบดินรว่ นซยุ เป็นพชื ท่ชี อบนา้ ชอบแดด ดแู ลรดนา้ เสมอและโดนแดดไดต้ ลอดวนั เจรญิ ไดใ้ นดินแทบทุกชนิด เวลาจะใชก้ ็ใหต้ ดั ท่โี คนสดุ สว่ นรากเลย แลว้ ถอนออกมาทงั้ ตน้ ตามตอ้ งการ ตอ้ งคอยตรวจดเู ม่อื ตะไครม้ กี อเจริญเตบิ โตไดเ้ ตม็ ท่ีแลว้ ตอ้ งถอนทงิ้ หรือแยกออกไปปลกู ใหมบ่ า้ งหรอื เอาไปใชบ้ า้ ง จะนามาห่นั เป็นฝอย ๆ ตากลมไวใ้ หแ้ หง้ สนิท แลว้ แพค็ เก็บไวใ้ ชไ้ ดน้ าน ๆ เพ่อื ใหต้ น้ ออ่ นโตขนึ้ มาใหม่ ถา้ ไมแ่ ยกออกไปตน้ จะเลก็ และลีบลงเร่อื ย ๆ และ บางท่ีก็แคระแกร็น ตน้ และกอกจ็ ะโทรม ตอ้ งลา้ งและปลกู ใหมท่ งั้ หมดเปลย่ี นเป็นการแตกหน่อทาใหก้ าร ปลกู และการขยายพนั ธไ์ ดง้ ่าย ประโยชน์ นา้ มนั ตะไครใ้ ชส้ ว่ นของเหงา้ และลาตน้ แก่ ใชเ้ ป็นสว่ นประกอบของอาหารท่สี าคญั หลายชนิดเชน่ ตม้ ยา และอาหารไทยหลายชนิด ใหก้ ลนิ่ หอม มสี รรพคณุ ทางยาเช่น บารุงธาตุ แกโ้ รคทางเดินปัสสาวะ ขบั ลมในลาไสท้ าใหเ้ จรญิ อาหาร แกโ้ รคหืด แกอ้ หิวาตกโรค บารุงสมอง ช่วยใหส้ มาธิดี ตม้ กบั นา้ ใชด้ ื่มแก้ อาเจียน ใชต้ น้ สดโขลกคนั้ เอานา้ ดมื่ แกอ้ าการเมาในกรณีผทู้ ่เี มามาก ๆ ช่วยใหส้ ร่างเรว็ สว่ นหวั สามารถใช้ แกโ้ รคเกลือ้ น ทอ้ งอดื ทอ้ งเฟ้อ โรคน่วิ มากไปกวา่ นนั้ ยงั สามารถทาเป็นยาช่วยนอนหลบั ชว่ ยลดความดนั สงู นา้ มนั ตะไครห้ อมใชท้ ากนั ยงุ ได้ ถา้ ปลกู ใกลผ้ กั อ่นื ๆ จะชว่ ยกนั แมลงไดแ้ ละยงั ใหก้ ล่ินหอม ท่ดี บั กลิน่ บางชนิดใชต้ ะไครเ้ ป็นสว่ นผสมเพราะมกี ล่ินท่ีหอม และท่ีกาจดั ยงุ บางชนดิ กใ็ ชต้ ะไครเ้ ป็นสว่ นผสมดว้ ย เน่ืองจากมีกล่นิ ท่แี รงจงึ ชว่ ยทาใหไ้ ลย่ งุ ได้ นอกจากนตี้ ะไครย้ งั แกก้ ลนิ่ คาวหรือดบั กล่ินคาวของปลา และ เนอื้ สตั วไ์ ดด้ มี าก ๆ สรรพคณุ : ทงั้ ตน้ ใชเ้ ป็นยารกั ษาโรคหืด แกป้ วดทอ้ ง ขบั ปัสสาวะและแกอ้ หิวาตกโรค หรอื ทาเป็น ยาทานวดกไ็ ด้ และยงั ใชร้ วมกบั สมนุ ไพรชนิดอ่นื รกั ษาโรคได้ เชน่ บารุงธาตุ เจรญิ อาหาร และขบั เหง่ือ และ มกี ลน่ิ ฉนุ สามารถไลแ่ มลงได้
หวั เป็นยารกั ษาเกลอื้ น แกท้ อ้ งอดื ทอ้ งเฟอ้ แกป้ ัสสาวะพิการ แกน้ ่วิ บารุงไฟธาตุ แกอ้ าการขดั เบา ถา้ ใชร้ วมกบั สมนุ ไพรชนดิ อ่ืน จะเป็นยาแกอ้ าเจียน แกท้ ราง ยานอนหลบั ลดความดนั สงู แกล้ มอมั พาต แก้ กษัยเสน้ และแกล้ มใบ ใบสด ๆ จะชว่ ยลดความดนั โลหิตสงู แกไ้ ข้ รำก ใชเ้ ป็นยาแกไ้ ขเ้ หนือ ปวดทอ้ งและทอ้ งเสยี ต้น ใชเ้ ป็นยาแกข้ บั ลม แกเ้ บ่ืออาหาร แกผ้ มแตก แกโ้ รคทางเดนิ ปัสสาวะ น่วิ เป็นยาบารุงไฟธาตุ ใหเ้ จรญิ แต่ถา้ เอาผสมกบั สมนุ ไพรชนดิ อ่นื จะแกโ้ รคหนองใน และนอกจากนยี้ งั ใชด้ บั กลิ่นคาวไดด้ ว้ ย
Search
Read the Text Version
- 1 - 8
Pages: