ภมู ิปัญญาศึกษา เรือ่ ง แหนมหมคู ุณยายสูตรโบราณ โดย นางแต๋ว วรรณทองสขุ นางวาสิฏฐี สิงหโ์ ห เอกสารภมู ปิ ญั ญาศึกษานเ้ี ป็นส่วนหน่ึงของการศึกษา ตามหลกั สูตรโรงเรียนผ้สู งู อายเุ ทศบาลเมอื งวังน้าเยน็ ประจ้าปกี ารศึกษา 2561 โรงเรยี นผสู้ งู อายเุ ทศบาลเมอื งวงั น้าเยน็ สังกดั เทศบาลเมืองวังนา้ เยน็ จงั หวดั สระแกว้
ค้าน้า ภูมิปัญญาชาวบ้านของคนไทยเราน้ันมีอยู่จานวนมาก ล้วนแต่มีคุณค่าและมีประโยชน์ เป็นการบอก เล่าถึงวัฒนธรรมไทยได้เป็นอย่างดี แต่ปัจจุบันภูมิปัญญาเหลา่ นั้น กาลงั สูญหายไปพรอ้ ม ๆ กับชีวิตของคน ซ่ึง ดับสูญไปตามกาลเวลา เทศบาลเมืองวังน้าเย็นได้เล็งเห็นคุณค่าและความสาคัญในเรื่องดังกล่าว จึงจัดตั้ง โรงเรียนผู้สูงอายุขึ้น เพื่อให้ผู้สูงอายุในเขตตาบลวังน้าเย็นได้มารวมตัวกัน เพ่ือแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ซึ่งกันและ กัน ก่อนจบการศึกษา นักเรียนผู้สูงอายุทุกคนต้องจัดทาภูมิปัญญาศึกษาคนละ 1 เรื่อง เพ่ือเก็บไว้ให้อนุชน ร่นุ หลงั ไดศ้ กึ ษา เป็นการสบื ทอด มใิ หภ้ มู ปิ ัญญาสูญไป ภูมิปัญญาฉบับนี้สาเร็จได้ เพราะรับความกรุณาและการสนับสนุน จากท่านทั้งหลายเหล่าน้ี ได้แก่ นางวาสฏิ ฐี สิงหโ์ ห ซึ่งเป็นพีเ่ ล้ียงให้คาปรึกษา แนะนาในการจดั ทาภูมปิ ัญญาแหนมหมคู ุณยายสูตรโบราณ ได้ ให้ความรูแ้ ละประสบการณต์ ่าง ๆในช่วงเวลาท่เี รียนอย่เู ปน็ เวลา 2 ปี คณะกรรมการบรหิ ารโรงเรยี นผ้สู งู อายุ เจ้าหน้าท่ีกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมเทศบาลเมืองวังน้าเย็นทุกท่าน ท่ีให้การดูแลและช่วยเหลือตลอดมา และท่ีสาคัญได้แก่ ท่านนายวันชัย นารีรักษ์ นายกเทศมนตรีเมืองวังน้าเย็น และ นายคนองพล เพ็ชรรื่น ปลัดเทศบาลเมืองวังน้าเย็น ซ่ึงเป็นผู้ก่อต้ังโรงเรียนผู้สูงอายุ และให้การสนับสนุน ดูแลนักเรียนผู้สูงอายุเป็น อย่างดี ขอขอบคุณทกุ ท่านไว้ ณ โอกาสน้ี แตว๋ วรรณทองสุข วาสฏิ ฐี สิงห์โห ผจู้ ดั ทา
ท่ีมาและความสา้ คัญของภมู ปิ ัญญาศึกษา จากพระราชดารสั ของพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ท่วี ่า “ประชาชนนน่ั แหละ ทีเ่ ขามีความรเู้ ขาทางานมาหลายช่ัวอายคุ น เขาทากนั อยา่ งไร เขามีความเฉลยี วฉลาด เขารูว้ ่าตรงไหน ควรทากสกิ รรม เขาร้วู า่ ตรงไหนควรเก็บรักษาไว้ แตท่ เี่ สยี ไปเพราะพวกไม่รเู้ ร่ือง ไม่ได้ทามานานแลว้ ทาให้ ลมื ว่าชวี ติ มนั เป็นไปโดยการกระทาที่ถูกต้องหรือไม่” พระราชดารสั ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา-ภมู ิ พลอดุลยเดช ที่สะท้อนถงึ พระปรชี าสามารถในการรบั รแู้ ละความเข้าใจหยง่ั ลึก ทท่ี รงเห็นคณุ คา่ ของ ภมู ปิ ัญญาไทยอยา่ งแทจ้ รงิ พระองค์ทรงตระหนักเป็นอยา่ งย่ิงวา่ ภมู ิปญั ญาทอ้ งถน่ิ เป็นสงิ่ ทชี่ าวบ้าน มอี ยู่แล้ว ใช้ประโยชน์เพื่อความอยู่รอดกนั มายาวนาน ความสาคัญของภูมิปัญญาท้องถิ่น ซึ่งความรู้ที่ส่ังสม จากการปฏิบัติจริงในห้องทดลองทางสังคม เป็นความรู้ด้ังเดิมท่ีถูกค้นพบ มีการทดลองใช้ แก้ไข ดัดแปลง จนเป็นองคค์ วามรู้ทสี่ ามารถแกป้ ญั หาในการดาเนนิ ชีวิตและถ่ายทอดสืบต่อกันมา ภูมปิ ญั ญาทอ้ งถ่ิน เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาท่ีคนไทยทุกคนควรรู้ ควรศึกษา ปรบั ปรุง และพฒั นาให้สามารถนาภูมิปญั ญาท้องถ่ิน เหลา่ น้นั มาแกไ้ ขปญั หาให้สอดคล้องกับบริบททางสงั คม วฒั นธรรมของกลมุ่ ชุมชนน้นั ๆ อย่างแท้จริง การพัฒนาภูมิปัญญาศึกษานับเป็นสิ่งสาคัญต่อบทบาทของชุมชนท้องถ่ินท่ีได้พยายาม สร้างสรรค์ เปน็ น้าพกั นา้ แรงร่วมกันของผสู้ งู อายุและคนในชุมชนจนกลายเป็นเอกลักษณแ์ ละวฒั นธรรม ประจาถ่นิ ทเ่ี หมาะต่อการดาเนินชวี ติ หรือภูมิปัญญาของคนในทอ้ งถิน่ นน้ั ๆ แต่ภูมิปัญญาท้องถิ่นส่วนใหญ่เป็น ความรู้ หรือเป็นส่ิงท่ีได้มาจากประสบการณ์ หรือเป็นความเช่ือสืบต่อกันมา แต่ยังขาดองค์ความรู้ หรือขาด หลกั ฐานยืนยนั หนกั แนน่ การสร้างการยอมรับท่เี กดิ จากฐานภมู ิปญั ญาท้องถิ่นจึงเปน็ ไปได้ยาก ดังนั้น เพ่ือให้เกิดการส่งเสริมพัฒนาภูมิปัญญาท่ีเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่น กระตุ้นเกิดความ ภาคภูมิใจในภูมิปัญญาของบุคคลในท้องถ่ิน ภูมิปัญญาไทยและวัฒนธรรมไทย เกิดการถ่ายทอดภูมิปัญญาสู่ คนรุ่นหลัง โรงเรียนผู้สูงอายุเทศบาลเมืองวังน้าเย็น ได้ดาเนินการจัดทาหลักสูตรการเรียนการสอนเพ่ือ พัฒนาศกั ยภาพผู้สงู อายุในท้องถนิ่ ที่เน้นให้ผู้สูงอายุได้พฒั นาตนเองใหม้ ีความพรอ้ มสู่สังคมผู้สูงอายุที่มคี ุณภาพ ในอนาคต รวมทั้งสืบทอดภูมิปัญญาในการดารงชีวิตของนักเรียนผู้สูงอายุท่ีได้ส่ังสมมา เกิดจากการสืบทอด ภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ โดยนักเรียนผู้สูงอายุจะเป็นผู้ถ่ายทอดองค์ความรู้ และมีครูพ่ีเลี้ยงซ่ึงเป็นคณะครู ของโรงเรยี นในสงั กัดเทศบาลเมอื งวงั นา้ เย็น เป็นผ้เู รยี บเรยี งองค์ความรู้ไปสู่การจัดทาภูมปิ ญั ญาศกึ ษา ให้ปรากฏออกมาเป็นรูปเล่มภูมิปัญญาศึกษา ใช้เป็นส่วนหน่ึงในการจบหลักสูตรการศึกษาของโรงเรียน ผู้สูงอายุ ประจาปีการศึกษา 2560 พร้อมท้ังเผยแพร่และจัดเก็บคลังภูมิปัญญาไว้ในห้องสมุดของโรงเรียน เทศบาลมติ รสัมพนั ธว์ ิทยา เพอื่ ให้ภมู ปิ ัญญาท้องถ่ินเหล่าน้ีเกิดการถ่ายทอดสคู่ นรุ่นหลังสืบต่อไป จากความร่วมมือในการพัฒนาบุคลากรในหน่วยงานและภาคีเครือข่ายท่ีมีส่วนร่วมในการผสมผสาน องค์ความรู้ เพื่อยกระดับความรู้ของภูมิปัญญานั้น ๆ เพ่ือนาไปสู่การประยุกต์ใช้ และผสมผสานเทคโนโลยี ใหม่ ๆ ให้สอดรับกับวิถีชีวิตของชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ การนาภูมิปัญญาไทยกลับสู่การศึกษา สามารถส่งเสริมให้มีการถ่ายทอดภูมิปัญญาในโรงเรียนเทศบาลมิตรสัมพันธ์วิทยา และโรงเรียนในสังกัด เทศบาลเมืองวังน้าเย็น เกดิ การมีส่วนร่วมในกระบวนการถ่ายทอด เชื่อมโยงความรู้ให้กับนักเรยี นและบุคคล ทั่วไปในท้องถ่ิน โดยการนาบคุ ลากรท่ีมคี วามรคู้ วามสามารถในทอ้ งถน่ิ เข้ามาเป็นวทิ ยากรให้ความรู้
กับนักเรียนในโอกาสต่าง ๆ หรือการท่ีโรงเรียนนาองค์ความรู้ในท้องถ่ิน เข้ามาสอนสอดแทรกในกระบวนการ จัดการเรยี นรู้ สิง่ เหลา่ น้ที าให้การพฒั นาภมู ิปัญญาท้องถิ่น นาไปสู่การสืบทอดภมู ปิ ัญญาศกึ ษา เกิดความสาเร็จอย่างเป็นรูปธรรม นักเรียนผู้สูงอายุเกิดความภาคภูมิใจในภูมิปัญญาของตนท่ีได้ถ่ายทอดสู่คน รุ่นหลังให้คงอยู่ในท้องถิ่น เป็นวัฒนธรรมการดาเนินชีวิตประจาท้องถ่ิน เป็นวัฒนธรรมการดาเนินชีวิตคู่ แผ่นดินไทยตราบนานเทา่ นาน นิยามคา้ ศัพทใ์ นการจดั ท้าภูมปิ ัญญาศึกษา ภูมิปัญญาศึกษา หมายถึง การนาภูมิปัญญาการดาเนินชีวิตในเร่ืองที่ผู้สูงอายุเชี่ยวชาญท่ีสุด ของ ผ้สู ูงอายุทีเ่ ข้าศึกษาตามหลักสูตรของโรงเรียนผู้สูงอายุเทศบาลเมอื งวังน้าเย็น มาศึกษาและสืบทอดภูมิปัญญา ในรูปแบบต่าง ๆ มีการสืบทอดภูมิปัญญาโดยการปฏิบัตแิ ละการเรียบเรียงเป็นลายลักษณอ์ ักษรตามรูปแบบท่ี โรงเรยี นผู้สูงอายุกาหนดขึ้น ใชเ้ ป็นส่วนหนึ่งในการจบหลักสูตรการศึกษา เพื่อให้ภมู ปิ ัญญาของผู้สูงอายุได้รับ การถ่ายทอดสูค่ นรนุ่ หลงั และคงอยใู่ นทอ้ งถน่ิ ต่อไป ซ่งึ แบ่งภมู ปิ ญั ญาศกึ ษาออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1. ภมู ิปญั ญาศึกษาท่ผี ู้สูงอายุเป็นผูค้ ดิ ค้นภูมปิ ัญญาในการดาเนินชวี ิตในเรื่องทเี่ ชยี่ วชาญทส่ี ุด ด้วยตนเอง 2. ภูมิปัญญาศึกษาท่ีผู้สูงอายุเป็นผู้นาภูมิปัญญาที่สืบทอดจากบรรพบุรุษมาประยุกต์ใช้ในการดาเนิน ชีวติ จนเกิดความเชย่ี วชาญ 3. ภูมิปัญญาศึกษาท่ีผู้สูงอายุเป็นผู้นาภูมิปัญญาท่ีสืบทอดจากบรรพบุรุษมาใช้ในการดาเนินชีวิตโดย ไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดมิ จนเกดิ ความเชย่ี วชาญ ผถู้ ่ายทอดภูมิปัญญา หมายถึง ผู้สูงอายุท่ีเข้าศึกษาตามหลักสูตรของโรงเรียนผู้สูงอายุเทศบาลเมือง วังน้าเย็น เป็นผู้ถ่ายทอดภูมิปัญญาการดาเนินชีวิตในเรื่องที่ตนเองเช่ียวชาญมากท่ีสุด นามาถ่ายทอดให้แก่ผู้ เรยี บเรียงภูมปิ ญั ญาท้องถ่นิ ได้จัดทาข้อมูลเป็นรปู เลม่ ภมู ปิ ัญญาศกึ ษา ผู้เรียบเรียงภูมิปัญญาท้องถ่ิน หมายถึง ผู้ที่นาภูมิปัญญาในการดาเนินชีวิตในเร่ืองที่ผู้สูงอายุ เช่ียวชาญที่สุดมาเรียบเรียงเป็นลายลักษณ์อักษร ศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ จัดทาเป็น เอกสารรปู เล่ม ใช้ชื่อว่า “ภมู ิปัญญาศกึ ษา”ตามรูปแบบทโี่ รงเรียนผ้สู ูงอายุเทศบาลเมืองวงั น้าเยน็ กาหนด ครูท่ีปรึกษา หมายถึง ผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นครูพ่ีเล้ียง เป็นผู้เรียบเรียงภูมิปัญญาท้องถ่ิน ปฏิบัติ หน้าที่เป็นผู้ประเมนิ ผล เป็นผู้รับรองภูมิปัญญาศึกษา รวมท้ังเป็นผู้นาภูมิปญั ญาศกึ ษาเข้ามาสอนในโรงเรียน โดยบรู ณาการการจดั การเรยี นรตู้ ามหลักสตู รทอ้ งถิ่นทโ่ี รงเรียนจดั ทาข้ึน
ประวัติและความเปน็ มาของแหนมหมูคณุ ยายสูตรโบราณ แหนมเป็นอาหารทน่ี าเน้อื สัตวไ์ ปหมักกบั ข้าว นา้ ตาล เกลือ ดินประสวิ (โปตสั เซียมไนเตรท) มรี สชาติ เปร้ียวซึ่งมาจากเชื้อจุลินทรีย์กลุ่มแล็กโตบาซิลลัส แหนมมีหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นแหนมเนื้อหมู หูหมู แหนม ซ่ีโครง แหนมท่ีทาไว้นานเกินไปจะมีกล่ินเปรี้ยวมากและมีเมือกไม่น่ากิน แหนมเป็นอาหารดิบ จึงอาจมีพยาธิ และแบคทีเรีย โดยถ้าเก็บไว้อณุ หภูมหิ ้องจะเก็บได้ประมาณ 1 สัปดาหแ์ ตถ่ ้าเกบ็ ในตู้เย็นจะเกบ็ ได้ราว 1 เดือน แหนมเป็นผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปพื้นบ้านท่ีมีประวัติการผลิตและบริโภคยาวนานและแพร่หลายในชนชาติ ตา่ งๆ เชน่ ลาว กระเหรี่ยง ไทย เป็นต้น สาหรบั ประเทศไทยภาคเหนอื ตอนบนได้แก่ จังหวดั เชยี งราย เชียงใหม่ ลาพูน ลาปาง ประชาชนนิยมบริโภคแหนมมาก แหนมเป็นผลิตภัณฑ์ท่ีสามารถใช้วัตถุดิบที่หาง่ายและมีอยู่ใน ทอ้ งถิ่นได้แก่ เน้ือหมู ขา้ วสกุ เครอื่ งเทศ นามาผสมและหมัก ดงั น้ันจงึ มีการผลติ แหนมกระจายอยู่ทั่วไป แหนม เป็นอาหารประเภทเนื้อหมักที่เป็นที่รู้จักกันดีของคนไทยทุกภาค โดยเฉพาะภาคเหนือและภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ การทาแหนมเป็นการแปรรูปและถนอมอาหารท่ีแสดงถึงภูมปิ ัญญาของคนไทยท่ีสามารถ เกบ็ อาหารประเภทเน้อื ไดใ้ นระยะหน่ึง สาหรับประวัติความเป็นมาของการแปรรูปแหนมนั้นไม่ปรากฏหลักฐานที่แน่ชัด แต่เป็นลักษณะของ การพัฒนาหรือค้นคว้าวิธีแปรรูปเน้ือหมูให้มีรสชาติ เนื้อสัมผัส รวมท้ังกล่ินและสีให้น่ารับประทาน การผลิต แหนมสามารถทาได้โดยใช้วิธีการที่ไม่ซับซ้อนและไม่ต้องผ่านความร้อน โดยมีสัดส่วนและองค์ประกอบของ วตั ถุดิบท่ีแตกต่างกันไปตามแต่ละท้องถิ่น กระบวนการผลิตทาโดยปล่อยให้เกิดการหมักดว้ ยเชอื้ ในธรรมชาติที่ ต้องการออกซิเจนเพียงเลก็ น้อยเพ่ือการเจริญ การบรรจุจึงตอ้ งเน้นความสะอาดและต้องไล่อากาศออกใหห้ มด เพื่อให้จุลินทรียท์ ี่ทาให้เกิดกรดแลคตกิ ซง่ึ มรี สเปร้ียวเจริญเตบิ โตได้เพียงอย่างเดียว สว่ นจุลนิ ทรียอ์ ื่นท่ีต้องการ ออกซิเจนจะไม่เจริญเติบโตและจุลินทรีย์พวกท่ีไม่ชอบความเป็นกรดจะตายเพราะกรดที่สร้างออกมาจาก จุลินทรีย์ที่ผลิตกรดแลคติก สาหรับรูปแบบบรรจุภัณฑ์ที่ใช้แต่เดิมเป็นใบตองมัดให้แน่นเป็นแท่งขนาด พอเหมาะโดยให้อากาศเข้าไดน้ ้อยท่ีสดุ แต่ในปจั จุบันนิยมใช้ถงุ พลาสติกเปน็ ภาชนะบรรจุแทน เนื่องจากทาได้ งา่ ยและสะดวกกว่ารวมท้ังสามารถป้องกันอากาศผ่านเข้าได้เปน็ อย่างดี โดยบรรจุเป็นรูปแท่งขนาดตา่ งๆ หรือ บรรจุเป็นก้อนกลมขนาดเล็กพอดีคาท่ีเรียกว่าแหนมตุ้ม และยังมีการใช้วัตถุดิบชนิดต่างๆ มากชนิดขึ้นอีกด้วย เชน่ หหู มู กระดูกซ่ีโครง รวมทั้งการใช้เนอื้ สตั ว์อน่ื ๆ เช่น เน้อื โค เน้อื กระบอื เน้อื ไก่ เนอ้ื ปลา เป็นตน้ การทาแหนมหมูคุณยายสูตรโบราณ ของนางแต๋ว วรรณทองสุข สืบทอดมาจากบรรพบุรษุ สมัยด่ังเดิม เมื่อฆ่าหมูตัวหนึ่งเนื่องในพิธีกรรมต่าง ๆ เช่นมีการเซ่นไหว้ดวงวิญญาณของปู่ ย่า ตา ยาย เลี้ยงผีบ้านผีเมือง หรืออ่ืน ๆ มากมาย เน้ือหมูท่ีเหลือจากการทาพิธีแล้ว แบ่งให้ลูกหลานไปกินที่บ้าน ท่ีนี้ทางบ้านก็กินอิ่มแล้วก็ คิดหาวิธีท่ีจะเก็บไว้กินหลายวันนาน ๆ ตู้เย็นก็ไม่มีสมัยก่อนก็คิดวิธีถนอมอาหารไว้กินนาน ๆ โดยการนาเน้ือ หมมู าสบั ให้ละเอียด หนงั หมกู ็นาไปต้มและหนั่ เปน็ เส้นเลก็ นามาคลุกเคล้ากับกระเทียม เกลือ และข้าวสกุ และ นาใบตองมาห่อเก็บไว้พอสัก 2 คืนแล้วนามาแกะกินได้รสชาติเปร้ียว จะกินดิบก็ได้ จะกินสุกก็นาไปหมกกับ ถา่ นไฟและขี้เถา้ รสชาติหอมกล่นิ ใบตองชวนให้รับประทานกับข้าวสวย ตั้งแต่นน้ั มาก็มีการทาแหนมหมูกนิ กัน ทาไว้ขายบ้าง สมัยก่อนเรียกว่า ทาหมูส้ม พอเข้ายุคปัจจุบันมีวิวัฒนาการสมัยใหม่เข้ามาจาก หมูส้มก็เรียกว่า แหนมหมู
การทา้ แหนมหมูคณุ ยายสูตรโบราณ วัตถดุ บิ อปุ กรณท์ ี่ใช้ในการท้า 1. เน้อื หมู 1 กก. 2. หนังหมู 8 ขดี 3. เกลอื 1 ขดี 4. กระเทยี ม 1 ขีด 5. พริกสด 6 -7 เมด็ 6. ใบตองประมาณ 1 ก.ก. 7.เชอื กกลว้ ย
ขัน้ ตอนการทา้ 1.นาเนือ้ หมูสว่ นสะโพก เนื้อหมตู ้องไม่ชา้ ฉา่ น้า เอาแตเ่ นือ้ อย่างเดียวแยกเอาพังพืดออกให้หมด ไม่ ต้องล้างนา้ จากน้ันนามา มาสบั หรอื บดใหล้ ะเอียด 2.จากนน้ั นาหนงั หมูมาล้างทาให้สะอาดแลว้ นามาต้มใหส้ ุกแล้วหน่ั เป็นชนิ้ เล็กๆ 3.นากระเทยี ม มาโขลกใหล้ ะเอียด ผสมกบั เกลือหรือผงปรงุ รสตามชอบ 4.จากนั้นนาเนอ้ื หมูท่ีบดแล้วผสมกบั เครื่องปรุง นวดจนเหนยี วแล้วนาหนังหมูทีซ่ อยมาผสมกัน นวดจนเหนียว ไดท้ กี่ ม็ าบรรจภุ ัณฑ์หรอื นามาหอ่ ดว้ ยใบตองให้เรียบร้อย ทง้ิ ไวป้ ระมาณ 1-2 คืน ก็สามารถรบั ประทานได้ กรณีชอบทานแหนมหมทู มี่ รี สเปรยี้ วเป็นพิเศษ ให้เก็บไว้ 2 คืน (อุณหภูมิปกติ) จะทาให้แหนมหมมู ีรสชาตทิ ่เี ปร้ยี วมากขนึ้ หรือถา้ จะเกบ็ ไวท้ านนานๆสามารถเก็บไว้ในตเู้ ย็น ซึง่ เกบ็ ไดป้ ระมาณ 1 เดือน ทีม่ า https://shoponline.tescolotus.com ท่มี า https://hunsa.siamtodaynews.com ทมี่ า http://www.aurareefood.com ทีม่ า https://www.ntbdays.com
วิธกี ารทา้ นาวตั ถุดิบและเคร่อื งปรุงทง้ั หมดคลุกเคล้าดว้ ยมือ
นวดจนมั่นใจว่าเขา้ กันดีแลว้
ใสพ่ ริกสด 1 เมด็ เพื่อเพิ่มรสชาตใิ นการรบั ประทาน
นามาหอ่ ด้วยใบตอง ก่อนการรดั ดว้ ยเชอื กกลว้ ยควรไล่อากาศออกใหห้ มดเสยี ก่อน
มดั ดว้ ยเชอื กกลว้ ย
ระยะเวลาในการรับประทาน ทง้ิ ไวใ้ นอุณภูมิปกติ 2 วันจะออกรสเปรีย้ ว ส่วนคนที่ไมช่ อบ ทานรสเปรีย้ วแนะนาให้เกบ็ ในต้เู ยน็ สามารสเกบ็ ไว้รับประทานไดห้ ลายวัน
วธิ ีการประกอบอาหาร แหนมหมู เป็นการนาเน้ือหมูสบั มาหมกั กับสว่ นผสมต่างๆ โดยไม่ใช้ผงแหนมในการหมัก จึงม่นั ใจว่า สะอาดปลอดภัยปลอดสารพิษ แล้วนามาหมักพักไว้ ในอุณหภูมิปกติ 2 วนั เพ่ือให้แหนมหมู รสชาติหอมกลม กล่อม ออกเปรี้ยวนิดๆ กาลงั ดี สะอาดอร่อยปลอดภยั ค่ะ รับประทานเปน็ กบั แกล้ม หรือประกอบอาหารเมนู ต่างๆ ไดห้ ลายเมนู อร่อยเข้ากนั เรามีเคลด็ ลบั เปน็ สูตรโบราณคือไม่ใชผ้ งแหนมในการหมัก เลือกใชเ้ น้อื หมูที่ ใหมส่ ด แล้วนามาสบั ใหล้ ะเอียด แล้วนามาแชต่ เู้ ย็นไว้หน่งึ ช่วั โมง เพอื่ ให้เนอื้ หมสู บั เยน็ ตัว แลว้ จงึ นามาผสมกบั เคร่อื งปรงุ รสต่างๆ แล้วคลกุ เคลา้ นวดให้เขา้ กนั นวดใหเ้ ข้ากันดี จากนนั้ นามาหอ่ ด้วยใบตองโดยไล่อากาศออก ให้หมด แล้วมัดใหแ้ นน่ ๆ แลว้ หอ่ ด้วยใบตองอีกที จากนัน้ นามาหมกั ไวใ้ นอุณหภมู ิปกติ ประมาณ 2-3 วัน สงั เกตดูจะเหน็ น้าใสๆ แสดงว่าแหนมหมูเปน็ ได้ทแ่ี ลว้ จะออกเปรยี้ วนิดๆ กาลงั ดี พร้อมนาไปรบั ประทาน หรอื ประกอบอาหารเมนูต่างๆ ได้ตามชอบ สามารถนาแหนมหมูมาประกอบอาหารได้หลายอย่าง เชน่ การทอด ขา้ วผัดแหนม ยาแหนม เป็นต้น ท่มี า https://www.bloggang.com
แหนมพร้อมนาไปประกอบอาหาร
ทอดใหเ้ หลืองหอม นา่ รบั ประทาน ทีม่ า https://deskgram.net ท่มี า https://mumeaw.com/cooking
ท่ีมา http://www.videomoviles.com สามารถนาแหนมมาประกอบอาหารไดห้ ลายเมนู ท่ีมา https://th-th.facebook.com
ภาคผนวก - ประวตั ผิ ู้จัดทา้ ภูมิปัญญาศึกษา - ภาพประกอบ
ประวตั ิผ้ถู า่ ยทอดภูมิปัญญา ชอื่ : นางแตว๋ วรรณทองสุข เกิด : ……….2499 อายุ 63 ปี ภูมิล้าเนา : อาเภอเมือง จ.ศรีษะเกษ ทอี่ ยปู่ จั จุบัน: บา้ นเลขท่ี 150 หมู่ 2 ตาบลวงั น้าเยน็ อาเภอวังนา้ เยน็ จงั หวัดสระแกว้ สถานภาพ: สมรส กับ นายชานาญ วรรณทองสขุ มีบตุ รด้วยกัน จานวน 3 คน ดังนี้ 1.นายชมุ พร วรรณทองสุข 2.นายประทีป วรรณทองสขุ 3.นายประดษิ ฐ์ วรรณทองสุข การศึกษา: ไม่ได้เรียนหนังสือ ปัจจุบัน ประกอบอาชีพ : รับจ้าง ประวัติผู้เรยี บเรยี งภูมปิ ัญญาศกึ ษา ชื่อ: นางวาสิฏฐี สงิ ห์โห เกิด : 18 มิถนุ ายน พ.ศ. 2521 อายุ 41 ปี ภมู ิล้าเนา : อาเภอขขุ ันธ์ จงั หวดั ศรีษะเกษ ทอ่ี ย่ปู ัจจบุ นั : 4 หมู่ 9 ตาบลวงั นา้ เยน็ อาเภอวงั น้าเยน็ จงั หวดั สระแก้ว 27210 สถานภาพ : สมรส การศกึ ษา : ปริญญาตรี คณะครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการศึกษาปฐมวัย ปจั จบุ ันประกอบอาชพี : ผ้ชู ว่ ยครผู ู้ดแู ลเด็ก ศูนยพ์ ัฒนาเดก็ เลก็ เทศบาลเมืองวังน้าเย็น 1 สงั กดั เทศบาลเมอื งวงั น้าเยน็
ภาพประกอบการจัดทา้ ภูมิปัญญาศกึ ษา เรื่อง แหนมหมูคณุ ยายสตู รโบราณ ประชุมช้แี จงครูพี่เล้ยี งเพื่อรบั นโยบายการจัดทา้ ภมู ปิ ัญญาศกึ ษาของนักเรยี นผ้สู ูงอายุ
ครพู ่เี ลี้ยงนดั หมายนกั เรียนผู้สงู อายุเพื่อถ่ายทอดภูมิปญั ญาศกึ ษา วิธกี ารทาแหนมหมูคุณยายสูตรโบราณ
ปรงุ สว่ นผสมแลว้ นวดคลงึ สว่ นผสมเขา้ กัน หอ่ ดว้ ยใบตองและมัดดว้ ยเชือกกลว้ ย
การมดั แหนมใหแ้ นน่ ดว้ ยเชอื กกล้วยตอ้ งอาศัยความชานาญพอสมควร
เกบ็ ไว้ในอณุ หภมู หิ ้องประมาณ 2 วนั สามารถนามาประกอบอาหารได้
คณุ ยายและหลานทดลองทานแหนมหมูใหด้ เู มื่อผา่ นมาเป็นเวลา 2 วนั
บรรณานุกรม แหล่งอ้างอิงข้อมูล : http://www.otoptoday.com https://www.rakbankerd.com https://cookpad.com
Search
Read the Text Version
- 1 - 26
Pages: