Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โครงสร้างรายวิชา ชีววิทยา2

โครงสร้างรายวิชา ชีววิทยา2

Published by ida6011, 2021-11-05 02:29:45

Description: โครงสร้างรายวิชา ชีววิทยา2

Search

Read the Text Version

คําอธิบายรายวชิ า รายวชิ า ชีววทิ ยา2 รหัสวชิ า ว 31206 ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 4 ภาคเรยี นท่ี 2 เวลา 60 ชว่ั โมง จํานวน 1.5 หนวยกติ คาํ อธบิ ายรายวชิ า ศึกษาเกย่ี วกบั การถา ยทอดทางพันธุกรรม การศกึ ษาพันธุศาสตรของเมนเดล กฎการแยกและกฎการรวมกลุม อยา งอิสระ ลกั ษณะทางพนั ธุกรรมทีเ่ ปน สว นขยายของพันธุศาสตรเ มนเดล ศกึ ษาเก่ียวกบั ยนี และโครโมโซม การคนพบ สารพนั ธกุ รรม โครโมโซม องคป ระกอบทางเคมขี องของดีเอ็นเอ โครงสรางของดีเอ็นเอ สมบัติของสารพันธุกรรม การ กลาย ศึกษาเกี่ยวกับพันธุศาสตรและเทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ พันธุวิศวกรรม การประยุกตใชเทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ ความปลอดภยั ของเทคโนโลยีทางดเี อ็นเอ และมุมมองทางสงั คมและจริยธรรม ศึกษาเก่ยี วกับวิวฒั นาการ หลักฐานท่ีบง บอกถึงวิวฒั นาการของสงิ่ มชี วี ิต แนวคดิ เก่ยี วกบั วิวัฒนาการของส่ิงมีชีวิต พันธุศาสตรประชากร และกําเนิดของสปชีส โดยใชก ระบวนการทางวิทยาศาสตร กระบวนการสบื เสาะหาความรู การสบื คนขอ มูล การสงั เกต การวิเคราะห การทดลอง อภิปราย การอธิบาย และสรุป เพ่ือใหเกิดความรู ความคิด ความเขาใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ ส่อื สารสงิ่ ที่เรียนรแู ละนําความรไู ปใชในชวี ิตของตนเอง มีจิตวิทยาศาสตร จริยธรรมคณุ ธรรม และคานยิ ม ผลการเรียนรู 1. สบื คน ขอมูล อธบิ ายและสรปุ ผลการทดลองของเมนเดลได 2. อธิบายและสรปุ กฎแหงการแยกและกฎแหง การรวมกลมุ อยางอสิ ระ และนาํ กฎของเมนเดลนี้ไปอธิบาย การถา ยทอดลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมและใชใ นการคํานวณโอกาสในการเกดิ ฟโนไทปและจีโนไทปแบบตาง ๆ ของรนุ F1 และ F2 ได 3. สืบคนขอมูล วเิ คราะห อธิบาย และสรุปเก่ยี วกบั การถายทอดลกั ษณะทางพันธกุ รรมทีเ่ ปน สวนขยายของ พนั ธศุ าสตรเมนเดลได 4. สืบคนขอ มูล วเิ คราะห และเปรยี บเทียบลักษณะทางพนั ธุกรรมที่มกี ารแปรผนั ไมตอเนือ่ งและลกั ษณะทาง พนั ธุกรรมท่มี กี ารแปรผันตอเน่อื งได 5. อธิบายการถายทอดยีนบนโครโมโซม และยกตวั อยา งลกั ษณะทางพันธกุ รรมท่ถี ูกควบคุมดว ยยีน บนออโตโซมและยนี บนโครโมโซมเพศได 6. สบื คน ขอ มูล อธบิ ายสมบัตแิ ละหนา ทีข่ องสารพนั ธกุ รรม โครงสรางและองคป ระกอบทางเคมีของ DNA และสรุปการจาํ ลอง DNA ได 7. อธิบายและระบขุ ั้นตอนในกระบวนการสงั เคราะหโปรตีนและหนาที่ของ DNA และ RNA แตล ะชนดิ ใน กระบวนการสังเคราะหโปรตีนได 8. สรุปความสมั พันธร ะหวางสารพันธกุ รรม แอลลลี โปรตนี ลกั ษณะทางพันธุกรรม และเชอื่ มโยงกบั ความรู เรื่องพนั ธศุ าสตรเ มนเดลได 9. สืบคนขอมูล และอธิบายการเกิดมิวเทชันระดบั ยีนและระดับโครโมโซม สาเหตกุ ารเกดิ มิวเทชนั รวมทงั้ ยกตวั อยางโรคและกลุมอาการที่เปน ผลของการเกิดมวิ เทชนั ได 10. อธบิ ายหลักการสรางสิ่งมชี ีวติ ดดั แปรพนั ธกุ รรมโดยใชดเี อน็ เอรีคอมบิแนนทได 11. สืบคน ขอ มูล ยกตวั อยา ง และอภปิ รายการนําเทคโนโลยีทางดเี อน็ เอไปประยกุ ต ทั้งในดา น สิ่งแวดลอม นิตวิ ทิ ยาศาสตร การแพทย การเกษตร และอตุ สาหกรรม และขอควรคาํ นึงถึงดา น

ชีวจรยิ ธรรมได 12. สบื คนขอมูลและอธบิ ายเก่ยี วกับหลกั ฐานที่สนบั สนนุ และขอ มูลทีใ่ ชอ ธิบายการเกิดววิ ฒั นาการของ สิ่งมชี ีวติ ได 13. อธิบายและเปรียบเทยี บแนวคิดเกี่ยวกบั วิวัฒนาการของส่ิงมชี วี ิตของฌอง ลามารก และทฤษฎีเก่ียวกบั วิวัฒนาการของสงิ่ มชี วี ติ ของชาลส ดารวนิ ได 14. ระบสุ าระสําคัญและอธบิ ายเงือ่ นไขของภาวะสมดุลของฮารด ี-ไวนเ บิรก ปจจยั ท่ที ําใหเ กิดการ เปลย่ี นแปลงความถ่ขี องแอลลลี ในประชากร พรอมท้งั คํานวณหาความถีข่ องแอลลีลและจีโนไทปข อง ประชากรโดยใชห ลกั ของฮารด ี-ไวนเบิรก ได 15. สบื คนขอ มูล อภปิ ราย และอธิบายกระบวนการเกิดสปชีสใหมของส่งิ มชี วี ติ ได รวมทั้งหมด 15 ผลการเรยี นรู

ผังมโนทัศน รายวิชา ชีววิทยา2 รหสั วิชา ว31206 ระดับชน้ั มธั ยมศึกษาปที่ 4/1 ภาคเรยี นท่ี 2 ปก ารศกึ ษา 2564 ชอื่ หนว ยที่ 1 การถา ยทอดทางพันธกุ รรม ชอ่ื หนว ยที่ 2 ยีนและโครโมโซม จํานวน 16 ชั่วโมง : 25 คะแนน จํานวน 20 ชัว่ โมง : 25 คะแนน รายวชิ า ชีววิทยา2 ชน้ั มธั ยมศึกษาปที่ 4/1 จํานวน 60 ช่ัวโมง ชือ่ หนวยที่ 3 พันธศุ าสตรและ ชือ่ หนว ยที่ 4 วิวฒั นาการ เทคโนโลยที างดเี อน็ เอ จํานวน 14 ช่วั โมง : 20 คะแนน จาํ นวน 10 ช่วั โมง : 30 คะแนน

โครงสรางรายวชิ า รายวชิ า ชีววิทยา2 รหสั วชิ าว 31206 ชื่อหนว ยการเรียนรูที่ 1 การถา ยทอดทางพันธุกรรม ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท่ี 4/1 ภาคเรยี นที่ 2 ปก ารศึกษา 2564 ท่ี ชอื่ หนวย ผลการเรียนรู สาระสําคญั เวลา คะแนน A (ชม.) รวม K P 7 1 การถา ย 1. สืบคนขอ มูล อธบิ ายและสรปุ ผล เกรเกอร โยฮันน เมนเดล ทําการ 16 25 10 8 ทอดทาง การ ทดลอง ของเมนเดลได ทดลอ งก าร ถาย ทอดลั ก ษณะ ทาง พันธุกรรม 2. อธิบายและสรุปกฎการแยกและกฎ พันธุกรรมของถั่วลันเตา และสรุปเปน การรวมกลมุ อยางอิสระ และนาํ กฎ กฎ 2 ขอ คือ กฎการแยก มีใจความวา ของเมนเดลนไี้ ปอธบิ ายการถายทอด แอลลีลทอี่ ยูเปนคูจะแยกออกจากกันใน ลกั ษณะทางพนั ธุกรรมและใชในการ ระหวา งการสรางเซลลส บื พันธุ โดยเซลล คาํ นวณโอกาสในการเกดิ ฟโ นไทป สืบพันธุแตละเซลลจะมีเพียงแอลลีลใด และจีโนไทปแบบตาง ๆ ของรนุ F1 แอลลีลหน่ึงเทา น้นั และกฎการรวมกลุม และ อยางอิสระของเมนเดล มีใจความวา F2 ได หลังจากคูของแอลลีลแยกออกจากกัน 3. สืบคน ขอมูล วิเคราะห อธิบาย และ แตละแอลลีลจะแยกออกจากคูเชนกัน สรุปเกี่ยวกบั การถา ยทอดลกั ษณะทาง ในการเขา ไปอยูในเซลลสบื พนั ธุ พันธุกรรมทเ่ี ปน สว นขยายของพันธุ ก า ร ถ า ย ท อ ด ลั ก ษ ณ ะ ท า ง ศาสตรเ มนเดลได พันธุกรรมบางลักษณะไมเปนไปตาม 4. สืบคนขอมูล วเิ คราะห และ หลักพันธุศาสตรของเมนเดล ดังนี้ การ เปรียบเทียบลักษณะทางพนั ธกุ รรมท่มี ี ขมไมสมบูรณ ความเดนรวม มัลติเพิล การแปรผันไมตอเนือ่ งและลกั ษณะ แอลลีล พอลิยีน ยีนบนโครโมโซมเพศ ทางพันธกุ รรมที่มีการแปรผันตอ เนื่อง ยีนบนโครโมโซมเดียวกัน ลักษณะ ได ภายใตอิทธิพลของเพศ และลักษณะ จําเพาะในเพศ

โครงสรางรายวชิ า รายวิชา ชีววทิ ยา2 รหัสวิชาว 31206 ช่อื หนว ยการเรียนรูท่ี 2 ยีนและโครโมโซม ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที่ 4/1 ภาคเรยี นที่ 2 ปก ารศึกษา 2564 ท่ี ชื่อหนว ย ผลการเรียนรู สาระสาํ คัญ เวลา คะแนน A (ชม.) รวม K P 7 2 ยีนและ 5. อธบิ ายการถา ยทอดยีนบน การทดลองของนักวิทยาศาสตร 20 25 10 8 โครโมโซม โครโมโซม และยกตวั อยา งลกั ษณะทาง ห ล า ย ๆ ท า น ทํ า ใ ห พ บ ว า ส า ร พนั ธุกรรมที่ถกู ควบคมุ ดวยยีนบนออโต พันธุกรรมที่ทําหนาที่กําหนดลักษณะ โซมและยนี บนโครโมโซมเพศได ทางพันธุกรรมและควบคุมการทํางาน 6. สืบคน ขอ มูล อธบิ ายสมบัตแิ ละ ตาง ๆ คือ กรดนิวคลีอิก ซ่ึงมี 2 ชนิด หนา ทข่ี องสารพันธุกรรม โครงสราง ไดแ ก ดเี อ็นเอและอารเ อน็ เอ และองคประกอบทางเคมขี อง DNA ดี เ อ็ น เ อ เ ป น ลํ า ดั บ เ บ ส ที่ อ ยู บ น และสรปุ การจาํ ลอง DNA ได โครโมโซม ซ่ึงรวมอยูกับโปรตีนฮีสโตน 7. อธบิ ายและระบขุ ั้นตอนใน เป น พอ ลิเมอร ของ นิ วคลี โ อไ ทด ท่ี กระบวนการสงั เคราะหโ ปรตีนและ ประกอบดวยนํ้าตาลดีออกซีไรโบส ไน หนา ท่ีของ DNA และ RNA แตละชนิด โตรจีนัสเบส และหมูฟอสเฟต ซ่ึงนิวคลี ในกระบวนการสงั เคราะหโปรตีนได โอไทดแตล ะหนว ยจะเชอื่ มกันดวยพันธะ 8. สรปุ ความสัมพันธระหวา งสาร ฟอสโฟไดเอสเตอรจนเปนสายยาวของ พนั ธุกรรม แอลลีล โปรตีน ลักษณะ พอลนิ ิวคลีโอไทด โดย พอลินิวคลีโอไทด ทางพนั ธุกรรม และเชื่อมโยงกับความรู 2 สาย จะเรียงสลับทิศกันและพันกัน เรอื่ งพนั ธุศาสตรเมนเดลได เปนเกลียวคูตามเข็มนาฬิกา ซ่ึงเบส A 9. สบื คนขอ มูล และอธบิ ายการเกดิ จับกับเบส T ดวยพันธะไฮโดรเจน 2 มิวเทชันระดบั ยีนและระดับโครโมโซม พันธะ เบส C จับกับเบส G ดวยพันธะ สาเหตุการเกดิ มิวเทชัน รวมท้ัง ไฮโดรเจน 3 พันธะ ยกตวั อยางโรคและกลุมอาการทีเ่ ปน ดีเอ็นเอสามารถจําลองตัวเองและใช ผลของการเกิดมิวเทชนั ได เปนแมแบบในการสังเคราะหดีเอ็นเอ สายใหม โดยลําดับนิวคลีโอไทดบางชวง ของสาย ดีเอน็ เอจะทําหนาท่ีเปนยีนท่ีมี ผลตอการกําหนดลําดับกรดอะมิโนของ โปรตีนตาง ๆ ของเซลล และควบคุม ลกั ษณะทางพนั ธุกรรมของสงิ่ มชี ีวติ การสังเคราะหโ ปรตีนของดเี อ็นเอจะ เริ่มจากการถอดรหัส DNA แมแบบ เปน mRNA ซ่ึงเกิดข้ึนในนิวเคลียส จากน้ัน จึงแปรหัส mRNA เปนโปรตีน ซ่งึ เกิดข้ึน ใน ไซโทพลาซมึ

โครงสรางรายวิชา รายวิชา ชวี วิทยา2 รหสั วิชาว 31206 ชอ่ื หนว ยการเรียนรทู ่ี 3 พันธุศาสตรแ ละเทคโนโลยีทางดเี อน็ เอ ช้ัน มัธยมศึกษาปท ่ี 4/1 ภาคเรยี นที่ 2 ปการศึกษา 2564 ที่ ชื่อหนวย ผลการเรียนรู สาระสาํ คัญ เวลา คะแนน A (ชม.) รวม K P 8 3 พนั ธุ 10. อธบิ ายหลักการสรางสิ่งมีชีวติ ดดั - เทคโนโลยทางดีเอ็นเอเปนการสราง 10 30 15 7 ศาสตร แปรพนั ธกุ รรมโดยใชด ีเอน็ เอรีคอม- ดีเอ็นเอรีคอมบิแนนทโดยอาศัยเอนไซม และ บิแนนทได ตัดจําเพาะและเอนไซมดีเอ็นเอไลเกส เทคโนโลยี 11. สืบคนขอ มูล ยกตวั อยาง และ แลว นํามาโคลนเพอ่ื เพม่ิ จาํ นวนโดยอาศัย ทางดีเอ็น อภิปรายการนาํ เทคโนโลยีทางดเี อ็นเอ พลาสมิดหรือเทคนิค PCR ซึ่งดีเอ็นเอรี เอ ไปประยกุ ต ท้ังในดา นสงิ่ แวดลอ ม นติ ิ คอม-บิแนนทที่ไดสามารถนําไปใชสราง วทิ ยาศาสตร การแพทย การเกษตร สิ่งมชี วี ิตดดั แปรพนั ธุกรรม และอตุ สาหกรรม และขอควรคาํ นึงถงึ เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอสามารถนําไป ดานชวี จริยธรรมได ประยุกตใช เชน การบําบัดดวยยีน การ ผลิตยา การตรวจสอบความสัมพันธทาง ส า ย เ ลื อ ด แ ล ะ ผู ก ร ะ ทํ า ผิ ด ใ น ค ดี อาชญากรรม การสรางพืชและสัตวดัด แปรพนั ธกุ รรม การสรางจุลินทรียหรือ พืชท่ีมีความสามารถในการยอยสลาย สารพิษท่ีปนเปอนในส่ิงแวดลอม การ พั ฒ น า ผ ล ผ ลิ ต ท่ี เ ป น วั ต ถุ ดิ บ ใ น อุตสาหกรรมและใชเพ่ิมผลผลิตในเชิง อุตสาหรรม เปน ตน แตก ารใชเทคโนโลยี ทางดีเอ็นเอจําเปนตองคํานึงถึงความ ปลอดภัยทางชีวภาพ ชีวจริยธรรม และ ผลกระทบทางสงั คม

โครงสรางรายวชิ า รายวิชา ชีววทิ ยา2 รหสั วชิ าว 31206 ช่ือหนว ยการเรียนรทู ่ี 4 ววิ ฒั นาการ ช้นั มัธยมศึกษาปท ี่ 4/1 ภาคเรียนที่ 2 ปการศกึ ษา 2564 ที่ ชือ่ หนวย ผลการเรียนรู สาระสําคญั เวลา คะแนน A 4 ววิ ัฒนา (ชม.) รวม K P 5 12. สบื คน ขอมูลและอธิบายเกีย่ วกบั หลักฐานที่ทําใหนักวิทยาศาสตรเชื่อ 10 20 10 5 การ หลกั ฐานท่ีสนบั สนุนและขอ มลู ทใี่ ช วาส่ิงมีชีวิตมีวิวัฒนาการ ไดแก ซากดึก อธบิ ายการเกดิ วิวฒั นาการของ ดํา-บรรพ กายวภิ าคเปรียบเทียบ วิทยา- สิง่ มีชวี ิตได เอ็มบริโอ ชีววิทยาระดับโมเลกุล และ 13. อธบิ ายและเปรียบเทยี บแนวคดิ ชีวภูมิศาสตร ซึ่งจากหลักฐานเหลาน้ีทํา เก่ยี วกบั ววิ ัฒนาการของส่ิงมชี ีวิตของ ใหส ามารถอธบิ ายถงึ การเกิดวิวัฒนาการ ฌอง ลามารก และทฤษฎเี กีย่ วกบั ของมนุษย ววิ ัฒนาการของสง่ิ มีชวี ิตของชาลส นั ก วิ ท ย า ศ า ส ต ร ที่ เ ส น อ แ น ว คิ ด ดารว นิ ได เกี่ยวกับวิวัฒนาการ ไดแก ฌอง ลา 14. ระบสุ าระสําคญั และอธิบาย มารก ไดเสนอแนวคิดวา ส่ิงมีชีวิตมีการ เงือ่ นไขของภาวะสมดุลของฮารด -ี ไวน เปลี่ย น แปลงโ ครง สราง ให เขากั บ เบริ ก ปจจยั ท่ีทาํ ใหเกดิ สภาพแวดลอม โดยอาศัยกฎการใชและ การเปลย่ี นแปลงความถข่ี องแอลลีลใน ไมใช และกฎการถายทอดลักษณะที่ ประชากร พรอ มทงั้ คํานวณหาความถี่ เกิดขึ้นใหม และชาลส ดารวิน ไดเสนอ ของ แอลลีลและจโี นไทปข อง แ น ว ท ฤ ษ ฎี เ กี่ ย ว กั บ วิ วั ฒ น า ก า ร ข อ ง ประชากรโดยใช หลักของฮารด ี-ไวน ส่ิงมีชีวิตวาเกิดจากการคัดเลือกโดย เบิรกได ธรรมชาติ โดยสิง่ มีชวี ติ มแี นวโนมท่ีจะให 15. สบื คนขอ มูล อภปิ ราย และอธบิ าย กาํ เนดิ ลกู ทม่ี ีลักษณะตางกันจํานวนมาก กระบวนการเกิดสปช ีสใหมของ แตม ีเพียงจํานวนหน่ึงเทานั้นที่เหมาะสม ส่ิงมีชีวิตได กับสภาพแวดลอม สามารถมีชีวิตรอด และถายทอดลักษณะท่ีเหมาะสมไปยัง รุนตอไปได ป ร ะ ช า ก ร สิ่ ง มี ชี วิ ต ที่ อ ยู ใ น ภ า ว ะ สมดุลของฮารดี-ไวนเบิรก จะมีความถี่ ของแอลลีลในยีนพูลคงที่ทุกรุน ซ่ึงกลุม ประชากรตอง มีขนาดใหญ ไมมีการ ถา ยเทยีน ไมเกิดมิวเทชัน สมาชิกทุกตัว มีโอกาสผสมพันธุไดเทากัน และไมเกิด การคัดเลือกโดยธรรมชาติ แตความถ่ี ข อ ง แ อ ลี ล ใ น ป ร ะ ช า ก ร ส า ม า ร ถ เปล่ียนแปลงไดจากการเปล่ียนแปลง ความถีย่ ีนอยางไมเ จาะจง

ที่ ชอื่ หนว ย ผลการเรยี นรู สาระสาํ คัญ เวลา คะแนน A 4 ววิ ัฒนา (ชม.) รวม K P การถายเทเคล่ือนยายยีน การเลือก การ คูผสมพันธุ มิวเทชัน และการคัดเลือก โดยธรรมชาติ ซึ่งเปนผลทําใหเกิด วิวัฒนาการของส่งิ มชี วี ติ สปชีสใหมจะเกิดข้ึนเมื่อไมมีการ ถายเทเคล่ือนยายยีนระหวางประชากร ทําใหประชากรท้ังสองมีโครงสรางที่ แตกตางกัน และวิวัฒนาการเกิดเปนสป ชสี ใหมข้นึ กลางภาค (การถา ยทอดทางพันธุกรรม ยีนและโครโมโซม) 20 ปลายภาค (พันธุศาสตรและเทคโนโลยที างดีเอ็นเอ และววิ ฒั นาการ) 20 รวมทงั้ สิ้น 60 100 45 28 27

การวิเคราะหผลการเรยี นรู รายวิชา ชีววิทยา2 รหัสวชิ าว 31206 ชือ่ หนว ยการเรยี นรูท่ี 1 เร่ือง การถายทอดทางพนั ธุกรรม ชน้ั มัธยมศึกษาปท่ี 4/1 ภาคเรียนที่ 2 ปก ารศึกษา 2564 ผลการเรยี นรู รูอะไร ทาํ อะไร ภาระงาน/ชิ้นงาน สมรรถนะ คณุ ลักษณะ คุณลักษณะ สําคญั ของวชิ า อนั พึง ประสงค 1. สบื คนขอ มูล รูอ ะไร ชนิ้ งานท่ี 1 1. 1. ความ 1. ความมวี นิ ัย อธบิ ายและสรปุ ผล การถายทอดลักษณะ ใบงาน เรื่อง ความสามารถ รอบคอบ 2. ใฝเ รยี นรู การ ทดลอง ของ ทางพันธกุ รรมของถ่ัวลันเตา การถา ยทอดลักษณะ ในการคิด 2. กระบวนการ 3. มุง ม่ัน เมนเดลได สรุปเปนกฎ 2 ขอ คือ กฎ ถ่ัวลันเตาของเมนเดล วเิ คราะห กลมุ ในการทาํ งาน การแยก และกฎการ 2. 2. อธบิ ายและสรุป รวมกลมุ อยางอสิ ระของ ชิ้นงานท่ี 2 ความสามารถ กฎการแยกและกฎ เ ม น เ ด ล ก า ร ถ า ย ท อ ด ผงั สรุป เรื่อง การศึกษา ในการแกป ญหา การรวมกลุมอยาง ลักษณะทางพันธุกรรมบาง พนั ธุศาสตรของเมนเดล อิสระ และนาํ กฎ ลักษณะไมเปนไปตามหลัก ของเมนเดลนีไ้ ป พันธุศาสตร ดังน้ี การขมไม ชน้ิ งานท่ี 3 อธิบายการ สมบรู ณ ความเดน รว ม ใบงาน เรื่อง ถายทอดลกั ษณะ มัลติเพิลแอลลีล พอลิยีน กฎการแยก ของเมนเดล ทางพนั ธุกรรมและ ยนี บนโครโมโซมเพศ ยีนบน ใชในการคํานวณ โครโมโซมเดียวกัน ลักษณะ ชิ้นงานที่ 4 โอกาสในการเกดิ ฟ ภายใตอทิ ธิพลของเพศ และ ใบงาน เร่อื ง โนไทปแ ละจีโนไทป ลกั ษณะจําเพาะในเพศ กฎการรวมกลุม อยาง แบบตาง ๆ ของรนุ อสิ ระของเมนเดล F1 และ F2 ได ทาํ อะไร 3. สบื คนขอมูล อ ธิ บ า ย แ ล ะ ล ง ข อ ส รุ ป วเิ คราะห อธิบาย เกี่ยวกับกฎ ของเมนเดล ชนิ้ งานท่ี 5 และสรุปเก่ยี วกบั สื บค น ข อ มู ล วิเ คร าะ ห ผงั สรุป เร่อื ง วิเคราะห การถายทอด อธิบาย และสรุปเก่ียวกับ ความพนั ธข องกฎ ลกั ษณะทาง การถายทอดลักษณะทาง การแยกและ กฎการรวม พันธกุ รรมท่เี ปน พันธุกรรมและเปรียบเทียบ กลุมอยา งอิสระของ สว นขยายของพนั ธุ ลักษณะทางพันธุกรรมท่ีมี เมนเดล ศาสตรเ มนเดลได การแปรผันไมตอเนื่องและ ของเมนเดลกบั การแบง ลักษณะทางพันธุกรรมที่มี เซลล ของสิง่ มชี ีวติ การแปรผนั ตอ เนอื่ งได ชน้ิ งานที่ 6 ใบงาน เรอื่ ง การถา ย ทอดลกั ษณะของ เสน ผม

ผลการเรยี นรู รูอะไร ทาํ อะไร ภาระงาน/ชิน้ งาน สมรรถนะ คุณลักษณะ คุณลกั ษณะ 4. สบื คน ขอ มูล สาํ คัญ ของวชิ า อันพงึ วเิ คราะห และ ประสงค เปรยี บเทยี บ รอู ะไร ช้นิ งานที่ 7 1. 1. ความ 1. ความมีวินยั ลกั ษณะทาง การถายทอดลักษณะ ใบงาน เร่ือง ความสามารถ รอบคอบ 2. ใฝเ รยี นรู พันธกุ รรมที่มกี าร ทางพันธุกรรมของถ่ัวลันเตา ถายทอดลักษณะทางพนั ในการคดิ 2. กระบวนการ 3. มุงม่นั แปรผันไมต อเน่ือง สรุปเปนกฎ 2 ขอ คือ กฎ ธกุ รรมแบบ วเิ คราะห กลุม ในการทาํ งาน และลกั ษณะทาง ก า ร แ ย ก แ ล ะ ก ฎ ก า ร มลั ตเิ พลิ แอลลีล 2. พนั ธกุ รรมทมี่ กี าร รวมกลมุ อยา งอิสระของ ความสามารถ แปรผนั ตอ เน่อื งได เ ม น เ ด ล ก า ร ถ า ย ท อ ด ชิน้ งานท่ี 8 ในการแกปญหา ลักษณะทางพันธุกรรมบาง ใบงาน เรือ่ ง ลักษณะไมเปนไปตามหลัก การถายทอดลักษณะ พันธุศาสตร ดังน้ี การขมไม ทางพนั ธกุ รรมท่ีควบคมุ สมบรู ณ ความเดนรวม โดยยนี บนโครโมโซมเพศ มัลติเพิลแอลลีล พอลิยีน ยีนบนโครโมโซมเพศ ยีนบน ชิ้นงานท่ี 9 โครโมโซมเดียวกัน ลักษณะ ผงั มโนทัศน เรอื่ ง ภายใตอทิ ธิพลของเพศ และ ลกั ษณะพนั ธุกรรมท่ีเปน ลักษณะจาํ เพาะในเพศ สวนขยายของ พนั ธศุ าสตรเมนเดล ทําอะไร อ ธิ บ า ย แ ล ะ ล ง ข อ ส รุ ป เกี่ยวกับกฎ ของเมนเดล สื บค น ข อ มู ล วิเ คร าะ ห อธิบาย และสรุปเก่ียวกับ การถายทอดลักษณะทาง พันธุกรรมและเปรียบเทียบ ลักษณะทางพันธุกรรมที่มี การแปรผันไมตอเน่ืองและ ลักษณะทางพันธุกรรมท่ีมี การแปรผนั ตอ เนื่องได

การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู รายวชิ า ชีววทิ ยา2 รหัสวิชาว 31206 ช่อื หนว ยการเรียนรทู ี่ 1 เรือ่ ง การถา ยทอดทางพนั ธกุ รรม ช้ัน มธั ยมศกึ ษาปท่ี 4/1 ภาคเรียนท่ี 2 ปการศึกษา 2564 เปาหมายการ ภาระงาน/ชิน้ งาน วิธวี ดั เครอ่ื งมอื วดั ประเด็น/ คะแนน เรียนรู เกณฑก ารให สาระสําคัญ ชิ้นงานท่ี 1 1. ตรวจใบงาน เรือ่ ง 1. แบบตรวจใบงาน คะแนน เกรเกอร โย ใบงาน เรื่อง การถา ยทอดลกั ษณะ เรื่อง การถา ยทอด รอ ยละ 70 25 ถั่วลันเตาของเมนเดล ลักษณะถ่ัวลนั เตาของ ของคะแนนท่ี ฮันน เมนเดล ทาํ การถายทอดลกั ษณะ เมนเดล ไดโดยดูความ การทดลองการ ถ่ัวลันเตาของเมนเดล ถกู ตองของ ถา ยทอดลักษณะ 2. ตรวจผงั สรุป เรือ่ ง 2. แบบตรวจผังสรุป เน้อื หาท่ี ทางพนั ธกุ รรม ชน้ิ งานท่ี 2 การศึกษา พันธุศาสตร เรอื่ ง การศกึ ษา พนั ธุ ผเู รียนบนั ทึก ของถวั่ ลนั เตา ผงั สรุป เรอ่ื ง การศกึ ษา ของเมนเดล ศาสตรข องเมนเดล และความ สรุปเปนกฎ 2 ขอ พันธุศาสตรข องเมนเดล ต้งั ใจในการทํา คอื กฎการแยก 3. ตรวจใบงาน เรื่อง 3. แบบตรวจใบงาน กจิ กรรม คอื แอลลีลที่อยู ช้ินงานท่ี 3 กฎการแยก ของเมนเดล เรอ่ื ง กฎการแยก ของ เปนคจู ะแยกออก ใบงาน เรื่อง กฎการแยก จากกนั ในระหวา ง ของเมนเดล เมนเดล การสรา งเซลล สบื พันธุ โดยเซลล ชิ้นงานที่ 4 4. ตรวจใบงาน เรื่อง 4. แบบตรวจใบงาน สืบพันธแุ ตละ ใบงาน เรอ่ื ง กฎการรวมกลุมอยา ง เรื่อง กฎการรวมกลุม เซลลจะมีเพยี ง กฎการรวมกลุมอยาง อิสระของเมนเดล อยางอิสระของเมนเดล แอลลีลใดแอล อสิ ระของเมนเดล ลีลหนึ่งเทา นั้น 5. ตรวจผงั สรปุ เร่อื ง 5. แบบตรวจผงั สรุป และกฎการ ชิ้นงานท่ี 5 วเิ คราะห เรื่อง วิเคราะห รวมกลมุ อยาง ผังสรปุ เร่อื ง วิเคราะห ความพนั ธข องกฎ การ ความพนั ธของกฎ การ อิสระของเมนเดล ความพันธของกฎ แยกและ กฎการรวม แยกและ กฎการรวม คอื หลังจากคูของ การแยกและ กฎการรวม กลุมอยางอสิ ระของ กลุมอยางอสิ ระของ แอลลีลแยกออก กลมุ อยางอสิ ระของ เมนเดล เมนเดล ของเมนเดล เมนเดล ของเมนเดล จากกนั แตล ะ ของเมนเดลกบั การแบง กับการแบง เซลล ของ กับการแบง เซลล ของ แอลลีลจะแยก เซลล ของสิง่ มชี ีวิต ส่ิงมชี วี ติ สิง่ มชี ีวิต ออกจากคเู ชน กัน ในการเขา ไปอยู 6. ตรวจใบงาน เรื่อง 6. แบบตรวจใบงาน ในเซลลส ืบพนั ธุ ช้ินงานท่ี 6 การถายทอดลกั ษณะ เรือ่ ง การถา ยทอด ของเสน ผม ลกั ษณะของเสนผม ใบงาน เร่ือง การถาย ทอดลักษณะของ เสน ผม

เปา หมายการ ภาระงาน/ชนิ้ งาน วิธวี ดั เครื่องมือวดั ประเดน็ / คะแนน เรยี นรู เกณฑการให คะแนน สาระสําคัญ ชิ้นงานท่ี 7 7. ตรวจใบงาน เรือ่ ง 7. แบบตรวจใบงาน รอยละ 70 เกรเกอร ใบงาน เร่อื ง ถา ยทอด ถา ยทอดลกั ษณะทาง เรื่อง ถายทอดลกั ษณะ ของคะแนนที่ โยฮันน เมนเดล ลกั ษณะทางพันธุกรรมแบบ พนั ธุกรรมแบบ ทางพันธุกรรมแบบ ไดโดยดูความ ทําการทดลอง มลั ติเพลิ แอลลีล มลั ตเิ พิลแอลลีล มลั ตเิ พลิ แอลลีล ถกู ตอ งของ การถายทอด เน้อื หาที่ ลักษณะทาง ชิ้นงานที่ 8 8. ตรวจใบงาน เรื่อง 8. แบบตรวจใบงาน ผเู รยี นบันทกึ พันธกุ รรมของถวั่ ใบงาน เรื่อง การถายทอดลักษณะ เรอ่ื ง การถายทอด และความ ลนั เตา สรปุ เปน การถา ยทอดลักษณะ ทางพนั ธกุ รรมที่ควบคุม ลักษณะทาง ตั้งใจในการทํา กฎ 2 ขอ คือ กฎ ทางพนั ธกุ รรมทค่ี วบคุม โดยยนี บนโครโมโซมเพศ พันธุกรรมทค่ี วบคุม กจิ กรรม การแยก คือ แอล โดยยีนบนโครโมโซมเพศ โดยยนี บนโครโมโซมเพศ ลลี ที่อยูเปน คูจะ แยกออกจากกัน ชิ้นงานที่ 9 ในระหวา งการ ผังมโนทศั น เรอ่ื ง ลักษณะ 9. ตรวจผังมโนทัศน 9. แบบตรวจผังมโนทศั น สรา งเซลล พนั ธกุ รรมทเี่ ปนสว นขยาย เรื่อง ลักษณะ เรื่อง ลกั ษณะ สบื พนั ธุ โดยเซลล ของพนั ธศุ าสตรเ มนเดล พันธกุ รรมท่เี ปนสวน พันธกุ รรมทเ่ี ปนสว น สบื พนั ธแุ ตละ ขยายของพันธุศาสตร ขยายของพนั ธุศาสตร เซลลจะมีเพยี ง เมนเดล เมนเดล แอลลีลใดแอล ลลี หน่งึ เทานั้น และกฎการ รวมกลมุ อยาง อิสระของเมนเดล คอื หลงั จากคูของ แอลลีลแยกออก จากกัน แตล ะ แอลลีลจะแยก ออกจากคเู ชน กนั ในการเขาไปอยู ในเซลลสืบพันธุ

การวเิ คราะหมาตรฐานและตวั ชว้ี ัด รายวชิ า ชวี วทิ ยา2 รหัสวิชาว 31206 ช่ือหนว ยการเรียนรูที่ 2 เรอื่ ง ยีนและโครโมโซม ชัน้ มธั ยมศึกษาปท ี่ 4/1 ภาคเรียนที่ 2 ปการศึกษา 2564 ผลการเรียนรู รอู ะไร ทําอะไร ภาระงาน/ชน้ิ งาน สมรรถนะ คณุ ลกั ษณะ คุณลักษณะ สําคญั ของวิชา อันพึงประสงค 5. อธิบายการ รูอะไร ช้ินงานที่ 1 1. ความ 1. ความ 1. ความมวี ินัย ถายทอดยีนบน การสังเคราะหโปรตีน ใบงาน เร่อื ง สามารถใน รอบคอบ 2. ใฝเรยี นรู โครโมโซม และ ของดีเอ็นเอจะเร่ิมจากการ การคนพบสารพันธุกรรม การคดิ 2. กระบวน 3. มุงมน่ั ยกตวั อยา งลักษณะ ถอดรหัส DNA แมแ บบ เปน 2. ความ การกลมุ ในการทํางาน ทางพันธุกรรมท่ถี ูก mRNA ซึ่งเกิดขึ้นใน ชนิ้ งานที่ 2 สามารถใน ควบคุมดวยยนี บน นวิ เคลยี ส จากนั้นจึงแปรหัส ผังมโนทศั น เร่ือง การแกป ญหา ออโตโซมและยีน mRNA เปนโปรตีน ซึ่ง การคน พบ สารพันธกุ รรม บนโครโมโซมเพศ เกิดขน้ึ ใน ไซโทพลาซึม ได การเปล่ียนแปลงท่ีเกิด ชิ้นงานที่ 3 6. สืบคนขอมูล ข้ึนกับขอมูลทางพันธุกรรม ผังมโนทศั น เรอ่ื ง อธบิ ายสมบตั แิ ละ จ ะ ทํ า ใ ห เ กิ ด ก า ร โครโมโซม ของสง่ิ มีชีวิต หนาทีข่ องสาร เปลี่ยนแปลงของยีน และ พันธุกรรม ส ง ผ ล ต อ ลั ก ษ ณ ะ ข อ ง ชิ้นงานที่ 4 โครงสรางและ สิ่งมีชีวิต เรียกวา มิวเทชัน สรางแบบจําลอง เรือ่ ง องคประกอบทาง แบง ออกเปน มวิ เทชันระดับ แบบจําลองดเี อ็นเอจาก เคมีของ DNA และ ยีน ซ่ึงเปนการขาดหายไป กระดาษ สรุปการจาํ ลอง หรือเพมิ่ ขน้ึ ของนวิ คลีโอไทด DNA ได แ ล ะ มิ ว เ ท ชั น ร ะ ดั บ ชิน้ งานที่ 5 7. อธบิ ายและระบุ โ ค ร โ มโ ซ ม ซ่ึง เป น ก า ร ใบงาน เรอื่ ง ขั้นตอนใน เปลี่ยนแปลงของโครงสราง โครงสรา งและองคป ระกอ กระบวนการ หรอื จาํ นวนโครโมโซม บทางเคมี ของดีเอน็ เอ สังเคราะหโ ปรตีน และหนาทีข่ อง ทาํ อะไร DNA และ RNA แต สืบคนขอมลู อธิบาย ละชนิดใน สมบตั แิ ละหนาทขี่ องสาร กระบวนการ พนั ธกุ รรม โครงสรางและ สงั เคราะหโปรตนี องคป ระกอบทางเคมีของ ได DNA และสรปุ การจําลอง DNA อธบิ ายและระบุขัน้ ตอน ในกระบวนการสังเคราะห โปรตนี และหนาทข่ี อง DNA และ RNA แตละชนิดใน กระบวนการสังเคราะหโ ปรตนี

ผลการเรียนรู รูอะไร ทําอะไร ภาระงาน/ชิ้นงาน สมรรถนะ คณุ ลักษณะ คุณลักษณะ สําคัญ ของวชิ า อนั พงึ ประสงค 1. ความ 1. ความมวี นิ ัย 8. สรปุ ทําอะไร ชิน้ งานที่ 6 1. ความ รอบคอบ 2. ใฝเ รียนรู ความสัมพนั ธ สรปุ ความสมั พันธ ใบงาน เร่ือง การ สามารถใน 2. กระบวน 3. มงุ มนั่ ระหวา งสาร ระหวางสารพนั ธุกรรม สงั เคราะห DNA การคิด การกลมุ ในการทาํ งาน พันธุกรรม แอลลีล แอลลีล โปรตนี ลักษณะทาง 2. ความ โปรตีน ลกั ษณะ พนั ธกุ รรม และเชื่อมโยงกับ ช้ินงานที่ 7 สามารถใน ทางพันธุกรรม และ ความรเู ร่อื งพนั ธุศาสตรเมน ใบงาน เรอื่ ง การ การแกป ญ หา เชื่อมโยงกบั ความรู เดล สงั เคราะห mRNA จาก เร่ืองพันธศุ าสตร สืบคนขอ มูล และอธิบาย DNA เมนเดลได การเกดิ มิวเทชนั ระดับยนี 9. สบื คน ขอ มูล และระดบั โครโมโซม สาเหตุ ชนิ้ งานที่ 8 และอธบิ ายการเกิด การเกิดมิวเทชนั รวมท้งั ใบงาน เรอื่ ง การ มิวเทชนั ระดับยนี ยกตัวอยา งโรคและกลมุ สงั เคราะหพอลิเพปไทด และระดบั อาการท่ีเปน ผลของการเกิด โครโมโซม สาเหตุ มวิ เทชนั ชิน้ งานท่ี 9 การเกิดมวิ เทชนั ใบงาน เรอ่ื ง การกลาย รวมทัง้ ยกตัวอยาง ระดับยนี จากการ โรคและกลุมอาการ แทนทค่ี เู บส ทเี่ ปน ผลของการ เกิดมวิ เทชันได ชน้ิ งานท่ี 10 ใบงาน เร่อื ง การกลาย ระดบั ยีนจากจากการเพิม่ ข้นึ หรอื ขาดหายของนิวคลี โอไทด ชิ้นงานที่ 11 แผน พบั นําเสนอ เรอ่ื ง โรคพนั ธกุ รรม

การวัดและประเมินผลการเรยี นรู รายวชิ า ชีววิทยา2 รหสั วชิ าว 31206 ช่ือหนว ยการเรยี นรทู ่ี 2 เรือ่ ง ยีนและโครโมโซม ชั้นมธั ยมศึกษาปท ี่ 4/1 ภาคเรียนท่ี 2 ปก ารศึกษา 2564 เปา หมายการเรยี นรู ภาระงาน/ช้ินงาน วธิ วี ัด เครือ่ งมือวัด ประเด็น/ คะแนน เกณฑการให สาระสําคัญ ชน้ิ งานท่ี 1 1. ตรวจใบงาน 1. แบบตรวจใบงาน การทดลองของ ใบงาน เรือ่ ง เรอ่ื ง การคน พบสาร เรือ่ ง การคนพบสาร คะแนน นักวิทยาศาสตรหลาย การคน พบสารพันธกุ รรม พันธกุ รรม พันธุกรรม รอยละ 70 25 ๆ ทาน ทําใหพบวา 2. ตรวจผังมโนทศั น 2. แบบตรวจผังมโน ของคะแนนที่ สาร พัน ธุกร ร มท่ีทํา ชิน้ งานที่ 2 เรอ่ื ง การคน พบ สาร ทัศน เร่ือง การคนพบ ไดโ ดยดคู วาม หนาที่กําหนดลักษณะ ผงั มโนทศั น เร่อื ง พันธุกรรม สารพนั ธกุ รรม ถกู ตองของ ทาง พั น ธุกร ร มและ การคน พบ สารพันธุกรรม 3. ตรวจผังมโนทศั น 3. แบบตรวจผังมโน เนอ้ื หาท่ี ควบคุมการทํางานตาง เรื่อง โครโมโซม ของ ทศั น เรื่อง โครโมโซม ผเู รียนบันทกึ ๆ คือ กรดนวิ คลีอิก ซ่ึง ช้นิ งานท่ี 3 สง่ิ มีชวี ติ ของสิ่งมชี ีวติ และความ มี 2 ชนิด ไดแก ดีเอ็น ผังมโนทศั น เร่อื ง 4. ตรวจสราง 4. แบบตรวจสราง ตงั้ ใจในการทํา แบบจาํ ลอง เร่ือง แบบจาํ ลอง เรอ่ื ง กิจกรรม แบบจาํ ลองดีเอน็ เอ แบบจําลองดีเอ็นเอ เอและอารเ อน็ เอ โครโมโซม ของสิง่ มีชวี ติ จาก กระดาษ จาก กระดาษ ดีเอ็นเอเปนลําดับ 5. ตรวจใบงาน เรื่อง 5. แบบตรวจใบงาน เบสที่อยูบนโครโมโซม ชนิ้ งานท่ี 4 โครงสรางและ เรื่อง โครงสรางและ ซึ่งรวมอยูกับโปรตีน สรางแบบจําลอง เร่ือง องคประกอบทางเคมี องคป ระกอบทางเคมี ฮีสโตน เปนพอลิเมอร แบบจาํ ลองดีเอ็นเอจาก ของดีเอน็ เอ ของดเี อน็ เอ ขอ ง นิ ว ค ลีโ อ ไ ทด ท่ี กระดาษ 6. ตรวจใบงาน เรื่อง 6. c[[ตรวจใบงาน ประกอบดวยน้ําตาลดี การ สังเคราะห DNA เรื่อง การ สังเคราะห ออกซีไรโบส ไนโตร ชิ้นงานท่ี 5 DNA จี นั ส เ บ ส แ ล ะ ห มู ใบงาน เรื่อง 7. ตรวจใบงาน เรื่อง 7. แบบตรวจใบงาน ฟอสเฟต ซึ่งนิวคลีโอ โครงสรางและองคป ระกอ การ สังเคราะห เรอ่ื ง การ สังเคราะห ไทดแตละหนว ยจะ บทางเคมี ของดีเอ็นเอ mRNA จาก DNA mRNA จาก DNA เชื่ อม กัน ดว ยพันธ ะ ฟอสโฟไดเอสเตอรจน ช้ินงานท่ี 6 เปนสายยาวของพอลินิ ใบงาน เรอ่ื ง การ วคลีโอไทด โดย พอลินิ สังเคราะห DNA วคลีโอไทด 2 สายจะ เรียงสลับทิศกันและ ชน้ิ งานที่ 7 พันกันเปน เกลียวคูตาม ใบงาน เร่ือง การ เข็มนาฬิกา ซ่ึงเบส A สงั เคราะห mRNA จาก จับกบั เบส Tดวยพันธะ DNA ไฮโดรเจน 2 พันธะ เบสCจับกับเบสGดวย พนั ธะไฮโดรเจน3 พนั ธะ

เปา หมายการเรยี นรู ภาระงาน/ชิ้นงาน วิธีวดั เคร่อื งมอื วดั ประเดน็ / คะแนน เกณฑการให คะแนน สาระสาํ คญั ชิ้นงานที่ 8 8. ตรวจใบงาน เรื่อง 8. แบบตรวจใบงาน รอยละ 70 25 ดีเอ็นเอสามารถ ใบงาน เรอื่ ง การ การ สังเคราะหพ อลิ เรอื่ ง การ สังเคราะห ของคะแนนท่ี จําลองตัวเองและใช สังเคราะหพ อลเิ พปไทด เพปไทด พอลิเพปไทด ไดโดยดูความ เป น แ มแบบ ใน ก า ร ถูกตองของ สังเคราะหดีเอ็นเอสาย ชิ้นงานท่ี 9 9. ตรวจใบงาน เรื่อง 9. แบบตรวจใบงาน เน้อื หาท่ี ใหม โดยลาํ ดับนวิ คลีโอ ใบงาน เรอ่ื ง การกลาย การกลายระดบั ยนี จาก เร่อื ง การกลายระดับ ผเู รียนบันทึก ไทดบางชวงของสาย ระดับยนี จากการ การแทนท่คี ูเบส ยนี จากการแทน ทค่ี เู บส และความ ดีเอ็นเอจะทําหนาที่ แทน ท่ีคูเบส ต้งั ใจในการทํา เปนยีนท่ีมีผลตอการ กจิ กรรม กําหนดลําดับกรดอะมิ ชิ้นงานท่ี 10 10. ตรวจใบงาน เร่อื ง 10. แบบตรวจใบงาน โนของโปรตีนตาง ๆ ใบงาน เร่อื ง การกลาย การกลาย ระดับยนี เรือ่ ง การกลาย ระดบั ของเซลล และควบคุม ระดบั ยีนจากจากการเพมิ่ จากจากการเพมิ่ ขนึ้ ยีนจากจากการเพมิ่ ข้นึ ลักษณะทางพันธุกรรม ข้ึนหรือขาดหายของนิวคลี หรือขาดหายของนิวคลี หรอื ขาดหายของนวิ คลี ของสิ่งมีชีวิต โอไทด โอไทด โอไทด ก า ร สั ง เ ค ร า ะ ห โปรตีนของดีเอ็นเอจะ ชิน้ งานท่ี 11 11. ตรวจแผน พับ 11. แบบตรวจแผนพบั เริ่มจากการถอดรหัส แผนพบั นําเสนอ เรอ่ื ง นาํ เสนอ เรือ่ ง โรค นําเสนอ เรื่อง โรค DNAแ ม แ บ บ เ ป น โรคพันธุกรรม พนั ธุกรรม พันธกุ รรม mRNA ซ่ึงเกิดขึ้นใน นิวเคลียส จากน้ันจึง แ ป ร หั ส mRNAเ ป น โปรตีน ซึ่งเกิดขึ้นใน ไซโทพลาซมึ การเปลย่ี นแปลงที่ เกดิ ข้นึ กบั ขอ มูลทาง พนั ธกุ รรมจะทาํ ใหเ กดิ การ เปลี่ยนแปลงของยนี และ สงผลตอลกั ษณะของ สง่ิ มีชีวิต เรียกวา มวิ เทชัน แบง ออกเปน มวิ เทชนั ระดบั ยีน ซึ่งเปน การขาด หายไปหรือเพม่ิ ข้ึนของนิ วคลโี อไทด และมวิ เทชัน ระดับโครโมโซม ซง่ึ เปน การเปลยี่ นแปลงของ โครงสรางหรือจํานวน โครโมโซม

การวเิ คราะหผลการเรียนรู รายวิชา ชีววิทยา2 รหัสวิชาว 31206 ชื่อหนว ยการเรียนรทู ่ี 3 เร่ือง พันธุศาสตรแ ละเทคโนโลยที างดเี อ็นเอ ชนั้ มัธยมศึกษาปท ี่ 4/1 ภาคเรยี นท่ี 2 ปการศึกษา 2564 ผลการเรียนรู รอู ะไร ทาํ อะไร ภาระงาน/ช้นิ งาน สมรรถนะสําคัญ คุณลักษณะ คณุ ลกั ษณะ 1. ความ ของวชิ า อันพึง สามารถในการคิด ประสงค 10. อธบิ าย รูอะไร ชิ้นงานที่ 1 2. ความสามารถใน 1. ความ 1. ความมีวินัย หลกั การสราง ก า ร ถ า ย ท อ ด ใบงาน เรือ่ ง การสอ่ื สาร กระตือรือรน 2. ใฝเรียนรู สงิ่ มชี วี ติ ดัด-แปร ลักษณะทางพันธุกรรม การโคลนยีน 3. ความสามารถใน 2. ความ 3. มงุ มั่น พนั ธกุ รรมโดยใชดี การถายทอดยีนบน การแกป ญ หา รอบคอบ ในการทํางาน เอน็ เอรคี อม- โครโมโซม สมบัติและ ช้ินงานที่ 2 3. กระบวนการ บิแนนทได ห น า ท่ี ข อ ง ส า ร ใบงาน เร่อื ง การสรา ง กลุม พันธุกรรม การเกิด มิว ส่ิงมชี ีวิตดดั แปร 11. สืบคน ขอ มูล เทชัน การเกิดสปชีส พนั ธกุ รรม ยกตัวอยา ง และ ใหม ความหลากหลาย อภิปรายการนํา ทางชีวภาพ กาํ เนดิ ของ ชิน้ งานท่ี 3 เทคโนโลยีทางดี สิ่ ง มี ชี วิ ต ค ว า ม รายงาน เร่ือง สง่ิ มีชวี ิต เอ็นเอไปประยุกต ห ล า ก ห ล า ย ข อ ง ดดั แปรพนั ธุกรรม ท้ังในดาน ส่ิ ง มี ชี วิ ต แ ล ะ ส่งิ แวดลอ ม นิติ อนุกรมวิธาน รวมท้ัง ชน้ิ งานท่ี 4 วิทยาศาสตร นํ า ค ว า ม รู ไ ป ใ ช ผังมโนทัศน เรื่อง การแพทย ประโยชน ส่ิงมชี ีวติ ดดั แปร การเกษตร และ อุตสาหกรรม และ ทําอะไร ชน้ิ งานท่ี 5 ขอ ควรคาํ นงึ ถึงดา น อธิบายหลักการ ใบงาน เรอ่ื ง การ ชวี จรยิ ธรรมได สรางส่ิงมีชีวิตดัดแปร ประยุกตใชป ระโยชน พันธุกรรมโดยใชดีเอ็น จากเทคโนโลยี เอรคี อมบิแนนท ทางดเี อ็นเอ สื บ ค น ข อ มู ล ย ก ตั ว อ ย า ง แ ล ะ ชน้ิ งานท่ี 6 อ ภิ ป ร า ย ก า ร นํ า ผังมโนทศั น เร่อื ง การ เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ ประยกุ ตใชประโยชน ไปประยุกต ท้ังในดาน จากเทคโนโลยี สิ่ ง แ ว ด ล อ ม นิ ติ ทางดเี อน็ เอ วิ ท ย า ศ า ส ต ร การแพทย การเกษตร และอุตสาหกรรม และ ข อ ค ว ร คํ า นึ ง ถึ ง ด า น ชีวจรยิ ธรรม

การวดั และประเมินผลการเรียนรู รายวิชา ชวี วทิ ยา2 รหัสวชิ าว 31206 ชือ่ หนว ยการเรยี นรูที่ 3 เรื่อง พันธุศาสตรและเทคโนโลยีทางดเี อ็นเอ ชัน้ มธั ยมศึกษาปท ่ี 4/1 ภาคเรยี นที่ 2 ปก ารศึกษา 2564 เปาหมายการเรยี นรู ภาระงาน/ชิ้นงาน วธิ วี ดั เครือ่ งมอื วัด ประเดน็ / คะแนน เกณฑการ 30 สาระสาํ คญั ชิน้ งานท่ี 1 1. ตรวจใบงาน เรื่อง 1. แบบตรวจใบงาน ใหค ะแนน เทคโนโลยทางดีเอ็นเอ ใบงาน เรอื่ ง การโคลนยนี การโคลนยีน เรอื่ ง การโคลนยนี รอยละ 70 เปนการสรางดีเอ็นเอรีคอม ของคะแนน บิแนนทโดยอาศัยเอนไซม ชน้ิ งานท่ี 2 2. ตรวจใบงาน เรื่อง 2. แบบตรวจใบงาน ที่ไดโดยดู ตัดจําเพาะและเอนไซมดี ใบงาน เรอ่ื ง การสรา ง การสรา ง สง่ิ มีชวี ิตดดั เรื่อง การสราง ความถูกตอ ง เอ็นเอไลเกส แลวนํามา สิง่ มีชวี ิตดดั แปร แปรพันธุกรรม สงิ่ มชี วี ติ ดดั แปร ของเนือ้ หาท่ี โคลนเพ่ือเพ่ิมจํานวนโดย พันธุกรรม พนั ธุกรรม ผเู รยี น อาศัยพลาสมิดหรือเทคนิค บันทกึ และ PCR ซ่ึงดีเอ็นเอรีคอม- ชน้ิ งานท่ี 3 3. ตรวจรายงาน 3. แบบตรวจรายงาน ความต้ังใจ บิแนนทที่ไดส ามารถนาํ ไปใช รายงาน เรือ่ ง สิง่ มีชีวิต เรือ่ ง ส่ิงมีชวี ิต ดดั เรอื่ ง สิง่ มชี ีวติ ดัด ในการทํา ส ร า ง ส่ิ ง มี ชี วิ ต ดั ด แ ป ร ดัดแปรพันธกุ รรม แปรพนั ธกุ รรม แปรพนั ธกุ รรม กิจกรรม พนั ธุกรรม เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ ช้นิ งานท่ี 4 4. ตรวจผงั มโนทศั น 4. แบบตรวจผังมโน สามารถนําไปประยุกตใช ผงั มโนทัศน เร่ือง เรื่อง สิง่ มีชีวิตดัดแปร ทศั น เรื่อง ส่ิงมชี ีวติ เชน การบําบัดดวยยีน การ สงิ่ มชี ีวิตดัดแปร ดดั แปร ผลิ ต ย า ก าร ต ร ว จ ส อ บ ความสัมพันธทางสายเลือด ชิน้ งานท่ี 5 5. ตรวจใบงาน เร่อื ง 5. แบบตรวจใบงาน แ ล ะ ผู ก ร ะ ทํ า ผิ ด ใ น ค ดี ใบงาน เรื่อง การ การ ประยกุ ตใ ช เรอ่ื ง การประยุกตใ ช อาชญากรรม การสรางพืช ประยกุ ตใ ชประโยชน ประโยชนจ าก ประโยชนจาก และสัตวดัดแปรพันธุกรรม จากเทคโนโลยี เทคโนโลยี เทคโนโลยี การสรางจุลินทรียหรือพืชท่ี ทางดีเอ็นเอ ทางดีเอน็ เอ ทางดเี อน็ เอ มีความสามารถในการยอย สลายสารพิษท่ีปนเปอนใน ชน้ิ งานท่ี 6 6. ตรวจผังมโนทัศน 6. แบบตรวจผงั มโน ส่ิงแวดลอ ม การพัฒน า ผังมโนทัศน เรอ่ื ง การ เร่อื ง การประยกุ ต ทัศน เร่ือง การ ผลผลิ ตท่ีเปนวัตถุดิบใน ประยุกตใชประโยชน ใชประโยชนจาก ประยกุ ตใชป ระโยชน อุตสาหกรรมและใชเพิ่ม จากเทคโนโลยี เทคโนโลยี จากเทคโนโลยี ผลผลิตในเชิง อุตสาหรรม ทางดีเอน็ เอ ทางดเี อน็ เอ ทางดีเอน็ เอ เปน ตน แตการใชเทคโนโลยี ทาง ดีเอ็นเอจําเปน ตอ ง คํานึงถึงความปลอดภัยทาง ชีวภาพ ชีวจริยธรรม และ ผลกระทบทางสังคม

การวิเคราะหผลการเรยี นรู รายวชิ า ชีววิทยา2 รหัสวชิ าว 31206 ช่อื หนว ยการเรยี นรทู ี่ 4 เร่อื ง วิวฒั นาการ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที่ 4/1 ภาคเรยี นที่ 2 ปก ารศึกษา 2564 ผลการเรยี นรู รูอะไร ทําอะไร ภาระงาน/ชิน้ งาน สมรรถนะสําคญั คุณลักษณะ คุณลกั ษณะ ของวิชา อันพึง ประสงค 12. สืบคนขอ มูล รูอะไร ช้นิ งานท่ี 1 1. ความ 1. ความ 1. ความมีวินัย และอธิบายเกีย่ วกับ รูหลกั ฐานท่บี ง บอก ใบงาน เรอ่ื ง สามารถในการคิด กระตือรอื รน 2. ใฝเรียนรู หลักฐานท่ี ถงึ ววิ ัฒนาการของ ความใกลชดิ ทางววิ ฒั นา 2. ความสามารถใน 2. ความ 3. มุงมั่น สนับสนุนและ สงิ่ มชี ีวิต แนวคดิ เกี่ยว การของส่ิงมีชวี ิต การสือ่ สาร รอบคอบ ในการทํางาน ขอมลู ที่ใชอธิบาย กบั วิวัฒนาการของลา 3. ความสามารถใน 3. กระบวนการ การเกดิ วิวฒั นาการ มารก มใี จความสําคัญ ชิ้นงานท่ี 2 การแกป ญหา กลุม ของสงิ่ มีชีวิตได วา สง่ิ มีชวี ิตมกี าร ใบงาน เร่ือง ววิ ัฒนา เปลีย่ นแปลงโครงสรา ง การของมนุษย 13. อธบิ ายและ ใหเ ขากบั สภาพ เปรียบเทยี บ แวดลอ มขณะเกดิ ชิ้นงานที่ 3 แนวคิดเก่ียวกบั วิวฒั นาการ โดยเสนอ หนังสอื เลม เลก็ เร่ือง วิวฒั นาการของ แนวคดิ 2 แนวคดิ วิวฒั นา การของมนษุ ย สิ่งมชี ีวติ ของ พนั ธุศาสตร ฌอง ลามารก และ ประชากร เปน การ ชิ้นงานที่ 4 ทฤษฎเี กยี่ วกับ ศึกษาการเปลยี่ นแปลง หนังสอื เลมเล็ก เรื่อง ววิ ฒั นาการของ ความถ่ขี องยีนหรอื ซากดึกดําบรรพข องสง่ิ มี สิง่ มชี วี ิตของชาลส ความถข่ี องแอลลีลท่ี ชวี ติ ดารวนิ ได เปน องคประกอบทาง พันธกุ รรมของ ชิน้ งานท่ี 5 ประชากร ซง่ึ มีผลตอ ใบงาน เรอื่ ง แนวคดิ การเกดิ วิวัฒนาการ เกย่ี วกับววิ ฒั นาการของ ของส่ิงมชี ีวติ ความ สง่ิ มี ชวี ิต แตกตางของสปช ีสข อง สง่ิ มีชีวิต ชิ้นงานท่ี 6 ผงั มโนทศั น เร่ือง สงิ่ มีชีวติ ท่มี วี วิ ัฒนาการจ ากการคัดเลือกโดยธรรม ชาติตามแนวคดิ ของดารว ิน

ผลการเรียนรู รอู ะไร ทาํ อะไร ภาระงาน/ช้นิ งาน สมรรถนะสําคัญ คณุ ลกั ษณะ คณุ ลกั ษณะ ของวิชา อันพงึ ประสงค 14. ระบสุ าระ ทาํ อะไร ชน้ิ งานที่ 7 1. ความ 1. ความ 1. ความมวี นิ ัย สาํ คัญและอธิบาย สบื คน ขอ มูลและ ใบงาน เรื่อง การหา สามารถในการคิด กระตอื รอื รน 2. ใฝเ รียนรู เงือ่ นไขของภาวะ อธิบายเก่ียวกบั ความถข่ี องแอลลีลใน 2. ความสามารถใน 2. ความ 3. มงุ มัน่ สมดุลของฮารดี- หลักฐานที่สนับสนนุ ประชากร การส่อื สาร รอบคอบ ในการทํางาน ไวนเบริ ก ปจ จยั ท่ี และขอมลู ท่ีใชอธบิ าย 3. ความสามารถใน 3. กระบวนการ ทาํ ใหเกิดการ การเกิดวิวฒั นาการ ชนิ้ งานที่ 8 การแกปญ หา กลุม เปล่ยี นแปลงความ ของ สง่ิ มีชวี ิต ใบงาน เร่ือง กฎของ ถ่ขี องแอลลีลใน อธบิ ายและ ฮารดี-ไวนเบริ ก ประชากร พรอมท้ัง เปรยี บเทียบแนวคิด คาํ นวณหาความถี่ เก่ียวกบั ววิ ฒั นาการ ชน้ิ งานที่ 9 ของ แอลลีลและจี ของส่ิงมีชีวิตของฌอง ผงั มโนทศั น เร่ือง โนไทปของ ลามารก และทฤษฎี ปจจยั ท่ีมีผลตอการ ประชากรโดยใช เกี่ยวกบั วิวัฒนา การ เปล่ยี นแปลงความถี่ของ หลักของฮารด-ี ไวน ของสิง่ มีชวี ิตของ แอลลีลในประชากร เบริ กได ชาลส ดารวิน ระบุสาระสําคัญ 15. สบื คนขอมูล และอธิบายเงอ่ื นไขของ อภิปราย และ ภาวะสมดุลของฮารด ี- อธบิ าย ไวนเบิรก ปจ จัยทที่ ําให กระบวนการเกิดสป เกดิ การ เปลี่ยนแปลง ชสี ใหมของส่ิงมีชวี ติ ความถขี่ องแอลลลี ใน ได ประชากร พรอมท้งั คํานวณหาความถขี่ อง แอลลีลและจโี นไทป ของประชากรโดยใช หลกั ของฮารด-ี ไวน เบริ ก สื บ ค น ข อ มู ล อภิปราย และอธิบาย กระบวนการเกิดสปชีส ใหมของส่งิ มีชีวิต

การวดั และประเมินผลการเรียนรู รายวชิ า ชวี วิทยา2 รหัสวชิ าว 31206 ชอ่ื หนวยการเรียนรูที่ 4 เรอื่ ง วิวฒั นาการ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 4/1 ภาคเรียนท่ี 2 ปการศึกษา 2564 เปาหมายการเรยี นรู ภาระงาน/ชิน้ งาน วิธวี ัด เครือ่ งมอื วดั ประเด็น/ คะแนน เกณฑการ 20 ใหคะแนน สาระสาํ คญั ชนิ้ งานที่ 1 1. ตรวจใบงาน เรื่อง 1. แบบตรวจใบงาน รอ ยละ 70 ห ลั ก ฐ า น ท่ี ทํ า ใ ห ใบงาน เรือ่ ง ความใกลชิดทาง เรอ่ื ง ความใกลชิด ของคะแนน นั ก วิ ทย า ศ าส ต ร เชื่ อ ว า ความใกลชิดทางววิ ัฒนาก ววิ ัฒนาการของ ทางววิ ฒั นาการของ ที่ไดโ ดยดู สงิ่ มีชีวติ มวี วิ ัฒนาการ ไดแก ารของสงิ่ มีชีวติ ส่งิ มีชีวิต ส่ิงมชี วี ติ ความถกู ตอง ซากดึกดํา-บรรพ กายวิภาค ของเน้ือหาท่ี เ ป รี ย บ เ ที ย บ วิ ท ย า - ช้นิ งานที่ 2 2. ตรวจใบงาน เรื่อง 2. แบบตรวจใบงาน ผูเรยี น เอ็มบริโอ ชีววิทยาระดับ ใบงาน เรือ่ ง วิวัฒนา วิวฒั นา การของ เร่อื ง ววิ ฒั นา การ บันทกึ และ โมเลกุล และ ชีวภูมิศาสตร การของมนุษย มนุษย ของมนษุ ย ความต้ังใจ ซึง่ จากหลกั ฐานเหลานี้ทําให ในการทาํ สามารถอธิบายถึงการเกิด ช้ินงานที่ 3 3. ตรวจหนงั สอื เลม 3. แบบตรวจหนังสือ กิจกรรม ววิ ัฒนาการของมนุษย หนงั สอื เลมเลก็ เร่อื ง เลก็ เรอื่ ง ววิ ัฒนา เลม เล็ก เรอ่ื ง นักวิทยาศาสตรท่ีเสนอ ววิ ัฒนา การของมนษุ ย การของมนษุ ย วิวัฒนา การของ แนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการ มนุษย ไดแก ฌอง ลามารก ได ชิน้ งานท่ี 4 4. ตรวจหนังสอื เลม เสนอแนวคิดวา สิ่งมีชีวิตมี หนงั สือเลมเล็ก เรอื่ ง เล็ก เรอ่ื ง ซากดึกดํา 4. แบบตรวจหนงั สือ การเปลี่ยนแปลงโครงสราง ซากดึกดาํ บรรพของ บรรพของสิง่ มชี ีวิต เลมเลก็ เรอ่ื ง ซากดึก ใหเขากับสภาพแวดลอม สงิ่ มชี ีวติ ดาํ บรรพของส่งิ มชี ีวติ โดยอาศัยกฎการใชและไม ใช และกฎการถายทอด ชิ้นงานท่ี 5 5. ตรวจใบงาน เรือ่ ง 5. แบบตรวจใบงาน ลักษณะที่เกิดข้ึนใหม และ ใบงาน เรื่อง แนวคดิ แนวคดิ เก่ยี วกบั เรอื่ ง แนวคดิ เก่ยี วกบั ชาลส ดารวิน ไดเสนอแนว เก่ียวกบั วิวฒั นาการของส่งิ ววิ ฒั นาการของสิง่ มี ววิ ัฒนาการของสง่ิ มี ทฤษฎีเกี่ยวกับวิวัฒนาการ มี ชวี ิต ชวี ติ ชีวติ ของสิ่งมีชีวิตวาเกิดจากการ คัดเลือกโดยธรรมชาติ โดย ชนิ้ งานที่ 6 6. ตรวจผังมโนทัศน 6. แบบตรวจผงั มโน สิ่งมีชีวิตมีแนวโนมที่จะให ผงั มโนทศั น เรอ่ื ง เร่ือง ส่งิ มีชวี ิตท่มี ี ทศั น เรือ่ ง ส่ิงมีชวี ิตท่ี กําเนดิ ลกู ท่ีมีลกั ษณะตางกัน สงิ่ มีชีวติ ท่ีมวี วิ ัฒนาการจา วิวฒั นาการจากการ มวี ิวฒั นาการจากการ จํ า น ว น ม า ก แ ต มี เ พี ย ง กการคัดเลอื กโดยธรรมชา คดั เลอื กโดย คดั เลือกโดย จํ า น ว น ห น่ึ ง เ ท า นั้ น ที่ ตติ ามแนวคดิ ธรรมชาตติ ามแนวคดิ ธรรมชาตติ ามแนวคดิ เหมาะสมกับสภาพแวดลอม ของดารวิน ของดารวนิ ของดารว นิ สาม าร ถมี ชี วิ ตร อ ดและ ถายทอดลกั ษณะทีเ่ หมาะสม ไปยังรุน ตอ ไปได

เปาหมายการเรียนรู ภาระงาน/ช้ินงาน วิธีวดั เคร่ืองมือวัด ประเดน็ / คะแนน เกณฑการ สาระสําคัญ ชิน้ งานที่ 7 7. ตรวจใบงาน เรือ่ ง 7. แบบตรวจใบงาน ใหคะแนน ประชากรสิ่งมีชีวิตท่ีอยู ใบงาน เรอื่ ง การหา การหา ความถี่ของ เรื่อง การหา ความถี่ รอ ยละ 70 ในภาวะสมดุลของฮารดี- ความถข่ี องแอลลลี ใน แอลลีลในประชากร ของแอลลีลใน ของคะแนน ไวนเบิรก จะมีความถ่ีของ ประชากร ทไี่ ดโ ดยดู แอลลีลในยีนพูลคงท่ีทุกรุน ประชากร ความถูกตอ ง ของเน้ือหาท่ี ซึ่งกลุมประชากรตอง มี ชน้ิ งานที่ 8 8. ตรวจใบงาน เรือ่ ง 8. แบบตรวจใบงาน ผเู รยี น ขนาดใหญ ไมมีการถายเท ใบงาน เรอื่ ง กฎของ กฎของ ฮารด -ี ไวน เรอื่ ง กฎของ บนั ทกึ และ ยี น ไ ม เ กิ ด มิ ว เ ท ชั น ฮารดี-ไวนเบิรก เบิรก ฮารด ี-ไวนเ บริ ก ความตงั้ ใจ สมาชิกทุกตัวมีโอกาสผสม ในการทาํ พันธุไดเทากัน และไมเกิด ชน้ิ งานท่ี 9 9. ตรวจผังมโนทศั น 9. แบบตรวจผงั มโน กิจกรรม การคัดเลือกโดยธรรมชาติ ผังมโนทศั น เร่อื ง เร่อื ง ปจจยั ที่มีผลตอ ทัศน เร่ือง ปจ จัยที่มี แต คว ามถี่ของ แอ ลีลใน ปจจัยท่มี ีผลตอ การ การเปล่ยี นแปลง ผลตอ การ ป ร ะ ช า ก ร ส า ม า ร ถ เปลีย่ นแปลงความถีข่ อง ความถ่ีของแอลลีลใน เปลย่ี นแปลงความถี่ เปลี่ยนแปลงไดจากการ แอลลีลในประชากร ประชากร ของแอลลีลใน เปลยี่ นแปลงความถย่ี ีนอยาง ประชากร ไ ม เ จ า ะ จ ง ก า ร ถ า ย เ ท เคล่ือนยายยีน การเลือก คูผสมพันธุ มิวเทชัน และ การคัดเลือกโดยธรรมชาติ ซึ่ ง เ ป น ผ ล ทํ า ใ ห เ กิ ด ววิ ฒั นาการของสิ่งมชี วี ติ สปช ีสใ หมจะเกิดข้ึนเมื่อ ไมมีการถายเทเคลื่อนยาย ยีนระหวางประชากร ทําให ประชากรทงั้ สองมโี ครงสราง ท่ี แ ต ก ต า ง กั น แ ล ะ วิวัฒนาการเกิดเปนสปชีส ใหมขึ้น


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook