46 ขน้ั สรปุ และนาเสนอผลการค้นหาคาตอบ ชัว่ โมงท่ี 4 1. ครสู ุม่ ตวั อย่างนักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ มานาเสนอแลว้ ชว่ ยกนั อภปิ รายสรปุ 2. ครูและนักเรยี นร่วมกันอภปิ รายประโยชนข์ องพชื สมุนไพร ข้อมลู พชื สมุนไพรที่มใี นโรงเรยี น 3. ครูแจกแบบบนั ทกึ สงิ่ ที่ไดเ้ รยี นรใู้ นวนั นใี้ ห้นักเรียนบนั ทึก 10 นาทีสื่อ อปุ กรณ์และแหล่งเรียนรู้ 1. VDO พืชสมุนไพร 2. ใบงานที่ 1 ความรเู้ ก่ียวกบั พชื สมนุ ไพร 3. ใบงานที่ 2 แผนการสารวจพชื สมนุ ไพร 4. ใบงานท่ี 3 ร้อยกรองพืชสมนุ ไพร 5. แบบบันทึกผลการสารวจพชื สมุนไพร 6. ห้องสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน 7. ห้องสมดุ 8. ห้องปฏบิ ัตกิ ารคอมพวิ เตอร์ 9. http://www.samunpri.com/?p=7379
47การวดั และประเมนิ ผลเป้าหมาย ภาระงาน/ชิ้นงาน วิธีวดั เครื่องมือวดั เกณฑ์ให้คะแนน คะแนนสาระสาคัญ ความคดิรวบยอดพืชสมุนไพร สารวจพืชสมุนไพรใน ตรวจแบบ แบบตรวจให้ ความถูกตอ้ ง 5 คะแนนแบบ ความนา่ สนใจ คะแนนหมายถึง พืชทีใ่ ช้ทา พนื้ ทที่ ่รี บั ผิดชอบ สารวจพืช สารวจพืชเป็นเครือ่ งยา สมนุ ไพร สมนุ ไพร สมุนไพรกาเนิดมาจากธรรมชาตแิ ละมีความหมายตอ่ ชีวติมนษุ ย์โดยเฉพาะการส่งเสริมสขุ ภาพและการรกั ษาโรคมาตรฐานการเรียนรู้ ใบงานท่ี 1 แตง่ บท ตรวจบทร้อย แบบตรวจบท ความถกู ต้องของ 5และตัวช้ีวดั ร้อยกรอง พืช กรองพชื รอ้ ยกรองพชื สัมผสั อกั ขระ คะแนนท 4.1 ม.4-6/4 แตง่บทรอ้ ยกรอง สมนุ ไพร สมุนไพร สมุนไพร การเขยี น ความ งามของภาษาค 5.1 ม 4-6/1 เข้าใจ ใบงานท่ี 2 นาเสนอ ประเมนิ การ แบบประเมนิ การพูด 5วธิ ีการสารวจความ ผลการออกแบบการ นาเสนองาน การนาเสนอ สอ่ื ท่ีใช้ คะแนนคิดเห็นอย่างงา่ ย สารวจพน้ื ท่ี งานว 8.1 ม.4-6/1 ต้งั ใบงานท่ี 3 แบบ ตรวจแบบ แบบตรวจแบบ ความถกู ต้อง 5 บันทึกขอ้ มูลจากการ บันทึกขอ้ มลู บนั ทึกขอ้ มลู ความน่าสนใจ คะแนนคาถามทีอ่ ยูบ่ นพ้ืนฐาน สารวจและศึกษา ความคิดของความรู้และความ คน้ คว้า สรา้ งสรรค์เข้าใจทางวิทยาศาสตร์หรอื ความสนใจ หรือจากประเด็นที่เกิดข้นึในขณะน้นั ทีส่ ามารถทาการสารวจตรวจสอบหรอื ศึกษาคน้ ควา้ ไดอ้ ยา่ งครอบคลมุ และเช่อื ถือได้
48เป้าหมาย ภาระงาน/ชน้ิ งาน วิธวี ัด เครอ่ื งมือวัด เกณฑ์ใหค้ ะแนน คะแนนพ.3.1 ม 4-6/2 ใช้ ใบงานท่ี 3 แบบ ประเมินการ แบบประเมิน การมสี ่วนร่วม 5ความสามารถของตน บนั ทกึ ข้อมูลจากการ ทางานเป็นทมี การทางานเป็น ความรบั ผิดชอบ คะแนนเพอ่ื เพ่มิ ศักยภาพของ สารวจและศึกษา ทมีทีม คานงึ ถึงผลทเี่ กิด ค้นควา้ตอ่ ผอู้ ื่น และสังคมศ 1.1 ม.4-6/6 ออกแบบ mind ประเมิน mind แบบประเมิน ความคิด 6ออกแบบงาน map พชื สมนุ ไพร map mind map สรา้ งสรรค์ คะแนนทัศนศลิ ปไ์ ดเ้ หมาะกับ เป็น ความครบถ้วนโอกาสและสถานท่ี ภาษาตา่ งประเทศ ความนา่ สนใจง 1.1 ม.4-6/2 สรา้ ง ใบงานที่ 3 แบบ ประเมนิ ทกั ษะ แบบประเมนิ -วางแผน 8ผลงานอย่างมคี วามคดิ บันทึกขอ้ มูลจากการ ในการทางาน ทักษะในการสรา้ งสรรค์ และมีทักษะ ทางาน - ดาเนินงานตาม คะแนนการทางานร่วมกัน สารวจและศกึ ษาง 1.1 ม.4-6/3 มีทกั ษะ ค้นคว้า แผนการจัดการในการทางาน - ประเมนิ ผล - ปรบั พฒั นาการ ดาเนนิ งานต 1.1 ม.6/3 อธบิ าย ออกแบบ mind ประเมิน mind แบบประเมิน ความถกู ตอ้ งของ 5 map mind mapและเขียนประโยคและ map พืชสมุนไพร ประโยค คะแนนข้อความให้สัมพนั ธ์กับ เป็นส่ือที่ไม่ใช่ความเรยี ง ภาษาต่างประเทศ ความเหมาะสมรูปแบบต่างๆ ทอี่ ่าน ของการใช้ภาษารวมท้ังระบแุ ละเขียนสือ่ ทีไ่ มใ่ ช่ความเรียงรูปแบบตา่ งๆ ให้สมั พันธก์ บั ประโยคและข้อความทฟ่ี ๎งหรอือ่านสมรรถนะที่สาคัญ ใบงานที่ 2 นาเสนอ ประเมนิ แบบประเมิน ความชดั เจน ความสามารถในการ ผลการออกแบบการ ความสามารถ ความสามารถ ความถูกต้องส่อื สาร สารวจพ้ืนท่ี ในการสื่อสาร ในการสื่อสาร ความ ความสามารถในการ ใบงานท่ี 3 แบบ ประเมนิ แบบประเมิน หลากหลายในคดิ วเิ คราะห์ บันทกึ ข้อมูลจากการ ความสามารถ ความสามารถ การคิด สารวจและศึกษา ในการคดิ ในการคดิ
49 เปา้ หมาย ภาระงาน/ชนิ้ งาน วิธีวัด เคร่ืองมอื วดั เกณฑใ์ หค้ ะแนน คะแนน ค้นคว้า วิเคราะห์ วเิ คราะห์ ความสามารถในการ ออกแบบ mind ประเมนิ แบบประเมนิ ความน่าสนใจคดิ สรา้ งสรรค์ map พืชสมนุ ไพร ความสามารถ ความสามารถ แปลกใหมม่ ี เป็น ในการคิด ในการคิด คุณค่าคุณลกั ษณะของวิชา ภาษาตา่ งประเทศ สร้างสรรค์ สรา้ งสรรค์ ความอยากรู้อยาก ใบงานท่ี 3 แบบ สงั เกต แบบสังเกต การตั้งคาถามเห็น บันทกึ ขอ้ มลู จากการ พฤตกิ รรม พฤติกรรม ความละเอียดใน ความละเอียด สารวจและศกึ ษา การทางานรอบคอบ คน้ คว้า สงั เกต แบบสังเกตคณุ ลกั ษณะอนั พงึ พฤติกรรม พฤติกรรม การสง่ งานประสงค์ ใบงานที่ 1 ใบงานท่ี ความตงั้ ใจในความรบั ผดิ ชอบ 2 ใบงานท่ี 3 mind การทางานใฝเุ รยี นรู้ map พืชสมุนไพรความมีวินยั
50 ใบความรู้ท่ี 1 ความรูเ้ ก่ยี วกับพืชสมุนไพร รายวิชาบรู ณาการงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน ช่อื หน่วย พชื สมุนไพรประโยชนแ์ ทแ้ กม่ หาชน ช้ัน ม. 5 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2560ความหมายของพชื สมนุ ไพร คาว่า สมนุ ไพร ตาม พระราชบญั ญัติยา หมายถึง \"ยาทไี่ ด้จากพืช สัตว์ หรือแร่ ซึ่งยังไม่ได้ผสม ปรุง หรือเปลี่ยนสภาพ\" เช่น พชื ก็ยงั เปน็ สว่ นของ ราก ลาต้น ใบ ดอก ผล ฯลฯ ซึ่งยังไม่ได้ผ่านขั้นตอนการแปรรูปใด ๆ แต่ในทางการค้าสมนุ ไพรมกั จะถูกดัดแปลงในรูปต่าง ๆ เข่น ถูกหั่นให้เป็นชิ้นเล็กลง บดเป็นผงละเอียด หรืออัดเป็นแท่ง อย่างไรก็ตามในความรู้สึกของคนท่ัว ๆ ไป เมื่อกล่าวถึงสมุนไพร มักจะนึกถึงเฉพาะต้นไม้ที่นามาใช้เป็นยาเทา่ น้ัน ทง้ั นอี้ าจเปน็ เพราะว่าสตั ว์ หรือแร่ มกี ารนามาใชน้ ้อย และใชใ้ นโรคบางชนิดเทา่ น้ัน พืชสมุนไพร หมายถงึ พนั ธ์ุไม้ต่าง ๆ ท่สี ามารถนามาใชป้ รุงหรือประกอบเปน็ ยารกั ษา โรคต่าง ๆ ใช้ในการส่งเสริมสขุ ภาพร่างกายได้ความสาคัญของพชื สมุนไพร1. ความสาคัญในดา้ นสาธารณสขุ พืชสมุนไพร เป็นผลผลิตจากธรรมชาติ ท่ีมนุษย์รู้จักนามาใช้เป็นประโยชน์ เพื่อการรักษาโรคภัยไข้เจ็บตั้งแต่โบราณกาลแล้ว เช่นในเอเชียก็มีหลักฐานแสดงว่ามนุษย์รู้จักใช้พืชสมุนไพรมากว่า 6,000 ปี แต่หลังจากท่ีความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ มีการพัฒนาเจริญก้าวหน้ามากข้ึน มีการสังเคราะห์ และผลิตยาจากสารเคมี ในรูปที่ใช้ประโยชนไ์ ดง้ ่าย สะดวกสบายในการใช้มากกว่าสมุนไพร ทาให้ความนิยมใช้ยาสมุนไพรลดลงมาเป็นอันมาก เป็นเหตุให้ความรวู้ ทิ ยาการดา้ นสมนุ ไพรขาดการพฒั นา ไม่เจรญิ กา้ วหน้าเท่าท่ีควร ในปจ๎ จุบันท่ัวโลกได้ยอมรับแล้วว่าผลที่ได้จากการสกัดสมุนไพร ให้คุณประโยชน์ดีกว่ายา ที่ได้จากการสังเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ประกอบกับในประเทศไทยเป็นแหลง่ ทรพั ยากรธรรมชาติ อันอดุ มสมบูรณ์ มีพืชตา่ ง ๆ ทใี่ ชเ้ ปน็ สมนุ ไพรไดอ้ ย่างมากมายนับหมื่นชนิด ยังขาดก็แต่เพยี งการค้นควา้ วิจยั ในทางทเี่ ปน็ วิทยาศาสตร์มากขึ้นเท่าน้ัน ความตื่นตัวท่ีจะพัฒนาความรู้ด้านพชื สมุนไพร จงึ เร่ิมขึ้นอกี คร้ังหน่งึ มกี ารเริม่ ต้นนโยบายสาธารณสขุ ขั้นมลู ฐานอย่างเป็นทางการของประเทศไทยในปี พ.ศ. 2522 โดยเพิ่มโครงการสาธารณสุขขั้นมูลฐานเข้าในแผนพัฒนาการสาธารณสุข ตามแผนพัฒนา การเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ี 4 (พ.ศ. 2520-2524) ต่อเนื่องจนถึงแผนพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 7 (พ.ศ. 2535-2539) โดยมี กลวิธีการพัฒนาสมุนไพรและการแพทย์แผนไทยในงานสาธารณสุขมลู ฐาน คอื (1) สนบั สนุนและพัฒนาวชิ าการและเทคโนโลยพี ้ืนบา้ นอันไดแ้ ก่ การแพทยแ์ ผนไทย เภสชั กรรมแผนไทยการนวดไทย สมนุ ไพร และเทคโนโลยีพนื้ บ้าน เพ่ือใชป้ ระโยชน์ในการแก้ไขปญ๎ หา สุขภาพของชมุ ชน (2) สนบั สนนุ และสง่ เสรมิ การดแู ลรักษาสุขภาพของตนเอง โดยใช้ สมุนไพร การแพทย์พ้ืนบ้าน การนวดไทย ในระดบั บคุ คล ครอบครวั และชุมชน ให้เปน็ ไปอยา่ งถูกต้องเป็นระบบสามารถปรับประสานการดูแลสุขภาพแผนป๎จจบุ นั ได้ อาจกลา่ วได้วา่ สมนุ ไพรสาหรับสาธารณสขุ มลู ฐานคือสมนุ ไพรที่ใชใ้ นการส่งเสริม สุขภาพ และการรักษาโรค/อาการเจ็บปวุ ยเบอ้ื งตน้ เพื่อใหป้ ระชาชนสามารถพึ่งตนเองได้มากข้นึ2. ความสาคัญในด้านเศรษฐกิจ ในป๎จจุบันพืชสมุนไพรจัดเป็นพืชเศรษฐกิจชนิด หน่ึงท่ีต่างประเทศกาลังหาทางลงทุนและคัดเลือกสมุนไพรไทยไปสกัดหาตวั ยาเพือ่ รกั ษาโรคบางโรคและมหี ลายประเทศท่ีนาสมุนไพรไทยไปปลูกและทาการค้าขายแข่งกบั ประเทศไทย สมนุ ไพรหลายชนิดท่ีเราส่งออกเป็นรูปของวัตถุดิบคือ กระวาน ขม้ินชัน เร่ว เปล้าน้อยและมะขามเปียกเป็นต้น ซึ่งสมนุ ไพรเหล่านีต้ ลาดต่างประเทศยังคงมีความต้องการอกี มาก และในป๎จจุบันกรมวิชาการ
51เกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ให้ความสนใจในการศึกษาเพิ่มขึ้นและมีโครงการวิจยั บรรจุไว้ในแผนพฒั นาระบบการผลติ การตลาดและการสร้างงานในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ี 6 (พ.ศ. 2530-2534) เพ่ือหาความเป็นไปได้ในการพัฒนาคุณภาพและแหล่งปลูกสมุนไพรเพื่อสง่ ออก โดยกาหนดชนดิ ของสมนุ ไพรท่มี ีศักยภาพ 13 ชนิด คือ มะขามแขก กานพลู เทียนเกล็ดหอย ดองดึง เร่วกระวาน ชะเอมเทศ ขมนิ้ จนั ทรเ์ ทศ ใบพลู พริกไทย ดีปลี และน้าผึง้ประโยชนข์ องพชื สมนุ ไพร 1. สามารถรักษาโรคบางชนิดได้ โดยไม่ต้องใช้ยาแผนป๎จจุบัน ซ่ึงบางชนิดอาจมีราคาแพง และต้องเสีย ค่าใช้จ่ายมาก อีกท้ังอาจหาซ้ือได้ยากในท้องถ่ินน้ันให้ผลการรักษาได้ดีใกล้เคียงกับยาแผนป๎จจุบัน และใหค้ วามปลอดภัยแก่ผู้ใชม้ ากกว่าแผนป๎จจุบัน 2. สามารถหาไดง้ ่ายในทอ้ งถนิ่ เพราะส่วนใหญไ่ ด้จากพชื ซึ่งมอี ยู่ทั่วไปทงั้ ในเมอื งและ ชนบท 3. มีราคาถูก สามารถประหยัดคา่ ใชจ้ ่ายในการซ้ือยาแผนป๎จจบุ ัน ที่ต้องส่ังซื้อจากต่าง ประเทศเป็นการ ลดการขาดดุลทางการคา้ 4. ใช้เป็นยาบารงุ รกั ษาให้ร่างกายมสี ุขภาพแข็งแรง 5. ใชเ้ ป็นอาหารและปลกู เป็นพชื ผกั สวนครัวได้ เชน่ กะเพรา โหระพา ขิง ขา่ ตาลงึ 6. ใช้ในการถนอมอาหารเช่น ลูกจนั ทร์ ดอกจันทรแ์ ละกานพลู 7. ใช้ปรงุ แตง่ กล่ิน สี รส ของอาหาร เช่น ลูกจันทร์ ใช้ปรุงแต่งกลิ่นอาหารพวก ขนมป๎ง เนย ไส้กรอก แฮม เบคอน 8. สามารถปลูกเปน็ ไมป้ ระดบั อาคารสถานที่ตา่ ง ๆ ให้สวยงาม เชน่ คนู ชุมเห็ดเทศ 9. ใชป้ รงุ เปน็ เครอ่ื งสาอางเพื่อเสรมิ ความงาม เชน่ ว่านหางจระเข้ ปรนะคาดีควาย 10. ใชเ้ ป็นยาฆ่าแมลงในสวนผกั , ผลไม้ เชน่ สะเดา ตะไคร้ หอม ยาสบู 11. เปน็ พืชที่สามารถสง่ ออกทารายไดใ้ หก้ ับประเทศ เช่น กระวาน ขม้นิ ชนั เรว่ 12. เป็นการอนุรักษ์มรดกไทยให้ประชาชนในแต่ละท้องถ่ิน รู้จักช่วยตนเองในการ นาพืชสมุนไพรใน ท้องถ่ินของตนมาใช้ให้เกิดประโยชน์ตามแบบแผนโบราณ 13. ทาให้คนเหน็ คุณคา่ และกลบั มาดาเนินชวี ติ ใกล้ชิดธรรมชาตยิ งิ่ ข้นึ 14. ทาให้เกดิ ความภมู ิใจในวฒั นธรรม และคุณค่าของความเปน็ ไทย
52 ใบงานที่ 1 กลอนความรู้เกยี่ วกับพชื สมนุ ไพร รายวชิ าบูรณาการงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น ช่ือหน่วย พืชสมุนไพรประโยชน์แทแ้ กม่ หาชน ชน้ั ม. 5 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2560คาส่ัง ให้นกั เรียนแต่งบทกลอนความรู้เกย่ี วกับพืชสมนุ ไพร ในรูปแบบของกลอนสุภาพ มาอย่างน้อย 4 บท ………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………….………………… ………..……………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………….…………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………….………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………….………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………….………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………….………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………….………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………….………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………….………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………….…………………
53 ใบความรู้ท่ี 2 ประเภทของพชื สมนุ ไพร รายวิชาบรู ณาการงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น ชือ่ หน่วย พชื สมนุ ไพรประโยชนแ์ ทแ้ กม่ หาชน ช้นั ม.5 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2560 พืชสมุนไพร มีมากมายหลายลักษณะและหลายประเภท สามารถจาแนกได้หลายวิธี ซ่ึงพอจะทาการจาแนกพืชสมุนไพรพอสังเขปได้ ดังนี้1. การจาแนกตามลกั ษณะการใช้ประโยชน์ 1.1 น้ามนั หอมระเหย (Essential oil) พชื สมุนไพรหลายชนดิ สามารถนามาสกัด น้ามันหอมระเหยได้โดยวิธีการกลั่น ซึ่งจะได้น้ามันหอมระเหยมีกลิ่นหอมแตกต่างกันไปตามชนิดของพืชสมุนไพร น้ามันหอมระเหยนี้มีสารสาคญั ทสี่ กัดออกมาซง่ึ จะใช้ประโยชนไ์ ดต้ รงตามวตั ถุ ประสงคม์ ากกว่า รวมทง้ั การใช้ในปริมาณท่ีน้อยกว่าเม่ือเทียบกับการนาพชื สมนุ ไพรมาใชใ้ นรปู อื่น ตวั อยา่ งของพืชสมุนไพรทีน่ ามาสกดั น้ามนั หอมระเหย เชน่น้ามนั ตะไคร้หอม ใช้ในอุตสาหกรรมผลิตสบู่ แชมพู น้าหอมหรือใช้ทาสารไล่แมลงน้ามนั ไพล ใช้ในผลติ ภณั ฑ์ครมี ทาภายนอก ลดอาการอกั เสบจากการฟกชา้น้ามันกระวาน ใช้แตง่ กล่นิ เหล้า เครือ่ งด่มื ต่าง ๆ รวมทัง้ ใช้ในอตุ สาหกรรม น้าหอมน้ามันพลู ใชใ้ นอตุ สาหกรรมเครือ่ งสาอางหรือใช้เปน็ เจลทาภายนอกแก้คันa. ยารับประทาน พืชสมุนไพรหลายชนิด สามารถนามาใช้รับประทานเพื่อรักษาอาการของโรคได้ อาจใช้ สมุนไพรชนดิ เดียว หรอื หลายชนิดรวมกันกไ็ ดท้ ัง้ นี้ขนึ้ อยกู่ บั สารสาคัญท่มี ีอยู่ในพืชสมุนไพร ชนิดน้ัน ๆ ที่ออก ฤทธ์เิ พอ่ื การบาบดั รักษา เชน่ แกไ้ ข้ บอระเพ็ด ฟาู ทะลายโจรแก้ทอ้ งอืด ท้องเฟอู กะเพรา ไพล ขิง ระงบั ประสาทลดไขมนั ในเส้นเลือด ขเ้ี หลก็ ไมยราพ คาฝอย กระเจ๊ียบแดง กระเทียม
54b. ยาสาหรับใช้ภายนอก เป็นพืชสมุนไพรที่สามารถนามาบาบัดโรคที่เกิดข้ึนตามผิวหนัง แผลท่ีเกิดขึ้นตาม ร่างกายรวมท้ังแผลในปาก อาจใช้สมุนไพรชนิดเดียวหรือหลายชนิดรวมกันก็ได้ ลักษณะของการนามาใช้มี หลายลักษณะมีท้ังใช้สด บดเป็นผง ครีม ท้ังนี้ขึ้นอยู่กับสารสาคัญที่มีอยู่ในพืชสมุนไพร และความสะดวกใน การนามาใช้ ตัวอยา่ งของพชื สมุนไพรทน่ี ามาใชเ้ ป็นยาสาหรับใชภ้ ายนอก เช่น รักษาแผลในปาก บัวบก หว้า โทงเทง ระงับกลิ่นปาก ฝรงั่ กานพลู ผักบุ้งทะเล ตาลึง เท้ายายมอ่ ม เสลดพังพอน แกแ้ พ้ บวั บก ยาสูบ ว่านหางจระเข้รักษาแผลน้ารอ้ นลวก ตาลึง พดุ ตาล ว่านมหากาฬ เสลดพงั พอน แกง้ สู วดัc. ผลติ ภัณฑ์เสริมอาหารและเคร่อื งดม่ื พืชสมนุ ไพรหลายชนิดสามารถนามาทาเปน็ ผลติ ภัณฑ์จากธรรมชาติผบู้ ริโภคจงึ รสู้ ึกปลอดภัยในการนามารับประทาน เช่นดดู จับไขมนั จากเสน้ เลือด ลด บกุ นา้ หนักเปล่ยี นไขมันเปน็ พลงั งาน ลด ส้มแขก นา้ หนักเครื่องดมื่ บารุงสุขภาพ หญา้ คาฝอย หญา้ หนวดแมว หวาน1.5 เครอ่ื งสาอาง เปน็ การนาพืชสมนุ ไพรมาใชอ้ กี ลักษณะหนึ่ง การนาพืชสมุนไพรมาใช้เป็นเครื่องสาอางมีมานานแล้ว และในป๎จจุบันได้รับการยอมรับมากข้ึน เน่ืองจากปลอดภัยกว่าการใช้สารสังเคราะห์ทางเคมี ทาให้มีผลติ ภณั ฑ์ท่ผี ลติ ขึน้ โดยมสี ว่ นผสมของพืชสมนุ ไพรเกิดขึน้ มากมาย เช่น แชมพู ครีมนวดผม สบู่ โลชั่น ตัวอย่างพืชสมุนไพรทน่ี ามาใชเ้ ปน็ เคร่อื งสาอางเชน่ อัญชนั ว่านหางจระเข้ มะคาดคี วาย เห็ดหลินจอื เปน็ ต้น1.6 ผลิตภัณฑ์ปูองกันกาจัดศัตรูพืช เป็นสมุนไพรท่ีมีฤทธ์ิเบ่ือเมาหรือมีรสขม ซ่ึงมีคุณสมบัติในการปราบหรือควบคุมปริมาณการระบาดของแมลงศัตรูพืช โดยไม่มีพิษตกค้างในผลผลิต ไม่มีพิษต่อผู้ใช้และสภาพแวดล้อมตัวอยา่ งพชื สมนุ ไพรท่ใี ช้ปอู งกันกาจัดศัตรพู ืช เชน่ สะเดา ยาสูบ ตะไคร้หอม ฟาู ทะลายโจร ไพล เป็นตน้
552. การจาแนกตามลักษณะภายนอกของพชืพืชสมุนไพร ประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ ได้แก่ ราก ลาต้น ใบ ดอก และผล แต่ละส่วนทาหน้าท่ีแตกต่างกัน เพ่ือประโยชน์ในการดารงชีวิต พืชชนิดเดียวกันมีลักษณะของส่วนเหล่าน้ีเหมือนกัน แต่อาจมีรูปร่าง ขนาด หรือสีแตกต่างกันบ้างข้ึนอยู่กับป๎จจยั ตา่ ง ๆ เชน่ ภูมิภาค ประเภทและความอดุ มสมบรู ณข์ องดิน เปน็ ต้นลกั ษณะของสว่ นตา่ ง ๆ มีการจาแนกตามลักษณะภายนอกของพชื ออกเป็น 5 ส่วน ดังน้ี 1. ราก ราก คอื สว่ นหนงึ่ ท่ีงอกตอ่ จากตน้ ลงไปในดนิ ไมแ่ บ่งขอ้ และไมแ่ บ่งปล้อง ไมม่ ีใบ ตา และดอก หน้าที่ของราก คือสะสมและดูดซึมอาหารมาบารงุ เลย้ี งต้นพชื นอกจากน้ียังยึดและคา้ จนุ ตน้ พชื อกี ดว้ ย รากของต้นพืชหลายชนดิ ก็ใชเ้ ปน็ ยาสมนุ ไพรได้ เช่น กระชาย เป็นตน้ 2. ลาต้น เป็นโครงสร้างท่ีสาคัญของพืช ปกติอยู่เหนือผิวดิน หรืออาจบางทีมีบางส่วนอยู่ใต้ดิน มี ข้อ ปล้อง ใบหน่อ และดอกหนา้ ทข่ี องลาตน้ ลาเลียงอาหาร คา้ จนุ และสะสมอาหารให้ตน้ พืช ลาตน้ ของตน้ ไม้หลายชนิดเป็น ยาสมุนไพร เช่น ขเ้ี หล็ก แคบ้าน บอระเพด็ ตะไคร้ มะขาม เปน็ ต้นรูปร่างและลักษณะของลาตน้ แบง่ ไดเ้ ป็น 4 สว่ น คือ 1) ข้อ(Node) 2) ปลอ้ ง(Internode) 3) ตาดอก(Flower Bud) 4) กง่ิ ข้าง(Lateral branch) บริเวณเหล่านี้จะมีกิ่งก้าน ใบ ดอก เกิดขึ้นซ่ึงทาให้ต้นพืชแต่ละชนิดมีลักษณะแตกต่างกันออกไป หากตอ้ งการสังเกตสว่ นทีเ่ หนือดนิ ของพืชสมุนไพร สิ่งแรกท่ีต้องสังเกต คือ ลาต้นของต้นพืชนั้นมีลักษณะเป็นอย่างไรลักษณะตา ขอ้ และปลอ้ งเปน็ อยา่ งไร แตกต่างจากลาตน้ ของต้นพชื อยา่ งไรหน้าทขี่ องลาต้น คอื 1) ช่วยชใู บ ดอก ขึ้นส่อู ากาศ 2) ชว่ ยสะสมอาหารให้กบั ตน้ พืช เชน่ เผือก ขิง 3) เป็นทางลาเลียงอาหารและวตั ถดุ บิ จากรากผ่านไปยังใบสาหรับสงั เคราะหเ์ ปน็ อาหารของพชื 4) ชว่ ยสรา้ งอาหาร คารโ์ บไฮเดรต โดยวธิ ีสงั เคราะห์แสง เชน่ บอระเพด็ชนดิ ของลาต้น แบง่ ตามลกั ษณะภายนอกของลาต้นได้ ดงั น้ี ประเภทไม้ยืนต้น เป็นไม้ที่ข้ึนตรงลาต้นเด่ียวและสูงใหญ่มากกว่า 6 เมตร มีเน้ือไม้ค่อนข้างแข็ง ลาต้นชดั เจนแบง่ กิ่งก้านแผอ่ อกไป เชน่ อบเชย มะกา ยอ คนู เปน็ ต้น ประเภทไม้พุ่ม มีลาต้นไม่ชัดเจน สามารถแบ่งกิ่งได้ตั้งแต่ส่วนโคนของลาต้น เป็นต้นไป เช่น ทองพันช่ังมะนาว ชุมเห็ดเทศ ขลู่ เปน็ ตน้ ประเภทไมล้ ม้ ลุก เปน็ พืชทมี่ ีลาต้นอ่อน ไม่มเี น้อื ไม้ หักงา่ ย มีอายุ 1 ปี หรอื หลายปี เช่น กล้วยน้าว้า ว่านหางจระเข้ แมงลกั ขม้นิ เปน็ ต้น ประเภทไม้เลื้อยหรือไม้เถา มีก้านยาวและไม่สามารถต้ังตรงได้มีลักษณะเลี้อยพันคดเค้ียวไปโดยใช้ส่วนของ พืชเกาะ เช่น หนวด หนาม เปน็ ตน้ เนอ้ื ไม้ของลาต้นบางชนิดแข็ง และบางชนิดก็อ่อนเช่นเดียวกับหญ้า เช่นฟ๎กทอง บอระเพ็ด มะแว้งเครือ เลบ็ มอื นาง เป็นตน้
56 ลาต้นส่วนใหญ่อยบู่ นดิน มีข้อ ปล้องและตา สังเกตเห็นได้ชัดเจน พืชบางชนิดมีลาต้นอยู่ใต้ดิน ส่วนที่อยู่เหนือดินคือ กาบใบหุ้มซ้อน ๆ กัน ทาให้มีลักษณะท่ีเข้าใจผิดว่าเป็นลาต้น ลาต้นใต้ดินมักพบในพืชใบเลี้ยงเดี่ยวเปน็ สว่ นใหญ่ เช่น กลว้ ย ขงิ ข่า ตะไคร้ ลาตน้ ใต้ดนิ แบ่งเปน็ หลายประเภท ทรี่ จู้ กั กันมากคือ เหง้า เหง้า เป็นลาต้นใต้ดินที่เห็น ข้อ ปล้องชัดเจนลาต้นทอดขนานกับผิวดนิ มีตาบริเวณขอ้ เพื่อแตกใบในแตล่ ะปสี ว่ นที่งอกข้ึนบนดินมักมีอายุ 1 ปีแล้วตายโดยท่ีลาต้นใตด้ นิ ยังคงอยู่เรยี กวา่ ลงหัว ในปตี ่อไปจะงอกใบจากตาในทใ่ี หม่ เช่น ข่า ขิง ไพล กระทอื เป็นต้น ตารางแสดงตวั อยา่ งการจาแนกพืชสมนุ ไพรตามลักษณะของลาตน้ ไม้ยนื ตน้ ไมพ้ ่มุ ไมล้ ้มลกุ ไม้เลอ้ื ยหรือไมเ้ ถาขีเ้ หลก็ หญ้าหนวดแมว ฟูาทะลายโจร ดปี ลีสะเดา ชลู่ ขมิน้ มะแวง้ เครือสม้ แขก ทองพันชงั่ ไพล หางไหลแดงการบนู ชมุ เห็ดเทศ ขิง บอระเพ็ดกานพลู มะแว้งต้น เปราะหอม บวั บกกานพลู มะแว้งตน้ เปราะหอม บวั บกจันทนเ์ ทศ กระเจยี๊ บแดง แมงลกั พลูฝาง เจตมูลเพลงิ เรว่ อัญชันฝรงั่ พมิ เสนตน้ ลาโพง กวาวเครอืเพกา ระย่อม ว่านน้า ข้าวเยน็ เหนอื ขา้ วเย็นใต้มะคาดีควาย สม้ ปอุ ย โสมไทย โคคลานมะขามแขก พญายอ หญา้ ป๎กกงิ่ เถาวัลย์เปรยี งสมอภเิ ภก เสลดพงั พอนตวั ผู้ หญา้ หวาน บอระเพด็ พงุ ชา้ งอบเชย หนมุ านประสานกาย ว่านหางจระเข้ รางจดืพงุ ทะลาย กระวาน หนอนตายหยากสาโรง เนระพูสไี ทย สะคา้ น เพชรสงั ฆาต 3. ใบ ใบ เป็นส่วนประกอบที่สาคัญกับต้นพืชมีหน้าที่ สังเคราะห์แสง ผลิตอาหาร และเป็นส่วนแลกเปลี่ยนน้าและอากาศของต้นพชื ใบเกิดจากด้านนอกของก่งิ หรือตากงิ่ ลักษณะท่พี บโดยท่ัวไปเป็นแผ่นที่มีสีเขียว (สีเขียวเกิดจากสารช่ือคลอโรฟิลล์อยู่ในใบของพืช) ใบของพืชหลายชนิดใช้เป็นยาสมุนไพรได้ เช่น มะกา ฟูาทะลายโจรกะเพรา ชุมเห็ดเทศ ฝร่ัง มะขามแขก เปน็ ตน้ รูปร่างและลักษณะของใบ ใบท่ีสมบูรณ์มีส่วนประกอบ 3 ส่วน คือ ตัวใบ ก้านใบและหูใบ ใบท่ีมีสว่ นประกอบครบทั้ง 3 สว่ น เรียกว่าใบสมบรู ณ์ และใบทีม่ สี ว่ นประกอบไม่ครบ อาจมีเพยี งหนึ่งหรือสองสว่ น
57 4. ดอก ดอก เป็นส่วนที่สาคัญในการแพร่พันธ์ุของพืช เป็นลักษณะเด่นพิเศษของต้นไม้แต่ละชนิดส่วนประกอบของดอกมีความแตกต่างกันตาม ชนิดของพันธ์ุไม้ และลักษณะที่แตกต่างกันนี้ใช้เป็นข้อมูลสาคัญในการจาแนกประเภทของตน้ ไม้ ดอกของต้นไมห้ ลายชนิดเป็นยาได้ เชน่ กานพลู ชุมเห็ดเทศ พกิ ุล ลาโพง ดอกคาฝอย เปน็ ตน้ รปู ร่างและลกั ษณะของดอก ดอกมสี ่วนประกอบสาคญั 5 ส่วน คอื ก้านดอก กลีบรอง กลีบดอก เกสรตัวผู้ และเกสรตวั เมีย ดอกที่มสี ว่ นประกอบครบ 5 ส่วนเรยี กว่า ดอกสมบูรณ์ การสังเกตลักษณะของดอกควรสังเกตทลี ะส่วนอย่างละเอยี ดเช่น กลบี ดอก สงั เกตจานวนของกลบี ดอก การเรยี งตัวของกลีบดอก รูปร่างของกลีบดอก สีกลิน่ เปน็ ต้นลกั ษณะทด่ี อกออกจากตาดอกน้นั มที ั้งแบบดอกเดี่ยว คือ ก้านดอกอันหน่ึงมีดอกเพียงดอกเดียว เช่นดอกกุหลาบ ดอกบัว กระทกรก ชบา และแบบดอกช่อ คือ ก้านดอกอันหน่ึงมีมากกว่า 2 ดอกข้ึนไป เช่น กล้วยหญ้า พลับพลึง ข้าวโพด เป็นต้น การเรียงตัวของช่อดอกน้ีมีมากมายหลายอย่างข้ึนอยู่กับชนิดของพืช จึงควรสงั เกตลักษณะพิเศษของดอกแต่ละชนดิ ให้ดี 5. ผล ผล คอื สว่ นของพชื ท่เี กดิ จากการผสมระหวา่ งเกสรตวั ผู้และเกสรตัวเมียในดอกเดียวกัน หรือคนละดอกก็ได้ มีลักษณะรูปร่างแตกต่างกันออกไปตามชนิดของพืช มีผลของต้นไม้บางอย่างเป็นยาได้ เช่น มะเกลือ ดีปลีมะแวง้ ตน้ กระวาน เปน็ ตน้ รปู รา่ งและลักษณะผล มมี ากมายหลายอยา่ งตามชนดิ ของตน้ ไมท้ ี่แตกต่างกนัแบง่ ลักษณะการเกิดของผล แบง่ ได้เปน็ ผลเดี่ยว คอื ผลที่เกดิ จากรงั ไขอ่ ันเดียว เชน่ ฝรั่ง ทบั ทิม มะพร้าว เปน็ ต้น ผลกลุ่ม คือ ผลที่เกดิ จากดอกเด่ียวทมี่ ีหลายรังไขห่ ลอมรวมกัน เชน่ นอ้ ยหนา่ เป็นตน้ ผลรวม คือ ผลทีเ่ กิดจากดอกช่อหลายดอก เช่น สับปะรด ยอ เปน็ ต้น และยังมีการแบ่งผลออกเป็น 3 แบบ คือ ผลเนื้อ ผลแห้งชนิดแตก และผลแห้งชนิดไม่แตกอีกด้วยอยา่ งไรก็ตาม การสังเกตลักษณะของผลทาได้ไมย่ าก ต้องสงั เกตลักษณะผลท้ังลักษณะภายนอก และภายในจึงจะสามารถจาแนกผลไม้นัน้ ว่าแตกตา่ งกับตน้ ไม้อยา่ งอนื่ อย่างไร นอกจากผลของต้นไม้เป็นยาได้ ยังมีเมล็ดภายในผลทอี่ าจเป็นยาได้อกี เช่น สะแก ฟ๎กทอง เป็นต้น ฉะน้ันในการสังเกตลักษณะของผล ควรสังเกตลักษณะรูปร่างของเมลด็ ไปพรอ้ มกนั ดว้ ย
58 ใบงานท่ี 2 ประเภทของพชื สมุนไพร รายวชิ าบรู ณาการงานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น ช่อื หนว่ ย พชื สมุนไพรประโยชนแ์ ท้แกม่ หาชน ชนั้ ม. 6 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560คาส่งั ใหน้ กั เรยี นเขยี นแผนภาพ mind map เกี่ยวกบั ประเภทของพืชสมนุ ไพร เป็นภาษาองั กฤษ
59 ใบงานที่ 3 แผนการสารวจพชื สมุนไพรในโรงเรียน รายวิชาบูรณาการงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น ช่ือหนว่ ย พชื สมุนไพรประโยชน์แทแ้ กม่ หาชน ช้ัน ม. 6 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2560คาสั่ง ให้นกั เรียนแต่ละกลุ่ม เขียนแผนการสารวจพืชสมุนไพรในโรงเรยี นตามจดุ ที่ได้รบั มอบหมายกระบวนการวางแผน (Planning) สุรสั วดี ราชกลุ ชัย กลา่ วว่า การวางแผนเป็นกระบวนการตดั สินใจกาหนดเป้าหมายการปฏิบัตงิ านและในกระบวนการ โดยมขี ้นั ตอนตอ่ ไปน้ี 1. การกาหนดวตั ถุประสงค์ หรือ เปูาหมาย 2. การวเิ คราะห์สถานการณ์ 3. การพิจารณาและกาหนดสมมติฐาน 4. การกาหนดทางเลอื ก การประเมินทางเลือก 5. การเลอื กทางเลอื ก 6. การลงมอื ปฏบิ ัติและสร้างแผนสนบั สนุน 7. การจดั การข้อมูลและนาเสนอ
60 ใบงานที่ 4 บนั ทึกผลการสารวจพืชสมนุ ไพรในโรงเรยี น รายวชิ าบูรณาการงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น ช่ือหนว่ ย พชื สมุนไพรประโยชน์แทแ้ กม่ หาชน ชั้น ม. 6 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2560บันทึกผลการสารวจพืชสมนุ ไพร บรเิ วณ .....................................................................................................วันเดือนปี ทที่ าการสารวจ ........................................... เวลา ..........................ข้อมลู สภาพทั่วไปของพ้ืนที่ขนาดพ้นื ท่ีสารวจ .............................................. ตารางเมตร อุณหภมู ิอากาศ .............................สภาพดนิ ........................................................................................................................................................ท่ี ช่ือพืชสมนุ ไพร จานวน (ตน้ ) ลักษณะวสิ ยั สรรพคุณ
61 ใบงานท่ี 5 เรือ่ ง การจัดทาผงั แสดงตาแหน่งพชื สมุนไพร รายวิชาบูรณาการงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน ชือ่ หนว่ ย พืชสมนุ ไพรประโยชนแ์ ทแ้ ก่มหาชน ช้ัน ม. 6 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2560วิธีการ 1. ใหน้ กั เรยี นจัดทาผงั แสดงตาแหน่งพืชสมุนไพรทีไ่ ดจ้ ากการสารวจ 2. ให้ใชส้ ญั ลกั ษณร์ ะบชุ นดิ ของพืชสมนุ ไพรลงในผัง ผงั แสดงตำแหน่งพืชสมุนไพร บริเวณ…................................................. N อำคำรเรียน สนำมฟุตบอล ถนนสัญลกั ษณ์ มำตรำส่วน 1 : 100 ไม้ต้น คำอธิบำย ไม้พ่มุ ............................................................... ...............................................................วันท่.ี .........เดือน....................พ.ศ. ............... ...............................................................ชื่อผู้จัดทำผงั ................................................ ............................................................... ............................................................... ...............................................................
62การศึกษาพรรณไมท้ สี่ นใจ
63การวาดภาพทางพฤกษศาสตร์
64หอ้ งสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น
65กิจกรรมสารวจพรรณไม้
66กิจกรรมบรู ณาการงานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น
67กิจกรรมบรู ณาการงานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น
68การแสดงผลงานและนทิ รรศการกจิ กรรมบรู ณาการ งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น
69การประกวด หนา้ กากนกั รอ้ งต้นไม้ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๔ – มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๖
70การนาเสนอลักษณะวสิ ยั สรรพคุณ และการนาไปใช้ประโยชนต์ ่างๆ ของตน้ กลว้ ยผาและตน้ กระท้อน นักเรียนชน้ั มัธยมศกึ ษา ปที ี่ ๔ - ๖
71การแสดงรอ้ งเพลงและละคร มธั ยมศึกษาปที ่ี ๔
72การแสดงผลงานและนทิ รรศการกิจกรรมบรู ณาการงานวนั วทิ ยาศาสตร์ งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน
73กิจกรรมการเขา้ สารวจและจัดทาฐานทรพั ยากรทอ้ งถ่ิน บ้านแม่ปาน(สันก)ู่
74ชื่อโครงการ โครงการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี นกลุ่มบรหิ ารงาน ( ) บรหิ ารงานวชิ าการ (156) ( ) บริหารงานทว่ั ไป (157) ( ) บริหารงานบุคคล (158) ( ) บรหิ ารงานงบประมาณและ แผนงาน (159) ( ) บริหารงานกจิ การผ้เู รยี น : ดอ้ ยโอกาส (160)ลักษณะโครงการ : โครงการ/งาน/ กจิ กรรม ( ) ใหม่ () ตอ่ เนอ่ื ง ( ) พิเศษผรู้ ับผดิ ชอบโครงการ : นางสาวสุดาภรณ์ สืบบุญเป่ียมความสอดคล้องกบั นโยบายของหนว่ ยงานตน้ สังกัดและสถานศกึ ษา สอดคล้องกับกลยุทธข์ อง สพฐ. ข้อที่ กลยทุ ธ์ที่ 1 พฒั นาคุณภาพและมาตรฐานการศกึ ษาทกุ ระดบั ตามหลักสูตรและสง่ เสรมิ ความสามารถด้านเทคโนโลยเี พ่อื เปน็ เครือ่ งมือการเรยี นรู้ กลยทุ ธ์ที่ 2 ปลกู ฝง๎ คุณธรรม ความสานึกในความเป็นชาติไทยและวถิ ีชีวิตตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง กลยทุ ธ์ท่ี 3 ขยายโอกาสทางการศึกษาให้ท่ัวถึงครอบคลมุ ผเู้ รียนไดร้ บั โอกาสในการพัฒนาเต็มตามศกั ยภาพ กลยุทธ์ท่ี 4 พฒั นาครูและบุคลากรทางการศึกษาทั้งระบบ ใหส้ ามารถจัดการเรียนการสอนได้อยา่ งมีคณุ ภาพ กลยุทธ์ที่ 5 พัฒนาประสิทธภิ าพการบรหิ ารจัดการเน้นการมีสว่ นร่วมจากทกุ ภาคสว่ น กลยทุ ธ์ที่ 6 พัฒนาการศกึ ษาในเขตพ้นื ทก่ี ารศึกษาในเขตพืน้ ที่จงั หวดั ชายแดนภาคใตแ้ ละพ้นื ที่ยากลาบาก สอดคล้องกบั กลยทุ ธข์ องสานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ข้อท่ี กลยุทธ์ท่ี 1 ขยายโอกาสทางการศึกษาขนั้ พ้ืนฐานสาหรบั เด็กดอ้ ยโอกาสใหท้ ว่ั ถงึ ครอบคลมุ ผู้เรยี นไดร้ ับโอกาสการพัฒนาเตม็ ตามศกั ยภาพ เหมาะสมกบั อัตลกั ษณ์ กลยุทธ์ที่ 2 พฒั นาคุณภาพการจดั การศึกษาให้สอดคล้องกบั มาตรฐานหลักสูตร และมาตรฐานการประกันคณุ ภาพ กลยทุ ธท์ ่ี 3 พฒั นาครูและบุคลากรทางการศึกษาท้ังระบบ กลยทุ ธท์ ่ี 4 ปลูกฝ๎งคุณธรรม จิตสานกึ ในความเป็นไทย มีทักษะการประกอบอาชพี และทกั ษะการดารงชวี ิตตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง กลยทุ ธท์ ่ี 5 พัฒนาระบบบรหิ ารจดั การศกึ ษาใหม้ ีประสิทธภิ าพ เปน็ ไปตามหลกั ธรรมาภบิ าล เนน้ การมีสว่ นรว่ มจากทกุ ภาคสว่ นในการสง่ เสริมสนบั สนุนการจัดการศึกษา (Good Governance) กลยทุ ธ์ที่ 6 สง่ เสรมิ การมีส่วนร่วมของทกุ ภาคสว่ น
75สนองจดุ เน้นของสานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ข้อที่ 1. เร่งรัดพัฒนาระบบฐานข้อมลู สารสนเทศเพ่ือการบริหาร 2. มุ่งพัฒนาคุณภาพการศึกษา 3. พัฒนาสถานศึกษาให้เปน็ ศนู ย์การเรียนรตู้ ามแนวพระราชดาริ 4. มุ่งพฒั นาระบบสนบั สนนุ การจัดการเรียนรว่ ม 5. ส่งเสริมสนบั สนนุ การจัดการศึกษาเพ่อื การมงี านทา 6. ส่งเสริมสนบั สนุนให้มีศนู ย์การเรียนเฉพาะความพิการ 7. เตรียมความพร้อมสู้ประชาคมอาเซยี น 8. ประชาสัมพนั ธ์การจดั การศึกษาสาหรบั คนพกิ ารและผู้ดอ้ ยโอกาสความสอดคลอ้ งของโครงการ/กจิ กรรมกบั ทศิ ทางการพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษาของสถานศกึ ษาและมาตรฐานการจัดการศึกษา ทศิ ทางการพฒั นาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาพันธกจิ ที่ เป้าหมายที่ กลยทุ ธท์ ่ี ตัวชว้ี ัดความสาเร็จ1. จดั การศึกษาสาหรับ สถานศึกษามกี าร พฒั นาอตั ลักษณข์ อง รายงานผลการดาเนนิ งานเดก็ ดอ้ ยโอกาสในเขต ดาเนินงานตามโครงการใน สถานศึกษาให้โดดเดน่ ตาม โครงการในพระราชดาริบริการใหไ้ ด้รบั พระราชดาริ วิสัยทศั น์ ปรัชญา และจุดเนน้การศึกษาอยา่ งมี ของสถานศึกษาบนพนื้ ฐานคณุ ภาพตามมาตรฐาน หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน พอเพียง2. พฒั นาระบบบริหารจัดการศึกษาทม่ี ีคณุ ภาพและประสทิ ธิภาพ
76 มาตรฐานคณุ ภาพการศึกษาของสถานศึกษามาตรฐานด้าน มาตรฐานท่ี ตวั บง่ ช้ีด้านคณุ ภาพผเู้ รียน มาตรฐานท่ี ๒ ผู้เรยี นมี ตวั บง่ ช้ีที่ ๒.๔ ตระหนัก รคู้ ุณค่า ร่วมอนรุ กั ษ์และพฒั นา คุณธรรม จริยธรรม และ สง่ิ แวดล้อม คา่ นิยมทพ่ี ึงประสงค์ มาตรฐานที่ ๓ ผูเ้ รยี นมี ตวั บ่งชีท้ ี่ ๓.๑ มีนสิ ยั รกั การอา่ นและแสวงหาความร้ดู ้วย ทกั ษะในการแสวงหาความรู้ ตนเองจากหอ้ งสมดุ แหลง่ เรยี นรู้ และสื่อตา่ งๆรอบตวั ดว้ ยตนเอง รกั เรียนรู้ และ ตวั บง่ ชท้ี ี่ ๓.๒ มีทกั ษะในการอา่ น ฟ๎ง ดู พูด เขยี น และตงั้ พฒั นาตนเองอย่างต่อเน่ือง คาถามเพื่อคน้ ควา้ หาความรู้เพิ่มเติม ตัวบง่ ชี้ที่ ๓.๓ เรียนรู้รว่ มกันเป็นกลุ่ม แลกเปลยี่ นความคิดเหน็ เพ่ือการเรียนรรู้ ะหวา่ งกนั ตวั บง่ ชี้ท่ี ๓.๔ ใช้เทคโนโลยใี นการเรยี นรู้และนาเสนอผลงาน มาตรฐานที่ ๔ ผเู้ รียนมี ตวั บง่ ช้ีท่ี ๔.๑ สรุปความคดิ จากเรอื่ งท่อี า่ น ฟง๎ และดู และ ความสามารถในการคดิ สอื่ สารโดยการพูดหรือเขยี นตามความคดิ ของตนเอง อย่างเป็นระบบ คดิ สรา้ งสรรค์ ตดั สินใจ แก้ป๎ญหาได้อย่างมสี ตสิ ม เหตุผล มาตรฐานท่ี ๖ ผูเ้ รยี นมี ตัวบ่งชี้ที่ ๖.๑ วางแผนการทางานและดาเนินการจนสาเรจ็ ทักษะในการทางาน รกั การ ตวั บ่งชี้ท่ี ๖.๒ ทางานอย่างมีความสขุ มุ่งม่ันพฒั นางาน และ ทางาน สามารถทางาน ภูมใิ จในผลงานของตนเอง ร่วมกับผูอ้ น่ื ได้และมเี จตคติ ตวั บง่ ชท้ี ่ี ๖.๓ ทางานร่วมกบั ผอู้ ่ืนได้ ท่ีดตี ่ออาชพี สุจริตด้านการจดั การศึกษา มาตรฐานดา้ นการจดั ตัวบ่งชท้ี ่ี ๗.๑ ครมู กี ารกาหนดเปาู หมายคุณภาพผเู้ รียนทั้ง การศึกษามาตรฐานท่ี ๗ ครู ดา้ นความรู้ ทักษะกระบวนการสมรรถนะ และคุณลักษณะที่พึง ปฏบิ ัตงิ านตามบทบาท ประสงค์ หน้าท่ีอย่างมปี ระสทิ ธิภาพ ตวั บง่ ชที้ ่ี ๗.๒ ครูใชส้ ือ่ และเทคโนโลยที ่เี หมาะสมผนวกกบั การ และเกิดประสิทธผิ ล นาบริบทและภมู ิปญ๎ ญาของท้องถนิ่ มาบรู ณาการในการจัดการ เรยี นรู้ มาตรฐานที่ ๑๐ ตัวบ่งช้ีท่ี ๑๐.๓ จัดกิจกรรมพัฒนาผูเ้ รยี นท่สี ่งเสรมิ และ ตอบสนองความตอ้ งการ ความสามารถความถนดั และความ สถานศึกษามีการจดั สนใจของผเู้ รียน หลักสตู ร กระบวนการ เรียนรู้ และกิจกรรมพฒั นา คุณภาพผู้เรยี นอยา่ งรอบ ด้าน
77 มำตรฐำนด้ำน มำตรฐำนที่ ตัวบ่งชี้มาตรฐานด้านการ มาตรฐานท่ี ๑๑ ตัวบ่งชที้ ่ี ๑๑.๑ หอ้ งเรียน หอ้ งปฏบิ ตั กิ าร อาคารเรียนมัน่ คงสร้างสงั คมแหง่ การ สถานศกึ ษามีการจัด สะอาดและปลอดภัย มสี ่งิ อานวยความสะดวก พอเพียง อยใู่ นเรียนรู้ สภาพแวดลอ้ มและการ สภาพใชก้ ารไดด้ ี สภาพแวดล้อมรม่ ร่ืน และมแี หล่งเรยี นรู้ บรกิ ารที่สง่ เสรมิ ให้ผเู้ รียน สาหรบั ผู้เรยี น พฒั นาเต็มศักยภาพ มาตรฐานท่ี ๑๓ ตัวบ่งชีท้ ี่ ๑๓.๑ มกี ารสร้างและพัฒนาแหลง่ เรียนรภู้ ายใน สถานศึกษามกี ารสร้าง สถานศกึ ษาและใช้ประโยชน์จากแหลง่ เรียนรู้ท้ังภายในและ ส่งเสรมิ สนับสนนุ ให้ ภายนอกสถานศึกษา เพื่อพฒั นาการเรยี นรู้ของผู้เรยี นและ สถานศกึ ษาเป็นสงั คมแห่ง บคุ ลากรของสถานศึกษา รวมท้ังผู้ท่เี ก่ยี วขอ้ ง การเรยี นรู้
78ทศิ ทางการพฒั นาโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์โครงการฯ ขอ้ ท่ี เรื่องสนองข้อท่ี 1 การพัฒนาและจดั การเรยี นร้โู ครงการต่างๆตามแนวพระราชดารอิ ยา่ งย่งั ยนื 2 การพฒั นาและการจดั การเรยี นรู้ทมี่ งุ่ เนน้ ใหเ้ ด็กเปน็ เด็กดีตามแนว “หน้าทีข่ องเด็กดี” ทั้งใน ภาพรวมหรอื เฉพาะด้านใดด้านหน่ึงหรอื หลายๆด้านก็ได้ 3 การสง่ เสรมิ สนบั สนุนใหค้ รไู ดร้ ับการพัฒนา การสรา้ งขวัญ กาลังใจเพ่ือใหม้ ีความรู้ ความสามารถในการเปน็ ครมู อื อาชพี ที่อุทิศตนเองเพอื่ งาน และมจี ิตวญิ ญาณความเป็นครู 4 การจัดการเรียนรู้แบบบรู ณาการ การเรียนท่ีให้ผู้เรยี นปฏิบตั จิ ริง การเรยี นรจู้ ากการค้นควา้ วจิ ัย และการเรียนรจู้ ากสถานการณจ์ รงิ เปน็ ต้น 5 การดาเนนิ งานเพ่ือการเรยี นรูด้ า้ นงานอาชพี การพัฒนาทกั ษะดา้ นอาชีพ การสง่ เสริมใหท้ างาน เปน็ การพฒั นาหลกั สูตรรว่ ม ม. 6 ,ป.ว.ช. ตลอดจนการสร้างนสิ ยั รักการทางาน 6 การปรับปรงุ พฒั นาหอ้ งสมุด การเสรมิ สรา้ งนสิ ยั รักการอา่ น การศึกษาคน้ คว้าจากห้องสมุด การใช้หอ้ งสมุดเพื่อการเรียนรู้ การสร้างบรรยากาศท่ีเอ้อื อานวยตอ่ การใช้ห้องสมดุ เพอ่ื การ เรยี นรู้ การส่งเสริมใหเ้ ดก็ อ่านคลอ่ ง เขยี นคล่อง 7 การพัฒนากิจกรรมลูกเสือราชประชานเุ คราะห์ 8 การพัฒนาเอกลกั ษณ์ อัตลกั ษณข์ องความเปน็ ราชประชานุเคราะห์ 9 ดาเนนิ การเร่ืองอื่นๆทส่ี นบั สนนุ การพัฒนาเด็ก พฒั นาครแู ละการพัฒนาการจดั การเรยี นรู้1. หลักการและเหตุผล สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมพี ระราชดาริบางประการเกี่ยวกบั การอนรุ กั ษ์พันธกุ รรมพืช\"การสอนและอบรมให้เดก็ มีจิตสานึกในการอนุรกั ษ์พืชพรรณนั้นควรใช้วิธกี ารปลูกฝังให้เด็กเห็นความงดงาม ความนา่ สนใจ และเกิดความปิตทิ ่ีจะทาการศึกษาและอนรุ กั ษพ์ ชื พรรณต่อไป การใชว้ ิธีการสอนการอบรมทใี่ หเ้ กดิความร้สู กึ กลวั วา่ หากไมอ่ นุรกั ษ์แล้วจะเกดิ ผลเสยี เกิดอันตรายแกต่ นเอง จะทาให้เดก็ เกิดความเครียดซง่ึ จะเป็นผลเสยี แก่ประเทศในระยะยาว \" โครงการอนรุ ักษพ์ นั ธุกรรมพืชอนั เนอื่ งมาจากพระราชดาริฯไดด้ าเนนิ งานสนองพระราชดาริจัดต้งั งาน\"สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น\" เพอื่ เป็นส่อื ในการสร้างจติ สานกึ ดา้ นอนรุ กั ษ์พนั ธุกรรมพืช โดยใหเ้ ยาวชนนัน้ ได้ใกล้ชิดกับพชื พรรณไม้เหน็ คุณค่าประโยชน์ ความสวยงาม อันจะกอ่ ใหเ้ กิดความคิดที่จะอนรุ กั ษ์พรรณพืชต่อไป สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน จึงเป็นการดาเนินงานท่ีอิงรูปแบบของ “สวนพฤกษศาสตร์” โดยมีการรวบรวมพันธุไ์ มท้ ี่มีชีวิต มีแหล่งข้อมลู ความรู้เกย่ี วกับพันธไุ์ ม้ มีการศกึ ษาตอ่ เนอ่ื ง มีการเก็บตัวอย่างพันธ์ุไม้แห้งพนั ธไุ์ มด้ อง มกี ารรวบรวมพนั ธไุ์ มท้ อ้ งถน่ิ เข้ามาปลกู รวบรวมไว้ในโรงเรียน และภูมิป๎ญญาท้องถ่ิน มีการบันทึกรายงานและข้อมูล รวมท้ังภูมิป๎ญญาท้องถิ่นเกี่ยวกับพันธุ์ไม้ มีมุมสาหรับศึกษาค้นคว้า และมีการนาไปใช้ประโยชนเ์ ป็นสอ่ื การเรียนการสอนในวชิ าตา่ งๆ เป็นการดาเนินงานใหส้ อดคล้องกับสภาพท้องถ่ิน ไม่ฝืนธรรมชาติและเปน็ ไปตามความสนใจและความพร้อมของโรงเรยี น ดาเนินการโดยความสมัครใจ ไมใ่ หเ้ กดิ ความเครยี ด งานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน คือ งานการเรยี นรูพ้ ืชพรรณและสรรพสิ่งโดยรอบ ตามแนวปรชั ญาการสรา้ งนักอนรุ ักษ์เรียนรูต้ ามแนวทางเกิดบรรยากาศจากผลการดาเนินงานงานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น
79 สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น กค็ อื ทุกสงิ่ ทุกอย่างที่มอี ย่ใู นโรงเรียนที่ใช้เพื่อการเรียนรูโ้ ดยมี พชื เป็นปจ๎ จยัหลัก ชวี ภาพต่าง ๆ เป็นป๎จจยั รอง ทรพั ยากรธรรมชาติที่เป็นกายภาพเป็นปจ๎ จยั เสรมิ ทรพั ยากรอน่ื ๆ เป็นป๎จจยัประกอบดังกระแสพระราชดารัสของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี วันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ.2546 ในงานประชมุ วิชาการและนทิ รรศการ ทรพั ยากรไทย :ธรรมชาตแิ ห่งชวี ติ ณ ห้องประชุมสานักพระราชวัง พระราชวังดุสิต “สาหรบั การประชุมวิชาการในระดบั โรงเรยี น ก็เปน็ โอกาสให้เดก็ นักเรยี นไดม้ านาเสนอในส่งิ ที่เรยี นรโู้ ดยเฉพาะธรรมชาตขิ องชวี ติ ของพชื พรรณต่างๆไม่เพียงแต่รจู้ ักพชื พรรณไมก้ ารใช้ประโยชน์เท่านนั้ ยังสามารถนาไปใช้ประโยชน์เป็นสื่อการเรียนการสอนในวิชาตา่ งๆ โรงเรียนบางแห่งนน้ั มภี มู ทิ ัศน์ทร่ี ม่ ร่ืน มพี ืชพันธุ์หลายชนิด ในวชิ าเรียนของนักเรยี นท่ีจรงิ ตง้ั แต่เปน็ เด็กเล็กๆ ชน้ั อนบุ าลถงึ ชนั้ ประถมมัธยม ทางครอู าจารยก์ ็มักสอนให้นกั เรยี นศกึ ษาถึงโลกของเรา เรือ่ งของธรรมชาติ ฉะนั้นการท่ศี ึกษาของใกลต้ วั ได้แกพ่ ืชพรรณท่มี ีอย่ใู นธรรมชาตนิ ้ัน ก็เป็นส่ิงงา่ ยไม่เสยี ค่าใช้จ่ายสูง และมีประโยชนเ์ พ่ิมประสบการณแ์ กน่ ักเรยี นในด้านต่างๆ ได้ จงึ เห็นวา่ งานทีค่ นในระดบั ที่เป็นผู้ใหญ่ไดท้ าไดศ้ กึ ษาในพชื พรรณตา่ งๆ น้นั แมแ้ ต่เดก็ ระดบั เล็กก็นา่ จะไดป้ ระโยชนด์ ้วยโรงเรยี นบางแห่งกต็ ง้ั อยใู่ นทที่ รุ กนั ดารแตก่ ็ยังมีพชื พรรณต่างๆ ขน้ึ อยู่ทค่ี นอืน่ ๆนอกพืน้ ท่ีจะไปศกึ ษาไดย้ าก ทง้ันกั เรยี นและผปู้ กครองกอ็ าจจะมคี วามรูน้ ั้นมากกวา่ คนอ่ืนๆ นกั เรียนก็อาจจะเรยี นจากผปู้ กครองของนกั เรยี นเปน็เร่ืองของภมู ิปัญญาทอ้ งถน่ิ ว่าพืชชนดิ นค้ี อื อะไรแลว้ ก็ไดศ้ กึ ษาเปรียบเทียบกับวทิ ยาการสมยั ใหม่ท่ีครูบาอาจารย์สงั่สอนหรอื มปี รากฏในหนงั สือ นอกจากน้นั การศึกษาเร่ืองพืชพรรณนา่ จะเปน็ ประโยชนต์ อ่ นักเรยี นในแง่ต่างๆได้ คนที่ศกึ ษาเรอ่ื งพชื น้ันก็ไดร้ ับความสขุ ความสบายใจ มีความคดิ ในด้านสุนทรีย์ ดา้ นศิลปะในแง่ตา่ งๆ อาจจะศกึ ษาหรือใช้เป็นอปุ กรณก์ ารศกึ ษาในหมวดวชิ าต่างๆ ท้ังในเรอื่ งของวทิ ยาศาสตร์ และมนุษยศาสตร์ ซ่ึงครูและนกั เรียนโรงเรยี นได้นามาปฏบิ ัตแิ ต่ละโรงเรยี นกม็ คี วามคิดแตกต่างกนั ไปหรอื วา่ บางอยา่ งก็เหมือนกนั บางอยา่ งกแ็ ตกตา่ งกนั ก็เปน็ เรอ่ื งที่ดี ถ้าทกุ โรงเรียนสามารถที่แลกเปล่ียนความคิดเห็นโดยการมาเสนอผลงานหรอื วา่ นาผลงานมาบันทึกลงในสือ่ ตา่ งๆ ท่ีจะสามารถนามาแลกเปล่ียนกัน ขอแสดงความยนิ ดีกับโรงเรยี นทไี่ ดร้ บั พระราชทานเกียรตบิ ัตร และปา้ ยสนองพระราชดาริสวนพฤกษศาสตร์ โรงเรยี น ท้งั ที่ไดร้ บั ในคร้ังน้ีและทีผ่ า่ นมาแล้วขอให้พยายามรักษามาตรฐานต่อไป แม้ไม่ใช่เรื่องง่ายหวังวา่ การปฏบิ ัตทิ ่ผี า่ นมากจ็ ะปฏบิ ัติตอ่ ไปในอนาคตมปี ระโยชนใ์ นการเพิม่ พนู ความรู้วชิ าการท่ีนักเรียนต้องศึกษาต่อไปในระดับสูงอีกท้งั เปน็ การสร้างจิตสานึก ในการอนุรกั ษ์พชื พรรณและทรพั ยากรตา่ งๆ นาไปสู่การใช้ประโยชน์อย่างย่ังยืน” เมือ่ วนั ท่ี 25 มีนาคม พ.ศ. 2548 ทรงพระราชทานพระราชกระแส ณ ศาลาดสุ ิดาลยั สวนจติ รลดา“ได้ไปกับ สมศ มา เหน็ ว่าโรงเรยี นยงั สัมพนั ธก์ บั ชมุ ชนนอ้ ยทาอย่างไร ให้ชุมชนมาให้โรงเรียน โดยเฉพาะนกั เรยี น ชว่ ยในการอนรุ ักษพ์ นั ธุกรรมพืช และให้มกี ารทา DNA Fingerprint ในโรงเรยี น” จากพระราชดาริและพระราโชวาทของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในเรื่องของสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน ซึ่งมีความสอดคล้องกับงานปกติในเร่ืองของการเรียนการสอน และในเรื่องของการปฏิรูปการศึกษา ซ่ึงเน้นให้นักเรียนเป็นศูนย์กลาง ดังนั้น ทางโรงเรียนจึงได้มีการประชุมหารือและเห็นพ้องต้องกันท่ีจะร่วมสนองพระราชดาริ ดาเนินงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน และได้สมัครเป็นสมาชิกสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน ของโครงการอนรุ กั ษ์พนั ธกุ รรมพืชอันเนอื่ งมาจากพระราชดารฯิ ตงั้ แต่ เดือนธันวาคม พ.ศ.2546 และได้รับพระราชทานปูายสนองพระราชดาริในงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนในวันท่ี 19 ตุลาคม 2552เพ่ือให้การดาเนินงานบรรลุตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐาน งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน จึงได้จัดทาโครงการ สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนข้นึ
802. วัตถุประสงค์ ๑. เพื่อดาเนนิ งานตามองคป์ ระกอบของงานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น ๒. เพอ่ื พฒั นากระบวนการจัดการเรยี นการสอนแบบบูรณาการงานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น ๓. เพ่ือสรา้ งและพัฒนาแหล่งเรยี นรูส้ วนพฤกษศาสตรแ์ ละใชป้ ระโยชน์จากแหล่งเรยี นรูท้ ้งั ภายในและ ภายนอกสถานศึกษา ๔. เพือ่ ศกึ ษาความพึงพอใจของผู้เขา้ รว่ มกิจกรรม3. เป้าหมายของโครงการ ๑. เชิงปรมิ าณ 1. มีการดาเนินงานตามองค์ประกอบของงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น และรายงานผลการศกึ ษาพืช ศกึ ษา 2. ครู รอ้ ยละ 85 มีการจดั การเรียนการสอนแบบบรู ณาการงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน 3. มีแหลง่ เรียนรฐู้ านงานสมนุ ไพรทรงคณุ ค่าภมู ปิ ๎ญญาคนเมอื งแจม่ จานวน 1 แหล่ง 3.2. เชงิ คุณภาพ ๑. โรงเรยี นผ่านการประเมินเพอื่ รบั เกยี รติบตั รแห่งความมุ่งมั่น อนรุ ักษ์สรรพสิ่ง สรรพชีวติ ดว้ ย จิตสานึกของครูและเยาวชน ๒. ครู ร้อยละ 85 มีการจัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น ๓. มแี หล่งเรยี นรูฐ้ านงานสมนุ ไพรทรงคุณคา่ ภมู ิปญ๎ ญาคนเมอื งแจ่ม จานวน 1 แหลง่ ๔. นักเรียนที่เขา้ ร่วมกิจกรรมรอ้ ยละ 85 มคี วามพึงพอใจในระดับดีมากขน้ึ ไป4. วธิ ดี าเนนิ การ/ขน้ั ตอนดาเนนิ การ ปกี ารศกึ ษา 2560 (พฤษภาคม พ.ศ. 2560 ถงึ มีนาคม พ.ศ. 2561)
81กจิ กรรมท่ี กิจกรรม ระยะเวลาดาเนนิ การ งบประมาณกระบวนการพฒั นาปัจจยั พืน้ ฐานกิจกรรมท่ี 1 ๑. การประชุมคณะกรรมการดาเนินงานสวน พ.ค.- ธ.ค. 60 1,575ดา้ นการบริหาร พฤกษศาสตรโ์ รงเรยี นจดั การ ๒. การประชุมคณะกรรมการสถานศึกษา ๓. การนิเทศกากบั ตดิ ตามงาน ๔. การรายงานผลการดาเนินงานกจิ กรรมที่ 2 จัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการงานสวน พ.ค. 60 - ก.พ. 60 17,705จดั การเรยี นการ พฤกษศาสตรโ์ รงเรยี นสอนแบบบูรณา กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ม.ิ ย. 60 – ต.ค. 60 5,025การงานสวน กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทยพฤกษศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์โรงเรียน กลมุ่ สาระสังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม กลุ่มสาระศลิ ปะ ดนตรี นาฏศลิ ป์กจิ กรรมที่ ๓ กลุ่มสาระภาษาต่างประเทศการศกึ ษาพชื เชงิ กลมุ่ สาระการงานอาชพี และเทคโนโลยีลึก “กลว้ ยผา” ๑. สาระธรรมชาตแิ ห่งชวี ิต ๒. สาระสรรพส่ิงลว้ นพันเกยี่ ว ๓. สาระ ประโยชนแ์ ทแ้ กม่ หาชนกจิ กรรมที่ ๔ การ สร้างแหล่งเรยี นรบู้ รู ณาการงานสวน มิ. ย. 60 – ก.ย. 60 8,560สรา้ งแหล่งเรยี นรู้ พฤกษศาสตรโ์ รงเรยี นบรู ณาการงานสวน ๑.สวนสมุนไพรพฤกษศาสตร์ ๒.ปาู ยนิเทศโรงเรียนกจิ กรรมที่ ๕ 1. การจัดนิทรรศการเผยแพรผ่ ลงาน ธ.ค. 60 5,055กิจกรรมเผยแพร่ 2. การสรา้ งเครอื ข่ายงานสวนพฤกษศาสตร์องคค์ วามรู้ โรงเรียนระหว่างโรงเรียน5. ระยะเวลา ปกี ารศกึ ษา 2560 (พฤษภาคม พ.ศ. 2560 ถงึ มีนาคม พ.ศ. 2561 )6. สถานท่ดี าเนนิ การ โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 317. งบประมาณ งบประมาณ ๓๗,๙๒๐ บาท (.สามหม่ืนเจ็ดพันเกา้ ร้อยยส่ี บิ บาทถว้ น.)
82 8. ระดับความสาเรจ็ ตวั ชว้ี ัดความสาเรจ็ วธิ ีติดตามและ เครอื่ งมือที่ใช้ท่ี กิจกรรมย่อย แบบตรวจสอบรายการ (เป้าหมาย) ประเมินผล1 กิจกรรมดา้ นการบรหิ าร แบบประเมินแผนการ จัดการ รายงานผลการดาเนินงาน ตรวจรายงานผลการ จดั การเรียนรู้2 การจดั การเรียนการสอน ด้านการบรหิ ารและการ ดาเนนิ งาน แบบบูรณาการงานสวน พฤกษศาสตร์โรงเรียน จัดการ ร้อยละของครูทจี่ ดั การ ประเมนิ จากแผนการ สอนแบบบรู ณาการงาน จดั การเรยี นรขู้ องครู สวนพฤกษศาสตร์ โรงเรยี น3 การศึกษาพืชเชงิ ลกึ รายงานผลการดาเนินงาน ตรวจรายงานผลการ แบบตรวจสอบรายการ “กลว้ ยผา” ตามสาระการเรียนรู้ ใน ดาเนนิ งาน รูปแบบงานวิจัย 5 บท๔ การสรา้ งแหล่งเรยี นรู้บรู ณา สร้างแหล่งเรียนรู้บูรณา การงานสวนพฤกษศาสตร์ การงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน โรงเรยี น ๑. สวนสมุนไพร ๒.ปูายนเิ ทศ๕ กิจกรรมเผยแพรอ่ งค์ความรู้ 1. การจดั นิทรรศการ สรปุ รายงานผลการจัด แบบตรวจสอบรายการ เผยแพรผ่ ลงาน นิทรรศการ 2. การสรา้ งเครอื ข่ายงาน สวนพฤกษศาสตร์ โรงเรียนระหวา่ ง โรงเรียน9. ผลท่ีคาดว่าจะไดร้ บั 9.1 มีการดาเนินงานตามองค์ประกอบของงานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น 9.2 ครูผูส้ อนมีกระบวนการจดั การเรียนการสอนแบบบูรณาการงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น 9.3 มแี หล่งเรยี นรูส้ วนพฤกษศาสตร์โรงเรียน และมกี ารให้บรกิ ารแหล่งเรียนรทู้ ง้ั ภายในและภายนอก สถานศกึ ษา 9.4 โรงเรียนผ่านการประเมินเพื่อรับเกยี รตบิ ัตรแหง่ ความมุ่งมัน่ อนุรกั ษส์ รรพสิ่ง สรรพชวี ติ ดว้ ย จิตสานึกของครแู ละเยาวชน ลงช่ือ....................................................ผเู้ สนอโครงการ ( นางสาวสุดาภรณ์ สืบบญุ เป่ี ยม ) ตาแหน่ง พนกั งานราชการ
83 กจิ กรรมท่ี 1 กิจกรรมด้านการบรหิ ารจดั การลกั ษณะของกจิ กรรม การรายงานผลการดาเนินงานโครงการ ในปีการศึกษาทีผ่ า่ นมา แก่โครงการอนรุ ักษพ์ นั ธกุ รรมพชื อนัเนื่องมาจากพระราชดาริ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี และ หนว่ ยงานต้นสังกดัวตั ถปุ ระสงค์ 1. เพ่อื รวบรวมและรายงานผลการดาเนนิ งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี นประจาปกี ารศึกษา 2. เพอ่ื เผยแพรผ่ ลการดาเนินงานเปา้ หมาย 1 รายงานผลการดาเนินงานดา้ นการบรหิ ารและการจดั การในรูปแบบงานวิจยั 5 บท 2 การเผยแพร่รายงานผลการดาเนนิ งานขัน้ ตอนดาเนนิ กจิ กรรม ระยะเวลาดาเนินงาน งบประมาณท่ี ขั้นตอนดาเนนิ กิจกรรม -1 ประชมุ คณะกรรมการสถานศึกษาเพือ่ รายงานผลการ พฤษภาคม 2560 - ดาเนินงาน2 รวบรวมผลการดาเนนิ งาน มถิ นุ ายน 2560 - มถิ ุนายน 2560 -3 เขยี นรายงานผลการดาเนินงาน4 จัดทารปู เลม่ รายงาน รายละเอียดประมาณการค่าใช้จ่าย กจิ กรรมดา้ นการบรหิ ารจดั การท่ี รายการวัสดุ/ค่าใช้จ่ายอื่นๆ จานวน ราคาต่อหนว่ ย ราคารวม 1,0501 กระดาษ A4 ยหี่ อ้ ดบั เบ้ิลเอ 2 กล่อง 525 250 1002 กระดาษขาว ขนาด F4 2 รมี 125 175 1,5753 กระดาษปกแขง็ สชี มพู ขนาด F4 7 รีม 1004 กระดาษเทปหนงั ไกส่ ีแดง หนา้ กวา้ ง 1 นวิ้ 5 อัน 35 รวมค่าใช้จ่ายทั้งสน้ิระยะเวลาปีการศึกษา 2560 (พฤษภาคม พ.ศ. 2560 ถงึ มีนาคม พ.ศ. 2561 )สถานที่ดาเนินการโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31งบประมาณงบประมาณ ๑,๕๗๕ (.หนึ่งพนั ห้าร้อยเจด็ สบิ หา้ บาทถ้วน.)
84ระดบั ความสาเร็จ ตัวชี้วัดความสาเรจ็ วิธตี ดิ ตามและประเมนิ ผล เครื่องมอื ทใี่ ช้รายงานผลการดาเนนิ งานด้านการบรหิ ารและการจัดการ ตรวจรายงานผลการดาเนนิ งาน แบบตรวจสอบรายการการเผยแพร่รายงานผลการดาเนินงาน ตรวจรายงานผลการดาเนินงาน แบบตรวจสอบรายการผลที่คาดวา่ จะไดร้ ับ 1 ได้รายงานผลการดาเนินงานดา้ นการบรหิ ารและการจดั การในรปู แบบงานวจิ ยั 5 บท รายงานต่อโครงการอนุรกั ษพ์ นั ธกุ รรมพชื อันเนื่องมาจากพระราชดาริฯ 2 ไดเ้ ผยแพรร่ ายงานผลการดาเนินงาน 3. สถานศึกษามกี ารดาเนนิ งาน งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน อย่างต่อเนือ่ ง ลงชอ่ื ....................................................ผเู้ สนอโครงการ (นางสาวสุดาภรณ์ สืบบุญเปีย่ ม) ตาแหน่ง พนักงานราชการ
85กิจกรรมที่ 2 การจดั การเรยี นการสอนแบบบูรณาการงานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี นลกั ษณะของกจิ กรรม จดั กจิ กรรมการเรียนการสอนแบบบรู ณาการงานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น ตามองค์ประกอบของงานสวนพฤกษศาสตร์ จากการวเิ คราะหห์ ลักสูตรแกนกลาง 2551 ของทุกกล่มุ สาระวตั ถปุ ระสงค์ 1. เพอ่ื จัดกจิ กรรมการเรียนการสอนแบบบรู ณาการงานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี นทกุ กลุ่มสาระการ เรยี นรู้ ทุกระดบั ชั้น 2. เพือ่ ดาเนนิ งานตามองค์ประกอบของงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี นเปา้ หมาย 1 คณะครูทกุ กลุม่ สาระการเรยี นรจู้ ัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนแบบบูรณาการงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี นทุก ทกุ ระดบั ช้ัน 3. มกี ารดาเนินงานตามองคป์ ระกอบของงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี นข้ันตอนดาเนนิ กจิ กรรม ระยะเวลาดาเนินงาน งบประมาณท่ี ข้นั ตอนดาเนินกจิ กรรม -1 ประชมุ คณะครูเพ่ือช้แี จงแนวทางการจดั กิจกรรมการ พฤษภาคม - 2560 เรยี นการสอนแบบบูรณาการ 17,7052 วิเคราะห์ตวั ชว้ี ัดและสาระการเรียนรูแ้ กนกลางกบั การ 21 พ.ค. 60 28 พ.ค. 60 ดาเนนิ งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น 4 มิ.ย. 603 จดั การเรยี นการสอนแบบบรู ณาการงานสวนพฤกษศาสตร์ 11 มิ.ย. 60 18 ม.ิ ย. 60 โรงเรยี น 25 มิ.ย. 60 กลมุ่ สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ 2 ก.ค. 60 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย 9 ก.ค. 60 กลุม่ สาระการเรียนร้คู ณติ ศาสตร์ 16 ก.ค. 60 กลมุ่ สาระศลิ ปะ ดนตรี นาฏศลิ ป์ สงิ หาคม 2560 กลมุ่ สาระสงั คมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม กันยายน 2560 กลุ่มสาระภาษาต่างประเทศ กลุ่มสาระการงานอาชพี และเทคโนโลยี กลุม่ สาระสุขศกึ ษาและพละศกึ ษา กล่มุ กิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น4 จดั ทารปู เล่มเอกสาร5 สรปุ ประเมนิ ผลการดาเนนิ งาน
86 รายละเอยี ดประมาณการคา่ ใชจ้ า่ ย กจิ กรรมการจัดการเรียนรแู้ บบบรู ณาการท่ี รายการวัสดุ/ค่าใชจ้ ่ายอ่นื ๆ จานวน ราคาต่อหน่วย ราคารวม 16,5001 กระดาษโรเนียวขาว A4 165 รมี 100 1402 กระดาษปกแข็งสีเขียว ขนาด A4 1 รมี 140 40 1753 เทปกาวสองหน้า หน้ากวา้ ง 1 นว้ิ 1 อัน 40 300 3004 กระดาษเทปหนังไก่สีเขยี ว หน้ากวา้ ง 1 นิ้ว 5 อัน 35 250 17,7055 ลวดเย็บกระดาษ เบอร์ 10 ตรงแมก็ ซ์ 30 กล่อง 106 เชอื กฟางม้วน 30 ม้วน 107 สไี ม้ 10 กล่อง 25 รวมค่าใช้จ่ายท้งั สิน้ระยะเวลาปกี ารศึกษา 2560 (พฤษภาคม พ.ศ. 2560 ถงึ มนี าคม พ.ศ. 2561 )สถานทีด่ าเนนิ การโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31งบประมาณงบประมาณ ๑๗,๗๐๕ (.หน่งึ หม่ืนเจ็ดพันเจด็ รอ้ ยหา้ บาทถ้วน.)ระดบั ความสาเร็จ ตวั ชี้วัดความสาเร็จ วธิ ตี ิดตามและประเมินผล เครอ่ื งมือที่ใช้รายงานผลการดาเนินงานการจดั การ ตรวจรายงานผลการดาเนนิ งาน แบบตรวจสอบรายการเรยี นรู้แบบบรู ณาการงานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียนผลทคี่ าดว่าจะได้รบั1. มีการจดั กิจกรรมการเรียนการสอนแบบบรู ณาการงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนทกุ กลุม่ สาระการ เรียนรู้ ทุกระดับชน้ั2. มกี ารดาเนินงานตามองค์ประกอบของงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน3 ไดเ้ ผยแพรร่ ายงานผลการดาเนนิ งาน4. สถานศกึ ษามกี ารดาเนนิ งาน งานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น อย่างตอ่ เน่อื ง ลงชอื่ ....................................................ผู้เสนอโครงการ (นางสาวสุดาภรณ์ สืบบญุ เปย่ี ม) ตาแหน่ง พนักงงานราชการ
87 กิจกรรมที่ 3 การศึกษาพชื เชงิ ลึก “กล้วยผา”ลักษณะของกจิ กรรม จดั กิจกรรมการเรยี นการสอนแบบบูรณาการงานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน การศึกษาพืชเชงิ ลึก “กล้วยผา” ตามสาระการเรยี นรู้ ธรรมชาติแห่งชีวิต สรรพส่ิงล้วนพนั เกี่ยว และประโยชน์แทแ้ ก่มหาชนวัตถปุ ระสงค์ 1. เพื่อจดั กิจกรรมการเรียนการสอนแบบบรู ณาการงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนตามสาระการเรียนรู้ ธรรมชาตแิ ห่งชวี ิต สรรพสง่ิ ล้วนพนั เกีย่ ว และประโยชน์แท้แกม่ หาชน 2. เพอ่ื จดั ทารายงานผลการดาเนินงานตามสาระการเรยี นรู้ ธรรมชาติแห่งชวี ิต สรรพสิง่ ล้วนพนั เกี่ยว และประโยชนแ์ ท้แกม่ หาชนเปา้ หมาย 1 มกี ารดาเนนิ งานตามสาระการเรยี นรู้ ธรรมชาตแิ หง่ ชีวติ สรรพส่ิงลว้ นพันเกี่ยว และประโยชน์แท้แก่มหาชน 3. มีรายงานผลการดาเนินงานตามสาระการเรียนรู้ ธรรมชาตแิ หง่ ชวี ิต สรรพสิง่ ล้วนพนั เกย่ี ว และประโยชนแ์ ทแ้ ก่มหาชนขั้นตอนดาเนนิ กิจกรรม ระยะเวลาดาเนนิ งาน งบประมาณท่ี ข้นั ตอนดาเนินกจิ กรรม -1 แต่งตง้ั คณะกรรมการดาเนินงาน มิถนุ ายน 2560 -2 อบรมให้ความรู้เกีย่ วกบั การศกึ ษาพืชเชงิ ลกึ ก.ค. 25603 ศึกษาพชื เชิงลึก 5,2654 จดั ทารูปเลม่ เอกสาร สิงหาคม 2560 -5 สรปุ ประเมินผลการดาเนินงาน กนั ยายน 2560 - รายละเอียดประมาณการค่าใชจ้ า่ ย กจิ กรรมการศกึ ษาพชื เชงิ ลกึ “กลว้ ยผา”ท่ี รายการวัสดุ/ค่าใช้จา่ ยอนื่ ๆ จานวน ราคาต่อหน่วย ราคารวม 4501 pH มิเตอร์แบบพกพา 1 อัน 450 740 4002 เคร่ืองวดั ปรมิ าณแสง 1 เคร่ือง 740 375 32003 เครื่องวดั ความชื้น 1 เครอื่ ง 400 100 5,2654 แวน่ ขยาย 5 อัน 755 ตลบั เมตร (20 เมตร) 10 ม้วน 3206 เชอื กฟาง 10 มว้ น 10 รวมคา่ ใชจ้ ่ายท้ังสนิ้
88ระยะเวลา ปีการศกึ ษา 2560 (พฤษภาคม พ.ศ. 2560 ถึง มีนาคม พ.ศ. 2561 )สถานที่ดาเนนิ การ โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31งบประมาณ งบประมาณ ๕,๒๖๕ (ห้าพนั สองร้อยหกสิบห้าบาทถ้วน.)ระดับความสาเร็จ วธิ ตี ดิ ตามและประเมินผล เคร่ืองมอื ทใ่ี ช้ ตรวจรายงานผลการดาเนนิ งาน แบบตรวจสอบรายการ ตัวชีว้ ัดความสาเรจ็รายงานผลการดาเนนิ งานการศึกษาพืชเชิงลึก กลว้ ยผาผลทคี่ าดวา่ จะได้รับ 1. มกี ารศกึ ษาพชื เชิงลึก กลว้ ยผา ตามสาระการเรยี นรู้ 2. มรี ายงานผลการดาเนนิ งานการศกึ ษาพืชเชิงลึก กล้วยผา ตามสาระการเรยี นรู้ 3. สถานศึกษามกี ารดาเนนิ งาน งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น อย่างตอ่ เน่อื ง ลงชอ่ื ....................................................ผ้เู สนอโครงการ (นางสาวสดุ าภรณ์ สบื บญุ เปย่ี ม) ตาแหนง่ พนักงานราชการ
89 กิจกรรมที่ 4 การสร้างแหลง่ เรยี นรู้บรู ณาการงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนลักษณะของกิจกรรม จัดกิจกรรมการเรยี นการสอนแบบบรู ณาการงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี นตามองคป์ ระกอบท่ี ๒ การรวบรวมพรรณไม้เข้าปลูกในโรงเรียนวัตถปุ ระสงค์ 1. เพอื่ จดั กจิ กรรมการเรียนการสอนแบบบูรณาการงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนตามองคป์ ระกอบท่ี ๒ การรวบรวมพรรณไมเ้ ข้าปลูกในโรงเรยี น 2. เพือ่ สร้างแหลง่ เรยี นรู้ศึกษาพรรณไมใ้ นสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น “สวนสมนุ ไพรทรงคุณคา่ ภมู ิ ป๎ญญาคนเมืองแจม่ ”เป้าหมาย 1 มีการดาเนนิ งานตามตามองคป์ ระกอบท่ี ๒ การรวบรวมพรรณไมเ้ ขา้ ปลกู ในโรงเรียน 3. มีแหลง่ เรยี นรศู้ กึ ษาพรรณไมใ้ นสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียนขนั้ ตอนดาเนนิ กจิ กรรม ระยะเวลาดาเนินงาน งบประมาณท่ี ข้ันตอนดาเนนิ กิจกรรม -1 แตง่ ตั้งคณะกรรมการดาเนินงาน มิถุนายน – กรกฎาคม2 จดั กิจกรรมการเรยี นรแู้ บบบูรณาการตามองค์ประกอบที่ 2560 8,560 ๒ สิงหาคม 2560 -3 จดั ทารูปเลม่ เอกสาร กันยายน 2560 -4 สรปุ ประเมนิ ผลการดาเนินงานรายละเอียดประมาณการค่าใช้จ่าย กจิ กรรมการสร้างแหลง่ เรยี นรบู้ ูรณาการงานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียนท่ี รายการวัสดุ/คา่ ใชจ้ า่ ยอื่นๆ จานวน ราคาตอ่ หน่วย ราคารวม1 เขม็ ทิศ 10 อัน 120 1,2002 กรรไกร 10 อัน 25 2503 ตะปูตอกไม้ 1 นวิ้ 2 ก.ก. 50 1004 เชือกขาวแดง มว้ นใหญ่ 5 มว้ น 42 2105 ไมซ้ ีก 20 เส้น 45 9006 เชือกขาว เบอร์ 40 10 18 1807 ดา้ ย (เชอื กวา่ ว) 5 ม้วน 15 758 กระดาษแข็ง 200 แกรม 25 แผ่น 9 2459 หนงั สือพรรณไม้ 2 เล่ม 450 90010 เครื่องเคลอื บ 1 เครื่อง 4,500 4,500 รวมคา่ ใช้จ่ายท้งั สิ้น 8,560
90ระยะเวลา ปกี ารศกึ ษา 2560 (พฤษภาคม พ.ศ. 2560 ถงึ มีนาคม พ.ศ. 2561 )สถานทด่ี าเนินการ โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31งบประมาณ งบประมาณ ๘,๕๖๐ (.แปดพนั ห้ารอ้ ยหกสิบบาทถ้วน.)ระดับความสาเร็จ วิธตี ิดตามและประเมินผล เครอื่ งมอื ทใี่ ช้ ตวั ช้ีวัดความสาเร็จ ประเมินความพึงพอใจของผใู้ ช้ แบบประเมนิ ความพึงพอใจแหลง่ เรยี นร้สู วนสมนุ ไพร แหลง่ เรียนรู้ผลท่คี าดวา่ จะไดร้ ับ 1. มแี หลง่ เรยี นรสู้ วนสมนุ ไพรทรงคุณค่าภูมปิ ญ๎ ญาคนเมอื งแจ่ม 2. แหลง่ เรียนรู้สามารถให้บริการแก่ผูส้ นใจทั้งภายในและภายนอกสถานศกึ ษา 3. บุคลากร ชมุ ชน และผู้ทม่ี อี งคค์ วามรูเ้ กย่ี วกับพชื สมุนไพรใหค้ วามรว่ มมือในการสร้างแหลง่ เรยี นรู้ ลงชื่อ....................................................ผูเ้ สนอโครงการ (นางสาวสุดาภรณ์ สบื บุญเปี่ยม) ตาแหนง่ พนักงานราชการ
91 กจิ กรรมท่ี 5 การเผยแพร่นิทรรศการงานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียนลกั ษณะของกิจกรรม การเผยแพรผ่ ลการดาเนนิ งานของโรงเรยี นในรปู แบบนทิ รรศการวัตถปุ ระสงค์ 1. เพอื่ เผยแพรป่ ระชาสมั พนั ธผ์ ลการดาเนินงาน งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน 2. เพอ่ื แลกเปล่ยี นเรียนรู้วธิ ีการดาเนนิ งานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียนเป้าหมาย มกี ารจัดนทิ รรศการเพื่อเผยแพรผ่ ลการดาเนินงาน 1 คร้ัง / ปกี ารศึกษาขั้นตอนดาเนนิ กิจกรรม ระยะเวลาดาเนินงาน งบประมาณท่ี ข้ันตอนดาเนินกจิ กรรม -1 แต่งตัง้ คณะกรรมการดาเนินงาน ธันวาคม 25602 จดั นทิ รรศการเผยแพรผ่ ลงาน มกราคม 2561 5,0554 สรุปประเมนิ ผลการดาเนนิ งาน -รายละเอียดประมาณการคา่ ใชจ้ ่าย กิจกรรมการสรา้ งแหลง่ เรยี นรู้บรู ณาการงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี นท่ี รายการวสั ดุ/ค่าใช้จา่ ยอนื่ ๆ จานวน ราคาตอ่ หนว่ ย ราคารวม1 แอลกอฮอล์ 70% (450 cc.) 10 ขวด 97 9702 พลาสติกใส 30 เมตร 20 6003 กระดาษแขง็ 300 แกรม 30 แผน่ 14 4204 ขวดโหล (500 cc.) 50 ใบ 18 9005 กลอ่ งใสผ่ ลแหง้ เป็นชอ่ ง(8.5x12.5x6 ซม.) 20 กล่อง 35 7006 เข็มใหญ่ 20 อัน 5 1007 แผ่นเคลือบ 2 กลอ่ ง 495 9908 ตะกรา้ พลาสตกิ 15 อัน 25 375 รวมคา่ ใชจ้ ่ายทั้งสิ้น 5,055ระยะเวลาปกี ารศึกษา 2560 (พฤษภาคม พ.ศ. 2560 ถงึ มนี าคม พ.ศ. 2561 )สถานทด่ี าเนินการโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31งบประมาณงบประมาณ ๕,๐๕๕ (.ห้าพันห้าสิบห้าบาทถ้วน.)
92ระดับความสาเร็จ วธิ ตี ิดตามและประเมนิ ผล เครื่องมือท่ใี ช้ ตวั ชี้วัดความสาเร็จ ประเมนิ ความพงึ พอใจของผชู้ ม แบบประเมนิ ความพงึ พอใจความพึงพอใจของผู้เข้าชมนิทรรศการ นทิ รรศการผลท่คี าดว่าจะไดร้ บั 1. สถานศึกษาได้เผยแพรผ่ ลการดาเนินงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น 2. ผู้เขา้ ชมนิทรรศการมีความพงึ พอใจต่อการดาเนินงาน ลงช่ือ....................................................ผู้เสนอโครงการ (นางสาวสุดาภรณ์ สบื บุญเปย่ี ม) ตาแหนง่ พนักงานราชการ
93หลักฐานการเบกิ จา่ ยเงินตามโครงการ
แผนท่เี ดินทางสู่ โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ 1 ถนนสายเชยี งใหม-๋ ฮอด 108
2
Search