แบบฝกึ ทกั ษะแบบฝกึ ทกั ษะ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ มธั ยมศึกษาปีที่ 4 1 รายวชิ าวิทยาศาสตร์ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรอ่ื ง ส่งิ มชี ีวติ ในสิง่ แวดลอ้ ม หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 2 เรอ่ื ง องค์ประกอบของส่ิงมชี ีวติ หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3 เรอ่ื ง การดารงชีวติ ของมนุษย์ ชื่อ-สกุล.................................. ชน้ั .........เลขที.่ ......... โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 อาเภอแมแ่ จม่ จงั หวดั เชยี งใหม่โดย ครูสดุ าภรณ์ สบื บุญเปีย่ ม กล่มุ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์
แบบฝกึ ทักษะ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 2 แบบทดสอบก่อนเรยี น หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 คาชแี้ จง : ใหน้ ักเรียนเลือกคาตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว 1. ไบโอมประเภทใดจัดอยู่ในเขตอบอุ่น 7. ส่งิ มีชวี ติ ใดจัดเปน็ ผ้บู ริโภคซากสตั ว์ 1. ไบโอมไทกา 2. ไบโอมป่าฝน 1. รา 2. เหด็ 3. ไบโอมทนุ ดรา 4. ไบโอมป่าผลัดใบ 3. นก 4. แรง้ 5. ไบโอมทะเลทราย 5. แบคทเี รีย 2. ไบโอมประเภทใดท่สี ง่ิ มีชวี ิตตอ้ งปรับตัวเพอื่ 8. หากพืชมีพลังงานสะสม 10,000 kcal ผบู้ ริโภคข้ันที่ 2 จะ รกั ษาดุลยภาพของนา้ ในรา่ งกาย ได้รบั พลงั งานเท่าใด 1. ไบโอมทุนดรา 2. ไบโอมทะเลทราย 1. 1 kcal 2. 10 kcal 3. ไบโอมป่าผลดั ใบ 4. ไบโอมปา่ ฝนเขตรอ้ น 3. 100 kcal 4. 1,000 kcal 5. ไบโอมทงุ่ หญ้าเขตร้อน 5. 10,000 kcal 3. พชื ท่ีพบส่วนใหญใ่ นไบโอมไทกา คือชนิดใด 9. ข้อใดจดั เปน็ ทรพั ยากรธรรมชาตปิ ระเภททใ่ี ชแ้ ล้วเกิด 1. กก 2. ไฟน์ ทดแทนได้ 3. เมเปิล 4. กระถิน 1. น้า 2. ดิน 5. กระบองเพชร 3. อากาศ 4. สตั ว์ป่า 4. ส่งิ มีชีวติ กลุ่มแรกทเี่ ขา้ มาเจรญิ ในพ้นื ท่ที ีม่ กี าร 5. ถ่านหนิ เปล่ียนแปลงแทนที่แบบทตุ ิยภูมิ คอื สิ่งมชี วี ติ กลมุ่ ใด 10. ข้อใดเปน็ สาเหตุหลกั ของปญั หาทรพั ยากรธรรมชาติและ 1. หญ้า 2. มอส สิ่งแวดลอ้ ม 3. ไลเคน 4. ไม้ยนื ต้น 1. การเกดิ โรคระบาด 5. ไม้ลม้ ลุก 2. การกระทาของมนุษย์ 5. การเปลีย่ นแปลงแทนทีข่ องส่ิงมีชวี ติ ในขอ้ ใดเปน็ การ 3. ภัยพบิ ัติทางธรรมชาติ เปลย่ี นแปลงแทยทแ่ี บบปฐมภมู ิ 4. ภาวะอุณหภมู ขิ องโลกสงู ขึน้ 1. การเกดิ ไฟป่า 5. รังสีความร้อนจากดวงอาทิตย์ 2. การสรา้ งเข่อื น 3. การทาไล่เลือ่ นลอย 4. การระเบิดของภเู ขาไฟ 5. การเจริญของส่ิงมชี ีวิตบนกอ้ นหนิ 6. แสงมอี ิทธพิ ลตอ่ การดารงชวี ิตของสิ่งมีชวี ติ ยกเว้น ขอ้ ใด 1. การสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช 2. การออกหากินของสัตว์บางชนิด 3. การหบุ -บานของดอกไม้บางชนิด 4. การรกั ษาดุลยภาพของนา้ ในเขตทะเลทราย 5. การผสมพันธุ์ของสตั ว์เล้ยี งลูกดว้ ยน้านมในเขตหนาว โดย ครูสุดาภรณ์ สบื บญุ เปี่ยม กลุม่ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์
แบบฝึกทกั ษะ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ มัธยมศึกษาปีที่ 4 3 ใบงาน 1.1 เรอื่ ง ไบโอมระดบั โลก คาชแี้ จง : จงบอกประเภทและลกั ษณะลาคญั ของไบโอมที่มคี วามสัมพันธก์ บั ภาพที่กาหนดให้ ประเภท ..................................................................... ประเภท ..................................................................... ลักษณะสาคัญ .......................................................... ลกั ษณะสาคญั .......................................................... .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. ประเภท ..................................................................... ประเภท ..................................................................... ลกั ษณะสาคัญ .......................................................... ลกั ษณะสาคญั .......................................................... .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. โดย ครูสุดาภรณ์ สืบบุญเป่ยี ม กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์
แบบฝึกทักษะ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 4 ใบกิจกรรมที่ 1 เร่ือง โมเดลไบโอม (biomes) บนผืนผา้ คาชแ้ี จง : ให้นกั เรียนศกึ ษา ไบโอมระดับโลกตา่ ง ๆ โดยใหน้ ักเรยี นแบง่ กลุ่มออกเปน็ 7 กลมุ่ จับฉลาก เลือกไบโอมระดบั โลกแต่ละประเภท เพ่อื ทาการศกึ ษาแลว้ จัดทาป้ายนเิ ทศและโมเดล พร้อม นาเสนอหน้าช้ันเรยี นใน ดงั นี้ กล่มุ ที่ 1 ไบโอมทนุ ดรา กลมุ่ ที่ 2 ไบโอมไทกา กลมุ่ ที่ 3 ไบโอมป่าผลัดใบ กลุม่ ท่ี 4 ไบโอมทุ่งหญ้าเขตอบอ่นุ กลุ่มท่ี 5 ไบโอมทะเลทราย กลุ่มท่ี 6 ไบโอมป่าฝนเขตร้อน กลมุ่ ที่ 7 ไบโอมทงุ่ หญ้าเขตร้อน 1. จากหัวข้อที่ได้รับให้นักเรียนจัดทาป้ายนิเทศ พรอ้ มนาเสนอหนา้ ชัน้ เรียน 2. จากหัวขอ้ ของปา้ ยนเิ ทศให้นักเรยี นแตล่ ะกลุ่ม จัดทาโมเดลไบโอม (biomes) บนผนื ผ้า โดยรับอุปกรณ์ ดงั น้ี - ผนื ผา้ ขนาด 150x150 cm. - เข็ม - ด้ายหลากสี (พรอ้ มนาเสนองานในชว่ั โมงถัดไป) โดย ครสู ุดาภรณ์ สบื บุญเป่ยี ม กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์
แบบฝกึ ทกั ษะ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 5 แบบฝึกทักษะที่ 1 เรอ่ื ง ความหลากหลายของระบบนิเวศ คาชี้แจง ให้นักเรียนนาไบโอมแต่ละประเภทมาเตมิ หน้าขอ้ ความที่มคี วามสัมพนั ธ์กนั ก.ไบโอมทนุ ดรา ข.ไบโอมไทกา ค.ไบโอมป่าผลัดใบ ง.ไบโอมทงุ่ หญา้ เขตอบอุ่น จ.ไบโอมปา่ ฝนเขตร้อน ฉ.ไบโอมทุ่งหญา้ เขตรอ้ น ช.ไบโอมทะเลทราย …………………….. 1. ฝนตกตลอดทงั้ ปี และมอี ากาศรอ้ นชื้น …………………….. 2. พืชปอ้ งกนั การสญู เสยี นา้ โดยใบลดรปู เป็นหนาม …………………….. 3. ฤดูหนาวมหี มิ ะ และอากาศแห้ง …………………….. 4. เปน็ บริเวณที่พบไลเคนจานวนมาก …………………….. 5. อากาศร้อนยาวนาน และมักเกิดไฟปา่ …………………….. 6. พชื ที่พบสว่ นใหญเ่ ป็นพชื ตระกูลสน …………………….. 7. ปา่ ท่ีมีความอุดมสมบูรณ์ และมีความหลากหลายทางชวี ภาพ …………………….. 8. พืน้ ท่รี าบปกคลุมดว้ ยหญา้ ไมม่ ตี ้นไม้ใหญ่ …………………….. 9. ต้นไม้จะผลัดใบก่อนฤดูหนาว และผลิใบหลังฤดหู นาวผา่ นไป …………………….. 10. พืชจะสามารถเจรญิ เตบิ โตได้ในแหลง่ โอเอซิส โดย ครูสดุ าภรณ์ สบื บญุ เปี่ยม กล่มุ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์
แบบฝึกทกั ษะ รายวิชาวิทยาศาสตร์ มัธยมศึกษาปีที่ 4 6 ใบงานที่ 1.2 เรือ่ ง การเปลย่ี นแปลงแทนท่ขี องระบบนิเวศ คาช้แี จง : จงอธบิ ายการเปลีย่ นแปลงแทนทขี่ องระบบนเิ วศจากภาพทกี่ าหนดให้ การเปล่ียนแปลงแทนท่แี บบ................................... การเปล่ยี นแปลงแทนท่ีแบบ................................... เนอื่ งจาก ............................................................... เน่ืองจาก ............................................................... ............................................................................... ............................................................................... ............................................................................... ............................................................................... ............................................................................... ............................................................................... ............................................................................... ............................................................................... ............................................................................... ............................................................................... ............................................................................... ............................................................................... ............................................................................... ............................................................................... ............................................................................... ............................................................................... ............................................................................... ............................................................................... ............................................................................... ............................................................................... ............................................................................... ............................................................................... ............................................................................... ............................................................................... ............................................................................... ............................................................................... โดย ครูสดุ าภรณ์ สบื บุญเป่ยี ม กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์
แบบฝึกทักษะ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ มัธยมศึกษาปีที่ 4 7 ใบงานที่ 1.3 เรอื่ ง สายใยอาหาร คาชแ้ี จง : จงตอบคาถามจากสายใยทก่ี าหนดใหต้ อ่ ไปนี้ กงุ้ ปลา นก หญ้าทะเล เตา่ ทาก กบ สาหร่าย แมลงปอ งู 1. จากสายใยอาหารขา้ งตน้ มีโซ่อาหารจานวนเท่าใด และมีลาดบั ขั้นการกินอยา่ งไร ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ . 2. ถ้าสาหรา่ ยมพี ลังงานสะสม 100,000 kcal ดังนนั้ กบซง่ึ เปน็ ผู้บรโิ ภคขนั้ ที่ 2 และงูซ่ึงเป็นผู้บริโภคขั้นที่ 3 จะ ไดร้ บั พลงั งานจากการกนิ ตอ่ กนั ปรมิ าณเทา่ ใด ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................. โดย ครสู ุดาภรณ์ สบื บญุ เปีย่ ม กล่มุ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์
แบบฝกึ ทกั ษะ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 8 แบบฝึกทกั ษะที่ 2.1 เรื่องการเปล่ียนแปลงแทนทข่ี องระบบนิเวศ คาช้แี จง ใหน้ ักเรยี นเขียนเครือ่ งหมาย หนา้ ข้อความที่ถูกต้อง และเขยี นเครือ่ งหมาย × หน้าข้อความที่ ไม่ถูกตอ้ ง พร้อมทงั้ แกไ้ ขข้อความนนั้ ใหถ้ ูกตอ้ ง ……….. 1. การเปล่ยี นแปลงแทนทีเ่ ปน็ การเปลยี่ นแปลงของกลมุ่ สง่ิ มชี ีวติ เมอ่ื สภาพแวดลอ้ มของที่อยู่อาศัย เปล่ียนแปลงไป แกไ้ ข …………………………………………………………………………………………………………………………… ……….. 2. บริเวณภูเขาไฟจะไม่มีการเปลย่ี นแปลงแทนทีข่ องระบบนเิ วศ เพราะมสี ิง่ มีชวี ิตอาศัยอยนู่ ้อย แกไ้ ข …………………………………………………………………………………………………………………………… ……….. 3. บริเวณที่ทาไรเ่ ลอื่ นลอยแล้วปล่อยพ้นื ที่ใหร้ กรา้ งจดั เปน็ การเปลี่ยนแปลงแบบทุตยิ ภูมิ แกไ้ ข …………………………………………………………………………………………………………………………… ……….. 4. หญ้าเปน็ สิ่งมชี ีวิตกลุ่มแรกที่สามารถเจรญิ ในพื้นทที่ มี่ ีการเปลี่ยนแปลงแบบปฐมภมู ิ แก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………… ……….. 5. การเปลย่ี นแปลงแบบปฐมภมู ิใช้เวลาน้อยกว่าแบบทุตยิ ภูมิ เพราะเปน็ พื้นท่ที ี่ไม่มีส่ิงมชี วี ติ อาศยั อยู่ จึงมีธาตอุ าหารสมบูรณ์ แก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………… ……….. 6. การเปลย่ี นแปลงแทนท่ีทาใหส้ งิ่ แวดล้อมทางกายภาพและชวี ภาพเปลย่ี นแปลง แกไ้ ข …………………………………………………………………………………………………………………………… ……….. 7. ส่งิ มชี ีวิตท่อี ยู่ในสงั คมสมบูรณจ์ ะมกี ารเปล่ียนแปลงแทนท่ีของสิ่งมีชีวิตอยอู่ ยา่ งตอ่ เนื่อง แกไ้ ข …………………………………………………………………………………………………………………………… ……….. 8. การเปลี่ยนแปลงแทนท่ีแบบทตุ ยิ ภมู ิมีลาดับการเปลย่ี นแปลง เริ่มจากมอส หญา้ ไมล้ ม้ ลุก ไม้ยืนตน้ และสงั คมพืช ตามลาดับ แกไ้ ข …………………………………………………………………………………………………………………………… ……….. 9. ไลเคน มอส ลเิ วอรเ์ วิรด์ จะเจรญิ เตบิ โตในบริเวณท่ปี ราศจากส่งิ มชี ีวติ ชนดิ อ่ืนมาก่อน แก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………… ……….. 10. การตายทับถมของพชื จากโรคระบาดสามารถทาใหพ้ ้นื ท่ีเกิดการเปล่ียนแปลงแทนทไ่ี ด้ แกไ้ ข …………………………………………………………………………………………………………………………… โดย ครูสุดาภรณ์ สบื บุญเปีย่ ม กลุ่มสาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์
แบบฝึกทักษะ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ มัธยมศึกษาปีที่ 4 9 แบบฝกึ ทักษะที่ 3.1 เรอ่ื ง องค์ประกอบของระบบนิเวศ คาช้ีแจง ให้นกั เรียนระบุความสาคญั ขององค์ประกอบทางกายภาพของระบบนเิ วศในตารางตอ่ ไปนี้ องค์ประกอบทางกายภาพ ความสาคญั เปน็ ปัจจยั ที่ควบคุมการเจริญเติบโต การสืบพนั ธุ์ และการแพรก่ ระจาย 1. อุณหภูมิ สิ่งมีชวี ิต มีผลต่อการปรับตวั ทางด้านโครงสรา้ งและพฤติกรรมของสง่ิ มีชีวิต เชน่ หมขี ้วั โลกจะมีขนยาวปกคลุมรา่ งกายและชัน้ ไขมนั ใต้ผิวหนังทห่ี นาเพือ่ รักษาอณุ หภมู ขิ องร่างกายปกคลมุ ร่างกายและชน้ั ไขมนั ใตผ้ ิวหนังทหี่ นาเพื่อ เป็นปจั จยั หลักในกระบวนการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงของพชื มผี ลตอ่ การ 2. แสง สบื พนั ธขุ์ องส่งิ มีชวี ติ บางชนิด เช่น สัตว์เล้ยี งลกู ด้วยนมและนกในเขตอบอุน่ และ เขตหนาว และมีผลตอ่ พฤตกิ รรมของสิ่งมชี วี ิตบางชนดิ เช่น สัตว์ท่หี ากนิ ในเวลา กลางคนื การหบุ -บานของดอกไม้ เป็นปจั จัยหลักในกระบวนการสงั เคราะห์ดว้ ยแสงของพชื เป็น 3. นา้ และความช้ืน องคป์ ระกอบหลักของรา่ งกายส่งิ มีชีวติ มผี ลตอ่ การปรบั ตวั ของสิ่งมชี ีวติ ในเขต ทะเลทราย เชน่ ต้นกระบองเพชรจะลดรูปจากใบเปน็ หนาม หนแู กงการูไดร้ บั นา้ จากกระบวนการเมแทบอลซิ มึ ของเซลล์ เป็นองค์ประกอบของสารประกอบตา่ งๆ เชน่ คาร์โบไฮเดรต โปรตนี 4. แรธ่ าตุ ไขมนั ซ่งึ จาเปน็ ตอ่ การดารงชวี ติ เช่น แมกนีเซยี ม (Mg) ไนโตรเจน (N) เป็น องคป์ ระกอบของคลอโรฟลิ ล์ ซง่ึ จาเป็นต่อกระบวนการสงั เคราะห์ดว้ ยแสงของ พืช 5. แกส๊ ต่างๆ มีผลตอ่ การดารงชวี ิตของส่ิงมชี ีวิต เช่น แก๊สออกซิเจน(O2) จาเปน็ ต่อ กระบวนการหายใจของสิง่ มีชวี ิต และการสลายสารอาหารเพอื่ ให้ได้พลังงาน แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์(CO2) จาเปน็ ต่อกระบวนการสงั เคราะห์ด้วยแสงของ พืช โดย ครูสุดาภรณ์ สบื บญุ เป่ียม กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์
แบบฝกึ ทักษะ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 10 ใบงานที่ 1.4 เรือ่ ง ปญั หาสง่ิ แวดล้อม คาช้ีแจง : จงระบุปัญหา สาเหตขุ องปัญหาสง่ิ แวดลอ้ มจากภาพที่กาหนดให้ พรอ้ มบอกผลกระทบอน่ื ๆ ที่ เกดิ ข้ึนจากปัญหาสง่ิ แวดล้อมดงั กล่าว ปัญหา .......................................................................... ปัญหา .......................................................................... สาเหตุ .......................................................................... สาเหตุ .......................................................................... ...................................................................................... ...................................................................................... ...................................................................................... ...................................................................................... ...................................................................................... ...................................................................................... ...................................................................................... ...................................................................................... ผลกระทบอื่น ๆ ........................................................... ผลกระทบอ่ืน ๆ ........................................................... .................................................................................. .................................................................................. ...................................................................................... ...................................................................................... .................................................................................. .................................................................................. ...................................................................................... ...................................................................................... .................................................................................. .................................................................................. ...................................................................................... ...................................................................................... .................................................................................. .................................................................................. ...................................................................................... ...................................................................................... .................................................................................. ....................................................................... ........... ...................................................................................... ...................................................................................... ...................................................................................... ...................................................................................... โดย ครูสดุ าภรณ์ สืบบุญเปี่ยม กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์
แบบฝกึ ทกั ษะ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ มธั ยมศึกษาปีที่ 4 11 แบบฝกึ ทักษะที่ 4.1 เรื่อง ทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดล้อม คาช้แี จง ใหน้ ักเรียนตอบคาถามเกยี่ วกับทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดล้อมต่อไปนี้ 1. ทรัพยากรธรรมชาตคิ ืออะไร แบง่ ออกเป็นก่ปี ระเภท อะไรบ้าง ตอบ = ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ปญั หาทรพั ยากรธรรมชาติและสิง่ แวดลอ้ มส่วนใหญ่มสี าเหตมุ าจาก อะไรบ้าง ตอบ = ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ภาวะโลกร้อน เป็นปัญหาทรพั ยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดล้อมระดบั ใด สง่ ผลกระทบต่อส่ิงมีชีวิตและ สิ่งแวดล้อมอย่างไร ตอบ = ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. จงอธบิ ายแนวทางการอนุรกั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดล้อมเพ่อื การใชป้ ระโยชน์อย่างยงั่ ยนื ตอ่ ไป ตอบ = ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… โดย ครูสดุ าภรณ์ สบื บุญเปย่ี ม กล่มุ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์
แบบฝึกทกั ษะ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 12 แบบทดสอบหลังเรยี น หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 1 สง่ิ มีชวี ิตในสิง่ แวดล้อม คาช้แี จง : ใหน้ ักเรยี นเลือกคาตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. ไบโอมประเภทใดจดั อยใู่ นเขตรอ้ น 7. ข้อใดเป็นคุณสมบัตขิ องสง่ิ มีชีวิตกลุ่มผู้ย่อยสลาย 1. ไบโอมไทกา 2. ไบโอมปา่ ฝน 1. สามารถสร้างเอนไซม์ได้ 3. ไบโอมทุนดรา 4. ไบโอมปา่ ผลดั ใบ 2. สามารถสร้างอาหารได้เอง 5. ไบโอมทะเลทราย 3. สามารถสังเคราะหด์ ว้ ยแสงได้ 2. ไบโอมประเภทใดมักเกิดไฟป่าเปน็ ประจา 4. สามารถกนิ สิง่ มชี ีวิตท้งั พื้ชและสตั วไ์ ด้ 1. ไบโอมทะเลทราย 2. ไบโอมปา่ ผลดั ใบ 5. สามารถเปล่ียนพลังงานแสงเป็นพลังงานเคมี 2. ไบโอมปา่ ฝนเขตร้อน 4. ไบโอมทงุ่ หญา้ เขตร้อน 8. หากผูบ้ รโิ ภคขน้ั ที่ 3 ได้รับพลงั งานจากการกนิ ต่อกนั จานวน 5. ไบโอมทงุ่ กญา้ เขตอบอนุ่ 1 kcal ผบู้ ริโภคข้นั แรกจะได้รับพลงั งานจากผผู้ ลิตเท่าใด 3. ไบโอมประเภทใดมีความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตสงู 1. 1 kcal 2. 10 kcal ท่ีสุด 3. 100 kcal 4. 1,000 kcal 1. ไบโอมทุนดรา 2. ไบโอมทะเลทราย 5. 10,000 kcal 3. ไบโอมป่าผลัดใบ 4. ไบโอมปา่ ฝนเขตรอ้ น 9. ทรพั ยากรธรรมชาติขอ้ ใดควรใชอ้ ย่างประหยดั มากทสี่ ดุ 5. ไบโอมทุ่งหญา้ เขตร้อน 1. น้า 2. ปา่ ไม้ 4. สง่ิ มชี ีวิตกลุ่มแรกทีเ่ ข้ามาเจริญในพน้ื ที่ทม่ี กี าร 3. อากาศ 4. แสงแดด เปลย่ี นแปลงแทนท่ีแบบปฐมภูมิ คือสิ่งมชี ีวติ กลมุ่ ใด 5. แก๊สธรรมชาติ 1. หญ้า 2. มอส 10. ปัญหาภาวะโลกรอ้ นเกิดจากสาเหตุใด 3. ไลเคน 4. ไม้ยนื ตน้ 1. ชัน้ โอโซนเบาบางลง 5. ไมล้ ้มลกุ 2. การเพ่ิมข้ึนของอณุ หภมู ทิ ัว่ โลก 5. ขอ้ ใดตอ่ ไปนี้ไมจ่ ดั เปน็ การเปลย่ี นแปลงแทนท่แี บบ 3. การเกดิ ภยั พบิ ตั ิทร่ี ุนแรงและบ่อยข้ึน ทตุ ยิ ภมู ิ 4. รังสอี นิ ฟาเรดทะลุผ่านชัน้ บรรยากาศมายังโลกมากข้นึ 1. การเกิดไฟป่า 5. แกส๊ เรือนกระจกลดลงทาใหร้ ังสีความรอ้ นมายังโลก 2. การแผ้วถางปา่ เพมิ่ ขน้ึ 3. การทาไรเ่ ลอื่ นลอย 4. การเจริญของไลเคนบนก้อนหนิ 5. การเจรญิ ของหญ้าหลังการระเบดิ ของภเู ขาไฟ 6. ข้อใดเปน็ การปรับตวั ของส่ิงมชี วี ิตตอ่ การเปล่ยี นแปลง ของปจั จัยทางกายภาพ 1. หมีข้วั โลกจะจาศลี ในฤดหู นาว 2. หนูแกงการจู ะจาศลี ในเวลากลางวัน 3. ตน้ กระบองเพชรจะลดรปู จากใบเป็นหนาม 4. การออกหากินเวลากลางคืนของสตั วใ์ นเขตหนาว 5. นกปากหา่ งจะอพยพไปยังเขตหนาวเมือ่ อุณหภมู ติ ่าลง โดย ครสู ุดาภรณ์ สบื บุญเปีย่ ม กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์
แบบฝกึ ทักษะ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 13 แบบทดสอบก่อนเรยี น หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 คาช้แี จง : ให้นักเรยี นเลือกคาตอบท่ีถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว 1. อุปกรณ์ทีใ่ ชศ้ กึ ษาเซลลค์ ืออะไร 7. ขอ้ ใดกล่าวถกู ต้องเก่ียวกับการแพรแ่ บบฟาซิลิเทต 1. กล้องซซี ีดี 1. อาศยั พลงั งานในการลาเลียงสาร 2. กลอ้ งรูเข็ม 2. การเคล่ือนท่ีของอนุภาคสารผา่ นลพิ ิดที่เยอ่ื หุ้ม 3. กล้องจุลทรรศน์ เซลล์ 4. กล้องปริทรรศน์ 3. มคี วามเร็วในการลาเลยี งสารเร็วกว่าการแพรแ่ บบ 5. กลอ้ งโทรทรรศน์ ธรรมดา 2. ออรแ์ กเนลล์ใดไมพ่ บในเซลลพ์ ืช 4. การเคลื่อนทข่ี องสารจากบริเวณท่ีมคี วามเขม้ ข้น 1. ไรโบโซม 2. เซนทริโอล ต่าไปยงั บรเิ วณทม่ี คี วามเข้มข้นสงู 3. คลอโรพลาสต์ 4. ไมโทคอนเดรยี 5. ชอ่ งโปรตนี ทที่ าหน้าท่ีลาเลยี งไม่สามารถเปลยี่ นรูป 5. กอลจิคอมเพลก็ ซ์ ไดจ้ งึ มคี วามจาเพาะในการลาเลียงสูง 3. โครงสรา้ งใดไมพ่ บในเย่อื หมุ้ เซลล์ 8. ออรแ์ กเนลลใ์ ดมีบทบาทสาคัญต่อการลาเลยี งสาร 1. ลิพิด 2. โปรตนี แบบแอกทีฟทรานสปอร์ต 3. เซลลูโลส 4. ไกลโคลลิพดิ 1. เซนทรโิ อล 2. เยอ่ื หมุ้ เซลล์ 5. ไกลโคลโปรตนี 3. คลอโรพลาสต์ 4. ไมโทคอนเดรยี 4. เยอื่ หมุ้ เซลล์มคี วามสาคัญต่อสิง่ มีชีวติ อย่างไร 5. กอลจคิ อมเพล็กซ์ 1. ชว่ ยใหเ้ ซลล์คงรูปอยู่ได้ 9. สารใดจะถกู ลาเลียงเขา้ สเู่ ซลล์โดยบรรจุในถงุ เวสเิ คิล 2. ช่วยทาใหเ้ ซลลม์ รี ูปรา่ งเหลย่ี ม 1. นา้ ตาลกลโู คส 2. แก๊สออกซเิ จน 3. ชว่ ยสรา้ งความแขง็ แรงใหแ้ กเ่ ซลล์ 3. คาร์โบไฮเดรต 4. โซเดียมไอออน 4. เปน็ แหล่งสะสมสารประเภทลิพิดและโปรตีน 5. โพแทสเซยี มไอออน 5. ควบคมุ การผ่านเข้า-ออกของสารระหว่างเซลล์ 10. การลาเลยี งสารแบบใดไมผ่ า่ นเยอ่ื หมุ้ เซลล์ 5. ออรแ์ กเนลล์ในข้อใดมคี วามสมั พันธใ์ นการลาเลยี ง 1. การแพร่ สาร 2. แอกทีฟทรานสปอรต์ ออกนอกเซลล์ 3. การแพรแ่ บบฟาซิลเิ ทต 1. ไรโบโซมกับไลโซโซม 4. การลาเลียงสารขนาดใหญ่ 2. แวควิ โอลกบั คลอโรพลาสต์ 5. การลาเลียงแบบใช้พลังงาน 3. แวคคิวโอลกับไมโทคอนเดรีย 4. คลอโรพลาสตก์ ับไมโทคอนเดรยี 5. กอจจคิ อมเพลก็ ซก์ ับเอนโดพลาสมกิ เรตคิ ลู มั 6. ข้อใดต่อไปน้ีไมใ่ ชก่ ารแพรข่ องสาร 1. การพ่นยาฆ่าแมลง 2. การฉีดน้าหอมปรับอากาศ 3. การละลายของน้าตาลในนา้ 4. การแชผ่ กั ในถงั นา้ ของแมค่ ้า 5. การระเหิดของลูกเหม็นดบั กล่ิน โดย ครสู ุดาภรณ์ สืบบุญเป่ียม กลมุ่ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์
แบบฝกึ ทักษะ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 14 แบบฝกึ ทกั ษะที่ 1.1 เรอื่ ง เซลล์ของสิ่งมชี ีวติ คาช้ีแจง ใหน้ ักเรยี นระบโุ ครงสรา้ งต่างๆ ของเยื่อห้มุ เซลล์ท่ีกาหนดให้ และอธบิ ายโครงสร้าง เหลา่ นั้น โดย ครสู ุดาภรณ์ สบื บุญเป่ยี ม กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์
แบบฝกึ ทกั ษะ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ มัธยมศึกษาปีท่ี 4 15 แบบฝึกทกั ษะท่ี 1.2 เรื่อง ออร์แกเนลล์ คาชีแ้ จง ให้นกั เรียนอธบิ ายโครงสร้างหรอื ออร์แกเนลลต์ ่อไปน้ใี หถ้ ูกตอ้ ง โครงสร้าง/ออร์แกเนลล์ หน้าท่ี 1. รา่ งแหเอนโดพลาสซมึ ………………………………………………………………………………………………………… ชนดิ เรียบ ………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………… 2. กอลจคิ อมเพลก็ ซ์ ………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………… 3. แวควิ โอล ………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………… 4. ไลโซโซม ………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………… 5. นิวเคลยี ส ………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………… โดย ครูสุดาภรณ์ สบื บญุ เปี่ยม กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์
แบบฝึกทักษะ รายวิชาวิทยาศาสตร์ มัธยมศึกษาปที ่ี 4 16 ใบงาน 2.1 เรอ่ื ง โครงสรา้ งของเซลล์ คาชแ้ี จง ให้นกั เรยี นระบุโครงสรา้ งและหนา้ ทขี่ องโครงสร้างของเซลล์ต่อไปนี้ 13 5 7 9 10 68 24 หมายเลข 1 คอื .............................................................. หมายเลข 2 คือ .............................................................. หน้าที่ ............................................................................. หน้าท่ี ............................................................................. ........................................................................................ ........................................................................................ หมายเลข 3 คอื .............................................................. หมายเลข 4 คือ .............................................................. หนา้ ที่ ............................................................................. หนา้ ที่ ............................................................................. ........................................................................................ ........................................................................................ หมายเลข 5 คอื .............................................................. หมายเลข 6 คอื .............................................................. หน้าที่ ............................................................................. หน้าที่ ............................................................................. ........................................................................................ ........................................................................................ หมายเลข 7 คือ .............................................................. หมายเลข 8 คือ .............................................................. หน้าที่ ............................................................................. หน้าท่ี ............................................................................. ........................................................................................ ........................................................................................ หมายเลข 9 คือ .............................................................. หมายเลข 10 คือ ............................................................ หนา้ ที่ ............................................................................. หนา้ ที่ ............................................................................. ........................................................................................ ........................................................................................ โดย ครูสุดาภรณ์ สบื บญุ เปี่ยม กล่มุ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์
แบบฝกึ ทักษะ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 17 ใบงาน 2.2 เรือ่ ง ความแตกต่างระหวา่ งเซลลพ์ ชื และเซลลส์ ตั ว์ คาชแ้ี จง ให้นักเรยี นเปรยี บเทยี บความแตกต่างระหวา่ งเซลล์พืชและเซลล์สตั ว์ให้ถกู ต้อง สิ่งเปรียบเทยี บ เซลล์พชื เซลล์สตั ว์ 1. รปู ร่างของเซลล์ ……………………………………………………… ……………………………………………………… ……………………………………………………… ……………………………………………………… ……………………………………………………… ……………………………………………………… 2. สว่ นทห่ี ่อหุม้ เซลล์ ……………………………………………………… ……………………………………………………… ……………………………………………………… ……………………………………………………… ……………………………………………………… ……………………………………………………… 3. การสร้างอาหาร ……………………………………………………… ……………………………………………………… ……………………………………………………… ……………………………………………………… ……………………………………………………… ……………………………………………………… 4. แวคิวโอล ……………………………………………………… ……………………………………………………… ……………………………………………………… ……………………………………………………… ……………………………………………………… ……………………………………………………… 5. ไลโซโซม ……………………………………………………… ……………………………………………………… ……………………………………………………… ……………………………………………………… ……………………………………………………… ……………………………………………………… โดย ครสู ดุ าภรณ์ สบื บุญเปี่ยม กล่มุ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์
แบบฝึกทกั ษะ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ มัธยมศึกษาปที ่ี 4 18 แผน่ พบั เรื่อง เซลลข์ องส่งิ มีชวี ิต คาชแ้ี จง ให้นักเรยี นทาแผน่ พับเกย่ี วกับเซลล์ของสิ่งมีชวี ติ ตามหัวขอ้ ทก่ี าหนดให้ 1. โครงสรา้ งพ้ืนฐานของเซลล์ 2. หน้าทขี่ องเซลล์ 3. ส่วนประกอบต่างๆ ของเซลล์ 4. ความแตกต่างของเซลล์ ของส่งิ มชี ีวิต จัดทาแผน่ พบั ครับผม โดย ครสู ุดาภรณ์ สบื บญุ เปี่ยม กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์
แบบฝกึ ทักษะ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ มัธยมศึกษาปีท่ี 4 19 แบบฝึกทกั ษะที่ 2.1 เร่อื ง การลาเลยี งสารผา่ นเซลล์ คาชแ้ี จง : ให้นกั เรยี นอธิบายกลไกการลาเลยี งสารผ่านเซลล์ และยกตัวอย่างการลาเลยี งสารท่พี บใน ส่งิ มีชวี ติ ประเภทการลาเลียง กลไกการลาเลยี ง ตัวอย่างการลาเลยี ง 1. การแพร่ ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… 2. การแพร่ ………………………………………………… ………………………………………………… แบบฟาซิลิเทต ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… 3. แอกทฟี ทรานสปอร์ต ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… 4. เอนโดไซโทซิส ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… 5. เอกโซไซโทซิส ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… ………………………………………………… โดย ครสู ุดาภรณ์ สืบบญุ เป่ียม กล่มุ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์
แบบฝกึ ทกั ษะ รายวิชาวิทยาศาสตร์ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 20 ใบงานท่ี 2 การลาเลยี งสารผา่ นเซลลใ์ นสง่ิ มีชีวิต คาช้แี จง : จงระบุประเภทของการสาเลยี งสารต่อไปนีใ้ หถ้ กู ตอ้ ง พรอ้ มให้เหตผุ ลประกอบ 1. ประเภทการลาเลยี ง..................................................... เหตุผลประกอบ ............................................................ ...................................................................................... ..................................................................................... ..................................................................................... N, P, K N, P, K ..................................................................................... ..................................................................................... ถุงลมปอด 2. ประเภทการลาเลยี ง..................................................... เหตผุ ลประกอบ ............................................................ CO2 ...................................................................................... O2 ..................................................................................... ..................................................................................... ..................................................................................... ..................................................................................... 3. ประเภทการลาเลียง........................................................ เหตุผลประกอบ ............................................................. ........................................................................................ ........................................................................................ ........................................................................................ ........................................................................................ ........................................................................................ โดย ครสู ดุ าภรณ์ สบื บุญเปยี่ ม กลุม่ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์
แบบฝึกทักษะ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 21 ผังมโนทศั น์ เรือ่ ง การลาเลียงสารผา่ นเซลล์ คาชีแ้ จง ใหน้ กั เรียนทาผังมโนทัศน์ ซึ่งมเี นอ้ื หาประกอบด้วยหลักการลาเลียง และประเภทของสารที่ ลาเลยี ง พร้อมยกตัวอยา่ งการลาเลยี งทเ่ี กิดขึ้นในสิ่งมชี ีวติ โดย ครสู ุดาภรณ์ สบื บุญเปี่ยม กลุ่มสาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์
แบบฝกึ ทกั ษะ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 22 แบบฝกึ ทกั ษะที่ 2.2 เรือ่ ง ความสัมพนั ธ์ของการลาเลยี งสาร คาชี้แจง ให้นักเรยี นเลือกคาทีก่ าหนดให้ แล้วนาไปเตมิ หน้าข้อความที่มีความสัมพนั ธก์ นั แอกทีฟทรานสปอร์ต พลงั งานจลน์ การแพร่ เวสเิ คลิ อะดโี นซีนไตรฟอสเฟต โปรตีนตัวพา พลงั งานศักย์ เยอื่ เลอื กผ่าน ภาวะสมดลุ ของการแพร่ เอนโดนไซโทซิส ดีออกซีไรโบนิวคลีอิก โปรตนี ตวั รับ ออสโมซสิ ฟอสโฟลพิ ิด การแพร่แบบฟาซลิ เิ ทต เอกโซไซโทซิส …………………………………. 1. สารขนาดใหญ่ทบี่ รรจุอยู่ในเวสเิ คิลจะเคล่ือนทีม่ ารวมกบั เยอ่ื ห้มุ เซลล์ เพือ่ ปล่อย สารออกนอกเซลล์ …………………………………. 2. การเคลอ่ื นท่ขี องอนภุ าคสารจากบรเิ วณทีม่ ีความเขม้ ข้นสงู ไปสู่บรเิ วณท่ีมคี วาม เข้มข้นต่า จนความเขม้ ข้นของสารทงั้ สองบริเวณเทา่ กัน …………………………………. 3. การลาเลียงแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์จากเซลล์เม็ดเลือดแดงส่ถู งุ ปอดเพ่ือกาจัด ออกจากร่างกย่ …………………………………. 4. คุณสมบัติของเยอ่ื หุ้มเซลล์ท่ีจะยอมให้สารบางชนิดสามารถผ่าน เข้า-ออก จากเซลล์ได้ …………………………………. 5. สารพลังงานสงู ของเซลล์ที่ชว่ ยผลักดันให้เกดิ การลาเลยี งสารจากบรเิ วณทมี่ ี เข้มข้นต่า ไปยังบรเิ วณทมี่ ีความเข้มข้นสงู …………………………………. 6. การทาลายเช้อื โรคเซลล์เมด็ เลอื ดขาว โดยการโอบลอ้ มเช้ือโรคเพอ่ื นาเขา้ มาย่อย สลายภายในเซลล์ …………………………………. 7. พลงั งานท่ที าใหอ้ นภุ าคสารเคลื่อนท่ีอยู่ตลอดเวลา ซงึ่ อนภุ าคสารจะเกดิ การชนกัน และกระจายไปยงั บริเวณอื่นๆ …………………………………. 8. การลาเลียงสารจากบรเิ วณท่ีมีเข้มขน้ ต่าไปยังบรเิ วณท่มี ีความเข้มข้นสูง ผา่ นชอ่ งโปรตีนตวั พา และอาศัยพลงั งานชว่ ยในการลาเลยี ง …………………………………. 9. บริเวณทอ่ี นภุ าคสารผา่ นเยื่อหมุ้ เซลล์ของการแพรแ่ บบฟาซลิ ิเทต และการลาเลยี งโดยใช้พลังงาน …………………………………. 10. ถุงบรรจสุ ารขนาดใหญ่ เช่น คาร์โบไฮเดรต โปรตีน เพอ่ื ใช้ในการ ลาเลียงสาร เข้า-ออกจากเซลล์ โดย ครูสดุ าภรณ์ สืบบุญเปี่ยม กลมุ่ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์
แบบฝกึ ทกั ษะ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ มธั ยมศึกษาปีที่ 4 23 วาดภาพ เรื่อง การลาดับขัน้ การลาเลยี งสารขนาดใหญ่ เข้า-ออก เซลล์ คาชแี้ จง ให้นักเรียนวาดภาพ ลาดบั ข้นั การลาเลียงสารขนาดใหญ่ เข้า-ออก เซลล์ พรอ้ มอธิบายตามขนั้ ตอนให้ ถูกตอ้ งง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… โดย ครสู ดุ าภรณ์ สืบบุญเปย่ี ม กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์
แบบฝกึ ทกั ษะ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 24 แบบทดสอบหลังเรยี น หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 2 คาชแี้ จง : ใหน้ กั เรียนเลือกคาตอบท่ีถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. ข้อใดไมใ่ ช่ความหมายของเซลล์ 7. ขอ้ ใดเป็นการลาเลียงสารแบบการแพรแ่ บบฟาซลิ เิ ทต 1. องคป์ ระกอบของสิง่ มชี วี ิต 1. การลาเลียงโพแทสเซียมไอออนเข้าเซลล์ 2. หน่วยพื้นฐานของสง่ิ มีชีวติ 2. การลาเลียงน้าตาลกลโู คสเขา้ สูเ่ ซลล์เมด็ เลอื ดแดง 3. หน่วยทเ่ี ลก็ ทสี่ ุดของสิ่งมชี วี ติ 3. การลาเลยี งแก๊สออกซิเจนจากถุงลมสู่เซลลเ์ มด็ เลือด 4. โครงสร้างขนาดเลก็ ของสงิ่ มชี ีวติ แดง 5. โครงสร้างขนาดเล็กท่สี ดุ ของสิง่ มีชวี ิต 4. การลาเลยี งฮอร์โมนอนิ ซูลนิ จากเซลลต์ ับออ่ นเขา้ 2. ออร์แกเนลล์ในใดไมพ่ บในเซลล์สตั ว์ กระแสเลือด 1. แวควิ โอล 2. เซนทริโอล 5. การลาเลยี งคารบ์ อนไดออกไซด์จากเซลล์เมด็ เลือด 3. คลอโรพลาสต์ 4. ไมโทคอนเดรยี แดงสู่ถุงลม 5. เอนโดพลาสมิกเรติคูลัม 8. ข้อใดกลา่ วไมถ่ ูกต้องเกีย่ วกับการลาเลยี งแบบแอก 3. โครงสรา้ งใดเปน็ องค์ประกอบหลักของเย่อื หมุ้ เซลล์ ทฟี ทรานสปอร์ต 1. ลิพดิ 2. โปรตนี 1. เกิดขน้ึ เฉพาะเซลล์ทยี่ ังมีชวี ติ 3. ไกลโคลลพิ ิด 4. คอเลสเตอรอล 2. ลาเลยี งสารผา่ นชนั้ ลพิ ดิ ของเย่ือห้มุ เซลล์ 5. ไกลโคลโปรตีน 3. มกั พบไมโทคอนเดรียจานวนมากในเซลล์ 4. ขอ้ ใดไมใ่ ช่คณุ สมบตั ิของเยอ่ื หุ้มเซลล์ 4. ตอ้ งอาศัยพลังงานจากการเผาผลาญสารพลงั งานสงู 1. สรา้ งความแขง็ แรงให้แกเ่ ซลล์ ในเซลล์ 2. ยอมให้สารบางชนดิ ผ่านเท่านั้น 5. การลาเลยี งสารจากบริเวณที่มคี วามเข้มขน้ ตา่ ไปสู่ 3. ควบคุมแรงดันและปรมิ าณสารภายในเซลล์ บริเวณท่ีมีความเขม้ ขน้ สงู 4. มีลพิ ิดเป็นส่วนประกอบหลกั เรียงตัวกนั 2 ชัน้ 9. ขอ้ ใดตอ่ ไปน้ีไม่สัมพันธก์ นั 5. ควบคมุ การผา่ นเขา้ -ออกของสารระหวา่ งเซลล์ 1. การกาจดั ของเสยี ของอะมีบาเป็นการลาเลียงสารแบบ 5. การสังเคราะหโ์ ปรตนี เพือ่ ลาเลียงออกนอกเซลล์ เอนโดไซโทซิส อาศัยการทางานของออรแ์ กเนลล์ใดบ้าง 2. การทาลายเชื้อโรคของเซลล์เมด็ เลอื ดขาวกบั การ 1. สงั เคราะห์โปรตีน ลาเลยี งแบบเอนโดไซโทซิส 2. สะสมสารภายในเซลล์ 3. การหลง่ั เอนไซม์เปปซินสู่กระเพาะอาหารเป็นการ 3. ขนสง่ สารออกนอกเซลล์ ลาเลยี งแบบเอกโซไซโทซิส 4. ควบคุมการผ่านเขา้ ออกของสาร 4. การลาเลยี งอนิ ซลู ินจากตบั ออ่ นสกู่ ระแสเลือดเปน็ การ 5. ถ่ายทอดลกั ษณะพนั ธุกรรมของส่ิงมชี วี ิต ลาเลยี งแบบเอกโซไซโทซสิ 6. ข้อใดตอ่ ไปน้ีกล่าวถงึ การแพรไ่ ด้ถกู ตอ้ ง 5. การลาเลียงสารเข้าส่เู ซลล์ของทอ่ หนว่ ยไตเปน็ การ 1. มอี ตั ราเรว็ กว่าการแพร่แบบฟาซลิ เิ ทต ลาเลยี งแบบเอนโซไซโทซสิ 2. การเคลื่อนทข่ี องอนุภาคสารผ่านโปรตนี บนเย่อื ห้มุ เซลล์ 3. ท่ีภาวะสมดลุ ของการแพร่จะยังมีการเคล่ือนท่ขี อง อนภุ าคสาร 4. อนภุ าคสารจะเคลอื่ นท่ไี ปทกุ ทิศทางแบบไมม่ ี ทิศทางท่ีแนน่ อน 5. การเคล่อื นท่ีของอนุภาคสารจากบรเิ วณทม่ี ีความ เข้มขน้ ตา่ ไปยังบรเิ วณท่มี ีความเข้มขน้ สงู โดย ครสู ุดาภรณ์ สืบบญุ เปี่ยม กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์
แบบฝึกทักษะ รายวิชาวิทยาศาสตร์ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 25 10. สง่ิ มชี วี ติ เซลล์เดียวชนดิ หนึง่ กินอาหารประเภทโปรตนี ใช้แก๊สออกซิเจนในการหายใจ และกาจดั ของเสียในรปู ของแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ สิ่งมีชีวิตเซลล์เดยี วนจี้ ะมี การลาเลยี งสารแต่ละชนิดอย่างไร (เรียงลาดับจากการ กนิ อาหาร การหายใจ การกาจดั ของเสยี ) 1. การลาเลียงสารขนาดใหญ่ การแพร่ การแพร่ 2. การแพร่ การแพร่แบบฟาซิลิเทต การลาเลยี งสาร ขนาดใหญ่ 3. การแพร่ การแพร่แบบฟาซิลิเทต การลาเลียงสาร ขนาดใหญ่ 4. การแพร่แบบฟาซิลเิ ทต การลาเลียงสารขนาดใหญ่ การแพร่ 5. การลาเลยี งสารโมเลกลุ ใหญ่ การแพร่ การลาเลียง สารแบบใชพ้ ลงั งาน โดย ครสู ดุ าภรณ์ สบื บุญเป่ียม กลุม่ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์
แบบฝึกทักษะ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 26 แบบทดสอบก่อนเรยี น หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 3 คาชแ้ี จง : ให้นักเรยี นเลือกคาตอบท่ีถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว 1. สว่ นประกอบใดของหน่วยไตทาหน้าท่ีกรองของเสีย 6. ข้อใดเป็นการป้องกันเชอื้ โรคและสิง่ แปลกปลอมทางกาย ออกจากเลือด วิภาค 1.ทอ่ รวม 2. ทอ่ หนว่ ยไต 1. การไอ จาม หรือขบั เสมหะ 3. โกลเมอรรู ัส 4. รนี ัลอาร์เตอรี 2. การหลง่ั เหง่ือของต่อมเหงื่อ 5. โบวแ์ มนส์แคปซลู 3. การยบั ยง้ั การเจรญิ ของจุลินทรยี ใ์ นนา้ ลาย 2. สารชนดิ ใดบ้างจะไมถ่ กู ดดู กลับเขา้ สู่หลอดเลือด 4. การปอ้ งกันเช้อื จุลนิ ทรีย์จากการหลั่งน้าตา 1. น้า 2. โปรตีน 5. การทาลายแบคทีเรียจากนา้ ยอ่ ยของกระเพาะอาหาร 3. กลโู คส 4. กรดอะมิโน 7. เซลลเ์ ม็ดเลอื ดขาวในขอ้ ใดมกี ารทาลายเช้อื โรคอย่างจาเพาะ 5. ไอออนของเกลือแร่ 1. เบโซฟิล 2. โมโนไซต์ 3. สมองสว่ นใดทาหน้าทีค่ วบคุมสมดุลนา้ และเกลือใน 3. ลมิ โฟไซต์ 4. นิวโทรฟลิ เลอื ด 5. อีโอซิโนฟลิ 1. พอนด์ 2. ซีรบี รมั 8. ข้อใดไม่ใชห่ นา้ ท่ขี องเซลลท์ ี 3. ซีรีเบลลมั 4. ไฮโพทาลามสั 1. ควบคมุ การทางานของเซลลบ์ ี 5. เมดัลลาออบลองกาตา 2. ทาลายแอนตเิ จนทเี่ ข้าสู่ร่างกาย 4. รา่ งกายลดความเปน็ กรดของกระแสเลอื ดอยา่ งไร 3. กระตนุ้ เซลล์บีให้สรา้ งแอนตบิ อดี 1. ขบั Na+ ออกจากเลอื ด ขดบัดู กHลCบั ON3-Hอ4อ+กเขจา้ าสกู่เเลลือือดด 4. พัฒนาเปน็ เซลลพ์ ลาสมาเพอื่ สร้างแอนติบอดี 2. 5. ควบคุมการทางานของเซลล์ทีทาลายสิง่ แปลกปลอม 3. 9. โรคเอดสเ์ กดิ จากการตดิ เชอื้ ประเภทใด 4. ลดการหายใจออกเพ่อื ขบั CO2 1. รา 2. ยีสต์ 5. ขบั สารท่ีมีสว่ นประกอบของ H+ ออกจากเลือด 3. ไวรสั 4. พยาธิ 5. เมอื่ อณุ หภมู ิร่างกายสงู กว่าปกติ ร่างกายมีการ 5. แบคทเี รีย ตอบสนองอยา่ งไร 10. ข้อใดมีโอกาสติดเช้ือ HIV น้อยท่ีสุด 1. เพม่ิ อัตราเมแทบอลิซึม 1. การมีเพศสัมพนั ธุ์ 2. ขนลกุ และเกดิ อาหารหนาวส้นั 2. การรบั บรจิ าคเลือด 3. ลดการขยายจัวของหลอดเลอื ด 3. การตดิ ตอ่ จากม่สู่ลกุ 4. ต่อมเหงื่อสรา้ งเหงอ่ื เพิม่ มากขึน้ 4. การใช้เข็มฉดี ยาร่วมกนั 5. ลดการระเหยและพาความรอ้ นออกจากรา่ งกาย 5. การรับประทานอาหารรว่ มโต๊ะกนั โดย ครสู ุดาภรณ์ สืบบุญเป่ียม กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์
แบบฝกึ ทักษะ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 27 ใบงานท่ี 3.1 เรอื่ ง ส่วนประกอบและการทางานของหนว่ ยไต คาชแ้ี จง : จงระบุโครงสรา้ งของหน่วยไตตอ่ ไปนี้ และอธบิ ายข้นั ตอนการกรองของเสยี ออกจากหนว่ ยไต 1. โครงสร้าง...................................................................... 2 ลกั ษณะสาคัญ............................................................... 1 ...................................................................................... ..................................................................................... 2. โครงสรา้ ง...................................................................... ลักษณะสาคญั ............................................................... ...................................................................................... 3 ..................................................................................... 3. โครงสรา้ ง...................................................................... ลกั ษณะสาคญั ............................................................... 4 ...................................................................................... ..................................................................................... 4. โครงสร้าง...................................................................... ลักษณะสาคญั ............................................................... ...................................................................................... ..................................................................................... 5. การกรองของเสียที่หน่วยไต.................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... โดย ครสู ุดาภรณ์ สืบบุญเป่ยี ม กล่มุ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์
แบบฝึกทกั ษะ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 28 แบบฝึกทักษะท่ี 1.1 เรื่อง การรักษาดุลยภาพของรา่ งกาย คาชแี้ จง : ให้นกั เรยี นเลือกคาตอบทก่ี าหนดให้ในแตล่ ะข้อเตมิ ลงในชอ่ งว่างใหถ้ ูกตอ้ ง 1. ปริมาตรและความเขม้ ขน้ ของเลอื ดลดลง/ ปรืมาตรของเลือดลดลง/ ความเข้มขน้ ของเลือดลดลง/ ปริมาตร และความเข้มข้นของเลือดเพ่ิมข้ึน 2. แรงดันออสโมตกิ ของเลือดลดลง/ แรงดันออสโมตกิ ของเลอื ดสูงขึ้น/ แรงดนั ออสโมตกิ ของเลอื ดคงที่ 3. กระตุ้น/ ยบั ย้ัง 4. ตอ่ มใต้สมองส่วนหนา้ / ต่อมใต้สมองสว่ นกลาง/ ต่อมใตส้ มองสว่ นหลัง 5. หล่ัง/ ไม่หลัง่ 6. โฮรโ์ มนแอลโดสเทอโรน/ โฮรโ์ มนโพรแลคตนิ / โฮร์โมนแอนติไดยูเรติก 7. กระตุ้น/ ยบั ยงั้ 8. การดูดกลบั น้าลดลง/ การดูดกลบั น้าเพ่ิมข้นึ / การดดู กลบั นา้ เพิ่มข้ึน แต่ลดการดูดกลับกลโู คส 9. ปริมาตรและความเข้มข้นของเลอื ดลดลง/ ปรมิ าตรของเลอื ดเพิม่ ข้ึน ความเขม้ ข้นของเลอื ดลดลง/ ปริมาตร และความเข้มข้นของเลือดเพิม่ ข้ึน 10. แรงดันออสโมตกิ ของเลอื ดลดลง/ แรงดันออสโมติกของเลอื ดสงู ข้นึ / แรงดนั ออสโมตกิ ของเลือดคงท่ี เมื่อมีน้าในเลือดน้อย การขบั ถา่ ยปัสสาวะลดลง 1. ………………………………………….. 10. …………………………………………. ………………………………………….. ………………………………………….. 2. ………………………………………….. 9. ………………………………………….. ………………………………………….. ………………………………………….. 3…………… 8. ………………………………………….. ………… 7. …………………………… 4. ………………………………………….. ………………………………………….. 5. ……………………………… 6. ………………………………………….. โดย ครูสุดาภรณ์ สืบบญุ เปี่ยม กลุ่มสาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์
แบบฝึกทักษะ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ มัธยมศึกษาปีท่ี 4 29 แบบฝึกทกั ษะที่ 1.2 เรอ่ื ง การรกั ษาดลุ ยภาพของรา่ งกาย คาช้แี จง ให้นกั เรยี นนาคาศัพทท์ ่ีกาหนดให้เตมิ หน้าข้อความทม่ี คี วามสัมพนั ธก์ นั ก. กลโู คส ข. โกลเมอรูลัส ค. ไฮโดรเจนคาร์บอเนตไอออน จ. ไฮโพทาลามสั ง. ท่อหน่วยไต ไอออน ฉ. โบวแ์ มนส์แคปซลู ช. ทอ่ รวม ซ. ฮอรโ์ มนแอนตไิ ดยูเรติก ฌ. ต่อมเหงอื่ ฎ. ต่อมใต้สมองส่วนหลงั ฏ. แอมโมเนยี มไอออน ฐ. เมดัลลาออบลองกาตา ฑ. ตอ่ มใตส้ มองสว่ นหน้า ฒ. ฮอร์โมนแอนโดสเทอโรน ณ. ยูเรยี …………………….. 1. สารท่ีร่างกายดูดกลบั เขา้ กระแสเลอื ดเพ่ือลดความเป็นกรดของเลอื ด …………………….. 2. ทาหน้าท่ีควบคุมสมดุลนา้ และอุณหภูมิในรา่ งกาย …………………….. 3. ทาหนา้ ที่ดดู กลับสารท่มี ีประโยชน์ เชน่ กลโู คส กรดอะมโิ น เข้าสู่กระแสเลือด …………………….. 4. สารทีป่ นออกมาพรอ้ มกบั นา้ ปัสสาวะ …………………….. 5. กลมุ่ เส้นเลือดฝอยท่ีทาหน้าท่กี รองน้าเลือดเขา้ สู่โบวแ์ มนสแ์ คปซลู …………………….. 6. สารทีร่ ่างกายดูดกลบั เข้ากระแสเลอื ดเพอ่ื ลดความเปน็ เบสของเลือด …………………….. 7. ทาหนา้ ที่ห่อหุ้มกล่มุ เส้นเลอื ดฝอยของหนว่ ยไต …………………….. 8. ทาหนา้ ท่ีหลั่งฮอรโ์ มนแอนตไิ ดยูเรติก เพ่ือกระตนุ้ การดูดกลบั น้าที่ทอ่ หน่วยไต …………………….. 9. บริเวณท่รี วมของเหลวท่ีมีลักษณะคล้ายปัสสาวะจากการทางานของหน่วยไต …………………….. 10. สารท่ีทอ่ หนว่ ยไตดูดกลบั เพือ่ นากลบั มาใชป้ ระโยชน์ โดย ครสู ุดาภรณ์ สบื บญุ เป่ยี ม กล่มุ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์
แบบฝึกทกั ษะ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 30 แบบฝึกทกั ษะที่ 1.1 เรื่อง การรักษาดลุ ยภาพอณุ หภูมิในร่างกาย คาชแ้ี จง ใหน้ ักเรยี นเปรียบเทียบกลไกการรกั ษาดลุ ยภาพของอุณหภมู ิในรา่ งกายตอ่ ไปนี้ โครงสรา้ งของร่างกาย อณุ หภมู ภิ ายนอกสงู กวา่ อณุ หภูมิ อณุ หภมู ิภายนอกตา่ กวา่ อณุ หภมู ิ 1. ต่อมเหงอ่ื ภายในร่างกาย ภายในร่างกาย ....................................................... ....................................................... ....................................................... ....................................................... 2. หลอดเลอื ดฝอยท่ีผวิ หนัง ....................................................... ....................................................... ....................................................... ....................................................... 3. กลา้ มเนอ้ื โครงร่าง ....................................................... ....................................................... ....................................................... ....................................................... 4. รขู มุ ขน ....................................................... ....................................................... ....................................................... ....................................................... 5. อัตราเมแทบอลซิ มึ ....................................................... ....................................................... ....................................................... ....................................................... โดย ครสู ุดาภรณ์ สืบบญุ เปยี่ ม กล่มุ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์
แบบฝึกทกั ษะ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 31 แบบฝกึ ทักษะท่ี 1.2 เรอ่ื ง การรกั ษาดลุ ยภาพของอณุ หภมู ใิ นร่างกาย คาชแ้ี จง ใหน้ ักเรียนเขียนเครอื่ งหมาย หนา้ ขอ้ ความท่ถี ูกตอ้ ง และเขยี นเครอื่ งหมาย × หนา้ ข้อความ ท่ีไม่ถกู ต้อง พรอ้ มทั้งแกไ้ ขข้อความนั้นใหถ้ ูกต้อง ………. 1. การหายใจออกเปน็ กลไกในการรักษาดลุ ยภาพของกรด-เบสในรา่ งกายประเภทหน่ึง ……………………………………………………………………………………………………………………… ………. 2. ปรมิ าณ CO2 จากกระบวนการเมแทบอลซิ มึ ของร่างกาย มีผลต่อปริมาณ H+ ในเลือด ……………………………………………………………………………………………………………………… ………. 3. เม่ือเลือดมี pH ต่า หน่วยไตจะดดู กลับ NH4+ เข้าสเู่ ลือด และขบั HCO3- ออกจากเลอื ด ……………………………………………………………………………………………………………………… ………. 4. ปอดและไตเปน็ อวยั วะสาคัญในการรกั ษาดุลยภาพของกรด-เบสของร่างกาย ……………………………………………………………………………………………………………………… ………. 5. ศนู ยก์ ลางควบคมุ ดลุ ยภาพของอุณหภูมิในร่างกายอยู่ที่สมองสว่ นเซรีเบลลัม ……………………………………………………………………………………………………………………… ………. 6. ต่อมหงอ่ื ที่ทาหน้าท่ีหลั่งเหงื่อเพ่อื พาความร้อนออกจากรา่ งกายพบอยู่ในชั้นหนงั กาพร้า ……………………………………………………………………………………………………………………… ………. 7. โครงสรา้ งทชี่ ว่ ยรักษาดลุ ยภาพของอณุ หภูมใิ นรา่ งกาย ประกอบด้วยระบบหมุนเวียนเลือด ผวิ หนัง และกล้ามเนื้อโครงร่าง ……………………………………………………………………………………………………………………… ………. 8. หากอณุ หภูมิในรา่ งกายสูงกวา่ ภายนอกร่างกาย ร่างกายจะมอี ัตราเมแทบอลซิ ึมต่างๆ เพ่ิมขึ้น เพอื่ พา ความร้อนออกจากรา่ งกาย ……………………………………………………………………………………………………………………… ………. 9. เม่อื ภายนอกมอี ุณหภูมิตา่ กวา่ ภายในร่างกาย รา่ งกายจะตอบสนองโดยการขยายตัวของหลอดเลือด ต่อมเหงื่อสร้างเหงอื่ ลดลง และเกดิ อาการหนาวส่นั ……………………………………………………………………………………………………………………… ………. 10. สงิ่ มชี วี ิตกลุ่มสตั วเ์ ล้อื ยคลานและสัตว์สะเทินน้าสะเทนิ บก จัดอยู่ในกลุ่มสัตวเ์ ลือดอุ่น ท่ีสามารถ รกั ษาอณุ หภมู ขิ องร่างกายให้คงทไ่ี ด้ ……………………………………………………………………………………………………………………… โดย ครูสุดาภรณ์ สืบบุญเปี่ยม กล่มุ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์
แบบฝกึ ทกั ษะ รายวิชาวิทยาศาสตร์ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 32 ใบงาน เร่อื ง เซลลเ์ มด็ เลอื ดขาวกลมุ่ ฟาโกไซต์ คาชี้แจง : จงระบุชนิด และอธบิ ายลักษณะสาคญั ของเซลลเ์ มด็ เลือดขาวกลุ่มฟาโกไซต์แตล่ ะชนดิ พรอ้ ม อธิบายกลไกการทางานในการทาลายเชอื้ โรคและสิง่ แปลกปลอม 1. เซลล์เมด็ เลอื ดขาวชนดิ ..................................................................................... ลักษณะสาคญั ................................................................................................... ........................................................................................................................... ........................................................................................................................... 2. เซลลเ์ มด็ เลอื ดขาวชนดิ ..................................................................................... ลักษณะสาคัญ................................................................................................... ........................................................................................................................... ........................................................................................................................... 3. เซลลเ์ มด็ เลือดขาวชนดิ ..................................................................................... ลกั ษณะสาคญั ................................................................................................... ........................................................................................................................... ........................................................................................................................... 4. เซลลเ์ มด็ เลือดขาวชนดิ ..................................................................................... ลกั ษณะสาคัญ................................................................................................... ........................................................................................................................... ........................................................................................................................... 5. การทางานของเซลล์เมด็ เลือดขาวกลุ่มฟาโกไซต์ ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... โดย ครูสุดาภรณ์ สบื บญุ เป่ยี ม กลุ่มสาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์
แบบฝึกทกั ษะ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 33 ใบงาน เรอ่ื ง การทางานของเซลล์บแี ละเซลล์ที คาชแ้ี จง : จงอธิบายหนา้ ที่ และการทางานของเซลล์เม็ดเลอื ดขาวลิมโฟไซตช์ นดิ เซลลบ์ แี ละเซลลท์ ีให้ ถกู ต้อง 1. เซลล์เม็ดเลอื ดขาวลมิ โฟไซตช์ นิดเซลลบ์ ี 2. เซลลเ์ มด็ เลือดขาวลิมโฟไซตช์ นิดเซลล์ที .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. .................................................................................. 3. การทางานของเซลลเ์ ม็ดเลือดขาวลิมโฟไซต์ชนิดเซลล์บแี ละเซลลท์ ี ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... โดย ครสู ุดาภรณ์ สบื บญุ เปี่ยม กลุม่ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์
แบบฝึกทกั ษะ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 34 แผนผงั เรอื่ ง เซลลเ์ ม็ดเลือดขาว คาชีแ้ จง : ให้นักเรยี นจัดทาแผนผังความคดิ เกี่ยวกบั เซลล์เม็ดเลอื ดขาวตามองค์ประกอบทีก่ าหนดให้ 1. ประเภทของเซลล์เม็ดเลอื ดขาว 2. ลกั ษณะของเซลลเ์ ม็ดเลอื ดขาว 3. หน้าท่แี ละการทางานของเซลล์เมด็ เลอื ดขาว 4. ความผิดปกตขิ องเซลลเ์ มด็ เลือดขาว โดย ครูสุดาภรณ์ สบื บุญเปย่ี ม กลุ่มสาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์
แบบฝึกทักษะ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 35 แบบฝึกทักษะ เร่ือง ภูมคิ ุ้มกนั คาชแี้ จง ให้นกั เรียนนาคาศัพท์ทก่ี าหนดให้เติมหนา้ ข้อความท่ีกาหนดให้ 1. ซีเลีย 2. เฮปาริน 3. เซลล์ที 4. เซลล์ทผี ชู้ ่วย 5. แอนตบิ อดี 6. ไลโซไซม์ 7. โมโนไซม์ 8. เซลล์บี 9. เซลล์ทีกดภูมคิ ุ้มกนั 10. แมคโครฟาจ 11. ฟาโกไซโทซิส 12. เบโซฟลิ 13. เซลล์เมมอรี 14. แอนติเจน 15. อะไมเลส 16. ฮสี ตามีน 17. อีโอซโิ นฟลิ 18. เซลล์พลาสมา 19. ฟโิ นไซโทซสิ 20. เซลลท์ ี …………………………. 1. สารเคมีทถ่ี กู หล่ังจากเซลล์เม็ดเลือดขาวชนดิ เบโซฟิล มีผลทาให้เกดิ การอกั เสบบริเวณ แผล …………………………. 2. ขนขนาดเล็กบริเวณเย่อื ผิว ทาหน้าท่ีพดั โบกสงิ่ แปลกปลอมให้เคล่อื นที่ไปสู่หลอดลม หรอื กระเพาะอาหาร …………………………. 3. เซลลท์ ีทาหน้าทจี่ ดจาชนิดแอนติเจนที่เคยเข้าสูร่ า่ งกาย …………………………. 4. เซลล์ที่กระตนุ้ เซลล์บใี ห้สรา้ งแอนตบิ อดีเข้าทาลายออกซิเจนท่ีเข้าส้รู ่างกายอย่าง จาเพาะ …………………………. 5. เอนไซมท์ ี่พบในน้าลาย มฤี ทธ์ิเป็นด่าง ช่วยยับย้ังการเจริญของเชอื้ จุลนิ ทรยี ์บางชนดิ …………………………. 6. เชอ้ื โรคและส่งิ แปลกปลอมตา่ งๆ ทีเ่ ขา้ สู่รา่ งกาย เชน่ ไวรสั แบคทีเรยี น เกสรดอกไม้ ละอองสารเคมี …………………………. 7. เซลล์เม็ดเลอื ดขาวทม่ี ีขนาดใหญ่ท่ีสุด มีนวิ เคลียสรูปเกอื กมา้ ทาหนา้ ทที่ าลายเชอื้ โรค และสิง่ แปลกปลอมดว้ ยวิธฟี าโกไซโทซสิ …………………………. 8. เซลลท์ ี่ควบคมุ การทางานของเซลล์บี เซลล์ทีผชู้ ่วย และเซลลท์ ที าลายส่งิ แปลกปลอม …………………………. 9. การทางานของเม็ดเลือดขาว โดยการโอบลอ้ มและกนิ เชื้อโรคและสง่ิ แปลกปลอมท่ีเขา้ สรู่ า่ งกาย …………………………. 10. เซลล์เม็ดเลอื ดขาวท่ีสามารถแบ่งเซลล์และพัฒนาเป็นเซลล์พลาสมาเพือ่ สรา้ ง แอนตเิ จน และพฒั นาเป็นเซลล์เมมอรีเพือ่ จดจาเชอ้ื โรค โดย ครูสดุ าภรณ์ สืบบุญเป่ยี ม กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์
แบบฝึกทักษะ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 36 ใบงาน เรื่อง โรคภมู คิ มุ้ กันบกพร่อง คาช้แี จง : จงระบุสาเหตขุ องโรค อาการของโรค การติดตอ่ สู่ผู้อ่นื และแนวทางปอ้ งกนั ของโรคภูมิคมุ้ กนั บกพรอ่ ง 1. สาเหตุของโรค ............................................................................................................................................. ...................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... 2. อาการของโรค ........................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... 3. การติดตอ่ สผู่ อู้ น่ื ......................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... 4. แนวทางป้องกนั โรค.................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... โดย ครูสุดาภรณ์ สบื บุญเปย่ี ม กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์
แบบฝกึ ทกั ษะ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 37 แบบทดสอบหลังเรยี น หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 3 คาช้แี จง : ให้นกั เรยี นเลือกคาตอบท่ีถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. ส่วนประกอบใดของหน่วยไตทาหน้าท่ดี กู กลบั สารท่มี ี 7. เซลลเ์ ม็ดเลือดขาวชนิดใดมีการทาลายเชือ้ โรคและสิง่ ประโยชน์เข้าสกู่ ระแสเลือด แปลกปลอมต่างจากขอ้ อนื่ 1. ทอ่ รวม 2. ทอ่ หนว่ ยไต 1. เบโซฟลิ 2. โมโนไซต์ 3. โกลเมอรูรสั 4. รีนัลอาร์เตอรี 3. ลมิ โฟไซต์ 4. นวิ โทรฟิล 5. โบว์แมนส์แคปซูล 5. อีโอซโิ นฟิล 2. สารชนิดใดไม่สามารถกรองผ่านโกลเมอรลู สั ได้ 8. ขอ้ ใดกล่าวถึงหนา้ ทีข่ องเซลลเ์ มด็ เลอื ดขาวลมิ โฟไซตไ์ ด้ 1. น้า 2. โปรตีน ถกู ต้อง 3. เกลือแร่ 4. กรดอะมโิ น 1. เซลลบ์ ี : ควบคุมการทางานของเซลล์ที 5. นา้ ตาลกลูโคส 2. เซลล์ทีผู้ชว่ ย : สร้างแอนตบิ อดที าลายแอนตเิ จน 3. ฮอร์โมนชนิดใดทาหน้าท่กี ระตุ้น/ยับยั้งการดูดกลบั น้าที่ท่อ 3. เซลลท์ ีผู้ชว่ ย : พฒั นาเป็นเซลลเ์ มมอรที ีจ่ ดจาเชื้อโรค หน่วยไต 4. เซลล์บี : พัฒนาเป็นเซลลพ์ ลาสมาเพอ่ื สรา้ งแอนตเิ จน 1. อนิ ซูลิน 2. อสี โทรเจน 5. เซลล์ทที าลายสงิ่ แปลกปลอม : กระตุ้นเซลลบ์ ใี หส้ รา้ ง 3. เอนโดรฟนี 4. แอนติไดยูเรติก แอนติบอดี 5. เทสโทสเทอโรน 9. เซลลเ์ ปา้ หมายของเช้อื ไวรัส HIV คอื เซลล์ใด 4. หากในเลอื ดมคี ่า pH สูง รา่ งกายจะมกี ลไกตอบสนองอย่างไร 1. เซลลบ์ ี 2. เซลลท์ ี 1. ขบั H+ ออกจากเลือด 3. เซลล์ประสาท 4. เซลล์เมด็ เลอื ดขาว 2. ขบั Na+ ออกจากเลอื ด 5. เซลลเ์ มด็ เลอื ดขาว 3. หายใจออกเพือ่ ขับ CO2 10. ขอ้ ใดไมจ่ ัดเปน็ วิธีการปอ้ งกนั การตดิ เชื้อ HIV 4. ขบั NH4+ ออกจากเลือด 1. หลกี เลย่ี งพฤตกิ รรมสาสอ่ นทางเพศ 5. ดูดกลับ HCO3- เข้าส่เู ลอื ด 2. หลกี เลย่ี งการใชเ้ ข็มฉีดยาร่วมกบั ผอู้ ่นื 5. เมือ่ อณุ หภูมริ ่างกายต่ากว่าปกติ รา่ งกายมีการตอบสนอง 3. หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารคดั หลง่ั ของผอู้ น่ื อยา่ งไร 4. หลกี เลย่ี งการตรวจเลือดทาการก่อนสมรส 1. ลดอัตราเมแทบอลซิ มึ 5. หลีกเลยี่ งการใช้สง่ิ ของส่วนตวั รว่ มกับผู้อน่ื 2. ขนลกุ และเกดิ อาหารหนาวสัน้ 3. เพม่ิ การขยายจัวของหลอดเลือด 4. ต่อมเหงื่อสร้างเหง่อื น้อยลงหรือไม่สรา้ งเลย 5. เพม่ิ การระเหยและพาความร้อนออกจากร่างกาย 6. สารในขอ้ ใดไมจ่ ดั เปน็ การป้องกันโดยสารเคมใี นร่างกาย 1. เคราติน 2. กรดไขมัน 3. กรดแลคติก 4. กรดไฮโดรคลอริก 5. เอนไซม์ไลโซไซม์ โดย ครูสุดาภรณ์ สืบบุญเป่ียม กล่มุ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์
Search
Read the Text Version
- 1 - 37
Pages: