Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ประวัติตำบลพลูตาหลวง ข้อมูลพื้นฐาน กศน.ตำบลพลูตาหลวง

ประวัติตำบลพลูตาหลวง ข้อมูลพื้นฐาน กศน.ตำบลพลูตาหลวง

Published by สุภาภรณ์ นวมมา, 2019-08-08 09:44:18

Description: ประวัติตำบลพลูตาหลวง ข้อมูลพื้นฐาน กศน.ตำบลพลูตาหลวง

Search

Read the Text Version

ประวตั ติ ำบลพลตู ำหลวง ข้อมลู พื้นฐำน กศน.พลตู ำหลวง ศูนยก์ ำรศึกษำนอกระบบและกำรศกึ ษำ ตำมอธั ยำศัยอำเภอสตั หบี สำนกั งำน กศน.จงั หวัดชลบุรี

ขอ้ มลู ทั่วไปกศน.ตำบล…พลตู ำหลวง……… ประวัติควำมเปน็ มำ ประวตั ิของตำบลพลูตำหลวงเดมิ ในหุบเขำตำหลวงมีคนอำศัยอยู่ 2 กล่มุ ไดแ้ ก่ \" ชมุ นุม ตำหลวง \" และ \" ชุมนุมตำวง \" โดย \" ตำหลวง \" เป็นเศรษฐีมีลูกสำวสวย เปน็ ที่หมำยปองของโจร สลัดตำหลวงจงึ ไดพ้ ำลูกสำวหนมี ำหลบซ่อนอยู่ท่ีหลังเขำกลำงป่ำเพ่ือมใิ ห้โจรมำจับตวั ไป ตอ่ มำเหล่ำ บรรดำโจรทรำบเรอ่ื งและไดป้ ลน้ ฆำ่ \" ตำหลวง \" จนถงึ แกค่ วำมตำย ชมุ นุมตำหลวงได้แตกกระจดั กระจำยกันออกหำท่ีอำศัยใหมจ่ นหมดสน้ิ เมอื่ เวลำผ่ำนมำทด่ี นิ ที่ \" ตำหลวง \" เคยอำศยั มำก่อนพืชผล ต่ำงๆเจรญิ งอกงำมดีจนชำวบำ้ นในยุคต่อๆมำมกั จะเข้ำป่ำไปเกบ็ ของป่ำรวมถึง \" พลู \" พชื ทส่ี มบรู ณ์ เมื่อคนเดินป่ำเก็บพืชพรรณมักมคี ำถำมวำ่ \" นำพลมู ำจำกที่ใด \"ก็จะตอบวำ่ \" พลูตำหลวง \" ซ่งึ เป็น คำพดู ติดปำกของชำวบ้ำนมำจนถงึ ทกุ วันน้ีจนเปน็ ช่ือเรียกชมุ ชนในท่สี ุด คำขวัญตำบลพลูตำหลวง สับปะรดโอทอ๊ ป สนำมกอล์ฟลอื ชื่อ นำมระบอื สิริกติ ์ิ เรยี งชิดภเู ขำสวย อุดมดว้ ยสมนุ ไพร ศนู ยร์ วมใจหลวงพอ่ เพชร กศน.ตำบลพลตู ำหลวง มีบทบำทหน้ำที่ในกำรจดั กำรศึกษำนอกโรงเรียนสำยสำมญั ใน หลักสตู รกำรศึกษำขน้ั พน้ื ฐำน 2551พ.ศ. จดั กำรเรยี นกำรสอนผู้ไม่รู้ หนังสือ เพ่อื ให้อกเขียนได้ กำรศกึ ษำในระดบั ประถมศึกษำระดบั มธั ยมศกึ ษำตอนตน้ และระดบั มธั ยมศึกษำตอนปลำย กำรศึกษำต่อเน่ืองกำรศกึ ษำเพ่ือกำรมีงำนทำ กำรศึกษำเพ่อื พฒั นำทักษะชีวิต กำรศกึ ษำเพื่อพฒั นำ สงั คมและชมุ ชน และกำรศึกษำตำมอธั ยำศัย โดยจัดให้มีบำ้ นหนังสืออจั ฉริยะในชมุ ชน กศน.ตำบล มี วัตถุประสงค์เพ่ือจัดกำรเรียนรู้ ที่หลำกหลำยตำมควำมต้องกำรของผู้เรียนเป็นแหลง่ เรียนรู้ ตลอดชีวิต อย่ำงสำหรับผ้สู นใจและประชำชนในชมุ ชนเข้ำถึงและเท่ำเทียมกัน

ขนำดพ้นื ที่ ท่ีตงั้ อำณำเขตตดิ ตอ่ พืน้ ทีโ่ ดยรวมประมำณ 54,046 ตำรำงกโิ ลเมตร หรือประมำณ 33,903 ไร่ ทศิ ตะวันตกตดิ กับ ตำบลสัตหบี ทำงทศิ เหนอื ตดิ กบั ตำบลบำงเสร่และนำจอมเทียน ทิศตะวันออกติดอำเภอบำ้ นฉำง จงั หวดั ระยอง ทิศใต้ตดิ กบั เขตทหำรและทะเล โดยห่ำงจงั หวดั ชลบรุ ีระยะทำงประมำณ 90 กโิ ลเมตร และจะห่ำงจำกอำเภอสตั หีบไปตำมถนนสุขุมวทิ ระยะทำงประมำณ 10 กโิ ลเมตร. ( สำมำรถดแู ผนท่ี ประกอบ ) อำณำเขตตำบล ทศิ เหนอื ติดกบั ตำบลบำงเสร่ อำเภอสัตหบี จังหวดั ชลบุรี ทศิ ใต้ ตดิ กับ เขตทหำร ทิศตะวนั ออก ติดกบั อำเภอบำ้ นฉำง จงั หวดั ระยอง ทศิ ตะวันตก ติดกบั ตำบลสตั หบี อำเภอสัตหบี จงั หวดั ชลบรุ ี ลักษณะภูมิประเทศ ลกั ษณะภูมปิ ระเทศโดยทัว่ ไปของตำบลพลูตำหลวงเปน็ ภูเขำสูงตำ่ สลับซบั ซอ้ นลอ้ มรอบ ทำ ให้พื้นท่รี ำบลุม่ สลบั กันไป ทำงทศิ ใตม้ พี ้นื ทีต่ ดิ ทะเล ซึง่ เปน็ เขตทหำรและมีถนนเชือ่ ตอ่ ระหว่ำงจังหวัด ชำยทะเลและภำคตะวันออก ถึงกรุงเทพมหำนคร และภมู ิภำคอื่นได้อยำ่ งสะดวกรวมท้ังใกล้สนำมบนิ นำนำชำตอิ ่ตู ะเภำ ประกอบกบั อยใู่ กลเ้ ขตนคิ ม จำนวนประชำกร จำนวนประชำกรในพนื้ ทต่ี ำบลพลตู ำหลวง แยกเป็นชำย 17,866 คน เปน็ หญิง 16,363คน รวมทงั้ สิ้น 34.229 คน ทรพั ยำกร โดยส่วนใหญพ่ ื้นท่ีในตำบลพลตู ำหลวงเป็นภูเขำมำก จึงมีพ้ืนท่ีปำ่ ไมอ้ ุดมสมบูรณแ์ ละมีแหลง่ ทรำย ลกู รัง หิน สำหรบั ใช้ในกำรก่อสร้ำง ปจั จบุ ันทำงองคก์ ำรบรหิ ำรสว่ นตำบลพลตู ำหลวง ประกำศ ห้ำมมิให้มกี ำรนำทรพั ยำกรดังกล่ำวไปใช้

กำรประกอบอำชพี ประชำกรส่วนใหญ่ในตำบลพลตู ำหลวงประกอบอำชีพรบั รำชกำรซ่ึงมำกถึงร้อยละ 40 ของ ประชำกรท้ังหมดและรอ้ ยละ 15 ประกอบอำชพี รอ้ ยละ 15 ประกอบอำชีพแรงงำนและร้อยละ 30 ประกอบอำชีพเกษตรกรรม โดยภำพรว่ มแล้วประชำกรตำบลพลตู ำหลวงจดั อย่ใู นกลมุ่ ผูม้ ีรำยไดน้ ้อย รำยไดไ้ มพ่ อใชจ้ ่ำยในชีวติ ประจำวัน ค่ำครองชีพสงู ดงั น้นั เพ่ือเป็นกำรต่อรองในด้ำนธรุ กจิ กำรตลำด และพัฒนำฝมี อื ในกำรประกอบอำชีพตำ่ งๆ กำรประกอบอำชพี เสรมิ กำรสรำ้ งทุนทำงสังคมโดยวธิ ี ประชำคม ซึ่งส่งผลให้ประชำกรมีรำยไดเ้ พ่ือเลยี้ งครอบครวั สูงขึ้นอตุ สำหกรรม จึงมีชุมชนและบ้ำน จดั สรรเกดิ ขึ้นเปน็ จำนวนมำก สภำพทำงสังคม 1. กศน.ตำบลจำนวน 1 แห่ง คือกศน.ตำบลพลูตำหลวง ตง้ั อยเู่ ลขท่ี 100/229 หมู่2 ตำบล พลูตำหลวง อำเภอสัตหีบ จังหวดั ชลบรุ ี 2. โรงเรยี นของรัฐจำนวน 3 แห่งไดแ้ ก่ 1) โรงเรยี นพลตู ำหลวงวิทยำ : ตำบลพลตู ำหลวง อำเภอสตั หีบ จังหวดั ชลบรุ ี 2) โรงเรียนบ้ำนขลอด : ตำบลพลตู ำหลวง อำเภอสัตหีบ จงั หวดั ชลบรุ ี 3) โรงเรยี นวัดเขำบำยศรี : ตำบลพลตู ำหลวง อำเภอสตั หีบ จังหวดั ชลบุรี 3. วัดจำนวน 3 แหง่ ตง้ั อยู่ตำบลพลตู ำหลวง 4. องคก์ ำรบรหิ ำรส่วนตำบล 1 แหง่ 5. โรงงำน จำนวน 3 แห่ง 6. ถ้ำรถโดยสำรประจำทำง จำนวน 3 แหง่ 7. แหลง่ ให้ควำมรู้ปรำชญ์ชำวบำ้ น จำนวน 3 แหง่ ตงั้ อยู่ตำบลพลูตำหลวง 8. สถำนพยำบำล จำนวน 1 แหง่ คอื โรงพยำบำลส่งเสรมิ สขุ ภำพตำบลพลตู ำหลวง 10. กองดบั เพลิงประจำตำบล จำนวน 1 แหง่ 11. โรงพยำบำล จำนวน 2 แห่ง คอื โรงพยำบำล กม.10 และโรงพยำบำลสมเดจ็ พระนำงเจ้ำ สิริกิต 12. สนำมกอรฟ์ จำนวน 1 แห่ง 13.กำรโทรคมนำคม มโี ทรศัพท์เข้ำถงึ หม่บู ้ำนมหี อกระจำยขำ่ ว/เสยี งตำมสำยทกุ หมู่บ้ำน 14. กำรไฟฟ้ำ 1) มีไฟฟำ้ เขำ้ ถึงทกุ หมู่บ้ำน ประชำกรทุกครวั เรอื นมีไฟฟ้ำใช้ทกุ หลัง 2) ไฟฟ้ำสำธำรณะยงั มไี มเ่ พยี งพอกบั เขตพน้ื ท่ี

สภำพทำงสงั คม-ประชำกร แบง่ เขตกำรปกครอง เปน็ 8 หมบู่ ำ้ น ประกอบด้วยหมู่บ้ำน หมู่1 บ้ำนพลตู ำหลวง , หมู่2 บำ้ นขลอด หมู่3 บ้ำนคลองไผ่ หมู่4 บำ้ นคลองพลตู ำหลวง หมู่5 บำ้ นเขำบำยศรี หมู่6 บำ้ นเขำตะแบก หมู่7 บ้ำนหนองหญำ้ นอ้ ย หมู่8 บ้ำนหนองหญ้ำ ศำสนำ ตำบลพลตู ำหลวง มกี ำรนับถือศำสนำแยกตำมชมุ ชน/หม่บู ้ำนดงั น้ี 2.3.1ศำสนำพทุ ธ คิดเปน็ รอ้ ยละ74 2.3.2ศำสนำอิสลำม คิดเป็นรอ้ ยละ25.9 2.3.3ศำสนำอ่ืนๆคิดเป็นรอ้ ยละ0.10 ประชำกรแฝง ตำบลพลตู ำหลวง มีประชำกรแฝง แรงงำนยำ้ ยถิน่ ฐำนประมำณ 600-800 คน 2. สภำพทำงเศรษฐกิจ ประชำกรสว่ นใหญ่ในตำบลพลูตำหลวงประกอบอำชีพรับรำชกำรซ่งึ มำกถึงรอ้ ยละ 40 ของ ประชำกรทั้งหมด และรอ้ ยละ 15 ประกอบธุรกิจส่วนตวั /ค้ำขำย ร้อยละ 15 ประกอบอำชีพแรงงำน และรอ้ ยละ 30 ประกอบอำชีพเกษตรกรรม โดยภำพรว่ มแล้วประชำกรตำบลพลูตำหลวงจัดอยู่ใน กลุ่มผู้มีรำยได้นอ้ ย รำยได้ไมพ่ อใชจ้ ำ่ ยในชีวติ ประจำวัน ค่ำครองชพี สงู ดงั นนั้ เพ่อื เป็นกำรต่อรองใน ด้ำนธุรกิจกำรตลำดและพฒั นำฝมี อื ในกำรประกอบอำชพี ตำ่ งๆ กำรประกอบอำชีพเสรมิ กำรสรำ้ งทนุ ทำงสังคมโดยวธิ ีประชำคม ซึ่งสง่ ผลให้ประชำกรมีรำยได้เพอ่ื เลี้ยงครอบครัวสูงข้นึ

4. แหล่งวิทยำกำรชุมชน และทนุ ด้ำนงบประมำณทสี่ ำมำรถนำมำใช้ประโยชนเ์ พอ่ื กำรจัด กำรศึกษำ สวนสมุนไพรพรอุดม ดร.อุดม ลดหวนั่ หัวหน้ำกล่มุ สมนุ ไพรพรอุดม นำยอุดม ลดหวน่ั ประธำนชมรมเกษตรสมนุ ไพรไทย และเภสชั กรแพทย์แผนไทย สถำนที่ ประกอบกำรเลขที่ 122/77 หมู่ท่ี 4 ต.พลูตำหลวง อ.สตั หีบ จ.ชลบุรี บัณฑติ คืนถิน่ จบจำกเกษตรแม่ โจ้ จ.เชียงใหม่ ไดน้ ำควำมรู้กลบั สู่ภูมลิ ำเนำเดมิ สืบสำนเจตนำรมณซ์ ่ึงเป็นมรดกตกทอดทำงปญั ญำ ของบรรพบรุ ุษ ท่เี ป็นหมอรกั ษำโรคแผนโบรำณประจำบ้ำน อกี ทั้งสืบสำนยำแผนโบรำณตำนำน \"หมอ พร\" หมอผวู้ ิเศษพระบดิ ำแห่งรำชนำวีไทย โดยเรม่ิ ต้นชีวติ เปน็ หมอแผนโบรำณด้วยกำรสรรหำพนั ธุ์

สมุนไพรนำนำชนดิ ทีม่ อี ยู่ท่วั ทุกภมู ิภำคในประเทศใชเ้ วลำศึกษำถงึ 10 ปี จนสำมำรถรวบรวมสมนุ ไพร ไดม้ ำกกว่ำ 200 ชนดิ ปลูกไว้ในพ้ืนที่ 30 ไร่ ของสวนสมุนไพรพรอุดม ต.พลูตำหลวง กำรเก็บเก่ียว สมนุ ไพรทีส่ รรพคุณแตกต่ำงกนั นำนำชนดิ มำปรงุ แต่ง ผสมผสำนกันให้เปน็ ตวั ยำทงั้ ทำงด้ำนงำนวจิ ัย งำนทำงวิทยำศำสตร์ และแผนไทยมำประยุกตเ์ ข้ำหำกันเพ่ือป้องกันพิษภยั ของตัวยำที่จะเกดิ ผลกระทบต่อผูบ้ รโิ ภค จนได้สตู รยำแผนไทยออกจำหนำ่ ยให้ผูบ้ ริโภค เชน่ ชำโสมเจียวกู่หลำน สรรพคุณ บำบัดไขมันอุดตนั ในหลอดเลอื ด เสน้ เลอื ดใหญอ่ ดุ ตัน ควำมดนั โลหิตสงู ควำมดนั โลหติ ต่ำ เสริมภมู ิคุ้มกันใหแ้ ข็งแรง ฟนื้ ควำมเปน็ หนมุ่ สำว สมุนไพรพรอดุ ม 5 ฤๅษี สรรพคณุ ปรับธำตุ บำบัด อำกำรปวดขอ้ ทอ้ งอืด เสมหะมำก เปน็ ลมบอ่ ย ภูมิแพ้ หนำวเยน็ ร่ำงกำย บำรงุ ธำตุทัง้ 4 ใหบ้ รบิ ูรณ์ สมุนไพรน้ำ สรรพคณุ บรรเทำอำกำรปวดเม่อื ยตำมกล้ำมเน้ือ เสน้ ตงึ เคลด็ บวม ชำตำมแขนและขำ แมลงมพี ษิ กัดต่อย น้ำรอ้ นลวก เสน้ เลอื ดขอด ขผ้ี ึ้งสมนุ ไพร สรรพคุณ คนตำมผวิ หนงั แผลเน่ำเปื่อย เรื้อรงั แผลพุพองน้ำเหลอื งเสีย เรมิ งูสวดั คนั ในร่มผ้ำ เสน่ห์สตรี สรรพคณุ ชกั มดลูกให้เข้ำอู่ แก้ปวด ประจำเดอื น ระดูขำว ขจัดกล่นิ ชว่ ยให้ผวิ พรรณชมุ่ ชื่น ทำนแลว้ เหมือนทำรีแพร์ใหม่ กระทุ้งฝ้ำ สรรพคณุ ปรบั ธำตใุ นร่ำงกำย เสรมิ สมรรถภำพของคนวยั ทอง ชำขลู่ สรรพคุณ ขบั ปสั สำวะ ลด นำ้ ตำลในเส้นเลือด แก้กระษัย ลดนำ้ หนักตัว ขับฤดูขำว แกร้ ดิ สดี วงทวำรและยงั มีอกี หลำยชนิดท่ี สำมำรถทำนไดต้ ้ังแต่เดก็ จนถงึ วัยทอง ดร.อดุ ม ลดหว่ัน กล่ำวว่ำ \"เบอ้ื งตน้ ไดท้ ำยำเพอ่ื เปน็ วิทยำทำนรกั ษำภำยในทอ้ งถ่นิ เพือ่ สืบ ทอดเจตนำรมณ์ของบิดำ และหมอพร หรือพลเรือเอกพระเจ้ำบรมวงศเ์ ธอกรวมหลวงชุมพรเขตอดุ ม ศักด์ิ พระบดิ ำแหง่ รำชนำวีไทย\" ตอ่ มำนำยทวปี แต่งแกว้ ประธำนกรรมกำรองคก์ ำรบรหิ ำรส่วนตำบล พลูตำหลวง และคณะกรรมกำรไดพ้ จิ ำรณำนำไปสู่หน่งึ ตำบลหนง่ึ ผลิตภัณฑ์ของตำบลพลตู ำหลวง มี หนว่ ยงำนของท้ังภำครฐั และเอกชนได้เขำ้ มำศกึ ษำดูงำน และเปล่ียนควำมรู้เร่ืองสมุนไพรจำนวนมำก สำเหตทุ ่ตี ้องอนรุ กั ษ์แพทย์แผนไทยไว้ก็เพ่ือใหค้ นไทยหนั มำเหน็ คุณค่ำ รูค้ ณุ ประโยชน์ของสมุนไพร ไทยทบ่ี รรพบุรษุ ใช้รักษำกนั มำหลำยยุคหลำยสมัย ลดกำรใชย้ ำจำกต่ำงประเทศ ภูมิปญั ญำท้องถ่นิ ของเรำดที ี่สดุ บำบัดโรคได้อยำ่ งมีประสิทธภิ ำพ ดีกว่ำยำชนิดอ่ืนๆและยงั ไมค่ อ่ ยมีผลข้ำงเคยี ง สำมำรถรกั ษำไดต้ ้ังแต่เด็กจนถงึ ผู้สงู อำยุ ผทู้ ม่ี ำใชบ้ ริกำรมี 2 กลุ่ม คอื กลุม่ โรคภูมแิ พ้ทั้งเดก็ และ ผูใ้ หญ่ กลุม่ วยั ทองทั้งชำยและหญงิ และยำทกี่ ลุม่ วัยทองต้องกำรมำกทส่ี ุดจนไมส่ ำมำรถปรุงยำไดท้ นั ก็ คือ เสนห่ ส์ ตรี สตรวี ัยทอง กระทุง้ ฟำ้ และ 5 ฤๅษี ยงั มสี ตู รยำอีกหลำยชนิดท่ผี ู้ปว่ ยตอ้ งมำปรกึ ษำดว้ ย ตวั เองสว่ นมำกจะเปน็ โรครำ้ ยและโรคเรอ้ื รัง ยง่ิ นำนวันสถติ ขิ องผทู้ เ่ี ขำ้ มำซอ้ื ยำแผนไทยไปรับประทำน

มีมำกขนึ้ ตำมลำดับ และมผี ู้สนใจเข้ำมำศึกษำสมุนไพรมำกขึน้ เชน่ กัน เปน็ กำรกระจำยรำยไดไ้ ปยงั กลุ่มที่ปลกุ สมนุ ไพรเพื่อนำมำใชผ้ ลติ ยำจำหน่ำยอีกดว้ ย ขณะทีเ่ สดจ็ ในกรมฯ ได้ทรงออกจำกประจำกำรชวั่ ครำว ระหว่ำงปี พ.ศ.2454 - 2459 เปน็ ระยะเวลำ 6 ปี พระองคจ์ ึงทรงศึกษำวชิ ำแพทย์แผนโบรำณ เพอื่ ช่วยชีวติ คนยำกจน โดยไดเ้ สดจ็ ไปหำ พระยำพิษณปุ ระสำทเวช หัวหนำ้ หมอหลวงฝำ่ ยยำไทย เพื่อขอเปน็ ลกู ศิษย์ นอกจำกนั้นยงั มพี ระ อำจำรย์อ่ืน ๆ อกี หลำยคน เชน่ หมอฝร่งั ชำวตำเลียน และชำวญี่ปนุ่ หม่อมเจ้ำหญิง เริงจิตแจรง อำภำกร พระธดิ ำเสด็จในกรมฯ ได้ทรงเล่ำวำ่ พระองค์ทรงศึกษำอย่ำงจรงิ จัง ไดท้ รงสัง่ กล้องจลุ ทัศน์ มำสำหรับตรวจโรค มหี ้องพเิ ศษเรียกห้องเคมวี ทิ ยำศำสตร์ พระองคท์ รงชอบ ทดลองมกี ำรคน้ ควำ้ ยำ แก้โรคต่ำง ๆ ไดท้ รงนำเอำสตั วต์ ำ่ ง ๆ ต้ังแตส่ ตั ว์เล็ก ๆ จนถงึ สตั วใ์ หญม่ ำทดลองยำท่ีทรงปรุง ทรง ชำระคัมภีรอ์ ติสำระวรรคโบรำณกรรม และปจั จบุ นั กรรม ซึง่ เปน็ ตำรำยำแผนโบรำณจนเสร็จบริบรู ณ์ เม่ือ พ.ศ.2458 เม่ือทรงทดลองยำที่ทรงปรุงจนได้ผลดี จึงทรงรับเป็น หมอรักษำโรคภัยไข้เจ็บให้คน ทั่วไป ไม่ว่ำคนมี คนจน ใครมำหำก็ทรงตรวจรักษำให้ท้ังนั้น เสด็จในกรมฯ ทรงต้ังช่ือพระองค์ ว่ำ \"หมอพร\" คนป่วยมำหำเองไม่ได้ ถ้ำมำรับไปตรวจและรักษำที่บ้ำน ต้องเอำรถมำรับส่ง เวลำน้ัน นำยทหำรเรือป่วยกนั มำกไม่ค่อยไปโรงพยำบำล ใครป่วยก็มำหำหมอพร หมอพรจะตรวจ และจ่ำยยำ ให้โดยไม่คิดค่ำยำ ที่หำยก็มี และท่ีป่วยหนักตำยก็มี สำหรับกำรรักษำประชำชนท่ัวไปน้ัน มีเรื่องเล่ำ กันว่ำ มีครอบครัวจีนในสำเพ็งรำยหน่ึง สำมีคือพ่อบ้ำน ซ่ึงกำลังเจ็บหนักดูเหมือนจะเป็นวัณโรค ซ่ึง เรียกกันในสมัยนั้นว่ำ ฝีในท้องและใกล้จะตำยอยู่แล้ว ก็ไม่มีทำงจะกระเต้ืองขึ้นเลย อำกำรมีแต่ทรง กบั ทรุด ครั้นบ่ำยวันหน่ึงเสด็จในกรมฯ ซ่ึงปลอมพระองค์เป็น \"หมอพร\" เดินถือย่ำมยำนุ่งผ้ำม่วงไว้ หนวดไว้เครำ เสดจ็ เขำ้ ไปในสำเพง็ เด็กเล็กเดินหนีกันเกรียวกรำว รู้ไปถึงหูภรรยำของคนเจ็บ เม่ือรู้ว่ำ หมอพรก็วิ่งกระหืดกระหอบ เข้ำไปกรำบท่ีพระบำท ร้องไห้ร้องห่ม ขอให้ไปช่วยชีวิตสำมี จะเสียเงิน เสียทองเท่ำไรก็ยอม หมอพรจึงเดินตำมอำซิ้ม เข้ำไปในบ้ำนหลังใหญ่ และจะไปพินิจพิเครำะห์ตัวเถ้ำ แก่ใหญ่ ที่กำลังหำยใจ ครอก ๆ อยู่ หลังจำกพิจำรณำด้วยควำมถ่ีถ้วนแล้ว ก็ทำพิธีเป่ำมนต์และท่อง บ่นคำถำอยู่พักหนึ่ง แล้วได้อัญเชิญคุณพระมำทำน้ำมนต์และรดคนไข้พร้อมกับมอบหมำยยำไทย ขนำนหนึ่งไว้ให้ แล้วหมอพรก็อำลำไป ต่อมำช่ัวเวลำไม่นำนนัก พระองค์ก็เสด็จไปฟังผล ปรำกฏว่ำ อำกำรของคนไข้กระเตื้องขึ้น อย่ำงทันตำเห็น เถ้ำแก่ท่ีมีเงินทองมำกมำยได้ลุกข้ึนกรำบ เรียกภรรยำ

ให้เอำเงินมำถุงหน่ึง เพ่ือจะถวำยให้พระองค์ เป็นค่ำรักษำ แทนท่ีเสด็จในกรมฯ หรือหมอพรจะรับไว้ กลบั โบกพระหัตถ์ว่ำ พระองคไ์ มใ่ ชห่ มอประเภทเห็นแก่เงิน เสด็จในกรมฯ ขอให้คนไข้นำเงินนั้นไปทำ สำธำรณประโยชน์ อย่ำงอ่ืนต่อไป เศรษฐีจีนคนนั้นได้มอบเงินจำนวนนั้น ไปใช้ในกำรสร้ำงศำลำกำร เปรยี ญท่ีวดั แหง่ หน่งึ พลเรือเอก พระเจ้ำบรมวงศ์เธอกรมหลวง ชุมพรเขตอุดมศักด์ิ ทรงออกจำกประจำกำรชั่ว ระยะเวลำหน่ึง เม่ือปี พ.ศ.2454 เมื่อคร้ังยังทรงเป็นกรมหมื่น ชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พระองค์ได้ทรง ศึกษำวิชำแพทย์ แผนโบรำณจำกตำรำไทย ทรงเขียนตำรำยำแผนโบรำณ จำกตำรำไทย ทรงเขียน ตำรำยำแผนโบรำณ ลงในสมุดข่อยดว้ ยฝพี ระหตั ถข์ องพระองค์เอง โดยทรงค้นคว้ำตรวจหำตำมคัมภีร์ เก่ำ ที่เกือบจะสูญสิ้นอยู่แล้ว เขียนเสร็จในปี พ.ศ.2458 พระองค์ทรงต้ังชื่อ ตำรำไทยสมุดข่อยเล่มน้ี ว่ำ \"พระคัมภีร์ อติสำระวรรคโบรำณกรรมและปัจจุบันนะกรรม\" เป็นสมุดข่อยที่มีเน้ือหำท้ังตำรำยำ แผนโบรำณ กลำ่ วถึงกำรผสมยำแก้โรคต่ำง ๆ ซง่ึ ในตำรำ กล่ำววำ่ เคยใชไ้ ด้ผลมำมำกแล้วและบันทึกไว้ ด้วยศิลปะภำพเขียน นับต้ังแต่หน้ำปกที่เป็นลำยไทย ปิดทองท่ีสวยงำมมำก หน้ำต่อไปเป็นภำพเขียน ดว้ ยหมกึ สี ภำพพระพุทธเจ้ำนงั่ ขดั สมำธิ ด้ำนซำ้ ยและด้ำนขวำ เปน็ ภำพฤๅษี 2 องค์ นั่งพนมมือ ถัดมำ ด้ำนขวำมือสุด เป็นตรำประจำรำชสกุลอำภำกร รูปพระอำทิตย์ ทรงรำชรถประทับยืน ทรงพระขรรค์ ดว้ ยพระหตั ถ์ขวำ มีอกั ษรเขียนเป็นภำษำบำลวี ่ำ \"กยิรำเจ กยิรำเถน\" แปลว่ำ \"จะทำส่ิงไร ควรทำจริง\" ขอบสมดุ ด้ำนซ้ำย และขวำเขยี นลำยไทย ด้วยสสี ันท่สี ดใสสวยงำม ตัวอกั ษรบำงตวั เป็นอักษรประดิษฐ์ ประกอบกับลำยไทย นอกจำกเสด็จในกรมฯ ทรงศึกษำค้นคว้ำตำรำยำต่ำง ๆ แล้วพระองค์ยังไม่ทรง รกั ษำโรคภยั ไข้เจบ็ แกค่ นท่ัวไปโดยไม่เลือกคนจนหรือคนมี และมไิ ด้คิดค่ำรักษำหรือค่ำยำ แต่อย่ำงใด ทุกคนที่มีควำมเดือดร้อน จะต้องได้รับควำมเมตตำอำรีจำกพระองค์ไปทั้งสิ้น จนเป็นท่ีนับถือของคน ทั่วไปในนำมของพระองค์ว่ำ \"หมอพร\" ข้อน้ีเป็นที่ประจักษ์ในพระอัธยำศัย ของพระองค์อีกด้ำนหนึ่ง ว่ำ ทรงเมตตำอำรี ตอ่ คนทุกชั้น แม้ผู้ท่ีมิใช่ทหำรเรือ ก็เคำรพนับถือ พระองค์เป็นท่ีสุดเช่นกันตำรำยำ \"พระคัมภีร์ อติสำระวรรค\" นี้มีอยู่ 2 เล่ม เล่ม 1 น้ันอยู่ท่ีพิพิธภัณฑ์ทหำรเรือ สมุทรปรำกำร ส่วนเล่ม 2 นั้น ไม่ทรำบว่ำอยู่ที่ใด ถึงแม้ว่ำ จะมีร่องรอยของกำรถูกทำลำยจำกแมลงตัวเล็ก ๆ อยู่บ้ำง แต่ พพิ ธิ ภณั ฑท์ หำรเรอื ก็ยังคงเกบ็ รกั ษำไว้เปน็ อย่ำงดี อยใู่ นสภำพท่ดี ี สำมำรถอำ่ นข้อควำมได้ชัดเจน เคย มีผู้คัดลอกตำรำยำ พิมพ์เผยแพร่ลงหนังสือไปบ้ำงแล้ว 4 - 5 ขนำน คือ ยำเขื่อนกำบัง ยำเบญจขันธ์ ยำประสะพงุ เมน่ และยำแก้

สวนบรรพชนสยำม เปน็ สวนท่สี รำ้ งถวำยแดส่ มเด็จพระเจ้ำบรมวงศเ์ ธอกรมหลวงชุมพรเขตอดุ มศกั ดิ์ เมื่อปี พ.ศ. 2538 ตั้งอยู่ท่ี หมู่ 1 ต.พลูตำหลวง ภำยในสวนมกี ำรประดษิ ฐำนของศำลและรปู ป้นั ของกรมหลวง ชมุ พรเขตอดุ มศักด์ิ บุคคลในประวัติศำสตร์ของชำตไิ ทย พระพทุ ธรปู และรปู ปั้นพระเกจิอำจำรยใ์ น อดีต โดยแตล่ ะรปู ป้นั ป้นั ขนึ้ มำดว้ ยฝีมือของคน คนเดยี วกนั คือนำยเสริมฉตั ร จริ สทั ธรรม ซ่งึ รปู ป้ัน ทกุ รปู หลอ่ ขึน้ มำจำกปนู สดโดยไมม่ กี ำรขึน้ แบบเนือ่ งจำกปั้นโดยใชจ้ นิ ตนำกำรของผู้ปั้นซึง่ ไม่มีที่ไหน ในประเทศไทย อีกท้งั ยงั มกี จิ กรรมเพอ่ื เดก็ กลุ่มพิเศษหรอื ทร่ี ูจ้ กั กนั ในนำม เดก็ อธิสติก โดยกำร บำบดั จะใชม้ ้ำเปน็ แรงสำคัญ เด็กๆทกุ คนจะได้รบั กำรบำบดั โดยกำรขีม่ ำ้ เพ่อื ฝึกสมำธแิ ละฝึก กล้ำมเนื้อร่ำงกำยให้แข็งแรง และสถำนทน่ี ้ีเคยใช้ในกิจกรรมหนงึ่ ของงำนชมุ นุมลกู เสอื โลกครงั้ ท่ี 20 เมอ่ื ปี พ.ศ.2546 สวนเปดิ ใหป้ ระชำชนทั่วไปเข้ำชมระหวำ่ งเวลำ 07.00 -18.00 น. โดยไมเ่ กบ็ คำ่ เขำ้ ชม



สนำมกอลฟ์ พลูตำหลวง เมอื่ ปี พ.ศ.2507 กองทัพเรอื มนี โยบำยทจี่ ะย้ำยกองเรอื ยทุ ธกำร ซึ่งตั้งอยู่ทก่ี รุงเทพฯ ในขณะ นั้น ไปอยทู่ อี่ ำเภอสัตหบี ในกำรย้ำยกองเรอื ยุทธกำรไปจัดสร้ำงกองบัญชำกำรใหมท่ ่ี อำเภอสัตหบี นัน้ นอกจำกจะต้องก่อสร้ำงอำคำรที่ทำกำรและทำ่ เทียบเรือแลว้ ส่งิ อำนวยควำมสะดวกซ่ึง ประกอบดว้ ย บ้ำนพัก ถนน ไฟฟำ้ และน้ำประปำ จงึ เปน็ สงิ่ สำคัญท่ีตอ้ งคำนึงถึง ทัง้ นี้ เพ่อื ผลในด้ำน ขวัญและกำลงั ใจของผทู้ ย่ี ้ำยมำปฏิบัติรำชกำรท่ี สัตหบี ปญั หำทสี่ ำคัญอยำ่ งยง่ิ ของสัตหบี ใน ขณะนัน้ กค็ อื กำรขำดแคลนนำ้ ประปำ ดงั นั้น พลเรือเอก สวัสด์ิ ภตู อิ นนั ต์ ผู้บญั ชำกำรทหำรเรอื ในขณะนน้ั จึงมนี โยบำยใหอ้ อกแบบก่อสรำ้ งอ่ำงเก็บน้ำ ทีเ่ ขำพลตู ำหลวง อำเภอ สัตหบี โดยได้ ประสำนงำนกับ กรมชลประทำน และไดส้ ่ังกำรใหห้ นว่ ยทเี่ ก่ียวขอ้ ง เช่น กรมอทู่ หำรเรอื กรมอทุ ก ศำสตร์ สถำนีทหำรเรือสตั หบี กรมกำรขนส่งทหำรเรือ โรงเรียนชมุ พลทหำรเรอื ฯลฯ รวบรวม เครือ่ งมอื กลที่มีอย่ปู ระจำหน่วย พร้อมท้งั ข้ำรำชกำรของกองทพั เรือ ปฏิบัติงำนร่วมกับกรม ชลประทำน ในกำรก่อสรำ้ งอ่ำงเกบ็ น้ำ ซ่ึงมีพน้ื ที่ประมำณสองพนั ไรต่ ำมทกี่ องทัพเรือได้ซอื้ ไว้ กำร ก่อสรำ้ งได้เสร็จเรยี บรอ้ ย สำมำรถเก็บกักนำ้ ไดเ้ ตม็ อำ่ งและสง่ นำ้ ตำมทอ่ ไปยงั โรงกรองน้ำของ กองเรอื ยทุ ธกำร ซ่งึ ต้ังอย่บู ริเวณเขำหมอนได้ ในเดือนตุลำคม พ.ศ.2508 คำ่ กอ่ สร้ำงอ่ำงเกบ็ น้ำพลตู ำหลวง เปน็ เงินประมำณ 7 ล้ำนบำทเศษ ซ่งึ เป็นรำคำเพียงครงึ่ หน่ึงของรำคำที่ กรมชลประทำน ได้ ประมำณกำรไว้ 15 ล้ำนบำท เมื่อกำรกอ่ สร้ำงอำ่ งเก็บน้ำแล้วเสรจ็ ตอ่ มำมชี ่อื ว่ำ “อำ่ งเกบ็ น้ำภูติอนันต์” สิง่ ทีต่ ำมมำกค็ อื กำรบำรงุ รักษำอำ่ งเกบ็ น้ำให้คงสภำพเดมิ สถำนที หำรเรอื สัตหีบซึ่งเปน็ หน่วยดูแลรบั ผดิ ชอบ ไดส้ ่ังกำร ใหค้ งเจำ้ หน้ำทแ่ี ละเครอื่ งมือกลไวจ้ ำนวนหนึ่ง โดยมี นำวำเอก ประจวบ พลกล้ำ เปน็ ผคู้ วบคมุ จำก กำรทบ่ี รเิ วณพื้นท่ีโดยรอบอ่ำงเก็บน้ำมที วิ ทัศนอ์ นั สวยงำมหลังจำกไดถ้ ำกถำงหญ้ำ ต้นออ้ และพชื ไร่ท่ี เจำ้ ของทีด่ นิ เดมิ ขุดไป ประกอบกบั กองทัพเรอื ตอ้ งใชง้ บประมำณในกำรบำรุงรักษำปลี ะสองหมื่นบำท เพอื่ ให้คงสภำพทดี่ อี ย่ตู ลอดเวลำ นำวำเอก ประจวบฯ จึงไดเ้ สนอแนวควำมคิดทจี่ ะพัฒนำพ้นื ทว่ี ่ำงให้ เป็นสนำมกอล์ฟ เพอ่ื ใช้เป็นสถำนทีอ่ อกกำลงั ของข้ำรำชกำรกองทพั เรอื ในพ้นื ทสี่ ัตหบี อีกแหง่ หนง่ึ และบำรุงรักษำบริเวณรอบ ๆ อ่ำงเก็บนำ้ ซ่งึ ตอ่ มำมีช่ือวำ่ “อำ่ งเก็บนำ้ ภูติอนนั ต์” กำรสร้ำงสนำม กอล์ฟแหง่ นใ้ี ช้แรงงำน เจ้ำหนำ้ ที่และเคร่อื งมือกลท่ีมีอยู่ รวมท้งั อุปกรณบ์ ำงอยำ่ งจำกทำงกำรสหรัฐฯ ตำมโครงกำรชว่ ยเหลอื ไทย – สหรฐั ฯ ทำกำรสำรวจ วดั ระยะวำงจดุ แท่นตี กรีน และหลุมทรำย เพยี ง 9 หลมุ กอ่ น และนำหญำ้ นวลนอ้ ยทะเลทมี่ อี ยู่บริเวณสนั เข่อื นกน้ั นำ้ มำปลูกพร้อมทั้งสรำ้ ง

อำคำรสโมสรเล็ก ๆ ขนึ้ ที่บริเวณหน้ำโรงซ่อมเครื่องทนุ่ แรง ฯ ในปจั จุบัน ตอ่ มำกองทพั เรือ จึงได้สัง่ กำรใหก้ ำรสวสั ดิกำรสตั หีบรับภำระเป็นเจำ้ ของสนำมกอล์ฟพลูตำหลวง โดยมี นำวำเอก เสวก ตำด ทอง เป็นผจู้ ัดกำรฯ มกี ำรลงทนุ ปรบั ปรงุ สิ่งตำ่ งๆ ไดส้ มบรู ณย์ งิ่ ข้ึนและได้เปิดสนำมกอลฟ์ พลตู ำหลวง เปน็ ทำงกำรโดยกรำบบงั คมทลู เชิญ สมเด็จพระนำงเจำ้ รำไพพรรณี พระบรมรำชินใี นรชั กำลที่ 7 มำ ทรงเปน็ องค์ประธำนในพธิ ีเปดิ เมอ่ื วันที่ 2เมษำยน พ.ศ.2512 หลงั จำกสนำมกอลฟ์ พลตู ำหลวงสร้ำงเสร็จครบ 9 หลุม ก็ไดม้ กี ำรสำรวจออกแบบและสร้ำงอีก 9 หลมุ จนเสร็จครบ 18 หลมุ เชน่ เดยี วกับ สนำมกอล์ฟมำตรฐำนทว่ั ไป ต่อมำในปี พ.ศ.2528 พลเรอื ตรี สมุทร สหนำวนิ ผู้บังคบั กำรสถำนีทหำรเรอื สัตหีบ ได้ พจิ ำรณำย้ำยตวั อำคำรสโมสรหนำ้ โรงซ่อมเครือ่ งทนุ่ แรงฯ มำสร้ำงบรเิ วณหลงั กรนี หลุม 9 (กรีนหลุม 8 สนำม South ในปจั จบุ นั ) เพื่อใหส้ ะดวกในกำรออกเลน่ ได้ทง้ั 2 รอบ โดยใชง้ บประมำณของกิจกำร สนำมกอลฟ์ มี พลเรอื ตรี โกวิทย์ วฒั นธรรม เปน็ ผู้จดั กำร ฯ เมื่อเริม่ กอ่ สร้ำง และ พลเรือตรี อุทัย เจริญพงษ์ เป็นผ้จู ดั กำร ฯ เมอ่ื ก่อสร้ำงเสรจ็ และไดม้ กี ำรปรับปรุงอำคำรสโมสรพลูตำหลวง ทำกำรตอ่ เติมและดัดแปลงจำกอำคำรเดมิ เม่ือ พ.ศ.2529 โดยควำมเห็นชอบของ พลเรือเอก ประสพ อุดหนุน รองผ้บู ัญชำกำรทหำรเรือ ในฐำนะประธำนอำนวยกำรสวัสดิกำรสัตหบี จงึ ใหห้ ้ำงหุ้นส่วนจำกดั เมอื ง หลวงกอ่ สร้ำง เป็นผู้กอ่ สร้ำง เรม่ิ กอ่ สร้ำงเมอ่ื 26 มนี ำคม พ.ศ.2529 เสร็จใน 16 ตลุ ำคม พ.ศ.2529 วงเงิน 6,547,280.-บำท ทำพิธเี ปดิ อำคำรโดย พลเรอื เอก นพิ นธ์ ศิรธิ ร ผบู้ ญั ชำกำรทหำรเรอื เมื่อ 24 กนั ยำยน พ.ศ.2529 ตอ่ มำใน พ.ศ.2531 ผูบ้ ังคบั บญั ชำระดับสงู ไดพ้ ิจำรณำเหน็ วำ่ กำรให้บรกิ ำรแกน่ กั กอล์ฟท่ีเขำ้ มำใช้บริกำร คำดว่ำจะมีจำนวนเพมิ่ ข้ึนอกี มำก อันเนอื่ งมำจำกกำรขยำยตัวของย่ำนอุตสำหกรรมใน ภำคฝ่ังทะเลดำ้ นตะวนั ออก จงึ ไดพ้ จิ ำรณำสำรวจออกแบบและปรับพ้นื ทบี่ ริเวณดำ้ นตะวนั ออกของ อำ่ งเกบ็ น้ำภตู อิ นันต์ ทำเป็นสนำมกอล์ฟขึน้ อกี 9 หลุม โดยใช้กำลังพล งบประมำณ เคร่อื งมือกลท่ี มอี ยู่ และไดร้ บั เพ่ิมเติมจำกสมำชกิ พิเศษสมทบ โดยมี พลเรอื ตรี โกวทิ ย์ วัฒนธรรม และ นำวำเอก ประกอบ นำคบัว เปน็ ผอู้ อกแบบวำง Lay - Out และ พลเรอื ตรี กจิ กำรณ์ อเนกะมัย เป็นผ้จู ดั กำร กจิ กำรสนำมกอล์ฟพลตู ำหลวง เร่มิ ก่อสร้ำงตงั้ แต่ 11 มนี ำคม 2532 โดยใชง้ บประมำณของกิจกำรกอล์ฟ เป็นเงินทง้ั สนิ้ 3, 178,015.52 บำท แล้วเสร็จสิน้ เดือน เมษำยน พ.ศ.2535 โดยมี พลเอก สุจินดำ ครำประยูร ผู้บัญชำกำรทหำรสูงสุด เปน็ ประธำนในพิธเี ปดิ สนำม East เมื่อในวันท่ี 21 มีนำคม พ.ศ.2535

ต่อมำปี พ.ศ.2539 พลเรอื เอก ประเจตน์ ศิริเดช ประธำนกรรมกำรสวสั ดกิ ำรภำยใน ทร.และ ผู้บัญชำกำรทหำรเรอื มีนโยบำยทจี่ ะก่อสร้ำงขยำยสนำมกอล์ฟรำชนำวพี ลูตำหลวงใหเ้ ปน็ สนำมกอลฟ์ มำตรฐำน 36 หลมุ และไดก้ รณุ ำอนุมัติแผนงำนโครงกำรขยำยสนำมเพ่ิมเตมิ อีก 9 หลมุ ตำมท่ี พลเรือ โท สนุ ันท์ พัฒนวงศ์ ประธำนอนุกรรมกำรศูนยพ์ ฒั นำกีฬำรำชนำวีพลตู ำหลวงและผูบ้ ญั ชำกำรฐำน ทพั เรือสัตหีบ เสนอ โดยมี พลเรือโท บญุ ทรง เชีย่ ววิทย์ เป็นผจู้ ัดกำร ฯ และ พลเรอื โท เลศิ ศรปี ระเสริฐ เป็นผู้วำง Lay - Out โดยเรม่ิ ก่อสรำ้ งตัง้ แต่ ตุลำคม พ.ศ.2538 ใชง้ บประมำณในกำรกอ่ สร้ำง 20,107,519.14 บำท จำกกองทนุ สวัสดกิ ำรภำยในกองทัพเรอื โดย พลเรอื เอก วิจิตร ชำนำญกำรณ์ ผ้บู ญั ชำกำร ทหำรเรือ ไดท้ ำพธิ ีเปดิ เม่อื 9 สงิ หำคม พ.ศ.2540 หลังจำกสร้ำงสนำมกอลฟ์ จนครบ 36 หลมุ แล้ว มีข้ำรำชกำรและประชำชนในพนื้ ท่ี ตลอดจน กำรแขง่ ขนั ต่ำง ๆ มเี พิ่มมำกขึน้ โดยเฉพำะอย่ำงยิง่ กำรแข่งขันกอล์ฟกองทัพไทย กำรแข่งขนั กอล์ฟ นำยทหำรเรือช้นั ผใู้ หญ่เกษยี ณสมั พันธแ์ ละกอล์ฟรำชองครกั ษ์ ตลอดจนกำรแขง่ ขนั กอล์ฟเพ่อื หำ รำยไดเ้ ปน็ กำรกศุ ลอ่ืน ๆ ซ่งึ มผี ูเ้ ขำ้ รว่ มกำรแข่งขันเปน็ จำนวนมำก ทำให้สนำมกอลฟ์ ประสบปญั หำในกำรใหบ้ รกิ ำรแกน่ กั กอล์ฟ โดยเฉพำะอยำ่ งยิ่งอำคำรสโมสร ซ่ึงมีขนำดเล็กเหมำะสำหรับสนำมกอลฟ์ ท่มี ี 18 หลมุ กำรบริกำรห้องนำ้ (Locker ชำย – หญิง) สำมำรถให้บรกิ ำรได้เพียง 50 - 60 คน สถำนทจ่ี ัดเลย้ี ง สำมำรถรับแขกได้เพยี ง 200 คน สถำนทใ่ี ช้ สอย ไมเ่ หมำะสมกบั กำรใหบ้ ริกำรผู้มำใช้บริกำร ตลอดจน Lay - out สนำมของสนำมกอลฟ์ ทงั้ 4 รอบ ไม่สอดคลอ้ งกับออกเลน่ จำกศูนยก์ ลำงและจบจำกศนู ย์กลำงเดยี วกนั ซ่ึงเป็นกำรไม่สะดวกใน กำรใหบ้ ริกำร ผู้ใช้สนำมและกำรบริหำรของสนำมเอง ในปี พ.ศ.2542 สนำมกอลฟ์ ศูนยพ์ ฒั นำ กฬี ำรำชนำวพี ลตู ำหลวง จึงไดเ้ สนอแผนกำรปรับปรุง Lay - Out และกำรกอ่ สรำ้ งอำคำรสโมสรแหง่ ใหม่ ซ่งึ ประธำนกรรมกำรอำนวยกำรศนู ย์พฒั นำกีฬำรำชนำวี และ เสธ.ทร. ขณะนัน้ คือ พลเรอื เอก ประเสรฐิ บุญทรง ไดเ้ หน็ พรอ้ งตำมท่ศี ูนยพ์ ฒั นำรำชนำวีพลตู ำหลวงเสนอโดยเล็งเหน็ ว่ำอำคำร สโมสรแห่งใหม่นจี้ ะเป็นแหล่งชมุ นมุ ของกำลังพลในกำรพบประสงั สรรคไ์ ด้อีกแหง่ หนึ่ง ทงั้ ยังสำมำรถ จะรบั แขกของกองทพั เรอื ไดอ้ ยำ่ งสมเกียรติ หรือจะจดั กำรแข่งขันกอลฟ์ ในระดับประเทศหรอื ระดับชำตไิ ด้อย่ำงเชิดหน้ำชูตำ จงึ ได้ให้ควำมเหน็ ชอบและเสนอตอ่ ประธำนกรรมกำรสวสั ดิกำร ภำยใน ทร.และ ผบ.ทร. พลเรอื เอก วจิ ติ ร ชำนำญกำรณ์ ขออนุมัตใิ หด้ ำเนินกำรก่อสร้ำง โดยกำร ปรับเปลย่ี น Lay – Out เปน็ งำนอันดับแรก และใหด้ ำเนนิ กำรกอ่ สรำ้ งอำคำรสโมสรหลังใหมเ่ ปน็

โครงกำรตอ่ ไป แต่เนอื่ งจำกในช่วงเวลำนน้ั ประสบปัญหำวิกฤตทำงเศรษฐกิจ พลเรือเอก ธรี ะ หำ้ ง เจรญิ ประธำนกรรมกำรสวัสดิกำรภำยใน ทร.และ ผบ.ทร. จงึ ให้ชะลอโครงกำรกอ่ สรำ้ งอำคำรสโมสร แห่งใหม่ไวก้ ่อน ต่อมำ พลเรือตรี สธุ ี บรู ณะสิน เปน็ ผจู้ ดั กำรฯ มแี นวควำมคดิ ทจี่ ะปรับปรุงให้กำรเลน่ กอล์ฟมี จดุ เรมิ่ ตน้ และสนิ้ สดุ ในท่ีแหง่ เดียวกันทั้ง 4 สนำม มีกำรปรบั เปลยี่ น Lay - Out ใหม่บำงหลุม กับมี แนวคิดทจ่ี ะสร้ำงสโมสรใหม่ จัดสรำ้ ง Starting House จำนวน 2 หลงั ซึง่ ไดร้ ับกำรสนบั สนุนในกำร สร้ำง Starting House จำกกำรปิโตรเลยี มแห่งประเทศไทย และ บริษัท กำรบินกรงุ เทพ จำกดั บรจิ ำคงบประมำณจำนวนหน่วยละ 600,000.-บำท เพื่อให้สนำมกอลฟ์ ศูนย์พฒั นำกีฬำรำชนำวีพลูตำ หลวง ได้ใช้สำหรับให้บรกิ ำรแก่สมำชกิ และ ผู้เล่นกอลฟ์ ให้ได้รับควำมสะดวกในกำรออกรอบและ ส้ินสดุ ในท่ีแหง่ เดียวกนั โดยได้ดำเนนิ กำรสรำ้ งแล้วเสรจ็ เมอ่ื 20 กรกฎำคม พ.ศ.2543 ในปี พ.ศ.2544 เศรษฐกจิ ของประเทศเร่ิมดีข้นึ ในระดับหนงึ่ พลเรอื เอก ประเสริฐ บุญทรง ประธำนกรรมกำรสวัสดิกำรภำยใน ทร.และ ผบ.ทร. จงึ ได้อนมุ ัติดำเนินกำรโครงกำรก่อสร้ำงอำคำร สโมสรแหง่ ใหม่ พร้อมส่ิงอำนวยควำมสะดวก วงเงนิ 80,393,400.-บำท เมือ่ 14 มีนำคม พ.ศ.2544 สำหรบั สนำมทั้ง 4 สนำม ได้ปรับปรุงจนเสร็จสมบรู ณ์ สำมำรถใชไ้ ดค้ รบและเปน็ ไปตำมแผน Lay Out ใหม่ เมือ่ 1 กันยำยน พ.ศ.2544 เมื่อ 30 มีนำคม พ.ศ.2544 หจก.งำมวงศ์วำนกำรช่ำง ผไู้ ดร้ บั งำนโครงกำรก่อสร้ำงอำคำร สโมสรแห่งใหม่ พรอ้ มสงิ่ อำนวยควำมสะดวก ไดเ้ รม่ิ เขำ้ มำดำเนินกำรก่อสรำ้ ง โดยใชร้ ะยะเวลำ 330 วนั กำหนด แล้วเสรจ็ ใน 23 กุมภำพันธ์ พ.ศ.2545

ขอ้ มลู บุคลำกร กศน.ตำบลพลูตำหลวง นำงสภุ ำภรณ์ นวมมำ หัวหนำ้ กศน.ตำบลพลตู ำหลวง น.ส.เกษนยี ์ เดชรักษำ ครู กศน.ตำบลพลตู ำหลวง

ขอ้ มลู พ้นื ฐำน กศน.ตำบลพลูตำหลวง 1. กศน.ตำบลพลูตำหลวง 2. ทีต่ ้ัง อบต.เก่ำตำบลพลูตำหลวง หมู่ท่ี 2 ต.พลตู ำหลวง อ.สตั หบี จ.ชลบุรี 3. ผู้อำนวยกำร นำงสรุ ัสวดี เลย้ี งสุพงษ์ 4. ครู กศน.ผรู้ ับผดิ ชอบ 1 นำงสุภำภรณ์ นวมมำ 2 น.ส.เกษนยี ์ เดชรกั ษำ 5. ชอ่ งทำงกำรตดิ ต่อสือ่ สำร 0832940841 https://web.facebook.com/KsntablPhluTaHlwng/?ref=bookmarks

ขอ้ มลู ทตี่ ั้ง กศน.ตำบลพลตู ำหลวง ท่ตี ั้งเป็น อบต.เก่ำตำบลพลูตำหลวง เลขที่ 100/229 หมู่ 3 ตำบลพลตู ำหลวง อำเภอสัตหบี จงั หวดั ชลบุรี

กำรวเิ ครำะห์สภำพแวดล้อม กศน.ตำบลพลตู ำหลวง กำรวิเครำะห์ SWOT ของ กศน.ตำบลพลูตำหลวง กำรวเิ ครำะหส์ ถำนศึกษำโดยใชว้ ธิ กี ำร SWOT ตรวจสอบกำรดำเนินงำนจะทำให้ทรำบถงึ จุด แขง็ จุดออ่ น และอุปสรรคของสถำนศึกษำเพ่อื หำวิธที ่ีจะทำงำนให้ไปสคู่ วำมสำเรจ็ ตำมเปำ้ หมำยท่ี วำงไวต้ ลอดจนหำแนวทำงหรอื หำวธิ คี วบคมุ จุดออ่ นไมใ่ ห้เกดิ ขนึ้ หรอื ใหเ้ กดิ ข้ึนนอ้ ยทส่ี ดุ ดงั นั้นเพอ่ื เป็นกำรสร้ำงควำมมน่ั ใจและกำหนดทศิ ทำงในกำรปฏิบตั งิ ำน ศนู ยก์ ำรศึกษำนอกระบบและ กำรศกึ ษำตำมอัธยำศยั อำเภอสตั หีบจงึ วิเครำะห์สถำนศึกษำ โดยสรปุ ได้ ดงั นี้ ปจั จยั ภำยใน จุดแขง็ (Strengh) 1. บคุ ลำกรส่วนใหญเ่ ป็นคนในพน้ื ท่ี ทำใหม้ ีควำมคล่องตวั และกำรประสำนงำนทีด่ บี ุคลำกร มีนิสยั ใฝ่ เรียนรู้ มคี วำมกระตือรอื ร้น เสียสละและท่มุ เทเวลำในกำรปฏบิ ตั งิ ำนทำให้สำมำรถ พฒั นำ สถำนศกึ ษำใหม้ กี ำรเปลยี่ นแปลงไปในทิศทำงที่ดขี ้นึ 2. บุคลำกรทุกคนไดร้ ับกำรพฒั นำควำมรู้ ควำมสำมำรถในกำรปฏิบัตงิ ำนในเรอื่ งต่ำง ๆ อย่ำง ต่อเน่อื ง 3. ผบู้ รหิ ำรมีภำวะผู้นำ คือเป็นผนู้ ำทำงควำมคิด วสิ ัยทัศน์ กำรบริหำร และเป็นผูน้ ำทำง วิชำกำร กลำ้ ตดั สนิ ใจ และมีกำรบริหำรแบบมีสว่ นรว่ ม 4. ผบู้ รหิ ำรมีควำมสำมำรถในกำรถ่ำยทอดและกำรสอ่ื สำรท่ีดี ทำใหบ้ คุ ลำกรทรำบทศิ ทำง เปำ้ หมำย วัตถุประสงค์ของกำรทำงำน 5. สถำนศกึ ษำกำหนดนโยบำย กำรวำงแผนและพฒั นำโดยกำรมสี ว่ นร่วมของผูป้ ฏิบตั งิ ำน และผู้ที่เกี่ยวขอ้ ง จงึ ทำให้ประสบควำมสำเรจ็ ในกำรทำงำนและบรรลุเป้ำหมำย 6. สถำนศึกษำมกี ำรบรหิ ำรจัดกำรโดยยดึ กำรมีส่วนร่วมของบุคลำกร กำรมอบอำนำจกำร กระจำย อำนำจในกำรบรหิ ำรจัดกำรสถำนศึกษำ กำรประสำนกบั หนว่ ยงำนต่ำง ๆ กำรบริหำร โดยใชแ้ ผนงำน โครงกำรเปน็ เครื่องมือในกำรดำเนินงำน 7. สถำนศกึ ษำมีโครงสรำ้ งองคก์ รท่ีชัดเจนมคี ำสงั่ มอบหมำยทก่ี ำหนดขอบข่ำยหน้ำทข่ี องแต่ ละกลุ่ม งำนอย่ำงชัดเจน 8. สถำนศกึ ษำมีหลักสูตรและกจิ กรรมทห่ี ลำกหลำย สำมำรถใหบ้ ริกำรกบั ประชำชนไดท้ กุ กลุม่ เปำ้ หมำย

จดุ อ่อน (Weakness) 1. บคุ ลำกรส่วนใหญไ่ มไ่ ดจ้ บปริญญำทำงกำรศึกษำ ทำให้ขำดควำมร้คู วำมเข้ำใจและ ประสบกำรณ์ในกำรจัดกระบวนเรียนรู้ทเี่ นน้ ผู้เรยี นเปน็ สำคัญ 2. สถำนศึกษำไมม่ ีอัตรำบคุ ลำกรสนบั สนนุ กำรดำเนนิ กำรดำ้ นกำรเงนิ บญั ชี พสั ดุ ธุรกำร และผู้ดูแลพฒั นำระบบเทคโนโลยีสำรสนเทศโดยเฉพำะ ทำให้ครูไมม่ เี วลำในกำรคดิ และพฒั นำ นวตั กรรมใหม่ๆ มำใช้ในกำรจัดกระบวนกำรเรียนรู้ได้ เนอื่ งจำกตอ้ งใช้เวลำเพอ่ื ปฏิบตั งิ ำนในหน้ำที่ ดังกล่ำว 3. ขำดสง่ิ อำนวยควำมสะดวกในกำรนิเทศตดิ ตำมกำกับงำนในพ้นื ที่ ทำให้กำรนเิ ทศตดิ ตำม งำนขำดควำมคลอ่ งตัว 4. กำรขำดระบบกำรแนะนำและให้คำปรกึ ษำแก่นักศกึ ษำอย่ำงเพียงพอจึงส่งผลกระบทบตอ่ อตั รำกำรขำดเรียน และขำดสอบ 5. กำรวำงแผนกำรจัดกิจกรรม ตอ้ งมีกำรเปลีย่ นแผนบ่อยไม่เปน็ ไปตำมแผนท่ีกำหนด เน่ืองจำกมีภำรกิจเรง่ ดว่ นเขำ้ มำเป็นประจำ ปัจจยั ภำยนอก โอกำส (Opportunity) 1. มีกำรติดต่อประสำนงำนกับหน่วยงำนระดับอำเภอและผู้นำท้องถิ่นอย่ำงสม่ำเสมอและ ตอ่ เนื่องทำให้ไดร้ ับกำรสง่ เสรมิ สนับสนุนในกำรดำเนินงำนเปน็ อย่ำงดี 2. พ้ืนท่ีรับผิดชอบมีควำมก้ำวหน้ำทำงด้ำนเศรษฐกิจและสังคมทำให้ประชำชนมีควำม ต้องกำรและจำเปน็ ต้องพฒั นำตนเองในหลำยๆด้ำน เพื่อควำมก้ำวหน้ำในกำรทำงำนและกำรยอมรับ จำกสังคม ส่งผลให้มีผู้ต้องกำรเรียนกำรศึกษำขั้นพื้นฐำนเป็นจำนวนมำก ทั้งประชำชนในพื้นท่ีและ ประชำกร 3. พ้ืนท่ีรบั ผดิ ชอบมีแหลง่ เรียนรูห้ ลำยหลำยทส่ี ำมำรถเรียนรไู้ ด้ตำมต้องกำร 4. พน้ื ที่รับผิดชอบมสี ื่อประชำสมั พันธ์ท่หี ลำกหลำยครอบคลุมทั่วทกุ พนื้ ที่ 5. พนื้ ทรี่ บั ผิดชอบมสี ภำพเศรษฐกิจท่ดี ี เนื่องจำกเป็นเมืองทอ่ งเทยี่ วทีส่ ำคญั ของประเทศ 6. ลักษณะของพื้นที่รับผิดชอบมีทั้งสังคมเมืองและสังคมเกษตรทำให้สำมำรถจัดกิจกรรมได้ หลำกหลำย

อปุ สรรค (Threat) 1. สงั คมมองว่ำผเู้ รียน กศน. ไม่มีคณุ ภำพ 2. ประชำชนสว่ นใหญป่ ระกอบอำชพี มีงำนทำ ทำใหไ้ ม่มีเวลำเรียนหรอื เขำ้ รว่ มกจิ กรรม 3. กำรที่พ้ืนที่รับผิดชอบมีลักษณะเป็นสังคมเมืองโดยเฉพำะในเขตเมืองพัทยำที่มีประชำชน อยู่อยำ่ งหนำแนน่ และมปี ระชำกรแฝงอยเู่ ป็นจำนวนมำก กำรสำรวจข้อมลู ต่ำง ๆ ทำได้ยำก 4. ผู้เรียนมีควำมแตกต่ำงทั้งด้ำนอำยุ ฐำนะ สภำพกำรเล้ียงดู ทัศนคติและค่ำนิยม กำรจัด กระบวนกำรเรียนรเู้ พ่ือพัฒนำผเู้ รยี นจงึ ทำได้ยำก ปรัชญำ วิสยั ทัศน์ วิสยั ทศั น์ ของ กศน.ตำบลพลตู ำหลวง ปรัชญำ “กำ้ วไปกบั ICT” วิสัยทศั น์ คนไทยได้รบั กำรศกึ ษำตลอดชวี ติ ทมี่ คี ุณภำพ อยำ่ งท่ัวถึงกนั และเทำ่ เทียมกันเพอ่ื ให้เกดิ สงั คมแห่ง กำรเรียนรู้อย่ำงย่งั ยืน นำ ICT ส่งเสรมิ ควำมรู้อยำ่ งสโู่ ลกไร้พรมแดน พันธกจิ 1. จดั และส่งเสริมกำรศึกษำนอกระบบและกำรศกึ ษำตำมอัธยำศยั เพอื่ สรำ้ งสงั คมแหง่ กำร เรียนรูต้ ลอดชวี ิต 2. ส่งเสรมิ และสนับสนนุ กำรมสี ว่ นรว่ มของภำคีเครือขำ่ ยและชุมชน ในกำรจัดกำรศกึ ษำนอก ระบบและกำรศกึ ษำตำมอธั ยำศยั 3. สง่ เสรมิ และพัฒนำกำรนำเทคโนโลยที ำงกำรศึกษำ และเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำร ส่อื สำรมำใช้ให้เกิดประสทิ ธิภำพในกำรจัดกำรศกึ ษำนอกระบบและกำรศึกษำตำมอัธยำศัย 4. พฒั นำหลกั สตู ร รปู แบบกำรจัดกจิ กรรมกำรเรียนรู้ สื่อและนวตั กรรม กำรวดั และ ประเมนิ ผลในทุกรูปแบบ 5. พัฒนำบุคลำกรและระบบกำรบริหำรจดั กำรเพอ่ื มุง่ สู่กำรจดั กำรศึกษำทีม่ ีคุณภำพโดยยึด หลักธรรมำ ภิบำลและกำรมสี ว่ นร่วม