06 G E B I N 1 0 1 | ก ร ะ บ ว น ก า ร คิ ด แ ล ะ ก า ร แ ก้ ปั ญ ห า Process of Thinking and Problem Solving
วิ ธี ก า ร คิ ด 2 การคดิ เชิงวิเคราะห์ | การคดิ เชิงสงั เคราะห์ | การคดิ เชิงสร้างสรรค์ | การคดิ เชิงวิพากษ์ | การคดิ เชิงมโนทศั น์ | การคดิ เชงิ ระบบ | การคดิ เชิงกลยทุ ธ์ GEBIN101 | RMUTL.
การคดิ เชิงระบบ (System Thinking)
ก า ร คิ ด การคิดเชิงระบบ คือ ทกั ษะในการมองภาพรวม การมองให้เหน็ ความสมั พนั ธ์ระหวา่ ง เ ชิ ง ร ะ บ บ สง?ิ ตา่ ง ๆ มากกวา่ การมองเฉพาะสง?ิ ใดสงิ? หนงึ? และการมองให้เหน็ ลกั ษณะรูปแบบการ เปลยี? นแปลงท?ีเกิดขนึ L มากกวา่ การมองเฉพาะ เหตกุ ารณ์ท?ีเกิดขนึ L เฉพาะจดุ
อ ย่ า ง ไ ร จึ ง เ รี ย ก ว่ า \" ร ะ บ บ \" 5 สว่ นประกอบ (Elements) ความเชDือมโยง (Linkage) กลไกการทํางาน (Mechanism) GEBIN101 | RMUTL.
GEBIN101 | RMUTL. ตั ว อ ย่ า ง ร ะ บ บ เ ค รDื อ ง บิ น โ ด ย ส า ร 6
GEBIN101 | RMUTL. ตั ว อ ย่ า ง ร ะ บ บ ร่ า ง ก า ย 7
GEBIN101 | RMUTL. ตั ว อ ย่ า ง สาํ ร ว จ สุ ข ภ า พ ค น ไ ท ย 8
พิ จ า ร ณ า ดู ตั ว เ ร า คิ ด เ ป็ น ร ะ บ บ แ ล้ ว ห รื อ ยั ง 9 สว่ นประกอบ (Elements) ความเชDือมโยง (Linkage) กลไกการทํางาน (Mechanism) GEBIN101 | RMUTL.
GEBIN101 | RMUTL. ตั ว อ ย่ า ง ผ ล ง า น นั ก ศึ ก ษ า 10
GEBIN101 | RMUTL. ตั ว อ ย่ า ง ผ ล ง า น นั ก ศึ ก ษ า 11
GEBIN101 | RMUTL. ตั ว อ ย่ า ง ผ ล ง า น นั ก ศึ ก ษ า 12
ความสาํ คัญของการคดิ เชงิ ระบบ การคดิ เชิงระบบมีความสาํ คญั ดงั นี :(Checkland. 1981 : 35) 1.ชว่ ยให้เกิดความคดิ เพRือพฒั นาองค์กรในภาพรวมได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ 2.ประสานงานร่วมกบั บคุ คลอRืนให้เป็นไปตามกระบวนการ และระบบการบริหารงานภายใน 3.สามารถแก้ปัญหา ตดั สนิ ใจ ได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ 4.แก้ไขปัญหาข้อขดั แย้งทีRจะเกิดขนึ : ในองค์กรได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ 5.เพืRอมองเหน็ กระบวนการเปลยRี นแปลงทRีจะเกิดขนึ : กบั ระบบภายในองค์กรอยา่ งเป็นระบบเชืRอมโยง ตดิ ตอ่ กนั และสามารถแก้ไขสถานการณ์เอยา่ งมีประสทิ ธิภาพ GEBIN101 | RMUTL. 13
ประเภทของการคดิ เชงิ ระบบ การคดิ เชิงระบบแบง่ ออกเป็น 2 ประเภท ดงั นี : • การคดิ ระบบโดยทางตรง มงุ่ กระทําโดยตรงมีเปา้ หมายกบั สงRิ ใดสงRิ หนงึR ไมจ่ ําแนก รูปแบบการคดิ ตาม พืน: ฐานของมนษุ ย์ แตแ่ ยกรูปแบบการคดิ โดยมงุ่ ทRีเปา้ หมาย หรือวตั ถปุ ระสงค์ โดยจําแนกออกเป็น 3 แบบ 1. การคดิ เพRือรู้เข้าใจหนว่ ยระบบ 2. การคดิ เพืRอวิเคราะห์และประเมินหนว่ ยของระบบ 3. การคดิ เพRือออกแบบ และก่อตงั: หนว่ ยระบบ • การคดิ ระบบโดยทางอ้อม คือ การคดิ เชิงระบบโดยอาศยั พืน: ฐานแหง่ การคดิ เชน่ การวิเคราะห์ การ อปุ มา อปุ มยั การคดิ สงั เคราะห์ การคดิ สร้างสรรค์ การประเมินคา่ ฯลฯ การคดิ เชิงระบบโดยทางอ้อม การคดิ เป็นพฤตกิ รรมทางสมองทRีสมองกระทํากบั วตั ถคุ วามคดิ (Object of thinking) ซงึR เรียกวา่ มโนมติ (Concept) มโนมตขิ องคนเราอาจมีหลายมติ ซงRึ เกิดขนึ : จากประสบการณ์ และ การคดิ ขนึ : เองจากโลกแหง่ ความ เป็นจริง หรือจินตนาการจากโลกมายาก็ได้ GEBIN101 | RMUTL. 14
ความคดิ เชิงระบบ การคดิ เชิงระบบจะต้องมีคณุ สมบตั ิ ดงั นี 8 1. การคดิ แบบมีความเป็ นองค์รวม (Holistic) หรือ Wholeness เป็นการประเมินองค์ประกอบของสถานการณ์หรือสภาพปัญหาของหนว่ ยงาน ในภาพรวมทงั8 หมด 2. การคดิ เป็ นเครือข่าย (Networks) เป็นการคดิ เชHือมโยงปฏิสมั พนั ธ์ของระบบตา่ งๆ ทHีประกอบกนั ขนึ 8 มา เป็นเครือขา่ ยของระบบ 3. คดิ เป็ นลาํ ดบั ชันS (Hierarchy) ระบบหนงึH ๆ อาจจะมาจากระบบยอ่ ยๆ หลายระบบทีHประกอบกนั ขนึ 8 มา และในระบบยอ่ ยเองก็มีความสมั พนั ธ์ของสว่ นตา่ งๆ ทีHเป็น องค์ประกอบของระบบ 4. คดิ แบบมีปฏสิ ัมพนั ธ์ต่อกัน (Interaction) ระหวา่ งระบบด้วยกนั ทงั8 ระบบยอ่ ยกบั ระบบยอ่ ยด้วยกนั ระบบใหญ่กบั สภาพแวดล้อม ซงHึ การเปลยีH นแปลงของระบบยอ่ ยจะ มีผลตอ่ ระบบใหญ่ด้วย 5. คดิ อย่างมีขอบเขต (Boundary) ระบบหนงHึ ๆ มาจากระบบยอ่ ยหลายระบบ และระหวา่ งระบบยอ่ ย และระบบใหญ่ตา่ งมีขอบเขตทีHแสดงให้เหน็ วา่ ระบบนนั8 ๆ ครอบคลมุ อะไรบ้าง และอะไรบ้างทีHอยนู่ อกเขตแดน ซงHึ ในความเป็นจริงระบบก็ไมไ่ ด้แยกเขตแดนกนั อยา่ งเดด็ ขาด แตม่ ีการทบั ซ้อน (Overlap) กนั อยู่ 6. คดิ อย่างมีแบบแผน (Pattern) ระบบจะต้องมีความคงทHีแนน่ อน เพืHอเป็นหลกั ประกนั วา่ กระบวนการทํางานทกุ อยา่ งในทกุ ๆ ขนั8 ตอน จะไมเ่ บHียงเบนไปจากเปา้ หมาย โดยรวมของระบบ 7. คดิ อย่างมีโครงสร้าง (System Structure) แตล่ ะสว่ นทีHประกอบเป็นระบบมีความเป็นตวั ของตวั เอง มีความเป็นอิสระ แตก่ ็มีความเชืHอมโยงกนั อยา่ งเหมาะสมทําหน้าทีH อยา่ งสมั พนั ธ์กนั ทํางานเสริมประสานกนั กบั สว่ น อHืนๆ เพืHอให้บรรลเุ ปา้ หมายของระบบโดยรวม 8. คดิ อย่างมีการปรับตวั ต่อการเปลjียนแปลง (Adaptation) ระบบตา่ งๆ จะมีการปรับตวั และพยายาม สร้างสภาวะสมดลุ และคงความสมดลุ นนั8 ไว้ ด้วยการจดั ระบบ ภายในตนเอง (Self Organize) 9. คดิ เป็ นวงจรป้อนกลับ (Feedback - Loops) เป็นการคดิ ในลกั ษณะเป็นวง (Loops) มากกวา่ จะเป็นเส้นตรง ทกุ สว่ นตา่ งมีการเชืHอมตอ่ ทงั8 โดยตรงและโดยอ้อม GEBIN101 | RMUTL. 15
GEBIN101 | RMUTL. คิ ด ใ ห้ เ ป็ น ร ะ บ บ เข้ าใจโครงสร้ าง ลาํ ดบั ขัน6 ตอน กระบวนการ และการจดั สรรทรัพยากร ท@เี ป็ นระบบ 16
ป ร ะ โ ย ช น์ ข อ ง 17 ก า ร คิ ด เ ชิ ง ร ะ บ บ • สามารถวางแผนงาน • จดั การทรัพยากร • จดั สรรบคุ ลากรได้อยา่ งชดั เจน มีประสทิ ธิภาพ • ชว่ ยลดความผิดพลาด • ประหยดั เวลาและต้นทนุ ในการทํางาน GEBIN101 | RMUTL.
แ น ว ท า ง ใ น ก า ร คิ ด เ ชิ ง ร ะ บ บ 1. คดิ แบบเหน็ ภาพรวมทงัA ระบบ 2. คดิ เป็นลาํ ดบั ขนัA ตอน เป็นกระบวนการเป็นแผนงาน 3. คดิ ครอบคลมุ ทกุ ปัจจยั และองค์ประกอบ 4. คดิ แบบเรียงลาํ ดบั ความสาํ คญั 5. คดิ แบบวิเคราะห์เป็นเหตเุ ป็นผลข้อดี ข้อเสยี 6. คดิ แบบเชLือมโยง สอดคล้องกนั ทงัA ระบบเพLือให้การทํางานบรรลเุ ปา้ หมายได้อยา่ ง มีประสทิ ธิภาพ และประสทิ ธิผล GEBIN101 | RMUTL. ***อาจารย์ราเชนทร์ พนั ธ์เุ วช ผ้เู ชี5ยวชาญด้านการบริหารและพฒั นาบคุ ลากร 18
GEBIN101 | RMUTL. เ ค รDื อ ง มื อ สาํ ห รั บ ใ ช้ ใ น ก า ร คิ ด อ ย่ า ง เ ป็ น ร ะ บ บ Grow Model / 5W+2H / Time Management Matrix / วงจร PDCA / Fish Bone Diagrams /Tree Diagram / Cause and Effect / Process Mapping และอืRนๆ 19
IS - IS Not (Comparative) GEBIN101 | RMUTL. 20
IS - IS Not (Comparative) GEBIN101 | RMUTL. 21
วิ ธี ก า ร คิ ด ข อ ง W h y - W h y A n a l y s i s GEBIN101 | RMUTL. 22
ก า ร วิ เ ค ร า ะ ห์ ด้ ว ย เ ท ค นิ ค W h y - W h y คื อ อ ะ ไ ร GEBIN101 | RMUTL. 23
เ ท ค นิ ค วิ เ ค ร า ะ ห์ ห า ส า เ ห ตุ ด้ ว ย W h y - W h y GEBIN101 | RMUTL. 24
ก า ร แ ก้ ปั ญ ห า เ ชิ ง ร ะ บ บ ( S y s t e m A p p r o a c h ) 25 หลักการแก้ ปัญหาอย่างมีขันA ตอนนันA ซึLงเราเรียกว่า “การแก้ ปัญหาเชิงระบบ (System Approach)” ซLึงเป็นกระบวนการในการแก้ปัญหาอย่างมีขันA ตอน สามารถใช้ได้กับปัญหาทุก ปัญหา เราสามารถแยกเป็นขนัA ตอนตา่ ง ๆ อยา่ งคร่าว ๆ ได้ดงั นี A 1. วิเคราะห์ แยกแยะ และทําความเข้าใจในปัญหา 2. พฒั นาวิธีการแก้ปัญหา 3. เลอื กวิธีการทีLตรงกบั ความต้องการมากทLีสดุ 4. ออกแบบวิธีการแก้ปัญหาทีLเลอื กใช้ 5. นําวิธีการทLีออกแบบไปใช้ในการแก้ปัญหา 6. ตดิ ตามผลและประเมินถงึ ผลการปฏิบตั งิ าน 7. แก้ไขจดุ บกพร่อง GEBIN101 | RMUTL.
การประยุกต์ใช้วธิ ีการเชงิ ระบบ 26 1. Need Identification and Objective setting ….ระบวุ ตั ถปุ ระสงค์ให้ได้ 2. Alternative ……แนวทางเลอื กทLีเหมาะสม 3. Designing anก implementing…….ออกแบบและนําไปสกู่ ารปฏิบตั ิ 4. Evaluation………..การประเมินผล 5. Feedback and Modification……………ดผู ลลพั ธ์ทLีได้และปรับให้เหมาะสม GEBIN101 | RMUTL.
กิ จ ก ร ร ม ท(ี 6 คิ ด อ อ ก แ บ บ แ ก้ ไ ข ปั ญ ห า อ ย่ า ง เ ป็ น ร ะ บ บ ใช้ข้อมลู จากการวิเคราะห์ปัญหาอยา่ งสร้างสรรค์ และการ นําเสนอ infographic ออกแบบแนวทางการแก้ปัญหาให้เป็น ระบบมากย?ิงขนึ L
ใ ห้ นั ก ศึ ก ษ า ย ก ตั ว อ ย่ า ง ก า ร คิ ด เ ชิ ง ร ะ บ บ ใ น ด้ า น ต่ า ง ๆ 1. อตุ สาหกรรม 2. สงิD แวดล้อม 3. เศรษศาสตร์ 4. สขุ ภาพ 5. เกษตรกรรม 6. อาหาร 7. กีฬา 8. การศกึ ษา GEBIN101 | RMUTL. 28
ป ร ะ ยุ ก ต์ ห ลั ก ก า ร 29 คิ ด เ ชิ ง ร ะ บ บ เ พืD อ นํา ไ ป ใ ช้ แ ก้ ไ ข ปั ญ ห า ใ น ป ร ะ เ ด็ น ก ลุ่ ม ประเดน็ ปัญหา “วิกฤติ COVID-19 - ไวรัสโคโรนาใน ประเทศไทย” GEBIN101 | RMUTL.
พิ จ า ร ณ า ใ ห้ คิ ด เ ป็ น ร ะ บ บ ม า ก ขึ oน ขนั: ทีR 1 การค้นพบปัญหาและระบปุ ัญหา สว่ นประกอบ (Elements) ขนั: ทRี 2 การเตรียมและรวบรวมข้อมลู ความเชDือมโยง (Linkage) ขนั: ทRี 3 การวเิ คราะห์ กลไกการทํางาน (Mechanism) ขนั: ทีR 4 การคดั เลอื กข้อมลู ขนั: ทRี 5 การประมวลความคดิ ***ขนัC ตอนการพฒั นาความคดิ สร้างสรรค์ตามแนวคดิ ของ ออสบอร์น ขนั: ทีR 6 การสงั เคราะห์รวบรวมข้อมลู ขนั: ทRี 7 การประเมินผล GEBIN101 | RMUTL. 30
GEBIN101 | RMUTL. ตั ว อ ย่ า ง กิ จ ก ร ร ม ทDี 4 31
GEBIN101 | RMUTL. ตั ว อ ย่ า ง กิ จ ก ร ร ม ทDี 5 32
Q&A Any Questions? GEBIN101 | RMUTL. 33
Thank You 34 GEBIN101 | RMUTL.
Search
Read the Text Version
- 1 - 34
Pages: