Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ใบความรู้ วิชาภาษาไทย ม.ปลาย

ใบความรู้ วิชาภาษาไทย ม.ปลาย

Published by pookpuy1, 2022-05-31 07:04:03

Description: ใบความรู้ วิชาภาษาไทย ม.ปลาย

Search

Read the Text Version

ใบความรู้ เร่อื ง หลักการจับใจความสาคัญของเร่อื งที่ฟังและดู รายวชิ า ภาษาไทย ระดับ มัธยมศึกษาตอนปลาย การวเิ คราะห์ วิจารณ์ แสดงความคดิ เห็นจากการฟัง การฟงั นบั ว่ามีความสาคัญย่ิงในการสง่ สารข้อมลู ต่างๆ แต่ถ้าฟังไม่ถูกวธิ กี ็จะไม่กอ่ ประโยชนเ์ ท่าที่ควร และบางกรณอี าจเป็นโทษอกี ด้วย หลักการฟังท่วั ไปมดี ังน้ี 1. มมี ารยาทในการฟัง โดยการแสดงความกระตือรอื ร้นที่จะฟัง ตัง้ คาถามตามความเหมาะสม ยอมรับ ฟังความคดิ เหน็ ที่แตกตา่ งกันออกไป และรจู้ กั ควบคมุ อารมณ์ 2. ตั้งความประสงค์ในการฟังใหแ้ น่นอน และพยายามฟังให้ได้ตามความมงุ่ หมายมากทสี่ ดุ ใช้ วิจารณญาณเลือกเฟ้นแต่เรอ่ื งท่ีควรฟัง และหลีกเลยี่ งเรื่องทไี่ มเ่ หมาะสม รจู้ ักแยกแยะส่วนทเ่ี ปน็ ขอ้ เท็จจริง และความคดิ เห็น รู้จกั ใชเ้ หตุผลประกอบในการลงความเห็นรจู้ กั การใช้ศลิ ปะในการฟังคือ การใช้ความ สามารถและไหวพรบิ ทีจ่ ะให้ผู้พูดมีความสบายใจทีจ่ ะพูดและพดู ไดต้ รงจุดประสงค์ของผ้ฟู ัง เชน่ การแสดงใหผ้ ู้ พูดเหน็ วา่ เราต้ังใจฟงั เปิดโอกาสใหผ้ ู้พูดได้พดู เต็มทแี่ ละแทรกคาถามทเี่ หมาะสมในโอกาสอันควรจดบนั ทึก สาระสาคัญและประเดน็ ที่ควรซักถามเพิ่มเติม การจบั ใจความสาคญั ของเร่ือง การฟังมีความมงุ่ หมายประการสาคัญเพอ่ื แสวงหาความรแู้ ละ เสริมสรา้ งสตปิ ญั ญาการฟงั ที่จะสัมฤทธ์ิผลดงั กล่าวจะตอ้ งมคี วามสามารถจับใจความสาคัญและใจความอนั ดบั รองของเรื่องที่ฟงั ไดร้ วดเร็วถกู ตอ้ ง หลักการพจิ ารณาใจความสาคญั และใจความสาคัญอันดบั รองมีดังน้ี 1. ฟงั เร่ืองทัง้ หมดใหจ้ บ 2. เรื่องท่ีฟงั เกีย่ วกบั อะไร 3. มคี วามสาคัญอยา่ งไร 4. เหตุเกิดท่ีไหน 5. เกิดจากสาเหตอุ ะไร 6. ผลท่ีเกดิ ข้ึนเปน็ อย่างไร การฟังอยา่ งมีวจิ ารณญาณ การฟงั นับว่าเป็นปัจจยั สาคญั ทส่ี ดุ ในการรับสาร ในชวี ิตประจาวันคนเรา มกี ารรับฟังเรือ่ งราวมากมาย การฟงั คาพูดของคนที่คุน้ เคยหรือใกลช้ ิดอาจจะไม่ก่อใหเ้ กิดปญั หามากนัก เพราะ เรารูภ้ ูมิหลงั ของผู้พูดและเร่ืองทีร่ ับฟงั ส่วนมาก แตล่ ะวันแตใ่ นปจั จุบันการสือ่ สารในดา้ นต่างๆ เจริญมากขึ้นไม่ จากดั แต่เพียงแต่ฟังกบั คนท่ีเราพูดดว้ ยแต่เราก็ฟังทางสื่ออิเลคทรอนคิ สต์ ่างๆ เช่น วทิ ยุ โทรศพั ทเ์ ทปเสยี ง เทป ภาพวิทยุโทรทศั น์ ซ่ึงการฟงั ไม่ได้ประจันหน้ากันบางครง้ั เป็นการสอื่ สารทางเดียวมแี ต่รับฟังเทา่ นั้น ไมส่ ามารถ ทจ่ี ะซักถามได้อย่างละเอยี ดถี่ถ้วนจึงทาให้ก่อเกิดความไมเ่ ข้าใจไมต่ รงกัน หรือบางครั้งการประกาศภัยพิบตั ิ ต่างๆ ทเ่ี กดิ ข้นึ ตามธรรมชาติหรอื มนษุ ยเ์ ป็นผู้กระทาขน้ึ การโฆษณาชวนเชอื่ และข่าวลอื เรื่องต่างๆ ในการฟัง เรื่องราวตา่ งๆ ดังกลา่ วถา้ หากเกดิ ฟงั แล้วเช่ือหรือไม่เชื่อแล้วนาไปปฏบิ ัติหรอื งดเว้นการปฏบิ ตั ิ หากเกดิ ความ พลาดพลั้งอาจเกิดผลเสยี หายอยา่ งรา้ ยแรงตามมาได้ ดงั น้ันการฟังขา่ วสารตา่ งๆ จะฟังอยา่ งธรรมดาไม่พินจิ พเิ คราะหข์ ่าวสารที่ได้รบั น้ันไมไ่ ด้ การวินิจฉัยวิเคราะห์วิจารณข์ ่าวสารวา่ เป็นจรงิ หรอื เปน็ เท็จควรเชอื่ ถือมาก นอ้ ยเพียงใดจะตอ้ งใชค้ วามคิดใครค่ วรด้วยเหตุผล ปญั ญาและประสบการณ์ ทาความเข้าใจในสถานภาพและดู เจตนาของผสู้ ง่ สาร วา่ มีข้อเท็จจรงิ หรอื มปี ระโยชน์ มีคณุ มีโทษเพยี งใด ควรทจ่ี ะเชื่อแลว้ ปฏิบัตติ ามหรอื ไม่ การ ฟังสารตามลักษณะดงั กลา่ วเรียกว่าการฟังอย่างวจิ ารณญาณ ดังนั้นการฟังอยา่ งมีวิจารณญาณต้องประกอบไป

ด้วยการใช้ปัญญาในการวิเคราะหพ์ ินจิ พิจารณาไต่ตรอง เพอื่ คน้ หาข้อเทจ็ จรงิ สามารมารถวเิ คราะห์ตัดสนิ ใจ และประเมินค่าสงิ่ ทีฟ่ ังได้ หลักการฟงั อย่างวิจารณญาณ การฟังอย่างวจิ ารณญาณมีหลักปฏบิ ัตดิ ังน้ี 1. ผฟู้ งั พิจารณาว่า ฟงั เรื่องอะไรเป็นการฟังประเภทบทความ บทสมั ภาษณ์การเล่าเรื่องสรปุ เหตกุ ารณ์ ใครเปน็ คนพดู คนสัมภาษณ์ ใครเปน็ คนเขยี นบทความ และหัวขอ้ น้ันมีคุณคา่ แก่การฟงั หรือไม่ 1.1 พจิ ารณาผ้สู ่งสารวา่ มจี ุดมุ่งหมาย และมีความจริงใจในการสง่ สารนน้ั เพยี งใด 1.2 พิจารณาผู้สง่ สารวา่ มีความรู้ ประสบการณห์ รอื ความใกลช้ ดิ กบั เรื่องราวในสารนั้น เพียงใด 1.3 พิจารณาผสู้ ่งสารว่าใชก้ ลวิธใี นการสง่ สารนัน้ อยา่ งไร คือวธิ ีการธรรมดาหรือยอกย้อน ซอ่ นปมอย่างไร 1.4 พจิ ารณาเน้ือหาของสารวา่ ส่วนใดเปน็ ขอ้ เทจ็ จริง ส่วนใดเป็นข้อคดิ เหน็ 1.5 พิจารณาสารวา่ เปน็ ไปได้ และควรเชอ่ื เพียงใด 1.6 ผูฟ้ งั ควรประเมินว่าส่ิงท่ีฟงั มีประโยชน์และมีคณุ ค่ามากน้อยเพยี งไร หลกั การแยก ขอ้ คิดเหน็ และข้อเทจ็ จริง ในการรับฟงั สาร นอกจากจะจับใจความสาคญั ของเรอื่ งทฟ่ี งั แล้ว นกั เรยี นจะตอ้ งแยะ แยะไดว้ ่า ใจความตอนใดเป็นข้อคิดเหน็ ส่วนตวั ของผูพ้ ูดซ่ึงจะมีลกั ษณะเม่ือพจิ ารณาความถกู ต้องได้ยาก และ ตอนใดเปน็ ขอ้ เท็จจรงิ ซึง่ เปน็ เร่อื งทีส่ ามารถพิสจู น์ความถูกตอ้ งได้ การแยกข้อเท็จจรงิ และขอ้ คิดเหน็ มีดงั น้ี 1. การแยกข้อเทจ็ จรงิ เป็นขอ้ มลู ทีส่ ามารถพิสูจนไ์ ด้ เห็นวา่ เปน็ จริงหรือเปน็ เทจ็ ได้จากตัวเลขเชงิ ปรมิ าณตา่ งๆ ที่มีอยซู่ ึ่งทาการตรวจสอบไดด้ งั นี้ เช่นประชา หนกั 50 กิโลกรัม ,โอภาสสงู กวา่ เสกสรรค์ เปน็ ตน้ 2. ความคดิ เห็นเปน็ เร่ืองของการคาดคะเนหรือการทานายโดยอาศยั เหตผุ ลสว่ นตัวซึง่ ควรจะเปดิ โอกาสใหม้ ีการโตแ้ ยง้ หรอื สนับสนุน เช่น ของเก่าดีกวา่ ของใหม่ มีเงนิ ดีกว่ามีเกียรติ การฟงั เพอ่ื ประเมินคา่ การฟงั เพื่อประเมินคา่ เปน็ การตรวจสอบว่าสิ่งที่ฟัง ถูกตอ้ งชดั เจนมเี หตผุ ล เชอ่ื ถอื ไดห้ รือไม่การฟงั เพือ่ ประเมินค่าเป็นแสดงความคิดเห็นต่อข้อมลู ที่ไดร้ ับน้ันวา่ เป็นความจรงิ หรือเปน็ การโฆษณาชวนเช่ือ ซึง่ มี ลักษณะเปน็ การเผยแพรค่ วามคดิ ความเชอื่ และความคดิ เห็นด้วยกลอุบายต่างๆ เพื่อโนม้ น้าวจติ ใจของผูฟ้ ังให้ คล้อยตามทีต่ อ้ งการ และสิ่งทฟี่ งั นนั้ มีคณุ คา่ หรอื ไม่ดังนั้นการฟังเพ่ือประเมนิ คา่ จงึ เป็นการฟงั อยา่ งวเิ คราะห์ วิจารณเ์ พอื่ ค้นหาข้อเทจ็ จริงและตัดสนิ ส่ิงท่ีฟังวา่ มีคุณคา่ หรอื ประโยชนอ์ ย่างไร การฟังเพอ่ื ค้นหาข้อเท็จจริง การฟงั เพื่อคน้ หาข้อเท็จจรงิ เป็นการฟงั ทใ่ี ชค้ วามคดิ ไตร่ตรองและการวิเคราะห์อย่างมีเหตผุ ลจะช่วย ใหไ้ ด้ข้อมลู ท่ีถูกต้องเช่ือถือได้ การค้นหาข้อเทจ็ จริงต้องพิจารณาหลายๆ ด้านอย่างรอบคอบคือ 1. วเิ คราะห์เจตนาของผูพ้ ดู วา่ ผู้พดู มีจดุ มงุ่ หมายหรือเจตนาอย่างใดอย่างหนึ่ง 2. เจตนาผ้พู ูดเพอื่ ความบันเทิง เช่นการพูดในงานพบปะสังสรรคก์ นั เพ่ือใหเ้ กิดความสนุกสนานรน่ื เรงิ 3. เจตนาผู้พดู อาจเปน็ การบอกเลา่ แถลงการณร์ ายงานเรื่องราวตา่ งๆ เป็นการบอกเก่ียวกับการ ปฏบิ ตั งิ าน บรรยายเกยี่ วกบั ทางวชิ าการ เลา่ เหตุการณ์ทีไ่ ด้พบเห็นประสบมาเพื่อใหผ้ ู้อื่นไดม้ คี วามรู้ความเข้าใจ 4. ผู้พูดอาจมีเจตนาในการพูดเพอื่ ชักจูงใหเ้ ห็นให้คลอ้ ยตามหรือเปลยี่ นความคดิ ใหป้ ฏิบัติการอยา่ งใด อยา่ งหน่งึ ผู้พูดจะยกเหตุผลตา่ งๆ ใหผ้ ู้ฟงั เช่อื ถือ

5. วเิ คราะหน์ ยั ของเรื่องที่ฟัง คอื การพิจารณาสาระสาคญั ของเร่ืองที่ฟงั ว่าประเดน็ หลกั คืออะไร ผูพ้ ูด อาจจะพูดออกมาตรงๆก็ได้ หรืออาจมจี ุดมงุ่ หมายแอบแฝง อยผู่ ฟู้ งั จะตอ้ งวิเคราะหน์ ยั สาคญั และนัยแฝง โดย อาศัยความร้คู วามสามารถของผู้ฟงั ในการพิจารณาดงั นี้ 5.1 ขอ้ มูลและความคิดเห็นของผู้พูดจะต้องอาศยั เหตผุ ลในการพจิ ารณาดงั นี้ ก. ข้อมูลทร่ี บั ฟังน้ันมีความจริงมากน้อยเพยี งใดเป็นข้อมูลเก่าหรอื ข้อมูลใหม่ หรือว่าเป็น ความจรงิ ตามหลักตรรกวทิ ยา ซึ่งผฟู้ ังจะตอ้ งแยกแยะพจิ ารณาความเปน็ ไปได้ของข้อมูลและเจตคติของผู้พดู ใน บางครัง้ ข้อเท็จจรงิ และข้อคิดเห็นของผู้พูดจะแยกกนั อย่างเหน็ ได้ชัดเจนแต่บางครั้งผพู้ ูดจะพูดผสมผสาน ข้อเทจ็ จรงิ และข้อคิดเห็นของตนเขา้ ด้วยกัน ดังนน้ั จึงต้องแยกแยะออกจากกนั ใหช้ ัดเจน การโฆษณาชวนเชอื่ เปน็ การพดู ใหผ้ ้ฟู ังเช่ือและปฏิบัตติ าม ผฟู้ ังจะต้องพจิ ารณาแยกแยะให้ได้ว่า แนวทางทผ่ี ้พู ูดเสนอมานนั้ หาก ปฏบิ ัตติ ามแล้วจะเกิดผลอยา่ งไรเปน็ ประโยชน์ตอ่ ส่วนรวมหรอื ตอ่ ผู้ฟังอย่างไรบ้าง ข. ความสาคญั และความเปน็ มาของเรือ่ ง ว่าผู้พดู ไดแ้ สดงความสาคัญ ตลอดจนความเป็นมา ของเร่ืองอย่างไรเป็นเรอ่ื งทนี่ า่ สนใจทีผ่ ู้ฟังจะไดป้ ระโยชนห์ รอื ไม่ 5.2 เน้ือหาสาระผู้พูดไดพ้ ดู ได้ชัดเจนและพดู ไปตามลาดับความสาคญั ความยากง่ายของเรือ่ ง หรอื พดู ออกนอกประเด็น ยกตวั อยา่ งได้ชัดเจนเพยี งใด การฟงั เพ่ือตดั สินใจ การฟังเพื่อตดั สินใจเปน็ กระบวนการฟังชน้ั สูง ผู้ฟงั มีความสามารถจะตดั สินใจเลอื กส่ิงทด่ี ีท่ีสดุ ท่ีได้ จากการฟังนาไปใช้ใหเ้ กดิ แประโยชน์ หรอื เป็นแนวทางในการปฏิบตั ติ น ผู้ฟังจะต้องร้จู ักใชก้ ระบวนการคิดช่วย ในการตดั สนิ ใจแกป้ ัญหา หรือเลอื กแนวทางในการนาสิ่งใดส่ิงหน่ึง กระบวนการ คิดทเ่ี ป็นระบบน้นั ต้อง ประกอบด้วยข้อมลู สามดา้ น คือ 1. ข้อมูลเก่ียวกับตนเอง ต้องรจู้ กั ตนเองอยา่ งท่องแท้ โดยพิจารณาข้อมูลทกุ ด้าน เชน่ ดา้ นสขุ ภาพ รา่ งกาย ความรู้ วัยสถานภาพทางสงั คม เศรษฐกิจเป็นตน้ 2. ขอ้ มูลเกี่ยวกับสังคมและส่ิงแวดล้อม คอื พจิ ารณาผู้อ่ืน สง่ิ อ่ืนๆเช่นสภาพแวดล้อทางชมุ ชน ภูมิ ประเทศคุณธรรม ศลี ธรรมจรรยาคา่ นยิ ม สังคมตลอด จนธรรมเนียมประเพณี เป็นต้น 3. นาข้อมูลเกย่ี วกบั ด้านวชิ าการมาพิจารณารว่ มดว้ ยเพ่อื ตัดสนิ เรื่องใดเร่ืองหนึ่งไดถ้ ูกต้อง แหล่งท่ีมา : http://www.mwit.ac.th/~saktong/learn2/20.pdf


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook