คำนำ การวจิ ัยในครัง้ นี้มีจุดมงุ่ หมาย พฒั นากจิ กรรมการเรยี นร้สู าระนาฏศลิ ป์ ในการเรยี นการสอน รายวชิ านาฏศลิ ป์ ศ๒๓๑๐๑ ระดบั ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี ๓ หาค่าความสาเร็จในการเรียนนาฏศลิ ป์ โดยผู้วิจยั มี ความสนใจท่จี ะศึกษาสภาพการจัดการเรยี นรสู้ ื่อ Power Point การแสดงนาฏศลิ ป์พ้ืนเมือง ในสถานการณ์ การแพร่ระบาดเช้ือไวรัสโคโรนา เพ่อื ใช้เป็นส่อื การเรยี นรู้ สร้างความเข้าใจในเนอื้ หาบทเรียนในรูปแบบของ Power Point สื่อวดี โี อ และนักเรยี นสามารถร่วมกิจกรรมการเรียนการสอนเวลาใดกไ็ ด้ สถานทีใ่ ดก็ไดข้ ึน้ อยูก่ บั ความพร้อมของนักเรียน อีกท้ังสามารถเชือ่ มโยงแหลง่ เรยี นร้ตู ่างๆท่นี ักเรียนสนใจ ให้ฝกึ ปฏบิ ัติตามได้อย่าง เหมาะสม สรปุ ได้คือส่ือการเรยี นการสอนและการสอนแบบ Happy Leaning มีสว่ นสาคัญใน การจดั การ เรยี นการสอน ที่จะทาใหน้ ักศกึ ษาประสบความสาเรจ็ ในการเรียนในวิชานาฏศิลปไ์ ทย เรอื่ ง การแสดง นาฏศิลป์พ้นื เมอื ง และทาใหก้ ารจดั การเรยี นไมม่ คี วามน่าเบื่อ ดังนน้ั ในการเรยี นการสอนครง้ั ต่อไปจึง ตระหนกั ถึงเรอื่ งสื่อการเรียนการสอนให้มาก จงึ จะทาใหน้ กั เรยี นประสบความสาเรจ็ ใน การเรยี นในวชิ าวิชา นาฏศิลปไ์ ทย
สำรบัญ หน้ำ 1 ความเปน็ มาและความสาคญั 2 นิยามศพั ทเ์ ฉพาะ วัตถปุ ระสงคข์ องการวิจยั 3 ขอบเขตของการวิจยั ประโยชน์ท่ีคาดว่าจะได้รบั 4 งานการวจิ ัยท่ีเกี่ยวข้อง 6 เคร่อื งมอื ที่ใช้ในการวิจัย 7 ขั้นตอนการสร้างเครื่องมือ 8 การดาเนนิ การวิจยั /การเก็บรวบรวมขอ้ มลู สถติ ทิ ี่ใชใ้ นการวเิ คราะห์ข้อมลู 9 ผลการวิเคราะหข์ ้อมูล สรุปผลการวิจยั 10 ขอ้ เสนอแนะ 11 บรรณานกุ รม ภาคผนวก
ชอ่ื งำนวจิ ัย การจัดการเรยี นการสอนในรายวชิ านาฏศลิ ป์ไทย เรือ่ งการแสดงนาฏศิลปพ์ น้ื เมอื ง ของ นกั เรยี นชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3โรงเรียนมกุ ดาหาร โดยใชส้ อ่ื การสอน Microsoft Power ช่ือผู้วิจยั point ตำแหน่ง ภำคเรียนท่ี นางสาวทิพย์จิรา ภสู เี งนิ พนักงานราชการ 1/2564 ควำมสำคญั และทมี่ ำ การจดั การศึกษาไทย ในสังคมปัจจบุ นั ได้รับอทิ ธิพลจากกระแสโลกาภวิ ัตนท์ ่ีมีการเชื่อมโยง ในทกุ ดา้ นท่ัวโลก มีผลใหเ้ กดิ การเคล่อื นย้ายองค์ความรู้ การเปดิ เสรีทางการศกึ ษาอันมีผลทาใหเ้ กดิ การผลักดัน ให้สถาบันการศึกษาไทยตอ้ งพัฒนาการจดั การศกึ ษาทีม่ คี วามเป็นสากล เป็นทีย่ อมรับทดั เทียมในระดบั สากลมากขนึ้ ซึง่ สถาบนั การศึกษาในปัจจบุ นั ไดพ้ ยายามคิดคน้ หรือหานวตั กรรมทางการศึกษาท่แี ปลก ใหมม่ าประยกุ ต์ใชใ้ นการพฒั นาการจดั การเรียนรู้ให้กับผเู้ รยี นในหลายลักษณะด้วยกัน เชน่ การศึกษา ทางไกล การเรยี นรู้ผ่านระบบออนไลน์ การเรียนรู้ผา่ น Video Conference, Website, e-Learning และ Webpage (ณริ ดา เวชญาลกั ษณ,์ 2561) การศกึ ษาออนไลน์ (Online Education) หรอื การจัดการเรยี นการสอนออนไลน์ (Online Learning and Teaching) เปน็ นวตั กรรมทางการศกึ ษาในยุคใหมภ่ ายใตอ้ ทิ ธพิ ลการขับเคล่อื นของ เทคโนโลยี เครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ (Computer Networks) และโลกแหง่ อินเทอรเ์ น็ต (Internet) ทม่ี กี าร เชือ่ มโยงและใช้ประโยชนก์ นั อยา่ งกวา้ งไกลแทบ ทกุ มุมโลก ซงึ่ การศกึ ษาออนไลนท์ เ่ี กิดขึน้ น้ี จะมกี รอบ แนวความคดิ คือการรวมกลมุ่ ทางสงั คม แหง่ การเรยี นรู้ เพ่ือจดุ ประสงคร์ ว่ มกนั ในการสื่อสารและการ สง่ ผา่ นความรู้รว่ มกันในสงั คมออนไลน์ เรียกว่า “สังคม แหง่ การแสวงหาความรู้หรือสงั คมแหง่ ปญั ญา” (Community of Inquiry) ในโลกแหง่ สังคมแหง่ ภมู ิปญั ญาหรือการ แสวงหาความร้นู าเทคโนโลยที างการ เรียนอิเลก็ ทรอนกิ ส์ (Electronics Learning) จะมีบทบาทและประสิทธภิ าพ คอ่ นขา้ งสงู ในการสร้างและ เช่อื มโยงองคค์ วามรใู้ นวิถีทางหรือรูปแบบตา่ งๆ ใหบ้ งั เกดิ ขนึ้ ในกิจกรรมทางการเรียน เทคโนโลยีทีเ่ ปน็ ฐาน สาคัญในการสร้างสรรคบ์ ทบาททางการเรยี นการสอนทางไกลดังกล่าวคอื “คอมพวิ เตอร์เพื่อการเรยี น ทางไกล” ทม่ี ีความแตกตา่ งจากการเรยี นทางไกลแบบดงั เดมิ ทวั่ ไป เทคโนโลยดี งั กลา่ ว จะช่วยสนบั สนนุ และสร้างการมีสว่ นรว่ มและการเสรมิ สรา้ งประสบการณท์ างการเรียนรู้ใหเ้ กิดขึน้ ในระบบการสอนนั้นๆ (สรุ ศกั ด์ิ ปาเฮ, 2561) ไวรสั โคโรนา (CORONAVIRUS) หรอื เรียกอีกชอื่ หน่ึงวา่ COVID-19 เป็นไวรสั ทมี่ กี ารแพรเ่ ช้อื จาก คนสคู่ น ในลักษณะเดียวกับไข้หวดั ใหญ่ โดยผา่ นการตดิ เชื้อจากละอองเสมหะจากการไอจาม ปจั จบุ ัน
ทางการแพทย์ยังไม่สามารถผลติ วัคซีนหรือยาตา้ นไวรสั จาเพาะได้ ทาไดร้ ักษาผ้ทู ่ตี ิดเชอ้ื และเฝ้าระวงั ผทู้ ม่ี ี ความเสยี่ งในการติดเชอ้ื นานา ประเทศตา่ งตระหนกั ถึงความรุนแรงของการแพร่ระบาดในคร้งั น้ี จงึ ได้ออกมาตรการในการควบคมุ ดแู ลและป้องกนั การแพรร่ ะบาดของไวรสั ดงั กลา่ ว สาหรับ ประเทศไทยรฐั บาลไดป้ ระกาศสถานการณฉ์ กุ เฉินในทกุ เขตท้องท่ีท่ัวราชอาณาจกั ร ตั้งแตว่ นั ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 จนถึงวันที่ 30 เมษายน พ.ศ.2563 เพอื่ ให้ประชาชนปฏิบตั ิตามมาตรการในการควบคุมการแพร่ ระบาดของไวรสั โคโรนา นอกจากมาตรการควบคุมแล้วรฐั บาลยังออกมาตรการ ป้องกนั โรคสาหรับ ประชาชนในการปกปอ้ งตนเองและการปฏบิ ตั ิตนที่เป็นการแสดงรับผิดชอบตอ่ สงั คม เช่น การใชห้ น้ากาก อนามัย เจลล้างมอื การหมน่ั ล้างมือ การไมส่ ัมผัส หรือรับเช้ือท่มี ากับฝอยละอองนา้ ลาย (ราชกิจจานุเบกษา, 2563) ดว้ ยวกิ ฤติการณ์การแพร่ระบาดของเชอ้ื ไวรสั covid-19 ทาให้ต้องปรบั การเรยี นการสอน จากการเรยี นการสอนในหอ้ งเรียน เปน็ การเรยี นการสอนผา่ นระบบออนไลนท์ าให้ครแู ละนักเรียนจะต้อง ปรบั เปลีย่ นพฤตกิ รรมการเรยี นในรปู แบบใหม่ เพ่ือให้กระบวนการเรียนการสอนดาเนนิ ไปด้วยความ เรยี บรอ้ ยและมีประสทิ ธิภาพ
จากปญั หาขา้ งต้น ผู้วิจยั มคี วามสนใจท่จี ะศกึ ษาสภาพการจดั การเรยี นรสู้ ื่อ Power Point การแสดง นาฏศิลปพ์ ้ืนเมือง ในสถานการณ์การแพรร่ ะบาดเชื้อไวรสั โคโรนา เพอื่ ใช้เปน็ ส่อื การเรียนรู้ สร้างความเขา้ ใจใน เนอื้ หาบทเรียนในรปู แบบของ Power Point สื่อวดี โี อ และนักเรยี นสามารถร่วมกจิ กรรมการเรยี นการสอนเวลา ใดกไ็ ด้ สถานทใี่ ดก็ได้ขน้ึ อยกู่ ับความพร้อมของนักเรยี น อกี ทัง้ สามารถเชือ่ มโยงแหลง่ เรียนรตู้ ่างๆทน่ี ักเรยี น สนใจ ให้ฝึกปฏบิ ตั ิตามไดอ้ ย่างเหมาะสม นิยำมศัพทเ์ ฉพำะ สื่อ PowerPoint หมายถงึ โปรแกรมหนง่ึ ทอี่ ย่ใู นชดุ ของ Microsoft Office โปรแกรมนเี้ นน้ ในเรอื่ ง การแสดงภาพประกอบคาอธิบาย ใชเ้ พอ่ื การนาเสนองาน (Presentation) โดยทาเป็นหน้าๆ อาจทาใหม้ ีเสยี ง บรรยายประกอบด้วยกไ็ ด้ โดยสอ่ื PowerPoint นเ้ี ปน็ เน้ือหาในเรอ่ื ง การละเลน่ พน้ื บา้ น ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียน หมายถงึ คุณลักษณะและประสบการณก์ ารเรยี นรู้ทเี่ กดิ ขึ้นจากการสอน จึง เป็นการตรวจสอบความสามารถหรอื ความสมั ฤทธ์ิผล (Level of Accomplishment) ของบคุ คลวา่ เรยี นรแู้ ลว้ มีความสามารถอย่างไรจากงานวิจัยนเี้ ปน็ การศกึ ษาผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนในเรอ่ื ง คณุ ลักษณะ และประสบการณ์การเรียนรู้ที่เกดิ ขน้ึ จากการสอน จึงเปน็ การตรวจสอบความสามารถหรือความสมั ฤทธิ์ผล (Level of Accomplishment) ของบคุ คลวา่ เรยี นรู้แล้ว มคี วามสามารถอยา่ งไรในเรือ่ ง การละเล่นพ้ืนบ้าน ในรายวชิ าพลศึกษา ความพึงพอใจต่อสื่อ PowerPoint หมายถงึ ความชอบทม่ี ีตอ่ สื่อ PowerPoint ท่ผี ู้วจิ ยั ใช้สอน ประกอบดว้ ย รปู แบบ และการนาเสนอ สีสนั และความสวยงาม น่าสนใจ และสร้างการเรียนรู้ จากสอื่ ทาใหน้ กั เรียนมคี วามสนใจและมคี วามพงึ พอใจต่อส่อื มากขนึ้ วตั ถปุ ระสงค์กำรวจิ ยั 1. เพื่อศกึ ษาความพงึ พอใจของผเู้ รียนทีม่ ตี อ่ สือ่ การสอน Power Point เร่ือง การแสดงนาฏศิลป์ พ้ืนเมอื ง 2. เพอ่ื สรา้ งแรงจูงใจให้กบั นกั เรยี นมคี วามสนใจในการเรียนมากยงิ่ ขึน้ 3. ผูเ้ รียนมคี วามเขา้ ใจการแสดงนาฏศิลป์พืน้ เมือง ประโยชน์ของกำรวิจยั 1. ทราบผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียน โดยใชส้ อื่ Power Point เรอื่ ง การแสดงนาฏศลิ ป์พืน้ เมอื ง 2. ทราบความพงึ พอใจทมี่ ตี ่อส่ือ Power Point เรอื่ ง การแสดงนาฏศิลปพ์ ้นื เมอื ง 3. สามารถนาสอ่ื Power Point นไ้ี ปสอนนกั เรียนในร่นุ ตอ่ ไป
ขอบเขตของกำรวจิ ัย กลุ่มตัวอยา่ ง คอื นกั เรียนช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 3 5A จานวน 173 คน ตวั แปรทศี่ กึ ษา คอื ตัวแปรอิสระ คือ สอ่ื Power Point เรือ่ ง การแสดงนาฏศลิ ป์พื้นเมอื ง ตัวแปรตาม คอื ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนในเรอ่ื ง การแสดงนาฏศิลปพ์ นื้ เมือง ของนกั เรยี นช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 3 5A ระยะเวลาในการวิจยั คอื วนั ที่ 2 กรกฎาคม -20 สงิ หาคม 2564 กรอบแนวคดิ ในกำรวิจยั ตัวแปรอิสระ ตัวแปรตำม สื่อ Power Point 1. ผลสมั ฤทธ์ิทางการ เรื่อง เรียน เร่ือง การละเล่น พ้ืนบา้ น การแสดงนาฏศิลป์ พ้นื เมือง 2. ความพงึ พอใจที่มีต่อ ส่ือ Power Point เร่ือง การละเล่นพ้ืนบา้ น เครอ่ื งมือทใี่ ชใ้ นกำรวิจยั เคร่อื งมอื ท่ใี ชใ้ นการวจิ ัย คือ ส่ือ Power Point และแบบสอบถาม กำรเกบ็ รวบรวมข้อมลู 1. ผู้วจิ ัยใช้ส่ือ PowerPoint เรอื่ ง การละเลน่ พื้นบ้าน 2. นกั เรยี นทาแบบทดสอบ เรอ่ื ง การละเลน่ พ้ืนบา้ น ผา่ น Google form 3. นาคะแนนของนักเรยี น มาสรปุ ผล แนวคิดและทฤษฎี ผู้วจิ ัยไดค้ น้ ควา้ เอกสารและงานวจิ ัยทเ่ี ก่ียวของดังนี้ 1. ควำมหมำยของส่อื กำรเรยี นรู้ คาวา่ \"ส่อื \" หมายถึง ส่ิงใดก็ตามทบี่ รรจขุ อ้ มูลเพื่อใหผ้ ้สู ง่ และผรู้ บั สามารถส่อื สารกันได้ตรงตาม วัตถปุ ระสงค์ เมื่อมกี ารนาส่อื มาใชใ้ นกระบวนการเรียน การสอนกเ็ รียกสอ่ื นน้ั ว่า \"สอื่ การเรียนการสอน\" หมายถึง ส่อื ชนดิ ใดกต็ ามทบ่ี รรจเุ นอ้ื หา หรอื สาระการเรยี นรู้ซงึ่ ผสู้ อนและผู้เรียนใชเ้ ปน็ เครื่องมือสาหรับ
การ เรียนรู้เน้อื หา หรอื สาระนน้ั ๆ การเรยี นการสอนในภาพลกั ษณ์เดิมๆ มกั จะเป็นการถ่ายทอดสาระ ความรูจ้ าก ผู้สอนไปยงั ผู้เรียน โดยใชส้ อื่ การเรียนการสอนเป็นตัวกลางในการถ่ายทอดความรู้ ความคดิ ทกั ษะและ ประสบการณ์ให้ผเู้ รยี นเกิดการเรียนรู้ ปจั จุบนั เปน็ ทย่ี อมรับกันโดยท่วั ไปแลว้ วา่ การเรียนรูไ้ มไ่ ด้ จากัด อยู่ เฉพาะในห้องเรยี น หรอื ในโรงเรียน ผู้สอนและผเู้ รียนสามารถเรียนรู้จากสอ่ื ต่าง ๆ อยา่ ง หลากหลาย สามารถ เรยี นรไู้ ด้ทุกเวลาและทกุ สถานท่ี สื่อทีน่ ามาใชเ้ พ่อื การเรียนร้ตู ามหลักสตู รการศกึ ษา ขั้นพื้นฐาน จงึ เรยี กวา่ \"สอ่ื การเรยี นร\"ู้ ซึง่ หมายถงึ ทุกสิง่ ทุกอยา่ งที่มีอยรู่ อบตัวไม่ว่าจะเปน็ วสั ดุ ของจริง บุคคล สถานที่ เหตุการณ์ หรอื ความคิดก็ตาม ถอื เปน็ สอ่ื การเรยี นรู้ท้ังสิน้ ขึน้ อยู่กบั วา่ เราเรียนรู้จากส่งิ นนั้ ๆ หรือนาสิง่ น้ัน ๆ ข้ามาส่กู าร เรยี นรู้ของเราหรอื ไม่ 2. กำรจำแนกประเภทของส่อื กำรเรียนรู้ ส่ือการเรยี นรสู้ ามารถจาแนกออกตามลักษณะได้เปน็ 3 ประเภท คอื 2.1 สื่อส่งิ พมิ พ์ หมายถงึ หนังสือและเอกสารสง่ิ พิมพต์ า่ ง ๆ ทแี่ สดงหรอื เรยี บเรียงสาระความร้ตู า่ ง ๆ โดยใช้ตัวหนังสือทเ่ี ป็นตัวเขยี นหรือตวั พิมพเ์ ป็นสือ่ ในการแสดงความหมายสื่อสิง่ พิมพ์มีหลายชนิด ไดแ้ ก่ เอกสาร หนงั สือเรียน หนังสอื พิมพ์ นติ ยสาร วารสาร บันทกึ รายงาน 2.2 สอ่ื เทคโนโลยี หมายถึง สอื่ การเรยี นรู้ท่ีผลติ ขน้ึ ใช้ควบคกู่ ับเคร่ืองมอื โสตทศั นวสั ดุ หรือ เครอื่ งมือ ท่เี ป็น เทคโนโลยใี หม่ ๆ เช่น แถบบนั ทึกภาพพรอ้ มเสยี ง (วิดีทศั น)์ แถบบนั ทกึ เสยี ง ภาพน่ิง สอ่ื คอมพวิ เตอร์ ช่วยสอน นอกจากนี้ส่ือเทคโนโลยี ยงั รวมถงึ กระบวนการตา่ ง ๆ ท่ีเกย่ี วข้องกบั การนา เทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ ใน กระบวนการเรียนรู้ เชน่ การใช้อินเทอร์เนต็ เพ่ือการ เรยี นรกู้ ารศึกษาทางไกล ผา่ นดาวเทียม เปน็ ต้น 2.3 สอื่ อน่ื ๆ นอกเหนอื จากสือ่ 2 ประเภททก่ี ลา่ วไปแลว้ ยังมสี ่อื อืน่ ๆ ทสี่ ง่ เสริมการเรยี นรูข้ อง ผู้เรียน ซงึ่ มคี วามสาคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าสอ่ื สง่ิ พิมพ์และสอ่ื เทคโนโลยี สือ่ ท่ีกล่าวนี้ ได้แก่ หมายถึง สิ่งมอี ยู่ ตามธรรมชาติและสภาพแวดลอ้ มรอบตวั เชน่ ป่าไม้ ภูเขา แมํ่น้า ปรากฏการณ์ธรรมชาติ เป็นตน้ 3. กิจกรรม / กระบวนกำร หมายถงึ กจิ กรรม หรอื กระบวนการทีผ่ สู้ อนและผู้เรียนกาหนดข้ึนเพือ่ สร้างเสรมิ ประสบการณ์การ เรียนรู้ ใช้ในการฝกึ ทักษะซง่ึ ตอ้ งใชก้ ระบวนการคิด การปฏบิ ัติ การเผชิญสถานการณ์และ การประยกุ ต์ ความรขู้ องผู้เรยี น เช่น บทบาทสมมติ การสาธิต การจัดนิทรรศการ การทาโครงงาน เกม เพลง เป็นตน้ 4.วัสดุ เคร่ืองมอื และอุปกรณ์ หมายถงึ วัสดทุ ี่ประดิษฐข์ น้ึ ใชเ้ พ่ือประกอบการเรียนรู้ เชน่ หนุ่ จาลอง แผนภูมิ แผนที่ ตาราง สถติ ิ รวมถงึ สือ่ ประเภทเครือ่ งมือและอปุ กรณ์ที่จาเปน็ ตอ้ งใชใ้ นการปฏิบตั งิ านต่าง ๆ เชน่ อุปกรณ์ทดลอง วทิ ยาศาสตร์ เคร่ืองมอื ชา่ ง เปน็ ต้น 5. หลักกำรและแนวคดิ ของสือ่ กำรเรียนรู้ตำมหลกั สูตร
การจัดการเรียนรู้ตามหลกั สูตรการศึกษาขัน้ พน้ื ฐานและหลกั สตู ร ของสถานศกึ ษา มุง่ สง่ เสริมให้ ผเู้ รยี น เรียนรดู้ ว้ ยตนเอง เรยี นรอู้ ย่างต่อเน่อื ง และใช้เวลาอยา่ งสรา้ งสรรค์ รวมท้งั มคี วามยดื หยนุ่ สนอง ความ ตอ้ งการของผู้เรียน ชมุ ชน สงั คมและประเทศชาติ ผ้เู รียนสามารถเรียนรไู้ ดท้ ุกประเภท รวมท้ัง เครือขา่ ยการ เรยี นรู้ ตา่ ง ๆ ที่มอี ย่ใู นทอ้ งถน่ิ ชมุ ชนและแหล่งอน่ื ๆ สือ่ ท่จี ะนามาใช้เพ่ือจดั การเรียนรู้ตาม หลักสตู รจะมี ลักษณะ ดงั น้ี 1. เนน้ สือ่ เพื่อการคน้ ควา้ หาความรดู้ ว้ ยตนเองทงั้ ของผเู้ รียนและผู้สอน 2. ผเู้ รยี นและผู้สอนสามารถจดั ทาหรือพฒั นาส่ือการเรยี นรู้ขึ้นเอง รวมทัง้ นาสื่อทม่ี อี ยรู่ อบตวั มาใช้ ใน การเรียนรู้ 3. รูปแบบของส่ือการเรยี นรคู้ วรมคี วามหลากหลาย เพื่อส่งเสริมให้การเรยี นรู้เป็นไปอย่างมีคณุ คา่ กระตุ้นให้ผู้เรยี นรู้จกั วิธีการแสวงหาความรู้ เกดิ การเรียนรู้อย่างกว้างขวางและต่อเนื่องตลอดเวลา ฉะน้นั ส่ือการเรยี นรตู้ ามหลักสตู รการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐานและหลกั สูตรสถานศึกษาจงึ ไม่จากัดอยเู่ พยี ง เฉพาะหนงั สอื เรยี นเทา่ น้ันผเู้ รยี นและผสู้ อนสามารถเรียนรไู้ ดจ้ ากสอ่ื ทกุ ประเภท อยา่ งไรกต็ ามส่อื ท่จี ะ นามาใช้ จัดการเรียนรคู้ วรมคี วามสอดคลอ้ ง กับวิธกี ารเรยี นรู้ ธรรมชาติของสาระการเรียนรู้ และศักยภาพ ของผเู้ รียน 6. สือ่ กำรเรียนกำรสอน หมำยถึงทกุ สง่ิ ทกุ อย่ำงที่สำมำรถนำไปใช้ในกำรเรยี นกำรสอนได้ 1. วัตถุ สง่ิ ของตามธรรมชาติ ต้นไม้ สัตว์ แร่ หนิ ดนิ ทราย 2. ปรากฏการณท์ างธรรมชาติ ลม ฝน ฟ้าแลบ ฟ้ารอ้ ง 3. วัตถสุ งิ่ ของทีค่ ดิ ประดษิ ฐ์ หรอื สร้างขึ้นสาหรับการเรยี นการสอน เชน่ แผนภาพ หุ่นจาลอง กระดานชอร์ค 4. คาพดู ภาษา ท่าทาง การยิม้ การแสดงอารมณโ์ กรธ 5. วสั ดุ และเครอ่ื งมือการสอื่ สารต่างๆ เช่น วิทยุ เทป แผน่ เสียง ภาพยนตร์ 6. วัสดุ และเคร่ืองมือการสอ่ื สารต่างๆ เช่น การศึกษานอกสถานท่ี การสาธติ การแสดง นทิ รรศการ การปฏิบตั งิ าน การแลกเปลยี่ นความคดิ เห็น เนือ่ งจากความหมายของสอื่ ในการเรียนการสอน ใช้กนั ท้งั ในความหมายกวา้ ง และความหมาย แคบ จงึ มีช่อื เรียกแตกต่างกนั ออกไป ตามยคุ สมัย เช่น อปุ กรณก์ ารสอน โสตทศั นวัสดุอปุ กรณ์ ส่อื การสอน 7. ขน้ั ตอนในกำรสรำ้ งสอ่ื ในการสรา้ งสอ่ื ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาบทเรียนรปู แบบใด จะเรม่ิ ต้นดว้ ยการกาหนดหัวหัวเร่อื ง, เปา้ หมาย, วตั ถุประสงค์ และกลมุ่ เปา้ หมายผใู้ ช้ จากนน้ั กท็ าการ วเิ คราะห์ (Analysis), ออกแบบ (Design), พัฒนา (Development), สร้าง (Implementation), ประเมนิ ผล (Evaluation) และนาออกเผยแพร่ ใน ท่ีน้ี จะกาหนดขัน้ ตอนการสร้างส่อื โดยละเอียด ทง้ั หมด 7 ขั้นตอน เพื่อสะดวกกับผเู้ ร่ิมตน้ ท่สี นใจในการ สรา้ งส่อื
ดังน้ี 7.1. ข้นั การเตรยี ม (Preparation) - กาหนดเปา้ หมายและวตั ถปุ ระสงค์ (Determine Goals and Objectives) คอื การต้ังเปา้ หมาย วา่ ผเู้ รยี นจะสามารถใชบ้ ทเรียนน้เี พือ่ ศกึ ษาในเรื่องใดและลกั ษณะใด กล่าวคือ เปน็ บทเรียนหลักเป็นบทเรียน เสรมิ เป็นแบบฝึกหัดเพิ่มเติมหรอื แบบทดสอบ รวมท้งั การนาเสนอเป้าหมายและวตั ถุประสงคใ์ นการเรียน เรา จะต้องทราบพื้นฐานของผ้เู รียนที่เปน็ กลมุ่ เปา้ หมายเสียก่อน เพราะความรูพ้ นื้ ฐานของผู้เรียนมีอทิ ธพิ ล ต่อ เปา้ หมายและวัตถุประสงค์ของการเรียน - รวบรวมขอ้ มูล (Collect Resources) หมายถงึ การเตรยี มพรอ้ มทางดา้ นของเอกสารสนเทศ (Information) ท้ังหมดทเ่ี ก่ยี วข้อง - เนอื้ หา (Meterials) ไดแ้ ก่ ตารา หนงั สือ เอกสารทางวิชาการ หนังสอื อา้ งองิ สไลดภ์ าพต่างๆ แบบ สร้างสถานการณ์จาลอง เพื่อใชส้ าหรับการเรียนรู้ หรอื ทดลองจากสภาพการณจ์ าลองจากสถานการณ์ จรงิ ซ่งึ อาจจะหาไมไ่ ด้หรอื อย่ไู กลไมส่ ามารถนาเขา้ มาในห้องเรยี นได้ หรือมสี ภาพอันตราย หรอื อาจ สน้ิ เปลืองมากท่ี ต้องใช้ของจริงํซ้าๆสามารถใช้สาธติ ประกอบการสอนใช้เสริมการสอนในห้องเรยี น หรอื ใช้ ซ่อมเสรมิ ภายหลงั การเรียนนอกหอ้ งเรยี นที่ใดเวลาใดก็ได้ - การพฒั นาและออกแบบบทเรยี น (Instructional Development) คือ หนังสอื การออกแบบ บทเรยี น กระดาษวาดสตอรบ่ี อร์ด ส่ือสาหรับการทากราฟิก โปรแกรมประมวลผลคา เปน็ ต้น - สอ่ื ในการนาเสนอบทเรยี น (Instructional Development System) ได้แก่ การนาเอา คอมพิวเตอรส์ ่อื ต่างๆ มาใชง้ าน - เรียนรูเ้ น้ือหา (Learn Content) เช่น การสัมภาษณ์ผู้เชย่ี วชาญ การอ่านหนังสอื หรือ เอกสาอ่นื ๆ ท่ี เกีย่ วกับเนอ้ื หาบทเรยี น ถา้ ไม่มกี ารเรยี นรเู้ น้ือหาเสยี กอ่ นก็ไม่สามารถออกแบบบทเรียนทีม่ ปี ระสทิ ธภิ าพ ได้ - สรา้ งความคิด (Generate Ideas) คอื การระดมสมองนั่นเอง การระดมสมองหมายถงึ การ กระตนุ้ ใหเ้ กดิ การใช้ความคดิ สรา้ งสรรคเ์ พอ่ื ให้ได้ข้อคิดเห็นตา่ งๆ เป็นจานวนมาก 7.2. ขนั้ ตอนการออกแบบบทเรียน (Design Instruction) ขน้ั ตอนการออกแบบบทเรียนเป็นข้นั ตอนที่สาคญั ท่สี ุดขัน้ หนง่ึ ในการกาหนดวา่ บทเรยี นจะออกมา มีลักษณะใด - ทอนความคดิ (Elimination of Ideas) - วิเคราะหง์ านและแนวความคดิ (Task and Concept Analysis) - ออกแบบบทเรยี นขน้ั แรก (Preliminary Lesson Description) - ประเมนิ และแกไ้ ขการออกแบบ (Evaluation and Revision of the Design) 7.3. ขน้ั ตอนการเขียนผังงาน (Flowchart Lesson)
เปน็ การนาเสนอลาดบั ขน้ั โครงสรา้ งของคอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน ผงั งานทาหนา้ ทเ่ี สนอขอ้ มลู เกย่ี วกบั โปรแกรม เชน่ อะไรจะเกิดขึน้ เม่ือผเู้ รียนตอบคาถามผิด หรือเม่อื ไหรจ่ ะมีการจบบทเรยี น และการเขยี นผงั งาน ขน้ึ อยู่กับประเภทของบทเรียนด้วย 7.4. ขน้ั ตอนการสรา้ งสตอรีบ่ อร์ด (Create Storyboard) เป็นข้นั ตอนการเตรยี มการนาเสนอขอ้ ความ ภาพ รวมท้งั สอื่ ในรปู แบบมัลติมีเดยี ตา่ งๆ ลงบน กระดาษ เพือ่ ใหก้ ารนาเสนอขอ้ ความและรปู แบบตา่ งๆ เหลา่ นีเ้ ปน็ ไปอยา่ งเหมาะสมตอ่ ไป 7.5. ขน้ั ตอนการสรา้ งและการเขียนโปรแกรม (Program Lesson) เปน็ กระบวนการเปล่ียนแปลงสตอรบี อร์ดให้กลายเป็นคอมพิวเตอรช์ ่วยสอน สว่ นน้ีจะตอ้ งคานึงถงึ ฮารด์ แวร์ ลกั ษณะและประเภทของบทเรยี นทตี่ อ้ งการสร้าง โปรแกรมเมอร์และงบประมาณ 7.6. ขน้ั ตอนการประกอบเอกสารประกอบบทเรยี น (Produce Supporting Materials) เอกสารประกอบบทเรียนอาจแบง่ ออกไดเ้ ปน็ 4 ประเภท คอื คูม่ อื การใชข้ องผู้เรียน คู่มือการใช้ ของ ผ้สู อน คมู่ ือสาหรบั แกป้ ัญหาเทคนิคตา่ งๆ และเอกสารประกอบเพม่ิ เติมท่วั ๆ ไป ผู้เรยี นและผสู้ อนยอ่ ม มีความ ต้องการแตกต่างกนั คู่มือจงึ ไม่เหมอื นกนั คมู่ ือการแก้ปัญหากจ็ าเปน็ หากการติดต้ังมีความ สลบั ซับซอ้ นมาก 7.7. ขั้นตอนการประเมินผลและแก้ไขบทเรยี น (Evaluate and Revise) บทเรยี นและเอกสารประกอบทงั้ หมดควรที่จะได้รบั การประเมนิ โดยเฉพาะการประเมินการทางาน ของบทเรียน ในสว่ นของการนาเสนอนน้ั ควรจะทาการประเมนิ ก็คอื ผู้ท่ีมีประสบการณ์ในการออกแบบมา ก่อน ในการประเมินการทางานของบทเรียนนั้น ผอู้ อกแบบควรทจ่ี ะสงั เกตพฤตกิ รรมของผเู้ รยี นหลังจากที่ ได้ทาการ เรยี นจากคอมพิวเตอร์ช่วยสอนนัน้ ๆ แลว้ โดยผทู้ เ่ี รยี นจะตอ้ งมาจากผเู้ รียนในกล่มุ เป้าหมาย ข้นั ตอนนอ้ี าจจะ ครอบคลมุ ถงึ การทดสอบนาร่องการประเมินผลจากผเู้ ชยี่ วชาญได้ ในการประเมนิ การ ทางานของบทเรียนนน้ั ผอู้ อกแบบควรทีจ่ ะสังเกตพฤตกิ รรมของผ้เู รียนหลังจากทีไ่ ดท้ าการเรียนจากส่ือชว่ ย สอนนน้ั ๆ แล้ว โดยผทู้ ี่ เรียนจะตอ้ งมาจากผูเ้ รียนในกลุ่มเป้าหมาย ขัน้ ตอนนี้อาจจะครอบคลุมถึงการ ทดสอบนารอ่ งการประเมินผล จากผเู้ ชยี่ วชาญได้ กำรเก็บรวบรวมข้อมลู 1. ผ้วู ิจัยใช้สื่อ PowerPoint เร่อื ง การแสดงนาฏศลิ ป์พน้ื เมอื ง 2. นกั เรยี นทาแบบประเมนิ สอื่ การเรยี นการสอน เรอ่ื ง การแสดงนาฏศลิ ปพ์ น้ื เมือง ผา่ น Google form 3. นาคะแนนของนักเรยี น มาสรปุ ผล แบบประเมินควำมคดิ เหน็ ของนกั เรียน จดั ทำกำรประเมนิ ผ่ำน online Google from
แบบประเมินควำมคดิ เหน็ 1 ระดับควำมพึงพอใจ (คะแนน) ลำดบั หวั ข้อ 5 4 3 2 1 การเรยี นการสอนสนกุ สนาน 2 สือ่ การสอนมคี วามน่าสนใจ 3 มีการเตรียมความพรอ้ มกอ่ นสอน 4 ส่อื การสอนทันสมัย 5 ผเู้ รยี นเกิดความรู้ ความพงึ พอใจ 5 = มากทส่ี ุด 4 = มาก 3 = ปานกลาง 2 = นอ้ ย 1 = น้อยที่สุด ข้อเสนอแนะ ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... กำรวเิ ครำะหข์ ้อมลู 1. คะแนนทีไ่ ดจ้ ากแบบประเมนิ จิตพิสัยนามาหาค่าเฉลี่ยสว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐานคา่ ดัชนี ประสิทธผิ ล 2. คะแนนจากแบบประเมินจติ พิสยั นามาหาค่าเฉลย่ี และสว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์ ข้อมูลเชิงปริมาณ (Quantitative Research) ผวู้ จิ ยั วเิ คราะหข์ ้อมูลจากแบบประเมนิ ความ คดิ เหน็ โดยแจก แจงความถแี่ ละหาคา่ รอ้ ยละ (Percentage) คา่ เฉลี่ย (Mean) ค่าเบ่ียงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) เพ่ืออธบิ ายความพึงพอใจต่อโครงการโดยมเี กณฑ์การให้คะแนนความพงึ พอใจแบ่ง ออกเปน็ 5 ระดบั มีการกาหนดอนั ตระภาคชั้นดังน้ี อันตรภาคชน้ั (Class Interval) = Range/K = (Xmax - Xmin)/K เมือ่ Rang - พิสยั Xmax = คะแนนสงู สดุ Xmin = คะแนนํตา่ สุด K - จานวนชั้น
ซึง่ ในการวิจยั ครงั้ นีไ้ ด้กาหนด คะแนนสูงสดุ = 5 คะแนน คะแนนํต่าสุด = 1 คะแนน จานวนชั้น = 5 ชน้ั คะแนนสตู รในอันตรภาคชน้ั = (5 - 1)/5 = 0.80 ดงั นน้ั ผวู้ ิจัยจึงกาหนดระดับความพึงพอใจ โดยแบ่งเปน็ 5 ระดบั ซึ่งแตล่ ะลาดบั มคี า่ คะแนน แตกต่าง กนั 0.80 คะแนน ดงั น้ี ตารางท่ี 1 แสดงชว่ งคะแนนเฉลีย่ และการแปลความหมายข้อมลู ข้อมลู จากการวเิ คราะห์เชิงปรมิ าณจากแบบประเมนิ จะใช้ประกอบการวิเคราะหเ์ ชงิ คุณภาพเพ่อื ความ สมบรู ณ์ในการศึกษา ชว่ งคะแนนเฉลย่ี การแปลความหมายระดบั ความพอใจ 4.21 – 5.00 มากทส่ี ดุ 3.41 – 4.20 มาก 2.61 – 3.40 ปานกลาง 1.81 – 2.60 นอ้ ย 1.00 – 1.80 น้อยท่สี ุด ตารางท่ี 1 แสดงชว่ งคะแนนเฉลย่ี และแปลความหมายขอ้ มูล ผลการศึกษาและการวิจารณผ์ ล ผลการสารวจจากแบบประเมนิ ความคดิ เห็นโดย นกั เรยี นชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 3 5A จานวน 173 คน แบบประเมินควำมคดิ เหน็ 1. การเรยี นการสอนสนกุ สนาน 80 คะแนน เฉลีย่ แล้วเท่ากับ 4.75 คะแนน 2. สือ่ การสอนมีความนา่ สนใจ 75 คะแนน เฉล่ียแลว้ เทา่ กบั 4.25 คะแนน 3. มกี ารเตรยี มความพร้อมกอ่ นสอน 65 คะแนน เฉลยี่ แล้วเท่ากับ 3.50 คะแนน 4. ส่ือการสอนทนั สมัย 75 คะแนน เฉลย่ี แล้วเท่ากับ 4.25 คะแนน 5. ผเู้ รียนเกิดความรู้ 95 คะแนน เฉลี่ยแล้วเท่ากับ 4.85 คะแนน สรปุ ผลกำรศกึ ษำ 95 คะแนน เฉลย่ี แลว้ เท่ากับ 4.85 คะแนน จำกผลระดับควำมพงึ พอใจ 80 คะแนน เฉล่ียแลว้ เทา่ กับ 4.75 คะแนน มำกทส่ี ดุ 1. ผเู้ รยี นเกิดความรู้ 2. การเรียนการสอนสนุกสนาน
3. สือ่ การสอนมคี วามน่าสนใจ 75 คะแนน เฉลี่ยแล้วเท่ากบั 4.25 คะแนน 4. ผู้เรยี นเกิดความรู้ 75 คะแนน เฉลี่ยแล้วเทา่ กบั 4.25 คะแนน มำก 1. มีการเตรียมความพร้อมก่อนสอน 65 คะแนน เฉลีย่ แล้วเทา่ กบั 3.50 คะแนน ปำนกลำง - นอ้ ย - น้อยมำก - สรุปผล จากผลการประเมนิ พบวา่ สอื่ การเรียนการสอนและการสอนแบบ Happy Leaning มสี ่วนสาคัญใน การจัดการเรียนการสอน ทจ่ี ะทาใหน้ กั ศึกษาประสบความสาเรจ็ ในการเรยี นในวชิ านาฏศลิ ปไ์ ทย เรื่อง การแสดงนาฏศลิ ปพ์ ้นื เมอื ง และทาใหก้ ารจัดการเรียนไม่มีความน่าเบอื่ ดงั นน้ั ในการเรยี นการสอนครงั้ ต่อไปจึงตระหนกั ถึงเรอื่ งส่อื การเรยี นการสอนให้มาก จึงจะทาให้นกั เรียนประสบความสาเรจ็ ใน การเรยี นใน วิชาวิชานาฏศิลป์ไทย
บรรณำนกุ รม http://www.thaigoodview.com/node/32461 http://www.art.mtk.ac.th/catalog.php?idp=56 http://hilight.kapook.com/view/78920 https://youtu.be/_Fq-uPMYkM8 https://youtu.be/COQXqChSvSU
ภำคผนวก
ภาพสื่อการสอน Power Point เร่อื ง การแสดงนาฏศิลป์พน้ื เมือง ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 5
ใบงำน และกำรนำเสนอกำรแสดง 4 ภำค
Search
Read the Text Version
- 1 - 28
Pages: