1 แบบทดสอบก่อนเรียน เร่ือง เนื้อเย่ือของพืชดอก รายวชิ าชีววทิ ยา 3 รหัสวชิ า ว32243 ช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ 5 กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ คาชี้แจง 1. แบบทดสอบน้ีเป็นแบบทดสอบปรนยั 4 ตวั เลือก จำนวน 15 ขอ้ เวลำ 20 นำที 2. ใหน้ กั เรียนเลือกคำตอบที่ถูกท่ีสุดเพียงคำตอบเดียว แลว้ ทำเครื่องหมำย X ลงใน กระดำษคำตอบ 1. ขอ้ ใดเป็นเน้ือเยอื่ เจริญ 5. เน้ือเยอื่ xylem ประกอบดว้ ยเซลล์ ก. epidermis ชนิดต่ำง ๆ คือ ข. cambium ก. companion cell และ tracheid ค. xylem ข. tracheid กบั vessel member ง. phloem ค. vessel member และ 2. ขอ้ ใดต่อไปน้ีไม่ใช่เน้ือเยอ่ื เจริญ sieve tube member (meristem) ง. sieve tube member และ ก. epidermis companion cell ข. phellogen 6. เน้ือเยอ่ื phloem ประกอบดว้ ยเซลล์ ค. protoderm ชนิดต่ำง ๆ คือ ง. procambium ก. companion cell และ tracheid 3. ขอ้ ใดจดั เป็นเน้ือเยอื่ ถำวรเชิงเดี่ยว ข. tracheid และ vessel member ก. phloem และ endodermis ค. vessel member และ ข. cambium และ epidermis sieve tube member ค. parenchyma และ endodermis ง. sieve tube member และ ง. epidermis และ vascular bundle companion cell 4. ขอ้ ใดเป็นเน้ือเยอื่ ถำวรเชิงซอ้ น ก. xylem และ phloem ข. xylem และ parenchyma ค. phloem และ collenchyma ง. xylem และ sclerenchyma
7. เซลลท์ ่ีขดู ออกหลงั จำกกำรควนั่ และ 2 ลอกเปลือกไมเ้ พอื่ ตอนกิ่งไม้ คือ เซลลใ์ ด 10. สำรเคมีท่ีเป็นพษิ ซ่ึงสะสมอยใู่ นหวั ก. xylem (ลำตน้ หรือรำก) ท่ีอยใู่ ตด้ ินจะมีอยู่ ข. phloem มำกในเน้ือเยอ่ื ใด ค. cambium ก. epidermis ง. parenchyma ข. parenchyma ค. endodermis 8. ขอ้ ใดถกู ตอ้ งเกี่ยวกบั เซลลท์ ี่ทำหนำ้ ท่ี ง. sclerenchyma ลำเลียงใน vascular bundle ก. มีชีวติ ท้งั ในไซเลมและโฟลเอม็ 11. ถำ้ เปรียบเทียบเซลลเ์ ป็นหอ้ งต่ำงๆ ข. ไม่มีชีวิตท้งั ในไซเลมและโฟลเอม็ ภำยในบำ้ นเดียวกนั นกั เรียนคิดวำ่ ค. มีชีวติ ในไซเลมแต่ไม่มีชีวิตใน หอ้ งไหนคบั แคบท่ีสุด โฟลเอม็ ก. fiber ง. ไม่มีชีวิตในไซเลมแต่มีชีวติ ใน ข. cork โฟลเอม็ ค. tracheid ง. collenchyma 9. กำหนดให้ 1. fiber 2. vessel 12. เน้ือเยอื่ ชนิดใดของพชื ท่ีทำหนำ้ ท่ี 3. tracheid เหมือนเอพิเดอร์มิสของคน 4. companion cell ก. cork 5. sieve tube member ข. cortex ค. pericycle เซลลใ์ นขอ้ ใดบำ้ งเม่ือเจริญเติบโต ง. epidermis เตม็ ท่ีแลว้ จะตำย ก. 1, 2 และ 3 ข. 1, 2 และ 4 ค. 1, 3 และ 4 ง. 1, 3 และ 5
3 13. กำรแบ่งเซลลข์ องเซลลใ์ นเน้ือเยอื่ ใดมีผลทำใหเ้ ถำตำลึงมีควำมยำวเพ่มิ ข้ึน กำหนดให้ 1. เน้ือเยอ่ื เจริญใตข้ อ้ 2. เน้ือเยอ่ื เจริญเหนือขอ้ 3. เน้ือเยอ่ื เจริญดำ้ นขำ้ ง 4. เน้ือเยอ่ื เจริญส่วนปลำย ก. ขอ้ 1 และ 2 ข. ขอ้ 2 และ 3 ค. ขอ้ 2 และ 4 ง. ขอ้ 3 และ 4 14. ขอ้ ใดเป็นเน้ือเยอ่ื ลำเลียง ก. xylem และ cambium ข. xylem และ phloem ค. phloem และ cambium ง. parenchyma และ phloem 15. ขอ้ ใดไม่ใช่เน้ือเยอ่ื พ้นื ก. epidermis ข. parenchyma ค. collenchyma ง. sclerenchyma
4 เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน เรื่อง เนื้อเย่ือของพืชดอก รายวชิ าชีววทิ ยา 3 รหัสวชิ า ว32243 ช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ 5 กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ข้อ คาตอบ 1ข 2ก 3ค 4ก 5ข 6ง 7ข 8ง 9ก 10 ข 11 ก 12 ง 13 ค 14 ข 15 ก
5 เนื้อเย่ือของพืชดอก เนื้อเย่ือของพืช ส่ิงมีชีวิตท้งั คน สัตว์ และพืช ประกอบดว้ ยเซลลจ์ ำนวนมำก โดยเซลลต์ ่ำงๆ เหล่ำน้ี จะดำเนินกิจกรรมต่ำงๆ เพ่ือใหส้ ่ิงมีชีวิตดำรงควำมเป็นชีวติ อยไู่ ด้ กลุ่มเซลลท์ ี่มีรูปร่ำงลกั ษณะ เหมือนกนั ทำหนำ้ ที่อยำ่ งเดียวกนั คือเน้ือเยอ่ื (tissue) เน้ือเยอื่ ของพืช (plant tissue) ในพืชช้นั สูง (higher plant) พวกพืชดอก หรื อไม้ดอก (flower plant หรื อ angiosperm) แบ่งโดยอำศัย หลกั เกณฑต์ ่ำงๆ ดงั น้ี 1. รูปร่ำงลกั ษณะของเซลลท์ ี่ประกอบกนั เป็นเน้ือเยอ่ื 2. กำเนิดของเน้ือเยอ่ื 3. กำรแบ่งเซลลแ์ ละกำรเจริญเติบโตเปลี่ยนแปลงไปของเน้ือเยอื่ 4. ตำแหน่งท่ีอยขู่ องเน้ือเยอื่ ในส่วนต่ำง ๆ ของพชื 5. รูปร่ำงลกั ษณะและกำรทำงำนของเน้ือเยอื่ เน้ือเยอื่ ของพชื ช้นั สูง หรือพชื ดอกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ตำมควำมสำมำรถใน กำรแบ่งตวั ของเน้ือเยอ่ื เป็นหลกั คือ เน้ือเยอื่ เจริญ (meristematic tissue หรือ meristem) และ เน้ือเยอื่ ถำวร (permanent tissue) เน้ือเยอ่ื ท้งั 2 ชนิดน้ีมีควำมแตกต่ำงกนั ที่เน้ือเยอ่ื เจริญยงั คงมี กำรแบ่งเซลลไ์ ดอ้ ยทู่ ำใหม้ ีกำรเจริญต่อไปได้ ส่วนเน้ือเยอื่ ถำวรจะไม่มีกำรแบ่งเซลลอ์ ีกหรือ ไม่มีกำรเจริญเติบโตต่อไปอีก
6 ภาพที่ 1.1 เซลล์พืชและองค์ประกอบพืน้ ฐานของเซลล์พืช ทม่ี า : Campbell, Reece and Mitchell, 2005 : 101 1. เนื้อเยื่อเจริญ (meristematic tissue หรือ meristem) เน้ือเยอ่ื เจริญ ประกอบดว้ ยเซลลท์ ี่กำลงั แบ่งตวั แบบไมโทซิส (mitotic cell division) เพื่อสร้ำงเซลลใ์ หม่อยตู่ ลอดเวลำ พบมำกบริเวณปลำยยอดหรือปลำยรำก เน้ือเยอ่ื เจริญมีลกั ษณะ ดงั น้ี 1. ประกอบดว้ ยเซลลท์ ่ียงั มีชีวติ อยู่ มีโพรโทพลำซึมท่ีขน้ มำก 2. มีผนงั เซลล์ (cell wall) บำง และมกั เป็นสำรประกอบเซลลโู ลสเป็นส่วนใหญ่ 3. ในเซลลเ์ ห็นนิวเคลียสไดช้ ดั เจนและมีขนำดใหญ่ 4. แวคิวโอลมีขนำดเลก็ หรือเกือบไม่มีเลย
7 5. เซลลม์ ีรูปร่ำงแตกต่ำงกนั หลำยแบบแต่ส่วนใหญ่รูปร่ำงค่อนขำ้ งกลมหรือมีลกั ษณะ หลำยเหล่ียม แต่ละเซลลอ์ ยชู่ ิดติดกนั มำกทำใหช้ ่องวำ่ งระหวำ่ งเซลล์ (intercellular space) แทบ จะไม่มีหรือไม่มีเลย 6. แบ่งเซลลไ์ ดแ้ ละมีรูปร่ำงเหมือนเดิมจนกวำ่ จะเปล่ียนแปลงไปทำหนำ้ ที่เฉพำะอยำ่ ง (differentiation) เนื้อเย่ือเจริญจาแนกตามตาแหน่งทอี่ ยู่บนส่วนต่าง ๆ ของพืช แบ่งออกไดเ้ ป็น 3 ชนิด คือ 1.1 เนื้อเย่ือเจริญส่วนปลาย (apical meristem) เน้ือเยอ่ื เจริญส่วนปลำยเป็นเน้ือเยอ่ื เจริญที่อยบู่ ริเวณปลำยยอดหรือปลำยรำก รวมท้งั ท่ีตำ (bud) ของลำตน้ ของพชื เม่ือแบ่งเซลลแ์ ลว้ ทำใหป้ ลำยยอดหรือปลำยรำกยดื ยำว ออกไปมำกข้ึน เน้ือเยอื่ เจริญส่วนปลำย เม่ือแบ่งเซลลอ์ อกมำจะกลำยเป็นเน้ือเยอ่ื เจริญข้นั ตน้ (primary meristem) ซ่ึงประกอบดว้ ย 3 บริเวณ คือ โพรโทเดิร์ม (protoderm) โพรแคมเบียม (procambium) และ กรำวดเ์ มอรริสเตม็ (ground meristem) ก. ข. ภาพที่ 1.2 เนื้อเย่ือเจริญส่วนปลาย (apical meristem) ตดั ตามยาวของต้นฤาษผี สม ก. เนื้อเยื่อเจริญปลายยอด ข. เนื้อเยื่อเจริญปลายราก ทมี่ า : Campbell, Reece and Mitchell,1999 : 774
8 1.2 เนื้อเยื่อเจริญด้านข้าง (lateral meristem) เน้ือเยอ่ื เจริญดำ้ นขำ้ งเป็นเน้ือเยอื่ เจริญท่ีแบ่งตวั ทำใหเ้ พ่มิ ขนำดของรำกหรือลำตน้ ทำงดำ้ นขำ้ ง เน้ือเยอื่ เจริญดำ้ นขำ้ งทำใหเ้ กิดกำรเจริญข้นั ที่สอง พบในพืชใบเล้ยี งคู่ทว่ั ๆ ไป และพชื ใบเล้ียงเด่ียวบำงชนิด เช่น จนั ทน์ผำ หมำกผหู้ มำกเมีย เป็นตน้ เน้ือเยอื่ เจริญชนิดน้ีเรียก อีกอยำ่ งวำ่ แคมเบียม (cambium) ถำ้ พบท่ีกลมุ่ ของท่อลำเลียง เรียกวำ่ วำสคิวลำร์แคมเบียม (vascular cambium) ถำ้ อยถู่ ดั จำกช้นั เยอ่ื บุผิวของรำกหรือลำตน้ เขำ้ ไปขำ้ งใน เรียกวำ่ คอร์กแคมเบียม (cork cambium) ก. ข. ภาพที่ 1.3 เนื้อเยื่อเจริญด้านข้าง (lateral meristem) ตดั ตามขวาง ก. vascular cambium ข. cork cambium ทม่ี า : Berg, 2008 : 103
9 1.3 เนื้อเย่ือเจริญเหนือข้อ (intercalary meristem) เน้ือเยอื่ เจริญเหนือขอ้ เป็นเน้ือเยอื่ เจริญท่ีอยเู่ หนือโคนปลอ้ งหรือเหนือขอ้ ทำใหป้ ลอ้ ง ยดื ยำวข้ึน พบไดใ้ นพชื ใบเล้ียงเด่ียวบำงชนิด เช่น หญำ้ ขำ้ ว ขำ้ วโพด ไผ่ ออ้ ย เป็นตน้ ภาพท่ี 1.4 เนื้อเย่ือเจริญเหนือข้อ (intercalary meristem) ก. พืชใบเลยี้ งคู่ ข. พืชใบเลยี้ งเดย่ี ว ทม่ี า : Starr and Starr, 2003 : 428 2. เนื้อเย่ือถาวร (permanent tissue) เน้ือเยอ่ื ถำวรเป็นกลมุ่ เซลลท์ ี่มีรูปร่ำงและหนำ้ ที่แตกต่ำงกนั ไปแยกออกเป็นกลุม่ ใหญ่ๆ ได้ 2 กลุ่ม คือ เน้ือเยอื่ ถำวรเชิงเดี่ยว และเน้ือเยอื่ ถำวรเชิงซอ้ น 2.1 เนื้อเย่ือถาวรเชิงเดยี่ ว (simple permanent tissue) เน้ือเยอ่ื ถำวรเชิงเด่ียว เป็นกล่มุ เซลลท์ ี่ประกอบดว้ ยเซลลช์ นิดเดียวกนั ทำหนำ้ ท่ี อยำ่ งเดียวกนั แบ่งออกเป็นชนิดต่ำงๆ ตำมหนำ้ ท่ีและส่วนประกอบที่อยภู่ ำยในเซลล์ คือ 2.1.1 เอพเิ ดอร์มิส (epidermis) คือ เน้ือเยอ่ื ท่ีอยดู่ ำ้ นนอกสุดของส่วนต่ำงๆ ของ พืช มกั เรียงตวั ช้นั เดียว ประกอบดว้ ยเซลลเ์ อพิเดอร์มิส (epidermal cell) เซลลม์ ีลกั ษณะแบน แวคิวโอลขนำดใหญ่ เซลลเ์ รียงตวั อดั กนั แน่นจนไมม่ ีช่องวำ่ งระหวำ่ งเซลล์ ผนงั เซลลท์ ี่อยดู่ ำ้ น นอกมกั หนำกวำ่ ผนงั ท่ีอยดู่ ำ้ นใน มีคิวทิน (cutin) เคลือบผนงั เซลล์ เน้ือเยอื่ เอพิเดอร์มิสทำหนำ้ ท่ี ปกคลุมและป้องกนั อนั ตรำยใหแ้ ก่พชื
10 ก. ข. ค. ง. ภาพที่ 1.5 เอพเิ ดอร์มสิ ของราก ลาต้น และใบ ก. เอพเิ ดอร์มสิ ในรากพืชใบเลยี้ งคู่ตดั ตามขวาง ข. เอพเิ ดอร์มสิ ในลาต้นพืชใบเลยี้ งเดย่ี วตดั ตามขวาง ค. เอพเิ ดอร์มสิ ในใบพืชเลยี้ งเดยี่ วตดั ตามขวาง ง. เอพเิ ดอร์มสิ ในใบทเ่ี ปลยี่ นไปเป็ นเซลล์คุม ทมี่ า : Berg, 2008 : 116 : สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนล,ี 2549 : 18 : Berg, 2008 : 157 : Campbell, Reece and Mitchell, 1999 : 103 2.1.2 พำเรงคิมำ (parenchyma) เน้ือเยอื่ ชนิดน้ีพบไดท้ วั่ ๆ ไปในพืชประกอบดว้ ย เซลลพ์ ำเรงคิมำ (parenchyma cell) เซลลม์ ีรูปร่ำงหลำยแบบ ไดแ้ ก่ คอ่ นขำ้ งกลม รี หรือ รูปทรงกระบอก เม่ือเรียงตวั ติดกนั จึงเกิดช่องวำ่ งระหวำ่ งเซลล์ (intercellular space) แวคิวโอล มีขนำดใหญเ่ กิดเตม็ เซลล์ เซลลพ์ ำเรงคิมำบำงชนิดมีคลอโรพลำสตอ์ ยดู่ ว้ ย อำจเรียกวำ่
11 คลอเรงคิมำ (chlorenchyma) ผนงั เซลลป์ ระกอบดว้ ยเซลลโู ลส (cellulose) เป็นส่วนใหญ่ อำจมี เฮมิเซลลโู ลส (hemicellulose) และเพกติน (pectin) บำ้ ง เน้ือเยอื่ พำเรงคิมำมีหนำ้ ที่เกบ็ สะสม เมด็ แป้ง หยดน้ำมนั น้ำ เกลือแร่ และหลงั่ สำรพวกแทนนิน ฮอร์โมน เอนไซม์ และน้ำหวำนของ ดอกไม้ ภาพที่ 1.6 พาเรงคมิ า (parenchyma) ทม่ี า : Campbell, Reece and Mitchell, 1999 : 679 2.1.3 คอลเลงคิมำ (collenchyma) เป็นเน้ือเยอื่ ที่มีเซลลค์ อลเลงคิมำ รูปร่ำงคลำ้ ยคลึง กบั พำเรงคิมำ ผนงั เซลลป์ ระกอบดว้ ยเซลลโู ลส แต่ผนงั เซลลจ์ ะมีควำมหนำไม่เท่ำกนั โดยส่วน ท่ีหนำมกั จะอยตู่ ำมมมุ เซลล์ ซ่ึงมีเพกตินมำกนอกเหนือไปจำกเซลลูโลสและเฮมิเซลลูโลส พบ เน้ือเยอื่ ชนิดน้ีอยตู่ ำมกำ้ นใบ เสน้ กลำงใบ และในส่วนคอร์เทกซ์ (cortex) คอร์เทกซเ์ ป็นช้นั ของ เน้ือเยอ่ื ที่อยถู่ ดั จำกช้นั เอพเิ ดอร์มิสเขำ้ ไป ท้งั ในลำตน้ และรำกของพชื ลม้ ลกุ มีหนำ้ ที่เสริมสร้ำง ควำมแขง็ แรงใหก้ บั พืช ภาพที่ 1.7 คอลเลงคมิ า (collenchyma) ทมี่ า : Campbell, Reece and Mitchell, 1999 : 679
12 2.1.4 สเคลอเรงคิมำ (sclerenchyma) เน้ือเยอ่ื ชนิดน้ีประกอบดว้ ยเซลลท์ ี่มีผนงั หนำมำก มีผนงั เซลลท์ ้งั ปฐมภูมิ (primary cell wall) และผนงั เซลลท์ ุติยภูมิ (secondary cell wall) เพรำะมีสำรลิกนิน (lignin) เคลือบผนงั เซลลท์ ุติยภูมิจึงเป็นส่วนที่ทำใหพ้ ืชมีควำมแขง็ แรง สเคลอเรงคิมำประกอบดว้ ยเซลล์ 2 ชนิด คือ ไฟเบอร์ (fiber) และสเคลอรีด (sclereid) ซ่ึง แตกต่ำงกนั ที่รูปร่ำงของเซลลไ์ ฟเบอร์ เป็นเซลลเ์ รียวและยำว ส่วนสเคลอรีดเซลลม์ ีลกั ษณะส้นั กวำ่ และมีรูปร่ำงแตกต่ำงกนั พบไดต้ ำมส่วนที่แขง็ แรงของเปลือกตน้ ไมแ้ ละเปลือกหุม้ เมลด็ หรือเน้ือผลไมท้ ี่สำกๆ ภาพที่ 1.8 สเคลอเรงคมิ า (sclerenchyma) ทม่ี า : Campbell, Reece and Mitchell, 1999 : 679 2.1.5 เอนโดเดอร์มิส (endodermis) เป็นเน้ือเยอ่ื ท่ีอยดู่ ำ้ นนอกของเน้ือเยอื่ ลำเลียงของ รำก เป็นเน้ือเยอื่ ท่ีมีเซลลค์ ลำ้ ยพำเรงคิมำแต่ที่ผนงั เซลลม์ ีสำรลิกนินและซูเบอริน (suberin) (ซ่ึงเป็นสำรพวกข้ีผ้งึ ) มำพอกหนำ เซลลเ์ รียงตวั กนั แน่นจนไม่มีช่องวำ่ งระหวำ่ งเซลล์ ภาพที่ 1.9 เอนโดเดอร์มสิ (endodermis) ทพ่ี บในรากพืชใบเลยี้ งคู่ตดั ตามขวาง ทม่ี า : Berg, 2008 : 116
13 2.1.6 คอร์ก (cork) เป็นเน้ือเยอ่ื ที่อยชู่ ้นั นอกสุดของลำตน้ และรำกของพชื ที่มี กำรเจริญเติบโตข้นั ท่ีสอง (secondary growth) คอร์กเกิดจำกกำรแบ่งตวั ของคอร์กแคมเบียม ผนงั เซลลข์ องคอร์กมีสำรซูเบอรินมำพอกป้องกนั กำรระเหยของน้ำภำยในเซลล์ 2.2 เนื้อเย่ือถาวรเชิงซ้อน (complex permanent tissue) เน้ือเยอ่ื ถำวรเชิงซอ้ นเป็นกลมุ่ เซลลท์ ี่ประกอบดว้ ยเซลลห์ ลำยชนิดอยรู่ ่วมกนั และทำงำนร่วมกนั เป็นเน้ือเยอ่ื ลำเลียง (vascular tissue) ซ่ึงแบ่งเป็นไซเลมและโฟลเอม็ 2.2.1 ไซเลม (xylem) ไซเลมทำหนำ้ ท่ีลำเลียงน้ำและแร่ธำตุจำกรำกไปสู่ส่วนต่ำงๆ ของพชื ซ่ึง เรียกวำ่ คอนดกั ชน่ั (conduction) ไซเลมประกอบดว้ ยเซลล์ 4 ชนิด คือ 1) เทรคีด (tracheid) เป็นเซลลย์ ำว ผนงั หนำมีลิกนินสะสมอยมู่ ำกที่ ผนงั เซลล์ ส่วนใหญท่ ี่ผนงั มกั มีส่วนบำงๆ เป็นระยะๆ เรียกวำ่ พิต (pit) ซ่ึงไม่มีลิกนินสะสม พติ เป็นบริเวณท่ีน้ำผำ่ นจำกเทรคีดของเซลลห์ น่ึงไปอกี เซลลห์ น่ึง ปลำยสุดของเซลลม์ กั แหลม เซลลเ์ ม่ือโตเตม็ ที่แลว้ มกั จะตำย โพรโทพลำซึมสลำยไปทำใหเ้ กิดเป็นช่อง (lumen) ตรงกลำง เซลลร์ ูปร่ำงทรงกระบอกหรือเป็นเหล่ียม พบมำกในพวกเฟิ ร์นและจิมโนสเปร์ิม ในพืชดอกมี จำนวนนอ้ ยกวำ่ มำก และไม่พบในพวกมอส เทรคีดมีหนำ้ ที่ลำเลียงน้ำและแร่ธำตุ และยงั สำมำรถส่งออกไปทำงดำ้ นขำ้ งโดยผำ่ นพิต กำรลำเลียงจะเกิดไดด้ ีต่อเม่ือเซลลต์ ำยแลว้ เน่ืองจำกเทรคีดมีควำมแขง็ แรงจึงช่วยเพิ่มควำมแขง็ แรงใหก้ บั ส่วนของพืชที่มีเซลลช์ นิดน้ีอยู่ 2) เวสเซลอีลีเมนต์ (vessel element หรือ vessel member) เป็นเซลลท์ ่ีมี ลกั ษณะคลำ้ ยเทรคีด คือ เมื่อเซลลโ์ ตเตม็ ที่แลว้ จะตำยไป โพรโทพลำซึมตรงกลำงจะสลำยไป กลำยเป็นช่อง (lumen) ใหญ่ เซลลม์ ีผนงั หนำ เพรำะมี ลิกนินสะสมเช่นเดียวกบั เทรคีดและมี พติ เช่นเดียวกบั เทรคีด เซลลม์ ีขนำดใหญ่แต่ส้นั กวำ่ เทรคีด ปลำยท้งั สองของเซลลต์ ดั เฉียงและ มีรูพรุน (perforation) เวสเซลอีลีเมนตจ์ ะมำเรียงซอ้ นกนั โดยต่อกนั เป็นท่อ เรียกวำ่ เวสเซล (vessel) ที่มีผนงั ดำ้ นขำ้ งหนำและแขง็ แรงมำก เพอ่ื ทำหนำ้ ที่ลำเลียงน้ำและแร่ธำตุเช่นเดียวกบั เทรคีด 3) ไซเลมพำเรงคิมำ (xylem parenchyma) เป็นเซลลช์ นิดเดียวกบั ที่อยใู่ นช้นั คอร์เทกซ์ และพิธ (pith) คือช้นั ที่อยใู่ จกลำงของรำกพชื ใบเล้ียงเดี่ยว คือ เป็นเซลลท์ ่ีอ่อนนุ่ม ผนงั บำง อุม้ น้ำไดด้ ี ทำหนำ้ ที่สะสมอำหำรพวกแป้ง
14 4) ไซเลมไฟเบอร์ (xylem fiber) เซลลร์ ูปร่ำงยำวปลำยเรียว มีผนงั เซลลห์ นำ มีควำมเหนียวและแขง็ แรง แทรกอยใู่ นไซเลม ภาพท่ี 1.10 ไซเลม (xylem) ตดั ตามยาว ทม่ี า : Mader, 2001 : 647 ภาพที่ 1.11 ท่อลาเลยี งนา้ ในไซเลมตดั ตามขวางและตามยาว ทม่ี า : Campbell, Reece and Mitchell, 2005 : 719
15 2.2.2 โฟลเอม็ (Phloem) โฟลเอม็ ทำหนำ้ ที่ลำเลียงอำหำรหรืออินทรียสำรจำกใบไปยงั ส่วนต่ำงๆ ของพชื กำรลำเลียงทำงโฟลเอม็ เรียกวำ่ ทรำนสโลเคชนั (translocation) ประกอบดว้ ยเซลล์ 4 ชนิด คือ 1) ซีฟทิวป์ เมมเบอร์ (sieve tube member) เป็นเซลลท์ ่ียงั มีชีวติ อยู่ รูปร่ำง ทรงกระบอก ดำ้ นสุดปลำยท้งั สองของเซลลม์ ีลกั ษณะเส้ียม บริเวณน้ีมีแผน่ ที่มีรูพรุนอยดู่ ว้ ย เรียกวำ่ ซีฟเพลต (sieve plate) ในตอนที่เกิดใหม่ซีฟทิวป์ มีนิวเคลียส แต่เม่ือเจริญเติบโตเตม็ ที่ แลว้ นิวเคลียสและออร์แกเนลลอ์ ื่นๆ จะสลำยไป แต่เซลลย์ งั มีชีวติ อยู่ *(ท่อของไซเลม คือ เทรคีด และเวสเซลล์ ตอนทำหนำ้ ท่ีลำเลียงเป็นเซลลท์ ี่ตำยแลว้ แต่ทอ่ ของโฟลเอม็ คือ ซีฟทิวป์ เป็นเซลลท์ ี่ยงั มีชีวติ อยถู่ ึงแมว้ ำ่ จะไม่มีนิวเคลียสแลว้ กต็ ำม) ซีฟทิวป์ เมมเบอร์แตล่ ะเซลลจ์ ะมำ เรียงต่อกนั เป็นท่อยำว เรียกวำ่ ซีฟทิวป์ (sieve tube) ซ่ึงทำหนำ้ ท่ีเป็นท่อลำเลียงอำหำร 2) เซลลค์ อมพำเนียน (companion cell) เป็นเซลลข์ นำดเลก็ อยตู่ ิดกบั ซีฟทิวป์ เมมเบอร์ ควำมจริงท้งั ซีฟทิวป์ เมมเบอร์และเซลลค์ อมพำเนียนน้นั เกิดมำจำกเซลล์ เดียวกนั เม่ือแบ่งเซลลไ์ ดเ้ ซลลใ์ หม่ 2 เซลล์ เซลลห์ น่ึงจะเปลี่ยนเป็นซีฟทิวป์ เมมเบอร์ อีกเซลล์ เป็นเซลลค์ อมพำเนียน ซีฟทิวป์ เมมเบอร์อำจมีเซลลค์ อมพำเนียนเพยี ง 1 หรือมำกกวำ่ 1 กไ็ ดอ้ ยู่ ขำ้ งๆ ทำหนำ้ ท่ีช่วยเหลือซีฟทิวป์ เมมเบอร์ ซ่ึงไม่มีนิวเคลียสแลว้ เช่น ช่วยขนส่งน้ำตำล เขำ้ มำ ในซีฟทิวป์ เมมเบอร์เพ่ือส่งไปยงั ส่วนต่ำงๆ ของพืช และช่วยสร้ำงเอนไซม์ หรือสำรอื่นใหก้ บั ซีฟทิวป์ เมมเบอร์ พำเรงคิมำในไซเลมและโฟลเอม็ มีกำรเรียงตวั เป็นแนวรัศมีเพือ่ ลำเลียงอำหำร กบั น้ำและแร่ธำตุ ออกไปเล้ียงเซลลท์ ำงดำ้ นขำ้ งของลำตน้ พำเรงคิมำเหล่ำน้ี เรียกวำ่ เรย์ (ray) หำกเป็นของไซเลมเรียก ไซเลมเรย์ (xylem ray) หำกเป็นโฟลเอม็ เรียกว่ำ โฟลเอมเรย์ (phloem ray) กำรทำงำนของเน้ือเยอื่ ชนิดต่ำงๆ ที่ไดก้ ล่ำวมำแลว้ ในพชื มีดอก ทำใหเ้ กิดเป็นอวยั วะหรือโครงสร้ำง ต่ำงๆ ของพชื ท่ีทำหนำ้ ที่แตกต่ำงกนั ไป ไดแ้ ก่ รำก ลำตน้ ใบ ดอก ผล และเมลด็ ซ่ึงจะไดแ้ ยก กลำ่ วถึงรำยละเอยี ดต่อไป 3) โฟลเอม็ พำเรงคิมำ (phloem parenchyma) มีอยใู่ นกล่มุ ของโฟลเอม็ เช่นเดียวกบั ไซเลม 4) โฟลเอม็ ไฟเบอร์ (phloem fiber) เป็นเสน้ ใยช่วยทำใหโ้ ฟลเอม็ แขง็ แรง
16 ภาพท่ี 1.12 โฟลเอม็ (phloen) ตดั ตามยาว ทม่ี า : Mader, 2001 : 647 ภาพที่ 1.13 ท่อลาเลยี งอาหารในโฟลเอม็ ตดั ตามยาว ทม่ี า : Campbell, Reece and Mitchell, 2005 : 719
17 การจัดระเบียบของต้นพืช พชื ท่ีมีท่อลำเลียงประกอบดว้ ย ระบบรำก (root system) และระบบยอด (shoot system) ระบบรำกช่วยยดึ ตน้ พชื ไวก้ บั ดินและชอนไชทะลลุ งดิน เพ่อื ดูดน้ำและแร่ธำตุ ระบบยอด ประกอบดว้ ยลำตน้ และใบ ลำตน้ เป็นโครงร่ำงท่ีใหใ้ บยดึ เกำะ ใบเป็นแหล่งสร้ำงอำหำรโดย กำรสงั เครำะหด์ ว้ ยแสง ภาพท่ี 1.14 ระบบยอด (shoot system) และระบบราก (root system) ของต้นไม้ และหน้าทข่ี องระบบท้งั สอง ทมี่ า : Starr and Starr, 2003 : 422
18 ในพชื ท่ีมีท่อลำเลียง เน้ือเยอ่ื จดั ระเบียบกนั เป็นระบบเน้ือเยอื่ (tissue system) ซ่ึง ประกอบดว้ ยระบบเน้ือเยอื่ 3 ชนิด คือ 1. ระบบเน้ือเยอื่ พ้นื (ground tissue system) ประกอบดว้ ยเน้ือเยอ่ื เชิงเด่ียว (simple tissue : เน้ือเยอ่ื ที่ประกอบดว้ ยเซลลช์ นิดเดียว) 3 ชนิด คือ เน้ือเยอ่ื พำเรงคิมำ เน้ือเยอื่ คอลเลงคิมำ และ เน้ือเยอื่ สเคลอเรงคิมำ ซ่ึงประกอบดว้ ยเซลลพ์ ำเรงคิมำ เซลลค์ ลอเรงคิมำ และเซลลส์ เคลอเรงคิมำ ตำมลำดบั ส่วนใหญข่ องตน้ พชื ประกอบดว้ ยเน้ือเยอ่ื ระบบน้ี ซ่ึงทำหนำ้ ท่ีหลำยอยำ่ งรวมท้งั สงั เครำะหด์ ว้ ยแสง เกบ็ สะสมอำหำรและใหค้ วำมแขง็ แรงแก่ตน้ พชื 2. ระบบเน้ือเยอ่ื ลำเลียง (vascular tissue) ประกอบดว้ ยเน้ือเยอื่ เชิงซอ้ น (complex tissue : เน้ือเยอ่ื ท่ีประกอบดว้ ยเซลลห์ ลำยชนิด) มี 2 ชนิด คือ เน้ือเยอ่ื ไซเลมและเน้ือเยอ่ื โฟลเอม็ ที่ทำ หนำ้ ที่ลำเลียงน้ำและแร่ธำตุ กบั ลำเลียงสำรอำหำร ซ่ึงกำรลำเลียงจะติดต่อกนั ทวั่ ตน้ พชื 3. ระบบเน้ือเยอื่ ผิว (dermal tissue system) ประกอบดว้ ยเน้ือเยอื่ ท่ีปกคลมุ ตน้ พชื ซ่ึง เป็นเน้ือเยอื่ เชิงซอ้ น 2 ชนิด คือ เอพิเดอร์มิสและเพอริเดิร์ม (periderm) เน้ือเยอ่ื เอพิเดอร์มิส ประกอบดว้ ย เซลล์ เอพิเดอร์มิส เซลลค์ ุม ส่วนเน้ือเยอ่ื เพริเดิร์มประกอบดว้ ย เซลลค์ อร์ก (cork cell) เซลลค์ อร์กแคมเบียม (cork cambium cell) เน้ือเยอื่ เพริเดิร์มจะไปแทนท่ีเอพเิ ดอร์มิสและเป็น เปลือกไม้ (bark) ช้นั นอกของรำกและ ลำตน้ ท่ีแก่แลว้ และระบบเน้ือเยอื่ ลำเลียง (vascular tissue) ในใบ ลำตน้ และรำกพชื ใบเล้ียงคู่ เน้ือเยอื่ ผิว เน้ือเยอ่ื ลำเลียง เน้ือเยอื่ พ้ืน เน้ือเยอ่ื ผวิ เน้ือเยอ่ื ลำเลียง เน้ือเยอ่ื พ้นื ภาพที่ 1.15 ระบบเนื้อเยื่อผวิ (dermal tissue) ระบบเนื้อเย่ือพืน้ (ground tissue) และระบบเนื้อเย่ือลาเลยี ง (vascular tissue) ทม่ี า : Campbell, Reece and Mitchell, 2005 : 717
19 ตารางท่ี 1.1 ชนิดของระบบเนื้อเยื่อ ชนดิ ของเนื้อเย่ือ ชนิดของเซลล์และหน้าทหี่ ลกั ของ เนื้อเยื่อชนิดต่างๆ ของพืชมดี อก ระบบเนือ้ เยื่อ ชนดิ ของเนื้อเยื่อ ชนดิ ของเซลล์ หน้าทห่ี ลกั ของเนื้อเยื่อ 1. เน้ือเยอ่ื พ้นื เน้ือเยอื่ พำเรงคิมำ เซลลพ์ ำเรงคิมำ เกบ็ สะสมอำหำร หลงั่ สำร (parenchyma tissue) (parenchyma cell) สงั เครำะหด์ ว้ ยแสง (ground tissue) เน้ือเยอื่ คอลเลงคิมำ เซลลค์ อลเลงคิมำ (collenchyma tissue) (collenchyma cell) ช่วยเพิ่มควำมแขง็ แรง 2. เน้ือเยอื่ ลำเลียง เน้ือเยอ่ื สเคลอเรงคิมำ เซลลส์ เคลอเรงคิมำ (vascular tissue) (sclerenchyma tissue) (sclerenchyma cell) ช่วยเพ่มิ ควำมแขง็ แรงและ สเคลอรีด (sclereid) หรือ ป้องกนั เพ่ิมควำมยดื หยนุ่ 2.1 ไซเลม (xylem) ไฟเบอร์ (fiber) ค้ำจุนและเสริมสร้ำงควำม แขง็ แรง 2.2 โฟลเอม็ (phloem) เทรคีด (tracheid) ลำเลียงน้ำและแร่ธำตุ, เวสเซลอีลีเมนต์ ค้ำจุนส่วนตำ่ งๆ ของพชื (vessel element) ไซเลมพำเรงคิมำ ลำเลียงน้ำและแร่ธำตุ, (xylem parenchyma) ใหค้ วำมแขง็ แรง ไซเลมไฟเบอร์ (xylem fiber) ลำเลียงน้ำและแร่ธำตุ , สะสมอำหำรพวกแป้ง ซีฟทิวป์ เมมเบอร์ น้ำมนั และสำรอ่ืนๆ (sieve tube member) ค้ำจุนและเสริมสร้ำง เซลลค์ อมพำเนียน ควำมแขง็ แรงแก่พืช (companion cell) เซลลโ์ ฟลเอม็ พำเรงคิมำ ลำเลียงน้ำตำลไปยงั (xylem parenchyma cell) โครงสร้ำงหรือส่วนท่ี เซลลโ์ ฟลเอม็ ไฟเบอร์ เกบ็ สะสมอำหำร (phloem fiber cell) ควบคุมกำรทำงำนต่ำงๆ ของซีฟทิวป์ เมมเบอร์ สะสมอำหำร, ลำเลียงน้ำตำล ส่งไปยงั ซีฟทิวป์ เมมเบอร์ ค้ำจุนและเสริมสร้ำงควำม แขง็ แรง
ตารางท่ี 1.1 (ต่อ) ชนิดของเนื้อเยื่อ ชนิดของเซลล์ 20 3.1 เอพเิ ดอร์มิส เซลลเ์ อพิเดอร์มิส ระบบเนื้อเย่ือ (epidermis cell) หน้าทห่ี ลกั ของเนื้อเยื่อ 3. เน้ือเยอื่ ผวิ (epidermis) ปกป้องคลมุ ผวิ ดำ้ นนอกของ โครงสร้ำงส่วนต่ำงๆ ของ (dermal tissue) พชื เซลลค์ ุม (guard cells) ประกอบกนั เป็นปำกใบ (ดูหนำ้ ที่ของปำกใบ) 3.2 เพริเดิร์ม ไตรโคม (trichomes) (periderm) เซลลค์ อร์ก (cork cell) หนำ้ ท่ีหลำกหลำย เซลลค์ อร์กแคมเบียม ปกป้องคลุมผิวดำ้ นนอกของ (cork cambium cell) โครงสร้ำงส่วนตำ่ งๆ ของพืช เซลลค์ อร์กพำเรงคิมำ (cork parenchyma cell) เป็ นเน้ือเยอ่ื เจริญสร้ำงเซลล์ คอร์ก (ดำ้ นนอก) และเซลล์ คอร์กพำเรงคิมำ (ดำ้ นใน) เกบ็ สะสมอำหำร ลองทำกจิ กรรม กนั หน่อยไหมครบั ?
21 กจิ กรรมที่ 1.1 เรื่อง เนื้อเย่ือของพืชดอก ช่ือ.................................................................ช้ัน......................เลขท.่ี ............. หน่วยการเรียนรู้ โครงสร้างและหน้าทข่ี องพืชดอก รายวชิ าชีววทิ ยา 3 รหัสวชิ า ว32243 เร่ือง เนื้อเย่ือของพืชดอก ระดบั ช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ 5 คาชี้แจง ให้นกั เรียนเตมิ ข้อความลงในช่องว่างให้ถูกต้อง 1. เน้ือเยอื่ ของพชื ช้นั สูง หรือพชื ดอก แบ่งออกเป็น..........ชนิด คือ........................................... .................................................................................................................................................... (1 คะแนน) 2. เน้ือเยอ่ื เจริญแบ่งออกไดเ้ ป็น..........กลมุ่ คือ............................................................................ .................................................................................................................................................... (3 คะแนน) 3. เน้ือเยอ่ื เจริญที่อยใู่ นกลมุ่ ของท่อลำเลียง เรียกวำ่ ……………………………………………. เน้ือเยอ่ื เจริญที่อยถู่ ดั จำกเน้ือเยอ่ื ช้นั นอกของรำกหรือลำตน้ เขำ้ ไปขำ้ งในเรียกวำ่ ……………… .................................................................................................................................................... (2 คะแนน) 4. เน้ือเยอ่ื ถำวร (permanent tissue) มีก่ีชนิด แต่ละชนิดประกอบดว้ ยเน้ือเยอ่ื อะไรบำ้ ง .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... (5 คะแนน)
22 5. ไซเลม (xylem) ประกอบดว้ ยเซลล์ …… ชนิด คือ……………………………..………… .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... (3 คะแนน) 6. โฟลเอม็ (phloem) ประกอบดว้ ยเซลล์ …… ชนิด คือ…………………………………….. .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... (3 คะแนน) 7. พืชที่ทีท่อลำเลียง มีระบบเน้ือเยอื่ (tissue system) กี่ชนิด แต่ละชนิดประกอบดว้ ยเน้ือเยอื่ ชนิดใด (3 คะแนน) .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... ด้วยเกยี รตขิ องลกู เสือ ลองใช้ความสามารถดูก่อนนะครับ ! อย่าเพง่ิ เปิ ดดูเฉลย
23 แนวการตอบคาถามกจิ กรรมที่ 1.1 เรื่อง เนื้อเยื่อของพืชดอก หน่วยการเรียนรู้ โครงสร้างและหน้าทข่ี องพืชดอก รายวชิ าชีววทิ ยา รหัสวชิ า ว32243 เร่ือง เนื้อเยื่อของพืชดอก ระดบั ช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ 5 คาชี้แจง ให้นกั เรียนเตมิ ข้อความลงในช่องว่างให้ถูกต้อง 1. เน้ือเยอื่ ของพชื ช้นั สูง หรือพืชดอก แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ เน้ือเยอ่ื เจริญ (meristematic tissue หรือ meristem) กบั เน้ือเยอ่ื ถำวร (permanent tissue) 2. เน้ือเยอ่ื เจริญแบ่งออกไดเ้ ป็น 3 .กลุ่ม คือ 1. เน้ือเยอื่ เจริญส่วนปลำย (apical meristem) 2 เน้ือเยอื่ เจริญดำ้ นขำ้ ง (lateral meristem) 3. เน้ือเยอ่ื เจริญที่ขอ้ (intercalary meristem) 3. เน้ือเยอื่ เจริญที่อยใู่ นกลุ่มของทอ่ ลำเลียง เรียกวำ่ วำสคิวลำร์แคมเบียม (vascular cambium) เน้ือเยอ่ื เจริญท่ีอยถู่ ดั จำกเน้ือเยอื่ ช้นั นอกของรำกหรือลำตน้ เขำ้ ไปขำ้ งใน เรียกวำ่ คอร์กแคมเบียม (cork cambium) 4. เน้ือเยอ่ื ถำวร (permanent tissue) มีกี่ชนิด แต่ละชนิดประกอบดว้ ยเน้ือเยอ่ื อะไรบำ้ ง 2 ชนิด คือ 1. เน้ือเยอ่ื ถำวรเชิงเดี่ยว (simple permanent tissue) ประกอบดว้ ยเน้ือเยอื่ เอพิเดอร์มิส (epidermis) พำเรงคิมำ (parenchyma) คอลเลงคิมำ (collenchyma) สเคลอเรงคิมำ (sclerenchyma) เอนโดเดอร์มิส (endodermis) และคอร์ก (cork) 2. เน้ือเยอื่ ถำวรเชิงซอ้ น (complex permanent tissue) ประกอบดว้ ยเน้ือเยอื่ ไซเลม (xylem)โฟลเอม็ (phloem) 5. ไซเลม (xylem) ประกอบดว้ ยเซลล์ 4 ชนิด คือ 1. ไซเลมพำเรงคิมำ (xylem parenchyma) 2. ไซเลมไฟเบอร์ (xylem fiber) 3. เทรคีด (tracheid) 4. เวสเซลอีลีเมนต์ (vessel element หรือ vessel member) 6. โฟลเอม็ (phloem) ประกอบดว้ ยเซลล์ 4 ชนิด คือ 1. โฟลเอม็ พำเรงคิมำ (phloem parenchyma) 2. โฟลเอม็ ไฟเบอร์ (phloem fiber) 3. ซีฟทิวป์ เมมเบอร์ (sieve tube member) 4. เซลลค์ อมพำเนียน (companion cell)
24 7. พืชท่ีท่ีท่อลำเลยี ง มีระบบเน้ือเยอ่ื (tissue system) กี่ชนิด แต่ละชนิดประกอบดว้ ยเน้ือเยอ่ื ชนิดใด 1. ระบบเน้ือเยอ่ื พ้ืน (ground tissue system) ประกอบดว้ ยเน้ือเยอ่ื พำเรงคิมำ คอลเลงคิมำ และ สเคลอเรงคิมำ 2. ระบบเน้ือเยอ่ื ลำเลยี ง (vascular tissue) ประกอบดว้ ย เน้ือเยอื่ ไซเลมและเน้ือเยอ่ื โฟลเอม็ 3. ระบบเน้ือเยอ่ื ผิว (dermal tissue system) ประกอบดว้ ยเน้ือเยอ่ื เอพเิ ดอร์มิสและเพอริเดิร์ม (periderm) เรำมำสรุป เน้ือเย่ือของพชื ดอก กนั หน่อยดกี วำ่ ......
25 กจิ กรรมที่ 1.2 เร่ือง เนื้อเยื่อของพืชดอก ชื่อ.................................................................ช้ัน......................เลขท.ี่ ............. หน่วยการเรียนรู้ โครงสร้างและหน้าทขี่ องพืชดอก รายวชิ าชีววทิ ยา 3 รหัสวชิ า ว32243 เรื่อง เนื้อเยื่อของพืชดอก ระดบั ช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี 5 คาชีแ้ จง ให้นกั เรียนเขยี นผงั มโนทศั น์ (mind mapping) เนื้อเยื่อของพืชดอก (10 คะแนน)
26 แนวการตอบคาถามกจิ กรรมที่ 1.2 เรื่อง เนื้อเยื่อของพืชดอก คาชี้แจง ให้นักเรียนเขยี นผงั มโนทศั น์ (mind mapping) เนื้อเยื่อของพืชดอก (10 คะแนน) เนื้อเยื่อพืช (plant tissue) เน้ือเยอ่ื เจริญ (meristematic tissue) เน้ือเยอื่ ถำวร (permanent tissue) เน้ือเย่ือเจริญส่วนปลำย เน้ือเย่ือถำวรเชิงเดี่ยว เน้ือเยือ่ ถำวรเชิงซอ้ น (apical meristem) (simple permanent tissue) (complex permanent tissue) เน้ือเยื่อเจริญดำ้ นขำ้ ง เอพิเดอร์มิส เน้ือเยือ่ ลำเลียง เน้ือเย่อื ลำเลียง (lateral meristem) (epidermis) น้ำ (xylem) อำหำร(phloem) เน้ือเย่ือเจริญเหนือขอ้ พำเรงคิมำ เวสเซลลเ์ มมเบอร์ ซีฟทิวป์ เมมเบอร์ (intercalary meristem) (parenchyma (vessel member) (sieve tube member) ไฟเบอร์ (fiber) ) เทรคีด (tracheid) คอลเลงคิมำ เซลลค์ อมพำเนียน สเคลอรีด (collenchym ไซเลมพำเรงคิมำ (companion cell) (scleried) (xylem parenchyma) a) โฟลเอม็ พำเรงคิมำ ไซเลมไฟเบอร์ สเคลอเรงคิมำ (xylem fiber) (phloem parenchyma) (sclerenchyma) paparenchyma) เอนโดเดอร์มิส โฟลเอม็ ไฟเบอร์ (endodermis) (phloem fiber) คอร์ก(cork)
27 เร่ือง เนื้อเย่ือของพืชดอก แบบทดสอบหลงั เรียน ช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ 5 รายวชิ าชีววทิ ยา 3 รหัสวชิ า ว32243 กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ คาชีแ้ จง 1. แบบทดสอบน้ีเป็นแบบทดสอบปรนยั 4 ตวั เลือก จำนวน 15 ขอ้ เวลำ 20 นำที 2. ใหน้ กั เรียนเลือกคำตอบที่ถกู ที่สุดเพียงคำตอบเดียว แลว้ ทำเคร่ืองหมำย X ลงใน กระดำษคำตอบ 1. ขอ้ ใดต่อไปน้ีไม่ใช่เน้ือเยอื่ เจริญ 4. ขอ้ ใดเป็นเน้ือเยอื่ ถำวรเชิงซอ้ น (meristem) ก. xylem และ phloem ก. epidermis ข. xylem และ parenchyma ข. phellogen ค. phloem และ collenchyma ค. protoderm ง. xylem และ sclerenchyma ง. procambium 5. เน้ือเยอ่ื phloem ประกอบดว้ ยเซลล์ 2. ขอ้ ใดเป็นเน้ือเยอื่ เจริญ ชนิดต่ำง ๆ คือ ก. epidermis ก. companion cell กบั tracheid ข. cambium ข. tracheid กบั vessel member ค. xylem ค. vessel member กบั ง. phloem sieve tube member 3. ขอ้ ใดจดั เป็นเน้ือเยอื่ ถำวรเชิงเด่ียว ง. sieve tube member กบั ก. phloem และ endodermis companion cell ข. cambium และ epidermis 6. เน้ือเยอื่ xylem ประกอบดว้ ยเซลล์ ค. parenchyma และ endodermis ชนิดต่ำง ๆ คือ ง. epidermis และ vascular bundle ก. companion cell กบั tracheid ข. tracheid กบั vessel member ค. vessel member กบั sieve tube member ง. sieve tube member กบั companion cell
7. กำหนดให้ 1. fiber 28 2. vessel 3. tracheid 10. ถำ้ เปรียบเทียบเซลลเ์ ป็นหอ้ งต่ำงๆ 4. companion cell ภำยในบำ้ นเดียวกนั นกั เรียนคิดวำ่ 5. sieve tube member หอ้ งไหนคบั แคบท่ีสุด ก. fiber เซลลใ์ นขอ้ ใดบำ้ งเม่ือเจริญเติบโต ข. cork เตม็ ที่แลว้ จะตำย ค. tracheide ก. 1, 2 และ 3 ง. collenchyma ข. 1, 2 และ 4 ค. 1, 3 และ 4 11. เน้ือเยอ่ื ชนิดใดของพชื ที่ทำหนำ้ ท่ี ง. 1, 3 และ 5 เหมือนเอพิเดอร์มิสของคน 8. ขอ้ ใดถกู ตอ้ งเกี่ยวกบั เซลลท์ ี่ทำหนำ้ ท่ี ก. cork ลำเลียงใน vascular bundle ข. cortex ก. มีชีวิตท้งั ในไซเลมและโฟลเอม็ ค. pericycle ข. ไม่มีชีวิตท้งั ในไซเลมและโฟลเอม็ ง. epidermis ค. มีชีวติ ในไซเลมแต่ไม่มีชีวิตใน 12. สำรเคมีที่เป็นพิษซ่ึงสะสมอยใู่ นหวั โฟลเอม็ (ลำตน้ หรือรำก) ท่ีอยใู่ ตด้ ินจะมีอยู่ ง. ไม่มีชีวติ ในไซเลมแต่มีชีวติ ใน มำกในเน้ือเยอ่ื ใด ก. epidermis โฟลเอม็ ข. parenchyma 9. เซลลท์ ี่ขดู ออกหลงั จำกกำรควน่ั และลอก ค. endodermis ง. sclerenchyma เปลือกไมเ้ พ่ือตอนก่ิงไม้ คือเซลลใ์ ด ก. xylem ข. phloem ค. cambium ง. parenchyma
29 13. กำรแบ่งเซลลข์ องเซลลใ์ นเน้ือเยอ่ื ใดมีผลทำใหเ้ ถำตำลึงมีควำมยำวเพ่มิ ข้ึน กำหนดให้ 1. เน้ือเยอื่ เจริญใตข้ อ้ 2. เน้ือเยอื่ เจริญเหนือขอ้ 3. เน้ือเยอื่ เจริญดำ้ นขำ้ ง 4. เน้ือเยอ่ื เจริญส่วนปลำย ก. ขอ้ 1 และ 2 ข. ขอ้ 2 และ 3 ค. ขอ้ 2 และ 4 ง. ขอ้ 3 และ 4 14. ขอ้ ใดไม่ใช่เน้ือเยอ่ื พ้ืน ก. epidermis ข. parenchyma ค. collenchyma ง. sclerenchyma 15. ขอ้ ใดเป็นเน้ือเยอื่ ลำเลียง ก. xylem และ cambium ข. xylem และ phloem ค. phloem และ cambium ง. parenchyma และ phloem
30 เฉลยแบบทดสอบหลงั เรียน เร่ือง เนื้อเยื่อของพืชดอก รายวชิ าชีววทิ ยา 3 รหัสวชิ า ว32243 ช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี 5 กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ข้อ คาตอบ 1ก 2ข 3ค 4ก 5ง 6ข 7ก 8ง 9ค 10 ก 11 ง 12 ข 13 ค 14 ก 15 ข
Search
Read the Text Version
- 1 - 30
Pages: