51 3.1.3 วัฒนธรรมและพฤตกิ รรมทางการเมืองไทย การน�ำเสนอวัฒนธรรมและพฤติกรรมทางการเมืองไทย ผู้เขียนอาศัยแนวคิดที่ส�ำคัญ 4 คน คือ นธิ ิ เอยี วศรวี งศ์ (2547 ก, 2550) ลขิ ติ ธรี เวคนิ (2551) ชยั อนนั ต์ สมทุ วณชิ (2552) และ ทนิ พนั ธ์ุ นาคะตะ (2543) โดยสรปุ แนวคดิ ของนกั วิชาการทง้ั 4 คน ได้ดงั นี้ นิธิ เอียวศรีวงศ์ (2547 ก : 125-155) วิเคราะห์ว่า สังคมไทยมีวัฒนธรรมและพฤติกรรมทางการเมือง ทไ่ี มส่ อดคลอ้ งกบั การปกครองในระบอบประชาธปิ ไตย ดงั ถอ้ ยค�ำส�ำคญั วา่ “ความลม้ เหลวของระบอบรฐั ธรรมนญู ท่ีผ่านมาเป็นเพราะรัฐธรรมนูญเป็นส่ิงแปลกปลอม ไม่สอดคล้องกับวัฒนธรรมการเมืองของไทย” นอกจากนี้ นิธิ ยังเห็นอีกว่า “วัฒนธรรมทางการเมืองไทย เป็นสิ่งท่ีมีอิทธิพลมหาศาลจนละเมิดไม่ได้ ฉีกไม่ได้ แต่กฎหมาย รัฐธรรมนญู มักจะถกู ละเมดิ ถกู ฉกี ไดโ้ ดยงา่ ย..” นิธิ วิเคราะห์ว่า ข้อก�ำหนดของความสัมพันธ์เชิงอ�ำนาจในสังคมหนึ่ง ๆ นั้น ไม่ได้เกิดขึ้นจากใคร เป็นผู้ก�ำหนดขึ้น แต่เกิดข้ึนจากการที่บุคคลและสถาบันต่าง ๆ ในสังคมน้ัน ได้ต่อสู้ช่วงชิงและรักษาสถานะแห่ง อ�ำนาจของตนมาเป็นเวลานานจนท�ำให้เกิดการยอมรับกันในระดับหน่ึง กลายเป็นประเพณีทางการปกครอง และการเมืองขึ้น กล่าวได้ว่า วิถีชีวิต วิถีความคิด และค่านิยม ของสังคมน้ัน ๆ เคยชินท่ีจะมองเห็นว่าอ�ำนาจท ่ี ชอบธรรมนัน้ ต้องสมั พันธก์ ันแบบน้ัน นั่นก็คอื “วัฒนธรรมทางการเมอื ง” วัฒนธรรมทางการเมืองของทุกสังคมไม่ใช่สิ่งท่ีหยุดน่ิงแล้ว เพราะการต่อสู้ช่วงชิงและรักษาสถานะ แหง่ อ�ำนาจของสถาบนั และบคุ คลในทกุ สงั คมไมไ่ ดห้ ยดุ นงิ่ ยงั คงด�ำเนนิ ตอ่ ไปเรอื่ ย ๆ ตามกระแสความเปลยี่ นแปลง ทางเศรษฐกิจและสงั คมซง่ึ เกดิ ขนึ้ ตลอดเวลา คนในสังคมนน้ั จึงอาจมคี ่านยิ มในทางการเมอื งเปลี่ยนไป นิธิสรุปว่า รัฐธรรมนูญฉบับวัฒนธรรมไทย เป็นสิ่งท่ีสังคมไทยมองว่าศักด์ิสิทธ์ิและละเมิดไม่ได ้ แตค่ อ่ ย ๆ เปลยี่ นแปลงไปเรอื่ ย ๆ อยตู่ ลอดเวลา สถาบนั ทส่ี �ำคญั ในรฐั ธรรมนญู ฉบบั วฒั นธรรมไทย เฉพาะทส่ี �ำคญั ทผี่ ้เู ขียนจะขอน�ำมาอธิบาย ได้แก่ 1) สถาบนั พระมหากษัตริย์ ไม่ว่ารัฐธรรมนูญฉบับลายลักษณ์อักษรจะตราไว้หรือไม่ สถาบันกษัตริย์ก็แทรกอยู่ในทุกส่วนของ วัฒนธรรมไทย จนกระทั่งเป็นการยากมากท่ีจะขาดสถาบันนี้ไป ไม่ว่าจะมีการบัญญัติไว้หรือไม่ พระมหากษัตริย์ ก็ทรงเป็นท่ีเคารพสักการะอันผู้ใดจะล่วงละเมิดมิได้อยู่น่ันเอง หมวดพระมหากษัตริย์ในรัฐธรรมนูญน้ันยกออกไป ท้ังหมดก็ไม่ท�ำให้สถาบันพระมหากษัตริย์ไทยสั่นคลอน เพราะหมวดนี้อยู่ในรัฐธรรมนูญฉบับวัฒนธรรมอย่าง มั่นคงอยู่แล้ว และน่ีคือเหตุผลที่ว่า ถึงจะฉีกรัฐธรรมนูญกันมากี่ครั้งแล้ว หมวดพระมหากษัตริย์ในรัฐธรรมนูญท ่ี รา่ งกนั ใหม่จึงไมไ่ ดเ้ ปลี่ยนแปลงอะไรเปน็ พเิ ศษ
52 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดกาฬสินธุ์ รัฐธรรมนูญฉบับลายลักษณ์อักษรบัญญัติเก่ียวกับพระมหากษัตริย์ในฐานะสถาบัน ไม่ใช่บุคคล หมายความว่าเมอ่ื เปล่ียนรัชกาลก็ไมจ่ �ำเปน็ ต้องแกไ้ ขเปลีย่ นแปลงหมวดน้ีในรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตาม สถาบัน พระมหากษัตริย์ท่ีระบุไว้ในรัฐธรรมนูญน้ันเป็นสถาบันที่มีบทบาทและหน้าท่ีของรัฐสมัยใหม่ เช่น ทรงเป็น พระประมุข ทรงใช้อ�ำนาจอธิปไตยโดยผ่านอ�ำนาจทั้งสาม ฯลฯ แต่ในรัฐธรรมนูญฉบับวัฒนธรรม แนวคิดเรื่อง “สถาบัน” พระมหากษัตริย์แตกต่างไปจากน้ัน นิธิสรุปว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ไทยน้ัน “ศักด์ิสิทธ์ิ” โดย รฐั ธรรมนญู ฉบบั วฒั นธรรมมองวา่ พระมหากษตั รยิ เ์ ปน็ ทเ่ี คารพสกั การะ มอี �ำนาจลล้ี บั (ศกั ด)์ิ และมฤี ทธิ์ (สทิ ธ)์ิ สถาบันพระพุทธศาสนา ไม่ว่าจะเขียนหรือไม่เขียนไว้ในกฎหมายรัฐธรรมนูญ รัฐไทยก็เป็นรัฐพระพุทธศาสนา หมายความว่า เราจัดให้พระพุทธศาสนามีสถานะพิเศษกว่าศาสนาอ่ืน ๆ แม้รัฐไทยจะเป็นกลางระหว่างศาสนาศริสต์ อิสลาม หรือฮินดู แต่รัฐไทยเจตนาและแสดงออกอย่างตรงไปตรงมาว่าจะล�ำเอียงเข้าข้างพระพุทธศาสนา ถึงจะเขียน หรอื ไมเ่ ขยี นไวใ้ นรฐั ธรรมนญู วา่ พทุ ธศาสนาเปน็ ศาสนาประจ�ำชาติ พทุ ธศาสนากเ็ ปน็ ศาสนาประจ�ำชาตไิ ทยอยา่ ง ปฏเิ สธไมไ่ ด้ และตราไว้อย่างเปิดเผยชัดเจนในรฐั ธรรมนูญฉบับวฒั นธรรมอยแู่ ลว้ 2) กองทพั กองทพั จะมี “อทิ ธพิ ล” (คอื อ�ำนาจทไ่ี มม่ กี ฎหมายหรอื ประเพณรี องรบั ) แตท่ ง้ั น้ี กองทพั กม็ ี “อ�ำนาจ” เช่นกัน แต่เป็นเพียง “อ�ำนาจ” ที่น้อยนิดเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นระบอบการปกครองใด ยกเว้นเผด็จการทหาร กลา่ วคอื ทหารจะปฏบิ ตั ิการอะไรตอ้ งข้ึนอยกู่ บั การตัดสินใจของฝา่ ยบริหาร หรือนายกรัฐมนตรี วนั ที่ 24 มถิ นุ ายน 2475 เปน็ ตน้ มา กองทพั เปน็ แกนหลกั ในการโคน่ ลม้ ระบอบสมบรู ณาญาสทิ ธริ าชย์ จากน้ันเป็นต้นมา กองทัพกลายเป็น “อิทธิพล” ที่ใหญ่สุดในการเมืองไทย แม้ว่าหลักการปกครองระบอบ ประชาธปิ ไตยแลว้ กองทัพจะมี “อ�ำนาจ” อยเู่ พียงนิดเดยี ว คนไทยส่วนใหญ่ให้การต้อนรับ “อิทธิพล” ของกองทัพด้วยดีและใช้ประโยชน์จาก “อิทธิพล” นี้ อย่างเต็มที่เท่าที่จะใช้ได้ นับต้ังแต่ระดับบุคคลที่ว่ิงเต้นเข้าหาทหารเพื่อเอา “อิทธิพล” น้ันไปบีบบังคับให้ “อ�ำนาจ”ของข้าราชการพลเรือนซ่ึงมักจะฉ้อฉลยอมตาม หรือฉ้อฉลไปในทางที่เป็นประโยชน์ส่วนตัวไปจนถึง ระดับทเ่ี ปน็ กลมุ่ นิธิสรุปว่า รัฐธรรมนูญฉบับวัฒนธรรมของไทยชอบให้ทหารมี “อิทธิพล” แต่ไม่ชอบให้มี “อ�ำนาจ” เป็นตน้ ส่วน ลิขิต ธีรเวคิน (2551) วิเคราะห์สอดคล้องกับแนวคิดของ นิธิ เอียวศรีวงศ์ ว่า ระบอบการ ปกครองแบบประชาธิปไตย ไม่สามารถจะพัฒนาได้ด้วยการร่างรัฐธรรมนูญเพ่ือจัดโครงสร้างและกระบวนการ ทางการเมืองแต่เพียงอย่างเดียว ท่ีส�ำคัญจ�ำเป็นจะต้องมีพื้นฐานที่มั่นคง น่ันคือ การมีวัฒนธรรมการเมืองแบบ
53 ประชาธปิ ไตย ถา้ สงั คมนน้ั ประชาชนสว่ นใหญโ่ ดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ผนู้ �ำการเมอื งมลี กั ษณะทเี่ ปน็ เผดจ็ การอนั เนอื่ ง มาจากวัฒนธรรมสังคม รวมตลอดท้ังบุคลิกภาพของคนในสังคมน้ัน ย่อมยากที่จะพัฒนาระบอบการปกครอง แบบประชาธิปไตย วัฒนธรรมการเมืองแบบประชาธิปไตยคือ การมีทัศนคติท่ีเช่ือในความเสมอภาคของมนุษย์ มีศรัทธาในมนุษย์ว่าสามารถท่ีจะใช้เหตุใช้ผลในการชี้แจงข้อสงสัยและความขัดแย้งต่าง ๆ เชื่อในสิทธิเสรีภาพ ขนั้ พน้ื ฐาน อดทนอดกลนั้ ตอ่ ความคดิ เหน็ ทแ่ี ตกตา่ ง มจี ติ ใจทเี่ ปน็ นกั กฬี า การยอมเสยี สละสว่ นตนเพอ่ื ผลประโยชน์ ส่วนรวม การเคารพในหลักนิติธรรม โดยมีแนวโน้มท่ีจะร่างกฎหมายและอ่านกฎหมายเพื่อผลประโยชน์ต่อ สว่ นรวม ด้วยการยดึ ถือหลักการเปน็ ใหญ่ ท้ังหลายท้ังปวงดังกล่าวเป็นเสมือนฐานรากของระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย และนั่นคือ วฒั นธรรมการเมอื งแบบประชาธปิ ไตยซงึ่ มคี วามจ�ำเปน็ อยา่ งยงิ่ ทจ่ี ะแผข่ ยายไปอยา่ งกวา้ งขวางในหมปู่ ระชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ผู้น�ำทางการเมืองจนพัฒนาเป็นจิตวิญญาณประชาธิปไตย หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ คา่ นิยมและปทสั ถานท่ีเป็นประชาธิปไตย ค�ำถามคือ ท�ำอย่างไรจึงจะมีการพัฒนาวัฒนธรรมแบบประชาธิปไตยข้ึนได้ในสังคม ค�ำตอบของ นักรัฐศาสตร์ก็คือจะต้องมีการกล่อมเกลาเรียนรู้ (socialization) ให้มีวัฒนธรรมการเมืองแบบประชาธิปไตย ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น กระบวนการดังกล่าวน้ีเรียกว่ากระบวนการกล่อมเกลาเรียนรู้ทางการเมือง (political socialization) ซง่ึ จะมขี นั้ ตอนและกระบวนการทงั้ ในแงก่ ารสรา้ งคา่ นยิ มแบบนามธรรมในลกั ษณะหลกั การหรอื ปรัชญา รวมตลอดทั้งการปฏิบัติท่ีอยู่ในสังคม เร่ิมต้นตั้งแต่ระดับครอบครัว จากน้ันก็โรงเรียน องค์กรศาสนา องคก์ รสังคม และสังคมโดยรวม ด้าน ชัยอนันต์ สมุทวณิช (2552 : 170-171) ได้ต้ังข้อสังเกตเก่ียวกับลักษณะเด่นของรัฐ และ สงั คมไทย ดงั น้ี 1) รัฐและสังคมไทย มีความหลากหลายทางโครงสร้างย่อยภายใน ท้ังทางด้านอ�ำนาจทางการเมือง ลักษณะทางเศรษฐกิจ ลักษณะทางสังคม (เช้ือชาติ เผ่าชน ภาษา วัฒนธรรม) และมีความไม่สม�่ำเสมอกัน ทางพัฒนาการของโครงสร้างยอ่ ยดังกล่าวน้ี 2) ความหลากหลายและความไม่สม�่ำเสมอดังกล่าว ได้ด�ำรงอยู่อย่างต่อเนื่องยาวนาน และได้รับ ผลสะเทอื นจากพลงั ภายนอกสงั คมเฉพาะบางจดุ จนกระทง่ั เกดิ การผสมผสานระหวา่ งมติ ิ 3 ดา้ น คอื ความมน่ั คง การพัฒนา และประชาธิปไตย ความหลากหลายและความไม่สม�่ำเสมอในโครงสร้างย่อยของรัฐ และสังคมไทย จงึ ลดต่�ำลง แต่มิได้หมดไปเสยี เลยทเี ดยี ว 3) ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับสังคม เป็นไปในลักษณะของ “รัฐเหนือสังคม” มากกว่า “สังคม เหนือรัฐ” กล่าวคือ โดยท่ัวไปและในพัฒนาการทางประวัติศาสตร์สังคมแล้ว รัฐและกลไกของรัฐทั้งทางด้าน กลไกการใช้ก�ำลังบังคับ และกลไกทางอุดมการณ์ ได้เป็นฝ่ายครอบง�ำและก�ำหนดทิศทางของการเปลี่ยนแปลง ทางสังคมมากกว่าที่พลังทางสังคมจะเป็นฝ่ายครอบง�ำและก�ำหนดทิศทางการเปล่ียนแปลง ดังนั้น รัฐจึงม ี
54 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดกาฬสินธุ์ ความเป็นอิสระมากพอควร และในการเปลี่ยนแปลงทางสังคม พลังที่มีผลในการผลักดันการเปล่ียนแปลง ไม่ว่าจะเป็นทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง หรือวัฒนธรรม ความคิด ความเชื่อทางสังคม ย่อมมาจากโครงสร้าง ส่วนบน (รฐั -กลไกของรัฐ) เป็นดา้ นหลกั และจากพลงั สว่ นอนื่ ๆ นอกกลไกของรัฐเป็นดา้ นรอง ทินพันธุ์ นาคะตะ ได้สรุปลักษณะอุดมการณ์และพฤติกรรมทางการเมืองของคนไทย ที่ส�ำคัญดังน ี้ (ทนิ พันธ์ุ นาคะตะ, 2534 : 36-41 อา้ งถึงใน สมบตั ิ ธ�ำรงธัญวงศ,์ 2549 : 711-714) 1) ลักษณะอำ� นาจนิยม คนไทยส่วนใหญ่จะชอบการใช้อ�ำนาจเด็ดขาด เคารพเช่ือฟังและอ่อนน้อมต่อผู้มีอ�ำนาจ รวมทั้ง มอบอ�ำนาจและความรับผิดชอบในทุกอย่างไว้ที่ผู้น�ำ ไม่ว่าระบบการเมืองระดับชาติหรือครอบครัว มักจะรวม อ�ำนาจไวท้ ผี่ นู้ �ำ การท�ำงานจงึ มลี กั ษณะส่งั การจากเบือ้ งบนลงมาเบือ้ งล่างมากกว่าจะริเรมิ่ จากเบอื้ งล่าง 2) นิยมระบบเจ้านายกบั ลกู นอ้ ง ในสงั คมไทย คนสว่ นใหญจ่ ะอยใู่ นกลมุ่ พวกพอ้ งกลมุ่ ใดกลมุ่ หนง่ึ เสมอ ผนู้ �ำจะเปน็ ผมู้ อี �ำนาจวาสนา มบี ารมี ตอ้ งสามารถใหค้ วามคมุ้ ครองและใหผ้ ลประโยชนแ์ กล่ กู นอ้ งได้ สว่ นลกู นอ้ งจะตอ้ งใหก้ ารสนบั สนนุ และ บริการแก่นาย ระบบเจ้านายกับลูกน้องในสังคมไทยจะปรากฏในระบบราชการและระบบการเมืองว่าการเป็น เจา้ นายคนได้รับการยกยอ่ งมาก 3) ยึดมน่ั ในตวั บคุ คลมากกว่าหลกั การ ลกั ษณะของคนไทยจะยดึ มน่ั ในตวั บคุ คลมากกวา่ จะยดึ มน่ั ในอดุ มการณ์ กลา่ วคอื จะใหค้ วามสนใจ กบั สง่ิ ทเี่ ปน็ ไปไดใ้ นทางปฏบิ ตั โิ ดยปรบั ตวั เขา้ กบั สงิ่ แวดลอ้ มหรอื สภาพความเปน็ จรงิ โดยไมย่ าก โดยเฉพาะเรอ่ื ง ทต่ี นไดร้ ับประโยชนอ์ ย่างชดั เจน 4) การจัดล�ำดบั ฐานะในความสัมพันธร์ ะหว่างบุคคล ระบบศักดินาท�ำให้มีการแบ่งชนชั้นในสังคมไทยให้รู้จักที่ต่�ำที่สูง ไม่ควรตีตนเสมอผู้ใหญ่ คนไทย ยดึ ถอื สง่ิ ทตี่ ดิ ตวั มา เชน่ ชาตวิ ฒุ ิ วยั วฒุ ิ และคณุ วฒุ ิ มากกวา่ ความสามารถของบคุ คล บคุ คลทม่ี คี ณุ สมบตั เิ หลา่ นี้ ถือได้ว่าเป็นผู้ใหญ่ที่ผู้น้อยจะต้องให้ความเคารพเชื่อฟัง การยึดมั่นในค่านิยมเหล่านี้ท�ำให้คนไทยยอมรับความ เสมอภาคของบคุ คลไดย้ ากทง้ั ในแง่หลักการและการปฏิบตั ิ 5) ความเปน็ อิสระนยิ ม คนไทยรักความเป็นอิสระ ชอบท�ำอะไรตามล�ำพังตนเอง ไม่ชอบการถูกบังคับหรือตกอยู่ภายใต ้ การออกค�ำสั่งของบุคคลอื่น ขาดระเบียบกฎเกณฑ์ในการด�ำรงชีวิต ขาดระเบียบวินัย ท�ำให้ต่างคนต่างอยู ่ การรวมกลมุ่ ทางการเมอื งเพอื่ วตั ถปุ ระสงคใ์ ดวตั ถปุ ระสงคห์ นงึ่ จงึ เปน็ ไปไดย้ าก ความรบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คมยงั มนี อ้ ย
55 6) การยดึ ม่ันในประเพณดี ั้งเดิม คนไทยส่วนมากยังยึดมั่นในความเช่ือ ค่านิยม ทัศนคติแบบเก่า ๆ อยู่ กล่าวคือ ยังเช่ือในเรื่อง ภูตผีปีศาจ ไสยศาสตร์ของขลัง และโชคลางอยู่ โดยยึดถือส่ิงเหล่าน้ีเป็นที่พ่ึงทางใจ โดยเฉพาะเมื่อประสบกับ ปัญหาหรือความเดือดร้อน จึงเป็นการยากที่คนไทยท่ัวไปจะยึดหลักเหตุผล รู้จักวิเคราะห์วิจารณ์ ไม่เรียกร้อง บริการจากรัฐโดยตรง แต่ใช้วิธีร้องเรียนขอความกรุณา แต่จะมีลักษณะอนุรักษ์นิยม ไม่ชอบการเปล่ียนแปลง เพราะจะท�ำให้เกดิ ความไมม่ ่ันคง 7) ความเฉอ่ื ยชา คนไทยโดยทั่วไปจะพอใจในสภาพที่เป็นอยู่ของตนเอง จะยอมรับสภาพที่เสียเปรียบของตนเอง โดยถือว่าตัวเองท�ำบุญมาเพียงแค่นี้ ท่ีเป็นเช่นน้ีเพราะเช่ือในกรรมเก่า จึงไม่กระตือรือร้นขวนขวาย ถือว่า การเมืองเป็นเรอื่ งของชนช้นั สูงหรอื ชนชั้นน�ำ 8) ขาดความเชือ่ ม่ันในตนเอง คนไทยจ�ำนวนมากขาดความเช่ือมั่นในตนเองในการแก้ปัญหาหรือการเอาชนะส่ิงแวดล้อมหรือ ได้รับการปฏิบัติด้วยความไม่เป็นธรรม เมื่อมีปัญหาเกิดข้ึนจะแสวงหาท่ีพึ่ง ไม่คิดว่าตนเองมีความสามารถ แก้ไขได้ โดยหันไปพง่ึ อ�ำนาจศักด์ิสทิ ธิ์ 9) การรกั ษาความสงบและการประนปี ระนอม คนไทยส่วนใหญ่รักสงบ ไม่นิยมความรุนแรงและหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง มีความอดทนต่อการ ถกู เอารดั เอาเปรียบ ถอ่ มตวั เกรงใจผู้อื่น ท�ำให้คนไทยไมก่ ล้าวพิ ากษว์ ิจารณ์หรือคัดคา้ นผอู้ น่ื หรอื ผู้มีอ�ำนาจ โดยสรุปแล้ว วัฒนธรรมและพฤติกรรมทางการเมืองไทย ท่ีส�ำคัญได้แก่ ลักษณะอ�ำนาจนิยม นิยมระบบเจ้านายกับลูกน้อง ยึดมั่นในตัวบุคคลมากกว่าหลักการ การจัดล�ำดับฐานะในความสัมพันธ์ระหว่าง บุคคล ความเป็นอิสระนิยม การยึดมั่นในประเพณีด้ังเดิม ความเฉ่ือยชา ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง การรักษา ความสงบและการประนปี ระนอม เปน็ ต้น ส่วน นิธิ เอียวศรีวงศ์ (2550) วิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจว่า “เมื่อพูดถึงวัฒนธรรมทางการเมือง ของไทยในวันน้ี จุดท่ีน่าสนใจที่สุดไม่ใช่วัฒนธรรมการเมืองของชาวบ้าน แต่มันเป็นวัฒนธรรมการเมืองของ ชนชั้นกลาง เพราะชนช้ันกลางคุมส่ือ คุมการศึกษา คุมทุกอย่าง เป็นผู้ที่ผลักวัฒนธรรมไปให้กลุ่มอ่ืน ๆ รับ ตอ่ ไป ดงั นน้ั พลงั อำ� นาจของชนชน้ั กลางจงึ เปน็ สงิ่ สำ� คญั คนทจี่ ะเขา้ ใจวฒั นธรรมทางการเมอื งไทยไดต้ อ้ งเขา้ ใจ วัฒนธรรมทางการเมืองของชนชั้นกลาง ซึ่งไม่ใช่วัฒนธรรมการเมืองของคนไทยทั้งประเทศ แต่คาดการณ์ได้ว่า ในอนาคตจะเป็นของคนไทยทั้งประเทศ”
56 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดกาฬสินธุ์ นิธิ เอียวศรีวงศ์ (2550) สรุปลักษณะส�ำคัญของวัฒนธรรมทางการเมืองของชนช้ันกลางไทย ในปจั จุบัน 8 ประเดน็ 1) ชนชั้นกลางมีล�ำดับข้ันทางสังคมอย่างชัดเจน เป็นสังคมที่ “มีหัวมีก้อย” ชนช้ันกลางไทย เชื่อในสิทธิเสรีภาพของระบอบประชาธิปไตยแต่เป็นสิทธิเสรีภาพท่ีไม่เสมอภาค เพราะชนช้ันกลางเชื่อว่า มีคนบางคนเท่าน้ันที่จะใช้สิทธิเสรีภาพในเชิงสร้างสรรค์ได้ แต่การน�ำสิทธิเสรีภาพให้ไปอยู่ในมือคนบางคน มันท�ำให้เกิดความปั่นป่วนวุ่นวายขึ้น ชนชั้นกลางไทยเป็นชนช้ันที่มีความหวาดระแวงสิทธิเสรีภาพท่ีอยู่ในมือ คนอืน่ เปน็ อย่างมาก แตอ่ ย่ใู นมอื ตวั เองไม่เปน็ ไร 2) ชนช้ันกลางไทยยังรับเอาคติ “รักความสงบเรียบร้อย” มาจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย ์ ค�ำว่าความสงบเรียบร้อยเป็นความต้องการของในทุกสังคม แต่ว่าความสงบเรียบร้อยของเรามีปัญหา กค็ อื จะสามารถรองรบั ความเปลยี่ นแปลงไดห้ รอื ค�ำวา่ Peace and Order ทม่ี ใี นระบอบสมบรู ณาญาสทิ ธริ าชย ์ ซง่ึ จรงิ ๆ รบั จากตา่ งประเทศมาอีกทีที่เป็นค�ำขวัญของระบอบอาณานคิ มทุกแห่งในโลกน้ี ค�ำถามกค็ อื วา่ ระบบ Peace and Order มนั รองรับการเปล่ยี นแปลงได้ไหม ถา้ รบั ไมไ่ ด้มันก็จะน�ำสคู่ วามรุนแรงในอนาคตแนน่ อน 3) ชนชั้นกลางเช่ือใน “อาญาสิทธิ์” ซ่ึงก็คืออ�ำนาจท่ีคนในสังคมเห็นว่าชอบธรรมทางกฎหมาย อย่างคนเอาปืนจี้คุณ มันมีอ�ำนาจแต่ไม่มีอาญาสิทธ์ แต่ในขณะท่ีต�ำรวจเอาปืนจี้คุณไปโรงพัก เขามีอ�ำนาจ มีอาญาสิทธิ์ แต่ชนช้ันกลางไทยนิยามค�ำว่าอาญาสิทธ์ิไว้แคบเกินไป จึงไม่สามารถรองรับอ�ำนาจท่ีม ี ความหลากหลายได้ จนเกดิ เปน็ ปญั หา และอ�ำนาจทเี่ ปน็ อาญาสทิ ธนิ์ นั้ มลี กั ษณะอ�ำนาจนยิ มดว้ ย คอื เปน็ อ�ำนาจ ทเ่ี ดด็ ขาดฉบั พลนั ปญั หาทกุ อยา่ งในโลกแกไ้ ขไดด้ ว้ ยอ�ำนาจ เมอ่ื มองวา่ การใชอ้ �ำนาจคอื การแกป้ ญั หาแตไ่ มม่ อง ถงึ วิธีการแกว้ ิธีอ่ืนเลย และยงั มอี �ำนาจอนื่ ๆ อีกทจี่ ะต้องจดั การมนั มันไม่ได้มีปัญหาเดยี ว 4) โลกทศั นช์ นชนั้ กลางไทยมลี กั ษณะ “นานาชาตนิ ยิ ม” ใชม้ าตรฐานของนานาชาตเิ ปน็ มาตรฐานเรา หลายต่อหลายเร่ือง ใช้เหรียญทองโอลิมปิกหรืออะไรก็แล้วแต่มาอธิบายอัตลักษณ์ของตัวเอง แต่แปลกมาก ที่ยังเช่ือในความโดดเด่นของตัวเองอยู่ด้วย ทั้งสองอย่างมันขัดแย้งกันเอง เรื่องนานาชาติ เร่ืองความโดดเด่น ของตัวเองเป็นความเช่ือท่ีขัดแย้งและมีโจทย์ท่ีชนช้ันกลางไทยสามารถชี้ว่า สิ่งนี้คือรับเข้ามาเป็นของเรา อันน ี้ ไมไ่ ดร้ บั อนั นร้ี บั แลว้ ท�ำลายวฒั นธรรมของเรา อนั นเี้ ราไมร่ บั เราจะไมท่ นั เพอื่ นบา้ น ตา่ งจากวฒั นธรรมนานาชาติ ทเี่ ขาจะเป็นตัวช้ีอยู่ตลอดเวลาวา่ คุณควรรับหรอื ไม่รับอะไร 5) คนช้ันกลางเช่ือเร่ืองความไพบูลย์ทางเศรษฐกิจ เป็นเป้าหมายส�ำคัญในเรื่องของการปกครอง แต่ความไพบูลย์ทางเศรษฐกิจของชนช้ันกลางมันแคบ ไม่ได้หมายถึงความม่ันคงในทางสังคมที่มนุษย์ต้องการ แต่เปน็ เรอ่ื งสะพานลอย เขือ่ น ไฟฟ้า เฉพาะในเรอื่ งทางวตั ถุเท่านัน้
57 6) ชนช้ันกลางไทย “รักชาติ” เป็นอย่างมาก แต่ค�ำว่าชาติของชนช้ันกลางน้ัน เป็นความหมายท่ี ค่อนข้างแคบ ต้องมีลักษณะลงรอยเดียวกัน ไม่ว่าในแง่ศาสนา ภาษา ชาติพันธุ์ ความภักดี ซ่ึงมันไม่เป็นจริง ในสังคมไทย 7) ชนช้ันกลางไทยเชื่อในเร่ืองเหตุและผล ซ่ึงแน่นอนว่าคนรุ่นใหม่ ๆ เช่ือในเหตุและผล แต่ความ เป็นเหตุเป็นผลนี้มันตั้งอยู่บนกลไกทางวิทยาศาสตร์ในคริสต์ศตวรรษท่ี 19 เม่ือร้อยปีที่แล้ว ที่มองเหตุผลเป็น ความสัมพันธ์เชิงวัตถุ หรือเป็นความสัมพันธ์ในเชิงกลไกอยู่ตลอดเวลา ไม่คิดถึงเหตุผลเชิงวัฒนธรรม เหตุผล เชิงสงั คม ไม่มคี วามสมั พนั ธร์ ะหว่างสิ่งต่าง ๆ 8) เช่อื ว่าเทคโนโลยสี มัยใหมแ่ ก้ปญั หาทงั้ ปวงได้ เพียงสงิ่ เดียวแก้ปัญหาทกุ อย่างได้ นธิ ิ เอียวศรวี งศ์ (2550) แบง่ ประวัตศิ าสตรอ์ อกเป็น 3 ยคุ สมัย คอื 1) ยคุ “สมยั กอ่ นรชั กาลท ี่ 5” (พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ) หรอื เรยี กวา่ ยคุ ไทยโบราณ 2) ยคุ “สมยั รชั กาลท ่ี 5 ถงึ 24 มถิ นุ า พ.ศ.2475” ซง่ึ นธิ เิ รยี กวา่ การเมอื งในระบอบสมบรู ณาญาสทิ ธริ าชย์ 3) ยุค “หลัง พ.ศ.2475” นิธิ เรียกว่าเป็นการเมืองในระบอบเลือกต้ังและรัฐประหารเหมือนเหรียญ สองด้านทเ่ี กิดข้ึนและไม่สามารถแยกออกจากกัน เร่ิมต้นจากยุค “สมัยก่อนรัชกาลที่ 5” หรือการเมืองของไทยโบราณก่อน เป็นอีกเรืองหนึ่งท่ี นิธิ เอียวศรีวงศ์ เห็นว่า มีคนเข้าใจผิดในสังคมไทยกันมากว่า พระเจ้าแผ่นดินไทยในสมัยโบราณทรงมีพระราช อ�ำนาจเด็ดขาดในการจัดสรรแบ่งปันทรัพยากรทุกส่วน ในความเป็นจริงไม่ใช่ พระเจ้าแผ่นดินไทยมีพระราช อ�ำนาจจ�ำกดั พระเจา้ แผน่ ดนิ ตง้ั แตส่ มยั อยธุ ยาไมม่ เี ครอ่ื งไมเ้ ครอ่ื งมอื ทจ่ี ะแผข่ ยายพระราชอ�ำนาจไปถงึ พลเมอื ง ไม่มีกองทหารประจ�ำการ ไม่มีระบบราชการแบบใหม่ พระราชอ�ำนาจแม้ในทางทฤษฎีจะมี แต่ในทางปฏิบัต ิ มจี �ำกดั อ�ำนาจในบา้ นเมอื งกระจายอยใู่ นหมู่ “ชนชนั้ ปกครอง” อยใู่ นกลมุ่ ทกี่ ฎหมายโบราณเรยี กวา่ “มลู นาย” อ�ำนาจท้ังหลายอยูก่ ับมูลนาย เจ้าเมอื ง หรือใครก็ตามท่สี ามารจดั ตวั เองไดว้ า่ เปน็ “ชนชน้ั ปกครอง” กลุ่มคนเหล่าน้ีไม่ได้อยู่ในระบบราชการ ต่างคนต่างอยู่ ไม่ได้เป็นระบบราชการเช่นปัจจุบันท่ีมีปลัดกระทรวง และไล่เป็นทบวงต่าง ๆ เป็นอ�ำนาจท่ีกระจายอยู่ในท่ีต่าง ๆ รวมท้ังคนท่ีอยู่ในหมู่บ้าน คนที่เป็นนายบ้าน คนทเี่ ป็นผ้นู �ำของหมูบ่ ้านด้วย ในแงร่ ะบบโครงสรา้ งการปกครองใหญอ่ �ำนาจถกู กระจายไมไ่ ดร้ วมศูนย์ นิธิ เอียวศรีวงศ์ (2550) อธิบายว่า “ระบบอุปถัมภ์” ไม่ใช่เป็นเร่ืองของคนท่ีท�ำอะไรไม่ได้ต้องพึ่งพา เขาร้อยเปอร์เซ็นต์ ต้องรอความช่วยเหลือจากคนที่ใหญ่ท่ีรวย แต่ว่าแท้จริงแล้ว “ความสัมพันธ์เชิงอุปถัมภ์”
58 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดกาฬสินธุ์ ในทางวิชาการมันก็คือ “ความสัมพันธ์เชิงแลกเปลี่ยน” คนรวยกว่าต้องให้คนจนท่ีอยู่ในอุปถัมภ์ของตนเองได ้ ใชท้ รพั ยากรทม่ี อี ยใู่ นตวั ในขณะเดยี วกนั กแ็ ลกโดยการใหค้ นนนั้ มาเปน็ ลกู นอ้ ง มาเปน็ แรงงาน หรอื เอาทรพั ยส์ นิ เงินทองมาบ�ำเรอตัวก็ตาม แต่สรุปมันเป็น “ความสัมพันธ์เชิงแลกเปลี่ยน” ซ่ึงมันเปิดโอกาสที่ส�ำคัญให้มี การตอ่ รองในการใชท้ รพั ยากรได้ เพราะมนั อยใู่ นความจ�ำเปน็ ทต่ี อ้ งรว่ มมอื กนั คนทรี่ วยมที นี่ าใหญป่ ลกู ขา้ วมาก จะบังคับให้ได้ใช้น้�ำคนเดียวไม่ได้เพราะต้องการก�ำลังในการเก็บเก่ียวให้หมด ต้องให้คนอ่ืนมาเป็นก�ำลังช่วยใน การเกยี่ วข้าว แปลว่าคนรวยต้องพ่งึ พาอาศยั คนจน ดงั นัน้ คนจนกม็ โี อกาสตอ่ รองในการจัดสรรทรพั ยากรด้วย หัวใจของระบอบการปกครองท่ีใช้อยู่ในปัจจุบันอย่างระบอบประชาธิปไตย คือทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย มีโอกาสต่อรองใกล้เคียงกัน จึงจะเรียกได้ว่าเป็นประชาธิปไตย และคนไทยในชนบทมาแต่โบราณนั้นส่วนใหญ ่ กเ็ คยชนิ กบั ระบบทที่ กุ กลมุ่ ทกุ ฝา่ ยมโี อกาสตอ่ รองใกลเ้ คยี งกนั ฉะนนั้ การทเี่ ชอ่ื มาตลอดเวลาวา่ ระบอบประชาธปิ ไตย มาจากต่างประเทศ คนไทยไม่เคยมีจึงไม่สามารถสร้างประชาธิปไตยในเมืองไทยได้ นิธิ เอียวศรีวงศ์ เห็นว่า มันผดิ จรงิ ๆ แลว้ คนไทยส่วนใหญ่เคยชินกบั การอย่ใู นระบอบประชาธปิ ไตย คนไทยที่ไม่เคยอยู่กับระบอบประชาธิปไตยเลยคือ “ชนช้ันกลาง” ที่ไม่เคยท�ำงานเลี้ยงตนเองเลย และอยู่ในระบบอุปถัมภ์แบบชนิดท่ีไม่มีการต่อรอง คนเหล่านี้ต่างหากที่มาสร้างความเชื่อให้คนไทยว่า ระบอบประชาธปิ ไตยเป็นของตา่ งด้าว เป็นของทีเ่ ราไมเ่ คยเหน็ เราจงึ อยกู่ บั มนั ไม่ได้ ท้งั ทคี่ นสว่ นใหญ่มี แต่เม่ือ ชนช้ันกลางเป็นกลุ่มคนท่ีมีอ�ำนาจในทางวัฒนธรรมสูงสุดจึงสถาปนาความเช่ือน้ีครอบให้กับชาวบ้าน ท้ังท่ีใน สมัยปู่ย่าตายายเองอยู่ในระบบที่มี “ความสัมพันธ์ในเชิงประชาธิปไตย” ที่จะเรียกการระบอบอะไรก็แล้วแต่ แต่มนั มีความส�ำคญั ในเชงิ ประชาธิปไตยอย่างยง่ิ จะสร้างประชาธิปไตยต่อไป จะต้องสร้างอ�ำนาจท่ีทุกฝ่ายทุกกลุ่มมีอ�ำนาจในการต่อรองอย่าง เทา่ เทยี มกนั แตต่ รงกนั ขา้ มในการรฐั ประหารกลมุ่ ตา่ ง ๆ ทเี่ ขามายดึ อ�ำนาจในประเทศไทยนนั้ จะท�ำตรงกนั ขา้ ม คือ ตัดโอกาสการต่อรองท้ังในกรอบและนอกกรอบออกไปหมด และพยายามสร้างความสงบเรียบร้อยข้ึน คนไทยเช่ือว่าความสงบเรียบร้อยจะเกิดขึ้นได้เมื่อทุกฝ่ายมีการตกลงต่อรองกัน ถ้าไม่มีการต่อรอง มีหรือ ความสงบเรียบร้อยจะเกิดข้ึนได้ แต่ทหารกลับคิดตรงกันข้ามด้วยการสัญญาว่าจะสร้างความสงบเรียบร้อย แต่กลับตัดกระบวนการการต่อรองทั้งในและนอกกรอบออกไปหมด เพราะคิดว่าการต่อรองคือความเดือดร้อน อันเปน็ เรอ่ื งความคดิ ทีม่ าจากวฒั นธรรมทางการเมืองของชนช้ันกลางไทยที่ใหช้ นช้นั กลางไทยเปน็ ผถู้ อื อ�ำนาจ กล่าวโดยสรุปว่า ถ้าต้องการเป็นประชาธิปไตย ต้องมีอ�ำนาจท่ีมีฐานมาจากความหลากหลาย เมื่อไรก็ตามที่มีอ�ำนาจมาจากฐานเดียว ไม่ว่าจะเป็นจะก�ำลังอาวุธ หรือจากการเลือกตั้ง หรืออะไรก็แล้วแต ่ การเปน็ ประชาธปิ ไตยมนั เกดิ ขนึ้ ไมไ่ ด้ ประชาธปิ ไตยจะอยไู่ ดถ้ า้ มฐี านอ�ำนาจทหี่ ลากหลาย ซง่ึ สามารถเอาอ�ำนาจนน้ั มาคานอ�ำนาจได้ แต่นา่ เสียดายท่ีประชาธิปไตยแบบไทยเหล่าน้มี ันไม่มีโอกาสไดพ้ ฒั นา
59 3.2 แนวคิดและทฤษฎีท่ีเก่ียวกับพฤติกรรมการเลือกตั้ง 3.2.1 ความหมายของพฤติกรรมการเลอื กต้งั พฤติกรรมการลงคะแนนเลือกต้ังเปนพฤติกรรมทางการเมือง อันเปนรูปแบบของการมีสวนรวมทาง การเมืองอยางหน่ึง การศึกษาพฤติกรรมการลงคะแนนเสียงเลือกต้ังในระบบการเมืองตาง ๆ นั้น แงมุมหนึ่ง นับได้ว่าเปนสวนหนึ่งของความพยายามที่จะทําความเขาใจความสัมพันธระหวางประชาชนกับการปกครอง ในระบอบประชาธิปไตย เพราะความสัมพันธระหวางประชาชนกับกระบวนการปกครองไดรับการกลาวถึง วาเปนหัวใจของกิจกรรมทางการเมืองทุกระบบ โดยเฉพาะอยางยิ่งในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย นกั รฐั ศาสตรห ลายทา นไดใ หข อ สงั เกตวา การเลอื กตงั้ ในปจ จบุ นั นบั วนั แตจ ะมคี วามซบั ซอ น (สมพนั ธ เตชะอธกิ , 2553) ซ่ึงปัจจุบันแม้จะมีการเรียนการสอนเก่ียวกับประชาธิปไตยมากขึ้น ทั้งที่เป็นการศึกษาในระบบโรงเรียน และการศกึ ษาตามอธั ยาศัย แต่ความร้สู ่วนใหญ่จะเป็นเน้ือหาเก่ยี วกับสาระหลกั การกวา้ ง ๆ ซ่งึ มองไมเ่ หน็ ภาพ ท่ีเกิดขึ้นในท้องถิ่น ไม่สามารถเรียบเรียงเหตุการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในภูมิล�ำเนาท่ีตนเองอาศัย จึงเกิด ความรสู้ กึ วา่ การเมอื งเปน็ เรอื่ งไกลตวั เปน็ เรอ่ื งของชนชนั้ น�ำเปน็ เรอ่ื งของนกั การเมอื ง (สถาบนั พระปกเกลา้ , 2556) รูปแบบ/ลักษณะของพฤติกรรมการเลือกตั้ง หมายถึง การเลือกต้ังท่ีให้ความส�ำคัญกับจ�ำนวนผู้แทน ทจ่ี ะไดร้ บั การเลอื กตง้ั กบั เขตพนื้ ทที่ ม่ี กี ารเลอื กตงั้ ซง่ึ มกี ารน�ำคะแนนทปี่ ระชาชนไดล้ งคะแนนในเขตนนั้ มารวมกนั เพ่ือก�ำหนดว่าใครจะเปน็ ผแู้ ทนของเขตนัน้ นักวิชาการในประเทศไทยท่ีได้กล่าวถึงค�ำว่าพฤติกรรมมีหลายคน อาทิ สุรพล พรมกุล และ ทองแพ ไชยตันเชือก (2557) กล่าวว่าปัจจัยทางสังคม เป็นส่ิงท่ีบุคคลท่ีมีส่วนส�ำคัญท่ีสุดท่ีท�ำให้ไปใช้สิทธิ เลือกต้ังคือสามี/ภรรยา และสื่อประชาสัมพันธ์คือโทรทัศน์ ปัจจัยทางการเมืองคือคุณลักษณะของหัวคะแนน และด้านคุณสมบัติของผู้สมัคร พฤติกรรมการเลือกตั้งคือเหตุผลในการเลือกพรรคที่ตนชอบในหัวหน้าพรรค สอดคล้องกับ หัสดิน แก้ววิชิต (2559) พฤติกรรม เป็นค�ำท่ีใช้โดยท่ัวไปในสังคม รวมทั้งในศาสตร์ด้านต่าง ๆ เปน็ ค�ำทใี่ ชแ้ ทน การแสดงออกของบคุ คลในบรบิ ทตา่ ง ๆ ซงึ่ เปน็ สงิ่ ทเ่ี กดิ ขน้ึ กบั ทกุ ๆ คนในสงั คม หากแตใ่ นทาง วิชาการ จะสรปุ วา่ พฤติกรรมคืออะไร มีศาสตร์ใดศกึ ษาเรื่องพฤติกรรม การศึกษาพฤติกรรมเริม่ ขึน้ ต้ังแตเ่ มอ่ื ใด นักวิชาการศึกษาประเด็นใดเกย่ี วกับพฤติกรรม ในขณะทนี่ กั วชิ าการตา่ งประเทศอาทิ เลฟตนั และแบรนนอน (Lefton & Brannon,2008: 3) ไดแ้ บง่ ค�ำว่า “พฤติกรรม” (Behavior) และ “กระบวนการทางจิต” (Mental processes) ออกจากกันอย่างชัดเจน โดยสรปุ วา่ พฤตกิ รรม คอื การแสดงออกภายนอก เชน่ การเคลอื่ นไหว การมปี ฏสิ มั พนั ธท์ างสงั คม (การสนทนา) และการตอบสนองทางอารมณ์หรือการแสดงออกทางอารมณ์ (การหัวเราะ หรือร้องไห้) นอกจากน้ี ยังรวมถึง การท�ำงานของระบบต่าง ๆ ภายในร่างกาย เช่น การเต้นของหัวใจ หรือการท�ำงานของสมอง ซ่ึงสามารถใช้ เคร่ืองมือตรวจสอบได้ ในขณะท่ีกระบวนการทางจิต คือ กระบวนการคิดและเรื่องท่ีเกี่ยวข้องกับการใช้ เหตแุ ละผล สอดคล้องกบั คิง (King, 2011: 4) ได้แบ่งความหมายของพฤติกรรม หมายถึง การกระท�ำทุกอย่าง
60 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดกาฬสินธุ์ ของบุคคล ที่สามารถสังเกตได้โดยตรง เช่น การจูบ การร้องไห้ การขับรถไปเรียน ขณะที่กระบวนการทางจิต หมายถึง ความคิด ความรู้สึก และแรงจูงใจท่ีบุคคลรับรู้แต่เพียงผู้เดียว โดยไม่สามารถสังเกตได้ โดยตรง เช่น ความคดิ ทม่ี ตี อ่ การกระท�ำ,ความรสู้ กึ ตอ่ สถานการณ์ และความทรงจ�ำ และ เนวดิ (Nevid, 2013: 4) ไดอ้ ธบิ ายวา่ พฤติกรรม คือ การกระท�ำของบุคคลซ่ึง จะครอบคลุมเฉพาะส่ิงที่แสดงออก เช่น การพูด การนั่ง การยิ้ม หรือ การเคลื่อนไหว เป็นต้น หากแต่ กระบวนการทางจิตเป็นกระบวนการที่เกิดข้ึนส่วนบุคคลซ่ึงผู้อ่ืนไม่สามารถ สังเกตได้โดยตรง เชน่ ความคดิ อารมณ์ความร้สู ึก การรบั รู้ การรบั สมั ผสั หรอื แมก้ ระท่งั ความฝัน เปน็ ต้น ความหมายของค�ำว่าพฤติกรรมการเลือกต้ัง มีหลากหลายมิติ ท้ังนี้ข้ึนอยู่กับการให้ความหมาย ในการน�ำไปใช้ โดยความหมายในภาพกวา้ ง อาทเิ ชน่ ธนญั ญา ธรี ะอกนษิ ฐ์ (2555) กลา่ ววา่ พฤตกิ รรม หมายถงึ อาการท่ีแสดงออกของมนุษย์ ปฏิกิริยาโต้ตอบต่อส่ิงเร้าท่ีอยู่รอบตัว โดยจากการสังเกตหรือการใช้เครื่องมือ ช่วยวัดพฤติกรรมซึ่งส่งผลต่อกระบวนการทางร่างกาย ดังน้ันพฤติกรรมการเลือกต้ัง เป็นการแสดงออกทาง สิทธิเสรีภาพทางความคิดของประชาชนท่ีต้องการตัวแทนของตนเองให้มีนโยบายในการบริหารในรูปแบบใด ตอ้ งใหม้ กี ารพฒั นาไปในทศิ ทางใด โดยมคี วามหมายไปในทศิ ทางเดยี วกบั ประภสั สร ปานเพชร (2555) ทกี่ ลา่ ววา่ พฤตกิ รรมการเลอื กตง้ั เปน็ การลงคะแนน ใชส้ ทิ ธเิ์ ลอื กตงั้ เพราะเปน็ หนา้ ทข่ี องประชาชน บคุ คลทมี่ สี ว่ นในการชน้ี �ำ ในการลงคะแนนเลือกต้ังคือเช่ือตนเอง และเหตุผลในการตัดสินใจลงคะแนนเลือกต้ังคือเลือกพรรคหรือเลือกที่ ตวั บคุ คล เหตผุ ลในการตดั สนิ ใจการลงคะแนนเลอื กตงั้ โดยค�ำนงึ ถงึ ตวั บคุ คลเปน็ ส�ำคญั คอื มคี วามรคู้ วามสามารถ ทช่ี ัดเจนเพราะเหตุผล ในการตดั สินใจลงคะแนนเลือกตั้ง พรรคการเมอื งท่ีส�ำคญั คือชอบหวั หน้าพรรคส่วนใหญ ่ ลงคะแนนเสยี งเลอื กตง้ั ทม่ี พี ฤตกิ รรมการซอื้ เสยี งเหตผุ ลในการเลอื กลงคะแนน เลอื กผสู้ มคั รทม่ี พี ฤตกิ รรมซอื้ เสยี ง คือรู้จักเป็นการส่วนตัวและพฤติกรรมในการไปลงคะแนนเสียงแก่ผู้สมัครรับเลือกตั้งคือแจกเงิน/ส่ิงของ และ ผู้มีอิทธิพลในชุมชนมีบทบาทต่อการออกเสียงเลือกตั้ง เม่ือได้รับเงินหรือสิ่งของเพื่อเป็นการเปล่ียนความคิดถึง การตดั สินใจของคะแนนแกผ่ ้สู มัครโดยเงินได้รบั ความชว่ ยเหลอื จากหวั คะแนนของผู้สมคั ร จากการทบทวนแนวคดิ และทฤษฎที เ่ี กย่ี วขอ้ งสามารถสรปุ ความหมายของค�ำวา่ พฤตกิ รรมการเลอื กตง้ั ของงานวจิ ยั นไ้ี ดว้ า่ การเลอื กตงั้ เปน็ กจิ กรรมทางการเมอื งหลกั อยา่ งหนง่ึ ของการเมอื งในสมยั ใหมร่ ะหวา่ งประชาชน กับการปกครองในระบอบประชาธิปไตย พฤติกรรมการเลือกต้ังเป็นการแสดงออกทางการเมือง ซึ่งจะมีผล กอ่ ใหเ้ กดิ การเปลยี่ นแปลงทางการเมอื ง เชน่ การเลอื กตง้ั ไดแ้ ก่ การไปใชส้ ทิ ธเิ ลอื กตงั้ การมสี ว่ นรว่ มในการรณรงค์ หาเสยี ง การเขา้ รบั สมคั รรบั เลอื กตง้ั เปน็ ตน้ หรอื แมแ้ ตก่ ารเขา้ รว่ มประชาพจิ ารณ์ การเขา้ รว่ มตอ่ สทู้ างการเมอื ง จากการทบทวนแนวคดิ และทฤษฎที เ่ี กย่ี วขอ้ งสามารถสรปุ ความหมายของค�ำวา่ รปู แบบ/ลกั ษณะของพฤตกิ รรม การเลือกตั้งของงานวิจัยน้ีได้ว่า พฤติกรรมทางการเมืองของประชาชนจะข้ึนอยู่บนพื้นฐานกระบวนการเรียนรู้ ทางสังคม ทัง้ จากครอบครัว โรงเรยี น สถานที่ท�ำงาน ชุมชน และภูมิหลังทางเศรษฐกิจและสังคม พฤติกรรมการเลือกต้ัง หมายถึง พฤติกรรมทางการเมือง อันเป็นรูปแบบของการมีส่วนร่วมทาง การเมืองอย่างหน่ึง การศึกษาพฤติกรรมการลงคะแนนเสียงเลือกต้ังในระบบการเมืองต่าง ๆ น้ัน แงมุมหน่ึง นับไดว่าเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามท่ีจะท�ำความเขาใจความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับการปกครอง ในระบอบประชาธิปไตย ปัจจัยท่ีอยู่เบ้ืองหลังพฤติกรรมการลงคะแนนของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และน�ำไปเสนอต่อ สาธารณะ เพื่อให้นกั การเมือง ประชาชน ผูม้ ีส่วนไดเสียทราบท่วั กัน
61 3.2.2 องคป์ ระกอบของพฤติกรรมการเลือกต้ัง องค์ประกอบของพฤติกรรมการเลือกตั้ง เป็นส่วนหน่ึงที่ส�ำคัญท่ีจะท�ำให้การศึกษาพฤติกรรมมี ความคลอบคลุมทุกมิติของการศึกษามากยิ่งขึ้น มีนักวิชาการท่ีได้ศึกษาถึงองค์ประกอบของพฤติกรรม การเลือกตง้ั หลากหลายประเดน็ ดงั น้ี องค์ประกอบของพฤติกรรมการเลือกตั้ง หมายถึง ลักษณะหรือองค์ประกอบต่าง ๆ ที่เก่ียวข้องกับ การเลอื กตง้ั ทปี่ ระชาชนแสดงออกมา ไมว่ า่ จะเปน็ ภาษากาย ภาษาใจ ความรสู้ กึ และเครอ่ื งแสดงพฤตกิ รรมของ บุคคลท่ีมีต่อสิ่งต่าง ๆ พฤติกรรมจะประกอบไปด้วยการกระท�ำหรือการแสดงออกท่ีสามารถสังเกตได้โดยตรง และกระบวนการทางจิตที่ไม่สามารถสังเกตได้โดยตรง (Coon & Mitterer, 2013: จิราภรณ์ ต้ังกิตติภาภรณ์, 2556) โดยองค์ประกอบของพฤติกรรมมี 2 องค์ประกอบดงั นี้ • พฤติกรรมภายนอก (Overt Behavior) คอื การกระท�ำหรือปฏกิ ริ ิยาทางรา่ งกายท่ีทัง้ เจ้าตวั และ บุคคลอ่นื สามารถสังเกตผา่ นอวยั วะรับสมั ผัส/ประสาทสมั ผสั (ตา หู จมูก ล้ิน หรอื ผวิ หนงั ) • พฤติกรรมภายใน (Covert Behavior) คือ กระบวนการท่ีเกิดขึ้นในตัวบุคคล โดยรู้สึกตัวหรือ ไม่รู้สึกตัวก็ตาม เป็นกระบวนการที่ไม่สามารถสังเกตได้และไม่สามารถใช้เครื่องมือวัดได้โดยตรง หากเจ้าของพฤตกิ รรมไม่บอก (บอกกลา่ ว เขยี น หรือแสดงทา่ ทาง) ได้แก่ ความคิดอารมณค์ วาม รสู้ กึ ความจ�ำการรบั รู้ ความฝนั รวมถงึ การรบั สมั ผสั ตา่ ง ๆ เชน่ การไดย้ นิ การไดก้ ลนิ่ ทางผวิ หนงั เป็นตน้ พฤตกิ รรมทางการเลอื กตงั้ เปน็ กระบวนการทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั ทางเลอื กตา่ ง ๆ ทจี่ ะน�ำไปปฏบิ ตั โิ ดยอาศยั ประสบการณใ์ นการประเมนิ ทางเลอื กทด่ี ที ส่ี ดุ (เสาวนยี ์ ศริ พิ จนานนท,์ 2556) สอดคลอ้ งกบั กาญจนา พนั ธเ์ุ อย่ี ม และคณะ (2556) ทไ่ี ดก้ ลา่ ววา่ พฤตกิ รรมการเลอื กตงั้ คณุ ลกั ษณะ องคป์ ระกอบ หนา้ ที่ ประโยชนแ์ ละการเกดิ ทศั นคติหรือเจตคติ (Attitude) เปน็ ความเชอ่ื ความรู้สึกและเครอ่ื งแสดงพฤตกิ รรมของบุคคลท่ีมตี ่อสงิ่ ต่าง ๆ ณรงค์ สินสวัสด์ิ (2557) กล่าวว่า พฤติกรรมทางการเมืองของบุคคล อาทิเช่น การเข้าไปมีส่วนร่วม ในทางการเมืองในระดับต่าง ๆ การไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง การช่วยพรรคการเมืองหาเสียง การลงสมัคร รบั เลอื กตงั้ การเดนิ ขบวนหรอื แสดงออกซงึ่ การคดั คา้ นรฐั บาล การเลอื กพรรคการเมอื งทเ่ี หน็ วา่ ดที ส่ี ดุ การเลอื ก อุดมการณ์ทางการเมืองท่ีเห็นว่าดีที่สุด รวมไปถึงพฤติกรรมของผู้น�ำการเมือง เป็นต้น พฤติกรรมทางการเมือง ท่มี ลี กั ษณะเดน่ คือ การมสี ่วนร่วมทางการเมอื ง จากการทบทวนแนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องสามารถสรุปความหมายของค�ำว่า องค์ประกอบของ พฤติกรรมทางการเมืองของงานวิจัยนี้ได้ว่า ความเคลื่อนไหวทางการเมืองในระดับพ้ืนที่ ความรู ความเข้าใจ ถึงแบบแผนพฤติกรรมทางการเมืองของประชาชน บทบาทหน้าที่ของภาคประชาชนและภาคการเมือง ซึ่งม ี ความส�ำคญั ในการน�ำไปสกู่ ารพัฒนาการเมืองการปกครองไทยในระบอบประชาธปิ ไตย
62 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดกาฬสินธุ์ 3.3 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง งานวิจัยที่เก่ียวข้องกับพฤติกรรมมีหลากหลายส่วนใหญ่จะพูดถึงพฤติกรรมของประชาชน โดยได้ ระบุถึงการศึกษาพฤติกรรมในลักษณะของการตัดสินใจเลือก ปัจจัยแห่งความส�ำเร็จของพรรคการเมืองที่ชนะ การเลือกต้ัง งานวิจัยของสุรพล พรมกุล และคณะ (2557) ได้ศึกษาเร่ือง พฤติกรรมการเลือกต้ังสมาชิกสภา ผแู้ ทนราษฎร พบวา่ แบบแผนการตดั สนิ ใจนน้ั ประชาชนเลือกพรรคและบุคคลเป็นจ�ำนวนมากที่สุด ในขณะที่ เหตผุ ลในการเลอื กตวั บคุ คล ประชาชนเลอื กผสู้ มคั รทเี่ ขา้ ใจปญั หาคนในพน้ื ทเ่ี ปน็ จ�ำนวนมากทสี่ ดุ และเหตผุ ลใน การเลอื กพรรคประชาชนเลอื กพรรคเพราะชอบหวั หนา้ พรรคเปน็ จ�ำนวนมากทส่ี ดุ สอดคลอ้ งกบั การศึกษาของ ปริวรรณ ธาราฤดี (2555) ไดท้ ่ศี ึกษาเรื่อง ปัจจัยทม่ี ีผลต่อการออกไปใชส้ ทิ ธิเลอื กตงั้ ของนกั ศกึ ษามหาวิทยาลยั เชียงใหม่ มุ่งเน้นศึกษาเกี่ยวกับปัจจัยที่ส่งผลต่อการออกไปใช้สิทธิของนักศึกษา โดยไม่เฉพาะเจาะจงศึกษา การเลอื กตงั้ เปน็ ครง้ั คราว แตจ่ ะเนน้ ศกึ ษาโดยภาพรวมของการออกไปใชส้ ทิ ธเิ ลอื กตง้ั ซง่ึ มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอื่ ศกึ ษา การมสี ว่ นรว่ มทางการเมอื งในการออกไปใชส้ ทิ ธเิ ลอื กตง้ั ของนกั ศกึ ษามหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ อกี ทงั้ ยงั ศกึ ษาปจั จยั ที่มีผลต่อการตัดสินใจในการออกไปใช้สิทธิเลือกต้ังของนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พร้อมท้ังศึกษาปัญหา และอุปสรรคในการออกไปใช้สทิ ธขิ องนักศกึ ษามหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ โดยท�ำการเก็บตัวอย่าง จ�ำนวน 155 คน ซง่ึ ท�ำการสมุ่ แบบบงั เอญิ จากกลมุ่ ประชากรคอื นกั ศกึ ษา มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ โดยมเี ครอื่ งมอื คอื แบบสอบถาม คา่ สถติ ทิ ี่ใชใ้ นการวเิ คราะหข์ อ้ มลู ได้แก่ รอ้ ยละ และคา่ เฉลย่ี ผลการศกึ ษาพบวา่ ผตู้ อบแบบสอบถามสว่ นใหญ่ เคยไปใชส้ ทิ ธเิ ลอื กตง้ั และเขตพน้ื ทที่ เี่ คยออกไปใชส้ ทิ ธอิ ยใู่ นภาคเหนอื สว่ นเพศ ชน้ั ปี และระดบั รายได้ ไมค่ อ่ ย มผี ลตอ่ การออกไปใชส้ ทิ ธเิ ลอื กตงั้ โดยใหค้ า่ ทใ่ี กลเ้ คยี ง ซง่ึ อาจเปน็ ผลมาจากการยา้ ยทะเบยี นบา้ นของนกั ศกึ ษา ส่วนปัจจัยท่ีส่งผลต่อการออกไปใช้สิทธิมากท่ีสุด ได้แก่ ปัจจัยด้านสังคม จิตวิทยา ส่วนในด้านปัจจัยส่วนตัว และปัจจัยทางด้านการเมืองและกฎหมาย อยู่ในระดับปานกลาง และในส่วนใหญ่ของปัญหาและอุปสรรคน้ัน ท่ีมีค่ามากที่สุดในแต่ละด้าน ได้แก่ ผู้ลงสมัครไม่มีความรู้ความสามารถตามท่ีคาดหวังความรู้สึกเบ่ือหน่ายต่อ การเมืองและมีการจัดการเลือกตั้งบ่อยครั้ง จนเบื่อหน่ายและเพิกเฉยต่อการออกไปใช้สิทธิ นอกจากน้ีในการ ศึกษาของสติธร ธนานิธิโชติ (2562) ท่ีได้ศึกษาวิจัยเรื่อง พฤติกรรมการเลือกตั้งของประชาชนชาวไทยจาก ขอ้ คน้ พบในงานศกึ ษาวจิ ยั ทผ่ี า่ นมาอาจกลา่ วไดว้ า่ มคี วามแตกตา่ งกนั ตามภมู หิ ลงั ทางเศรษฐกจิ และสงั คมหลาย ประการ โดยเฉพาะในเรื่องระดับการศึกษา ฐานะทางเศรษฐกิจ (รายได้) และเขตที่อยู่อาศัย (เมือง-ชนบท) โดยผลการศึกษาวิจัยส่วนใหญ่พบสอดคล้องกันว่าคนที่มีการศึกษาสูง มีฐานะทางเศรษฐกิจดี และอาศัยอยู่ใน เขตเมอื งในประเทศไทยมกั ใหค้ วามสนใจ/ใหค้ วามส�ำคญั กบั การออกไปใชส้ ทิ ธลิ งคะแนนเลอื กตงั้ นอ้ ยกวา่ คนทม่ี ี การศกึ ษานอ้ ยกวา่ มฐี านะทางเศรษฐกจิ ไมค่ อ่ ยดี และอาศยั อยใู่ นเขตชนบท แตใ่ นการออกไปใชส้ ทิ ธขิ องผมู้ กี าร ศกึ ษาสงู มฐี านะทางเศรษฐกจิ ดี และเปน็ คนเมอื งแตล่ ะครง้ั มกั ออกไปลงคะแนนดว้ ยจติ ส�ำนกึ ทางการเมอื งทส่ี งู กวา่ และมกี ารตดั สนิ ใจโดยใชเ้ หตผุ ลทเ่ี ออ้ื ตอ่ การพฒั นาประชาธปิ ไตยมากกวา่ นอกจากน้ี งานวจิ ยั หลายชนิ้ ยงั พบอกี ดว้ ยวา่ ประชาชนชาวไทยในแตล่ ะภาคมที ศั นคตเิ กย่ี วกบั การเมอื งและมพี ฤตกิ รรมการลงคะแนนเพอื่ เลอื ก ผสู้ มคั ร/พรรคการเมอื งทแ่ี ตกตา่ งกนั ซงึ่ หากมกี ารศกึ ษาวเิ คราะหเ์ พอื่ พสิ จู นซ์ ำ�้ ขอ้ คน้ พบเหลา่ นเี้ พม่ิ เตมิ กน็ า่ จะ มปี ระโยชน์ต่อการท�ำความเขา้ ใจเก่ียวกบั พฤตกิ รรมการเลอื กต้ังของประชาชนชาวไทยได้ลกึ ซงึ้ ยิง่ ขน้ึ
63 งานวิจัยที่มีการศึกษาเก่ียวกับพฤติกรรมการเลือกตั้งในประเทศไทยต่างมีข้อจ�ำกัดในการอธิบาย เกี่ยวกับปัจจัยด้านภูมิหลังทางเศรษฐกิจและสังคมท่ีมีผลต่อพฤติธรรมกรรมการเลือกตั้งของประชาชนชาวไทย โดยภาพรวม เนื่องจากเป็นการเลือกศึกษาจากกลุ่มตัวอย่างในบางพื้นท่ี ผลงานวิจัยท่ีครอบคลุมและนับได้ว่า เปน็ ผนู้ �ำยคุ ใหมใ่ นการศกึ ษาวจิ ยั เรอื่ งนปี้ รากฏในงานของสถาบนั พระปกเกลา้ เรมิ่ จากการท�ำวจิ ยั เรอ่ื ง “พฤตกิ รรม การเลือกต้ังและปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2543” (ถวิลวดี บุรีกุลและสติธร ธนานิธิโชติ, 2545) พบว่า สถานภาพทางเศรษฐกิจสงั คมทแี่ ตกตา่ งกนั อนั ไดแ้ ก่ เพศ อายุ รายได้ อาชีพ การศึกษา ศาสนา สถานท่อี ยู่ ระยะเวลาที่อาศยั และการย้ายทอี่ ยู่ มคี วามสัมพนั ธ์กบั ตวั แปรต่าง ๆ ที่มีความส�ำคัญต่อการพัฒนา ประชาธปิ ไตย เช่น การเปน็ สมาชกิ กลมุ่ ความรเู้ ก่ียวกับการเลือกตั้ง การมสี ว่ นรว่ มทางการเมือง รวมทงั้ ปัจจัย ท่ีใช้ในการเลือกผู้สมัครอย่างมีนัยส�ำคัญทางสถิติ ซึ่งผลจากการวิจัยน้ีได้มีการน�ำไปขยายผลโดยท�ำการศึกษา แบบเจาะลึกเพิ่มเติมในประเด็นต่าง ๆ เช่น ในเร่ืองกระบวนการมุ่งสู่ความเป็นประชาธิปไตยของประเทศ (สติธร ธนานธิ โิ ชต,ิ 2550) จากงานวจิ ยั ทเี่ กยี่ วขอ้ งสามารถสรปุ ไดว้ า่ การศกึ ษาพฤตกิ รรมการเลอื กตงั้ ในบรบิ ทพนื้ ทป่ี ระเทศไทย เป็นการศึกษาในแง่ของการศึกษา การรับรู้ แบบแผนการแสดงออก วัฒนธรรมทางการเมืองที่ปรากฏ รวมถึง ความเชื่อค่านิยมท่ีเป็นภูมิหลังท�ำให้บุคคลนั้นแสดงพฤติกรรมดังกล่าวออกมา ซึ่งผู้วิจัยจะใช้ประเด็นการศึกษา ตามการทบทวนเอกสารข้างต้นพัฒนาเป็นเครอื่ งมอื ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเพอ่ื เสนอผลการศกึ ษาตอ่ ไป 3.4 กรอบแนวคิดในการศึกษา บริบททางการเมอื ง บรรยากาศทางการเมอื ง ความเคลือ่ นไหว วัฒนธรรมการเมอื ง และความเคลือ่ นไหว และพฤตกิ รรม บรบิ ทนักการเมือง ทางการเมอื ง ทางการเมือง • บทบาทของหนว่ ยงานภาครฐั บริษทั เอกชน องค์กรสาธารณะ และองค์กรอ่นื • พฤตกิ รรมการใช้ทรัพยากรตา่ ง ๆ • การเปล่ยี นแปลงของขว้ั อ�ำนาจทางการเมอื ง การยา้ ยพรรคการเมือง • ปจั จยั ท่ีส่งผลตอ่ การตดั สินใจทางการเมอื ง รวมทัง้ การวเิ คราะห์ผลการเลือกต้งั ทีเ่ กิดขึน้ ในเขตจังหวัดกาฬสินธ์ุ ความเคล่อื นไหวทางการเมอื งและพฤตกิ รรมการเลอื กตงั้ สมาชกิ สภาผู้แทนราษฎร 2562 กรณีศกึ ษา จังหวดั กาฬสินธุ์”
64 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดกาฬสินธุ์
65 บทที่ 4 ผลการศึกษา การศึกษาพฤติกรรมการเลือกต้ังในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพ้ืนท่ีจังหวัดกาฬสินธุ์ ในส่วนของผลการศึกษาผู้ศึกษาจะน�ำเสนอผลการศึกษา โดยแบ่งตามวัตถุประสงค์ คือเพื่อศึกษาบรรยากาศ ทางการเมืองและความเคลื่อนไหวทางการเมือง ขององค์กรและกลุ่มทางการเมืองที่เกี่ยวข้องกับการเลือกต้ัง เพอ่ื ศกึ ษาความเคลอื่ นไหว และพฤตกิ รรมทางการเมอื ง ของผสู้ มคั รรบั เลอื กตง้ั เพอื่ ศกึ ษาบทบาทของหนว่ ยงาน ภาครัฐ บริษัทเอกชน องค์กรสาธารณะ และองค์กรอื่น ๆ ที่เข้ามามีบทบาทท่ีเกี่ยวข้องกับการเลือกต้ังสมาชิก สภาผแู้ ทนราษฎรในเขตจงั หวดั กาฬสนิ ธ์ุ เพอื่ ศกึ ษาการเปลย่ี นของพฤตกิ รรมทางการเมอื ง แบบแผนพฤตกิ รรม ทางการเมือง ของประชาชน และกลุ่มการเมือง ในส่วนท่ีเก่ียวข้องกับการเลือกตั้ง เพ่ือศึกษาพฤติกรรมการใช้ ทรพั ยากรตา่ ง ๆ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ในเรอื่ งคา่ ใชจ้ า่ ย และเพอ่ื ศกึ ษาการเปลยี่ นแปลงของขวั้ อ�ำนาจทางการเมอื ง การยา้ ยพรรคการเมอื ง ปจั จยั ทส่ี ง่ ผลตอ่ การตดั สนิ ใจทางการเมอื ง รวมทง้ั การวเิ คราะหผ์ ลการเลอื กตงั้ ทเ่ี กดิ ขนึ้ ในเขตจังหวัดกาฬสินธุ์ โดยการเก็บข้อมูลใช้การสัมภาษณ์แบบหย่ังลึก การสังเกตผู้ที่เก่ียวข้องกับการเลือกตั้ง โดยน�ำเสนอผลการศกึ ษาตามรายละเอยี ดตอ่ ไปนี้ 4.1 ความเคล่ือนไหวทางการเมืองขององค์กร กลุ่มทางการเมือง พฤตกิ รรมทางการเมอื ง ของผสู้ มคั รรบั เลอื กตง้ั สมาชกิ ผแู้ ทนราษฎร ในจงั หวัดกาฬสนิ ธ์ุ การน�ำเสนอผลการศึกษาคร้ังนี้ ผู้วิจัยจะน�ำเสนอบรรยากาศทางการเมืองและความเคลื่อนไหว ทางการเมือง ขององค์กรและกลุ่มทางการเมืองท่ีเก่ียวข้องกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในจังหวัด กาฬสนิ ธ์ุ และศกึ ษาความเคลื่อนไหว และพฤติกรรมทางการเมือง ของผสู้ มัครรับเลอื กตงั้ สมาชิกผู้แทนราษฎร ในจงั หวดั กาฬสนิ ธ์ุ โดยน�ำเสนอเน้อื หา
66 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดกาฬสินธุ์ 4.1.1 ปรากฏการณ์การเลือกต้ัง 2562 ในพื้นทจ่ี ังหวดั กาฬสนิ ธ์ุ การรับสมัคร ส.ส.กาฬสินธุ์ ในระหว่างวันที่ 4-8 กุมภาพันธ์ 2562 ต้ังแต่เวลา 08.30-16.30 น. ท่ีส�ำนักงาน กกต.กาฬสินธุ์ ผู้สมัครจากพรรคการเมืองเดินทางมาสมัครและจับสลากเบอร์ก่อนท่ีส�ำนักงาน คณะกรรมการการเลอื กตง้ั จะเปดิ ใหม้ กี ารรบั สมคั ร โดยผสู้ มคั รแตล่ ะพรรคการเมอื งจะมผี สู้ นบั สนนุ เดนิ ทางมารว่ ม ใหก้ �ำลงั ใจดว้ ย ภายในวนั แรกของการสมคั รมผี สู้ มคั รจาก 19 พรรคการเมอื ง รวม 83 คน แสดงใหเ้ หน็ วา่ ผสู้ มคั ร ทุกเขตมีความตื่นตัวทางการเมอื งและมกี ารเตรียมความพร้อมในการลงสมัครเพ่อื รบั การเลือกต้งั ในครง้ั น้ี การน�ำเสนอปรากฏการณก์ ารเลอื กตง้ั ในพน้ื ทจ่ี งั หวดั กาฬสนิ ธใ์ุ นปี 2562 ผวู้ จิ ยั จะน�ำเสนอในประเดน็ รายช่ือผู้สมัครแต่ละเขต คะแนนท่ีได้รับการรับรองจากส�ำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง รวมถึงผู้สมัคร ท่ีได้รับเลือกตั้งเป็นคะแนนมากท่ีสุด 3 ล�ำดับของแต่ละเขต และข้อสังเกตผลคะแนนในแต่ละเขตการเลือกต้ัง ดงั รายละเอยี ดต่อไปน้ี ตารางที่ 4.1 คะแนนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผ้แู ทนราษฏร จงั หวัดกาฬสนิ ธุ์ เขตเลือกตง้ั ที่ 1 หมายเลขประจำ� ตัวผสู้ มคั ร ชอ่ื – สกลุ สังกดั พรรค คะแนน อนาคตใหม่ 17,750 1 นายปยิ ะรฐั จงเทพ พลังประชารฐั 9,014 เพือ่ ชาติ 769 2 นายฉลอง ฆารเลศิ เสรีรวมไทย 1,787 ประชานยิ ม 101 3 นายพนมพร เขตอนนั ต์ ประชาชนปฏิรูป 175 ภมู ิใจไทย 32,275 4 นายวิษณุ เยาวนจิ พลังท้องถน่ิ ไท 763 รวมพลงั ประชาชาตไิ ทย 244 5 นายอภิชาติ มาตรา พลังปวงชนไทย 186 เศรษฐกิจใหม่ 786 6 นางสาวอรษา วงษา เพอ่ื ไทย 37,532 ประชาไทย 166 7 นายวิรัช พมิ พะนติ ย์ ประชาธิปตั ย์ 1,317 ประชาภิวัฒน์ 58 8 นายศรัณย์ ฆารพร ชาติไทยพฒั นา 141 เพอ่ื นไทย - 9 นายสวุ ิทย์ นนั อ�ำไพ เพื่อแผ่นดิน 64 10 นายธนทั จิตรลดานนท์ 11 นายจักรี กองอุดม 12 นางบุญรื่น ศรีธเรศ 13 นายสุรชาต ิ สุขบรม 14 นายประสิทธ์ ิ แสงมณี 15 นางสาวดาวัลย์ ปิน่ ค�ำ 16 นางสาวจตรุ พร ไชยภา 17 นางสายจติ อุบลลา 18 นางสาวสมพร โพนศรสี ม
67 หมายเลขประจ�ำตัวผสู้ มคั ร ชือ่ – สกลุ สังกดั พรรค คะแนน แทนคุณแผ่นดิน 26 19 นายฉัตรชยั ฉายมงคล ประชาธรรมไทย 153 กรนี 308 20 นางสาวอรไท สินธุศิริ ครไู ทยเพื่อประชาชน 233 พลังชาตไิ ทย 92 21 นายสาคร ระววิ รรณ์ ประชาธิปไตยใหม่ 40 พลังไทยรักไทย 128 22 นายประสาร พันโพธิ์ ความหวังใหม่ 328 สามัญชน 853 23 นายจีรศักด์ิ ภโู คกหนิ เพอ่ื ชวี ิตใหม่ 240 ภูมิพลงั เกษตรกรไทย 47 24 นายภวู เดช สุวรรณรตั น์ แผ่นดินธรรม 139 ไทยศรีวิไลย์ 78 25 นายถาวร ฆารไชย์ ไทรกั ธรรม 474 พลงั ประชาธปิ ไตย 49 26 นางสริดา ทาบรรหาร รักษ์ผนื ป่าประเทศไทย 37 พลงั ศรทั ธา 28 27 นายวงศกร สารปรงั ภราดรภาพ 61 28 นายวโิ รจน์ สมบัตมิ ล 29 นายสินประเสริฐ โคสมบูรณ์ 30 นายวิเชยี ร มีบุญ 31 นางรัชดา ศรบี บุญเรือง 32 นางลมุล ศลิ ปแก่น 33 นางวิจิตร บญุ ยบุตร 34 นางสมศิลป์ ชินคีรี 35 นางสาวสทุ าทิพย์ โคตาสี 36 นายอดุลย์ แจ่มศรี จากตารางท่ี 4.1 คะแนนการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร จังหวัดกาฬสินธุ์ เขตเลือกตั้งท่ี 1 พบว่า คะแนนการเลือกตั้ง อันดับที่ 1 ผู้สมัครจากพรรคเพ่ือไทย นางบุญรื่น ศรีธเรศ ได้รับคะแนนจ�ำนวน 37,532 คะแนน อันดับที่ 2 ผู้สมัครจากพรรคภูมิใจไทย นายวิรัช พิมพะนิตย์ ได้รับคะแนนจ�ำนวน 32,275 คะแนนอนั ดบั ที่ 3 ผสู้ มคั รจากพรรคอนาคตใหม่ นายปยิ ะรฐั จงเทพ ไดร้ บั คะแนนจ�ำนวน 17,750 คะแนน และ อนั ดับที่ 4 ผูส้ มคั รจากพรรคพลังประชารฐั นายฉลอง ฆารเลิศ ได้รับคะแนนจ�ำนวน 9,014 คะแนน ตารางที่ 4.2 คะแนนการเลอื กตั้งสมาชกิ สภาผ้แู ทนราษฏร จงั หวดั กาฬสนิ ธุ์ เขตเลอื กต้ังท่ี 2 หมายเลขประจ�ำตัวผสู้ มัคร ชอื่ - สกลุ สังกดั พรรค คะแนน ประชาภวิ ฒั น์ 210 1 นายวินิจ วงศ์กาฬสนิ ธ์ุ ประชานิยม 133 ประชาธิปตั ย์ 2 นายพลเฏฐ์ นรพติ รพบิ ูล พลังทอ้ งถ่ินไท 1,238 3,955 3 นายประวิทย์ ภูจา่ พล 4 นายวทิ ยา ภูมิเหลา่ แจง้
68 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดกาฬสินธุ์ หมายเลขประจำ� ตวั ผสู้ มคั ร ชอื่ - สกุล สังกดั พรรค คะแนน 133 5 นายมชี ยั ไขแสง ประชาไทย 1,411 6 นายสมนึก ภวู ศานต์ เสรรี วมไทย 12,059 13,699 7 นายกติ ตพิ ร อินทะสีดา อนาคตใหม่ 145 8 นายชานวุ ฒั น์ วรามิตร พลังประชารฐั 226 38,058 9 นายพงษพ์ ลิน มาตยเ์ หล่ียม รวมพลังประชาชาติไทย 389 306 10 นางพิชชานนั ท ์ ผลวาด ประชาชนปฏริ ูป 30,003 175 11 นายวรี ะวฒั น์ โอสถานเุ คราะห์ เพื่อไทย - 12 นายอดศิ ร เสนานาค เพื่อชาติ 463 66 13 นายโชติ ภหู ัวตลาด ชาตไิ ทยพัฒนา - 14 นางวันเพ็ญ เศรษฐรกั ษา ภมู ใิ จไทย 29 233 15 นายเสกสรร ภูสาไสย รักษ์ผืนปา่ ประเทศไทย 85 105 16 นายวสพุ ล นาใจดี เพือ่ นไทย 218 40 17 นายรุ่งเรือง ภคู รองตา เศรษฐกิจใหม่ 90 232 18 นายพชรพล โพธิแ์ ทน่ พลงั ชาติไทย 385 21 19 นายพมิ ลศักด ์ิ ถนอมสตั ย์ พลงั ปวงชนไทย 54 480 20 นายสดุ ใจ สาระบตุ ร เพื่อแผน่ ดนิ 83 - 21 นางบณุ ยะพร พริ ชชั ไทรกั ธรรม 406 22 นายแกน่ จนั ทร ์ ภสู รเขียว กลาง 23 นางพสิ มยั สวี ไิ สย แผน่ ดินธรรม 24 นางสาวส�ำอาง เวียงปฏิ กรนี 25 นางสาวปฐมาภรณ ์ มงคลสินธุ์ ครูไทยเพอ่ื ประชาชน 26 นายวรชัย ภูแยม้ ไสย์ ประชาธปิ ไตยใหม่ 27 นายค�ำเสาร์ ปญั ญา ประชาธรรมไทย 28 นายธวัช โพนชัย ความหวงั ใหม่ 29 นายอาวธุ ศรีแก้วนำ�้ ใส แทนคุณแผ่นดนิ 30 นายสงา่ สที �ำมา พลเมืองไทย 31 นายพรู สวัสด์ ิ ภูถมเงนิ พลังประชาธปิ ไตย 32 นางสาวละมลุ วรรณรตั น์ ไทยศรวี ิไลย์ 33 นายอ�ำนาจ อ�ำภะวา พลงั ไทยรักไทย 34 นายสุทนิ ค�ำนาดี เพอื่ ชีวติ ใหม่
69 จากตารางที่ 4.2 คะแนนการเลอื กตง้ั สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฏร จงั หวดั กาฬสนิ ธ์ุ เขตเลอื กตงั้ ที่ 2 พบวา่ คะแนนการเลอื กต้ัง อันดบั ที่ 1 ผสู้ มคั รจากพรรคเพือ่ ไทย นายวีระวฒั น์ โอสถานุเคราะห์ ไดร้ ับคะแนนจ�ำนวน 38,058 คะแนน อนั ดบั ที่ 2 ผสู้ มคั รจากพรรคภมู ใิ จไทย นางวนั เพญ็ เศรษฐรกั ษา ไดร้ บั คะแนนจ�ำนวน 30,033 คะแนน อนั ดบั ที่ 3 ผสู้ มคั รจากพรรคพลงั ประชารฐั นายชานวุ ฒั น์ วรามติ ร ไดร้ บั คะแนนจ�ำนวน 13,699 คะแนน และอันดับท่ี 4 ผสู้ มัครจากพรรคอนาคตใหม่ นายกติ ตพิ ร อินทะสดี า ได้รบั คะแนนจ�ำนวน 12,059 คะแนน ตารางที่ 4.3 คะแนนการเลอื กตง้ั สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร จังหวดั กาฬสนิ ธ์ุ เขตเลอื กตง้ั ท่ี 3 หมายเลขประจ�ำตวั ผ้สู มัคร ชื่อ – สกุล สงั กดั พรรค คะแนน พลังปวงชนไทย 833 1 นางวิไลวรรณ ผิวค�ำ ประชาชนปฏริ ปู 230 เศรษฐกิจใหม่ 591 2 นางฐานติ า อนอุ ัน ประชาธิปตั ย์ ประชาภวิ ัฒน์ 3,699 3 นางสาวฐานมญ มาตรา เสรรี วมไทย 278 เพ่ือชาติ 4 นายสัมพันธ์ ภแู ป้ง เพ่อื คนไทย 1,035 ภมู ิใจไทย 3,495 5 นายจ�ำเนียร ภูปัญญา รวมพลงั ประชาชาติไทย ชาตไิ ทยพัฒนา 989 6 นายจรวย ปหู่ ลนุ่ ประชาไทย 2,322 อนาคตใหม่ 7 นายเสถยี ร ญานสาร ประชานิยม 146 เพื่อไทย 299 8 นางสาววนั เพญ็ วรรณจกั ร์ พลงั ประชารัฐ 193 พลงั ท้องถิ่นไท 17,503 9 นายดนุพล ผอื โย เพอื่ แผ่นดิน 380 ประชาชาติ 32,588 10 นายชญาดล ฆารเจริญ แผ่นดินธรรม 30,373 ภราดรภาพ 722 11 นายภูมินทร์ อินธศิ ร ครไู ทยเพือ่ ประชาชน 81 ประชาธิปไตยใหม่ 606 12 นายศรายุทธ ภภู ักดี ไทยศรีวไิ ลย์ 65 137 13 นายสรุ ักษ ์ จุตาทิศ 55 77 14 นายทกั ษิณ พันธฤทธิ์ 272 15 นายคมเดช ไชยศวิ ามงคล 16 นายจ�ำลอง ภูนวนทา 17 นายสุรพงษ์ ลักษวธุ 18 นายณภัทร หันตลุ า 19 นายฉลอง โพธิสารตั น์ 20 นางสมบูรณ์ พลธิรักษา 21 นายพลรตั น ์ มติ รดี 22 นายวลั ลภ ฆารรศั มี 23 นางอัจราพร บวั ศรี 24 นายพงษพ์ ันธ ์ แก้วศลิ า
70 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดกาฬสินธุ์ หมายเลขประจำ� ตวั ผสู้ มัคร ชอ่ื – สกุล สงั กัดพรรค คะแนน พลังไทสรา้ งชาติ 120 25 นายอภิชาติ แกว้ บโู ฮม กรนี 174 พลงั ไทยรักไทย 305 26 นายพเิ ชษ เขตประกร พลังชาติไทย 140 ประชาธรรมไทย 166 27 นายเสกสรร ขจรกติ ติฤทธ์ิ เพอื่ นไทย - สามัญชน 129 28 นายแปลก สวุ รรณชาติ พลเมืองไทย 103 ประชากรไทย - 29 นายอนนั ต์ จันทะรัตน์ พลงั ประชาธิปไตย 134 รักษผ์ ืนป่าประเทศไทย 531 30 นายวันชัย ภวสรุ ิยกลุ ฐานรากไทย 830 ภูมพิ ลงั เกษตรกรไทย 116 31 นางสาวจนิ ตนา ศรนี เุ ดช เพื่อชีวติ ใหม่ 76 ไทรักธรรม 210 32 นางสาวอษิ รา สที �ำมา ความหวงั ใหม่ 249 33 นายสมาน นาแถมทอง 34 นายอนอง เหล่านกุ ลุ 35 นางลบั มณี มูลอินทร 36 นายกฤษณะ พาภริ มย์ 37 นายธนา วงคไ์ ชยา 38 นายบญุ ร่วม บุตรพรม 39 นางสาวนำ�้ พ ุ สารวลั 40 นายปรญิ ญา ทองเสน จากตารางที่ 4.3 คะแนนการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร จังหวัดกาฬสินธุ์ เขตเลือกตั้งที่ 3 พบวา่ คะแนนการเลอื กตง้ั อนั ดบั ท่ี 1 ผสู้ มคั รจากพรรคเพอ่ื ไทย นายคมเดช ไชยศวิ ามงคล ไดร้ บั คะแนนจ�ำนวน 32,588 คะแนน อนั ดบั ที่ 2 ผสู้ มคั รจากพรรคพลงั ประชารฐั นายจ�ำลอง ภนู วนทา ไดร้ บั คะแนนจ�ำนวน 30,373 คะแนน อันดับที่ 3 ผู้สมัครจากพรรคอนาคตใหม่ นายสุรักษ์ จุตาทิศ ได้รับคะแนนจ�ำนวน 17,503 คะแนน และ อนั ดบั ท่ี 4 ผสู้ มัครจากพรรคประชาธปิ ตั ย์ นายสัมพนั ธ์ ภูแป้ง ไดร้ บั คะแนนจ�ำนวน 3,699 คะแนน ตารางท่ี 4.4 คะแนนการเลือกตั้งสมาชกิ สภาผู้แทนราษฏร จงั หวัดกาฬสินธ์ุ เขตเลือกต้ังที่ 4 หมายเลขประจ�ำตวั ผสู้ มัคร ชอื่ – สกุล สังกดั พรรค คะแนน ภูมใิ จไทย 3,074 1 นายเดชส�ำราญ ญาณกาย เพอื่ ไทย 45,503 ประชาภิวัฒน์ 523 2 นายพรี ะเพชร ศริ กิ ลุ 3 นายปราเสริฐ เคนสุโพธ์ิ
71 หมายเลขประจ�ำตัวผสู้ มัคร ช่อื – สกุล สงั กัดพรรค คะแนน 229 4 นายทองหลอม ถิตยส์ ิทธิ์ รวมพลังประชาชาติไทย 2,791 5 นายชอบเรียน วงศศ์ ิริ ประชาธปิ ตั ย์ 592 493 6 นายกุลดลิ ก สระแกว้ ชาติพัฒนา 14,973 7 นายอรยิ วตั ร โพธสิ ุวรรณ ชาติไทยพัฒนา 867 8 นายประพันธ์ พบปู ระภาพ อนาคตใหม่ 2,949 - 9 นายพล ทองสถติ ย์ พลงั ธรรมใหม่ 17,196 10 นายอนุชา สิงหะดี พลังปวงชนไทย 115 864 11 นายชนะภัย นอ้ ยวิลาศ เพ่ือนไทย 686 12 นายสทิ ธิศกั ด ์ิ พัฒนชยั พลังประชารฐั 1,239 205 13 นางวรรณา พันธ์แุ สง ประชานยิ ม - 110 14 ด.ต.อภเิ ดช ไทยแท้ สยามพัฒนา 428 15 นายนิตพิ งษ์ ภูตโิ ส พลังท้องถิน่ ไท 3,573 1,725 16 นายโชคชยั บ�ำรงุ เสรรี วมไทย 73 17 นายอ�ำพร บรรณสาร รักษ์ผืนปา่ ประเทศไทย 83 131 18 นางสาวยบุ ล ศรีเสนา ไทยศรวี ิไลย์ 107 68 19 ร้อยตรปี กรณ ์ นยั อรชน ประชาไทย 199 45 20 ร้อยตรสี ินธร ไร่สงวน พลงั ชาติไทย - 21 นายไชยสิทธ ์ิ อุดรพมิ พ์ เพอื่ ชาติ 113 716 22 นายบุญถม วงศรเี ทพ เศรษฐกจิ ไทย 23 นางสาวจุรีพร หันตลุ า เพ่อื แผ่นดิน 24 นายนิคม เดด็ ขาด ครูไทยเพ่ือประชาชน 25 นางสาวณชั ชา ตลุ าเพียร ประชาธิปไตยใหม่ 26 นางสาวศิรณา คาค�ำลูน พลังไทสรา้ งชาติ 27 นางสมบูรณ ์ หนั จรสั กรีน 28 ว่าท่ี ร.ต. ชาติชาย พทิ ักษ์วงศศ์ ร พลงั ไทยรกั ไทย 29 วา่ ที่ ร.อ.ต. ธารรี ัตน ์ โลหะพรม ประชากรไทย 30 นางสาวไฉน โพธวิ งค์ ไทยรักษาชาติ 31 นายชารี ปญั ญา ประชาธรรมไทย 32 นายณรงค์พล ศรสี องเมอื ง ความหวงั ใหม่
72 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดกาฬสินธุ์ หมายเลขประจำ� ตวั ผสู้ มัคร ชอ่ื – สกลุ สังกดั พรรค คะแนน พลเมอื งไทย 332 33 นายจวน นทั ยาย พลงั ประชาธิปไตย 118 แผน่ ดนิ ธรรม 58 34 นายค�ำแปลง ศรีบวั ภูมิพลังเกษตรกรไทย 32 เพอ่ื ชวี ิตใหม่ 22 35 นางทองเลย้ี น ชวนอาจ ไทรักธรรม 81 36 นางสาวจฑุ ามาศ จนั ทรสมบตั ิ 37 สบิ เอกอรณุ ยะสงู เนิน 38 นางชกู ญั ญาษา ภูเชิดสาย จากตารางที่ 4.4 คะแนนการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร จังหวัดกาฬสินธุ์ เขตเลือกตั้งที่ 4 พบว่า คะแนนการเลือกต้ัง อันดับท่ี 1 ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย นายพีระเพชร ศิริกุล ได้รับคะแนนจ�ำนวน 45,503 คะแนน อนั ดบั ท่ี 2 ผสู้ มคั รจากพรรคพลงั ประชารฐั นายสทิ ธศิ กั ด์ิ พฒั นชยั ไดร้ บั คะแนนจ�ำนวน 17,196 คะแนน อนั ดบั ที่ 3 ผสู้ มคั รจากพรรคอนาคตใหม่ นายประพนั ธ์ พบปู ระภาพ ไดร้ บั คะแนนจ�ำนวน 14,973 คะแนน และอันดับที่ 4 ผู้สมคั รจากพรรคเพ่ือชาติ นายไชยสิทธ์ิ อดุ รพมิ พ์ ได้รบั คะแนนจ�ำนวน 3,573 ตารางที่ 4.5 คะแนนการเลือกต้ังสมาชกิ สภาผู้แทนราษฏร จังหวดั กาฬสินธ์ุ เขตเลือกตัง้ ที่ 5 หมายเลขประจ�ำตัวผู้สมคั ร ช่อื – สกลุ สังกัดพรรค คะแนน 2,841 1 นายสมคั ร เยาวภรณ์ ภูมใิ จไทย 1,111 411 2 นายชาญชนะ อนิ ทรเสนา ประชาธปิ ตั ย์ 90 368 3 นางสาวพมิ พน์ ภา อบุ ลเลศิ เจรญิ รวมพลงั ประชาชาติไทย 8,460 546 4 นางพรศิลป ์ คชคิรี ประชานยิ ม 1,965 567 5 นายไชยภัทร สุวรรณเพ็ชร ชาติพฒั นา 18,266 17,625 6 นายศภุ ชยั วิมานไพจิตร พลังทอ้ งถิ่นไท 40,262 1,430 7 นายยทุ ธนา กองอดุ ม เศรษฐกจิ ใหม่ 89 405 8 นายเติมศักด ์ิ ชิณโสม เสรีรวมไทย 9 นางสาวพิชญาภา จันทวัติ เพ่ือชาติ 10 นายนพิ นธ์ ศรธี เรศ พลงั ประชารัฐ 11 นายทองพลู พลพุทธา อนาคตใหม่ 12 นายประเสริฐ บญุ เรือง เพอื่ ไทย 13 นายสุนทร ภูศรีฐาน เพ่อื คนไทย 14 นายคมสนั ต ์ ดลรัศมี ประชาไทย 15 นายประสิทธ์ิ วรรณโนมยั รักษผ์ นื ป่าประเทศไทย
73 หมายเลขประจ�ำตัวผู้สมคั ร ชื่อ – สกลุ สงั กัดพรรค คะแนน ประชาภวิ ัฒน์ 121 16 นายอรยิ พล เทอ�ำรุง แทนคณุ แผ่นดนิ 248 สยามพฒั นา 72 17 นายรชั พล ยอดยศ ภราดรภาพ 487 ไทยธรรม 153 18 นายสมบตั ิ ปรีพูล เพ่อื แผ่นดนิ 230 แผน่ ดินธรรม 174 19 นายส�ำเนียง เอกบตุ ร ชาตไิ ทยพฒั นา ครูไทยเพอื่ ประชาชน 2,265 20 นายพนู ศกั ด ์ิ โสภาคะยัง ประชาธปิ ไตยใหม่ 67 ประชากรไทย 40 21 นางสาวรจนา หันตุลา พลงั ชาตไิ ทย 352 พลงั ไทสรา้ งชาติ 56 22 นางแพ็ญตรี สรเสนา กลาง 242 กรีน 128 23 นางจิตตา ณ กาฬสินธุ์ พลังไทยรักไทย 847 สามญั ชน 290 24 นายธนพล ไชยโชติ ความหวงั ใหม่ พลังประชาธิปไตย 1,060 25 นางสนุ ชิ า ตลุ าเพียร ภูมพิ ลังเกษตรกรไทย 2,401 เพ่อื ชีวิตใหม่ 26 นางรัศม ี สกลุ ฮูฮา ไทรักธรรม 271 ประชาธรรมไทย 68 27 นางสาวร่งุ นภา มีศิลป์ ไทยรักษาชาติ 26 21 28 นายกติ ติพงษ ์ อักษรศกั ดิ์ 20 29 นายราชพฤกษ ์ เพมิ่ ขึน้ - 30 นายวฒุ ิชัย ท�ำนาผล 31 นายสมศักดิ์ สงวนรัตน์ 32 นางสาวณฐั พร อาจหาญ 33 นายสมุ าสิทธ ิ ศรีล�ำพัง 34 นายชาตร ี สุมามาร 35 นายกงใจ โชตริ นื่ 36 นายพงษพ์ าย ุ พายบุ ตุ ร 37 นางสาวนพวรรณ ภูมั่นนา 38 นายสนัน่ มงุ คณุ 39 นายอิสระ อนิ ทรย์ า จากตารางท่ี 4.5 คะแนนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร จังหวัดกาฬสินธุ์ เขตเลือกต้ังท่ี 5 พบว่า คะแนนการเลือกตั้ง อันดับที่ 1 ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ บุญเรือง ได้รับคะแนนจ�ำนวน 40,262 คะแนน อนั ดับที่ 2 ผ้สู มัครจากพรรคพลังประชารัฐ นายนิพนธ์ ศรธี เรศ ไดร้ บั คะแนนจ�ำนวน 18,266 คะแนน อนั ดับท่ี 3 ผู้สมัครจากพรรคอนาคตใหม่ นายทองพูล พลพทุ ธา ไดร้ บั คะแนนจ�ำนวน 17,625 คะแนน และอันดับท่ี 4 ผสู้ มคั รจากพรรคพลงั ท้องถิน่ ไท นายศุภชัย วิมานไพจิตร ไดร้ ับคะแนนจ�ำนวน 8,460 คะแนน
74 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดกาฬสินธุ์ ตารางที่ 4.6 รายชอ่ื ผู้สมัครรับเลอื กตั้ง ส.ส. แบบแบ่งเขตเลือกต้งั ท่ีไดร้ บั คะแนนสงู สดุ 4 อันดบั แรก ของแต่ละเขตในจังหวดั กาฬสินธ์ุ เขตเลอื ก ล�ำดับที่ หมายเลข รายชือ่ ส.ส. พรรคการเมือง คะแนน ตง้ั ท่ี ผูส้ มัคร 1 1 37,532 1 2 12 นางบญุ รื่น ศรธี เรศ เพ่อื ไทย 32,275 1 3 17,750 1 4 7 นายวิรชั พมิ พะนิตย์ ภมู ใิ จไทย 9,014 2 1 38,058 2 2 1 นายปิยะรัฐ จงเทพ อนาคตใหม่ 30,003 2 3 13,699 2 4 2 นายฉลอง ฆารเลศิ พลังประชารฐั 12,059 3 1 32,588 3 2 11 นายวีระวัฒน์ โอสถานเุ คราะห์ เพอ่ื ไทย 30,373 3 3 17,503 3 4 14 นางวันเพ็ญ เศรษฐรักษา ภูมใิ จไทย 3,699 4 1 45,503 4 2 8 นายชานวุ ฒั น์ วรามติ ร พลงั ประชารฐั 17,196 4 3 14,973 4 4 7 นายกติ ตพิ ร อนิ ทะสดี า อนาคตใหม่ 3,573 5 1 40,262 5 2 15 นายคมเดช ไชยศวิ ามงคล เพอ่ื ไทย 18,266 5 3 17,625 5 4 16 นายจ�ำลอง ภนู วนทา พลังประชารัฐ 8,460 13 นายสุรักษ ์ จตุ าทิศ อนาคตใหม่ 4 นายสมั พันธ ์ ภแู ป้ง ประชาธิปัตย์ 2 นายพรี ะเพชร ศิรกิ ุล เพอ่ื ไทย 12 นายสิทธศิ ักดิ ์ พัฒนชยั พลังประชารัฐ 8 นายประพันธ ์ พบปู ระภาพ อนาคตใหม่ 21 นายไชยสิทธิ ์ อุดรพมิ พ์ เพือ่ ชาติ 12 นายประเสรฐิ บญุ เรือง เพื่อไทย 10 นายนพิ นธ ์ ศรีธเรศ พลงั ประชารัฐ 11 นายทองพูล พลพุทธา อนาคตใหม่ 6 นายศุภชัย วมิ านไพจิตร พลงั ทอ้ งถนิ่ ไท จากตารางที่ 4.6 รายช่ือผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. แบบแบ่งเขตเลือกต้ังที่ได้รับคะแนนสูงสุด 4 อันดับแรก ของแต่ละเขตในจังหวัดกาฬสินธุ์ พบว่า คะแนนอันดับที่ 1 ของทุกเขต เป็นของพรรคเพ่ือไทย ที่สามารถรักษาฐานเสียงในจังหวัดกาฬสินธุ์ได้ครบทุกเขตการเลือกตั้ง รองลงมาเป็นพรรคพลังประชารัฐและ พรรคภูมิใจไทย ซึ่งในการเลือกตั้งนี้มีพรรคน้องใหม่ อย่างพรรคอนาคตใหม่ที่เปิดตัวพรรคและสามารถได ้ คะแนนเสียงเทยี บเทา่ กับพรรคพลังประชารฐั
75 4.1.2 ความเคลอื่ นไหวทางการเมืองในแตล่ ะเขต การเลือกต้ังคร้ังนี้จังหวัดกาฬสินธุ์ได้ถูกปรับลดจ�ำนวน ส.ส. และเขตการเลือกตั้งลง จาก ส.ส. 6 คน 6 เขต เหลือ ส.ส. 5 คน 5 เขต ท�ำให้เกิดปรากฏการณก์ ารย้ายพรรคเกดิ ข้ึน ไปสังกดั พรรคการเมอื งใหม่ ซ่ึงในแต่ละครั้งท่ีมีการรัฐประหารหรือเปลี่ยนข้ัวอ�ำนาจทางการเมือง มักมีการเปลี่ยนแปลง กฎ กติกาตาม ผู้มีอ�ำนาจก�ำหนด เช่น เขตการเลือกต้ัง ในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ในอดีต ต้ังแต่ปี พ.ศ. 2518 – ปัจจุบัน กาฬสนิ ธุ์ มีการแบ่งเขต เลือกตง้ั 2 เขต – 6 เขต มจี �ำนวน ส.ส. ตง้ั แต่ 4 คน – 6 คน แลว้ แต่ผมู้ ีอ�ำนาจก�ำหนด เช่น ในการเลือกต้ังเม่ือวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2548 มีการแบ่งเขตเลือกตั้ง 6 เขต มี ส.ส. 6 คน ในการเลือกต้ัง วันท่ี 23 ธันวาคม 2550 แบ่งเขตการเลือกต้ัง 2 เขต มี ส.ส. 6 คนในการเลือกต้ัง วันท่ี 3 กรกฎาคม 2554 แบ่งเขตการเลือกตั้งเป็น 6 เขต มี ส.ส. 6 คน ในปัจจุบัน การเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 แบ่งเขตการเลือกต้ัง เปน็ 5 เขต มี ส.ส. 5 คน ท�ำใหน้ กึ ถงึ การเลอื กตง้ั ในปี พ.ศ. 2519, 2522, 2529 ทจ่ี งั หวดั กาฬสนิ ธ์ุ มี ส.ส. 5 คน บรรยากาศในการเลอื กตงั้ ชว่ ง 3 สปั ดาหส์ ดุ ทา้ ยในจงั หวดั กาฬสนิ ธ์ุ มคี วามตน่ื ตวั สงู มาก มกี ารรณรงค์ ให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์เลือกต้ัง ซึ่งจัดกิจกรรมทุกหมู่บ้าน ทุกอ�ำเภอ การเลือกตั้งในคร้ังนี้ประชาชนให ้ ความสนใจมาก ต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าจะไปใช้สิทธ์ิแน่นอน จากการลงพื้นที่สัมภาษณ์และเก็บข้อมูล ให้กับสถาบันพระปกเกล้า ในการเลือกต้ังในคร้ังนี้พรรคการเมืองเด่นในปัจจุบัน คงปฏิเสธพรรคเพ่ือไทยไม่ได้ เพราะเป็นเจ้าของฐานเสียงเดิม ในอดีต ส.ส.ของพรรคเพ่ือไทย มีจ�ำนวน 6 คน แต่เน่ืองจากมีการปรับลด เขตเลือกต้ัง ประกอบกับมีการต้ังพรรคการเมืองใหม่ข้ึน คือ พรรคพลังประชารัฐ ท�ำให้มี นายนิพนธ์ ศรีธเรศ อดตี ส.ส. พรรคเพอื่ ไทย ยา้ ยพรรคไปสงั กดั พรรคพลงั ประชารฐั โดยใหเ้ หตผุ ลกบั ประชาชนวา่ เพอ่ื ใหบ้ า้ นเมอื ง สงบสุขและยุติการขัดแย้ง และเชื่อมั่นในนโยบายพรรคพลังประชารัฐ และมีนักการเมืองและข้าราชการ หลายคน ได้ย้ายพรรคไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐ เช่น นายจ�ำลอง ภูนวนทา อดีตสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ นายชานุวัฒน์ วราวติ ร อดตี สมาชกิ พรรคภมู ิใจไทย ซงึ่ ดูจากชือ่ แลว้ พรรคพลังประชารฐั ถือวา่ มาแรงแต่จะแซง ทางโคง้ หรอื ไม่ ต้องวัดกันที่ปลายปากกาประชาชน พรรคอนื่ ทอี่ าจสอดแทรกในพ้ืนทีไ่ ด้อาจเปน็ พรรคนอ้ งใหม่ เชน่ พรรคพลงั ทอ้ งถน่ิ ไท ทมี่ อี ดตี สมาชกิ วฒุ สิ ภา อดตี ส.ส. หลายสมยั และอดตี นกั การเมอื งทอ้ งถน่ิ เปน็ พรรค ที่อาจสามารถสอดแทรกขึ้นมาได้ อีกพรรคที่ถือว่าเก๋าเกมทางการเมือง นั้นคือพรรคภูมิใจไทย ท่ีมี อดีต ส.ว. น�ำทมี โดย นายวริ ชั พมิ พะนติ ย์ ถอื เปน็ คแู่ ขง่ ทน่ี า่ กลวั ส�ำหรบั พรรคเพอื่ ไทย ซงึ่ มี อดตี รมช. กระทรวงศกึ ษาธกิ าร นางบุญรื่น ศรีธเรศ เป็นเจ้าของฐานเสียงเดิมกาฬสินธุ์ ซ่ึงคงต้องจับตากันให้ดี อาจมีพลิกล็อค และม ี ตวั สอดแทรก คอื พรรคพลงั ประชารฐั และพรรคทมี่ าแรงโดนใจวยั รนุ่ คอื พรรคอนาคตใหม่ ซง่ึ ขอเสนอสถานการณ์ ไล่เรยี งตามเขตการเลือกตง้ั ดงั นี้ เขตเลือกต้ังท่ี 1 พ้ืนท่ีเดิมของ นางบุญร่ืน ศรีธเรศ อดีต รมช.กระทรวงศึกษาธิการ เป็น ส.ส. หลายสมัยของพรรคเพื่อไทย มีคู่แข่งท่ีส�ำคัญ คือ นายวิรัช พิมพะนิตย์ อดีต ส.ว.กาฬสินธุ์ ถือเป็นคู่ท้าชิง ตลอดกาล ครงั้ นยี้ า้ ยมาสวมเสอ้ื พรรคภมู ใิ จไทย ซง่ึ วเิ คราะหก์ ารเลอื กตงั้ ครง้ั นี้ จะเปน็ ครงั้ แรกทน่ี ายวริ ชั พมิ พะนติ ย์ ได้เปรียบนางบุญร่ืน ศรีธเรศ เพราะด้วยวัยของนางบุญรื่น ศรีธเรศ และทราบว่าป้ารื่นจะไม่ลงแข่งขันในคร้ังน ้ี ซ่ึงจะเอาลูกชายลงแทน แต่เนื่องจากพรรคมีมติให้นางบุญร่ืน ศรีธเรศ จึงต้องจ�ำใจ ด้วยอายุที่มากประกอบกับ
76 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดกาฬสินธุ์ คนหันมาสนใจคนวัยหนุ่มสาว จึงเกิดค�ำถามว่าอายุมากแล้วจะมีความสามารถบริหารบ้านเมืองได้หรือไม่ อกี ทงั้ ดา้ นผลงานในขณะทเี่ คยเปน็ รฐั บาลกไ็ มช่ ดั เจนเทา่ ทคี่ วร และการเลอื กตง้ั ทกุ ครงั้ กจ็ ะชนะนายวริ ชั พมิ พะนติ ย ์ ไม่มาก ซ่ึงเป็นผลมาจากกระแสพรรค แต่มาครั้งนี้ นายวิรัช พิมพะนิตย์ ลงพื้นที่ท�ำการบ้าน เคาะประตูบ้าน ท�ำทกุ รปู แบบและท�ำการศกึ ษาความตอ้ งการของพนี่ อ้ งประชาชนมาโดยตลอด อาจมคี ะแนนสงสารดว้ ยคณุ ภาพ ตวั บคุ คลจงึ ท�ำใหเ้ ขตนี้ นายวริ ชั พมิ พะนติ ย์ อาจสามารถชนะนางบญุ รนื่ ศรธี เรศ ได้ ถงึ แมจ้ ะมนี ายฉลอง ฆารเลศิ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ผู้สมัครหน้าใหม่เข้ามาเป็นตัวสอดแทรก ก็ยังคงเป็นแค่ไม้ประดับเท่าน้ัน แตก่ ็ประมาทไมไ่ ด้ เพราะมีวา่ ที่นายกรฐั มนตรขี องพรรค เปน็ ถงึ หัวหนา้ คสช. ซ่งึ มอี �ำนาจรัฐในมอื เขตเลอื กตง้ั ท่ี 2 เจา้ ของพนื้ ทเี่ ดมิ คอื นายวรี ะวฒั น์ โอสถานเุ คราะห์ แหง่ พรรคเพอื่ ไทย ซงึ่ ตอ้ งหนั มา ประเมนิ ตวั เองใหม่ เพราะครง้ั นผ้ี ลู้ งชงิ เกา้ อ้ี ส.ส. คอื นางวนั เพญ็ เศรษฐรกั ษา ตวั แทนของพรรคภมู ใิ จไทย ลกู ทมี คนโปรดของตระกลู ซารมั ย์ ทชี่ ว่ ยลงพนื้ ทต่ี ลอด และประกาศวา่ ถา้ ได้ ส.ส.ทก่ี าฬสนิ ธ์ุ กจ็ ะมรี ฐั มนตรที กี่ าฬสนิ ธ์ุ นางวนั เพ็ญ เศรษฐรกั ษา ซึ่งลงพน้ื ทีม่ าโดยตลอดในการออกงานบญุ งานบวช ตัง้ แต่ปี 2552 ถงึ ปัจจบุ นั ท�ำให้ คร้ังน้ี นายวีระวัฒน์ โอสถานุเคราะห์ แห่งพรรคเพื่อไทย ต้องกลับมาทบทวนหาวิธีในการขอคะแนนเสียงจาก ประชาชนใหม่ เนื่องจากเสียเปรียบทั้งอายุ ด้วยวัยกว่า 80 ปี และในปัจจุบันไม่มี นางอรดี สุทธศรี อดีต ส.ส. พรรคไทยรักไทย และเพื่อไทย หลายสมัย ท่ีเสียชีวิตไปเมื่อปีที่ผ่านมา ท�ำให้ไม่มีเพื่อนคู่ชีวิตคิดทางการเมือง เหมือนเดิม ท�ำให้เขตน้ีสู้กันสูสีมาก คะแนนที่ออกมาน่าจะชนะกันหลักร้อย ส�ำหรับตัวสอดแทรกท่ีส�ำคัญ คือ นายชานุวัฒน์ วรามิตร แห่งพรรคพลังประชารัฐ เจ้าของโรงสีใหญ่และทีมฟุตบอลกาฬสินธุ์เอฟซี ที่มีกลุ่ม สามสติ รชว่ ยหาเสียง ลงพ้นื ท่ีตลอดเวลาในโค้งสุดทา้ ยนี้ เขตเลือกต้ังท่ี 3 มีอดีต ส.ส. นายคมเดช ไชยศิวามงคล แห่งพรรคเพ่ือไทย ที่จะเป็นอีกเขตท่ี พรรคเพื่อไทยมีโอกาสแพ้การเลือกตั้งให้กับนายจ�ำลอง ภูนวนทา แห่งพรรคพลังประชารัฐ อดีตผู้สมัคร ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ท่ีกระแสดีวันดีคืน เพราะจากเดิมฐานเสียงและความนิยมเขตนี้ นายจ�ำลอง ภูนวนทา คะแนนเสียงจะแพ้กันท่ีสองถึงสามพันคะแนน แต่ด้วยเครือข่ายท่ีม่ันคงเจาะกลุ่มนักกฎหมาย เครือญาต ิ และผลจากการแบ่งพ้ืนท่ี หากโค้งสุดท้าย นายจ�ำลอง ภูนวนทา กระจายน้�ำเลี้ยงท่ัวถึง จะเป็นเขตพรรค พลงั ประชารฐั ทสี่ ามารถชนะพรรคเพอื่ ไทยได้ แตอ่ าจตอ้ งวดั กนั จนถงึ วนิ าทสี ดุ ทา้ ยของวนั เลอื กตงั้ ซง่ึ ประมาท ไม่ได้ เพราะพรรคเพ่อื ไทย คนเสื้อแดงยงั เป็นทีร่ ักของคนกาฬสินธุ์ เขตเลือกตั้งท่ี 4 มีอดีต ส.ส. นายพีระเพชร ศิริกุล พรรคเพื่อไทย น่าจะชนะการเลือกตั้งในเขตนี้ มีคู่แข่งเดิม คือ นายเดชส�ำราญ ญาณกาย แห่งพรรคภูมิใจไทย ซ่ึงถึงแม้จะออกเดินสายท�ำการบ้านผูกสัมพันธ์ หัวคะแนน แตเ่ ขตน้ียังสู้ยาก เพราะดว้ ยนายพรี ะเพชร ศิริกลุ อดตี ส.ส. หลายสมัย มกี ารลงพืน้ ท่ีอย่างตอ่ เน่ือง จะชนะได้อยา่ งไมย่ าก อกี ทั้งกระแสพรรคเพอื่ ไทยในพื้นที่ยงั ดอี ยู่ เขตเลือกตั้งที่ 5 เป็นศึกสายเลือดระหว่าง นายประเสริฐ บุญเรือง แห่งพรรคเพื่อไทย เจ้าของพื้นที่ ต้องสู้กับนายนิพนธ์ ศรีธเรศ อดีต ส.ส.พรรคเพ่ือไทย ซ่ึงคร้ังน้ี มาสวมเสื้อพรรคพลังประชารัฐ เพราะเขต
77 เลือกตั้งจากเดิม 6 เขตเลือกต้ัง ลดลงมาเหลือ 5 เขตเลือกตั้ง ท�ำให้แกนน�ำพรรคพลังประชารัฐ ในเขตน ้ี ประมาทนายนิพนธ์ ศรีธเรศ ไม่ได้ เพราะในอดีตเป็นผู้วางแผนการเลือกตั้งให้พรรคเพ่ือไทย มีความเข้าใจ ยทุ ธศาสตรแ์ ละความเคลอื่ นไหวของ ส.ส. พรรคเพอื่ ไทยเปน็ อยา่ งดี จงึ ท�ำใหเ้ ขตนี้ พรรคพลงั ประชารฐั มสี ทิ ธล์ิ นุ้ ส.ส. อีกหน่ึงเขต แต่อย่าเช่ือม่ันเสียทีเดียว อาจโดนกระแสตีกลับเรื่องการย้ายพรรค เพราะคนอีสานยังรักใน พรรคเพอ่ื ไทย และนายทักษณิ ชินวัตร ส�ำหรับการเลือกต้ังคร้ังนี้ มีผู้สมัคร ส.ส. ท้ังจังหวัดกาฬสินธุ์ รวม 179 คน จาก 48 พรรคการเมือง และแชมปเ์ กา่ อยา่ งพรรคเพอื่ ไทย จะตอ้ งท�ำงานหนกั ในโคง้ สดุ ทา้ ยการเลอื กตงั้ ครงั้ นี้ ซง่ึ มโี อกาสสงู ทป่ี ระชาชน จะเลือกนักการเมืองหน้าใหม่ เพราะด้วยมีผู้มีสิทธิเลือกต้ังหน้าใหม่จ�ำนวนมาก ประกอบกับผลงานของ ส.ส. ในอดตี ทไ่ี มเ่ ขา้ ตาของประชาชน อาจมกี ารเปลย่ี นแปลงเกดิ ขน้ึ ในหลายเขตเลอื กตงั้ คงตอ้ งตดิ ตามอยา่ งใกลช้ ดิ ซ่ึงนโยบายใหม่ที่แต่ละพรรคการเมืองยิงออกมาช่วงน้ี อาจส่งผลต่อคะแนนเสียงไม่มากก็น้อยซึ่งประชาชน ใหค้ วามความสนใจมากกบั นโยบายทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั เศรษฐกจิ ทจ่ี ะมาแกไ้ ขปญั หาปากทอ้ ง ของประชาชน โดยเฉพาะ เรื่องราคาพชื ผลทางการเกษตร เช่น ราคาอ้อย ราคามนั ส�ำปะหลัง ราคายางพารา ราคาข้าว เป็นต้น การเลอื กตงั้ ครง้ั นี้ สง่ิ หนึ่งท่จี ะเป็นตวั แปรส�ำคญั อีกตวั แปรหนึ่งนนั้ คอื ความพรอ้ มของ กกต. ในการ จดั การเลือกต้งั การตรวจสอบเลือกตงั้ ตลอดจนความเข้าใจในกฎกติกาต่าง ๆ และท่สี �ำคัญการจดั การเลอื กต้ัง ทมี่ คี วามสจุ รติ และยุตธิ รรม ส�ำหรบั ทกุ พรรคการเมือง การเลือกต้ังครั้งน้ีสิ่งที่จะวัดกันหรือเป็นเงื่อนไขแห่งชัยชนะ มีดังน้ี 1. ผลงานในอดีตในขณะเป็น ส.ส. หรือคุณงามความดีที่ประชาชนส่วนใหญ่มองเห็น 2. พรรคการเมืองที่สังกัด 3. อุดมการณ์ทางการเมือง ท่ีเป็นประชาธิปไตย 4. ว่าท่ี นายกรัฐมนตรี ที่พรรคการเมืองน้ันเสนอชื่อ 5. นโยบายของพรรคการเมืองท ่ี ประชาชนเชื่อม่ัน ว่าจะท�ำได้จริง 6. สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่ 7. นโยบายโดนใจ New Voters 4.1.3 รูปแบบการหาเสียงและการเคลื่อนไหวทางการเมืองขององค์กรกลุ่ม ทางการเมอื ง ภายหลังจากราชกิจจานุเบกษาได้ประกาศ “พระราชกฤษฎีกา ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภา ผแู้ ทนราษฎรเปน็ การทวั่ ไป พ.ศ. 2562” ในวนั ท่ี 23 มกราคม 2562 และไดก้ �ำหนดใหส้ ปั ดาหท์ ี่ 4-8 ก.พ. 2562 เป็นระยะเวลาที่เปิดสมัครรับเลือกต้ัง ซึ่งผู้สมัคร ส.ส. เขตทุกคนของทุกพรรคจะต้องสมัครในเวลาท่ีก�ำหนด โดยการสมัครจะทราบเบอร์ของผู้สมัคร ได้ทราบเบอร์ของผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายช่ือของทุกพรรคและเห็น ผ้เู สนอตวั เป็นนายกรัฐมนตรีจากแตล่ ะพรรคด้วย โดยในช่วงเวลาระหวา่ งนี้ พรรคการเมอื งตา่ ง ๆ มีเวลาทงั้ ส้ิน 60 วัน ในการหาเสียงถึงเวลาเยน็ ของวันเสาร์ที่ 23 ม.ี ค. 2562 และรบั เลือกตงั้ ในวันที่ 24 มนี าคม 2562
78 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดกาฬสินธุ์ การหาเสียงเลือกต้ังของผู้สมัคร ส.ส.ระบบแบ่งเขตในพ้ืนท่ีจังหวัดกาฬสินธุ์ มีรูปแบบการหาเสียง ทงั้ รถแห่ และเดนิ เทา้ โฆษณาหาเสยี ง เพอื่ ขอคะแนนจากชาวบา้ นผมู้ สี ทิ ธเิ์ ลอื กตง้ั เวทปี ราศรยั หลายพรรคการเมอื ง ทสี่ ง่ ผูส้ มคั รลงแขง่ ขัน มนี โยบายท่คี ลา้ ยกัน และพรรคการเมอื งต่างแสดงอดุ มการณท์ างการเมอื งทอี่ ยเู่ คยี งข้าง ชาวบา้ น การแสดงจดุ เนน้ เรอ่ื งผสู้ มคั รเปน็ คนในพน้ื ท่ี และมาจากนกั การเมอื งทอ้ งถน่ิ ท�ำงานชว่ ยเหลอื ชาวบา้ น มาโดยตลอด จึงเห็นปัญหาท่ีเกิดขึ้นในชุมชน และม่ันใจว่าจะเข้าไปแก้ไขปัญหาปากท้อง และยกระดับ ความเป็นอยู่ของพ่ีน้องประชาชนได้ทันทีถูกน�ำมาใช้ในการหาเสียงอย่างมาก โดยเฉพาะการปราศรัยหาเสียง บรรยากาศการหาเสียงเป็นไปอย่างคึกคัก มีรถหาเสียงว่ิงตามหมู่บ้าน ตามชุมชนต่าง ๆ มีการติดป้ายหาเสียง ตามจุดส�ำคัญ ๆ และจุดท่ี กกต. จัดให้ การหาเสียงมีทุกรูปแบบ การหาเสียง มีการเคาะประตูบ้านในเวลาวัน จัดเวทีปราศรัยตามศาลากลางบ้าน ในแต่ละหมู่บ้าน ในเวลากลางคืน จัดเวทีปราศรัยใหญ่ในระดับจังหวัด ระดับอ�ำเภอ ในแต่ละเขต มีตัวแทนระดับแกนน�ำพรรคมาช่วยหาเสียง และในการหาเสียงคร้ังนี้ มีการเพ่ิม ช่องทางผ่านส่ือออนไลน์ ท้ัง Facebook, Line ทุกช่องทาง ที่จะสามารถเอาชนะการเลือกต้ังให้ได้ ผู้สมัคร แต่ละพรรคจะใช้ทุกวิถีทาง ซ่ึงผู้สมัครแต่ละพรรคการเมือง โดยเฉพาะพรรคการเมืองใหญ่หรือขนาดกลาง หาเสียงทกุ วนั ยิ่งใกลว้ นั เลือกตง้ั ยิ่งคึกคกั มากขน้ึ “ปกตทิ ผ่ี า่ นมาเคาะประตบู าน แตเ่ ดยี่ วนก้ี ะเคาะบไ่ หว เวลามนั กะบใ่ ห้ คอื ตอ้ งขนึ้ ไป ทุกบ้าน ไปยกมือไหว้ส่ือ ๆ นิบ่แม่นข้ึนไปให้เงินเด้ แจกบัตรน้อย มาเดี๋ยวน้ีไปบ่ไหวเลย เพราะพน้ื ทมี่ นั กวา้ งคกั แตก่ อ่ นแมก่ ะไดแ้ ตอ่ ำ� เภอเมอื ง มนั ลดเขตลงพน้ื ทกี่ ะกวา้ ง กะพากนั เคาะบา้ นแนอ่ ยู่ ทกุ พรรคกะถอย ๆ กนั ทกุ คน เพราะคะเจา้ กะบไ่ หวคอื กนั พอดมี รี ถสปอตมา กะมีคนมาฟ้องแน่อยู่ว่าได้รอบเดียว บางคนกะบ่ได้รอบ ข้ึนบ้านน้ันบ้านน่ีบ่ขึ้น อันน้ีคือ เฮาไปเห็นคนของเฮา เขากะมาฟ้องเฮา เฮากะไดแ้ ต่บอกเขาว่ามีคนมาฟอ้ งเดอ้ ให้เฮด็ เวยี ก ใหม้ นั สมค่าจา้ งแน่เดอ้ ” (สมั ภาษณว์ ่าที่ผสู้ มัคร ส.ส., 2562) นอกจากนยี้ งั มกี ารวิเคราะหร์ ูปแบบการหาเสยี งของผสู้ มัครรบั เลือกตัง้ ความวา่ “เร่ืองช่องทางในการหาเสียง อาจจะมีป้ายในการหาเสียงแน่ มีรูปแบบอื่นอีกบ่ หรอื มสี อ่ื อนื่ อกี บ่ คอื ทพี่ ค่ี ะเจา้ วา่ บต่ อ้ งไปเคาะประตจู ง่ั สิ เชน่ อนาคตใหมท่ ำ� ไมถงึ ไดค้ ะแนน เยอะ อาจจะเป็นโซเชียลอิหยังจ่ังสิ แต่ทางเฮาคือทางไอทีแทบสิบ่มีเล แต่ก้ีเขากะเอ้ินไป อบรมวา่ สเิ นน้ ทางแฟนเพจ เขากะอบรมใหอ้ ยู่ พออบรมเรยี บรอ้ ยแลว้ รฐั บาลกะอาจสเิ หน็ วา่ พวกเฮาเฮ็ดจ่ังสิ รัฐบาลกะออกกฎมาเลย ห้ามเลย เฮากะบ่รู้ว่าอันได๋สิถืกสิผิด” (สัมภาษณ์ วา่ ทผี่ สู้ มัคร ส.ส., 2562) จากข้อมูลข้างต้นแสดงให้เห็นว่า การเคล่ือนไหวทางการเมืองขององค์กรและกลุ่มการเมืองในพ้ืนท่ี จังหวัดกาฬสินธุ์ ได้แสดงออกในรูปแบบพรรคการเมืองเป็นหลัก กล่าวคือ ตลอดระเวลาการหาเสียงเลือกต้ัง พรรคการเมอื งจะมรี ูปแบบการเคลื่อนไหวทางการเมืองอยู่ 4 รปู แบบหลกั กลา่ วคือ
79 1) การติดปา้ ยหาเสยี ง การติดป้ายหาเสียงในพื้นท่ีจังหวัดกาฬสินธุ์ พบได้โดยท่ัวไป พรรคการเมืองทุกเขตจะมีการติดป้าย เพ่ือหาเสียง ในช่วงต้นของการหาเสียงในพื้นท่ีที่พบเห็นได้ง่ายและอยู่ในเขตชุมชน โดยเน้ือหาในป้ายประกอบ ดว้ ยชอ่ื ชอ่ื เลน่ ผสู้ มคั รบางคนจะมฉี ายาทเี่ ปน็ ทรี่ จู้ กั เบอร์ พรรค รวมถงึ สโลแกน โดยผสู้ มคั รบางพรรคในพนื้ ท่ี จังหวัดกาฬสินธุ์ จะมีการน�ำภาพท่ีถ่ายร่วมกับผู้เสนอช่ือเป็นนายกรัฐมาตรีมาร่วมในป้ายหาเสียงด้วย อีกทั้ง การเคลื่อนไหวทางการเมืองในการติดป้ายนี้ ยังมีการท�ำป้ายประชาสัมพันธ์โดยการช่วยเหลือของนักการเมือง ท้องถ่นิ เชน่ นายกเทศมนตรเี ทศบาลเมืองกาฬสนิ ธ์ุไดท้ �ำป้ายสนับสนุนผู้สมคั รจากพรรคพลงั ประชารัฐด้วย ภาพท่ี 4.1 ภาพแสดงตดิ ปา้ ยหาเสยี ง ทมี่ า : ผูว้ ิจัย 2) การปราศรยั หาเสียง การเลือกต้ัง ส.ส. จังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นตัวชี้วัดหนึ่งของการเลือกตั้งในภาครวมของทั้งประเทศ ในมิติกระแสความนิยมของพรรคการเมือง และปฏิเสธไม่ได้กับการส่ือสารโดยใช้โซเซียลที่ท�ำให้พรรคการเมือง เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากยิ่งข้ึน แต่ก็ยังคงไม่ท้ิงวิธีการแบบเดิมโดยเฉพาะการเปิดเวทีหาเสียงตามชุมหมู่บ้าน เคาะประตบู า้ น ใชร้ ถแห่ ปกั ปา้ ยหาเสยี งในจดุ ท่ี กกต. ก�ำหนด เปน็ ตน้ การเลอื กตง้ั ทผี่ า่ นมา เมอื่ วนั ที่ 24 มนี าคม
80 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดกาฬสินธุ์ 2562 ในจงั หวดั กาฬสนิ ธน์ุ นั้ ไดเ้ หน็ ปรากฏการณเ์ กดิ ขน้ึ ทกุ รปู แบบ การปราศรยั หาเสยี งในพนื้ ทจ่ี งั หวดั กาฬสนิ ธ์ุ ในระหว่าง 60 วันในการหาเสียงนั้น ช่วงระยะเวลาที่มีการปราศรัยหาเสียงมากท่ีสุดคือ “ช่วงโค้งสุดท้าย” กล่าวคือ ในช่วงระยะเวลา 3 สัปดาห์สุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง การปราศรัยในพ้ืนท่ีจังหวัดกาฬสินธุ์ค่อนข้าง คึกคัก โดยขนาดเวทีแบ่งเป็น 2 ขนาดคือ (1) เวทีระดับกลาง คือเวทีการปราศรัยท่ีเกิดขึ้นในพ้ืนที่ระดับเขต การเลือกต้ัง ซ่ึงจังหวัดกาฬสินธุ์แบ่งเป็นท้ังหมด 5 เขต หรือ จังหวัด ในเวทีระดับกลางนี้จะมีความพิเศษที่ การปราศรัยจะมีตัวแทนพรรคจากส่วนกลาง อาทิเช่นหัวหน้าพรรคการเมือง เลขาธิการพรรค กรรมการ บริหารพรรค เป็นต้น จ�ำนวนของผู้เข้าร่วมในการรับฟังค�ำปราศรัยก็จะมากขึ้นตามความสนใจของพรรคด้วย อย่างไรก็ตามการเกณฑ์ผู้เข้าร่วมมารับฟังการปราศรัยยังคงเป็นปรากฏการณ์ท่ีเกิดขึ้นได้ท่ัวไป ซึ่งมาจาก หวั คะแนนของแตล่ ะพรรคการเมืองดว้ ย การเปิดเวทีปราศรัยกลาง การเปิดเวทีปราศรัยของพรรคการเมืองเกิดข้ึนทุกพรรค โดยเฉพาะ พรรคการเมอื งขนาดใหญ่ พรรคการเมอื งขนาดเลก็ ซงึ่ ความแตกตา่ งของพรรคการเมอื งขนาดใหญก่ บั พรรคการเมอื ง ขนาดเล็ก สังเกตได้จากจ�ำนวนคนที่มารับฟังการปราศรัย เพราะพรรคการเมืองขนาดใหญ่มีสมาชิกพรรค จ�ำนวนมาก มเี ครอื ขา่ ยในพนื้ ท่ี และทส่ี �ำคญั มงี บประมาณในการจดั เวทจี �ำนวนมากเชน่ กนั ท�ำใหป้ ระชาชนทม่ี า รับฟังมีจ�ำนวนมาก ในการปราศรัยของทุกพรรคจะมีลักษณะคล้ายกัน กล่าวคือ หัวหน้าพรรค คณะกรรมการ บรหิ ารพรรคทเี่ ปน็ บคุ คลส�ำคญั ไดเ้ ดนิ ทางมารว่ มปราศรยั ใหญด่ ว้ ย เชน่ เดยี วกบั พรรคขนาดเลก็ กม็ หี วั หนา้ พรรค กรรมการบรหิ ารพรรคลงในพน้ื ทเ่ี พอ่ื มาปราศรยั เชน่ กนั ในการปราศรยั สว่ นใหญจ่ ะเนน้ น�ำเสนอนโยบายทพี่ รรค ด�ำเนนิ การประสบความส�ำเรจ็ ในอดตี มาหาเสยี ง และกลา่ วถงึ นโยบายใหมท่ พี่ รรคจะด�ำเนนิ การตอ่ ไปในอนาคต ส่วนพรรคการเมอื งขนาดเล็ก จะเน้นน�ำเสนอแกไ้ ขปัญหาท่เี กิดขน้ึ ในปัจจุบนั เชน่ เรอ่ื งเศรษฐกจิ ความเป็นอยู่ ของประชาชน เปน็ หลกั (2) เวทีปราศรัยขนาดเล็ก เป็นเวทีที่เกิดข้ึนจ�ำนวนมากในระดับชุมชน โดยตัวผู้สมัครเองร่วมกับ หัวคะแนนในชุมชน จ�ำนวนของผู้เข้าร่วมก็จะมีขนาดเล็กลงตามไปด้วย การเปิดเวทีในระดับหมู่บ้านเป็นสิ่ง จ�ำเปน็ ทผี่ สู้ มคั รรบั เลอื กตงั้ ส.ส. ยงั ใชแ้ ละจ�ำเปน็ ตอ้ งใช้ โดยผทู้ ช่ี นะการเลอื กตงั้ หรอื ไมช่ นะการเลอื กตงั้ จ�ำเปน็ ตอ้ งลงพนื้ ทใ่ี นระดบั หมบู่ า้ น ทกุ หมบู่ า้ นทอี่ ยใู่ นเขตการเลอื กตง้ั โดยสว่ นใหญจ่ ะจดั เวทใี นเวลาตอนเยน็ หลงั จาก ที่ประชาชนกลับมาจากท�ำการเกษตร พ้ืนท่ีจะใช้ศาลากลางบ้านเป็นพ้ืนที่ในการปราศรัย โดยว่าที่ ส.ส.จะใช้ รถกระบะท่ีมีเลือกเสียง ซ่ึงง่ายต่อการเคลื่อนย้าย มาเป็นอุปกรณ์ในการปราศรัย ส่วนเก้าอ้ีท่ีนั่งของประชาชน กจ็ ะใช้การเชา่ ยืมจากหมบู่ า้ นน้ัน ท�ำใหเ้ กิดรายไดใ้ นหมบู่ า้ นด้วย อย่างไรก็ตามข้อสังเกตประการส�ำคัญคือ การเคลื่อนไหวทางการเมืองของผู้สมัครสมาชิกสภา ผู้แทนราษฏรในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์นั้นมีพรรคการเมืองเพียง 4-5 พรรคการเมืองต่อเขตเท่านั้นที่จัดเวที ปราศรยั ขนาดกลาง และมปี ระมาณ 10 พรรรคการเมอื งทม่ี กี ารจดั การปราศรยั ในเวทขี นาดเลก็ แสดงใหเ้ หน็ วา่ การจดั เวทปี ราศรยั เพอ่ื หาเสยี งไมไ่ ดเ้ ปน็ รปู แบบการเคลอ่ื นไหวทางการเมอื งทท่ี กุ พรรคจะใชใ้ นกลยทุ ธก์ ารหาเสยี ง ในพ้นื ท่จี ังหวดั กาฬสนิ ธุ์
81 ภาพที่ 4.2 ภาพบรรยากาศก่อนการปราศรยั หาเสยี ง ที่มา ผู้วจิ ัย 3) การลงพ้ืนทใ่ี นรูปแบบเคาะประตบู ้าน การลงพื้นท่ีในรูปแบบเคาะประตูบ้านเป็นกลยุทธ์ที่ถูกใช้มาอย่างยาวนานในพ้ืนท่ีจังหวัดกาฬสินธุ์ เนื่องจากวัฒนธรรมความเป็นพี่น้องเครือญาติที่ถูกปลูกฝังมาอย่างยาวนาน ส่งผลต่อพฤติกรรมท่ีส�ำคัญของ ประชาชนกลุ่มหน่ึงที่มีการกล่าวต่อกันว่า “ไผมาขอคะแนนเสียงก็ให้คนน้ัน ไผมาให้เห็นหน้ากะสิให้ผู้น้ัน” (สัมภาษณ์ประชาชนในพ้ืนที่เขตเลือกตั้ง 1 จังหวัดกาฬสินธุ์, 6 กุมภาพันธ์ 2562) จากค�ำพูดติดปากดังกล่าว น�ำมาซงึ่ พฤตกิ รรมของนกั การเมอื งในพนื้ ทท่ี ต่ี อ้ งลงพน้ื ทห่ี าเสยี งแบบเคาะถงึ ประตบู า้ นโดย ผสู้ มคั รไดท้ �ำตาราง การลงพ้ืนท่ีเพื่อให้ครอบคลุมทุกพ้ืนท่ีที่ตนเองต้องขอคะแนนเสียงและเข้าถึงให้ได้มากท่ีสุด รูปแบบการเคาะ ประตบู า้ นจงึ เป็นรูปแบบทผี่ ูสมคั รเกอื บทกุ พรรคการเมืองไดน้ �ำมาใช้เป็นกลยทุ ธใ์ นการหาเสียงคร้ังน้ี 4) การใช้รถแหห่ าเสียง การใชร้ ถแห่หาเสยี ง ในพืน้ ทีจ่ ังหวดั กาฬสินธุ์ท้งั หมดอยู่ในรูปแบบรถกระบะเพราะสะดวกไปได้ทุกท่ี โดยผสู้ มัครยืนปราศรยั บนรถกระบะพร้อมชูปา้ ยหาเสียง จนเป็นเอกลกั ษณ์ท่ีคุน้ ตาในพน้ื ที่จงั หวดั กาฬสินธ์ุ
82 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดกาฬสินธุ์ ภาพท่ี 4.4 ภาพการใช้รถแห่หาเสียง ท่มี า : ผวู้ จิ ยั การเคลอื่ นไหวท้งั 4 รูปแบบน้นั แม้วา่ ผู้ลงสมคั รจากพรรคการเมืองท่ีลงสมคั รในพื้นทจ่ี ังหวดั กาฬสินธ์ุ ทม่ี มี ากกวา่ 30 พรรคการเมอื งในแตล่ ะเขตการเลอื กตง้ั อยา่ งไรกต็ าม การเคลอ่ื นไหวทเ่ี หน็ ไดช้ ดั เจนและเปน็ ไป ในทศิ ทางท่เี หมอื นกนั ปรากฏชัดเจนใน 4 รูปแบบขา้ งตน้ 4.2 พฤติกรรมทางการเมือง ของผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิก ผู้แทนราษฎรในจังหวัดกาฬสินธุ์ พฤตกิ รรมทางการเมอื งของผสู้ มคั รรบั เลอื กตงั้ สมาชกิ ผแู้ ทนราษฎรในจงั หวดั กาฬสนิ ธ์ุ จากการศกึ ษา ขอ้ มลู เชงิ พน้ื ทจี่ ากการสมั ภาษณผ์ มู้ สี ว่ นไดเ้ สยี การสงั เกต สามารถสรปุ พฤตกิ รรมของผรู้ บั สมคั รเลอื กตงั้ ในพนื้ ที่ จงั หวดั กาฬสนิ ธอ์ุ อกเปน็ 2 รปู แบบคอื 1) พฤตกิ รรมแบบเปดิ เผย 2) พฤตกิ รรมแบบลบั ซง่ึ มรี ายละเอยี ดตอ่ ไปนี้
83 4.2.1 พฤตกิ รรมแบบเปดิ เผย ผู้วิจัยได้ข้อมูลรูปแบบพฤติกรรมการเลือกต้ังแบบเปิดเผยจากการสัมภาษณ์ผู้รับการเลือกต้ังท้ังหมด โดยผู้สมัครส่วนใหญ่ได้ให้ข้อมูลไปในทิศทางเดียวกันว่า การลงสมัครรับเลือกต้ังในคร้ังน้ีมีความจ�ำเป็นอย่าง มากที่ต้องด�ำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพฤติกรรมท่ีผู้สมัครรับเลือกต้ังแสดงออกอย่างเปิดเผย เปน็ พฤตกิ รรมทเี่ ปน็ ไปตามท่กี ฎหมายก�ำหนด ปรากฏชัดในค�ำสัมภาษณข์ องวา่ ท่ผี ู้สมัคร ส.ส. ดงั ค�ำกลา่ วท่วี ่า “ในการหาเสียงเขากะประกาศเด้ พอไปสมัครปั๊บผู้ท่ีบ่มีส่วนเกี่ยวข้องในการดูแล ผู้ออกไปหาเสียง เขากะบอกข้อห้าม 1. คือถ้าไปช่วยงานประเพณี ห้ามย่ืนซอง ห้ามใส่เส้ือ พรรค บ่ให้ปราศรัยหาเสียงในงานประเพณี แต่แล้วเขาให้เฮาเว้า เฮากะเว้าเป็นกลาง ๆ แม่กะปฏิบัติตามกฎเขาอยู่ดอก คือบ่ให้หาเสียง กะแค่ได้แต่แสดงความยินดีน�ำเขา ว่าการ บวชมันดีจ่ังส้ันจ่ังส้ีกะว่ากันไป ให้เว้าไปจั่งส้ีจั่งได้ ถ้าเว้าว่า เบอร์ 12 เด้อ อันน้ีเว้าบ่ได้ แตพ่ รรคพลงั ประชารฐั เวา้ ตลอดเลย บ่ได้รอ้ ง ข้คี ้านรอ้ ง แม่เปน็ 5-6 สมัย บเ่ คยรอ้ งจักเที่ย ถ้าเฮาปฎิบัติตามกฎหมายหรือระเบียบท่ีเฮาตั้งไว้ รวมถึงเฮากะไปช้ีแจงได้ เขากะบอกให้ ระวงั การทเ่ี ฮาไปเดนิ กะสมิ คี นทเ่ี ปน็ หวั คะแนนทเ่ี ขาฮกั เฮา ขนึ้ ไปเคาะประตบู า้ นชว่ ยเฮาจง่ั สิ จง่ั แมอ่ อกในเขตชมุ ชนจง่ั สิ เขากะไป ไปชว่ ย 9 คน 10 คน เฮากะตอ้ งเขยี นรายงานสง่ กกต. ซึ่งทุกเถี่ยวกะบ่ได้เขียน เขียนว่า ผุ้ช่วยสนับสนุนโดยไม่รับค่าจ้าง กะเอาคนละ 200 ไผสิ ไปย่างให้เฮาฟรีเนาะ แต่ดีที่ชาวบ้านเคารพกฎหมายนะ เพราะมันผิดกฎหมาย คนท่ีมา เขากะจริงใจกบั เฮา บไ่ ด้หวงั หยังน�ำเนาะ” (สัมภาษณ์วา่ ท่ีผ้สู มคั ร ส.ส., 2562) ซ่ึงจากค�ำให้สัมภาษณ์ได้สอดคล้องกับการให้ข้อมูลของส�ำนักงานคณะกรรมการการเลือกต้ังจังหวัด กาฬสนิ ธ์ุที่แสดงวา่ การเลือกต้ังในปี 2562 พนื้ ทจ่ี งั หวดั กาฬสินธุ์ทง้ั 5 เขตเปน็ ไปดว้ ยความเรยี บรอ้ ย ผู้รับเลือกตั้งทุกพรรคการเมืองเคารพกฎหมายและกติกาทางการเมือง อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจาก การสมั ภาษณถ์ งึ พฤตกิ รรมของผรู้ บั สมคั รสว่ นใหญม่ ที ศิ ทางไปในทศิ ทางเดยี วกนั คอื ทกุ คนปฏบิ ตั ติ ามกฎหมาย การเลอื กต้ังท้งั หมด 4.2.2 พฤตกิ รรมแบบลับ นอกเหนอื จากการพฤตกิ รรมของผรู้ บั สมคั รเลอื กตงั้ ทมี่ พี ฤตกิ รรมการแสดงออกตามกฎหมายทเ่ี ปน็ ไป ในทศิ ทางทเ่ี ปดิ เผยนน้ั พฤตกิ รรมอกี หนงึ่ อยา่ งทแ่ี สดงใหเ้ หน็ วา่ ในการเลอื กตง้ั 2562 พน้ื ทจ่ี งั หวดั กาฬสนิ ธม์ุ กี าร เปดิ เผยจากประชาชนวา่ มกี ารซอ้ื สทิ ธขิ์ ายเสยี งกนั ในพน้ื ท่ี รวมถงึ การใชห้ วั คะแนนในการแจกเงนิ กบั ประชาชน เกิดข้ึนด้วย (สัมภาษณ์ประชาชนในเขตเลือกต้ังท่ี 1 และเขต 5 จังหวัดกาฬสินธุ์, 2562) ผู้รับสมัครเลือกต้ังยัง มีพฤตกิ รรมในการใสร่ ้ายปา้ ยสี การพูดกระทบฝา่ ยตรงข้าม ดงั ค�ำให้สัมภาษณ์ของว่าทีผ่ ู้สมัคร ส.ส. ความว่า
84 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดกาฬสินธุ์ “สำ� หรบั นกั การเมอื งแลว้ มนั เฮด็ ไดท้ กุ อยา่ งครบั บางคนกะเฮด็ ดา่ จะของใหเ้ ขาอโิ ตน กะมี แตก่ อ่ นแฮงมกี ารเอาโลงศพมาแกใ่ สร่ ถหาเสยี งและเปดิ ทอรนกี นั แสงพนุ้ มนั เกนิ ไปครบั บางคร้ังนักการเมืองไม่น่ารักเลย มักด่ากันกะมีข้อร้องเรียนหลาย ๆ มา เด็กน้อยทุกมื้อนิ บ่ค่อยมีความอดทน กะบ่รู้ว่าต่อไปนิเขาสิอยู่กันแบบได๋ ชีวิตการครองเรือนสิเป็นแบบได๋ ส.ส. กะเอาแตค่ รมู าทงั้ เมดิ ทกุ วนั นก้ี ารทจ่ี ะเปน็ นกั การเมอื งควรเอาเดก็ นอ้ ยมานง่ั ฟงั ปราศรยั ” (สมั ภาษณ์ว่าทผ่ี สู้ มคั ร ส.ส., 2562) จากค�ำใหส้ มั ภาษณข์ า้ งตน้ แสดงใหเ้ หน็ วา่ ผรู้ บั สมคั รยงั มพี ฤตกิ รรมในทางลบั หลายอยา่ งทไี่ มเ่ ปดิ เผย ขอ้ มลู ทแ่ี ทจ้ รงิ ในแงข่ อง การซอ้ื สทิ ธขิ์ ายเสยี ง การจา้ งหวั คะแนนเมอ่ื มกี ารสอบถามถงึ ขอ้ มลู พฤตกิ รรมดงั กลา่ ว จะเป็นในลักษณะค�ำตอบที่ไม่สามารถตอบได้ หรือตอบว่าไม่รู้ และการเงียบในท่ีสุด อย่างไรก็ตาม ขัดแย้งกับ ค�ำให้สัมภาษณ์ของประชาชนที่บอกว่าตนเองได้รับเงินจ�ำนวน 500 บาท ต่อ 1 เบอร์ และเป็นที่น่าสังเกตว่า ประชาชน 1 คนจะไดร้ บั เงนิ จากหวั คะแนนไมเ่ กนิ 1 -2 เบอรเ์ ทา่ นนั้ เนอื่ งจากหวั คะแนนจะเปน็ ผทู้ ม่ี คี วามส�ำคญั ทีจ่ ะสามารถคาดเดาไดว้ า่ ใครจะลงคะแนนให้กบั ผสู้ มัครรายนน้ั หรอื ไม่ 4.3 บทบาทของหน่วยงานภาครัฐ บริษัทเอกชน องค์กรสาธารณะ และองคก์ รอนื่ ๆ ทเ่ี ขา้ มามบี ทบาททเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การเลอื กตง้ั สมาชกิ สภาผู้แทนราษฎรในเขตจังหวัดกาฬสินธุ์ หน่วยงานท่ีเข้ามามีบทบาทส�ำคัญในการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเขตจังหวัดกาฬสินธุ ์ สามารถแบ่งออกเป็น 2 บทบาทท่ีส�ำคัญคือ บทบาทผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหลักกับการเลือกตั้งตามกฎหมาย และ บทบาทผเู้ กีย่ วขอ้ งรองการเลือกตง้ั ในพ้ืนทจ่ี รงิ ดังรายละเอยี ดต่อไปน้ี 4.3.1 บทบาทผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหลกั กบั การเลอื กตัง้ ตามกฎหมาย การเลือกต้ัง เมื่อวันท่ี 24 มีนาคม 2562 ที่ผ่านมา มีคณะกรรมการการเลือกต้ัง หรือ กกต. ภายใต ้ การก�ำกับของรัฐบาลคณะรักษาความมั่นคงแห่งชาติ (คสช.) เป็นผู้ก�ำหนดหรือวางหลักการทั้งหมดเกี่ยวกับ การเลือกตั้งที่ผ่านมา เพ่ือท�ำหน้าท่ีควบคุมและด�ำเนินการจัดการเลือกตั้งให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม นอกจากน้ี การท�ำงานระดบั พน้ื ทจ่ี ะมคี ณะกรรมการการเลอื กตงั้ ประจ�ำเขตการเลอื กตง้ั และหนว่ ยทเ่ี ลก็ ทสี่ ดุ คอื คณะกรรมการการเลือกต้ังประจ�ำหน่วยเลือกต้ัง ซ่ึงจะเป็นฟันเฟืองในการขับเคลื่อนการเลือกต้ังในทุกหน่วย เลอื กตง้ั ทว่ั ประเทศ ซงึ่ ก�ำหนดพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยการเลอื กตง้ั สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร พ.ศ. 2561 ก�ำหนดทม่ี าเจ้าพนักงานจัดการเลอื กตงั้ และบทบาทของคณะกรรมการประจ�ำหน่วยเลือกตง้ั ดงั น้ี
85 ในการเลือกตั้งแต่ละคร้ัง ให้คณะกรรมการมีอํานาจแต่งต้ังบุคคลเป็นเจ้าพนักงานผู้ดําเนินการ เลือกตงั้ ดังต่อไปน้ี (1) ผอู้ าํ นวยการการเลอื กตง้ั ประจาํ เขตเลอื กตงั้ หนง่ึ คน มหี นา้ ทเ่ี กยี่ วกบั การรบั สมคั รรบั เลอื กตง้ั แบบ แบง่ เขตเลอื กตง้ั และดาํ เนนิ กจิ การทจี่ าํ เปน็ เกย่ี วกบั การเลอื กตง้ั ใหเ้ ปน็ ไปตามพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู นี้ (2) คณะกรรมการการเลือกตั้งประจําเขตเลือกต้ังไม่น้อยกว่าสามคน มีหน้าท่ีเก่ียวกับการกําหนด หน่วยเลือกต้ัง ที่เลือกต้ัง การจัดทําบัญชีรายช่ือผู้มีสิทธิเลือกต้ัง การเพ่ิมชื่อ และการถอนช่ือผู้มีสิทธิเลือกต้ัง ในเขตเลือกต้ัง รวมท้ังมีหน้าท่ีกํากับดูแลการออกเสียงลงคะแนน การนับคะแนน และการประกาศผลการนับ คะแนนการแต่งตง้ั และการพ้นจากตาํ แหนง่ ของผู้อาํ นวยการการเลอื กตั้งประจาํ เขตเลือกตั้งและคณะกรรมการ การเลือกต้ังประจําเขตเลือกตั้ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการท่ีคณะกรรมการกําหนดเพื่อประโยชน์ใน การดาํ เนนิ การเลือกต้ัง ให้คณะกรรมการมอี ํานาจแตง่ ตั้งหรือมอบหมายให้ผูอ้ ํานวยการการเลือกตั้งประจาํ เขต เลือกต้งั หรือคณะกรรมการการเลือกตั้งประจาํ เขตเลอื กต้งั แตง่ ต้ัง คณะอนุกรรมการ คณะบุคคล หรือบุคคลใด เป็นผชู้ ว่ ยเหลือการปฏบิ ตั ิงานในการเลอื กตง้ั ไดต้ ามสมควร การใดทเ่ี ปน็ หนา้ ทแ่ี ละอาํ นาจของผอู้ าํ นวยการการเลอื กตงั้ ประจาํ เขตเลอื กตง้ั หรอื คณะกรรมการ การเลอื กตงั้ ประจาํ เขตเลอื กตง้ั คณะกรรมการจะออกระเบยี บใหผ้ อู้ าํ นวยการการเลอื กตง้ั ประจาํ เขตเลอื กตงั้ หรอื คณะกรรมการการเลอื กตงั้ ประจาํ เขตเลอื กตง้ั มอี าํ นาจมอบหมายใหค้ ณะอนกุ รรมการ คณะบคุ คลหรอื บคุ คลตาม วรรคสามทาํ หนา้ ทแี่ ทนกไ็ ด้ ในกรณเี ชน่ นน้ั การดาํ เนนิ การ การแจง้ หรอื การยน่ื ทก่ี ระทาํ ตอ่ ผซู้ ง่ึ ไดร้ บั มอบหมาย ให้ถือว่าเป็นการดําเนินการ แจ้ง หรือได้ย่ืนต่อผู้อํานวยการการเลือกต้ังประจําเขตเลือกต้ังหรือคณะกรรมการ การเลือกต้งั ประจําเขตเลือกตง้ั แล้ว คณะกรรมการประจำ�หนว่ ยเลอื กตัง้ มีหน่วยละ 5 คน ในวันเลือกต้ังเม่ือไปถึงหน่วยเลือกต้ังเราจะพบกับ “กกต.ประจ�ำหน่วยเลือกตั้ง” ตาม พ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ก�ำหนดว่า กกต.ประจ�ำหน่วยฯ มาจากการแต่งตั้งของ กกต.ประจ�ำเขตเลือกตั้ง โดยแต่งต้ังมาจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งหน่วยละห้าคน ยกเว้นในหน่วยเลือกต้ังขนาดใหญ่ ท่ีมีผู้มีสิทธิเลือกต้ัง ตง้ั แต่ 800 คนข้นึ ไป กกต.ประจ�ำเขตฯ สามารถแต่งตัง้ กกต.ประจ�ำหนว่ ยฯ เพม่ิ ได้ แต่ตอ้ งเปน็ ไปตามท่ี กกต. ก�ำหนด ทุกหน่วยเลอื กตัง้ ต้องมีเจ้าหนา้ ทร่ี กั ษาความปลอดภยั 1 คน ส�ำหรับหน้าท่ีของ กกต. ประจ�ำหน่วยเลือกต้ังท้ังห้าคน ตามมาตรา 19 (1) ของ พ.ร.ป.ว่าด้วย การเลือกต้ัง ส.ส.ฯ ก�ำหนดว่า กกต.ประจ�ำหน่วยฯ มีหน้าที่เก่ียวกับการออกเสียงลงคะแนนในท่ีเลือกต้ังและ นับคะแนนของหน่วยเลือกต้ังแต่ละแห่ง นอกจากน้ี มาตรา 19 (2) ยังก�ำหนดให้มีการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่รักษา ความปลอดภยั ประจ�ำหนว่ ยเลอื กตง้ั ดว้ ยหนงึ่ คน ซงึ่ แตง่ ตง้ั จากเจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั เพอ่ื ทาํ หนา้ ทร่ี กั ษาความปลอดภยั และสนับสนุนการปฏิบตั หิ น้าทข่ี องคณะกรรมการประจําหนว่ ยเลอื กต้ัง
86 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยปกติแล้วเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจ�ำหน่วยเลือกตั้งน้ัน กกต. ประจ�ำเขตมักจะ มอบหมายให้เป็นหน้าท่ีของเจ้าหน้าที่ต�ำรวจซ่ึงเป็นผู้มีสิทธิเลือกต้ังในพื้นที่ แต่ก็ไม่มีข้อห้ามส�ำหรับเจ้าหน้าที่ รัฐอ่ืน ๆ แต่อยา่ งใด กรรมการประจำ�หน่วยไมค่ รบ 5 คน ให้ กกต. ประจำ�เขตแตง่ ตัง้ ให้ครบ ในกรณที มี่ เี หตอุ นั ท�ำใหม้ กี รรมการประจ�ำหนว่ ยเลอื กตงั้ ไมค่ รบหา้ คน พ.ร.ป.วา่ ดว้ ยการเลอื กตงั้ ส.ส. ก�ำหนดให้ กกต.ประจาํ เขตฯ แตง่ ตง้ั ผมู้ สี ทิ ธเิ ลอื กตง้ั เปน็ กรรมการประจ�ำหนว่ ยฯ แตก่ ฎหมายไมไ่ ดก้ �ำหนดวา่ “ผู้มีสิทธิเลือกต้ัง” จะมีความหมายเฉพาะผู้มีสิทธิเลือกตั้งในหน่วยเลือกต้ังหรือในเขตเลือกต้ังน้ัน ๆ เท่านั้น ด้วยเหตุน้ีผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะครอบคลุมถึงผู้มีสิทธิเลือกตั้งทุกคนในประเทศไทย ท่ีอาจถูกแต่งตั้งให้เป็น กกต. ประจําหนว่ ยแทนฯ โดยเงื่อนไขสี่ประการ คือ 1. ก่อนวันเลือกต้ัง หาก กกต.ประจําหน่วยฯ จ�ำนวนไม่ครบจํานวนห้าคนไม่ว่าด้วยเหตุใด ให้ กกต.ประจาํ เขตฯ แตง่ ต้งั ผมู้ ีสิทธเิ ลือกตั้ง เปน็ กกต.ประจําหน่วยฯ ใหค้ รบจาํ นวน 2. ในวนั เลอื กตง้ั ถา้ ถงึ เวลาแตเ่ ปดิ การออกเสยี งลงคะแนนแลว้ มี กกต.ประจาํ หนว่ ยฯ มาปฏบิ ตั ิ หนา้ ทไ่ี มค่ รบจาํ นวน แตม่ าไมน่ อ้ ยกวา่ กง่ึ หนง่ึ ของ กกต.ประจาํ หนว่ ยฯ ให้ กกต.ประจาํ หนว่ ยฯ ทมี่ าปฏบิ ตั หิ นา้ ที่ ดงั กลา่ วปฏบิ ตั หิ นา้ ทไ่ี ด้ และให้ กกต.ประจาํ หนว่ ย ทม่ี าปฏบิ ตั หิ นา้ ทอี่ ยใู่ นขณะนนั้ รายงานตอ่ กกต. ประจาํ เขตฯ เพอื่ แต่งตงั้ บคุ คลเพิ่มเตมิ ใหค้ รบจํานวนกอ่ นการนับคะแนน 3. ในกรณีที่ กกต.ประจําหน่วยฯ มาปฏิบัติหน้าท่ีไม่ถึงก่ึงหนึ่ง ให้ กกต.ประจําหน่วยฯ ท่ีมา ปฏิบตั หิ นา้ ท่อี ยูใ่ นขณะนนั้ รายงานต่อ กกต.ประจาํ เขตฯ เพือ่ รบี แต่งต้งั บคุ คลให้ครบจํานวน 4. ในกรณีที่ไม่มี กกต.ประจําหน่วยฯ มาปฏิบัติหน้าที่เลย ให้ กกต.ประจําเขตฯ แต่งต้ัง บุคคลเป็นกรรมการประจําหน่วยฯ เพ่ือปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยเลือกตั้งน้ัน การแต่งตั้งและการปฏิบัติหน้าท่ีของ กกต.ประจําหน่วยฯ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์วิธีการ และเง่ือนไขท่ี กกต.กลางกําหนด ให้ กกต. ประจ�ำเขตฯ ตรวจสอบ กกต. ประจ�ำหน่วยฯ การตรวจสอบ กกต.ประจ�ำหน่วยฯ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ฯ ก�ำหนด ไว้ในสองกรณี กรณี 1 ในมาตรา 19 หาก กกต.,กกต.ประจ�ำเขตฯ หรือผตู้ รวจการเลือกต้ัง พบเห็น กกต. ประจ�ำหนว่ ยเลอื กตงั้ หรอื เจา้ หนา้ ทรี่ กั ษาความปลอดภยั กระท�ำผดิ กฎหมายวา่ ดว้ ยการเลอื กตงั้ ส.ส. หรอื กระท�ำ การใดที่ท�ำให้การเลือกต้ังไม่สุจริตและเที่ยงธรรม ให้รายงานต่อ กกต. ทันที และให้ กกต. มีอ�ำนาจสั่งเปล่ียน กรรมการประจ�ำหน่วยฯ หรอื เจ้าหนา้ ท่ีรกั ษาความปลอดภัยได้ กรณี 2 ในมาตรา 22 ในกรณีท่ีมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่า กกต.ประจ�ำหน่วยฯ ผู้ใดขาดประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ หรือละทิ้งหน้าที่ หรือไม่ยอมปฏิบัติหน้าที่ ให้ กกต. มีอํานาจสั่งให้ผู้น้นั พน้ จากการปฏิบัตหิ น้าทไี่ ด้
87 ส�ำนักงานคณะกรรมการการเลือกต้ังจังหวัดกาฬสินธุ์ได้เตรียมความพร้อมในการเลือกตั้ง โดยการตงั้ ปา้ ยใหผ้ สู้ มคั ร ส.ส ส�ำหรบั ตดิ ประชาสมั พนั ธใ์ นแตล่ ะหมบู่ า้ น แตล่ ะชมุ ชน มกี ารรณรงคแ์ ละใหค้ วามร ู้ เกี่ยวกับการเลือกต้ังร่วมกับหน่วยงานราชการต่าง ๆ เจ้าหน้าที่และคณะกรรมการประจ�ำหน่วยเลือกต้ังท้ัง 1,590 หน่วย ใน 18 อ�ำเภอ ของ จ.กาฬสินธุ์ ได้ท�ำการปิดหีบเลือกต้ัง พร้อมท้ังจัดเตรียมอุปกรณ์ไว้ส�ำหรับ นบั คะแนนในแตล่ ะหนว่ ยพรอ้ มกนั กอ่ นทจ่ี ะสง่ ผลคะแนนเขา้ ไปยงั ศนู ยอ์ �ำนวยการการเลอื กตงั้ ประจ�ำแตล่ ะเขต และส่งไปยัง กกต.กาฬสินธุ์ ขณะท่ีบรรยากาศที่ส�ำนักงานคณะกรรมการการเลือกต้ังประจ�ำ จ.กาฬสินธุ์ ซง่ึ ใชเ้ ปน็ ศนู ยป์ ระสานงานการเลอื กตง้ั ส.ส.กาฬสนิ ธ์ุ นายไกรสร กองฉลาด ผวจ.กาฬสนิ ธ์ุ พล.ต.ต. ทนิ ณะรตั น ์ เพ็ชรพันธ์ศรี ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ นายชาญชัย ศรศรีวิชัย ปลัด จ.กาฬสินธุ์ ยังเฝ้าสังเกตการณ์ โดยม ี เจ้าหน้าที่ กกต.กาฬสินธุ์ เจ้าหน้าท่ีฝ่ายปกครอง และต�ำรวจคอยรับแจ้งเหตุ และรอรับผลคะแนน โดยยังคงมี กองก�ำลังเจา้ หนา้ ที่ชดุ เคลื่อนที่เรว็ ไวอ้ อกตรวจสอบเหตุตลอดช่วงของการนับคะแนนอีกดว้ ย “การเลือกตั้งในช่วงเช้าที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ปิดหีบและเริ่มนับคะแนนเป็นไปด้วย ความเรียบร้อยทุกหน่วยเลือกต้ังเบ้ืองต้นยังไม่พบปัญหาการร้องเรียน มีเพียงหน่วยเลือกตั้ง กรณีเหตุการณ์ท่ีมีหญิงรายหน่ึง ฉีกบัตรเลือกต้ังในหน่วยเลือกต้ังท่ี 38 เขตเลือกต้ังท่ี 1 ภายในโรงเรยี นเซนตย์ อแซฟกาฬสนิ ธุ์ อ.เมือง จ.กาฬสินธ์ุ โดยอ้างวา่ กาผดิ เบอร์ จงึ ฉกี บตั ร เพ่ือท่ีจะน�ำไปเปล่ียนบัตรมากาใหม่ ซึ่งไม่มีเจตนาที่จะฉีกบัตรเลือกต้ัง และไม่ทราบว่าเป็น การผดิ กฎหมายนนั้ เจา้ หนา้ ทต่ี ำ� รวจไดแ้ จง้ ขอ้ หากระทำ� ดว้ ยประการใด ๆ ใหบ้ ตั รเลอื กตงั้ ชำ� รดุ หรือเสียหายให้เป็นบัตรเสีย และน�ำตัวส่งพนักงานสอบสวนด�ำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป” (ผอู้ �ำนวยการส�ำนักงานคณะกรรมการการเลือกตงั้ ประจ�ำ จ.กาฬสนิ ธ,์ุ 2562) จากข้อมูลข้างต้นแสดงให้เห็นว่า ส�ำนักงานคณะกรรมการการเลือกต้ังประจ�ำ จ.กาฬสินธุ์ได้ม ี การเตรียมความพร้อมในทั้งเชิงรุกเชิงรับโดยการเตรียมพร้อมการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นอย่างพร้อมเพรียงและ มกี ารเตรียมความพร้อมในกรณที ่ีมีข้อรอ้ งเรยี นและการท�ำผดิ กฎหมายการเลือกต้ังด้วย 4.3.2 บทบาทผูเ้ กย่ี วข้องรองกบั การเลอื กต้งั ในพ้นื ทีจ่ ริง การเคล่ือนไหวของหน่วยงานองค์กรต่าง ๆ ที่เข้ามามีส่วนส�ำคัญในการด�ำเนินการเลือกตั้งในพื้นท่ี จังหวัดกาฬสินธุ์ ส่วนใหญ่จะเป็นการด�ำเนินการตามกฎหมาย โดยมีองค์กรท่ีเกี่ยวข้องได้ด�ำเนินการตามกรอบ ท่ีกฎหมายก�ำหนด อย่างไรก็ตาม ในพ้ืนที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ได้มีองค์กรอ่ืนนอกเหนือจากองค์กรหลักได้เข้ามา มีส่วนเคลอ่ื นไหวส�ำคญั ดงั นี้ 1) มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ ซ่ึงเป็นมหาวิทยาลัยเพียงแห่งเดียวในพ้ืนที่จังหวัดกาฬสินธุ์ที่เคล่ือนไหว เกี่ยวกับการรณรงค์การออกไปใช้สิทธ์ิเลือกตั้งโดยผ่านสาขาวิชารัฐศาสตร์ และสาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ ซึ่งสอนเกี่ยวกับการเมืองและการบริหารงานสาธารณะ อย่างไรก็ตาม ด้วยนโยบายการวางตัวเป็นกลางของ มหาวิทยาลัย กิจกรรมที่เกิดขึ้นจึงเป็นเพียงการรณรงค์ในพ้ืนที่เพียงเล็กน้อยภายในมหาวิทยาลัยเท่าน้ัน
88 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดกาฬสินธุ์ แต่อย่างไรก็ตาม พ้ืนที่ทางสื่อสังคมออนไลน์ในกลุ่มมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ถือเป็นช่องทางท่ีมีความคึกคักมาก จากการตนื่ ตวั ทางการเมอื งของผมู้ สี ทิ ธเิ์ ลอื กตงั้ ครงั้ แรกทเ่ี ปน็ นกั ศกึ ษา ไดม้ กี ารแสดงความคดิ เหน็ ทางการเมอื ง กันอย่างแพร่หลายและส่วนใหญ่เป็นรูปแบบเดียวกันคือการสนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ ซ่ึงเป็นพรรคที่ได้รับ กระแสนยิ มจากผมู้ สี ิทธิ์เลือกตั้งใหม่ทุกคน การเคลอื่ นไหวขององคก์ รตา่ ง ๆ ในพน้ื ทจี่ งั หวดั กาฬสนิ ธม์ุ คี อ่ นขา้ งนอ้ ยมาก แมก้ ระทงั่ ในองคก์ ร ที่เป็นองค์กรไม่แสวงผลก�ำไรต่าง ๆ ท่ีได้ปรับเปลี่ยนบทบาทไปเป็นผู้สมัครรับเลือกต้ังเอง ท�ำให้หน่วยงานท่ี เคลือ่ นไหวในพนื้ ทจ่ี ังหวัดกาฬสนิ ธุ์จงึ ถกู จ�ำกัดอยใู่ นเฉพาะหนว่ ยงานภาครัฐท่ีเกีย่ วขอ้ งเทา่ นน้ั 4.4 การเปลี่ยนของพฤติกรรมทางการเมือง แบบแผนพฤติกรรม ทางการเมืองของประชาชน และกลุ่มการเมือง ในส่วนท่ีเกี่ยวข้องกับ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในจังหวัดกาฬสินธุ์ แบบแผนพฤติกรรมทางการเมืองของประชาชนเร่ิมมีการพลิกผันเม่ือปี พ.ศ. 2544 เมื่อพรรค ไทยรักไทยได้ เสนอนโยบาย “ประชานิยม” ซ่ึงถือว่าเป็นมิติใหม่ของพรรคการเมืองไทย ท่ีได้น�ำนโยบายมาชู เปน็ ประเดน็ หลักในการหาเสียง โดยเปน็ นโยบายท่ีมุ่งเน้น เขา้ ถงึ และโดนใจประชาชนคนชนช้นั ลา่ ง คนยากจน ตลอดจนเกษตรกรในชนบท ซงึ่ เปน็ ประชาชนสว่ นใหญข่ องประเทศ นโยบายประชานยิ มเปน็ ความคดิ การไดร้ บั การสนบั สนนุ จากประชาชน คนยากคนจน หรอื กลมุ่ คนธรรมดา นโยบายทก่ี ลา่ วมานนั้ ไดแ้ ก่ การพกั หนเี้ กษตรกร นโยบาย 30 บาท รกั ษาทกุ โรค กองทนุ หมบู่ า้ น หมบู่ า้ นละหนง่ึ ลา้ นบาท บา้ นเออ้ื อาทร เปน็ ตน้ จากนโยบายดงั กลา่ ว พรรคไทยรักไทยจึงได้รับการเลือกตั้งได้คะแนนเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร พรรคไทยรักไทยจึงได้เป็น แกนน�ำในการจดั ตง้ั รฐั บาลข้ึนเป็นรัฐบาลผสม และการเลือกต้ังในวาระท่ี 2 ในปี พ.ศ. 2548 ผ้สู มัครของพรรค ไทยรักไทยก็ได้รับเลือกตั้งเข้ามาอย่างถล่มทลายเกินครึ่งหน่ึงของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรด้วยจ�ำนวนท่ีน่ัง ในสภาผู้แทนราษฎรถงึ 377 ทนี่ ่งั (Office of the Election Commission of Thailand, 2001) แต่ในขณะ เดียวกันเร่ิมมีเสียงคัดค้านจากนักวิชาการ กลุ่มองค์กรต่าง ๆ มากข้ึนถึงความไม่ชอบมาพากลของคนในรัฐบาล ภายใต้การน�ำของพรรคไทยรักไทย ซึ่งมีรูปแบบเฉพาะท่ีเรียกว่า “ทักษิณา-ประชานิยม” (Laothamatas, 2006) จากทก่ี ลา่ วมาขา้ งตน้ พอจะเหน็ ไดว้ า่ นโยบายเรม่ิ เขา้ มามบี ทบาทในการตดั สนิ ใจในการใชส้ ทิ ธเิ ลอื กตงั้ ของ คนไทย จะเห็นไดจ้ ากผลการเลือกตงั้ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร ปี พ.ศ. 2544 ปี พ.ศ. 2548 จนถึงการเลือกต้ัง ปี พ.ศ. 2554 พรรคการเมอื งทเี่ นน้ นโยบายประชานยิ มจะชนะการเลอื กตงั้ เสมอ จะตา่ งจากเดมิ ทเี่ ลอื กตามระบบ อปุ ถมั ภห์ รอื เลอื กตวั บคุ คล ไมส่ นใจพรรคการเมอื ง ตอ่ มาเมอื่ ประชาชนเรม่ิ ใหค้ วามสนใจตอ่ นโยบาย โดยเฉพาะ นโยบายประชานิยม ซึ่งประชาชนมีความเชื่อว่าเขาจะได้รับประโยชน์หรือเข้าถึงการบริการของรัฐได้โดยตรง แม้กระทง่ั ในปจั จบุ นั นโยบายของคณะรกั ษาความสงบแห่งชาติ ภายใตก้ ารน�ำของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นโยบายประชารัฐ เข้ามาบริหารประเทศด้วยส�ำหรับการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดกาฬสินธุ์ ในครง้ั น้ดี ้วย
89 ในการเลือกตั้งในจังหวัดกาฬสินธุ์คร้ังเม่ือปี พ.ศ. 2554 ได้มีการแบ่งเขตเลือกต้ังออกเป็น 6 เขต ไม่ว่าจะเป็นเขตในเมืองที่มีชนชั้นกลางหรือเขตชนบทท่ีมีกลุ่มเกษตรกรเป็นคนส่วนมาก ซ่ึงมีความแตกต่างท้ัง อาชีพ การศึกษา วิถีชีวิต แต่ผลการเลือกตั้งปรากฏว่า พรรคเพ่ือไทยก็ได้รับชัยชนะการเลือกตั้งมาโดยตลอด จึงท�ำให้เกิดผลกระทบจากนโยบายเกิดขึ้น จากเหตุผลท่ีกล่าวมาทั้งหมดข้างต้นจะเห็นได้ค่อนข้างชัดเจนว่า ความต้องการหรือความคาดหวังของประชาชนในเขตพ้ืนที่ท่ีอยู่ในสังคมต่างจังหวัด โดยเฉพาะเขตพื้นท่ีใน ภาคอีสานและประชาชนที่มีถิ่นท่ีอยู่ในชนบทหรือชนชั้นกลาง ยังต้องการดูแลหรือการช่วยเหลือจากภาครัฐ โดยเห็นเป็นท่ีประจักษ์ที่สะท้อนจากผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ในเขตเลือกตั้งท่ี 6 จังหวัด กาฬสนิ ธุ์ พรรคเพ่อื ไทยเปน็ ผชู้ นะการเลือกตั้ง ซงึ่ เหน็ ได้ว่า เมื่อประชาชนเหล่าน้นั มโี อกาสทีจ่ ะใชส้ ทิ ธเิ ลอื กตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ในช่วงของการหาเสียงการเลือกตั้งของผู้สมัครรับเลือกต้ัง หากพรรคการเมือง ได้มีขอ้ มลู ในเชงิ นโยบายทม่ี ุ่งเยยี วยาและเสรมิ สรา้ งพัฒนาคณุ ภาพชวี ติ ของประชาชนในพื้นท่ี การเคล่ือนไหวทางสังคมในรูปแบบใหม่ มีหลากหลายในการเคล่ือนไหว ซ่ึงแบ่งออกเป็น 2 แบบ กลมุ่ เคลอื่ นไหวมที มี่ าจากการเสยี ผลประโยชน์ และกลมุ่ ขบวนการเคลอ่ื นไหวทางสงั คมใหมท่ มี่ าจากอดุ มการณ์ รูปแบบในการเคลื่อนไหวในพ้ืนที่จังหวัดกาฬสินธุ์ในอดีต คือ มีการเดินประท้วง ติดป้ายประกาศ ย่ืนหนังสือ ข้อเรียกรอ้ ง เดินขบวน ท�ำประชาคม จัดเวที และใชส้ ือ่ ทางสงั คมในการคดั คา้ นโครงการต่าง ๆ โดยมีเป้าหมาย อดุ มการณ์ วตั ถปุ ระสงค์ และผลประโยชนข์ องกลมุ่ ขบวนการเคลอื่ นไหว โดยในอดตี กลมุ่ เคลอื่ นไหวทางการเมอื ง ในพ้ืนท่ีจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้กระจายอยู่ในพ้ืนที่ทั่วจังหวัดกาฬสินธุ์ จนพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ได้เกิด “หมู่บ้าน เสอ้ื แดง” “หมบู่ า้ นนปช.” “แดงยกจงั หวดั ” ซง่ึ แสดงใหเ้ หน็ ชดั เจนวา่ ภมู หิ ลงั ทางการเมอื งของจงั หวดั กาฬสนิ ธ์ุ เป็นพ้นื ท่ีของกลุ่มคนทีเ่ รยี กตวั เองว่า รักประชาธปิ ไตย พฤตกิ รรมการเมอื งของประชาชนในพน้ื ทจ่ี งั หวดั กาฬสนิ ธ์ุ สามารถแสดงไดจ้ าก 1. ความรคู้ วามเขา้ ใจ ทางการเมืองของประชาชน 2. ความเชื่อ 3. วัฒนธรรมทางการเมอื ง ดังรายละเอียดตอ่ ไปนี้ 1. ความรคู้ วามเข้าใจทางการเมืองของประชาชน ประชาชนในพ้ืนที่จังหวัดกาฬสินธุ์ส่วนใหญ่เข้าถึงข่าวสารทางการเมืองในช่วงข่าวภาคค่�ำ ซ่ึงเป็น ช่วงเวลาที่เปิดโทรทัศน์ไว้จากช่องโทรทัศน์หลัก อย่างไรก็ตาม ในระยะเวลา 5 ปีย้อนหลัง ประชาชนเกือบ ทุกหลังคาเรือนได้มีการติดตั้งดาวเทียมและกล่องทีวีดิจิตัลจากรัฐบาล ซึ่งเป็นช่องทางหลักท่ีท�ำให้การเข้าถึง ขา่ วสารทางการเมอื งมชี อ่ งทางเพม่ิ มากขนึ้ อยา่ งไรกต็ าม พฤตกิ รรมการรบั รขู้ า่ วสารนนั้ ไดเ้ ปน็ ตวั ก�ำหนดขอ้ มลู ทางการเมืองท่ีส�ำคัญ เพราะประชาชนที่มีพ้ืนฐานชอบกลุ่มใด จะเลือกรับรู้ข้อมูลข่าวสารเฉพาะช่องทางท ี่ ตนเองเลอื กและไมเ่ ปดิ รบั ขา่ วสารชอ่ งทางอน่ื นค่ี อื ปจั จยั หลกั ทสี่ ง่ ผลตอ่ การรบั รขู้ อ้ มลู ทางการเมอื ง นอกจากน ี้ การหนั เขา้ มาเลน่ สอื่ สงั คมออนไลนม์ ากขน้ึ ท�ำใหป้ ระชาชนไดร้ บั ขอ้ มลู ทหี่ ลากหลาย หลายครง้ั ทก่ี ารถกเถยี งถงึ ขา่ วสารท่สี ่งมาเป็นความจริงหรือไมก่ ันมากข้ึนในประเดน็ ทางการเมืองน้ี
90 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดกาฬสินธุ์ การตัดสินใจเลือกตั้งในระดับท้องถิ่นญาติจะมาก่อน พรรคพวกรองลงมา ถ้าญาติกับพรรคพวก มเี ทา่ ๆ กนั เงนิ จะมบี ทบาทตอ่ การเลอื กตง้ั โดยทพี่ รรคการเมอื งจะเปน็ ฐานรองรบั ใหง้ า่ ยขนึ้ คนชนั้ กลางจะเปน็ ตวั แปรของการเลอื กตงั้ คณุ สมบตั ผิ สู้ มคั ร เชน่ วฒุ กิ ารศกึ ษา ความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ มบี ทบาทนอ้ ย ในการตัดสินใจเลือกต้ัง ในระดับชาติจะเลือกพรรคเพราะมีโอกาสเป็นรัฐบาล มีลักษณะท้องถิ่นนิยม “รักแล้วรักเลย” ไม่เปลี่ยนแปลง แม้จะมีข้อบกพร่องบ้างก็ไม่ว่า สืบต่อยาวนานจนกลายเป็นอัตลักษณ์ทาง การเมืองของจงั หวดั กาฬสนิ ธ์ดุ ้วย 2. ความเชอ่ื พฤติกรรมการเมืองของประชาชนในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ที่ถูกมองผ่านวาทะกรรม “โง่ จน เจ็บ” ในความเป็นจริงเชิงพ้ืนท่ีแล้ว นักวิชาการส่วนใหญ่ได้มองว่า การซื้อสิทธ์ิขายเสียงท่ีเกิดข้ึน เป็นปัจจัยส�ำคัญ ทสี่ ง่ ผลตอ่ การชนะการเลอื กตง้ั ในเขตพนื้ ทจี่ งั หวดั กาฬสนิ ธ์ุ ดว้ ยความเชอื่ ทป่ี ลกู ฝงั อยกู่ บั ชาวอสี านเปน็ เวลานาน ซึ่งเช่ือเร่ืองบาปบุญคุณโทษ การรับปาก ความซ่ือสัตย์ต่อค�ำพูด ความสงสาร การรับเงินและต้องต่างตอบแทน เกิดขึ้นมากในสังคมประชาชนจังหวัดกาฬสินธุ์ในอดีต โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุท่ีมีความผูกพันกับความเชื่อ อย่างมาก ความเชื่อดังกล่าวได้ส่งผลต่อพฤติกรรมส�ำคัญที่ท�ำให้คะแนนเสียงจากการเลือกต้ังในส่วนหนึ่ง ถกู ครอบง�ำโดยความเช่ือท่ีเกดิ จากการรบั เงนิ การรบั ปาก การรักษาค�ำพดู และผลประโยชนต์ ่างตอบแทน 3. พฤตกิ รรมทางการเมอื ง ส่วนใหญ่ประชาชนในพ้ืนท่ีจังหวัดกาฬสินธุ์เป็นกลุ่มที่มีวัฒนธรรมทางการเมืองทางการแบบไพร่ฟ้า (The subject political culture) ผสม วฒั นธรรมทางการเมอื งแบบมีสว่ นร่วม (The participant political culture) กลา่ วคอื ภมู หิ ลงั ความเปน็ จงั หวดั สแี ดงของกาฬสนิ ธ์ุ ท�ำใหค้ นในพนื้ ทจ่ี งั หวดั กาฬสนิ ธส์ุ ว่ นหนงึ่ เปน็ คน ทเี่ ขา้ ไปมสี ว่ นรว่ มในการแสดงออกทางการเมอื งแมว้ า่ จะดว้ ยเหตผุ ลของการรวมกลมุ่ ผา่ นผนู้ �ำชมุ ชน แตก่ ป็ ฏเิ สธ ไมไ่ ดว้ า่ ความจงรกั ภกั ดขี องประชาชนทตี่ อ่ คนและพรรค ในพนื้ ทจ่ี งั หวดั กาฬสนิ ธย์ุ งั มอี ยมู่ าก สง่ ผลในพฤตกิ รรม ทางการเมืองของประชาชนเป็นวัฒนธรรมการเมืองแบบมีส่วนร่วม แต่ทว่าการมีส่วนร่วมทางการเมืองเป็นการ มีส่วนร่วนร่วมด้วยเหตุผลที่เป็นปัจจัยส่วนบุคคล ความรักและผูกพันในพรรค ตัวผู้สมัคร แต่ประชาชนไม่ได้มี ความร้ทู างการเมอื ง และไมส่ นใจในการรับรขู้ ้อมูลข่าวสารทางการเมอื งของผสู้ มัครอ่ืนทต่ี นเองไม่ได้สนใจ
91 4.5 พฤติกรรมการใช้ทรัพยากรต่าง ๆ และมูลค่าของการใช้จ่าย ในส่วนท่ีเก่ียวข้องกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใน จังหวัดกาฬสินธุ์ พฤติกรรมการใช้ทรัพยากรต่าง ๆ ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรในพื้นท่ีจังหวัดกาฬสินธุ์ จากการ สัมภาษณ์ ผู้สมัครส่วนใหญ่ให้ข้อมูลไปในทิศทางเดียวกันคือ เป็นไปตามกฎหมายก�ำหนดคือ 1,500,000 บาท ต่อการหาเสียง โดยการให้ข้อมูลของผู้สมัครได้แสดงให้เห็นว่า ค่าใช้จ่ายในการหาเสียงเป็นไปในรูปแบบของ การท�ำส่อื โฆษณา การจา้ งรถแห่ ซง่ึ เปน็ ค่าใช้จา่ ยหลกั ปรากฏในค�ำใหส้ มั ภาษณค์ วามว่า “ค่าจ้างรถสปอตนี่ม้ือละ 100 ค่าจ้างอีก 500 เพราะฉะนั้นเฮาต้องตามเด้ เพราะเฮาจ้างมาแล้ว คือเฮามีคนของเฮาอยู่ทุกพ้ืนท่ีแมะค่ะ ถ้าเขาเห็นวิ่งบ่สมควรเขาสิโทร มาบอก ส่วนมากคนเก่ากะบ่เป็นปานได๋เพราะเขาอยู่น�ำเฮามาโดน แต่ส่วนมากท่ีเป็นกะสิ เป็นคนเก่า ๆ แรก ๆ เฮากะสปรีสโตโดน ๆ ม้ือไปมันกะเม่ือยตามสภาพของเขาน่ันหล่ะ ทนี ิเรื่องคน เรอื่ งพรรค ทกุ ๆ ที่ทเ่ี หน็ กะสมิ หี ัวคะแนนเนาะ สว่ นใหญ่เปน็ ผู้นำ� ชมุ ชน ผใู้ หญ่ บ้าน อบต. แต่มันแล้วแต่คนที่ลงสมัคร อย่างเช่นพรรคภูมิใจไทย ประชารัฐ เขาสิแล่นหา อสม. ก�ำนัน ผญ.บ้าน และท้องถิ่น ส�ำหรับแม่กะรู้แล้วว่าเขาเอาแล้ว แม่กะเอาไทยบ้าน เฮากะบอกคนในพนื้ ที่เลอื กหวั คะแนนหมบู่ ้านละ 10 คน หามา บางหมูบ่ ้านกะซ้�ำกัน ไปน�ำ ฉลองแน่น�ำบุญร่ืนแน่ แต่ว่าเฮากะให้รู้ไว้ เพราะว่าคนมันฉลาดข้ึน เม่ือฉลาดขึ้นมันกะมีได้ ทกุ อยา่ ง ฉลาดกะแกมโกง แนวทางการทำ� มาหากนิ ของคน เพราะฉะนน้ั มหี วั คะแนนยุ 10 คน มันกะเกิดช้อนอีก ท�ำเป็นการภายในบ่ให้เขารู้จัก บอกให้ติดตามเด้อว่ามันเฮ็ดให้เฮาบ่” (สัมภาษณว์ า่ ท่ผี ้สู มัคร ส.ส., 2562) นอกจากค่าใช้จ่ายในการท�ำป้ายโฆษณา การจ้างรถหาเสียงนั้น ยังมีการใช้จ่ายงบประมาณกับ ผู้น�ำชุมชน และมีการตรวจสอบค่าใช้จ่ายที่ได้ใช้ไปกับหัวคะแนนต่าง ๆ ด้วย ปรากฎในค�ำให้สัมภาษณ์ของ ว่าท่ผี ้สู มัคร ส.ส. ความว่า “มหี นว่ ยตรวจสอบอกี ตา่ งหากคะ่ บส่ นั้ บท่ นั เกมสเ์ ขา เฮากะโสเสยี เงนิ จา้ งเขา สมมติ ขั้นต�่ำ 10 คน ผลออกมาบางหมู่บ้าน รับเงินหมากาเพื่อไทย ส่วนแม่ในกรณีเดียวกันนิ แมต่ รวจสอบไดจ้ ง่ั ไดค๋ รบั วา่ มนั ไดต้ ามทเ่ี ฮากำ� หนดบ่ คอื เฮาตอ้ งฉลาดกวา่ เขา คอื แมก่ ะเฮด็ มา โดนเนาะ คณุ พ่อสงั ขท์ อง 7 สมยั สว่ นแมก่ ะ 6 สมยั แล้ว เพราะฉะนน้ั ฮูจ้ ักเมิดว่าคนมนั เป็น จ่ังได๋ ว่าไผจริงใจบ่จริงใจ บางคนอยู่น�ำเฮาบ่มีเงินเขากะไปหาเงิน ที่จริงพวกแม่เป็นคนบ่มี เงิน มาจากรากดินรากหญ้า ชาวนาเนาะ กะพากันไต่เต้าขึ้นมา ตั้แต่พ่อสังข์ทอง บ่เคยเสีย เงนิ จกั เทย่ี ทกุ ๆ สมยั พอมาสมยั สดุ ทา้ ย มาเสยี เงนิ 20 บาท พอเขามาขอกะให้ ตง้ั แต่ 2526 จนตายป่ะในต�ำแหนง่ ผู้แทน ใน พ.ศ. 2543 แมก่ ะลงพื้นที่ตอ่ เลย ตงั้ แต่ 44 คือต้องขยัน ๆ ข้ีค้านบ่ได้ ต้องขยันเว้าน�ำคนน�ำพี่น้อง ต้องยกมือไหว้ก่อนหมู่ ไหว้ไปเมิด บ่รู้จักกะต้อง เว้าน�ำเขา ตอนลงแรก ๆ แม่ต้องลงเรียนการเมืองพร้อมเด้ เขาสอนเมิด สอนฮอดปราศัย” (สมั ภาษณว์ ่าท่ผี ู้สมัคร ส.ส., 2562)
92 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดกาฬสินธุ์ อย่างไรก็ตาม ว่าท่ีผู้สมัคร ส.ส. ได้ให้ข้อมูลท่ีไม่สนับสนุนว่ามีการซื้อสิทธ์ิขายเสียงในพื้นท ่ี โดยให้ข้อมูลว่า การเลอื กตั้งปี 2562 การซอ้ื สิทธิ์ขายเสยี งคอ่ นขา้ งนอ้ ย ความว่า “พวี่ า่ การซอื้ สทิ ธ์ขิ ายเสียงไมเ่ ยอนะพ่ี ถ้ามีการซือ้ สิทธ์ิขายเสียง พรรคที่ชนะกจ็ ะแพ้ เงินตั้งเยอะใครจะมาลงทุนใคร ๆ ก็รู้อยู่แล้วว่ามันอยู่ได้ไม่นาน พรรคการเมืองไม่ได้ลงทุน เทา่ ไหรน่ ะ แต่คนกไ็ ปลอื กนั เฉย ๆ ” (สัมภาษณว์ ่าท่ผี ้สู มัคร ส.ส., 2562) โดยงบประมาณที่สนบั สนุนสว่ นใหญ่ของพรรค จะสนบั สนนุ ในลกั ษณะการแบง่ เกรดของผสู้ มคั ร “เขาจะแบ่งเกรดนะมีเกรด A เกรด B เกรด C เหมือนถา้ เขาหวังมาก เขาก็จะช่วยสงู มีโอกาสสูง และในส่วนของกาฬสนิ ธ์เุ รา จรงิ ๆ พรรคกไ็ ม่ได้ชว่ ยเยอะหรอก แตก่ ็มีชว่ ยบ้าง ภาพโปสเตอรโ์ ฆษณา” (สัมภาษณ์ว่าท่ผี ้สู มัคร ส.ส., 2562) จากการเก็บรวบรวมขอ้ มูลแสดงให้เห็นวา่ ผู้รับสมคั รทุกคนพยายามทีจ่ ะแสดงใหเ้ ห็นว่า งบประมาณ ท่ีใช้ในการเลือกต้ังน้ันอยู่ในวงเงินที่กฎหมายก�ำหนด และส่วนหนึ่งได้งบประมาณมาจากการสนับสนุน ของพรรค ซ่ึงลักษณะการสนับสนุนของพรรคการเมืองจะมีการสนับสนุนแบ่งเป็นเกรด ตามความคาดหวังของ คณะกรรมการบริหารพรรค 4.6 เพอื่ ศกึ ษาการเปลยี่ นแปลงของขวั้ อำ� นาจทางการเมอื ง การยา้ ย พรรคการเมือง และปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจทางการเมือง 4.6.1 การเปลีย่ นแปลงขว้ั อ�ำนาจทางการเมอื งและการยา้ ยพรรค การย้ายพรรคการเมืองของผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจังหวัดกาฬสินธุ์ เรื่อง ย้ายพรรคการเมืองเกิดขึ้นทุกครั้งที่มีการเลือกต้ัง โดยเฉพาะเม่ือรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 บัญญัติไว้ในมาตรา 97(3) บุคคลผู้ท่ีมีคุณสมบัติ เป็นผู้มีสิทธิรับเลือกต้ังเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร ต้องเป็น สมาชกิ พรรคการเมอื งใดพรรคการเมอื งหนงึ่ แตเ่ พยี งพรรคการเมอื งเดยี วเปน็ เวลาตดิ ตอ่ กนั ไมน่ อ้ ยกวา่ เกา้ สบิ วนั นบั ถงึ วนั เลอื กตง้ั เวน้ แตใ่ นกรณที มี่ กี ารเลอื กตงั้ ทวั่ ไปเพราะเหตยุ บุ สภาระยะเวลาเกา้ สบิ วนั ดงั กลา่ วใหล้ ดลงเหลอื สามสิบวัน จากมาตรา 97(3) ท�ำให้ก่อนการเลือกต้ังที่จะเกิดขึ้นในวันท่ี 24 มีนาคม 2562 มีความเคล่ือนไหว ของนักการเมืองจ�ำนวนมากมีการย้ายพรรคการเมือง ซ่ึงพรรคการเมืองท่ีพลังในการดึงดูดนักการเมืองได้ มากที่สุด ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นพรรคพลังประชารัฐท่ีพรรคถูกมองว่าวางไว้เป็นกลไกในการกลับสู่อ�ำนาจอีกคร้ัง ของฝ่าย คสช. “พลังดูด” ของฝา่ ย คสช. ท่สี ร้างความส่นั สะเทือนทางการเมืองมากทีส่ ดุ ในชว่ งแรก คือการดูด “ตระกูลคุณปล้ืม” จากพรรคพลังชล เข้ามาช่วยงานรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ และต่อมาอดีต ส.ส. ของพรรคน้ี ก็ย้ายเข้ามาพรรคพลังประรัฐ ลักษณะแบบน้ีเกิดขึ้นทุกจังหวัดแม้กระทั่งจังหวัดกาฬสินธุ์ มีการดึงดูดตระกูล ศรธี เรศ ทมี่ อี ดตี ส.ส. ถงึ 2 คน คอื นางบญุ รน่ื ศรธี เรศ และนายนพิ นธ์ ศรธี เรศ จากการสมั ภาษณ์ พบวา่ เนอ่ื งจาก
93 จงั หวดั กาฬสนิ ธม์ุ กี ารก�ำหนดเขตการเลอื กตงั้ ใหมท่ �ำใหเ้ ขตการเลอื กตง้ั ทเี่ คยมี จ�ำนวน 6 เขต ลดลง เหลอื 5 เขต เลือกตั้ง ท�ำให้จ�ำเป็นต้องมีการย้ายพรรคการเมือง อีกประเด็นที่น่าสนใจ ได้มีข้อมูลว่ามีผู้ติดต่อให้ย้ายพรรค ทงั้ 2 คน แตเ่ นอื่ งจากนางบญุ รนื่ ศรธี เรศ อายมุ าก ไมอ่ ยากเอาความส�ำเรจ็ ในอดตี ในฐานะ ส.ส. หลายสมยั มาทงิ้ ตอนแก่ เนอ่ื งจากมองวา่ คนกาฬสนิ ธย์ุ งั ศรทั ธาในตวั พรรคเพอื่ ไทย และตวั บคุ คลทลี่ งสมคั ร ส.ส. ประกอบกบั ได้ วางตวั ลกู ชายไว้ ในการเลอื กตง้ั ครงั้ น้ี แตท่ างพรรคยงั ขอใหล้ งกอ่ น ซง่ึ ในสมยั หนา้ ตนเองกจ็ ะวางมอื ทางการเมอื ง “กระแสการยา้ ยพรรคทผ่ี า่ นมา เพอ่ื ไทยกะไปแนอ่ ยู่ ปจั จยั ทผ่ี า่ นมาทม่ี กี ารซอ้ื เกา้ อก้ี นั ว่ากันว่าได้เงินอยู่เด้ล่ะ แต่เฮากะบ่เห็นน�ำเขาเนาะ เขากะว่าได้ เฮากะบ่เห็นน�ำเขาเนาะ แต่น้องแม่นิกะได้ 30 ล้าน เอกภาพกับเมียนิกะ 100 ล้าน ยิ่งผัวเมียเมืองเลยกะได้เป็น ร้อยล้านเด้น่ันกะตกคือกัน แต่พวกแม่นิได้เงินคนละ 8 ล้าน ปีน้ีคือได้หลายเด้นิ 8 ล้าน ทกุ สมยั นไ่ี ด้ 7 ลา้ นเดอ้ คอื ประชาธปิ ตั ยน์ จิ า่ ยบแ่ พค้ กั อหิ ลเี ดค้ รบั จา่ ยเงนิ นิ แลว้ กะมาบอกวา่ จะของแพ้เพราะผู้อ่ืนซื้อเสียงไป ทั้ง ๆ ที่จะของกะใช้เงินหลายกว่าคนอ่ืนด้วยซ้�ำไป เวลา ท่ีประชุมประชาวิจารเขากะได้ประชาวิจารกันเด้ พรรคที่ใช้เงินเยอะท่ีสุด พรรคผมว่าสั้น คะเจา้ วา่ แตป่ รากฎวา่ เปน็ พรรคชาตไิ ทยพฒั นา ผมหมดไปเกอื บรอ้ ยลา้ น พรรคพลงั ประชาชน ใช้เงินน้อยที่สุด คือถ้ากระแสพรรคได้แล้วกะบ่ได้ใช้เงินหลายเด้ เพราะมันมีกระแสพรรค อยูแ่ ล้ว” (สมั ภาษณบ์ ญุ ร่นื ศรีธะเรศ, 2562) จากผลการเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคม 2562 ท่ีผ่านมา พรรคเพ่ือไทยสามารถชนะการเลือกตั้ง ได้ทั้ง 5 เขตการเลือกตั้ง ไม่ผิดไปจากการให้ข้อมูลของผู้สมัคร ส.ส. ท่ีได้กล่าวว่าคนกาฬสินธุ์ยังศรัทธาใน พรรคเพื่อไทย ซึ่งปรากฎจากผลคะแนนที่ในบางเขตมีคะแนนห่างจากพรรคที่ได้อันดับ 2 จ�ำนวนมาก โดยเฉพาะคะแนนในเขตท่ี 4 และ เขตท่ี 5 โดยเฉพาะในเขตท่ี 5 เป็นการต่อสู้กันระหว่างพรรคเพื่อไทยกับ พรรคพลงั ประชารฐั ทมี่ ี อดตี ส.ส. พรรคเพอ่ื ไทย ทย่ี า้ ยไปสงั กดั พรรคพลงั ประชารฐั ท�ำใหค้ อการเมอื งวเิ คราะห์ ผลคะแนนทจ่ี ะออกมาไมถ่ กู แตเ่ มอื่ ผลคะแนนออกมาความศรทั ธาตอ่ พรรคเพอื่ ไทยยงั ไมจ่ างหาย มคี ะแนนชนะ พรรคพลังประชารัฐ กว่า 2 หม่ืนคะแนน ซึ่งจากผลคะแนนท่ีออกมายังสะท้อนผลจากการย้ายพรรค ส่งผลต่อ คะแนนของผู้สมัครรับเลือกตั้งอย่างมาก ซ่ึงคนท่ีไปใช้สิทธิเลือกตั้งถูกท�ำให้ต้องเลือกพรรคการเมือง มากกว่า จะเลอื กที่ตวั บคุ คล เพราะในการเลือกตง้ั ครง้ั นีก้ �ำหนดใหม้ ีบัตรเลือกต้งั เพยี งใบเดยี ว 4.6.2 ปจั จยั ท่สี ่งผลตอ่ การตดั สินใจทางการเมืองของประชาชน จากการสังเกตพฤติกรรมของประชาชนในพื้นที่ เห็นความกระตือรือร้นในการรับฟังนโยบายของ แต่ละพรรคการเมืองมากข้ึน ในการเปิดเวทีของผู้สมัคร ส.ส. ในแต่ละเขต ต่างมีประชาชนมารอฟังอย่างต้ังใจ ซง่ึ อาจเปน็ ผลมาจากการทป่ี ระชาชนหา่ งหายจากการเลอื กตงั้ เปน็ เวลานาน ประกอบกบั นกั การเมอื ง พรรคการเมอื ง กห็ า่ งหายจากกจิ กรรมการทางการเมอื งทเี่ ปดิ โอกาสใหท้ �ำกจิ กรรมทางการเมอื งมากขนึ้ และปจั จยั ทางเศรษฐกจิ ปัญหาปากท้องของประชาชนก็เป็นส่วนหน่ึงท่ีท�ำให้ประชาชน สนใจใคร่รู้เกี่ยวกับการเลือกต้ังคร้ังน้ี เพราะ ประชาชนตระหนักถึงผลการเลือกต้ังจะน�ำพาไปสู่การแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้ในระดับหนึ่ง ปรากฏการณ์ทาง
94 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดกาฬสินธุ์ การเมอื งทเี่ กดิ ขน้ึ การเสนอชอ่ื วา่ ทน่ี ายกรฐั มนตรี การยบุ พรรคการเมอื ง เปน็ สว่ นหนงึ่ ทที่ �ำใหป้ ระชาชนยงิ่ สนใจ การเมอื งเพ่มิ มากข้ึน การเมืองในอดีตการใช้ระบบหัวคะแนนแบบเดิมคือเครือข่ายหัวคะแนนที่กระจายอยู่ทุกต�ำบลและ ขยายต่อไปยังหมู่บ้านและคุมคะแนนเสียงไว้อย่างแน่นอนท�ำให้ผู้สมัครรับเลือกต้ังที่ใช้ระบบหัวคะแนนแบบนี้ ทราบจ�ำนวนคะแนนเสียงที่แน่นอน รูปแบบความสัมพันธ์เชิงอุปถัมภ์ที่เกิดขึ้นระหว่างผู้สมัครรับเลือกตั้ง เป็นนายกเทศมนตรี กับกลุ่มผู้ลงคะแนนเสียงในต�ำบลโดยลักษณะของการใช้ระบบหัวคะแนนหรือเครือข่าย ความสมั พันธ์เป็นตวั เชือ่ มกลางในการด�ำเนินยทุ ธวิธเี พอ่ื ให้ไดค้ ะแนนเสียง ซง่ึ ระบบหัวคะแนนกบั การเลอื กตง้ั เป็นสิ่งที่ควบคู่กันอยู่ทุกยุคของการเลือกตั้ง กระแสพรรคการเมืองท่ีประชาชนนิยม รวมไปถึงการใช้วิธี ย้ายทะเบียนบ้านให้กับผู้ลงคะแนนเสียงก่อนการเลือกตั้งจะจัดขึ้นตามระยะเวลาที่กฎหมายก�ำหนด ส่งผลให้ คะแนนเสียงเป็นต่อผู้สมัครคนอื่น ๆ และท�ำให้ชนะการเลือกต้ังได้ นอกจากนี้ ปัจจัยท่ีท�ำให้ชนะหรือไม่ชนะ การเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดกาฬสินธุ์นั้น จากการสนทนากลุ่มในหลายพ้ืนท่ี การสัมภาษณ ์ การสังเกตการณ์ พบว่า “เงิน” เป็นปัจจัยหลักแต่ก็ไม่ใช่ปัจจัยเดียวในการท�ำให้ชนะการเลือกต้ัง กระแส ความนิยมของพรรคเป็นปัจจัยหลักมากกว่าเงิน แต่หากกระแสพรรคที่ได้รับความนิยมบวกกับเงินก็จะเป็น ปจั จยั บวกตอ่ คะแนนเสยี งย่งิ ข้นึ ในการเลอื กตง้ั ทผี่ า่ นในอดตี การเมอื งมกี ารเปลยี่ นขว้ั ทางการเมอื งเหมอื นกบั สายนำ�้ แหง่ ความศรทั ธา ท่ีเริ่มจากตัวบุคคล ในอดีตจังหวัดกาฬสินธุ์เคยเป็นฐานท่ีมั่นของพรรคประชาธิปัตย์ ในยุคแรกท่ีมีการเลือกตั้ง ตอ่ มากม็ พี รรคกิจสงั คม พรรคสามัคคธี รรม พรรคชาตไิ ทย พรรคความหวังใหม่ ท่ตี ่างกช็ นะการเลือกตั้ง แตไ่ ม่ สามารถชนะการเลือกตัง้ ท้งั จงั หวัดได้ เหตุการณ์ท่ีมกี ารชนะการเลือกตง้ั ท้ังจังหวัดเกดิ ขึ้น เมอื่ 17 พฤศจกิ ายน 2539 ซึ่งพรรคความหวังใหม่ สามารถชนะการเลือกตั้งได้ทั้ง 6 เขตการเลือกต้ัง ซึ่งเหตุผลท่ีชนะการเลือกต้ัง ทุกเขตได้ ในขณะน้ันปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นดูด ส.ส. เพราะมีการย้ายพรรคจ�ำนวนหลายเขต ดังนั้น การดูด ส.ส. เพื่อชนะการเลือกต้ังเป็นวิธีการและปัจจัยหน่ึงท่ีท�ำให้พรรคการเมืองชนะการเลือกตั้ง ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ท่ีใช้ได้ผลในหลายจังหวัด ในปี 2544 มีการเปล่ียนแปลงอีกคร้ัง เม่ือมีพรรคการเมืองท่ีชื่อว่า พรรคไทยรักไทย เกิดข้ึนมี ส.ส.พรรคความหวังใหม่ จ�ำนวนหนึ่งได้ย้ายไปสังกัดพรรคไทยรักไทย ก่อให้เกิดการขาดเอกภาพของ ส.ส.ในจังหวัดกาฬสินธุ์ มีจ�ำนวน ส.ส. จาก 3 พรรคการเมือง คือ พรรคไทยรักไทย พรรคชาติไทย และพรรค ความหวงั ใหม่ ตอ่ มาในปี 2548 ไดม้ กี ารเลอื กตง้ั ส.ส. ในวนั ท่ี 6 กมุ ภาพนั ธ์ 2548 ซง่ึ ปรากฏวา่ พรรคไทยรกั ไทย สามารถชนะการเลือกต้ังได้ทั้ง 6 เขต เม่ือศึกษาข้อมูลพบว่า ส.ส.ท่ีได้รับการเลือกตั้งมาจากการย้ายพรรคของ อดีต ส.ส. ในปี 2550 เกิดการเปล่ียนแปลงอีกคร้ัง เม่ือพรรคไทยรักไทยถูกยุบพรรคการเมือง ท�ำให้เกิดพรรค พลงั ประชาชน เกดิ ขนึ้ อดตี ส.ส. จงั หวดั กาฬสนิ ธ์ุ ทงั้ 6 เขตเดมิ ไดย้ า้ ยไปสงั กดั พรรคพลงั ประชาชน และสามารถ ชนะการเลอื กตงั้ ไดท้ ง้ั 6 เขต เมอ่ื วนั ที่ 23 ธนั วาคม 2550 และกม็ กี ารเปลย่ี นแปลอกี ครงั้ เมอ่ื พรรคพลงั ประชาชน ถูกยุบพรรค ก่อให้เกิดพรรคเพื่อไทย ข้ึนเพื่อสู้ศึกการเลือกตั้ง ในวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ซึ่งพรรคเพ่ือไทย ก็สามารถชนะการเลือกตงั้ ไดท้ ั้ง 6 เขต เม่ือวิเคราะห์การเมืองชว่ งเปลี่ยนผา่ น ระหว่าง ปี พ.ศ.2544 – 2554 ที่มีการเลือกต้ังในแต่ครั้ง กลุ่มคนท่ีชนะการเลือกต้ังยังเป็นคนกลุ่มเดิม โดยการน�ำของกลุ่มตระกูลชินวัตร ซง่ึ มอี ดตี นายกรฐั มนตรที กั ษณิ ชนิ วตั ร เปน็ คนอยเู่ บอื้ งหลงั เหตผุ ลทท่ี �ำใหช้ นะการเลอื กตง้ั ทกุ ครงั้ มปี จั จยั ดงั นี้
95 1. การดูด ส.ส. ท่ีผ่านมาในอดีต การชนะการเลือกต้ังของพรรคโดยการน�ำของอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษณิ ชินวตั ร มาจากการดูด ส.ส. ของพรรคคู่แข่ง 2. การศรทั ธาในตวั ของอดตี นายกรฐั มนตรนี ายกรฐั มนตรที กั ษณิ ชนิ วตั ร ทส่ี ามารถด�ำเนนิ นโยบายถงึ คนรากหญ้าไดอ้ ยา่ งแทจ้ รงิ เชน่ บัตร 30 บาทรกั ษาทกุ โรค กองทนุ หมบู่ ้าน หน่งึ ต�ำบลหนึ่งผลติ ภัณฑ์ เปน็ ตน้ 3. เงนิ การใชจ้ า่ ยงบประมาณ การใชเ้ งนิ ในการเลอื กตงั้ ถงึ แมว้ า่ ผสู้ มคั รจะไมไ่ ดแ้ สดงขอ้ มลู ทชี่ ดั เจนเกย่ี วกบั คา่ ใชจ้ า่ ยทใี่ ชใ้ นการเลอื กตง้ั แตอ่ ยา่ งไรกต็ าม ผสู้ มคั รกไ็ ดใ้ หค้ วามเหน็ วา่ ปจั จยั เรอ่ื งเงนิ เปน็ ปจั จยั ทส่ี �ำคญั ไมม่ าก ก็นอ้ ยทสี่ ่งผลต่อการชนะการเลือกตั้ง ปรากฏตามค�ำสัมภาษณ์ทีว่ า่ “ปัจจัยท่ีส�ำคัญตอนน้ีคือเรื่องเงิน ตอนนี้คือเร่ืองเงิน เพราะเงินมีผลหลายอย่าง” (สัมภาษณ์วา่ ที่ผู้สมัคร ส.ส., 2562) ในขณะท่นี ายวริ ัช พมิ พะนติ ย์ ไดแ้ สดงความเหน็ วา่ “พว่ี า่ เงนิ ไมใ่ ชป่ จั จยั ทจ่ี ะมสี ว่ นแตก่ ม็ สี ว่ นแค่ 10% นะ ทกุ อยา่ งทเ่ี ราเลอื กแมจ้ ะเลอื ก ผู้ใหญ่บ้านหรือเลือกอะไรก็แล้วแต่ ก็จะมีคนท่ีเอาเงินมาทั้ง 2 ฝั่ง ถึงวันก็จะไม่ไปเลือก” (สัมภาษณว์ ่าท่ีผูส้ มคั ร ส.ส., 2562) จากค�ำใหส้ มั ภาษณ์แสดงใหเ้ หน็ ว่า เงนิ เป็นปจั จยั ทสี่ �ำคัญท่ีส่งผลตอ่ ผลการเลอื กตง้ั อย่างไรกม็ แี งม่ ุม ทแ่ี สดงใหเ้ หน็ วา่ เงนิ เปน็ เรอ่ื งปกตทิ ต่ี อ้ งมใี นการใชจ้ า่ ยในการเลอื กตง้ั เพราะวฒั นธรรมของคนจงั หวดั กาฬสนิ ธ์ุ ได้เหน็ การใช้จ่ายเงินต้ังแต่การเลือกตัง้ ผใู้ หญ่บา้ น เลอื กตัง้ ก�ำนนั แลว้ 4. มกี ารลงพน้ื ทแ่ี ละใชช้ วี ติ รว่ มกบั ประชาชน และถา่ ยทอดสดใหผ้ ชู้ มทางบา้ นจากจงั หวดั อน่ื ไดต้ ดิ ตาม 5. ชอ่ื เสียงของพรรค และผูเ้ สนอตวั เป็นนายก ผสู้ มคั รสว่ นใหญเ่ ชอื่ วา่ ชอ่ื เสยี งของพรรคมคี วามส�ำคญั กบั ผลการเลอื กตงั้ โดยสงั เกตจากพรรคการเมอื ง ที่เข้ามามีบทบาทใหม่ เช่น พรรคอนาคตใหม่ที่ได้คะแนนติดอันดับ 1 ใน 4 ของของทุกเขตการเลือกตั้ง แม้จะไมม่ ฐี านคะแนนและการแจกเงินกต็ าม “ชนะการเลอื กตงั้ เถยี่ วนค้ี ดิ วา่ เปน็ เพราะตวั บคุ คล นโยบาย และกะพรรค เฮากะตอ้ ง มาเบิ่งว่าอันได๋หลายกว่ากัน แต่เขากะคิดว่าเป็นเพราะพรรคเด้ล่ะ ถ้าแม่แพ้เดี๋ยวนี้ ผมว่ากระแสพรรคแพ้ คนกะส่วนนึงแต่กระแสพรรคสิหลายกว่า เพราะกะเฮ้ดเต็มสูตร เมิดทุกอย่างเท่าที่ผุ้สมัครผู้นึงสิเฮ็ดได้ คือเว้าเรื่องเงินเขาบ่มีปัญหาแล้ว ส่วนเฮานิมีปัญหา เรื่องเงนิ แต่บ่มปี ัญหาเรื่องพรรค ถ้าแมไ่ ด้นิคือต้องยกผลประโยชน์ให้พรรค แมก่ ะเลยคดิ วา่ ได้เพราะ” (สมั ภาษณว์ ่าที่ผสู้ มคั ร ส.ส.,2562)
96 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดกาฬสินธุ์ ซง่ึ สอดคลอ้ งกับค�ำให้สัมภาษณ์ของว่าทผี่ ้สู มัคร ส.ส. วา่ “พี่เปิดดูน่ีคือจะดูที่ให้คะแนนของท้ัง 3 คน นี่คืออนาคตใหม่ ดูคะแนนสิครับ ส่วน ดูอนาคตใหม่มา 17000 ทุกวันน้ีไม่ใช่คนจะสั่งว่าเอาพรรคอะไรก็ได้ ทุกวันน้ีมันมากับ ความศรัทธาความใกล้ชิด เพราะว่าอนาคตใหม่น้ีเค้าเป็นเด็ก ฉะนั้นเด็กท่ีมีอายุ 18-25 ปี ทไ่ี มไ่ ดเ้ ลอื กตง้ั มา 5 ปี เขามคี วามคดิ เปน็ ของตวั เอง วนั นเี้ ดก็ ทไี่ มไ่ ดเ้ ลอื กตงั้ มา 5 ปเี ตม็ นะครบั 18-23 ปี นะครับ แม้แต่ลูกพ่ีอายุ 27-28 ปี เขายังบอกว่าจะเลือกพรรคอนาคตใหม่เลย ถ้าพ่อไม่ลงพรรคนี้ อยู่ในเทศบาลเมืองเนี่ย อนาคตใหม่ชนะนะครับ” (สัมภาษณ์ว่าท ี่ ผสู้ มัคร ส.ส., 2562) จาก 5 ปัจจัยทกี่ ลา่ วมา เป็นส่วนหนึ่งทคี่ นในพนื้ ท่ีจงั หวดั กาฬสนิ ธุย์ งั เชือ่ ในแนวนโยบาย และศรทั ธา ของตัวบุคคล อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร น�ำมาซึ่งความศรัทธาในพรรคการเมืองที่อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร อยู่เบื้องหลัง จะเห็นได้ว่า ตัวช้ีขาดที่ท�ำให้ผู้สมัครได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งในคร้ังนี้คิดว่า มีหลายปัจจัย เช่น 1. ผลงานในอดีตในขณะเป็น ส.ส. หรือคุณงามความดีท่ีประชาชนส่วนใหญ่มองเห็น 2. พรรคการเมอื งทส่ี งั กดั 3. อดุ มการณท์ างการเมอื งทเี่ ปน็ ประชาธปิ ไตย 4. วา่ ท่ี นายกรฐั มนตรี ทพี่ รรคการเมอื ง น้ันเสนอชื่อ 5. นโยบายของพรรคการเมืองท่ีประชาชนเช่ือมั่นว่าจะท�ำได้จริง 6. สอดคล้องกับความต้องการ ของประชาชนส่วนใหญ่ คือระหว่างคนเก่ากับคนใหม่ อะไรคือจุดเด่นของการเมืองในจังหวัด ต้ังแต่อดีตจนถึง ปัจจุบนั มอี ะไรเปน็ ตัวเปลีย่ นแปลงจุดเดน่ เหลา่ นั้นในช่วง 8 ปีท่ไี ม่ได้มีการเลือกต้ังหรือไม่ กล่าวโดยสรุปเก่ียวกับการเลือกตั้งในปี 2562 ในการเลือกตั้งครั้งนี้ มีการปรับลดจ�ำนวน ส.ส. และ เขตการเลือกตั้งลง จาก ส.ส. 6 คน 6 เขต เหลือ ส.ส. 5 คน 5 เขต ท�ำให้เกิดปรากฏการณ์การย้ายพรรค เกิดขึ้น ไปสังกัดพรรคการเมืองใหม่ การเลือกต้ังซึ่งในแต่ละคร้ัง มีการเปล่ียนแปลง กฎ กติกา ตามผู้มีอ�ำนาจ ก�ำหนด เช่น เขตการเลือกต้ัง ขอยกตัวอย่างจังหวัดกาฬสินธุ์ในอดีต ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2518 – ปัจจุบัน กาฬสินธุ ์ มกี ารแบ่งเขต เลือกต้ัง 2 เขต – 6 เขต มีจ�ำนวน ส.ส. ตั้งแต่ 4 คน – 6 คน แลว้ แต่ผ้มู ีอ�ำนาจก�ำหนด เช่น ในการเลอื กต้ังเมอ่ื วันท่ี 6 กุมภาพันธ์ 2548 มกี ารแบ่งเขตเลอื กต้งั 6 เขต มี ส.ส. 6 คน ในการเลอื กตัง้ วันที่ 23 ธนั วาคม 2550 แบ่งเขตการเลอื กตั้ง 2 เขต มี ส.ส. 6 คน ในการเลอื กต้งั วันที่ 3 กรกฎาคม 2554 แบ่งเขตการเลือกตง้ั เปน็ 6 เขต มี ส.ส. 6 คน ในปจั จบุ นั การเลอื กตงั้ 24 มนี าคม 2562 แบง่ เขตการเลอื กตง้ั เปน็ 5 เขต มี ส.ส. 5 คน (ยอ้ นกลบั ไป ในปี 2519, 2522, 2529 ท่จี งั หวัดกาฬสนิ ธ์ุ มี ส.ส. 5 คน)
97 นโยบายท่ีประชาชนจังหวัดกาฬสินธุ์ให้ความสนใจในเร่ืองการเกษตรกรรม ราคาพืชผลทาง การเกษตรเศรษฐกจิ ความเปน็ อยขู่ องประชาชน การเขา้ ถงึ การใหบ้ รกิ ารสาธารณะตา่ ง ๆ ของรฐั และทข่ี าดไมไ่ ด้ “คนอีสานส่วนใหญ่ ต้องการประชาธิปไตยท่ีกินได้” พรรคการเมืองท่ีชนะการเลือกตั้ง ควรให้ความส�ำคัญ ปญั หาปากทอ้ งของประชาชน การเขา้ ถงึ ทรพั ยากรของรฐั ทเี่ ทา่ เทยี ม การแกไ้ ขปญั หาความยากจน เชน่ จงั หวดั กาฬสนิ ธ์ุ เปน็ จงั หวดั น�ำรอ่ งการแกไ้ ขปญั หาความยากจน อยากใหพ้ รรคการเมอื ง หรอื รฐั บาลในอนาคตตระหนกั เร่ืองความยากจนของประชาชนให้มากข้ึน อยากให้ลดปัญหาหน้ีสินของประชาชน เพ่ิมรายได้ให้กับประชาชน การเข้าถึงทรพั ยากรของประเทศ เช่น พื้นทีท่ �ำกนิ กระจายความเจรญิ ให้ถึงประชาชนรากหญา้ อยา่ งแท้จรงิ
98 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดกาฬสินธุ์
99 บทท่ี 5 สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ ในบทส่งท้ายขอสรุปผลการผลวิจัย “การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรม การเลอื กต้ังสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร 2562 กรณีศกึ ษา จังหวัดกาฬสนิ ธุ์” รายละเอยี ด ดงั นี้ 5.1 สรุปผลการวิจัย 5.1.1 สรปุ ภาพรวมพฤตกิ รรมการเลอื กตั้งในจงั หวดั กาฬสนิ ธุ์ ภายหลังจากการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ท่ีก�ำหนดให้มีการเลือกตั้งครั้งแรก เม่ือวันท ่ี 15 พฤศจิกายน 2476 โดยใช้ระบบการเลือกตั้งแบบทางอ้อม โดยประชาชนต้องเลือกผู้แทนต�ำบลก่อน ผแู้ ทนต�ำบลจงึ มาเลอื กสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรโดยตรง (ศรดุ า สมพอง, 2559) พฤตกิ รรมนกั การเมอื งสว่ นใหญ่ ยังไม่มีความชัดเจนมากนัก เน่ืองจากนักการเมืองไม่ได้สังกัดพรรคการเมือง แต่สังกัดและอิงอ�ำนาจกับระบบ ราชการทเ่ี ปน็ องคก์ รหลกั ในพนื้ ทจ่ี งั หวดั มหาสารคามและจงั หวดั กาฬสนิ ธ์ุ (เขตการเลอื กตง้ั เดยี วกนั ) พฤตกิ รรม ของนักการเมืองจึงแสดงออกในลักษณะของปัจเจกบุคคล รวมถึงให้ความส�ำคัญกับความสามารถของบุคคล เป็นส�ำคัญ ซึ่งพฤติกรรมนักการเมืองท่ีเป็นปัจเจกน้ีจึงแสดงออกมาได้ตามความนิยมใน อุปนิสัยส่วนตัว บารมี อ�ำนาจหน้าที่ ซึ่งเป็นเร่ืองส่วนบุคคลในยุคสมัยน้ัน ผู้ท่ีชนะการเลือกต้ังในยุคสมัยแรกของประเทศไทย จึงเป็น เพยี งผทู้ เ่ี ปน็ ชนชนั้ น�ำรจู้ กั เทา่ นนั้ ไมเ่ ปน็ ทร่ี จู้ กั โดยทว่ั ไปใหห้ มปู่ ระชาชน อยา่ งไรกต็ าม การเลอื กตงั้ แบบทางออ้ มนี้ ส่งผลให้เกิดการช้ีน�ำทางการเมืองจากเจ้าหน้าที่รัฐ อาทิ ก�ำนัน และผู้ใหญ่บ้าน เข้ามามีบทบาทในการเลือกตั้ง ของพื้นที่กาฬสินธุ์จวบจนปจั จุบนั
100 การศึกษาความเคล่ือนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดกาฬสินธุ์ การเมืองและการต่อสู้ของนักการเมืองเร่ิมเข้ามามีบทบาทจริงจังในช่วงรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2517 ซึ่งเป็นยุคประชาธิปไตยเบ่งบาน และเป็นช่วงที่นักธุรกิจ ข้าราชการ เข้าสู่เส้นทางของตนเองโดยไม่พึ่งพาอ�ำนาจทหาร นักการเมืองได้เข้าสังกัดพรรคการเมือง โดยพรรคการเมือง ที่มีบทบาทในจังหวัดกาฬสินธุ์ที่ชนะการเลือกตั้งและเป็นที่นิยม คือพรรคประชาธิปัตย์และพรรคกิจสังคม นับตั้งแต่นักการเมืองได้มีสังกัดพรรค พฤติกรรมการเลือกตั้งของนักการเมืองเริ่มปรากฏชัดเจนมาขึ้น เพ่ือให้ การศึกษาคร้งั นีไ้ ด้แสดงรายละเอยี ดปรากฏการณท์ เี่ กิดข้ึนในพ้นื ท่ีจงั หวัดกาฬสินธ์ุ การรบั สมคั รสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรในพน้ื ทจ่ี งั หวดั กาฬสนิ ธ์ุ ในระหวา่ งวนั ที่ 4-8 กมุ ภาพนั ธ์ 2562 ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. ทส่ี �ำนกั งานคณะกรรมการการเลือกตัง้ จงั หวดั กาฬสินธุ์ ผ้สู มคั รจากพรรคการเมอื ง เดินทางมาสมัครและจับสลากเบอร์ก่อนที่ส�ำนักงานคณะกรรมการการเลือกต้ังจะเปิดให้มีการรับสมัคร โดยผู้สมัครแต่ละพรรคการเมืองจะมีผู้สนับสนุนเดินทางมาร่วมให้ก�ำลังใจด้วย ภายในวันแรกของการสมัคร มีผู้สมัครจาก 19 พรรคการเมือง รวม 83 คน แสดงให้เห็นว่า ผู้สมัครทุกเขตมีความตื่นตัวทางการเมืองและ มีการเตรียมความพร้อมในการลงสมัครเพื่อรับการเลือกต้ังในคร้ังนี้ อย่างไรก็ตาม การต่ืนตัวทางการเมืองกับ การเลอื กตั้งใน พ.ศ. 2562 มีความตนื่ ตัวเปน็ อยา่ งมาก สบื เนื่องจาก การใช้สิทธ์ิเลือกต้ังล่วงหน้า บรรยากาศใช้สิทธ์ิเลือกตั้งล่วงหน้าท่ี จ.กาฬสินธุ์ มีความคึกคักและ ต่ืนตัวกับการเลือกต้ังในคร้ังนี้ โดยประชาชนเดินทางมาก่อนเวลาเลือกต้ัง เร่ิมตั้งแต่เวลา 06.00 น. เพ่ือรอใช้ สิทธิ์เลือกต้ังล่วงหน้า ท้ังแบบนอกเขตจังหวัดและภายในจังหวัด โดยแบ่งเป็น 5 เขตเลือกตั้งของ จ.กาฬสินธุ์ มีผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกต้ังล่วงหน้าท้ังหมด 4,917 คน แบ่งเป็นนอกเขต 4,334 คน และในเขตเลือกต้ังที่ 1 จ.กาฬสินธุ์ 573 คน โดยในการจัดการเลือกต้ังล่วงหน้า ทาง กกต. จ.กาฬสินธุ์ ได้จัดให้มีสถานที่ใช้สิทธิ เขตละ 1 จุด โดยทห่ี อประชุม 80 พรรษา อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ เปน็ สถานทใ่ี ชส้ ิทธเิ ขตเลือกตัง้ ที่ 1 เขตเลือกตัง้ ท่ี 2 หอประชุมอ�ำเภอยางตลาด เขตเลือกตั้งที่ 3 หอประชุมอ�ำเภอหนองกุงศรี เขตเลือกต้ังที่ 4 หอประชุม อ�ำเภอสมเดจ็ และเขตเลือกต้งั ที่ 5 หอประชมุ อ�ำเภอกฉุ ินารายณ์ การเลือกต้ังเม่ือวันท่ี 24 มีนาคม 2562 ประชาชนได้ออกมาใช้สิทธ์ิเลือกตั้ง ตามหน่วยเลือกต้ัง ท้ัง 1,590 หน่วย ใน 18 อ�ำเภอ โดย กาฬสินธุ์ เขตเลือกต้ังที่ 1 อ�ำเภอเมืองกาฬสินธุ์, อ�ำเภอร่องค�ำ, อ�ำเภอ กมลาไสย (เฉพาะต�ำบลโคกสมบูรณ์ ต�ำบลดงลิง ต�ำบลเจ้าท่า และต�ำบลโพนงาม) มีผู้มาใช้สิทธิ์ 100,941 คน คิดเป็น 65% กาฬสินธุ์ เขตเลือกต้ังที่ 2 อ�ำเภอยางตลาด, อ�ำเภอฆ้องชัย, อ�ำเภอกมลาไสย (ยกเว้นต�ำบล โคกสมบูรณ์ ต�ำบลดงลิง ต�ำบลเจ้าทา่ และต�ำบลโพนงาม) มีผมู้ าใช้สิทธ์ิ 101,486 คน คิดเป็น 65% กาฬสนิ ธุ์ เขตเลอื กตงั้ ท่ี 3 อ�ำเภอหนองกงุ ศร,ี อ�ำเภอหว้ ยเมก็ , อ�ำเภอทา่ คนั โท, อ�ำเภอสหสั ขนั ธ์ มผี มู้ าใชส้ ทิ ธ์ิ 94,663 คน คิดเป็น 61% กาฬสินธุ์ เขตเลือกต้ังท่ี 4 อ�ำเภอสมเด็จ, อ�ำเภอค�ำม่วง, อ�ำเภอนามน, อ�ำเภอสามชัย อ�ำเภอดอนจาน มผี มู้ าใชส้ ทิ ธิ์ 96,047 คน คดิ เปน็ 61% กาฬสนิ ธ์ุ เขตเลอื กตง้ั ท่ี 5 อ�ำเภอกฉุ นิ ารายณ,์ อ�ำเภอ เขาวง, อ�ำเภอนาค,ู อ�ำเภอหว้ ยผงึ้ มผี มู้ าใชส้ ทิ ธ์ิ 96,290 คน คดิ เปน็ 60% ผลการเลอื กตงั้ ในพน้ื ทจี่ งั หวดั กาฬสนิ ธ์ุ ในปี 2562
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127