Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือการบริหารงประมาณ โรงเรียนบ้านสมศรี

คู่มือการบริหารงประมาณ โรงเรียนบ้านสมศรี

Published by so.ra11042522, 2022-05-16 14:02:57

Description: คู่มือการบริหารงประมาณ

Search

Read the Text Version

การบริหารงบประมาณ แนวทางการบริหารงบประมาณ ในแต่ละปีงบประมาณ สถานศึกษาจะได้รับงบประมาณจัดสรรจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้น พื้นฐาน หน่วยงานต่าง ๆ ในการ สนับสนุนงบประมาณเพื่อใช้ในการบริหารจดั การของสถานศึกษาซึ่งสถานศึกษามี ภาระกลุ่มงานในการบริหารจัดการใน 4 กลุ่มงาน ได้แก่ กลุ่มงานบริหารวิชาการ กลุ่มงานบริหารงบประมาณ กลุ่ม งานบริหารบุคคล กลุ่มงานบริหารงานทั่วไป และแผนงาน เร่งด่วน โรงเรียนจะต้องบริหารจัดการภาระแผนงาน ดังกล่าวให้เป็นไปตามมาตรฐานการศึกษาที่กำหนดและทุกกลุ่มงานโดยการมีส่วนร่วม ของคณะครู คณะกรรมการ สถานศึกษา และมีเมื่อการดำเนินงานตามโครงการมีการสรุปรายงานโครงการ มีการรายงานผลแผนปฏิบัติการ ประจำปีงบประมาณ เพื่อให้การตรวจสอบได้ โดยโรงเรียนบ้านสมศรีมะแปบประชาบำรุงได้ดำเนินการบริหาร งบประมาณเปน็ ไปตามระเบียบในฐานะหน่วยงานทเ่ี ปน็ นติ ิบคุ คลตามแนวทางการบรหิ ารงบประมาณ งานการบริหารและการจัดการศึกษาของโรงเรียนนิติบุคคล มีวัตถุประสงค์เพื่อให้โรงเรียนจัดการศึกษา อย่างเป็นอิสระ คล่องตัว สามารถบริหารการจัดการศึกษาได้สะดวด รวดเร็ว มีประสิทธิภาพและมีความ รบั ผดิ ชอบ โรงเรียนเป็นนิติบุคคล นอกจากมีอำนาจหน้าที่ตามวัตถุประสงค์ข้างต้นแล้ว ยังมีอำนาจหน้าที่ตามท่ี กฎระเบียบกระทรวงศึกษาธกิ ารวา่ ดว้ ยการบริหารจดั การและขอบเขตการปฏบิ ัติหน้าทขี่ องโรงเรยี นขั้นพื้นฐานท่ีเป็น นติ ิบคุ คลสงั กัดเขตพ้นื ท่กี ารศึกษา พ.ศ 2546 ลงวันท่ี 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2546 กฎหมายการศึกษาแห่งชาติ และกฎหมายระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ จึงกำหนดให้ โรงเรียนนติ บิ คุ คลมีอำนาจหนา้ ท่ี ดังนี้ 1. ให้ผูอ้ ำนวยการโรงเรียนเปน็ ผูแ้ ทนนติ บิ คุ คลในกิจการทวั่ ไปของโรงเรียนที่เกี่ยวกับบคุ คลภายนอก 2. ให้โรงเรียนมีอำนาจปกครอง ดูแล บำรุง รักษา ใช้และจัดหาผลประโยชนจ์ ากทรัพยส์ ินที่มีผูบ้ ริจาค ให้ เว้นแต่การจำหน้ายอสังหาริมทรัพย์ที่มีผู้บริจาคให้โรงเรียน ต้องได้รับความเห็นชอบจาก คณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐานของโรงเรยี น 3. ให้โรงเรียนจดทะเบียนลิขสิทธิ์หรือดำเนินการทางทะเบียนทรัพย์สินต่างๆ ที่มีผู้อุทิศให้หรือโครงการ ซอื้ แลกเปล่ยี นจากรายไดข้ องสถานศกึ ษาให้เปน็ กรรมสทิ ธ์ิของสถานศกึ ษา 4. กรณีโรงเรียนดำเนินคณดีเป็นผู้ฟ้องร้องหรือถูกฟ้องร้อง ผู้บริหารจะต้องดำเนินคดีแทนสถานศึกษา หรอื ถกู ฟอ้ งรว่ มกบั สถานศึกษา ถา้ ถูกฟอ้ งโดยมิได้อยู่ในการปฏิบตั ริ าชการ ในกรอบอำนาจ ผู้บริหาร ตอ้ งรบั ผดิ ชอบเป็นการเฉพาะตัว 5. โรงเรยี นจดั ทำงบดลุ ประจำปีและรายงานสาธารณะทุกสิ้นปีงบประมาณ งบประมาณทส่ี ถานศึกษานำมาใช้จา่ ย 1. แนวคิด การบรหิ ารงานงบประมาณของสถานศกึ ษามุง่ เน้นความเป็นอิสระ ในการบริหารจัดการมคี วามคล่องตวั โปร่งใส ตรวจสอบได้ ยดึ หลกั การบรหิ ารมุ่งเน้นผลสมั ฤทธิ์และบรหิ ารงบประมาณแบบมุ่งเน้นผลงาน ใหม้ ีการ จัดหาผลประโยชนจ์ ากทรพั ย์สิทของสถานศึกษา รวมท้ังจัดหารายไดจ้ ากบรกิ ารมาใช้บรหิ ารจดั การเพื่อประโยชน์ ทางการศกึ ษา สง่ ผลใหเ้ กดิ คุณภาพทด่ี ีขนึ้ ตอ่ ผูเ้ รยี น

2 2. วัตถุประสงค์ เพ่อื ใหส้ ถานศึกษาบริหารงานดา้ นงบประมาณมีความเป็นอิสระ คล่องตวั โปรง่ ใสตรวจสอบได้ 1.1 เพื่อให้ไดผ้ ลผลิต ผลลัพธเ์ ปน็ ไปตามขอ้ ตกลงการใหบ้ ริการ 1.2 เพอื่ ให้สถานศึกษาสามารถบริหารจัดการทรพั ยากรท่ีได้อยา่ งเพยี งพอและประสิทธิภาพ 3. ขอบขา่ ยภารกิจ 3.1 กฎหมาย ระเบยี บ และเอกสารท่เี กย่ี วข้อง 1. พระราชบญั ญัตกิ ารศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แกไ้ ขเพิ่มเตมิ (ฉบบั ที่ 2) 2. พระราชบัญญตั บิ รหิ ารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 3. ระเบยี บว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. 2545 4. หลักสตู รการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 5. แนวทางการกระจายอำนาจการบรหิ ารและการจัดการศึกษาและสถานศึกษาตามกฎกระทรวง กำหนด หลกั เกณฑ์และวิธกี ารกระจายอำนาจการบรหิ ารและการจัดการศึกษา พ.ศ. 2550 รายจา่ ยตามงบประมาณ จำแนกออกเป็น 2 ลกั ษณะ 1. รายจา่ ยของส่วนราชการและรฐั วิสาหกจิ - งบบุคลากร - งบดำเนนิ งาน - งบลงทุน - งบเงินอุดหนนุ - งบรา่ ยจ่ายอนื่ งบบุคลากร หมายถึง รายจา่ ยทก่ี ำหนดใหจ้ ่ายเพ่ือการบริหารงานบุคคลภาครัฐ ได้แกร่ ายจา่ ยทจี่ ่ายใน ลกั ษณะเงนิ เดือน คา่ จา้ งประจำ ค่าจ้างช่วั คราว และคา่ ตอบแทนพนกั งานราชการ รวมถึงราจจา่ ยที่กำหนดให้ จ่ายจากงบรายจา่ ยอื่นใดในลักษณะราจจ่ายดังกล่า งบดำเนนิ งาน หมายถึง รายจ่ายทกี่ ำหนดให้จ่ายเพ่ือการบรหิ ารงานประจำ ได้แก่ รายจ่ายท่จี ่ายใน ลักษณะค่าตอบแทน ค่าใช้สอย คา่ วัสดุ และค่าสาธารณูปโภค รวมถึงราจ่ายทีก่ ำหนดให้จา่ ยจากงบรายจ่ายอืน่ ใด ในลกั ษณะรายจ่ายดงั กลา่ ว งบลงทนุ หมายถึง รายจา่ ยท่ีกำหนดใหจ้ ่ายเพื่อการลงทุน ไดแ้ ก่ รายจ่ายที่จา่ ยในลักษณะค่าครภุ ัณฑ์ คา่ ท่ีดนิ และสง่ิ ก่อสรา้ ง รวมถงึ รายจา่ ยที่กำหนดใหจ้ ่ายจากงบรายจา่ ยอน่ื ใดในลักษณะรายจ่ายดงั กล่าว งบดำเนินงาน หมายถึง รายจา่ ยทกี่ ำหนดให้จา่ ยเพ่ือการบรหิ ารงานประจำ ได้แก่ รายจา่ ยทจ่ี ่ายใน ลกั ษณะคา่ ตอบแทน คา่ ใช้สอย ค่าวัสดุ และคา่ สาธารณูปโภค รวมถึงรายจ่ายทก่ี ำหนดใหจ้ า่ ยจากงบรายจ่ายอน่ื ใดในลักษณะรายจ่ายดังกลา่ ว งบลงทนุ หมายถงึ รายจ่ายท่ีกำหนให้จา่ ยเพอ่ื การลงทุน ได้แก่ รายจา่ ยทจี่ า่ ยในลักษณะค่าครภุ ัณฑ์ ค่า ท่ีดินและสิง่ ก่อนสร้าง รวมถึงรายจา่ ยที่กำหนดใหจ้ ่ายจากงบรายจา่ ยอ่ืนใดในลกั ษณะรายจ่ายดังกล่าว งบเงินอุดหนุน หมายถึง รายจ่ายท่ีกำหนดให้จ่ายเปน็ ค่าบำรุงหรือเพ่ือชว่ ยเหลือสนบั สนนุ งานของ หนว่ ยงานอิสระตามรัฐธรรมนญู หรือหน่วยงานของรัฐ ซงึ่ มิใชส่ ่วนกลางตาม พ.ร.บ. ระเบยี บบริหารราชการ

3 แผน่ ดนิ หน่วยงานในกำกบั ของรัฐ องค์การมหาชน รฐั วิสาหกจิ องค์กรปกครองสว่ นท้องถน่ิ รวมถึงเงนิ อุดหนนุ งบพระมหากษตั รยิ ์ เงินอดุ หนนุ ศาสนา งบรายจา่ ยอน่ื หมายถึง รายจ่ายท่ีไม่เข้าลักษณะประเภทงบรายจ่ายใดงบรายจ่ายหนึ่ง หรอื รายจ่ายที่ สำนกั งานงบประมาณกำหนดให้ใช้จา่ ยในงบรายจ่ายน้ี เช่น เงนิ ราชการลบั เงนิ คา่ ปรบั ทจ่ี ่ายคืนใหแ้ กผ่ ขู้ ายหรอื ผรู้ บั จา้ ง ฯลฯ อตั ราเงินอุดหนุนรายหัวนกั เรียนต่อปกี ารศกึ ษา ระดบั ก่อนประถมศกึ ษา 1,700 บาท ระดบั ประถมศึกษา 1,900 บาท ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 3,500 บาท ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย 3,800 บาท การจัดสรรเงนิ อุดหนนุ รายหวั นักเรียน แบ่งการใชต้ ามสัดส่วน ดา้ นวิชาการ : ด้านบริหารทว่ั ไป : สำรองจ่ายทัง้ 2 ด้านคือ 1. ดา้ นวิชาการ ใหส้ ดั ส่วนไม่นอ้ ยกว่าร้อยละ 60 นำไปใชไ้ ดใ้ นเรอื่ ง 1.1 จัดหาวสั ดุและครุภัณฑ์ท่จี ำเป็นต่อการเรยี นการสอน 1.2 ซอ่ มแซมวสั ดอุ ปุ กรณ์ 1.3 การพัฒนาบุคลาการด้านการสอน เช่น ส่งครูเข้าอบรมสมั มนา ค่าจ้างชวั่ คราวของครปู ฏบิ ัติการ สอน ค่าสอนพเิ ศษ 2. ดา้ นบริหารท่วั ไป ใหส้ ดั ส่วนไม่เกนิ ร้อยละ 30 นำไปใช้ได้ในเรอ่ื ง 2.1 ค่าวสั ดุ ครุภัณฑ์และค่าทดี่ นิ ส่งิ กอ่ สรา้ ง คา่ จา้ งชัว่ คราวที่ไม่ใชป่ ฏิบัตกิ ารสอนค่าตอบแทน คา่ ใช้สอย 2.2 สำรองจา่ ยนอกเหนือด้านวิชาการและด้านบริหารท่ัวไป ให้สดั สว่ นไม่เกินร้อยละ 20 นำไปใชใ้ น เรอ่ื งงานตามนโยบาย เงินอุดหนนุ ปจั จยั พ้ืนฐานสำหรบั นกั เรียนยากจน 1. เปน็ เงนิ ท่ีจดั สรรใหแ้ กส่ ถานศึกษาท่ีมนี กั เรียนยากจน เพื่อจดั หาปัจจยั พื้นฐานทจ่ี ำเปน็ ต่อการดำรงชีวิตและ เพ่ิมโอกาศทางการศกึ ษา เป็นการชว่ ยเหลือนกั เรยี นนที่ยากจน ชน้ั ป.1 ถึง ม.3 ใหม้ โี อกาสไดร้ บั การศึกษาใน ระดบั ที่สูงข้นึ (ยกเว้นสถานศึกษาสังกัดสำนกั บริหารงานการศึกษาพิเศษ) 2. นักเรียนยากจน หมายถึง นักเรยี นท่ีผูป้ กครองมรี ายได้ตอ่ ครวั เรอื น ไม่เกนิ 40,000 บาท 3. แนวการใช้ ให้ใช้ในลักษณะ ถัวจ่าย ในรายการต่อไปนี้ 3.1 คา่ หนังสอื และอุปกรณ์การเรียน(ยืมใช)้ 3.2 คา่ เสื้อผา้ และวสั ดเุ ครือ่ งแตง่ กายนักเรียน(แจกจา่ ย) 3.3 ค่าอาหารกลางวนั (วัตถุดิบ จา้ งเหมา เงินสด) 3.4 ค่าพาหนะในการเดนิ ทาง (เงินสด จ้างเหมา) 3.5 กรณจี า่ ยเป็นเงนิ สด โรงเรียนแตง่ ตง้ั กรรมการ 3 คน รว่ มกันจา่ ยเงินโดยใชใ้ บสำคัญรับเงนิ เปน็ หลักฐาน 3.6 ระดับประถมศึกษา คนละ 1,000 บาท/ปี 3.7 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น คนละ 3,000 บาท/ปี

4 2. รายจา่ ยงบกลาง หมายถึง รายจา่ ยท่ตี ้ังไว้เพื่อจดั สรรให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจโดยทวั่ ไปใช้จ่าย ตามรายการดังตอ่ ไปน้ี 1. “เงินเบี้ยหวดั บำเหน็จบำนาญ” หมายความว่า รายจ่ายท่ีตั้งไว้เพื่อจ่ายเป็นเงนิ บำนาญ ขา้ ราชการ เงนิ บำเหนจ็ ลกู จ้างประจำ เงนิ ทำขวัญขา้ ราชการและลูกจ้าง เงนิ ทดแทนข้าราชการวสิ ามญั เงนิ คา่ ทดแทนสำหรับผู้ไดร้ บั อันตรายในการรักษาความมั่นคงของประเทศ เงินช่วยพิเศษข้าราชการบำนาญเสยี ชีวิต เงนิ สงเคราะห์ผปู้ ระสบภัยเนอื่ งจากการช่วยเหลือ ขา้ ราชการ การปฏิบัตงิ านของชาตหิ รอื การปฏบิ ตั ติ ามหน้าทีม่ นษุ ยธรรม และเงนิ ช่วยค่าครองชีพผรู้ บั เบยี้ หวดั บำนาญ 2. “เงินชว่ ยเหลอื ข้าราชการ ลูกจ้าง และพนกั งานของรฐั ” หมายความวา่ รายจ่ายท่ีตั้งไวเ้ พือ่ จา่ ยเปน็ เงินสวัสดกิ ารช่วยเหลอื ในด้านต่างๆ ใหแ้ ก่ขา้ ราชการ ลกู จา้ ง และพนักงานของรฐั ไดแ้ ก่ เงนิ ช่วยเหลือ การศกึ ษาของบุตร เงินชว่ ยเหลอื บุตร และเงินพเิ ศษในการณตี ายในระหวา่ งรบั ราชการ 3. “เงินเลอื่ นเลื่อนอนั ดับเงนิ เดือนและเงินปรับวฒุ ิขา้ ราชการ หมายความว่ารายจา่ ยทีต่ ั้งไว้ เพื่อจ่ายเปน็ เงินเลอ่ื นข้ันเล่ือนอันดบั เงินเดือนขา้ ราชการประจำปี เงนิ เลื่อนข้ันเลื่อนอันดับเงินเดือนข้าราชการที่ ไดร้ บั เลอ่ื นระดับ และหรือแตง่ ตัง้ ให้ดำรงตำแหน่งระหวา่ งปแี ละเงนิ ปรบั วฒุ ขิ ้าราชการ 4. “เงนิ สำรอง เงนิ สมทบ และเงนิ ชดเชยของข้าราชการ” หมายความว่า รายจา่ ยทต่ี ง้ั ไว้เพือ่ จ่ายเปน็ เงนิ สำรอง เงินสมทบ และเงินชดเชยทรี่ ัฐบาลนำสง่ เขา้ กองทุนบำเหนจ็ บำนาญข้าราชการ 5. “เงนิ สมทบของลูกจ้างประจำ” หมายความว่า รายจา่ ยท่ีตงั้ ไวเ้ พ่ือจ่ายเปน็ เงินสมทบท่ี รัฐบาลนำสง่ เข้ากองทนุ สำรอง เลยี้ งชีพลูกจา้ งประจำ 6. “คา่ ใชจ้ ่ายเก่ยี วกบั การเสดจ็ พระราชดำเนและต้อนรบั ประมุขตา่ งประเทศ หมายความว่า รายจ่ายทต่ี ัง้ ไวเ้ พื่อเป็นค่าใช้จ่ายสนับสนนุ พระราชภารกจิ ในการเสด็จพระราชดำเนนิ ภายในประเทศ และหรอื ต่างประเทศ และคา่ ใช้จา่ ยในการตอ้ นรับประมุขต่างประเทศที่มายาเยือนประเทศไทย 7. “เงนิ สำรองจ่ายเพื่อกรณีฉกุ เฉินหรือจำเปน็ ” หมายความวา่ รายจา่ ยท่ตี ั้งสำรองไว้เพ่อื จัดสรรเป็นคา่ ใชจ้ า่ ยในกรณีฉุกเฉนิ หรอื จำเปน็ 8. “คา่ ใช้จ่ายในการดำเนนิ การรักษาความมัน่ คงของประเทศ” หมายความว่า รายจา่ ยทีต่ ัง้ ไว้ เพอ่ื เป็นค่าใช้จา่ ยในการดำเนินงานรักษาความมัน่ คงของประเทศ 9. “เงนิ ราชการลับในการรักษาความมั่นคงของประเทศ” หมายความวา่ รายจ่ายที่ตงั้ ไวเ้ พอ่ื เบิกจา่ ยเปน็ เงินราชการลับในการดำเนนิ งานเพ่ือรกั ษาความมน่ั คงของประเทศ 10. “คา่ ใชจ้ า่ ยตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ” หมายความว่า รายจ่ายท่ีตั้งไว้เพ่ือ เปน็ ค่าใช้จ่าในการดำเนินงานตามโครงการอนั เน่ืองมาจากพระราชดำริ 11. “คา่ ใช้จ่ายในการรำษาพยาบาลข้าราชการ ลกู จ้าง และพนกั งานของรฐั ” หมายความวา่ รายจ่ายที่ตงั้ ไวเ้ ป็นค่าใชจ้ ่ายในการชว่ ยเหลือคา่ รกั ษาพยาบาลขา้ ราชการ ลูกจา้ งประจำ และพนักงานของรัฐ เงินนอกงบประมาณ 1. เงินรายได้สถานศึกษา 2. เงินภาษหี กั ณ ทจี่ ่าย 3. เงินลกู เสือ เนตรนารี

5 4. เงินยวุ กาชาด 5. เงินประกนั สัญญา 6. เงนิ บริจาคทม่ี วี ัตถปุ ระสงค์ เงนิ รายไดส้ ถานศึกษา หมายถึง เงินรายไดต้ ามมาตรา 59 แห่ง พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ซง่ึ เกดิ จาก 1. ผลประโยชนจ์ ากทรัพย์สินทเี่ ป็นราชพสั ดุ 2. ค่าบริการและค่าธรรมเนียม ท่ไี ม่ขัดหรอื แย้งนโยบาย วตั ถปุ ระสงค์และภารกิจหลักของสถานศึกษา 3. เบ้ยี ปรบั จากการผดิ สญั ญาลาศกึ ษาตอ่ และเบย้ี ปรับการผิดสัญญาซือ้ ทรัพยสนิ หรือจา้ งทำของจากเงิน งบประมาณ 4. คา่ ขายแบบรปู รายการ เงนิ อุดหนนุ อปท. รวมเงินอาหารกลางวนั 5. คา่ ขายทรัพย์สินที่ได้มาจากเงินงบประมาณ งานพสั ดุ “การพสั ด”ุ หมายความว่า การจัดทำเอง การซื้อ การจ้าง การจ้างที่ปรึกษา การจ้างออกแบบและ ควบคุมงาน การแลกเปลย่ี น การเช่า การควบคุม การจำหน่าย และการดำเนนิ การอ่ืนๆ ท่ีกำหนดไวใ้ นระเบยี บ น้ี “พัสด”ุ หมายความวา่ วัสดุ ครภุ ัณฑ์ ทีด่ ินและส่ิงกอ่ สร้าง ทก่ี ำหนดไวใ้ นหนังสือ การจำแนกประเภท รายจ่ายตามงบประมาณของสำนกั งบประมาณ หรือการจำแนกประเภทรายจา่ ย ตามสัญญาเงนิ กู้จากต่างประเทศ “การซื้อ” หมายความวา่ การซ้อื พสั ุทกุ ชนิดทง้ั ที่มีการตดิ ตั้ง ทดลอง และบริการทเี่ ก่ียวเน่ืองอ่ืนๆ แต่ ไมร่ วมถงึ การจัดหาพัสดุในลักษณะการจ้าง “การจา้ ง” ใหห้ มายความรวมถึง การจ้างทำของและการับขนตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ และการจ้างเหมาบริการ แต่ไมร่ วมถงึ การจ้างลูกจ้างของส่วนราชการตามระเบียบของกระทรวงการคลัง การับขน ในการเดนิ ทางไปราชการตามกฎหมายว่าด้วยค่าใช้จา่ ยในการเดินทางไปราชการ การจา้ งทป่ี รกึ ษ การจ้าง ออกแบบและควบคุมงาน และการจ้างแรงงานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ ขอบขา่ ยภารกจิ 1. กฎหมาย ระเบยี บ และเอกสารทีเ่ กี่ยวขอ้ ง 2. ระเบียบสำนกั นายกรัฐมนตรวี ่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และแก้ไขเพิม่ เติม 3. ระเบยี บสำนกั นายกรัฐมนตรวี ่าด้วยการพสั ดดุ ้วยวธิ กี ารทางอิเลก็ ทรอนกิ ส์ พ.ศ. 2549 4. แนวทางการปฏบิ ตั ติ ามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี วา่ ดว้ ยการพสั ดุด้วยวธิ กี ารทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2549 หน้าทีแ่ ละความรบั ผิดชอบ 1. จัดวางระบบและปฏิบตั ิงานเกี่ยวกับจดั หา การซ้ือ การจ้าง การเก็บรกั ษา และการเบิกพัสดุ การ ควบคมุ และการจำหน่ายพัสดุให้เปน็ ไปตามระเบียบทีเ่ ก่ียวข้อง 2. ควบคุมการเบกิ จา่ ยเงนิ ตามประเภทเงิน ใหเ้ ป็นไปตามแผนปฏิบตั ริ าชการรายปี 3. จดั ทำทะเบยี นทดี่ ินและสง่ิ ก่อสร้างทุกประเภทของสถานศึกษา 4. ประสานงานและวางแผนในการใช้พน้ื ทีข่ องสถานศกึ ษา ใหเ้ ปน็ ไปตามแผนพัฒนาการศึกษา

6 5. กำหนดหลักเกณฑ์วิธีการและดำเนินการเก่ียวกบั การจัดหาประโยชน์ทรี่ าชพสั ดกุ ารใช้และการขอใช้อาคาร สถานที่ของสถานศกึ ษาใหเ้ ป็นไปตามกฎหมายและระเบียบทเี่ กย่ี วข้องควบคุมดู ปรบั ปรุง ซ่อมแซม บำรุงรกั ษา ครุภัณฑ์ ให้อยู่ในสภาพเรยี บร้อยต่อการใชง้ านและพฒั นาอาคารสถานที่ การอนุรกั ษ์พลงั งาน การรักษา สภาพแวดล้อม และระบบสาธารณปู โภคของสถานศึกษาใหเ้ ปน็ ระเบยี บและสวยงาม 6. จดั เวรยามดูแลอาคารสถานที่ของสถานศกึ ษาใหป้ ลอดภยั จากโจรภัย อคั คีภัยและภัยอน่ื ๆ 7. จดั วางระบบและควบคมุ การใชย้ านพาหนะ การเบิกจ่ายน้ำมนั เชื้อเพลิงการบำรงุ รักษาและการพัสดุต่างๆ ทเ่ี ก่ียวกบั ยานพาหนะของสถานศกึ ษาให้เป็นไปตามระเบยี บทเี่ กย่ี วข้อง 8. ใหค้ ำแนะนำ ช้ีแจง และอำนวยความสะดวกแกบ่ คุ ลากรในสถานศกึ ษาเกีย่ วกับงานในหนา้ ที่ 9. เกบ็ รกั ษาเอกสารและหลกั ฐานต่างๆ ไว้เพื่อการตรวจสอบและดำเนินการทำลายเอกสารตามระเบยี บที่ เกี่ยวข้อง 10. ประสานงานและใหค้ วามร่วมมอื กบั หนว่ ยงานต่างๆ ทงั้ ภายในและภายนอกสถานศึกษา 11. เสนอโครงการและรายงานการปฏิบัตงิ านในหนา้ ทต่ี ามลำดับขั้น 12. ปฏบิ ัตอิ ่ืนตามท่ีไดร้ บั มอบหมาย สวสั ดกิ ารและสิทธิประโยชน์ 1. คา่ ใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ 1.1 กฎหมายและระเบียบทีเ่ ก่ยี วข้อง 1.2 พระราชกฤษฎีกาค่าใชจ้ ่ายในการเดนิ ทางไปราชการ พ.ศ. 2526 และที่แก้ไขเพิม่ เติม 1.3 ระเบยี บกระทรวงการคลงั วา่ ด้วยการเบิกคา่ ใชจ้ ่ายในการเดนิ ทางไปราชการ พ.ศ. 2550 2. คา่ ใชจ้ ่ายในการเดนิ ทางไปราชการ การอนมุ ัติเดนิ ทางไปราชการ ผู้มอี ำนาจอนุมตั ิให้เดนิ ทางไปราชการ อนมุ ัตริ ะยะเวลาในการเดินทาง ลว่ งหนา้ หรือระยะเวลาหลังเสรจ็ สน้ิ การปฏบิ ตั ริ าชการได้ตามความจำเป็น 3. การนับเวลาเดนิ ทางไปราชการเพ่อื คำนวณเบีย้ เลี้ยง กรณีพกั ค้าง 3.1 ใหน้ ับ 24 ชว่ั โมงเปน็ 1 วนั 3.2 ถา้ ไม่ถงึ 24 ชั่วโมงหรอื เกิน 24 ชวั่ โมง และสว่ นท่ไี ม่ถึงหรอื เกิน 24 ชวั่ โมง นับไดเ้ กนิ 12 ชว่ั โมง ใหถ้ อื เปน็ 1 วนั 4. การนับเวลาเดินทางไปราชการเพ่อื คำนวณเบี้ยเลยี้ งเดินทาง กรณีไม่พักคา้ ง 4.1 หากนบั ได้ไม่ถึง 24 ช่ัวโมงและส่วนท่ไี มถ่ ึงนบั ได้เกิน 12 ชั่วโมง ใหถ้ อื เป็น 1วัน 4.2 หากนับได้ไมเ่ กิน 12 ช่วั โมง แต่เกนิ 6 ช่วั โมงขึน้ ไป ใหถ้ ือเปน็ คร่ึงวัน 5. การนบั เวลาเดนิ ทางไปราชการเพอ่ื คำนวณเบยี้ เลยี้ งเดินทาง 6. กรณีลากจิ หรือลาพักผอ่ นกอ่ นปฏบิ ัตริ าชการ ให้นบั เวลาตั้งแตเ่ ริม่ ปฏบิ ัตริ าชการเปน็ ต้นไป 7. กรณลี ากจิ หรือลาพักผ่อนหลังเสร็จส้นิ การปฏิบัติราชการ ใหถ้ อื ว่าสทิ ธใิ นการเบิกจา่ ยเบี้ยเลี้ยงเดินทาง ส้นิ สดุ ลงเมือ่ สิน้ สุดเวลาการปฏบิ ัติราชการ 8. หลักเกณฑก์ ารเบิกค่าเช่าที่พักในประเทศ

7 การเบกิ ค่าพาหนะ 1. โดยปกติให้ใชย้ านพาหนะประจำทางและใหเ้ บิกคา่ พาหนะโดยประหยัด 2. กรณีไม่มยี านพาหนะประจำทาง หรอื มีแตต่ ้องการความรวดเร็ว เพื่อประโยชนแ์ ก่ทางราชการ ให้ ใช้ยานพาหนะอ่ืนได้ แตต่ ้องช้แี จงเหตผุ ลและความจำเปน็ ไวใ้ นหลกั ฐานขอเบกิ คา่ พาหนะนนั้ 3. ข้าราชการระดับ 6 ขนึ้ ไป เบกิ ค่าพาหนะรับจา้ งได้ ในกรณีต่อไปนี้ 3.1 การเดนิ ทางไป-กลบั ระหวา่ งสถานทอ่ี ยู่ ท่ีพัก หรอื สถานท่ปี ฏิบตั ริ าชการกบั สถานี ยานพาหนะประจำทาง หรอื สถานทจ่ี ัดพาหนะที่ใชเ้ ดนิ ทางภายในเขตจงั หวดั เดยี วกนั 3.2 การเดินทางไป-กลับ ระหว่างสถานทอ่ี ยู่ ท่ีพัก กับสถานที่ปฏบิ ัตริ าชการภายในเขตจงั หวดั เดียวกัน วนั ละไม่เกนิ 2 เที่ยว 3.3 การเดนิ ทางไปราชการในเขตกรุงเทพมหานคร กรณเี ป็นการเดนิ ทางข้ามเขตจังหวัด ให้เบกิ ตามอตั ราทีก่ ระทรวงการคลงั กำหนด คือ ให้เบิกตามทจ่ี า่ ยจรงิ ดังน้ี ระหวา่ งกรุงเทพมหานครกับเขต จงั หวัดติดต่อกรงุ เทพมหานคร ไมเ่ กนิ เทยี่ วละ่ 400 บาท เดินทางขา้ มเขตจงั หวัดอ่นื นอกเหนือกรณี ดงั กลา่ วข้างตน้ ไมเ่ กนิ เท่ียวละ 300 บาท 3.4 ผ้ไู มม่ ีสิทธเิ บกิ ถ้าตอ้ งนำสัมภาระในการเดนิ ทาง หรอื ส่ิงของเครอื่ งใชข้ องทางราชการไปด้วย และเปน็ เหตุให้ไม่สะดวกทจ่ี ะเดนิ ทางโดยยานพาหนะประจำทาง ใหเ้ บิกคา่ พาหนะรับจ้างได้(โดยแสดง เหตผุ ลและความจำเป็นไวใ้ นรายงานเดินทาง) 3.5 การเดนิ ทางลว่ งหนา้ หรือไม่สามารถกลบั เม่ือเสร็จสน้ิ การปฏบิ ตั ิราชการเพราะมเี หตสุ ว่ นตวั (ลากจิ - ลาพักผอ่ นไว)้ ให้เบิกคา่ พาหนะเทา่ ที่จ่ายจรงิ ตามเสน้ ทางท่ีได้รบั คำสัง่ ใหเ้ ดนิ ทางไปราชการ กรณมี ีการเดินทางนอกเสน้ ทางในระหวา่ งการลานัน้ ใหเ้ บิกค่าพาหนะไดเ้ ท่าท่จี ่ายจรงิ โดยไมเ่ กนิ อัตราตาม เส้นทางท่ไี ด้รับคำสัง่ ให้เดนิ ทางไปราชการ 3.6 การใช้ยานพาหนะส่วนตัว (ให้ขออนุญาตและไดร้ บั อนุญาตแลว้ ) ใหไ้ ดร้ ับเงนิ ชดเชย คือ รถยนตก์ ิโลเมตรละ 4 บาท คา่ ใช้จา่ ยในการฝกึ อบรม การฝกึ อบรม หมายถึง การอบรม ประชุม/สมั มนา (วิชาการเชิงปฏบิ ัติการ) บรรยายพิเศษ ฝกึ งาน ดู งาน การฝึกอบรม ประกอบด้วย 1. หลักการและเหตุผล 2. โครงการ/หลักสตู ร 3. ระยะเวลาจดั ที่แนน่ อน 4. เพ่อื พฒั นาหรือเพ่มิ ประสทิ ธภิ าพในการปฏิบตั ิงาน คา่ รกั ษาพยาบาล คา่ รกั ษาพยาบาล หมายถงึ เงนิ ทส่ี ถานพยาบาลเรียกเก็บในการรกั ษาพยาบาลเพื่อให้รา่ งกายกลับสู่สภาวะ ปกติ (ไม่ใช่เป็นการป้องกันหรอื เพื่อความสวยงาม) 1. ระเบยี บและกฎหมายทีเ่ กย่ี วข้อง 1.1 พระราชกฤษฎีกาเงินสวัสดิการเกย่ี วกับการรักษาพยาบาล พ.ศ. 2523 และแกไ้ ขเพ่ิมเติม( 8 ฉบับ)

8 1.2 ระเบียบกระทรวงการคลงั วา่ ด้วยการเบกิ จ่ายเงินสวัสดิการเกี่ยวกบั การรักษาพยาบาล พ.ศ. 2545 2. ผู้ทม่ี สี ิทธริ ับเงินคา่ รักษาพยาบาล คือ ผู้มีสิทธและบคุ คลในครอบครัว 2.1 บิดา 2.2 มารดา 2.3 คูส่ มรสท่ชี อบดว้ ยกฎหมาย 2.4 บตุ รท่ีชอบดว้ ยกฎหมาย ซงึ่ ยังไม่บรรลุนิตภิ าวะ หรอื บรรลุนิติภาวะแล้ว แต่เป็นคนไร้ความสามารถ หรือเสมอื นคนไร้ความสามารถ(ศาลส่ัง) ไมร่ วมบุตรบญุ ธรรมหรือบตุ รซงึ่ ไดย้ กเปน็ บุตรบุญธรรมบุคคล อืน่ แล้ว 3. ผมู้ ีสทิ ธิ หมายถงึ ขา้ ราชการ ลกู จา้ งประจำ ผุร้ ับเบ้ียหวดั บำนาญ และลูกจา้ งชาวต่างประเทศซ่งึ ไดร้ บั ค่าจ้างจากเงนิ งบประมาณ ค่ารักษาพยาบาล แบ่งเปน็ 2 ประเภท ประเภทไข้นอก หมายถงึ เข้ารบั การรกั ษาในสถานพยาบาลของทางราชการโดยไม่ไดน้ อนพกั รกั ษาตวั นำใบเสรจ็ รับเงนิ มาเบกิ จา่ ย ไมเ่ กิน 1 ปี นับจากวนั ที่จา่ ยเงนิ ประเภทไขใ้ น หมายถึง เขา้ รับการรักษาในสถานพยาบาลของเอกชน หรอื สถานพยาบาลของทาง ราชการ สถานพยาบาลเอกชน ใช้ใบเสรจ็ รับเงนิ นำมาเบิกจ่ายเงิน พรอ้ มให้แพทย์รับรอง “หากผปู้ ่วยมิได้เจา้ รับ การรักษาพยาบาลในทนั ทีทนั ใด อาจเปน็ อันตรายถึงชวี ิต” และสถานพยาบาลทางราชการ ใชห้ นงั สอื รับรองสิทธิ กรณยี ังไม่ได้เบกิ จา่ ยตรง การศึกษาบตุ ร คา่ การศึกษาของบุตร หมายความว่า เงินบำรงุ การศึกษา หรอื เงนิ ค่าเลา่ เรยี น หรือเงินอ่ืนใดที่ สถานศึกษาเรียกเก็บและรฐั ออกให้เป็นสวสั ดิการกับขา้ ราชการผู้มสี ิทธิ 1. ระเบยี บและกฎหมายท่ีเกย่ี วข้อง 1.1 พระราชราชกฤษฎีกาเงินสวัสดกิ ารเกยี่ วกบั การศึกษาของบุตร พ.ศ. 2523 1.2 ระเบียบกระทรวงการคลงั ว่าดว้ ยการเบิกจา่ ยเงินสวัสดกิ ารเกีย่ วกับการศึกษาของบตุ ร พ.ศ. 2547 1.3 หนงั สือเวียนกรมบัญชีกลาง กค 0422.3/ว 161 ลงวันท่ี 13 พฤษภาคม 2552 เรื่อง ประเภท และอัตราเงนิ บำรุงการศึกษาในสถานศึกษาของทางราชการ และค่าเลา่ เรยี นในสถานศึกษาของเอกชน และกรมบัญชกี ลาง ที่ กค 0422.3/ว 226 ลงวันท่ี 30 มิถนุ ายน 2552 เร่ืองการเบิกเงนิ สวสั ดกิ ารเกี่ยวกบั การศึกษาของบุตร 2. ผู้ที่มสี ทิ ธิรบั เงินคา่ การศึกษาของบตุ ร 2.1 บุตรชอบโดยกฎหมายอายุไมเ่ กนิ 25 ปบี รบิ รู ณ์ ในวันที่ 1 พฤษภาคมของทุกปี ไม่รวมบุตรบญุ ธรรม หรอื บตุ รซงึ่ ไดย้ กให้เป็นบตุ รบญุ ธรรมคนอืน่ แล้ว 2.2 ใชส้ ทิ ธเิ บกิ ได้ 3 คน เว้นแต่บตุ รคนที่ 3 เป็นฝาแฝดสามารถนำมาเบิกได้ 4 คน 2.3 เบิกเงินสวสั ดิการเก่ียวกับศกึ ษาบตุ รภายใน 1 ปี นับตั้งแตว่ ันเปิดภาคเรยี นของแตล่ ะภาค จำนวนเงินท่ีเบิกได้ 1. ระดับอนบุ าลหรอื เทยี บเท่า เบิกได้ปีละไมเ่ กนิ 4,650 บาท 2. ระดบั ประถมศึกษาหรอื เทียบเท่า เบิกได้ปลี ะไมเ่ กนิ 3,200 บาท

9 3. ระดับมัธยมศึกษาตอนตน้ /มัธยมศกึ ษาตอนปลาย/หลกั สูตรประกาศนยี บัตรวิชาชพี (ปวช.) หรือ เทียบเท่า เบิกได้ปีละไม่เกิน 3,900 บาท 4. ระดบั อนปุ ริญญาหรอื เทยี บเท่า เบกิ ได้ปีละไม่เกนิ 11,000 บาท ค่าเช่าบา้ น 1. ระเบียบและกฎหมายทเี่ กี่ยวข้อง 1.1 พระราชกฤษฎีกาคา่ เชา่ ช้านข้าราชการ พ.ศ. 2550 1.2 ระเบยี บกระทรวงการคลังว่าดว้ ยการเบิกจา่ ยเงนิ ค่าเชา่ บา้ น พ.ศ. 2549 2. สทิ ธกิ ารเบิกเงินค่าเชา่ บา้ น 2.1 ได้รับคำส่ังใหเ้ ดนิ ทางไปประจำสำนักงานใหม่ในต่างท้องที่ เวน้ แต่ 2.1.1 ทางราชการไดจ้ ัดท่ีพักอาศัยใหอ้ ยแู่ ลว้ 2.1.2 มีเคหสถานเป็นของตนเองหรือคูส่ มรส 2.1.3 ได้รับคำสัง่ ใหเ้ ดนิ ทางไปประจำสำนักงานใหม่ในตา่ งทอ้ งท่ตี ามคำร้องขอของตนเอง 2.2 ขา้ ราชการผู้ได้รับคำสั่งให้เดนิ ทางไปประจำสำนักงานในท้องทที่ ี่รบั ราชการครงั้ แรกหรือท้องทท่ี ่ีกลับ เขา้ รบั ราชการใหม่ ให้มสี ทิ ธิได้รับเงนิ คา่ เชา้ บ้าน (พระราชกฤษฎกี าเช่าบา้ น 2550 (ฉบับท่ี 2) มาตรา 7) 2.3 ข้าราชการมสี ทิ ธไิ ดร้ บั เงนิ ค่าเชา่ บ้านตัง้ แตว่ นั ที่เชา่ อยจู่ ริง แตไ่ ม่ก่อนวันที่รายงานตวั เพ่ือเข้ารับหนา้ ที่ (พระราชกฤษฎีกาคา่ เช่าบา้ น 2547 มาตรา 14) 2.4 ขา้ ราชการซง่ึ มีสทิ ธิไดร้ บั เงนิ ค่าเชา่ บ้านได้เชา่ ซ้ือหรือผอ่ นชำระเงินกู้เพ่ือชำระราคาบ้านท่ีค้างชำระอยู่ ในทอ้ งทที่ ี่ไปประจำสำนักงานใหม่ มีสิทธินำหลกั ฐานการชำระค่าเช่าซ้ือหรอื คา่ ผอ่ นชำระเงนิ กูฯ้ มา เบิกได้ (พระราชกฤษฎีกาคา่ เชา่ บ้าน 2547 มาตรา 17) กองทนุ บำเหนจ็ บำนาญขา้ ราชการ (กบข.) 1. กฎหมายท่ีเกีย่ วข้อง 1.1 พ.ร.บ.กองทุนบำเหนจ็ บำนาญขา้ ราชการ พ.ศ. 2539 มาตรา 3 ในพระราชบัญญัติน้ี (สว่ นทเ่ี ก่ียวขอ้ ง) บำนาญ หมายความวา่ เงินทจี่ า่ ยให้แกส่ มาชกิ เปน็ รายเดือนเมื่อสมาชิกภาพของสมาชิกส้ินสุดลง บำเหน็จตกทอด หมายความวา่ เงินทจี่ ่ายให้แกส่ มาชิก โดยจา่ ยให้คร้งั เดียวเมื่อสมาชกิ ภาพ ของสมาชิกสิน้ สดุ ลง บำเหนจ็ ตกทอด หมายความว่า เงนิ ทจ่ี า่ ยให้แก่ทายาทโดยจ่ายให้คร้ังเดยี วในกรณที ่ีสมาชิก หรือผรู้ ับบำนาญถงึ แก่ความตาย 1.2 พ.ร.บ.กองทนุ บำเหน็จบำนาญขา้ ราชการ (ฉบบั ท่ี 2 ) พ.ศ. 2542 2. ขา้ ราชการทุกประเภท (ยกเวน้ ราชการทางการเมือง) มสี ิทธสิ มัครเป็นสมาชกิ กบข. ได้แก่ ข้าราชการ ครู ขา้ ราชการใหม่ ไดแ้ ก่ ผูซ้ งึ่ เขา้ รับราชการหรอื โอนมาเปน็ ราชการต้งั แต่วันท่ี 27 มีนาคม 2540 เปน็ ต้น จะตอ้ ง เปน็ สมาชิก กบข. และสะสมเงินเขา้ กองทนุ สมาชิกทจ่ี า่ ยสะสมเขา้ กองทนุ ในอัตรารอ้ ยละ 3 ของเงินเดือนเปน็

10 ประจำทกุ เดือน รฐั บาลจะจา่ ยเงนิ สมทบใหก้ ับสมาชิกในอัตราร้อยละ 3 ของเงินเดือนเปน็ ประจำทุกเดือน เชน่ เดียวกนั และจะนำเงนิ ดังกลา่ วไปลงทุนหาผลประโยชนเ์ พอื่ จ่ายให้กบั สมาชิกเมื่อกอกจากราชการ ระเบียบสำนกั งานคณะกรรมการสง่ เสริมสวัสดิการและสวสั ดิภาพครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษาว่าด้วยการ ฌาปนกิจสงเคราะห์เพอื่ นครูและบุคลากรทางการศึกษา(ช.พ.ค.) ในระเบียบน้ี ช.พ.ค. หมายความวา่ การฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพอ่ื นครูและบุคลากรทางการศกึ ษาการ จัดตั้ง ช.พ.ค. มีความมุง่ หมายเพอ่ื เปน็ การกศุ ลและมวี ตั ถุประสงค์ใหส้ มาชิกได้ทำการสงเคราะห์ซึ่งกนั และกนั ใน การจดั การศพและสงเคราะห์ครอบครัวของสมาชกิ ช.พ.ค. ท่ีถงึ แก่กรรมหลักเกณฑ์และวิธีการจา่ ยเงนิ ค่าจัดการ ศพและเงินสงเคราะหค์ รอบครัวให้เปน็ ไปตามที่คณะกรรมการ ช.พ.ค. กำหนด ครอบครวั ของสมาชิก ช.พ.ค หมายถงึ บคุ คลตามลำดับ ดงั น้ี 1. คู่สมรสท่ชี อบดว้ ยกฎหมาย บตุ รท่ชี อบดว้ ยกฎหมาย บุตรบญุ ธรรม บุตรนอกสมรสที่บิดารบั รองแลว้ และบดิ ามารดาของสมาชิก ช.พ.ค. 2. ผ้อู ยู่ในอุปการะอย่างบุตรของสมาชกิ ช.พ.ค. 3. ผู้อปุ การะสมาชกิ ช.พ.ค. ผู้มีสิทธไิ ดร้ ับการสงเคราะหต์ ามวรรคหนึ่งยงั มชี วี ิตอยู่ หรือมผี รู้ ับมรดกยังไม่ขาดสายแล้วแตก่ รณใี น ลำดบั หนง่ึ ๆ บุคคลท่ีอยู่ในลำดบั ถดั ไปไม่มสี ิทธิได้รบั เงินสงเคราะหค์ รอบครวั ระเบยี บนี้ การสงเคราะหค์ รอบครัวของสมาชิก ช.พ.ค. สำหรบั บุตรใหพ้ จิ ารณาใหบ้ ตุ รสมาชกิ ช.พ.ค. ได้รับ ความช่วยเหลือเปน็ เงินทนุ สำหรับการศกึ ษาเล่าเรยี นเปน็ ลำดบั แรก สมาชิก ช.พ.ค. ต้องระบบุ ุคคลใดบุคคลหนงึ่ หรือหลายคน เป็นผมู้ ีสทิ ธิรับเงนิ สงเคราะห์ สมาชิก ช.พ.ค. มีหนา้ ทีด่ งั ต่อไปนี้ 1. ตอ้ งปฏิบตั ิตามระเบียบน้ี 2. สง่ เงินสงเคราะห์รายศพ เม่ือสมาชิก ช.พ.ค. อ่นื ถึงแก่กรรมศพละหน่งึ บาทภายใต้เงือ่ นไขดงั ต่อไปน้ี 3. สมาชิก ช.พ.ค. ทีเ่ ป็นข้าราชการประจำ ขา้ ราชการบำนาญและผ้ทู ีม่ ีเงินเดือนหรือรายได้ รายเดอื น ตอ้ ง ยนิ ยอมให้เจา้ หน้าที่ผูจ้ ่ายเงนิ เดือนหรอื เงนิ บำนาญเป็นผหู้ ักเงินเพ่ือชำระเงินสงเคราะห์รายศพ ณ ทีจ่ ่าย ตามประกาศรายชื่อสมาชิก ช.พ.ค. ทถ่ี งึ แกก่ รรม คำจำกดั ความ แผนการปฏิบัติงาน และแผนการใช้จ่ายงบประมาณ หมายถึง แผนแสดงรายละเอียดการปฎิบัติงาน และแสดงรายละเอียดการใชจ้ ่ายงบประมาณรายจ่ายตามแผนการปฏิบตั ิงานของโรงเรยี นบ้านห้วงปลาไหล “สิงหะ วทิ ยา”ในรอบปงี บประมาณ การใช้จ่ายงบประมาณ หมายถึง การใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายของโรงเรียนบ้านห้วงปลาไหล “สิงหะ วทิ ยา” เพ่ือดำเนินตามแผนการปฏบิ ัติงานในรอบปี การจัดสรรงบประมาณ หมายถึง การจดั สรรงบประมาณรายจ่ายตามพระราชบญั ญตั ิงบประมาณรายจ่าย ประจำปี หรือพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ให้ส่วนราชการใช้จ่ายหรือก่อหนี้ผูกพัน ทั้งนี้ อาจ ดำเนินการโดยใช้การอนุมตั เิ งนิ ประจำงวดหรอื โดยวธิ ีการอน่ื ใดตามที่สำนกั งบประมาณกำหนด

11 เป้าหมายยุทธศาสตร์ หมายถึง ผลสมั ฤทธิท์ ี่การใช้จ่ายงบประมาณตอ้ งการจะให้เกิดต่อนกั เรียน บคุ ลากร โรงเรียนบา้ นห้วงปลาไหล “สงิ หะวทิ ยา” แผนการปฏบิ ัตงิ าน หมายถึง แผนการปฏิบัติงานของโรงเรียนบา้ นห้วงปลาไหล “สิงหะวิทยา” ในรอบ ปีงบประมาณ แผนการใช้จ่ายงบประมาณ หมายถึง แผนแสดงรายละเอียดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายสำหรับ โรงเรียนบ้านห้วงปลาไหล “สิงหะวทิ ยา” เพือ่ ดำเนินงานตามแผนการปฏิบตั ิงานในรอบปีงบประมาณ โครงการ หมายถงึ โครงการท่ีกำหนดขึ้นเพือ่ ใชจ้ า่ ยเงินเป็นไปตามในระหว่างปีงบประมาณ งบรายจ่าย หมายถึง กลุ่มวัตถุประสงค์ของรายจ่าย ที่กำหนดให้จ่ายตามหลักการจำแนกประเภท รายจา่ ยตามงบประมาณ จำแนกงบรายจา่ ยตามหลกั จำแนกประเภทงบประมาณตามงบรายจา่ ย ดังนี้ งบบุคลากร หมายถึง รายจ่ายที่กำหนดให้จ่ายเพื่อการบริหารงานบุคคลภาครัฐ ได้แก่ รายจ่ายในลักษณะ เงินเดือน ค่าจ้างประจำ ค่าจ้างชั่วคราว และค่าตอบแทนพนักงานราชการ รวมถึงรายจ่ายที่กำหนดให้จ่ายจากงบ รายจา่ ยอนื่ ในลักษณะดังกลา่ ว งบดำเนินงาน หมายถึง รายจ่ายทก่ี ำหนดให้จ่ายเพื่อการบริหารงานประจำ ได้แก่รายจ่ายท่ีจ่ายในลักษณะ คา่ ตอบแทน คา่ ใชส้ อย ค่าวัสดุ ค่าสาธารณปู โภค งบลงทุน หมายถึง รายจ่ายที่กำหนดให้จ่ายเพื่อการลงทุน ได้แก่ รายจ่ายในลักษณะ ค่าครุภัณฑ์ ค่าที่ดิน และสง่ิ ก่อสร้าง งบเงินอุดหนุน หมายถึง รายจ่ายที่กำหนดให้จ่ายเป็นค่าบำรุง หรือเพื่อช่วยเหลือสนุบสนุนการดำเนนิ งาน ของหน่วยงานองค์กรตามรัฐธรรมนูญ หรือหน่วยงานของรัฐซึ่งมิใช่ส่วนราชการส่วนกลางตามพระราชบัญญัติ ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน หน่วยงานในกำกับของรัฐองค์การมหาชน รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน สภาตำบล องค์การระหว่างประเทศบติ ิบุคคล เอกชนหรอื กิจการอันเป็นสาธารณประโยชน์ รวมถงึ เงินอุดหนุนงบ พระมหากษตั ริย์ เงินอุดหนนุ การศาสนา และรายจ่ายทสี่ ำนักงบประมาณกำหนดใหจ้ า่ ยในงบรายจา่ ยนี้ งบรายจ่ายอื่น หมายถึง รายจ่ายที่ไม่เข้าลักษณะประเภทงบรายจ่ายใดงบรายจ่ายหนึ่ง หรือรายจ่ายที่ สำนกั งบประมาณกำหนดให้ใชจ้ ่ายในงบรายจา่ ยน้ี เชน่ (1) เงินราชการลบั (2) เงินค่าปรับท่จี ่ายคืนให้แก่ผ้ขู ายหรือผรู้ บั จา้ ง (3) ค่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อศึกษา วิจัย ประเมินผล หรือพัฒนาระบบต่างๆซึง่ มิใช่เพือ่ การจัดหา หรือปรับปรุง ครุภณั ฑท์ ี่ดนิ หรือสิง่ ก่อสรา้ ง (4) ค่าใชจ้ า่ ยในการเดนิ ทางไปราชการตา่ งประเทศช่วั คราว (5) ค่าใช้จ่ายสำหรบั หนว่ ยงานองคก์ รตามรัฐธรรมนูญ (ส่วนราชการ) (6) คา่ ใชจ้ า่ ยเพอ่ื ชำระหนเ้ี งนิ กู้ (7) ค่าใช้จา่ ยสำหรบั กองทนุ หรอื เงินทุนหมุนเวียน

12 หนา้ ทคี่ วามรบั ผดิ ชอบ หัวหนา้ กล่มุ การบริหารงบประมาณ ผู้ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้ากลุ่มบริหารงบประมาณ มีหน้าที่ดูแล กำกับติดตาม กลั่นกรอง อำนวยความสะดวก ให้คำแนะนำปรึกษาการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในกลุ่มบริหารงบประมาณ ตามขอบข่ายและภารกิจ การบริหารงบประมาณ ปฏิบัติหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการจัดระบบบริหารองค์กรการประสานงานและให้บริการ สนับสนุน ส่งเสริมให้ฝ่ายบริหารงบประมาณต่างๆ ในโรงเรียนสามารถบริหารจัดการและดำเนินการตามบทบาท ภารกิจ อำนาจหน้าที่ด้วยความเรียบร้อยตลอดจนสนับสนุนและให้บริการข้อมูล ข่าวสาร เอกสาร สื่อ อุปกรณ์ ทางการศึกษาและทรัพยากรที่ใช้ในการจดั การศึกษาแก่เจ้าหน้าท่ีของแต่ละฝ่ายงานเพ่ือให้ฝ่ายงานบริหารจัดการได้ อย่างสะดวกคล่องตัวมคี ณุ ภาพและเกิดประสทิ ธิผล ขอบข่ายการบรหิ ารงบประมาณ มดี ังน้ี 1. การจดั ทำแผนงบประมาณและคำขอตงั้ งบประมาณเพื่อเสนอตอ่ เลขาธิการคณะกรรมการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน หน้าทีร่ ับผดิ ชอบปฏิบตั งิ านดงั นี้ 1) จัดทำข้อมูลสารสนเทศทางการเงินของสถานศึกษา ได้แก่ แผนชั้นเรียน ข้อมูลครูนักเรียน และสิ่ง อำนวยความสะดวกของสถานศกึ ษา โดยความรว่ มมือของสำนกั งานเขตพืน้ ท่กี ารศกึ ษา 2) จัดทำกรอบงบประมาณรายจ่ายลว่ งหน้า และแผนงบประมาณ 3) เสนอแผนงบประมาณขอความเห็นชอบต่อคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานเพื่อใช้เป็นคำขอตั้ง งบประมาณตอ่ สำนกั งานเขตพ้นื ท่ีการศกึ ษา 2. การจัดทำแผนปฏิบัติการใช้จ่ายเงิน ตามที่ได้รับจัดสรรงบประมาณจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพน้ื ฐานโดยตรง หนา้ ที่รบั ผิดชอบปฏบิ ตั งิ านและผู้รบั ผดิ ชอบโครงการฯ ดังนี้ 1) จัดทำแผนปฏิบัติการประจำปีและแผนการใช้จ่ายงบประมาณภายใต้ความร่วมมือของสำนักงานเขต พืน้ ที่การศกึ ษา 2) ขอความเห็นชอบแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณต่อคณะกรรมการสถานศึกษาข้ัน พ้ืนฐาน 3. การอนุมัติการใชจ้ า่ ยงบประมาณท่ไี ด้รบั จัดสรร หน้าทร่ี ับผิดชอบเสนอโครงการดงั น้ี - ผู้อำนวยการสถานศึกษาอนุมัติการใช้จ่ายงบประมาณตามงาน/โครงการที่กำหนดไว้ในแผนปฏิบัติการ ประจำปี และแผนการใช้จา่ ยเงินภายใตค้ วามร่วมมอื ของสำนักงานเขตพน้ื ที่การศึกษา 4. การขอโอนและการขอเปล่ียนแปลงงบประมาณ หน้าทรี่ บั ผิดชอบปฏิบัตงิ านดังนี้ ตรวจสอบรายละเอียดรายการงบประมาณที่จำเป็นต้องขอโอนหรือเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกับสถานศึกษา ประเภทที่ 1 เสนอความเห็นชอบคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน แล้วเสนอ ขอโอนหรือเปลี่ยนแปลง รายการงบประมาณตอ่ สำนกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษา เพ่ือดำเนินการต่อไป 5. การรายงานผลการเบกิ จ่ายงบประมาณ หน้าที่รบั ผดิ ชอบปฏบิ ัติงานดงั นี้ รายงานผลการดำเนนิ งาน ผลการใชจ้ ่ายเงินงบประมาณประจำปี ไปยังสำนกั งานเขตพนื้ ทกี่ ารศึกษา 6. การตรวจสอบ ติดตามและรายงานการใช้งบประมาณ หน้าท่รี ับผดิ ชอบปฏิบตั ิงานดงั นี้ 1) จัดการให้มีการตรวจสอบและตดิ ตามให้ กลุ่ม ฝ่ายงาน ในสถานศึกษา รายงานผลการปฏิบัตงิ านและ ผลการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อจัดทำรายงานผลการปฏิบัติงานและผลการใช้จ่ายงบประมาณตามแบบที่สำนัก งบประมาณกำหนด และจัดส่งไปยงั สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทกุ ไตรมาส ภายในระยะเวลาที่สำนักงานเขตพื้นท่ี การศกึ ษากำหนด

13 2) จัดทำรายงานประจำปีที่แสดงถึงความสำเร็จในการปฏิบัติงาน และจัดส่งให้สำนักงานเขตพื้นที่ การศกึ ษาภายในระยะเวลาทสี่ ำนักงานเขตพน้ื ที่การศึกษากำหนด 7. การตรวจสอบ ติดตามและรายงานการใช้ผลผลิตจากงบประมาณ หนา้ ทร่ี บั ผดิ ชอบปฏิบตั ิงานดังนี้ 1) ประเมินคุณภาพการปฏิบัตงิ านตามทไี่ ดร้ ับมอบหมาย 2) วางแผนประเมินประสิทธิภาพ และประสทิ ธิผลการดำเนนิ งานของสถานศึกษา 3) วิเคราะห์และประเมินความมีประสิทธิภาพ ประหยัด และความคุ้มค่าในการใช้ทรัพยากรของ หนว่ ยงานในสถานศกึ ษา 8. การระดมทรัพยากรและการลงทนุ เพื่อการศึกษา หน้าทรี่ ับผดิ ชอบปฏิบตั ิงานดังนี้ 1) วางแผน รณรงค์ สง่ เสรมิ การระดมทนุ การศึกษาและทนุ เพ่ือการพัฒนาการศึกษาให้ดำเนินงานไดอ้ ย่าง มีประสทิ ธภิ าพและเกิดประสิทธิผล คุม้ ค่า และมีความโปรง่ ใส 2) จดั ทำข้อมูลสารสนเทศ และระบบการรบั จา่ ยทุนการศึกษาและเพื่อการพัฒนาการศึกษาใหด้ ำเนินงาน ไดอ้ ย่างมีประสทิ ธิภาพและเกิดประสทิ ธผิ ล คุ้มค่า และมีความโปร่งใส 3) สรุป รายงาน เผยแพร่ และเชิดชูเกียรติผู้สนับสนุนทุนการศึกษาและทุนเพื่อการพัฒนาสถานศึกษา โดยความชอบของคณะกรรมการสถานศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน 9. การบริหารจดั การทรัพยากรเพื่อการศึกษา หนา้ ที่รับผดิ ชอบปฏิบัติงานดังน้ี 1) จัดทำรายการทรัพยากรเพื่อเป็นสารสนเทศได้แก่แหล่งเรียนรู้ภายในสถานศึกษา แหล่งเรียนรู้ใน ทอ้ งถิ่นท้ังท่ีเป็นแหล่งเรยี นรูธ้ รรมชาติและภมู ิปัญญาท้องถ่ิน แหล่งเรยี นรทู้ ีเ่ ป็นสถานประกอบการ เพื่อการรับรู้ของ บคุ ลากรในสถานศกึ ษา นักเรยี นและบคุ คลทว่ั ไปจำได้เกดิ การใช้ทรัพยากรร่วมกนั ในการจัดการศึกษา 2) วางระบบหรอื กำหนดแนวปฏิบตั กิ ารใชท้ รัพยากรร่วมกนั กบั บุคคล หน่วยงานรฐั บาลและเอกชนเพือ่ ให้ เกิดประโยชนส์ ูงสุด 3) กระต้นุ ให้บคุ คลในสถานศกึ ษารว่ มใช้ทรัพยากรภายในและภายนอก รวมท้ังใหบ้ ริการการใช้ทรพั ยากร ภายในเพื่อประโยชนต์ อ่ การเรียนรูแ้ ละส่งเสริมการศึกษาในชมุ ชน 4) ประสานความร่วมมือกับผู้รับผิดชอบแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ ทรัพยากรที่มนุษย์สร้างทรัพยากร บุคคลทมี่ ีศกั ยภาพใหก้ ารสนับสนนุ การจัดการศกึ ษา 5) ดำเนนิ การเชิดชูเกยี รติบุคคลและหน่วยงานท้ังภาครัฐและเอกชน ท่สี นับสนนุ การใช้ทรัพยากรร่วมกัน เพ่อื การศึกษาของสถานศึกษา 10. การวางแผนพัสดุ หน้าทร่ี ับผดิ ชอบปฏบิ ัติงานดงั นี้ 1) การวางแผนพัสดุล่วงหนา้ 3 ปี ให้ดำเนนิ การตามกระบวนการของการวางแผนงบประมาณ 2) การจัดทำแผนการจัดหาพัสดุให้ฝ่ายที่ทำหน้าที่จัดซื้อจัดจ้างเป็นผู้ดำเนินการ โดยให้ฝ่าย ท่ี ต้องการใช้พัสดุ จัดทำรายละเอียดพัสดุที่ต้องการ คือรายละเอียดเกี่ยวกับปริมาณ ราคา คุณลักษณะเฉพาะ หรือ แบบรูปรายการและระยะเวลาที่ต้องการนีต้ ้องเป็นไปตามแผนปฏิบัติการประจำปี (แผนปฏิบัติงาน) และตามที่ระบุ ไว้ในเอกสารประกอบพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี ส่งให้ฝ่ายที่ทำหน้าที่จัดซื้อจัดจ้างเพื่อจัดทำ แผนการจัดหาพสั ดุ 3) ฝ่ายที่จัดทำแผนการจัดหาพัสดุทำการรวบรวมข้อมูลรายละเอียดจากฝ่ายที่ต้องการใช้พัสดุโดยมีการ สอบทานกับแผนปฏิบัติงานและเอกสารประกอบพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี และความเหมาะสม ของวิธกี ารจัดหาว่าควรเป็นการซ้ือ การเช่าหรือการจดั ทำเองแลว้ จำนำข้อมูลท่ีสอบทานแลว้ มาจัดทำแผนการจัดหา พสั ดใุ นภาพรวมของสถานศกึ ษา

14 11. การกำหนดแบบรูปรายการหรือคุณลักษณะเฉพาะของครุภัณฑ์หรือสิ่งก่อสร้างที่ใช้เงินงบประมาณเพ่ือ สนองตอ่ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หนา้ ท่ีรบั ผิดชอบปฏิบตั ิงานดงั นี้ 1) กำหนดแบบรูปรายการหรือคุณลักษณะเฉพาะเพื่อประกอบการขอตั้งงบประมาณ ส่งใหส้ ำนักงานเขต พนื้ ที่การศกึ ษา 2) กรณีที่เป็นการจัดหาจากเงินนอกงบประมาณให้กำหนดแบบรูปรายการหรือคณุ ลักษณะเฉพาะได้โดย ให้พิจารณาจากแบบมาตรฐานก่อนหากไม่เหมาะสมก็ให้กำหนดตามความต้องการโดยยึดหลักความโปร่งใส เป็น ธรรมและเป็นประโยชนก์ ับทางราชการ 12. การจัดหาพัสดุ หนา้ ท่รี ับผดิ ชอบปฏบิ ัติงานดังน้ี 1) การจัดหาพัสดุถือปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการพัสดุของส่วนราชการและคำสั่งมอบอำนาจของ สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน 2) การจดั ทำพัสดุถือปฏิบัติตามระเบยี บกระทรวงศกึ ษาว่าด้วยการให้สถานศึกษารับจัดทำรบั บริการ 13. การควบคุมดูแล บำรุงรกั ษาและจำหน่ายพสั ดุ หนา้ ที่รบั ผดิ ชอบปฏิบัติงานดงั น้ี 1) จดั ทำทะเบียนคมุ ทรพั ย์สนิ และบญั ชวี ัสดไุ ม่ว่าจะได้มาดว้ ยการจดั หาหรือการรับบริจาค 2) ควบคุมพสั ดุใหอ้ ยูใ่ นสภาพพร้อมการใชง้ าน 3) ตรวจสอบพัสดุประจำปี และใหม้ กี ารจำหนา่ ยพสั ดทุ ช่ี ำรุด เสอ่ื มสภาพหรือไม่ใช้ในราชการอกี ต่อไป 4) พัสดุที่เปน็ ที่ดินหรือสิ่งก่อสร้าง กรณีที่ได้มาด้วยเงินงบประมาณให้ดำเนินการขึ้นทะเบียน เป็นราช พสั ดุ กรณีทไ่ี ดม้ าจากการรับบรจิ าคหรอื จากเงนิ รายได้สถานศึกษาใหข้ ึ้นทะเบียนเปน็ กรรมสิทธิข์ องสถานศึกษา 14. การรบั เงิน การเกบ็ รกั ษาเงิน และการจ่ายเงิน หน้าทร่ี ับผิดชอบปฏบิ ตั งิ านดงั น้ี 1) การปฏิบัติเกี่ยวกับการรับเงิน และการจ่ายเงินให้ปฏิบัติตามระเบียบที่กระทรวงการคลังกำหนดคือ ระเบียบการเก็บรักษาเงนิ และการนำเงนิ ส่งคลังในหน้าที่ของอำเภอ พ.ศ. 2520 โดยสถานศึกษาสามารถกำหนดวิธี ปฏิบัตเิ พมิ่ เติมได้ตามความเหมาะสมแตต่ ้องไมข่ ดั หรือแย้งกับระเบยี บดังกลา่ ว 2) การปฏบิ ตั เิ กี่ยวกบั การเกบ็ รักษาเงนิ ให้ปฏิบัติตามระเบยี บที่กระทรวงการคลังกำหนด คอื ระเบียบการ เก็บรักษาเงนิ และการนำเงินส่งคลังในสว่ นของราชการ พ.ศ. 2520 โดยอนุโลม 15. การนำเงินส่งคลงั หนา้ ทรี่ ับผดิ ชอบปฏิบัตงิ านดงั น้ี การนำเงินส่งคลังให้นำส่งต่อสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ตามระเบียบการ เก็บรักษาเงินและการนำเงินสง่ คลังในหน้าที่ของอำเภอพ.ศ. 2520 หากนำส่งเป็นเงินสดให้ตั้งคณะกรรมการนำส่ง เงินดว้ ย 16. การจดั ทำบญั ชีการเงนิ หน้าทีร่ ับผดิ ชอบปฏิบัติงานดงั น้ี ให้จัดทำบัญชีการเงินตามระบบที่เคยจัดทำอยู่เดิม คือ ตามระบบที่กำหนดไว้ในคู่มือการบัญชีหน่วยงาน ย่อย พ.ศ. 2515 หรือตามระบบการควบคุมการเงนิ ของหน่วยงานย่อย พ.ศ. 2544 แลว้ แต่กรณี 17. การจดั ทำรายงานทางการเงินและงบการเงนิ หนา้ ที่รบั ผดิ ชอบปฏิบัตงิ านดงั น้ี 1) จัดทำรายงานตามที่กำหนดในคู่มือการบัญชีสำหรับหน่วยงานย่อย พ.ศ. 2515 หรือ ตามระบบการ ควบคมุ การเงินของหนว่ ยงานยอ่ ยพ.ศ. 2515 แลว้ แต่กรณี 2) จัดทำรายงานการรับจ่ายเงินรายได้สถานศึกษา ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กำหนด คือ ตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานว่าด้วยหลักเกณฑ์ อัตราและวิธีการนำเงิน รายได้สถานศึกษาไปจ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาของสถานศึกษาท่ีเป็นนิติบคุ คลรายไดส้ ถานศึกษาไปจา่ ย เปน็ คา่ ใช้จา่ ยในการจดั การของสถานศึกษาท่เี ป็นนิตบิ ุคคลในสงั กดั เขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษา

15 18. การจัดทำและจดั หาแบบพมิ พบ์ ัญชี ทะเบียนและรายงาน หน้าทรี่ บั ผิดชอบปฏบิ ตั ิงานดังนี้ แบบพิมพ์บัญชี ทะเบียนและแบบรายงานให้จัดทำตามแบบที่กำหนดในคู่มือการบัญชีสำหรับหน่วยงาน ยอ่ ย พ.ศ. 2515 หรือตามระบบการควบคุมการเงนิ ของหนว่ ยงานย่อย พ.ศ. 2544


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook