⌫ ⌫ แผนบรหิ ารการสอนประจำบทท่ี1 ความรเู้ บอ้ื งตน้ เกย่ี วกบั การออกแบบศลิ ปกรรม หวั ขอ้ เนอ้ื หาประจำบท ความหมายของศลิ ปะ การแบง่ ประเภทของศลิ ปะ 1. ศลิ ปะแบง่ ตามจดุ มหุ่ มายของการสรา้ ง 2. ศลิ ปะแบง่ ตามลกั ษณะของสอ่ื ในการแสดงออก 3. ศลิ ปะแบง่ ตามลกั ษณะของการรบั สมั ผสั ความหมายของการออกแบบ การแบง่ ประเภทของงานออกแบบ 1. งานออกแบบเพอ่ื ประโยชนใ์ ชส้ อย 2. งานออกแบบเพอ่ื การตดิ ตอ่ สอ่ื สาร 3. งานออกแบบเพอ่ื คณุ คา่ ทางความงาม วตั ถปุ ระสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม หลงั จากไดศ้ กึ ษาบทท่ี 1 จบแลว้ ผศู้ กึ ษาสามารถ 1. ใหค้ วามหมายของศลิ ปะได้ 2. แบง่ ประเภทของศลิ ปะและจำแนกรปู แบบของศลิ ปะตามการรบั รไู้ ด้ 3. ใหค้ วามหมายของการออกแบบได้ 4. อธบิ ายและแบง่ ประเภทของการออกแบบได้ 5. ตระหนกั ถงึ ความสำคญั และเหน็ คณุ คา่ ของการออกแบบศลิ ปกรรม วธิ สี อนและกจิ กรรมการเรยี นการสอน วธิ สี อน 1. บรรยาย 2. อภปิ ราย
⌫ ⌫ กจิ กรรมการเรยี นการสอน 1. ตอบคำถามในเนอ้ื หาทบ่ี รรยาย 2. ศกึ ษาคน้ ควา้ เพม่ิ เตมิ จากสอ่ื ตา่ งๆ รวบรวมเปน็ แฟม้ เอกสาร 3. คดั เลอื กผลงานออกแบบทด่ี มี าวเิ คราะหแ์ ละอภปิ ราย สอ่ื การเรยี นการสอน 1. เอกสารการสอนเรอ่ื ง ความรเู้ บอ้ื งตน้ เกย่ี วกบั การออกแบบ ศลิ ปกรรม 2. สอ่ื อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (power point) 3. ตวั อยา่ งงานจรงิ และภาพนง่ิ การวัดและประเมินผล 1. ใชว้ ธิ สี งั เกต 1.1 สงั เกตจากการตอบคำถาม 1.2 สงั เกตจากการทำงาน 1.3 สงั เกตจากการอภปิ รายผลงานทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย 2. ใชว้ ธิ ตี รวจผลงาน 2.1 ผลงานทถ่ี กู ตอ้ งตามโจทยก์ ำหนด 2.2 ผลงานทถ่ี กู ตอ้ งตามเกณฑป์ ระเมนิ ผลทแ่ี จง้ ในใบงาน
⌫ ⌫ ⌫ ⌫ คำวา่ ศลิ ปกรรม เปน็ คำทใ่ี ชใ้ นทางวชิ าการในสถาบนั การศกึ ษา ทจ่ี ดั การศกึ ษา ในระดบั ปรญิ ญาตรี ศลิ ปกรรมเปน็ คำนามหมายถงึ สง่ิ ทเ่ี ปน็ ศลิ ปะ, สง่ิ ทส่ี รา้ งสรรคข์ น้ึ เปน็ ศลิ ปะ, เชน่ งานประตมิ ากรรม งานสถาปตั ยกรรมจดั เปน็ ศลิ ปกรรม (ราชบณั ฑติ ยสถาน. 2546: 1101) คนสว่ นมากเขา้ ใจวา่ การออกแบบศลิ ปกรรม คอื การสรา้ งสรรคผ์ ลงานทางศลิ ปะใหเ้ กดิ ความงาม แก่สายตา แต่แท้จริงแล้วความงามเป็นเพียงส่วนหนึ่ง จุดประสงค์ในการออกแบบศิลปกรรม มีหลายสิ่งที่ต้องพิจารณาให้เหมาะสมทั้งด้านประโยชน์ใช้สอยและความรู้สึกนึกคิด รูปแบบที่ นำเสนอมที ง้ั รปู แบบสองมติ แิ ละสามมติ ิ พฤติกรรมขั้นพื้นฐานของมนุษย์เกือบทุกสิ่งล้วนเกิดจากการออกแบบ ไม่ว่าจะ เปน็ การแตง่ กายใหเ้ หมาะสมชวนมอง การจดั ทอ่ี ยอู่ าศยั ใหน้ า่ อยู่ การปลกู ตน้ ไมส้ รา้ งบรรยากาศ ใหส้ ดชน่ื หรอื การปรงุ อาหารโดยตกแตง่ ใหช้ วนรบั ประทาน เหลา่ นล้ี ว้ นมจี ดุ มงุ่ หมายกอ่ ใหเ้ กดิ การตอบสนองด้วยการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ เพื่อประโยชน์ในการดำเนินชีวิตทั้งทางส่วนตัวหรือ ทางสงั คม เนื่องจากมนุษย์เป็นผู้สร้างสรรค์งานศิลปะและได้แบ่งประเภทของงานศิลปะ ออกไปเปน็ 2 กลมุ่ ใหญ่ คอื วจิ ติ รศลิ ป์ (fine art) และประยกุ ตศ์ ลิ ป์ (applied art) ซง่ึ จำเปน็ อยา่ งยง่ิ ทจ่ี ะตอ้ งเขา้ ใจตง้ั แตค่ วามหมายของศลิ ปะ การแบง่ ประเภทของศลิ ปะ ความหมายของ การออกแบบ การแบ่งประเภทของการออกแบบ เพื่อให้มองเห็นองค์ประกอบสำคัญ และจุด มงุ่ หมายของการกำหนดรปู แบบงานศลิ ปกรรมแตล่ ะประเภทไดช้ ดั เจนขน้ึ ความหมายของศลิ ปะ การจำกัดความให้แน่นอนว่าศิลปะคืออะไรเป็นเรื่องยาก เพราะศิลปะเป็นงาน สรา้ งสรรคซ์ ง่ึ ผสู้ รา้ งงานมกั มแี นวคดิ และรปู แบบแปลกใหมอ่ ยตู่ ลอดเวลา เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจ เปน็ พน้ื ฐานจงึ อา้ งองิ จากหนงั สอื เกย่ี วกบั การบญั ญตั ศิ พั ทท์ ใ่ี หน้ ยิ ามของคำวา่ ศลิ ปะไวด้ งั น้ี ศลิ ป-, ศลิ ป,์ ศลิ ปะ[สนิ ละปะ-, สนิ , สนิ ละปะ] น. ฝมี อื , ฝมี อื ทางชา่ ง, การแสดง ออกซง่ึ อารมณส์ ะเทอื นใจใหป้ ระจกั ษเ์ หน็ โดยเฉพาะ หมายถงึ วจิ ติ รศลิ ป์ (ราชบณั ฑติ ยสถาน. 2539: 738) ศลิ ป-, ศลิ ป,์ ศลิ ปะ[สนิ ละปะ-, สนิ , สนิ ละปะ] น. การประดบั , ฝมี อื , ฝมี อื ทางชา่ ง, การแสดงออกใหเ้ หน็ ถงึ อารมณส์ ะเทอื นใจ (พจนานกุ รมฉบบั เฉลมิ พระเกยี รต.ิ 2534: 505)
⌫ ⌫ ศลิ ปะ คอื ผลแหง่ พลงั ความคดิ สรา้ งสรรคข์ องมนษุ ย์ ทแ่ี สดงออกในรปู ลกั ษณ์ ตา่ งๆ ใหป้ รากฏในสนุ ทรยี ภาพ ความประทบั ใจ หรอื ความสะเทอื นอารมณ์ ความมอี จั ฉรยิ ภาพ พทุ ธปิ ญั ญา ประสบการณ์ รสนยิ ม และทกั ษะของแตล่ ะคน เพอ่ื ความพอใจ ความรน่ื รมย์ ขนบ ธรรมเนยี ม จารตี ประเพณี หรอื ความเชอ่ื ในลทั ธศิ าสนา (พจนานกุ รมศพั ยศ์ ลิ ปะ. 2541: 26) ในประเทศไทยศลิ ปนิ และนกั การศกึ ษาไดน้ ยิ ามความหมายของคำวา่ ศลิ ปะไวด้ งั น้ี คำว่า “art” ตามแนวสากลนั้นมาจากคำว่า arti และ arte ซึ่งเริ่มนิยมใช้ ในสมยั เฟอ่ื งฟศู ลิ ปวทิ ยา ความหมายของคำ arti นน้ั หมายถงึ กลมุ่ ชา่ งฝมี อื ในศตวรรษท่ี 14,15 และ 16 คำ arte มคี วามหมายถงึ ฝมี อื ซง่ึ รวมถงึ ความรขู้ องการใชว้ สั ดขุ องศลิ ปนิ ดว้ ย เชน่ การผสมสีลงพื้นสำหรับการเขียนภาพสีน้ำมัน หรือการเตรียมและการใช้วัสดุอื่นอีก (วิรัตน์ พชิ ญไพบรู ณ์. 2528: 1) ศิลปะ หมายถึง สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นให้แก่ตัวเขาเองและสร้างความเข้าใจให้ แกส่ งั คม (อารี สทุ ธพิ นั ธ.์ 2532: 143) ศลิ ปะ คอื สง่ิ ทม่ี นษุ ยส์ รา้ งสรรคข์ น้ึ เพอ่ื แสดงออกซง่ึ อารมณค์ วามรสู้ กึ ปญั ญา ความคดิ และความงาม (ชลดู นม่ิ เสมอ. 2539: 15) ยังมีคำนิยามของศิลปะที่น่าสนใจและถูกใช้อ้างอิงอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ทป่ี รากฏตามหนงั สอื และเอกสารตา่ งๆ ดงั ตวั อยา่ งพอสงั เขปดงั น้ี ศลิ ปะ คอื การเลยี นแบบธรรมชาติ ศลิ ปะ คอื การถา่ ยทอดความรสู้ กึ หรอื แสดงความรสู้ กึ เปน็ รปู ทรง ศลิ ปะ คอื สอ่ื ภาษาชนดิ หนง่ึ ศลิ ปะ คอื การแสดงออกทางบคุ ลกิ ภาพเดน่ ๆ ของศลิ ปนิ คำนิยามที่ได้รวบรวมไว้นั้นจะเห็นได้ว่า ศิลปะ คือ สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น เพื่อ แสดงออกถงึ ฝมี อื และความคดิ สรา้ งสรรค์ ความเชอ่ื รสนยิ ม บคุ ลกิ และภมู หิ ลงั ของผสู้ รา้ งงาน มีทักษะ ความเพียร ความประณีตและภูมิปัญญา ช่างฝีมือในสมัยโบราณเป็นผู้ทำงานศิลปะ และฝึกคนรุ่นหลังซึ่งส่วนใหญ่เป็นเครือญาติให้สืบสานความรู้ทางช่างฝีมือ เมื่อเวลาผ่านไป สังคมแผ่ขยายวงกวา้ งขึ้น ผู้คนมีการศึกษา มีอิสระทางความคิดมากขึ้น มีสถาบันการศึกษา ด้านต่างๆ มากมายรวมทั้งด้านศิลปะ แนวคิดด้านศิลปะเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยเกิดการ แบง่ แยกระหวา่ งชา่ งฝมี อื ผทู้ ำงานฝมี อื และศลิ ปนิ ผสู้ รา้ งสรรคง์ านวจิ ติ รศลิ ป์ ในปจั จบุ นั เมอ่ื เราพดู ถงึ ศลิ ปะคำเดยี วจะหมายถงึ เฉพาะศลิ ปะทเ่ี ปน็ วจิ ติ รศลิ ป์ เทา่ นน้ั สว่ นงานศลิ ปะทท่ี ำขน้ึ เพอ่ื จดุ ประสงคอ์ ยา่ งอน่ื จะเรยี กวา่ ประยกุ ตศ์ ลิ ป์ หรอื เรยี กจำแนก ออกไปตามสาขา เช่น อุตสาหกรรมศิลป์ (industrial art) นเิ ทศศลิ ป์ (communication art)
⌫ ⌫ มณั ฑนศลิ ป์ (decorative art) เปน็ ตน้ ซง่ึ หมายความวา่ ไดป้ ระยกุ ตศ์ ลิ ปะ หรอื สนุ ทรยี ภาพ เขา้ ไปในงานอตุ สาหกรรม งานสอ่ื สารมวลชนหรอื งานตกแตง่ บา้ นเรอื นแลว้ นอกจากน้ี คำวา่ ศลิ ปะยงั มคี วามหมายในวงทแ่ี คบเขา้ มาอกี 2 ความหมาย คอื 1. ศลิ ปะ หมายถงึ เฉพาะงานทศั นศลิ ป์ ซง่ึ ประกอบดว้ ยประตมิ ากรรม จติ รกรรม ภาพพมิ พ์ และงานสรา้ งสรรคอ์ น่ื ซง่ึ ใชก้ ารเหน็ เปน็ ปจั จยั ในการรบั รเู้ ทา่ นน้ั ภาพท่ี 1.1 งานศลิ ปะทห่ี มายถงึ เฉพาะงานทศั นศลิ ปไ์ ดแ้ ก่ ประตมิ ากรรม จติ รกรรม ภาพพมิ พ์ และงาน สร้างสรรค์อื่นซึ่งใช้การเห็นเป็นปัจจัยในการรับรู้เท่านั้น ทม่ี า : มนญู ไชยสมบรู ณ.์ 2546. คำว่าศิลปิน (artist) ที่นิยมใช้กันทั่วไปทุกวันนี้ ส่วนมากหมายถึงผู้สร้างงาน ทัศนศิลป์ ได้แก่ จิตรกร ประติมากร และศิลปินภาพพิมพ์สำหรับผู้ทำงานศิลปะสาขาอื่น ไมน่ ยิ มเรยี กวา่ ศลิ ปนิ แตจ่ ะมคี ำเฉพาะตามสาขาอาชพี เช่น สถาปนกิ นกั ประพนั ธ์ นกั ดนตรี นกั แสดง มณั ฑนากร นกั ออกแบบ เปน็ ตน้
⌫ ⌫ 2. ศลิ ปะ หมายถงึ ความมคี ณุ ภาพหรอื คณุ คา่ ทางศลิ ปะของผลงาน ดงั นน้ั หาก ผลงานที่ออกมาไม่มีคุณค่าทางสุนทรียะหรือความงามเพียงพอ ก็ไม่อาจจัดให้ผลงานชิ้นนั้น เปน็ งานศลิ ปะได้ ภาพท่ี 1.2 งานศลิ ปะตอ้ งมคี ณุ ภาพหรอื คณุ คา่ ทางศลิ ปะเชน่ ศลิ ปะยคุ กอ่ นประวตั ศิ าสตรห์ รอื ยคุ ประวตั ิ ทม่ี า : ศาสตรม์ คี วามงาม และใหค้ ณุ คา่ ทางประวตั ศิ าสตร์ ศลิ ปะพน้ื บา้ น และศลิ ปะประจำชาตใิ ห้ คุณค่าทางปรัชญาในการดำรงชีวิตหรือคุณค่าทางวัฒนธรรม เป็นต้น มนญู ไชยสมบรู ณ.์ 2546. การแบง่ ประเภทของศลิ ปะ การแบง่ ประเภทของศลิ ปะนน้ั มผี แู้ บง่ ไวห้ ลายแนวทาง ชลดู นม่ิ เสมอ (2539: 3-4) ไดจ้ ำแนกแนวทางการแบง่ ไวช้ ดั เจนเปน็ ขอ้ ๆ 3 วธิ ี ดงั นค้ี อื 1. ศลิ ปะแบง่ ตามจดุ มงุ่ หมายของการสรา้ ง 2. ศลิ ปะแบง่ ตามลกั ษณะของสอ่ื ในการแสดงออก 3. ศลิ ปะแบง่ ตามลกั ษณะของการรบั สมั ผสั 1. ศลิ ปะแบง่ ตามจดุ มงุ่ หมายของการสรา้ ง การแบง่ ประเภทของศลิ ปะตามจดุ มงุ่ หมายของการสรา้ งอาจแบง่ ไดด้ งั น้ี
⌫ ⌫ 1.1 วจิ ติ รศลิ ป์ (fine art) ไดแ้ ก่ งานจติ รกรรม ประตมิ ากรรม ภาพพมิ พ์ สถาปัตยกรรม เป็นศิลปะที่สร้างขึ้นเพื่อให้ความรู้สึกทางสุนทรียภาพ ให้อารมณ์สะเทือนใจ ปลกุ ความเหน็ แจง้ ใหป้ ระสบการณใ์ หม่ หรอื ใหค้ วามประเทอื งปญั ญาแกผ่ ดู้ ู ภาพท่ี 1.3 งานวิจิตรศิลป์เป็นศิลปะที่สร้างขึ้นเพื่อให้ความรู้สึกทางสุนทรียภาพ ให้อารมณ์สะเทือนใจ ทม่ี า : ฯลฯ ไมไ่ ดม้ จี ดุ มงุ่ หมายในประโยชนใ์ ชส้ อย เชน่ จติ รกรรม ประตมิ ากรรม สถาปตั ยกรรม และ ภาพพมิ พ์ มนญู ไชยสมบรู ณ.์ 2546. 1.2 ประยุกต์ศิลป์ (applied art) เป็นศิลปะที่สร้างขึ้นเพื่อใช้ประโยชน์ อย่างอื่นนอกเหนือจากความชื่นชมในคุณค่าของศิลปะโดยตรง เช่น ภาพหรือลวดลาย ทใ่ี ชต้ กแตง่ อาคารหรอื เครอ่ื งเรอื น รปู ทรง สสี นั ของผลติ ภณั ฑอ์ ตุ สาหกรรมทอ่ี อกแบบใหเ้ ปน็ ที่พอใจของผู้บริโภค หรือเครื่องใช้ไม้สอยที่ทำขึ้นด้วยฝีมือประณีต ศิลปะที่ประยุกต์เข้าไป ในสง่ิ ทใ่ี ชป้ ระโยชนเ์ หลา่ น้ี จะใหค้ วามพอใจอนั เกดิ จากความประณตี สวยงาม ความกลมกลนื แกป่ ระสาทสมั ผสั ควบคไู่ ปกบั ประโยชนใ์ ชส้ อย
⌫ ⌫ ภาพท่ี 1.4 ประยุกต์ศิลป์ เป็นศิลปะที่สร้างขึ้นเพื่อใช้ประโยชน์อย่างอื่น นอกเหนือจากความชื่นชมใน คุณค่าของศิลปะโดยตรง ทม่ี า : ประพนั ธ์ ประภาสะวตั , บรรณาธกิ าร. 2547: 126. 2. ศลิ ปะแบง่ ตามลกั ษณะของสอ่ื ในการแสดงออก สอ่ื ในการแสดงออกหรอื เรยี กอกี นยั หนง่ึ วา่ สอ่ื สนุ ทรยี ภาพของงานศลิ ปะแตล่ ะ สาขายอ่ มแตกตา่ งไปตามธรรมชาตขิ องการแสดงออก ซง่ึ อาจแบง่ ออกไดเ้ ปน็ 5 สาขาคอื 2.1 สถาปตั ยกรรม (architecture) เปน็ ศลิ ปะทแ่ี สดงออกเปน็ 3 มติ ิ ดว้ ย การใชว้ สั ดุ โครงสรา้ ง และปรมิ าตรของทว่ี า่ งกบั รปู ทรง ภาพท่ี 1.5 งานสถาปตั ยกรรม แสดงออกเปน็ 3 มติ ิ ดว้ ยการใชว้ สั ดุ โครงสรา้ ง และปรมิ าตรของทว่ี า่ งกบั รูปทรง ทม่ี า : มนญู ไชยสมบรู ณ.์ 2546.
⌫ ⌫ 2.2 ประตมิ ากรรม (sculpture) เปน็ ศลิ ปะทแ่ี สดงออกเปน็ 3 มติ ิ ดว้ ยการ ใชว้ สั ดุ และปรมิ าตรของรปู ทรง ภาพท่ี 1.6 งานประตมิ ากรรม แสดงออกเปน็ 3 มติ ิ ดว้ ยการใชว้ สั ดุ และปรมิ าตรของรปู ทรง ทม่ี า : มนญู ไชยสมบรู ณ.์ 2546. 2.3 จติ รกรรม (painting) เปน็ ศลิ ปะทแ่ี สดงออกดว้ ยการใชส้ ี แสง เงาและ แผน่ ภาพทแ่ี บนราบ เปน็ งาน 2 มติ ิ ซง่ึ บางครง้ั อาจใชห้ ลกั ทศั นยี ภาพลวงตาใหเ้ กดิ เปน็ ภาพ 3 มติ ิ ภาพท่ี 1.7 งานจติ รกรรม แสดงออกดว้ ยการใชส้ ี แสง เงา และแผน่ ภาพทแ่ี บนราบ เปน็ งาน 2 มติ ิ อาจใช้ หลกั ทศั นยี ภาพลวงตาใหเ้ กดิ เปน็ ภาพ 3 มิติ ทม่ี า : มนญู ไชยสมบรู ณ.์ 2546.
⌫ ⌫ 2.4 วรรณกรรม (literature) เปน็ ศลิ ปะทแ่ี สดงออกดว้ ยการใชภ้ าษา ภาพท่ี 1.8 วรรณกรรม แสดงออกดว้ ยการใชภ้ าษา อาจมขี อ้ จำกดั ตรงทเ่ี จา้ ของภาษาหรอื ผชู้ ำนาญดา้ น ภาษานน้ั ทส่ี ามารถตคี วามใหเ้ ขา้ ใจจงึ เกดิ ความซาบซง้ึ ได้ ทม่ี า : มนญู ไชยสมบรู ณ.์ 2546. 2.5 ดนตรแี ละนาฏกรรม (music and drama) เปน็ ศลิ ปะทแ่ี สดงออก ดว้ ยการใชเ้ สยี ง (หรอื ภาษา) และความเคลอ่ื นไหวของรา่ งกาย ภาพท่ี 1.9 ดนตรแี ละนาฏกรรมแสดงออกดว้ ยการใชเ้ สยี ง (หรอื ภาษา) และความเคลอ่ื นไหวของรา่ งกาย ทม่ี า : การรบั รเู้ ชน่ เดยี วกบั ความงามทางทศั นศลิ ป์ คอื เปน็ สากล สามารถตคี วามและซาบซง้ึ ไดเ้ รว็ กว่าวรรณกรรม มนญู ไชยสมบรู ณ.์ 2546.
⌫ ⌫ 3. ศลิ ปะแบง่ ตามลกั ษณะของการรบั สมั ผสั ประสาทรับสัมผัสของมนุษย์ประกอบด้วยประสาททางตา หู จมูก ลิ้น และกาย แตก่ ารรบั สมั ผสั ทใ่ี หค้ วามพอใจในสนุ ทรยี ภาพในระดบั สงู มี 2 ทาง คอื ทางตา และทางหู ดงั นน้ั จงึ มกี ารแบง่ ศลิ ปะตามลกั ษณะของการรบั สมั ผสั ออกไดเ้ ปน็ 3 สาขา คอื 3.1 ทัศนศิลป์ (visual art) เป็นศิลปะที่รับสัมผัสด้วยการเห็น ได้แก่ สถาปตั ยกรรม ประตมิ ากรรม จติ รกรรม และภาพพมิ พ์ ภาพท่ี 1.10 ทศั นศลิ ป์ เปน็ ศลิ ปะทร่ี บั สมั ผสั ดว้ ยการเหน็ ไดแ้ ก่ สถาปตั ยกรรม ประตมิ ากรรม จติ รกรรม และภาพพมิ พ์ ทม่ี า : มนญู ไชยสมบรู ณ.์ 2546. 3.2 โสตศลิ ป์ (audio art) เปน็ ศลิ ปะทร่ี บั สมั ผสั ไดด้ ว้ ยการฟงั ไดแ้ ก่ ดนตรี และวรรณกรรมซึ่งวรรณกรรมในที่นี้รับรู้โดยการฟัง ทั้งดนตรีและวรรณกรรมอาจเกิดขึ้นได้ จากจนิ ตนาการเรยี กจนิ ตศลิ ป์ (imaginative art) กไ็ ด้ ภาพท่ี 1.11 โสตศลิ ป์ เปน็ ศลิ ปะทร่ี บั สมั ผสั ไดด้ ว้ ยการฟงั ไดแ้ ก่ ดนตรี และวรรณกรรม ทม่ี า : มนญู ไชยสมบรู ณ.์ 2546.
⌫ ⌫ 3.3 โสตทศั นศลิ ป์ (audio visual art) เปน็ ศลิ ปะทร่ี บั สมั ผสั ดว้ ยการฟงั และการเหน็ พรอ้ มกนั ไดแ้ ก่ นาฏกรรม การแสดงภาพยนตร์ ซง่ึ เปน็ การผสมกนั ของวรรณกรรม ดนตรี และทศั นศลิ ป์ บางแหง่ เรยี กศลิ ปะสาขานว้ี า่ ศลิ ปะผสม (mixed art) ภาพท่ี 1.12 โสตทศั นศลิ ป์ เปน็ ศลิ ปะทร่ี บั สมั ผสั ดว้ ยการฟงั และการเหน็ พรอ้ มกนั ไดแ้ ก่ นาฏกรรม การ แสดงภาพยนตร์ ทม่ี า : มนญู ไชยสมบรู ณ.์ 2546. จากทก่ี ลา่ วมาแลว้ ขา้ งตน้ ในเรอ่ื งความหมายของศลิ ปะหรอื การแบง่ ประเภท และสาขาของศลิ ปะ จดุ สำคญั อนั หนง่ึ ของการทำงานศลิ ปะคอื การออกแบบ เพราะการออกแบบ คอื การวางแผนงาน ไมว่ า่ จะทำงานใดกต็ ามลว้ นตอ้ งเรม่ิ ตน้ จากการวางแผนทง้ั สน้ิ ความหมายของการออกแบบ มผี นู้ ยิ ามความหมายของการออกแบบไวห้ ลายแนวทางดงั น้ี การออกแบบ คือ กระบวนการสร้างสรรค์ประเภทหนึ่งของมนุษย์ โดยมี ทศั นธาตแุ ละลกั ษณะของทศั นธาตเุ ปน็ องคป์ ระกอบ ใชท้ ฤษฎตี า่ งๆ เปน็ แนวทางและใชว้ สั ดุ นานาชนิดเป็นวัตถุดิบในการสร้างสรรค์ โดยที่นักออกแบบจะต้องมีขั้นตอนในการปฏิบัติงาน หลายขน้ั ตอนตลอดกระบวนการสรา้ งสรรคน์ น้ั (มาโนช กงกะนนั ทน.์ 2538: 27) การออกแบบ คือ การวางแผนสร้างรูปแบบ โดยวางแผนจัดส่วนประกอบ ของการออกแบบ ใหส้ มั พนั ธก์ บั ประโยชนใ์ ชส้ อย วสั ดุ และการผลติ สง่ิ ของทต่ี อ้ งการออกแบบนน้ั (วริ ฬุ ตง้ั เจรญิ . 2539: 20)
⌫ ⌫ นวลนอ้ ย บญุ วงษ์ (2539: 2) ไดส้ รปุ ขอบเขตของการออกแบบเปน็ 2 แนวทาง ดงั น้ี ก. เปน็ คำนาม หมายถงึ ผลงานหรอื ผลติ ผลทเ่ี กดิ ขน้ึ จากทง้ั 2 กระบวนการคอื กระบวนการออกแบบซง่ึ ยงั อยใู่ นรปู ของแนวความคดิ แบบรา่ งตลอดจนตน้ แบบ และกระบวน การผลติ ซง่ึ อยใู่ นรปู ของผลผลติ ทเ่ี ปน็ วตั ถสุ ง่ิ ของหรอื ผลติ ภณั ฑต์ า่ งๆ ข. เปน็ คำกรยิ า หมายถงึ กระบวนการทำงานเพอ่ื ใหเ้ กดิ เปน็ ผลผลติ ทก่ี ลา่ วถงึ ในขอ้ 1 นน่ั เอง ดงั นน้ั จงึ ขอสรปุ ความหมายของการออกแบบไดว้ า่ การออกแบบ คอื กระบวนการ ทำงานของมนษุ ยท์ ม่ี จี ดุ มงุ่ หมายในการแกป้ ญั หา ทำใหเ้ กดิ การเปลย่ี นแปลง หรอื เกดิ สง่ิ ใหม่ อาจเป็นรูปแบบสองมิติหรือสามมิติ โดยกระบวนการทำงานนั้นมีการวางแผนในรูปของ แนวความคดิ และปฏบิ ตั กิ ารตามขน้ั ตอนทไ่ี ดว้ างแผนนน้ั ออกมาเปน็ รปู ธรรม ทง้ั นเ้ี พอ่ื สนองตอบ ความตอ้ งการของตนเองและคนในสงั คม การแบง่ ประเภทของงานออกแบบ งานออกแบบเป็นสื่อกลางความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ และมนุษย์ กบั วตั ถุ ดงั นน้ั งานออกแบบจงึ ไมอ่ าจทำไดเ้ พยี งเพอ่ื ความตอ้ งการสว่ นตนแตจ่ ะตอ้ งคำนงึ ถงึ ความตอ้ งการของผอู้ น่ื และสภาพแวดลอ้ มดว้ ย สภาพแวดลอ้ มในทน่ี ค้ี อื สภาพวตั ถุ วฒั นธรรม และพฤตกิ รรมของคนในสงั คม ซง่ึ อาจแบง่ ประเภทของงานออกแบบกวา้ งๆ ไดเ้ ปน็ 3 ประเภท คอื (วริ ฬุ ตง้ั เจรญิ . 2539: 6) 1. งานออกแบบเพอ่ื ประโยชนใ์ ชส้ อย 2. งานออกแบบเพอ่ื การตดิ ตอ่ สอ่ื สาร 3. งานออกแบบเพอ่ื คณุ คา่ ทางความงาม 1. งานออกแบบเพอ่ื ประโยชนใ์ ชส้ อย เป็นงานออกแบบที่เน้นประโยชน์ใช้สอยหรือประโยชน์ทางกายเป็นหลัก มคี ณุ คา่ ทางความงามเปน็ ตวั ผลกั ดนั ใหง้ านออกแบบนา่ สนใจ นา่ ใชส้ อย ไดแ้ ก่ งานหตั ถกรรม เปน็ งานทท่ี ำดว้ ยมอื มคี ณุ คา่ ดา้ นความงาม แตก่ ม็ ปี ระโยชนยใ์ ชส้ อย งานออกแบบผลติ ภณั ฑ์ ซึ่งปัจจุบันมีสภาพเป็นเครื่องไฟฟ้าและเครื่องจักรกลประกอบไว้ด้วย ตามความก้าวหน้าของ เทคโนโลยี ทำใหง้ านออกแบบตอ้ งเกย่ี วขอ้ งกบั กลไกทส่ี ลบั ซบั ซอ้ น ดงั นน้ั ผอู้ อกแบบจำเปน็ ตอ้ งมคี วามรเู้ ฉพาะดา้ น
⌫ ⌫ ภาพท่ี 1.13 งานออกแบบผลิตภัณฑ์เกี่ยวข้องกับกลไกที่สลับซับซ้อนดังนั้นนักออกแบบจำเป็นต้องมี ความรเู้ ฉพาะดา้ น ทม่ี า : Jenova. 2006. 2. งานออกแบบเพอ่ื การตดิ ตอ่ สอ่ื สาร เปน็ งานทเ่ี นน้ การสอ่ื สารดว้ ยภาษาและภาพทเ่ี ปน็ สากล สามารถรบั รรู้ ว่ มกนั อาจเปน็ งานพมิ พห์ รอื ไมก่ ไ็ ด้ จดุ มงุ่ หมายเพอ่ื ประโยชนใ์ นทางความรู้ ความเขา้ ใจ การชช้ี วน หรอื เรยี กรอ้ ง ไดแ้ ก่ งานออกแบบสง่ิ พมิ พ์ งานออกแบบโฆษณา งานออกแบบพาณชิ ยศลิ ป์ งานออกแบบสัญลักษณ์และเครื่องหมาย งานออกแบบเพื่อการสื่อสารเหล่านี้จำเป็นต้องมี ความรเู้ ฉพาะดา้ น ซง่ึ สว่ นใหญจ่ ะเปน็ งานออกแบบทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั จติ วทิ ยาชมุ ชน ทง้ั ทางดา้ น สงั คมศาสตรแ์ ละมนษุ ยศาสตร์ 12 ภาพท่ี 1.14 งานออกแบบเพอ่ื การตดิ ตอ่ สอ่ื สาร มจี ดุ มงุ่ หมายเพอ่ื ประโยชนใ์ นทางความรู้ ความเขา้ ใจ การ ชช้ี วนหรอื เรยี กรอ้ งไดแ้ ก่ งานออกแบบสง่ิ พมิ พ์ งานออกแบบโฆษณา งานออกแบบพาณชิ ย์ ศิลป์ งานออกแบบสัญลักษณ์และเครื่องหมาย นักออกแบบจำเป็นต้องมีความรู้เฉพาะด้าน ทม่ี า : 1. Triedman, and Cullen, 2002: 94. 2. Triedman, and Cullen, 2002: 170.
⌫ ⌫ 3. งานออกแบบเพอ่ื คณุ คา่ ทางความงาม เป็นงานออกแบบที่มีเป้าหมายเฉพาะตัว เน้นผลงานทางด้านอารมณ์ สะเทือนใจ ความรู้สึกสัมผัสในความงาม และคุณค่าทัศนคติได้แก่ จิตรกรรม ประติมากรรม สถาปัตยกรรม และภาพพิมพ์ ซึ่งเป็นงานวิจิตรศิลป์ ผู้ออกแบบจะต้องได้รับการฝึกฝน มคี วามเชอ่ื และลกั ษณะเฉพาะตวั สามารถออกแบบใหส้ มั พนั ธ์ กนั ทง้ั รปู แบบและเนอ้ื หา ภาพท่ี 1.15 งานออกแบบเพอ่ื คณุ คา่ ทางความงาม เนน้ ผลงานทางดา้ นอารมณส์ ะเทอื นใจความรสู้ กึ สมั ผสั ในความงาม และคณุ คา่ ทศั นคติ ไดแ้ ก่ งานออกแบบทางทศั นศลิ ป์ ผสู้ รา้ งงานประเภทนม้ี กั เรยี กกนั วา่ ”ศลิ ปนิ ” ไมเ่ รยี กวา่ ”นกั ออกแบบ” ทม่ี า : มนญู ไชยสมบรู ณ.์ 2546. งานออกแบบโดยทั่วไปแล้ว ประโยชน์และความงามย่อมหมายถึงคุณค่า ในทางดีงาม แต่บางครั้งงานออกแบบก็อาจกระตุ้นให้เกิดความต้องการ เกิดความฟุ้งเฟ้อ เหน็ แกต่ วั บดิ เบอื นความจรงิ ผดิ ศลี ธรรมจรรยามารยาท อนั เปน็ วถิ ที างทไ่ี มถ่ กู ไมค่ วรในสงั คม ในทางตรงกนั ขา้ ม หากงานออกแบบชกั นำไปสคู่ วามดงี าม เชน่ การชว่ ยเหลอื เออ้ื เฟอ้ื เผอ่ื แผ่ ตอ่ กนั เชญิ ชวนใหเ้ กดิ ความรกั ความรว่ มมอื แสดงเอกลกั ษณข์ องชาติ งานออกแบบทโ่ี นม้ นำ สงั คมไปสสู่ ง่ิ ดงี ามเชน่ นน้ั ยอ่ มเปน็ งานออกแบบทม่ี คี ณุ คา่ (วริ ฬุ ตง้ั เจรญิ . 2539: 9) การออกแบบที่ดี คือ การแสดงออกซึ่งรูปแบบที่ดีที่สุดจากสาระของสิ่งใด สง่ิ หนง่ึ ไมว่ า่ จะเปน็ การออกแบบเพอ่ื ขา่ วสาร หรอื ผลติ ภณั ฑ์ การออกแบบทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพนน้ั นกั ออกแบบจะตอ้ งมองการณไ์ กลถงึ สง่ิ ทด่ี ที ส่ี ดุ ทางดา้ นรปู แบบ การผลติ การสง่ หรอื การสอ่ื สาร การนำไปใช้ รวมทง้ั ความสมั พนั ธก์ บั สง่ิ แวดลอ้ ม การสรา้ งสรรคต์ อ้ งไมพ่ จิ ารณาเพยี งเฉพาะ ความงาม แตจ่ ะตอ้ งตระหนกั ถงึ ประโยชนแ์ ละรสนยิ มตามชว่ งเวลาทต่ี อ้ งการ (วริ ฬุ ตง้ั เจรญิ . 2537: 7)
⌫ ⌫ สรปุ ศิลปะ คือ สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น เพื่อแสดงออกถึงฝีมือและความคิดสร้างสรรค์ ความเชื่อ รสนิยม บุคลิกและภูมิหลังของผู้สร้างงาน มีทักษะ ความเพียร ความประณีต และภมู ปิ ญั ญา แนวคดิ ดา้ นศลิ ปะมกี ารเปลย่ี นแปลงไปตามยคุ สมยั เกดิ การแบง่ แยกระหวา่ ง ชา่ งฝมี อื ผทู้ ำงานฝมี อื และศลิ ปนิ ผสู้ รา้ งสรรคง์ านวจิ ติ รศลิ ป์ ในปจั จบุ นั ศลิ ปะแบง่ ประเภทเปน็ 3 วธิ ไี ดด้ งั น้ี 1. ศลิ ปะแบง่ ตามจดุ มงุ่ หมายของการสรา้ งไดแ้ ก่ วจิ ติ รศลิ ปแ์ ละประยกุ ตศ์ ลิ ป์ 2. ศิลปะแบ่งตามลักษณะของสื่อในการแสดงออกได้แก่ สถาปัตยกรรม ประตมิ ากรรม จติ รกรรม วรรณกรรม ดนตรแี ละนาฏกรรม 3. ศิลปะแบ่งตามลักษณะของการรับสัมผัสได้แก่ ทัศนศิลป์ โสตศิลป์ และ โสตทศั นศลิ ป์ การออกแบบ คอื กระบวนการทำงานของมนษุ ยท์ ม่ี จี ดุ มงุ่ หมายในการแกป้ ญั หา ทำใหเ้ กดิ การเปลย่ี นแปลงหรอื เกดิ สง่ิ ใหม่ อาจเปน็ รปู แบบสองมติ หิ รอื สามมติ ิ โดยกระบวนการ ทำงานนั้นมีการวางแผนในรูปของแนวความคิด และปฏิบัติการตามขั้นตอนที่ได้วางแผนนั้น ออกมาเปน็ รปู ธรรม ทง้ั นเ้ี พอ่ื สนองตอบความตอ้ งการของตนเองและคนในสงั คม การออกแบบทด่ี ี คอื การแสดงออกซง่ึ รปู แบบทด่ี ที ส่ี ดุ จากสาระของสง่ิ ใดสง่ิ หนง่ึ ไมว่ า่ จะเปน็ การออกแบบสองมติ หิ รอื สามมติ ิ ซง่ึ การออกแบบนน้ั จะตอ้ งมปี ระโยชน์ และคณุ คา่ ในทางดงี าม งานออกแบบแบง่ ประเภทกวา้ งๆ ไดเ้ ปน็ 3 ประเภทคอื 1. งานออกแบบเพอ่ื ประโยชนใ์ ชส้ อย ไดแ้ ก่ งานหตั ถกรรม งานออกแบบผลติ ภณั ฑ์ 2. งานออกแบบเพอ่ื การตดิ ตอ่ สอ่ื สาร ไดแ้ ก่ งานออกแบบนเิ ทศศลิ ป์ 3. งานออกแบบเพอ่ื คณุ คา่ ทางความงาม ไดแ้ ก่ งานวจิ ติ รศลิ ป์ คำถามทา้ ยบท 1. จงอธบิ ายความหมายของศลิ ปะ 2. ศิลปะซึ่งแบ่งตามจุดมุ่งหมายของการสร้างมีกี่ประเภทอะไรบ้างจงอธิบาย พรอ้ มทง้ั ยกตวั อยา่ ง
⌫ ⌫ 3. ศิลปะซึ่งแบ่งตามลักษณะของสื่อในการแสดงออกมีกี่ประเภทอะไรบ้างจง อธบิ ายพรอ้ มทง้ั ยกตวั อยา่ ง 4. ศลิ ปะซง่ึ แบง่ ตามลกั ษณะของการรบั สมั ผสั มกี ป่ี ระเภท อะไรบา้ งจงอธบิ าย พรอ้ มทง้ั ยกตวั อยา่ ง 5. จงอธบิ ายความหมายของการออกแบบ 6. การออกแบบเพอ่ื ประโยชนใ์ ชส้ อยทด่ี คี วรมคี ณุ สมบตั อิ ยา่ งไรจงอธบิ ายพรอ้ ม ทั้งยกตัวอย่าง 7. การออกแบบเพอ่ื การสอ่ื สารทด่ี คี วรมคี ณุ สมบตั อิ ยา่ งไรจงอธบิ ายพรอ้ มทง้ั ยก ตวั อยา่ ง 8. การออกแบบเพอ่ื คณุ คา่ ทางความงามควรมคี ณุ สมบตั อิ ยา่ งไรจงึ สนองวตั ถุ ประสงคข์ องการออกแบบ จงอธบิ ายพรอ้ มทง้ั ยกตวั อยา่ ง แบบฝกึ หดั ทา้ ยบท ใหผ้ ศู้ กึ ษาทำแฟม้ สะสมผลงานประกอบดว้ ยภาพและคำอธบิ ายภาพดงั น้ี 1. ภาพศลิ ปะซง่ึ แบง่ ตามจดุ มงุ่ หมายของการสรา้ ง 2. ภาพศลิ ปะซง่ึ แบง่ ตามลกั ษณะของสอ่ื ในการแสดงออก 3. ภาพศลิ ปะซง่ึ แบง่ ตามลกั ษณะของการรบั สมั ผสั 4. ภาพการออกแบบเพอ่ื ประโยชนใ์ ชส้ อย 5. ภาพการออกแบบเพอ่ื การสอ่ื สาร 6. ภาพการออกแบบเพอ่ื คณุ คา่ ทางความงาม ชลดู นม่ิ เสมอ. (2539). องคป์ ระกอบของศลิ ปะ. กรงุ เทพฯ: ไทยวฒั นาพานชิ . นวลนอ้ ย บญุ วงศ.์ (2539). หลกั การออกแบบ. กรงุ เทพฯ: จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั .
⌫ ⌫ ประพนั ธ์ ประภาสะวตั , บรรณาธกิ าร. (2547). กรงุ เทพฯ: บา้ นและสวน. มนญู ไชยสมบรู ณ.์ (2545). สอ่ื การสอนสนุ ทรยี ภาพของชวี ติ [ซดี ]ี . กรงุ เทพฯ: โปรแกรมวชิ า ศิลปกรรม. ราชบณั ฑติ ยสถาน. (2541). พจนานกุ รมศพั ทศ์ ลิ ปะองั กฤษ-ไทย. กรงุ เทพฯ: นานมบี คุ ส.์ ราชบณั ฑติ ยสถาน. (2546). พจนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน 2542. กรงุ เทพฯ: นานมบี คุ ส.์ วริ ตั น์ พชิ ญไพบลู ย.์ (2528). ความเขา้ ใจศลิ ปะ. กรงุ เทพฯ: ไทยวฒั นาพานชิ . อารี สทุ ธพิ นั ธ.์ (2532). ทศั นศลิ ปแ์ ละความงาม. กรงุ เทพฯ: แสงศลิ ปก์ ารพมิ พ.์ Jenova’s blog. (2004). November 08’ 2004. CTIN 532 Assignment - product design chart [Online], 10(15). Avialable HTTP://interactive.usc.edu/members/ jchen/archives/2004_11.html.
Search
Read the Text Version
- 1 - 18
Pages: