แผนการสอน รายวิชาอนามัยสิ่งแวดล้อม บทท่ี 6 การกาจดั สง่ิ ปฏกิ ลู 6.1 แนวคิด 6.2 นยิ ามและความหมาย 6.3 ความจาเปน็ ในการบาบัดและกาจัดสิ่งปฏิกูล 6.4 วัตถุประสงค์ในการบาบัดและกาจัดสิ่งปฏิกลู 6.5 ปรมิ าณและองคป์ ระกอบของสงิ่ ปฏกิ ลู 6.6 เชือ้ โรคในส่ิงปฏิกูล 6.7 การยอ่ ยสลายสารอนิ ทรีย์ในส่ิงปฏิกลู 6.8 หลกั การบาบัดและกาจัดสง่ิ ปฏกิ ลู 6.9 เกณฑ์สาคัญในการบาบัดและกาจดั สิ่งปฏกิ ลู 6.10 ระบบบาบดั และกาจัดสิง่ ปฏกิ ูล 6.11 กจิ กรรมประจาบทที่ 6 6.12 แบบฝึกหัดประจาบทที่ 6 6.1 แนวคิดและหลกั การ ปญั หาของสิง่ ปฏกิ ูลต่อสงิ่ แวดล้อมและชมุ ชน สง่ ผลตอ่ คณุ ภาพชวี ติ และความเปน็ อยู่ของพลเมือง ววิ ัฒนาการของการจัดการสงิ่ ปฏกิ ูลและแนวนโยบาย และ กฎหมายที่เก่ียวข้อง หลกั เกณฑใ์ นการจัดการส่ิง ปฏิกลู ในแง่ของแหล่งกาเนดิ ต่างๆชนิดองคป์ ระกอบ และลักษณะสมบตั ิของมูลฝอย การคาดการณป์ ริมาณสิง่ ปฏิกูลเทคโนโลยกี ารนาส่งิ ปฏิกลู กลบั มาใช้ประโยชน์ (Recycling) การเกบ็ รวบรวม เก็บขน ขนส่ง และวิธี/ เทคโนโลยีการกาจัดส่งิ ปฏกิ ลู ต่างๆ เช่น การวางแผนการจัดการสิ่งปฏิกูลจะทาใหช้ ุมชนสะอาด การท่ี ประชาชนมีสว่ นรว่ มในการจัดการสงิ่ ปฏิกลู ของชุมชน มีจติ สานกึ ในการกาจัด และการลดปรมิ าณส่ิงปฏกิ ลู ก็ เปน็ อีกวิธหี นึ่งในการจัดการส่ิงปฏิกลู ไดอ้ ย่างมปี ระสิทธภิ าพ 6.2จานวนชั่วโมงเรียน ภาคบรรยาย 2 ช่วั โมง ภาคกิจกรรม 1 ช่วั โมง 6.3 จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ เพ่ือใหน้ กั ศึกษามีความรู้พ้นื ฐานเกย่ี วกับการสุขาภิบาลสิ่งขับถ่าย องคป์ ระกอบที่พิจารณาในการกาจดั ส่ิงขบั ถ่าย ตลอดจนหลักการกาจัดและวธิ ีการกาจดั ส่ิงขบั ถ่าย และการควบคมุ และปอ้ งกนั โรค 6.4 จดุ ประสงค์เชงิ พฤติกรรม เม่อื นิสิตเรียนวิชานีแ้ ล้ว นกั ศกึ ษามคี วามรู้ ความสามารถและทกั ษะ ดังน้ี 1. สามารถบอกความหมาย ความสาคัญของการสขุ าภบิ าลส่งิ ขบั ถ่าย TM 2. สามารถอธบิ ายองคป์ ระกอบท่ีพิจารณาในการกาจดั สงิ่ ขับถ่าย 3. สามารถบอกและอธบิ ายหลกั การกาจัดและวธิ กี ารกาจดั สิง่ ขับถา่ ย 1 PDF Editorบทที่6การกาจดั สิ่งปฏิกลู
6.5เน้อื หาสาระ ภาคบรรยาย ความหมาย ความสาคญั ของการสขุ าภบิ าลส่ิงขับถ่าย องคป์ ระกอบที่พจิ ารณาในการกาจัดสิ่งขบั ถ่าย ดา้ นส่งิ แวดลอ้ ม ดา้ นเศรษฐกจิ สงั คม หลกั การกาจดั ส่ิงปฏิกลู และวธิ กี ารกาจดั ส่ิงขับถ่าย หลกั การกาจัดสงิ่ ปฏกิ ลู วิธกี ารกาจดั สิง่ ขบั ถา่ ย 6.6 กจิ กรรมการเรยี นการสอน ภาคบรรยาย ทาการสอนในห้องเรยี นแบบบรรยาย 4 ชว่ั โมง ในหัวขอ้ ท่ี 1 - 3 6.7 สือ่ การเรยี นการสอน แผน่ สไลดบ์ รรยาย (power point) เอกสารประกอบการสอน เอกสารประกอบการสอน ประกอบดว้ ยรูปภาพและตารางประกอบคาบรรยาย 6.8 การวัดผลและประเมนิ ผล สอบขอ้ เขยี นกลางภาค ปลายภาค สรปุ เนื้อหาท่เี รยี น / ความรู้ทีไ่ ดร้ บั ลงสมุดบันทกึ ทา้ ยชั่วโมงบรรยาย TM PDF Editorบทท่ี6การกาจดั ส่ิงปฏิกลู 2
บทที่ 6 การกาจดั ส่งิ ปฏิกลู เนอื้ หา 6.1 แนวคิด หน้า 6.2 นยิ ามและความหมาย 3 6.3 ความจาเปน็ ในการบาบัดและกาจดั ส่ิงปฏกิ ลู 3 6.4 วตั ถุประสงค์ในการบาบัดและกาจัดส่งิ ปฏกิ ลู 4 6.5 ปรมิ าณและองค์ประกอบของสิ่งปฏิกูล 5 6.6 เชอ้ื โรคในสิง่ ปฏกิ ลู 5 6.7 การยอ่ ยสลายสารอินทรียใ์ นสงิ่ ปฏกิ ลู 6 6.8 หลกั การบาบัดและกาจดั สิง่ ปฏกิ ูล 6 6.9 เกณฑ์สาคัญในการบาบัดและกาจัดสิ่งปฏกิ ลู 7 6.10 ระบบบาบัดและกาจดั สงิ่ ปฏิกูล 7 6.11 กจิ กรรมจัดการสงิ่ ปฏิกูล 7 6.12 แบบฝึกหัดท้ายบทท่ี 6 12 12 6.1 แนวคิด ปญั หาของส่ิงปฏกิ ลู ตอ่ สิง่ แวดลอ้ มและชมุ ชน สง่ ผลตอ่ คณุ ภาพชวี ติ และความเปน็ อยู่ของพลเมอื ง เชื้อโรคที่มีอยูใ่ นสงิ่ ปฏกิ ูล สามารถแพร่กระจายไปได้หลายทาง ท้งั ทางตรง โดยตวั บคุ คลทีม่ สี ุขวทิ ยาสว่ น บุคคลไมด่ ี เช่น ภายหลงั ถ่ายอุจจาระ ไมล่ า้ งมือให้สะอาดก่อนรับประทานอาหารหรือจับตอ้ งอาหาร เป็นต้น หรือเกดิ ขน้ึ ทางอ้อม เช่น ปนเปื้อนมาพรอ้ มกบั นา้ อาหาร ดิน แมลงวนั และสัตวอ์ น่ื ๆ เป็นต้น ทาให้ อุจจาระ มีเช้ือโรค เช่น E.coli ปนเปือ้ นอยู่ ซ่ึงสามารถตดิ ต่อมายังมนุษย์ได้ ไมว่ ่าจะเปน็ การผา่ นทางอาหาร หรอื น้าเป็นสื่อ เม่ือมนุษย์ได้รับเขา้ ไปอาจก่อใหเ้ กิดโรคได้ แนวนโยบายการจัดการส่งิ ปฏิกลู และ กฎหมายท่เี ก่ียวข้อง ตลอดจนหลกั เกณฑ์ในการจดั การส่ิงปฏกิ ูล ในแง่ของแหล่งกาเนิดตา่ งๆชนิดองค์ประกอบ และลักษณะสมบัติของสงิ่ ปฏกิ ลู การคาดการณป์ ริมาณส่ิงปฏิกลู เทคโนโลยกี ารนาสิ่งปฏิกลู กลับมาใชป้ ระโยชน์ (Recycling) การเกบ็ รวบรวม เก็บขน ขนสง่ และวธิ ี/ เทคโนโลยกี ารกาจัดส่งิ ปฏกิ ลู ต่างๆ เชน่ การหมักทาป๋ยุ การใช้เตาเผา การจดั การกากของเสีย และ การ วางแผนการจดั การสิ่งปฏิกูลจะทาให้ชมุ ชนสะอาด และปราศจากพษิ ภยั อันเกดิ จากปรมิ าณส่ิงปฏิกูลตลอดจน การท่ีประชาชนมี มีจิตสานึก และการลดปริมาณของเสยี กเ็ ปน็ อกี วธิ ีหนึ่งในการจัดการส่ิงปฏกิ ลู ได้อย่างมี ประสทิ ธภิ าพ TM 6.2 นิยามและความหมาย “สง่ิ ปฏกิ ูล” ตามพระราชบัญญตั กิ ารสาธารณสุข พ.ศ.2535 มาตรา 4 มีความหมายว่า “อจุ จาระ PDF Editorบทท่ี6การกาจดั สิ่งปฏิกลู 3
หรอื ปสั สาวะ และหมายความรวมถึงส่ิงอ่ืนใดซงึ่ เป็นส่งิ โสโครกหรือมีกลน่ิ เหม็น” แต่ “ส่ิงปฏิกลู ” ใน ภาษาองั กฤษ “Human waste or Human excreta” หมายถงึ ของเสียทปี่ ล่อยหรือขบั ถ่ายออกจากร่างกาย มนุษย์ ทส่ี าคัญได้แก่ อจุ จาระ (Feces) และ ปัสสาวะ (Urine) สงิ่ ปฏิกลู (Excreta) หมายถึง ของเสยี ทปี่ ล่อยออกมาจากร่างกายโดยมีน้าหนักแหง้ 27 กรัมต่อคนตอ่ วนั น้าหนักเปยี ก 100-200 กรมั ต่อคนต่อวัน มีอีโคไล ประมาณ 400 พนั ล้านต่อคนต่อวนั ฟิคลั โคลฟิ อร์ม 2000 พันลา้ นตอ่ คนตอ่ วนั ฟิคัลสเตรปโตคอคไค ประมาณ 450 พันลา้ นต่อคนตอ่ วนั (พัฒนา มลู พฤกษ์, 2539) สง่ิ ปฏกิ ูล หมายถงึ อจุ จาระและปสั สาวะ รวมตลอดถึงวสั ดุอ่นื ใดทเ่ี ปน็ ส่งิ สกปรกโสโครก และมกี ล่นิ เหม็น(สมศักด์ิ พทิ ักษานรุ ัตน์, เอกสารอัดสาเนา) การบาบดั สิ่งปฏกิ ลู (Excreta treatment) หมายถึงการเปล่ียนสภาพของของเสียในสงิ่ ปฏิกูลโดยการ ทาลาย ลด หรือควบคมุ ป้องกันการแพร่กระจายของเช้อื โรค และการย่อยสลายสารอนิ ทรีย์ในส่ิงปฏิกูลหรือลด ค่าบโี อดขี องสงิ่ ปฏกิ ูลเพ่อื ไม่ให้เกดิ มลพิษต่อส่ิงแวดลอ้ มทางน้า ทางดนิ เป็นตน้ การกาจัดสงิ่ ปฏิกลู (Excreta disposal) หมายถงึ การนาสิ่งปฏกิ ูลท่ผี ่านการบาบดั หรือผลผลิตท่ีเกิดจาก การบาบดั ตา่ งๆ ไปกาจดั ทิ้งหรอื นาไปใช้ประโยชน์ตอ่ ไป 6.3 ความจาเปน็ ในการบาบัดและกาจดั สิง่ ปฏกิ ลู สิ่งปฏกิ ลู เปน็ ของเสยี ทเี่ กิดจากมนุษย์ขบั ถ่ายออกมา เป็นกากอาหารและของเหลวที่เหลือ เกดิ ขน้ึ ภายหลงั ท่รี ่างกายได้มีการย่อยและดูดซึมเอาสารอาหาร แรธ่ าตุ และวิตามนิ ตา่ งๆ ไปใช้ประโยชนแ์ ลว้ ซึ่งอาจปนเปื้อนไปด้วยเชอื้ โรค ทง้ั ที่กอ่ โรคและไมก่ ่อโรค รวมท้งั หนอนพยาธอิ กี ด้วย หากกาจดั ไมด่ ี อาจ เป็นแหลง่ แพรเ่ ช้ือโรค กลายเป็นโรคระบาดท่เี กิดขน้ึ ในชุมชนได้ เชื้อโรคทีม่ ีอยู่ในสง่ิ ปฏิกลู สามารถแพร่กระจายไปได้หลายทาง ท้งั ทางตรง โดยตวั บุคคลทมี่ ีสขุ วิทยา ส่วนบุคคลไม่ดี เชน่ ภายหลังถ่ายอุจจาระ ไมล่ ้างมอื ให้สะอาดกอ่ นรบั ประทานอาหารหรือจบั ตอ้ งอาหาร เปน็ ตน้ หรือเกดิ ขึน้ ทางออ้ ม เชน่ ปนเปอื้ นมาพรอ้ มกับน้า อาหาร ดนิ แมลงวนั และสตั ว์อ่ืนๆ เป็นตน้ ทาให้ อุจจาระ มีเชือ้ โรค เชน่ E.coli ปนเป้อื นอยู่ ซงึ่ สามารถติดต่อมายงั มนษุ ย์ได้ ไม่ว่าจะเป็นการผา่ นทางอาหาร หรือนา้ เปน็ สอื่ เมอ่ื มนุษย์ไดร้ ับเข้าไปอาจก่อใหเ้ กดิ โรคได้ จงึ มี ความจาเปน็ ทจี่ ะต้องมีการบาบดั และกาจัดส่งิ ปฏกิ ลู ให้ดแี ละถูกต้องเพือ่ ความปลอดภยั ของมนุษย์ TM PDF Editorบทที่6การกาจดั สิ่งปฏิกลู 4
ภาพท่ี6.1 แสดงการขนส่งสารอนิ ทรีย์ในสิ่งปฏกิ ูล 6.4 วตั ถุประสงคใ์ นการบาบดั สงิ่ ปฏิกูล เพอ่ื ท่จี ะทาลายเชอื้ โรคหรอื ป้องกันการแพรก่ ระจายของเช้ือโรคท่ีปนเป้ือนมากับสิ่งปฏกิ ูลและเพ่ือทา การยอ่ ยสลายสารอินทรยี ใ์ นสิ่งปฏิกลู ไมใ่ หเ้ กดิ มลพิษต่อสิง่ แวดลอ้ มตา่ งๆ เชน่ มลพษิ ทางน้า มลพษิ ทางดิน เปน็ ต้น เชื้อโรคท่ีปนเป้ือนมากบั ส่งิ ปฏกิ ูลมักทาใหเ้ กดิ โรคทางระบบทางเดินอาหาร เปน็ ส่วนใหญ่ จงึ ต้องทาการสกดั กั้นการแพร่กระจายของเชอ้ื โรคจากสงิ่ ปฏกิ ลู ไม่ให้แพร่กระจายไปได้ 6.5 ปริมาณและองค์ประกอบของสิ่งปฏกิ ลู ปรมิ าณของสง่ิ ปฏกิ ลู ท่ีขับถ่ายออกมาของบุคคลในแต่ละวนั จะมคี วามแตกต่างกัน ขน้ึ กับการกนิ อาหาร การด่มื น้า สภาพภูมิอากาศ และการประกอบอาชีพ จากรายงานการศึกษาพบวา่ คนในประเทศท่ี กาลังพฒั นามกี ารถ่ายอจุ จาระประมาณวนั ละ 200 ถงึ 600 กรมั (นา้ หนักเปยี ก) สว่ นคนยุโรปและคนอเมรกิ นั ในแต่ละวนั จะถา่ ยอุจจาระน้อยกวา่ ประมาณ 100 ถึง 200 กรัม(นา้ หนกั เปียก) สาหรับการขับถา่ ยปัสสาวะ ในผูใ้ หญจ่ ะขับถา่ ยปสั สาวะประมาณวันละ 0.6 ถงึ 1.3 ลิตร องค์การอนามัยโลก(WHO) ไดก้ าหนดคา่ เฉลี่ย ปริมาณของสิง่ ปฏิกูล ไว้ดังนี้ - คนทนี่ ิยมรบั ประทานอาหาร ซง่ึ มโี ปรตีนสงู และอาศยั อยู่ในเขตเมืองหนาว จะขบั ถา่ ยอจุ จาระประมาณ 120 กรมั /คน/วนั และขับถ่ายปัสสาวะประมาณ 1.2 ลติ ร/คน/วนั - คนที่นยิ มรับประทานอาหารพชื ผัก และอาศัยอยใู่ นเขตเมืองร้อน จะขับถ่ายอจุ จาระประมาณ 400 กรัม/ คน/วัน และขบั ถ่ายปสั สาวะประมาณ 1 ลติ ร/คน/วนั องคป์ ระกอบส่วนใหญข่ องสงิ่ ปฏิกูล จะประกอบดว้ ยน้า สารอินทรียเ์ ป็นหลกั โดยจะมีคารบ์ อน ไนโตรเจน ฟอสฟอรัสโพแทสเซียม และสารอนนิ ทรียอ์ น่ื ๆ ปนอยู่เล็กน้อย แต่ตามปกติมักจะให้ควTาMมสนใจต่อ อตั ราสว่ นของคาร์บอน(C) และ ไนโตรเจน(N) ซ่งึ พบวา่ ในอุจจาระมีค่าประมาณ 8 สว่ น ปสั สาวะมี คา่ ประมาณน้อยกวา่ 1 ซ่งึ คา่ อัตราสว่ นน้เี ปน็ เกณฑท์ ีจ่ ะนาไปพิจารณาในการจดั ทาระบบหมัก(Composting systems)ท่ตี ้องการอัตราส่วนระหว่าง C ตอ่ N ประมาณ 20–30 PDF Editorบทท่ี6การกาจดั สิ่งปฏิกลู 5
6.6 เชือ้ โรคในสงิ่ ปฏกิ ลู เช้ือโรคทพ่ี บในส่ิงปฏกิ ลู และก่อใหเ้ กิดโรคตดิ ต่อในมนษุ ย์มี 4 กลมุ่ คอื ไวรัส (viruses) แบคทีเรีย (bacteria) โปรโตรซัว (protozoa) และพยาธิ (worms)จะมกี ารแพร่กระจายสู่คน 2 ทาง คือInfected excreta transmission หมายถึง การแพรก่ ระจายของเชื้อโรคจากส่ิงปฏิกลู ออกสู่สิง่ แวดลอ้ มและเข้าสู่คนอื่น ต่อไป Excreta–related Insect or Vector transmission หมายถงึ การแพรก่ ระจายของเชื้อโรคจากสง่ิ ปฏิกูลโดยมแี มลงเป็นพาหะของเชอ้ื โรค ถา่ ยทอดเชือ้ โรคจากทวารหนักส่ปู าก การแพร่กระจายของเชื้อโรคใน ส่งิ ปฏกิ ลู สามารถแพร่กระจายไดโ้ ดยตรง เนือ่ งจากการมสี ุขวิทยาสว่ นบุคคลไมด่ ี เชน่ การไม่ล้างมือให้สะอาด หลังจากเข้าห้องส้วมแลว้ นามือเขา้ ปาก เป็นต้น นอกจากน้ันยงั มีการแพร่กระจายโดยอ้อม เช่น ผ่าน ดิน อาหาร นา้ แมลงวัน เป็นตน้ ภาพที่ 6.2 แสดงการทงิ้ สิ่งปฏกิ ูล 6.7 การยอ่ ยสลายสารอนิ ทรียใ์ นสง่ิ ปฏิกูล ส่งิ ปฏกิ ลู มสี ารอนิ ทรีย์เป็นองคป์ ระกอบประมาณร้อยละ 20 เป็นสารประกอบของไนโตรเจน คารบ์ อน ฟอสฟอรัส ซลั เฟอร์ และสารอน่ื ๆ ตามลกั ษณะอาหารทรี่ ับประทาน สารอินทรีย์เหล่านี้จะเน่าเสียง่าย หาก ปล่อยทิง้ ไวโ้ ดยไม่มีการบาบัดจะก่อใหเ้ กดิ กลิน่ เหม็นหรือมีสภาพทนี่ ่ารังเกียจหรืออาจจะกอ่ ใหเ้ กดิ การปนเปอื้ น ในส่ิงแวดล้อมต่างๆ เชน่ แหล่งดนิ แหล่งนา้ เปน็ ตน้ การย่อยสลายสารอนิ ทรีย์ในสิง่ ปฏิกูล จะอาศยั จลุ ินทรยี ์ที่ ยอ่ ยสลายในสภาวะที่มีออกซิเจน(aerobic condition) และสภาวะทีไ่ มม่ ีออกซิเจน (anaerobic condition) สิ่งปฏิกูลทมี่ ีการย่อยสลายโดยจุลินทรียแ์ ลว้ จะลดปริมาตรและมวลของส่ิงปฏกิ ูลได้ประมาณร้อยละ 80 โดย เปลยี่ นสถานะจากของแข็งหรอื ของเหลวไปเปน็ แก๊สต่างๆ เช่น มเี ทน(CH4) คารบ์ อนไดออกไซด์ (CO2) แอมโมเนีย เปน็ ต้น ดงั ภาพที่6.2 แสดงปฏิกริยาการย่อยสลายสารอินทรียใ์ นส่งิ ปฏกิ ลู TM PDF Editorบทท่ี6การกาจดั สิ่งปฏิกลู 6
ภาพที่6.3 แสดงการยอ่ ยสลายสารอนิ ทรยี ใ์ นส่งิ ปฏิกลู 6.8 หลกั การบาบัดและกาจัดสง่ิ ปฏกิ ูล สง่ิ ปฏกิ ลู ส่วนใหญม่ ีสารอนิ ทรียเ์ ปน็ องค์ประกอบสาคัญ ดงั นัน้ การบาบัดและกาจดั สง่ิ ปฏิกูลจึงมี หลกั การเดียวกันกบั การบาบัดนา้ เสียทางชวี ภาพ ซ่งึ อาศยั จุลินทรียใ์ นการย่อยสลายสารอนิ ทรยี ์ สามารถแบ่ง กระบวนการได้เปน็ 2 แบบ ตามชนิดของจุลินทรีย์ ไดแ้ กก่ ระบวนการย่อยสลายสารอินทรียแ์ บบใชอ้ อกซเิ จน ซึ่งอาศยั จุลินทรยี ท์ ีต่ ้องการออกซิเจนในการย่อยสลายสารอนิ ทรยี ์ กระบวนการย่อยสลายสารอนิ ทรีย์แบบไม่ ใชอ้ อกซเิ จน ซ่ึงอาศยั จลุ นิ ทรียท์ ไ่ี ม่ต้องการออกซิเจนในการยอ่ ยสลายสารอนิ ทรยี ์ 6.9 เกณฑส์ าคญั ในการบาบัดและกาจดั สิ่งปฏิกูล องค์การอนามัยโลก(WHO) ไดก้ าหนดข้อพจิ ารณาและหลกั เกณฑ์ในการบาบัดและกาจัดสง่ิ ปฏิกูล สาหรับประเทศทก่ี าลงั พัฒนาไว้ เพื่อเปน็ แนวทางในการพิจารณาเลือกใช้ระบบบาบัดและกาจดั สิง่ ปฏกิ ลู ที่ถกู สขุ ลักษณะไว้ ดงั นี้ สิ่งปฏิกูลต้องไม่เกดิ การปนเปื้อนกบั ผวิ ดิน สงิ่ ปฏกิ ูลตอ้ งไมเ่ กิดการปนเปอ้ื นกับนา้ ใต้ดนิ สิง่ ปฏกิ ลู ต้องไมเ่ กิดการปนเป้ือนกบั นา้ ผวิ ดนิ ต้องไม่เป็นท่ีอยู่อาศยั ของแมลงและสตั วต์ า่ งๆ ต้องไม่มีการขนถ่าย อจุ จาระสด หรอื หากจาเปน็ ต้องขนถ่าย ใหท้ าการขนถ่ายน้อยท่ีสดุ ต้องปราศจากกล่ินเหมน็ รบกวนหรือสภาพ ท่ีนา่ รงั เกยี จ การใช้งานประจาวันจะต้องง่าย สะดวก และปลอดภยั ราคาคา่ กอ่ สรา้ งจะตอ้ งไมส่ งู เกนิ กวา่ รอ้ ย ละ 10 ของราคาก่อสร้างบา้ นวัสดุท่ใี ชใ้ นการก่อสรา้ งต้องเป็นวัสดุท่หี าไดห้ รอื ผลติ ไดใ้ นท้องถ่ิน และตอ้ งการ บารงุ รกั ษาน้อยถา้ เปน็ ไปได้ควรหลกี เลี่ยงการใชน้ ้าในการทาให้เจือจางหรือเคล่ือนยา้ ยสงิ่ ปฏิกลู สามารถใชง้ าน ได้ในพ้นื ท่ซี ง่ึ มชี มุ ชนอยู่กันอย่างหนาแน่น 6.10 ระบบบาบัดและกาจดั สิง่ ปฏิกูล การกาจดั สงิ่ ปฏกิ ลู โดยวิธรี ะบบบาบัดน้าเสยี (Sewerage system) การกาจัดส่ิงปฏิกลู โดยวิธีระบบ บาบัดน้าเสียนี้ จะปลอ่ ยใหอ้ ุจจาระและปัสสาวะทขี่ ับออกมาละลายปนเขา้ ไปในท่อระบายนา้ เสียแTลM้วเขา้ สู่ ระบบบาบัดนา้ เสียเพื่อบาบดั รวมกนั ทง้ั นา้ เสียและสงิ่ ปฏิกูล ซ่งึ เรยี กระบบบาบัดแบบนวี้ ่า ระบบบาบัดรวม (Central treatment) โดยการเปล่ียนสภาพของเสียในส่งิ ปฏกิ ูลใหอ้ ยู่ในสภาพ ทป่ี ลอดภยั จากการเกิดโรค ไม่ กอ่ ใหเ้ กิดอนั ตรายแล้วจงึ ทาการกาจดั ทิ้งไปหรือใช้ประโยชน์อยา่ งอืน่ เช่น ทาปุ๋ย เช้ือเพลิง ฯลฯ PDF Editorบทท่ี6การกาจดั ส่ิงปฏิกลู 7
โดยระบบบาบดั และการกาจัดสง่ิ ปฏิกูลอนั ดับแรกเรามักเรียกวา่ “ ส้วม ” ซึง่ มีหลายลักษณะ แล้วแต่จะเลือกใชต้ ามความเหมาะสมของแตล่ ะคนหรือแต่ละท้องถิน่ ซ่งึ แบ่งไดเ้ ปน็ 4 กลมุ่ ซ่ึงบางกล่มุ อาจไม่ เหมาะสมทจ่ี ะนามาใช้เพราะอาจเกดิ ปัญหาสิ่งแวดลอ้ ม แต่จะขอกล่าวเพื่อเป็นความร้พู ื้นฐานของการบาบดั และการกาจดั สิ่งปฏิกูล ดังนี้ 1. ระบบไม่ใชน้ ้าชนดิ ที่ 1 แบบนาไปบาบัดและกาจัดนอกอาคารหรือนอกบริเวณทีต่ ้ังอาคาร( Dry system, off-site treatment and disposal ) คือระบบบาบัดและกาจัดสิง่ ปฏิกลู ที่ไม่ใช้น้าราดหรอื ขบั เคลอื่ นสิ่งปฏิกูลลงถังเกบ็ และสิ่งปฏิกูลจะถกู นาไปบาบัดนอกอาคาร ซ่งึ ไมใ่ ชว่ ธิ ีทถ่ี ูกสขุ ลกั ษณะนัก เน่ืองจากอาจมีการปนเปื้อนในระหวา่ งการเดนิ ทางไปกาจัด โดยระบบดังกลา่ วมีใช้อยู่ 3 ประเภท คือ 1.1 ส้วมถงั เท (Bucket Latrine) ลักษณะของส้วมคือมีที่เกบ็ กกั ส่งิ ปฏกิ ูลเปน็ ถงั ตวั เรือนส้วมและมี พื้นท่ีส้วมท่ีมรี หู รือช่อง ให้มขี นาดโตพอท่ีส่ิงปฏกิ ูลจะตกลงไปได้ โดยต้องมที ่ี ปิดฝาถังท่ีมิดชดิ เพือ่ ป้องกันแมลง ลงไป จากนั้นเมื่อเต็มกน็ าไปบาบดั ต่อไป ภาพท่6ี .4 แสดงรปู กราฟิกของส้วมชนดิ ถงั เท 1.2 ส้วมเคมี (Chemical Toilets) อาจจดั ไวใ้ นพวกส้วมถงั เท แตต่ า่ งกันตรงท่ีมี การใช้สารเคมยี อ่ ย TM สลายสารอนิ ทรีย์และทาลายเชอื้ โรคในสิ่งปฏกิ ลู 8 ภาพที่6.5 แสดงรูปกราฟิกของส้วมชนิดเคมี PDF Editorบทท่ี6การกาจดั สิ่งปฏิกลู
1.3 สว้ มหลุมตนั (Vault Privies) ลกั ษณะของสว้ มคือมีหลมุ กกั เกบ็ สงิ่ ปฏกิ ลู ซ่งึ สรา้ งดว้ ยวสั ดทุ ี่ ป้องกันไมใ่ ห้น้าซึมเข้าออกได้ เช่น ทาด้วยคอนกรีต เหลก็ ไร้สนมิ ไฟเบอร์กลาส ภาพท่ี6.6 แสดงรูปกราฟิกของส้วมชนดิ หลุมตัน 2. ระบบไม่ใชน้ ้าชนดิ ท่ี 2 แบบนาไปบาบดั และกาจดั ภายในอาคารหรอื ภายในบรเิ วณที่ต้ังอาคาร (Dry system, on -site treatment and disposal) สิง่ ปฏกิ ูลจะถูกนาไปบาบัดและกาจัดภายในอาคารหรือ บริเวณทตี่ ัง้ อาคาร จะไม่ใชน้ ้าเป็นตัวขับเคลื่อนสิง่ ปฏิกลู และสง่ิ ปฏิกูลจะถกู บาบดั แลกาจัดภายในท่ีกกั เกบ็ จนกว่าจะเกดิ การย่อยสลายสงิ่ ปฏกิ ูลอยา่ งสมบรู ณแ์ ละมคี วามปลอดภัย แล้วจงึ นากากตะกอนหรือของเหลวท่ี ผา่ น การบาบัดแล้วไปกาจัดให้เหมาะสมต่อไป เชน่ ทาปุ๋ย ถมทล่ี ุ่ม ปรับสภาพดนิ เปน็ ต้น ซงึ่ การบาบดั ดว้ ย วิธนี ี้ได้แก่ 2.1 สว้ มหลมุ (Pit Privies) ไมใ่ ช้นา้ ในการขบั เคลื่อนสิง่ ปฏิกูล ลักษณะทาเป็นหลุมดิน ให้หลุมมี ขนาดเพยี งพอทีจ่ ะย่อยสลายอยา่ งสมบูรณ์และปลอดภัยได้ 2.2 ส้วมหมกั (Composting Latrines) ไม่ใช้น้าในการขบั เคลื่อนส่งิ ปฏกิ ูล มวี ัตถุประสงค์ของการ ใช้ส้วมชนดิ นคี้ ือ จะใช้หมักทาปุ๋ย 2.3 ส้วมรอ่ งดิน (Trench Latrines) ไมใ่ ชน้ า้ ในการขบั เคล่ือนส่งิ ปฏิกลู ลักษณะเป็นร่องดนิ ท่ีขดุ เป็น แนวตามยาว เมือ่ ใช้งานเสร็จก็จะกลบ มกั ใชก้ บั ท่ีอาศยั อยู่ช่ัวคราว เช่นค่ายทหาร แคมป์ลกู เสอื ค่ายอาสา พฒั นาชนบท เปน็ ตน้ TM PDFบทที่ 6การกาจดั ส่ิงปฏิกลู Editorภาพที่6.7 แสดงรปู กราฟิกของส้วมชนดิ สว้ มร่องดิน 9
2.4 ส้วมแขวน (Overhang Latrines) ลักษณะของสว้ มแขวนประกอบดว้ ยตัวเรือนสว้ มและพนื้ ท่ี ส้วมท่สี รา้ งบนเสาไม้เหนือนา้ ตามรมิ ฝ่ังแมน่ ้า ทะเล หรอื มหาสมุทร ภาพท่ี6.8 แสดงรูปกราฟิกของส้วมชนดิ แขวน 3. ระบบใช้นา้ ส่งิ ปฏกิ ลู ถกู นาไปบาบัดและกาจัดนอกอาคารหรอื นอกบรเิ วณ ท่ตี ง้ั อาคาร ( Wet system, off-site treatment and disposal ) หมายถึงระบบท่ีใช้น้าในการขับเคลอ่ื นสง่ิ ปฏิกูลลงสทู่ ีก่ ัก เก็บและสิ่งปฏกิ ูลถกู บาบัดภายในถงั กักเก็บ แลว้ ปลอ่ ยส่วนทีเ่ ป็นของเหลวท่ียังคงมีสารอินทรียแ์ ละเช้อื โรคไป บาบดั และกาจัดต่อโดยทอ่ ระบายนา้ เสยี ไปยังระบบบาบดั น้าเสยี ส่วนกลางภายนอกอาคาร ภาพท่ี6.9 แสดงรปู กราฟิกของระบบส้วมใชน้ ้า 4. ระบบใช้นา้ สง่ิ ปฏกิ ูลถูกนาไปบาบัดและกาจัดในอาคารหรือบริเวณ ( Wet system, on-site treatment and disposal ) หมายถึงระบบท่ใี ช้นา้ ในการขับเคล่ือนส่งิ ปฏกิ ลู ลงสูท่ ี่กักเก็บและส่ิงTปฏMกิ ลู ถูก บาบัดภายในถัง กักเกบ็ อาจมกี ารแบง่ ชนดิ ของส้วมตามลักษณะท่ีใช้น้าและลกั ษณะของหลุมท่ีเก็บกักสง่ิ ปฏกิ ูล ได้หลายอย่าง แต่ทนี่ ยิ มใช้กันอยู่ในปัจจุบันคือ สว้ มราดน้า (Pour-flush Toilet) เป็นส้วมทใี่ หม้ นี า้ ขงั อยู่ใต้พน้ื ส้วมซ่งึ มีการออกแบบทรี่ องรับใหน้ ้าขงั PDF Editorบทที่6การกาจดั สิ่งปฏิกลู 10
อยู่ ถังเกรอะ หรอื บอ่ เกรอะ (Septic Tanks) เปน็ สว้ มระบบทใ่ี ช้น้าและให้มีนา้ ขังอยู่ท่โี ถสว้ มแบบราดนา้ หรือ แบบชักโครกผลกั ดนั น้าไหลไปยังท่ีเกบ็ กกั ส่งิ ปฏกิ ูลเพอ่ื การบาบัดและกาจดั สิ่งปฏิกลู ในถังเกรอะซ่งึ สร้างไว้ห่าง จากพ้ืนส้วมโดยมที ่อนาส่ิงปฏิกลู ลงสู่ถงั ภาพที6่ .10 แสดงรปู กราฟกิ ของระบบส้วมราดน้า บรรณานุกรม \"Human Waste May Be Flush With Gold, Silver, And Other Valuable Metals\". Huffington Post. 25 March 2015. Retrieved 8 June 2015. Apollo, Michal (2017-01-02). \"The good, the bad and the ugly – three approaches to management of human waste in a high-mountain environment\". International Journal of Environmental Studies. 74 (1): 129–158. doi:10.1080/00207233.2016.1227225. ISSN 0020-7233. Human Waste Used by 200 Million Farmers, Study Says, National Geographic News, August 21, 2008 สานกั อนามัยสิ่งแวดลอ้ ม กรมอนามยั โปสเตอร์ สรา้ งสขุ นิสัย…รกั ษส์ ะอาด พฤติกรรมการใชส้ ว้ มที่ ถูกต้อง พิมพ์คร้งั ที่ 1 จานวน 100,000 แผน่ สานกั งานกิจการโรงพมิ พ์องค์การสงเคราะหท์ หารผ่านศึก สานกั อนามยั สิ่งแวดล้อม กรมอนามัย สถานการณ์อนามยั สง่ิ แวดลอ้ ม ปที ี่ 1 ฉบบั ท่ี 2 สถานการณก์ ารจัดการสงิ่ ปฏกิ ลู ขององคก์ รปกครอง สว่ นท้องถน่ิ สานกั อนามยั ส่ิงแวดลอ้ ม กรมอนามัย สถานท่ีทางานน่าอยู่ น่าทางาน สาหรบั สานกั งาน พมิTพM์ครั้งท่ี 1 กรกฎาคม 2550 จานวน 5,000 เลม่ สานกั งานกิจการโรงพิมพ์องคก์ ารสงเคราะห์ทหารผา่ นศึก สานกั อนามัยส่ิงแวดลอ้ ม กรมอนามยั สว้ มดมี ีท่ีไหน พิมพ์ครง้ั ท่ี 1 มนี าคม 2551 จานวน 3,000 เลม่ สานกั งานกจิ การโรงพมิ พ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก PDF Editorบทที่6การกาจดั ส่ิงปฏิกลู 11
กจิ กรรมทป่ี ระจาบทที่ 6 กิจกรรมด้านการสารวจเพ่ือการปอ้ งกันและควบคุมโรคจากแหลง่ แพรเ่ ช้อื 1.ใหผ้ ูศ้ กึ ษาสารวจสภาพของห้องน้าบรเิ วณอาคารเรียน โรงอาหารและหอพักและระบปุ ัญหาที่พบ พร้อมทงั้ หาสาเหตแุ ละแนวทางแก้ไขปญั หา แบบฝกึ หัดประจาบทท่ี 6 จงตอบคาถาม โดยอธบิ ายคาตอบพอสงั เขป 1.จงให้ความหมายของสงิ่ ปฏิกูลโดยสรุป 2.การจัดการส่ิงปฏกิ ูล มีวตั ถุประสงค์อยา่ งไร 3.ระบบการบาบัดส่งิ ปฏกิ ูล มีก่ีรูปแบบ อะไรบ้าง จงอธิบาย 4.จงบอกเกณฑ์ทใี่ ชใ้ นการประกวดส้วมสะอาดระดับหมูบ่ า้ น 5.จงวิเคราะหส์ ้วมที่อยู่ในอาคารเรียนของหลักสูตรทที่ ่านศึกษาอยู่ในปัจจบุ นั โดยรวมตามมาตรฐานHAS TM PDF Editorบทที่6การกาจดั ส่ิงปฏิกลู 12
Search
Read the Text Version
- 1 - 12
Pages: