ขั น ธ ะ วิ ม ุ ต ิ ส ะ ม ั ง ค ี ธ ร ร ม การท�ำความเข้าใจเร่ืองของกรรม เป็นการศึกษาธรรมะ เพอ่ื เตรยี มพรอ้ มทจี่ ะรบั ภาวะของตวั เราเอง ซงึ่ จะตอ้ งเปน็ ไปตาม กรรมทไี่ ดท้ ำ� ไว ้ ตามพทุ ธภาษติ ทมี่ วี า่ “กรรม จำ� แนกสตั วใ์ หท้ ราม และประณีตตา่ งกัน” ผู้สงสัยกรรม หรือไม่เช่ือกรรมว่ามีผล คือ ลืมตนจนกลาย 50 เป็นผู้มืดบอดอย่างช่วยไม่ได้ แม้เขาจะเกิดและได้รับการเล้ียงดู จากพ่อแม่มาเป็นอย่างดี เหมือนโลกทั้งหลายก็ตาม เขาก็มอง ไม่เห็นคุณของพ่อแม่ว่าได้ให้ก�ำเนิดและเลี้ยงดูตนมาอย่างไรบ้าง แต่เขาจะมองเห็นเฉพาะร่างกายเขาที่เป็นคนหน่ึงก�ำลังรกโลก อยู่โดยเจ้าตัวไม่รู้เท่านั้น ไม่สนใจคิดว่าเขาเติบโตมา จากท่าน ทั้งสอง ซ่ึงเป็นแรงหนุนร่างกายชีวิตจิตใจเขาให้เจริญเติบโตมา จนถึงปัจจุบัน การด่ืมกินเป็นการสร้างสุขภาพความเจริญเติบโต แกร่ า่ งกายไมจ่ ัดว่าเป็นกรรม
ห ล ว ง ปู ่ ม่ ั น ภ ู ริ ทั ต โ ต กรรม คือ การกระท�ำดีชั่วทางกาย วาจา ใจ ต่างหาก 51 ผลจริงคือความสุขทุกข์ท่ีได้รับกันอยู่ท่ัวโลก กระทั่งสัตว์ผู้ไม่รู้จัก กรรม รแู้ ตก่ ระทำ� คอื หากนิ หาอย ู่ ทางศาสนาเรยี กวา่ กรรมของสตั ว์ ของบุคคล และผลกรรมของสัตว์ของบุคคล ควรมีเมตตาสงสาร ในสัตว์ทั้งหลาย ซึ่งมีความเกิดแก่เจ็บตายเช่นเดียวกับเรา ไม่มี อะไรย่งิ หย่อนกวา่ กนั ความย่ิงหย่อนแห่งวาสนาบารมีน้ัน มีได้ทั้งคนและสัตว์ สตั วบ์ างตวั มวี าสนาบารมแี ละอธั ยาศยั ดกี วา่ มนษุ ยบ์ างคน แตเ่ ขา ตกอยใู่ นภาวะความเปน็ สตั วก์ จ็ ำ� ตอ้ งทนรบั เสวยไป สตั วเ์ ดรจั ฉาน กย็ งั มแี ละเสวยกรรมไปตามวบิ ากของมนั มใิ หป้ ระมาทเขาวา่ เปน็ สัตว์ท่ีเกิดในก�ำเนิดต�่ำทราม ความจริงเขาเพียงเสวยกรรมตาม วาระท่เี วยี นมาถงึ เทา่ น้ัน เชน่ เดยี วกบั มนษุ ย์ขณะท่ีตกอยใู่ นความ ทกุ ขจ์ นข้นแคน้ กจ็ ำ� ต้องทนเอา จนกวา่ จะสิ้นกรรม
ข ั น ธ ะ วิ มุ ต ิ ส ะ ม ั ง ค ี ธ ร ร ม เมอื่ มนษุ ยเ์ ราเกดิ เสวยชาตเิ ปน็ คน มสี ขุ บา้ งมที กุ ขบ์ า้ งตาม วาระของกรรมท่ีอ�ำนวย มนุษย์ก็มีกรรมชนิดหนึ่งที่พาให้มาเป็น เช่นนี้ ซ่ึงล้วนผ่านก�ำเนิดต่างๆ มาจนนับไม่ถ้วน ให้ตระหนักใน กรรมของสตั ว์ว่ามีตา่ งๆ กนั เพราะฉะน้ัน ไม่ให้ดูถูกเหยียดหยามในชาติก�ำเนิดความ เป็นอยู่ของกันและกัน และสอนให้รู้ว่าสัตว์ทั้งหลาย มีกรรมดี 52 กรรมชวั่ เป็นของๆ ตน
ทาน ศลี ภาวนา ธรรมท้ัง ๓ น ี้ เป็นรากแก้วของความเป็นมนษุ ย์ และเปน็ รากเหง้าของพระศาสนา
ห ล ว ง ป่ ู ม ั่ น ภู ริ ทั ต โ ต อานิสงส์ ของการรกั ษาศีล ๕ 55 ค�ำว่า ศีล ได้แก่สภาพเช่นไร ศีลอย่างแท้จริงเป็นไปด้วย ความมีสติ รู้ส่ิงท่ีควรหรือไม่ควร ระวังการระบายออกทางทวาร ทง้ั สาม คอยบงั คบั กาย วาจา ใจ ใหเ้ ปน็ ไปในขอบเขตของศลี ท่ี เปน็ สภาพปกต ิ ศลี ทเี่ กดิ จากการรกั ษามสี ภาพปกต ิ ไมค่ ะนองทาง กาย วาจา ใจ ใหเ้ ปน็ ทเี่ กลยี ด นอกจากความปกตงิ ดงามทางกาย วาจา ใจของผมู้ ศี ลี วา่ เปน็ ศลี เป็นธรรม เราควรรักษาศลี ๕
ขั น ธ ะ ว ิ มุ ติ ส ะ ม ั ง คี ธ ร ร ม ๑. ส่ิงมีชีวิต เป็นส่ิงท่ีมีคุณค่า จึงไม่ควรเบียดเบียนข่มเหง และทำ� ลายคุณคา่ แห่งความเป็นอย่ขู องเขาให้ตกไป ๒. สงิ่ ของของใครๆ กร็ กั และสงวน ไมค่ วรทำ� ลาย ฉก ลกั ปล้น จ้ี เปน็ ต้น อันเป็นการท�ำลายสมบตั ิและทำ� ลายจติ ใจกนั 56 ๓. ลูก หลาน สามี ภรรยาใครๆ ก็รักสงวนอย่างยิ่ง ไม่ ปรารถนาให้ใครมาอาจเอ้ือมล่วงเกิน เป็นการท�ำลายจิตใจของ ผู้อ่นื อย่างหนัก และเปน็ บาปไมม่ ีประมาณ ๔. มุสา การโกหกพกลม เป็นสิ่งท�ำลายความเชื่อถือของ ผู้อ่ืนให้ขาดสะบ้ันลงอย่างไม่มีดี แม้เดรัจฉานเขาก็ไม่พอใจค�ำ หลอกลวง จึงไมค่ วรโกหกหลอกลวงใหผ้ ้อู ่นื เสียหาย
ห ล ว ง ปู่ ม่ ั น ภู ร ิ ทั ต โ ต ๕. สุรา ยาเสพติด เป็นของมึนเมาและให้โทษ ดื่มเข้าไป ย่อมท�ำให้คนดีๆ กลายเป็นคนบ้าได้ ลดคุณค่าลงโดยล�ำดับ ผู้ต้องการเป็นคนดีมีสติปกครองตัวอย่างมนุษย์ จึงไม่ควรดื่มสุรา เคร่ืองท�ำลายสุขภาพทางร่างกายและใจอย่างยิ่ง เป็นการท�ำลาย ตัวเองและผูอ้ ื่นไปดว้ ยในขณะเดียวกนั อานสิ งส์ของศลี ๕ เมอ่ื รักษาได้ 57 ๑. ทำ� ใหอ้ ายุยนื ปราศจากโรคภัยเบยี ดเบยี น ๒. ทรพั ยส์ มบตั ทิ อี่ ยใู่ นความปกครอง มคี วามปลอดภยั จาก โจรผูร้ า้ ยมาราวเี บียดเบียนท�ำลาย ๓. ระหว่างลูก หลาน สามี ภรรยา อยู่ด้วยกันเป็นผาสุก ไม่มีผ้คู อยลว่ งลำ้� กล้ำ� กราย ตา่ งครองกันอยดู่ ้วยความเปน็ สุข ๔. พูดอะไรมีผู้เคารพเช่ือถือ ค�ำพูดมีเสน่ห์ เป็นที่จับใจ ไพเราะดว้ ยสตั ยด์ ้วยศลี
ข ั น ธ ะ วิ ม ุ ต ิ ส ะ ม ั ง คี ธ ร ร ม ๕. เป็นผู้มีสติปัญญาดีและเฉลียวฉลาด ไม่หลงหน้าหลง หลงั จบั โนน่ ชนนเ่ี หมอื นคนบา้ คนบอหาสตไิ มไ่ ด้ ผมู้ ศี ลี เปน็ ผปู้ ลกู และส่งเสริมสุขบนหัวใจคนและสัตว์ทั่วโลกให้มีแต่ความอบอุ่น ไม่เป็นที่ระแวงสงสัย ผู้ไม่มีศีล เป็นผู้ท�ำลายหัวใจคนและสัตว์ ให้ไดร้ ับความทกุ ข์เดือดรอ้ นทกุ หยอ่ มหญา้ 58
เพลินดโู ทษคนอื่นดนื่ ด้วยช่วั โทษของตวั ไม่เห็นเปน็ ไฉน โทษคนอน่ื เขามากสักเทา่ ไร ไมท่ �ำให้เราตกนรกเลย
ห ล ว ง ป่ ู ม่ั น ภู ริ ทั ต โ ต วธิ ีปฏบิ ัติ ของผเู้ ลา่ เรียนมาก ผู้ท่ีได้ศึกษาเล่าเรียนคัมภีร์วินัยมาก มีอุบายมาก เป็น 61 ปริยายกว้างขวาง ครั้นมาปฏิบัติทางใจ จิตไม่ค่อยจะรวมง่าย ฉะนนั้ ตอ้ งใหเ้ ขา้ ใจวา่ ความรทู้ ไ่ี ดศ้ กึ ษามาแลว้ ตอ้ งเกบ็ ใสต่ ใู้ สห่ บี ไวเ้ สยี กอ่ น ตอ้ งมาหดั ผรู้ คู้ อื จติ น ้ี หดั สตใิ หเ้ ปน็ มหาสต ิ หดั ปญั ญา ใหเ้ ปน็ มหาปญั ญา กำ� หนดรเู้ ทา่ มหาสมมตุ ิ มหานยิ ม อนั เอาออก ไปตั้งไว้ว่าอันน้ันเป็นอันน้ัน เป็นวันคืนเดือนปี เป็นดินฟ้าอากาศ กลางหาว ดาวนักขัตตฤกษ์ สารพัดส่ิงท้ังปวง อันเจ้าสังขาร คือ
ขั น ธ ะ วิ ม ุ ต ิ ส ะ ม ั ง ค ี ธ ร ร ม อาการจิตหากออกไปตั้งไว้บัญญัติไว้ว่าเขาเป็นน่ันเป็นนี่ จนรู้เท่า แล้ว เรียกว่าก�ำหนดรู้ทุกข์ สมุทัย เมื่อท�ำให้มาก เจริญให้มาก รูเ้ ทา่ เอาทนั แลว้ จิตก็จะรวมลงได้ เมื่อก�ำหนดอยู่ก็ช่ือว่าเจริญมรรค หากมรรคพอแล้ว นิโรธ กไ็ มต่ อ้ งกลา่ วถงึ หากจะปรากฏชดั แกผ่ ปู้ ฏบิ ตั เิ อง เพราะศลี กม็ อี ยู่ 62 สมาธิก็มอี ยู่ ปัญญากม็ อี ยู่ในกายวาจาจิตน้ี ทเ่ี รยี กวา่ อกาลโิ ก ของมอี ยทู่ กุ เมอ่ื โอปนยโิ ก เมอื่ ผปู้ ฏบิ ตั ิ มาพจิ ารณาของทม่ี อี ย ู่ ปจั จตั ตงั จงึ จะรเู้ ฉพาะตวั คอื มาพจิ ารณา กายอันนี้ให้เป็นของอสุภะ เปื่อยเน่าแตกพังลงไป ตามสภาพ ความจริงของภูตธาตุ ปุพเพสุ ภูเตสุ ธัมเมสุ ในธรรมอันมีมาแต่ เก่าก่อนสว่างโร่อย ู่ ทั้งกลางวันและกลางคืน ผู้มาปฏิบัติพิจารณา พงึ รู้อุปมารูปเปรยี บดงั นี้
ห ล ว ง ปู่ ม่ ั น ภู ริ ทั ต โ ต อันบุคคลผู้ท�ำนาก็ต้องท�ำลงไปในแผ่นดิน ลุยตมลุยโคลน ตากแดดกรำ� ฝน จงึ จะเหน็ ขา้ วเปลอื ก ขา้ วสาร ขา้ วสกุ มาได ้ และ ไดบ้ รโิ ภคดมื่ สบาย กล็ ว้ นทำ� มาจากของมอี ยทู่ ง้ั สนิ้ ฉนั ใด ผปู้ ฏบิ ตั ิ ก็ฉันน้ัน เพราะศีล สมาธิ ปัญญา ก็มีอยู่ในกายวาจาใจของ ทุกคนฯ 63
ห ล ว ง ปู่ ม ั่ น ภ ู ริ ท ั ต โ ต คตธิ รรมค�ำสอน ๏ ผู้สนใจศึกษาปฏิบัติธรรม คือผู้สนใจหาความรู้ความ 65 ฉลาด เพื่อคุณงามความดีทั้งหลาย ท่ีโลกเขาปรารถนากัน เพราะคนเราจะอยู่และไปโดยไม่มีเครื่องป้องกันตัว ย่อม ไม่ปลอดภัยต่ออันตรายท้ังภายนอกภายใน เคร่ืองป้องกันตัว คือ หลักธรรม มีสติปัญญาเป็นอาวุธส�ำคัญ จะเป็นเคร่ืองมั่นคง ไม่สะทกสะท้าน มีสติปัญญาแฝงอยู่กับตัวทุกอิริยาบท จะคิดพูด ทำ� อะไรๆ ไมม่ กี ารยกเวน้ มสี ตปิ ญั ญาสอดแทรกอยดู่ ว้ ยทง้ั ภายใน
ขั น ธ ะ ว ิ มุ ติ ส ะ มั ง คี ธ ร ร ม และภายนอก มีความเข้มแข็งอดทน มีความเพียรที่จะประกอบ คุณงามความดี คนอ่อนแอโง่เง่าเต่าตุ่น วุ่นวายอยู่กับอารมณ์ เครื่องผูกพันด้วยความนอนใจ และเกียจคร้านในกิจการท่ีจะ ยกตวั ใหพ้ ้นภัย ๏ การตำ� หนติ เิ ตยี นผอู้ น่ื ถงึ เขาจะผดิ จรงิ กเ็ ปน็ การกอ่ กวน 66 จิตใจตนเองใหข้ ุ่นมัวไปด้วย ความเดอื ดรอ้ นวนุ่ วายใจทคี่ ดิ แตต่ ำ� หนผิ อู้ นื่ จนอยไู่ มเ่ ปน็ สขุ นนั้ นกั ปราชญถ์ อื เปน็ ความผดิ และบาปกรรม ไมด่ เี ลย จะเปน็ โทษ ใหท้ ่านได้ส่งิ ไม่พงึ ปรารถนามาทรมานอยา่ งไม่คาดฝัน การกลา่ วโทษผอู้ นื่ โดยขาดการไตรต่ รอง เปน็ การสงั่ สมโทษ และบาปใส่ตนให้ได้รับความทุกข์ จึงควรสลดสังเวชต่อความผิด ของตน งดความเห็นที่เป็นบาปภัยแก่ตนเสีย ความทุกข์เป็นของ นา่ เกลยี ดนา่ กลวั แตส่ าเหตทุ ท่ี ำ� ใหเ้ กดิ ทกุ ขท์ ำ� ไมพอใจสรา้ งขน้ึ เอง
ห ล ว ง ป ู่ ม่ ั น ภ ู ริ ท ั ต โ ต ๏ เมือ่ เกดิ มาอาภพั ชาตแิ ล้ว อยา่ ให้ใจอาภัพอกี ผู้เกิดมาชาตินี้อาภัพแล้ว อย่าให้ใจอาภัพ คิดแต่ผลิตโทษ ท�ำบาปอกุศลเผาผลาญตนใหไ้ ดท้ กุ ข์เป็นบาปกรรมอกี เลย คนช่ัว ท�ำชั่วได้ง่าย และติดใจไม่ยอมลดละแก้ไขให้ดี คนดี ทำ� ดีไดง้ า่ ย และตดิ ใจกลายเปน็ คนรกั ธรรมตลอดไป ๏ เราต้องการของดี คนดีก็จ�ำต้องฝึก ฝึกจนดี จะพ้นการ 67 ฝึกไปไมไ่ ด้ งานอะไรก็ต้องฝึกทั้งนั้น ฝึกงาน ฝึกคน ฝึกสัตว์ ฝึกตน ฝึกใจ นอกจากตายแล้ว จึงหมดการฝึก ค�ำว่า ดี จะเป็นสมบัติ ของผฝู้ กึ ดีแลว้ แนน่ อน ๏ ผเู้ หน็ คณุ คา่ ของตวั จงึ ควรเหน็ คณุ คา่ ของผอู้ น่ื วา่ มคี วาม รูส้ ึกเช่นเดยี วกนั ไมเ่ บียดเบียนท�ำลายกัน
ข ั น ธ ะ วิ มุ ติ ส ะ มั ง ค ี ธ ร ร ม ผมู้ ศี ลี สตั ย ์ เมอ่ื ทำ� ลายขนั ธไ์ ปในสคุ ตใิ นโลกสวรรค ์ ไมต่ กตำ�่ เพราะอ�ำนาจศีลคุ้มครองรักษาและสนับสนุน จึงสมควรอย่างยิ่ง ท่ีจะพากันรักษาให้บริบูรณ์ ธรรมก็ส่ังสอนแล้วควรจดจ�ำให้ดี ปฏิบตั ใิ หม้ ่ันคง จะเป็นผทู้ รงคณุ สมบัตทิ ุกอยา่ งแน่นอน ๏ ศีลนนั้ อยทู่ ไ่ี หน มตี ัวตนเปน็ อยา่ งไร 68 ใครเปน็ ผรู้ กั ษาแลว้ กร็ วู้ า่ ผนู้ นั้ เปน็ ศลี ศลี กอ็ ยทู่ ต่ี นน ้ี เจตนา เป็นตัวศีล เจตนาคือจิตใจ คนเราถ้าจิตใจไม่มีก็ไม่เรียกว่าคน มีแต่กายจะท�ำอะไรได้ ร่างกายกับจิตต้องอาศัยซ่ึงกันแลกัน เมื่อ จิตไม่เป็นศีล กายก็ประพฤติไปต่างๆ มีโทษต่างๆ ผู้มีศีลแล้ว ไมม่ โี ทษ จะเปน็ ปกตแิ นบเนยี นไมห่ วน่ั ไหว ไมม่ เี รอ่ื งหลงหาหลงขอ คนทห่ี าคนทข่ี อตอ้ งเปน็ ทกุ ข ์ ขอเทา่ ไหรย่ งิ่ ไมม่ ี ยงิ่ อดอยากยากเขญ็ กายกับจิตเราได้มาแล้ว มีอยู่แล้ว ได้มาจากบิดามารดา พร้อมบริบูรณ์แล้ว จะท�ำให้เป็นศีลก็รีบท�ำ ศีลมีอยู่ท่ีเรานี้แล้ว
ห ล ว ง ป ู่ ม ั่ น ภ ู ร ิ ทั ต โ ต รกั ษาไดไ้ มม่ กี าล ไดผ้ ลไมม่ กี าล ผมู้ ศี ลี ยอ่ มเปน็ ผอู้ งอาจกลา้ หาญ ผมู้ ศี ลี ยอ่ มมคี วามสขุ ผจู้ กั มงั่ คง่ั บรบิ รู ณ ์ สมบรู ณ ์ ไมอ่ ด ไมย่ าก ไมจ่ น กเ็ พราะรกั ษาศลี ไดส้ มบรู ณ ์ จติ ดวงเดยี วเปน็ ศลี เปน็ สมาธิ เปน็ ปญั ญา ๏ ผมู้ ศี ีลแท้เป็นผหู้ มดเวรหมดภยั 69 ๏ พระพทุ ธเจา้ ตรสั สอนเรอ่ื งกายวาจาจติ มไิ ดส้ อนอยา่ งอนื่ ทรงสอนให้ปฏบิ ตั ฝิ กึ หดั จิตใจ ให้เอาจิตพิจารณากาย เรียกว่า กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน หัดสติให้มาก ในการค้นคว้าท่ีเรียกว่า ธัมมวิจยะ พิจารณาให้พอ ทเี ดยี ว เมอ่ื พจิ ารณาพอจนเปน็ สตสิ มั โพชฌงค ์ จติ จงึ จะเปน็ สมาธิ รวมลงเอง การประกอบความพากเพยี รทำ� จติ ใหย้ ง่ิ เปน็ การปฏบิ ตั ิ ค�ำสอนตามค�ำสอนของพระบรมศาสดาสัมมาสมั พทุ ธเจา้
ขั น ธ ะ วิ มุ ต ิ ส ะ ม ั ง คี ธ ร ร ม ๏ คุณธรรม ยังผู้เข้าถึงให้เป็นผู้ฉลาดปราดเปร่ืองเล่ือง ระบอื มคี วามฉลาดกวา้ งขวางในอบุ ายวธิ ี ไมม่ คี วามคบั แคน้ จนมมุ ๏ ความไม่ย่งั ยืน เป็นสง่ิ ทีย่ ิ่งใหญแ่ นน่ อน ความย่ิงใหญ่ คือ ความไม่ยั่งยืน ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ คือ ชีวิต ท่ีอยู่ด้วยทาน ศีล เมตตา และกตัญญู ชีวิตที่มีความดี อาจมิใช่ 70 ความย่ิงใหญ ่ แต่ชวี ิตทีย่ ่ิงใหญ่ ต้องอาศยั คุณธรรมความดีเท่านั้น ๏ วาสนา น้นั เปน็ ไปตามอธั ยาศัย คนทมี่ วี าสนาในทางทด่ี มี าแลว้ แตค่ บคนพาล วาสนากอ็ าจ เปน็ เหมอื นคนพาลได ้ บางคนวาสนายงั ออ่ น เมอ่ื คบบณั ฑติ วาสนา กเ็ ลอ่ื นขน้ั ขนึ้ เปน็ บณั ฑติ ฉะนนั้ บคุ คลควรพยายามคบแตบ่ ณั ฑติ เพ่ือเล่ือนภมู วิ าสนาของตนใหส้ ูงข้ึน
ห ล ว ง ปู่ ม ่ั น ภ ู ริ ทั ต โ ต ๏ ผูม้ ปี ญั ญา ไม่ควรใหส้ ่งิ ทล่ี ว่ งมาแล้วตามมา ไม่ควรหวงั 71 ในสิ่งท่ียังมาไม่ถึง ผู้มีปัญญาได้เห็นในธรรมซึ่งเป็นปัจจุบัน ควร เจริญความเห็นนน้ั ไว้เนืองๆ ควรรีบท�ำเสยี ผู้มีปัญญาซ่ึงมีธรรมเป็นเคร่ืองอยู่ มีความเพียรแยกกิเลส ให้หมดไป จะไม่เกียจคร้าน ขยันหมั่นเพียรท้ังกลางวันและ กลางคืน
ผมู้ ปี ัญญา ไมค่ วรใหส้ งิ่ ทีล่ ว่ งมาแลว้ ตามมา ไม่ควรหวงั ในส่ิงทยี่ งั มาไมถ่ งึ ผู้มปี ัญญาไดเ้ หน็ ในธรรมซึง่ เปน็ ปัจจบุ นั ควรเจรญิ ความเหน็ นนั้ ไว้เนืองๆ ควรรบี ท�ำเสีย
ใครผดิ ถกู ดชี ัว่ กต็ ัวเขา ใจของเราเพียรระวงั ตง้ั ถนอม อยา่ ใหอ้ กศุ ลวนมาตอม ควรถึงพร้อมบญุ กุศลผลสบาย เห็นคนอน่ื เขาช่ัวตวั กด็ ี เป็นราคียดึ ขันธ์ทม่ี น่ั หมาย ยึดขนั ธต์ อ้ งรอ้ นแทเ้ พราะแก่ตาย เลยซ้ำ� รา้ ยกิเลสกล้มุ เขา้ รมุ กวน www.kanlayanatam.com
Search