Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Nirvana

Nirvana

Published by ชมรมกัลยาณธรรม, 2021-04-20 07:23:04

Description: Nirvana

Search

Read the Text Version

ค ว า ม ดั บ ไ ม เ ห ลื อ ค ว า ม ดั บ ไ ม เ ห ลื อ ทานพุทธทาส อินทปญโญ สวนโมกขพลาราม อ.ไชยา จ.สุราษฎรธานี

พุ ท ธ ท า ส อิ น ท ป ญ โ ญ ชมรมกัลยาณธรรม หนังสือดีลำดับที่ ๙๕ ความดับไมเหลือ ทานพุทธทาส อินทปญโญ จัดพิมพเพื่อแจกเปนธรรมทาน นอมถวายเปนพุทธบูชาในงานแสดงธรรม เปนธรรมทาน ของชมรมกัลยาณธรรม คร้ังที่ ๑๕ อาทิตยที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ ณ หอประชุมใหญ-หอประชุมศรีบูรพา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร ครั้งที่ ๑ : จำนวน ๑๐,๐๐๐ เลม (กันยายน ๒๕๕๒) จัดพิมโดย : ชมรมกัลยาณธรรม ๑๐๐ ถนนประโคนชัย ต.ปากนำ้ อ. เมือง จ.สมุทรปราการ ๑๐๒๗๐ ภาพปก : โทรศัพท ๐๒-๗๐๒๗๓๕๓ อ. ประเทือง เอมเจริญ ศิลปนแหงชาติ ออกเเบบและ : บุญรอด แสงสินธุ โทรศัพท ๐๘๑-๖๒๙๔๙๐๓ จัดรูปเลม แยกสีและ : Cannagraphic จัดพิมพท่ี : โทรศัพท ๐๘๖-๓๑๔๓๖๕๑ สัพพทานัง ธัมมทานัง ชินาติ การใหธรรมะเปนทาน ยอมชนะการใหท้ังปวง w w w. k a n l a y a n a t a m. c o m

ค ว า ม ดั บ ไ ม เ ห ลื อ คำนำ มีหนังสือเลมหนึ่งเปนหนังสือเลมเล็กช่ือวา ดบั ไมเ หลอื ของพระเดชพระคณุ ทา นอาจารยพ ทุ ธทาส เคยอานมานานแลว พอมาอานทีหลังก็รูสึกวาดีมาก สำหรับผูท่ีมีพ้ืนฐานในการปฏิบัติแลวพอสมควร และการปฏิบัติที่ติดอยูหรือไมเขาใจในเร่ืองของจิตโดย เฉพาะ และไมเพียงแตไปยึดติดท่ีมีจิตรูอยางเดียว แตยังยึดติดที่ตัวรูเขาอีก มันก็เลยติดกันไปใหญ มันตองรูตัวมันเองดวย คือรูจิตตัวเอง วาจิตเอง ก็เปนอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มันจึงจะเกิดสุญญตา ขน้ึ มาได ถา เพยี งแตร ู รู แตร ยู งั ไมต ลอดสาย มนั เลย เปนทาสแกตัวรู และตัวรูก็กลายเปนทำนบท่ีรับน้ำ จนนำ้ เต็มลนไหลบา ท่ีถูกคือตองเปดนำ้ ใหไหลไป ใชประโยชนใหไดดวย คือ วิปสสนา เห็นตลอดสาย การติดอยูในจุดที่เปนปมอะไรน่ัน ตองแกที่ตัวจิตเอง

พุ ท ธ ท า ส อิ น ท ป ญ โ ญ เห็นจิตที่วางจากตัวตน หรือจิตท่ีวางจากจิต อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ยังไมพอ พลังยังนอยอยู จึงแก ไมไ ด มนั กไ็ ดแ คร อู ยอู ยา งนนั้ ฉะน้ัน จะตองปฏิบัติดวยการเจริญอนิจจัง อนัตตา จนเกิดสุญญตา คือจิตที่วางจากจิตเอง แลวส่ิงอ่ืนมันก็วางตามไปเอง จึงไมควรมองขามจิต ตอ งฝก จติ ใหฉ ลาด และเอาจติ ฉลาดสอนจติ โง ใหร จู กั ปลอย รูจักวาง มันตองปลอยทั้งตัวรู ทั้งสิ่งท่ีถูกรู และกริ ยิ าอาการทเ่ี ขา ไปรู ปญ หามนั กค็ ลค่ี ลายเอง พระครูวินัยธร สำนักวิปสสนาวังสันติบรรพต บนภูเขาวังเนียง ต.คูหาสวรรค อ.เมือง จ.พัทลุง

ค ว า ม ดั บ ไ ม เ ห ลื อ ความดบั ไมเ หลอื โอวาสของทานพุทธทาสภิกขุ (บรรยายในพรรษา พ.ศ.๒๕๐๔) เรอ่ื งความดบั ไมเ หลอื นนั้ มวี ธิ ปี ฏบิ ตั เิ ปน ๒ ชนดิ คอื ตามปกติ ขอใหม คี วามดบั ไมเ หลอื แหง ความรสู กึ ยดึ ถอื “ ตวั กู ” และ “ ของก”ู อยเู ปน ประจำ นอ้ี ยา งหนง่ึ ๕

พุ ท ธ ท า ส อิ น ท ป ญ โ ญ อีกอยางหน่ึง หมายถึง เม่ือรางกาย จะตองแตกดับไปจริงๆ ขอใหปลอยทั้ง หมดรวมทง้ั รา งกาย ชวี ติ จติ ใจ ใหด บั เปน ครงั้ สดุ ทา ย ไมม เี ชอื้ อะไรเหลอื อยู หวงั อยู สำหรบั การเกดิ มตี วั เราขน้ึ มาอกี ฉะนนั้ ตามปกตปิ ระจำวนั กใ็ ชอ ยา งแรก เม่ือถึงคราวจะแตกดับทางรางกาย ก็ใช อยา งหลงั ในกรณที ปี่ ระสบอบุ ตั เิ หตุ ไมต ายทนั ที มี ความรสู กึ เหลอื อยบู า งชว่ั ขณะ กใ็ ชอ ยา งหลงั ถา สน้ิ ชวี ติ ไปอยา งกระทนั หนั กห็ มายวา ดบั ไป ในความรูสึกในวิธีอยางแรกอยูในตัว และ เปนอันวามีผลคลายกัน คือไมมีความอยาก เกดิ อกี นน่ั เอง ๖

ค ว า ม ดั บ ไ ม เ ห ลื อ วธิ ปี ฏบิ ตั อิ ยา งท่ี ๑ คอื ทำเปน ประจำ วนั นน้ั หมายความวา มเี วลาวา งสำหรบั ทำ จติ ใจเมอ่ื ไหร กอ นนอนกด็ ี ตนื่ นอนใหมก ด็ ี ให สำรวมจติ เปน สมาธดิ ว ยการกำหนดลมหายใจ (หรืออะไรก็แลวแตถนัด) พอสมควรกอน แลวจึงพิจารณาใหเห็น ความที่สิ่งท้ังหลาย ทง้ั ปวงทกุ สงิ่ ไมค วรยดึ มน่ั วา เปน เรา หรอื เปน ของเรา แมแ ตส กั อยา งเดยี ว เปน เรอ่ื งอาศยั กนั ไปในการเวยี นวา ยตายเกดิ เทา นน้ั เอง ยดึ มน่ั ในสงิ่ ใดเขา กต็ อ งเปน ทกุ ขท นั ทแี ละทกุ สง่ิ การเวยี นวา ยตายเกดิ นนั้ เลา กค็ อื การ ทนทกุ ขท รมานโดยตรง เกดิ ทกุ ทเี ปน ทกุ ขท กุ ที เกดิ ทกุ ชนดิ เปน ทกุ ขท กุ ชนดิ ไมว า จะเกดิ เปน อะไรกเ็ ปน ทกุ ข ไปตามแบบของการเกดิ เปน ๗

พุ ท ธ ท า ส อิ น ท ป ญ โ ญ อยางน้ัน เกิดเปนแม ก็ทุกขอยางแม เกิด เปน ลกู กท็ กุ ขอ ยา งลกู เกดิ เปน คนรวย กท็ กุ ข อยา งคนรวย เกดิ เปน คนจน กท็ กุ ขอ ยา งคนจน เกดิ เปน คนดี กท็ กุ ขอ ยา งคนดี เกดิ เปน คนชวั่ กท็ กุ ขอ ยา งคนชว่ั เกดิ เปน คนมบี ญุ กท็ กุ ขไ ป ตามประสาคนมบี ญุ เกดิ เปน คนมบี าป กท็ กุ ข ไปตามประสาคนมบี าป ฉะนนั้ สไู มเ กดิ เปน อะไรเลย คอื “ดบั ไมเ หลอื ” ไมไ ด แตท นี ้ี สำหรบั การเกดิ หรอื คำวา “เกดิ ” นน้ั อยา หมายเพยี งการเกดิ จากทอ งแม ทแ่ี ท มนั หมายถงึ การเกดิ ของจติ คอื ของความรสู กึ ทรี่ สู กึ ขน้ึ มาคราวหนงึ่ ๆวา กเู ปน อะไร เชน เปน แม เปน ลกู เปน คนจน เปน คนมี คนสวย คน ไมส วย คนมบี ญุ คนมบี าป เปน ตน ซงึ่ นแ่ี หละ ๘

ค ว า ม ดั บ ไ ม เ ห ลื อ เรียกวาความยึดถือ หรืออุปาทานวา “ตัวกู” เปน อยา งไร “ของก”ู เปน อยา งไร ตัวกู หรือของกู อยางที่กลาวนี้ เรียกวา อปุ าทาน มนั เกดิ จากทอ งแมข องมนั คอื อวชิ ชา มนั เกดิ วนั หนง่ึ ไมร กู สี่ บิ ครงั้ กรี่ อ ยครงั้ หรอื ไมร ู กร่ี อ ยชาตนิ นั่ เอง เกดิ ทกุ คราวเปน ทกุ ขท กุ คราว อยา งไมม ที างทจี่ ะหลกี เลย่ี ง ทุกคราวท่ีตาเห็นรูป หรือหูไดยินเสียง หรือจมูกไดกล่ิน หรือลิ้นไดรส หรือกายได สมั ผสั ผวิ หนงั หรอื จติ มนั ปรงุ เรอื่ งเกา ๆ เปน ความคิด เปนเรื่องเปนราวขึ้นมาเองก็ตาม ถา ควบคมุ ไวไ มด แี ลว “ตวั ก”ู เปน ไดโ ผลหรอื เกดิ ข้ึนมาทันที และตองเปนทุกขทันทีท่ีตัวกู โผลข น้ึ มา ๙

พุ ท ธ ท า ส อิ น ท ป ญ โ ญ ฉะนนั้ จงระวงั อยา เผลอให “ตวั ก”ู โผล หวั ออกมาจากทอ งแมข องมนั เปน อนั ขาด เพยี ง แตต าเหน็ รปู หรอื หไู ดย นิ เสยี ง เปน ตน แลว เกดิ สตปิ ญ ญารวู า ควรจดั การอยา งไรกจ็ ดั การไป หรอื นง่ิ เสยี กไ็ ด อยา งนไี้ มเ ปน ไร ขออยา งเดยี ว อยาให “ตัวกู” ถูกปรุงขึ้นมาจากตัณหาหรือ เวทนา อนั เกยี่ วเนอื่ งกบั สงิ่ ทไี่ ดเ หน็ หรอื ไดย นิ เปน ตน อยา งนเ้ี รยี กวา “ตวั ก”ู ไมเ กดิ คอื ไมม ชี าติ น่ันเอง เม่ือไมเกิด ก็ไมตาย หรือไมทุกข อยา งใดทง้ั สน้ิ นแ่ี หละคอื ขอ ทบ่ี อกใหท ราบวา การเกดิ นน้ั ไมใ ชห มายถงึ การเกดิ จากทอ งแม ทางเนอ้ื หนงั โดยตรง แตม นั หมายถงึ การเกดิ ทางจิตใจของ “ตัวกู” ท่ีเกิดจากแมของมัน คอื อวชิ ชา ๑๐

ค ว า ม ดั บ ไ ม เ ห ลื อ การ “ดบั ไมเ หลอื ” ในทนี่ ี้ กค็ อื อยา ให ตวั กดู งั กลา วนนั้ เกดิ ขน้ึ มาไดน นั่ เอง เมอื่ เหน็ แม ของมนั คอื อวชิ ชา กฆ็ า แมข องมนั เสยี ดว ย วิชชา หรือปญญา ที่รูวา “ไมมีอะไรควร ยึดม่ันถือม่ัน” น่ันเอง หรืออีกอยางหน่ึง ก็วามันเกิดไดเพราะเราเผลอสติ ฉะน้ันเรา อยา เผลอสตเิ ปน อนั ขาด ถาเปนคนขี้มักเผลอสติ ก็จงแกดวย ความเปน ผรู จู กั อาย รจู กั กลวั เสยี บา ง โดยอาย วาการท่ีปลอยใหเปนอยางน้ันๆ มันเปนคน สาระเลวยงิ่ กวา ไพรห รอื ขขี้ า สถลุ เสยี อกี ไมค วร แกเ ราเลย ๑๑

พุ ท ธ ท า ส อิ น ท ป ญ โ ญ ทว่ี า รจู กั กลวั เสยี บา งนน้ั หมายความวา มนั ไมม อี ะไรทน่ี า กลวั ไปกวา ความเกดิ ชนดิ นแ้ี ลว มันยิ่งกวาตกนรกหรืออะไรท้ังหมด เกิดข้ึน มาทไี รเปน สญู คนเสยี คน ไมม อี ะไรเหลอื เมอื่ มีความอายและความกลัวอยางน้ีบอยๆ แลว สตมิ นั จะไมก ลา เผลอของมนั เอง การปฏบิ ตั ิ ก็จะดีข้ึนตามลำดับ จนเปนผูท่ีมีการ “ดับ ไมเ หลอื ” อยเู ปน ประจำ ๑๒

ค ว า ม ดั บ ไ ม เ ห ลื อ ทกุ คำ่ เชา เขา นอนตอ งมกี ารคดิ บญั ชเี รอื่ ง การดบั ไมเ หลอื นี้ ใหร รู ายรบั รายจา ยไวเ สมอไป ขอ นมี้ อี านสิ งสส งู กวา ไหวพ ระสวดมนต หรอื ทำสมาธเิ ฉยๆ เรอ่ื งเกย่ี วกบั ดบั ไมเ หลอื ทำนองนไี้ มเ กย่ี ว กบั การเพง หรอื หลบั ตา เหน็ สีเหน็ ดวงหรอื อะไร ทแี่ ปลกๆ เปน ทำนองปาฏหิ ารยิ  หรอื ศกั ดส์ิ ทิ ธ์ิ ๑๓

พุ ท ธ ท า ส อิ น ท ป ญ โ ญ แตเกี่ยวกับสติปญญา หรือสติสัมปชัญญะ โดยตรงเทา นน้ั อยา งมากทสี่ ดุ ทม่ี นั จะสำแดง ออกก็เพียง ถามีสติสมบูรณจริงๆ ไดท่ีเต็ม ที่แลวก็จะสำแดงออกมาเปนความเบากาย เบาใจ สบายกาย สบายใจ อยา งทบ่ี อกไมถ กู เทานั้นเอง ถึงกระนั้น ก็อยานึกถึงเร่ืองน้ี เลยจะดกี วา เพราะจะกลายเปน ทตี่ ง้ั อปุ าทาน อนั ใหมข น้ึ มา แลว มนั กจ็ ะดบั ไมล ง และมนั จะ “เหลอื ” อยเู รอื่ ย คอื เกดิ เรอื่ ยทเี ดยี ว เดยี๋ ว จะไดก ลมุ กนั ใหญ และยง่ิ ไปกวา เดมิ พวกทที่ ำวปิ ส สนาไมส ำเรจ็ กเ็ ปน เพราะ คอยจบั จอ ง เอาความสขุ อยเู รอ่ื ยไป มงุ นพิ พาน ตามความยึดถือของตนร่ำไป มันก็ดับไมลง ๑๔

ค ว า ม ดั บ ไ ม เ ห ลื อ หรอื นพิ พานจรงิ ๆ ไมไ ด มตี วั กเู กดิ ในนพิ พาน แหง ความยดึ มน่ั ถอื มนั่ ของตนเองเสยี เรอื่ ย ฉะนนั้ ถา จะภาวนาบา งกต็ อ งภาวนาวา ไมม อี ะไรทค่ี วรยดึ มนั่ ถอื มน่ั แมแ ตส ง่ิ ทเี่ รยี ก วานิพพานน่ันเอง “สพฺเพ ธมฺมา นาลํ อภินิเวสาย - ส่ิงทั้งหลายทั้งปวง ไมควร ยดึ มนั่ ถอื มนั่ ” สรุปความวา ทุกคำ่ เชาเขานอนตอง ทำความแจมแจง เร่ืองความไมยึดม่ันถือม่ัน ใหแจมกระจางอยูเสมอ จนเคยชินเปนนิสัย จนหากบงั เอญิ ตายไปในเวลาหลบั กย็ งั มหี วงั ทจ่ี ะไมเ กดิ อกี ตอ ไปอยนู น่ั เอง ๑๕

พุ ท ธ ท า ส อิ น ท ป ญ โ ญ มสี ตปิ ญ ญาอยเู รอื่ ย อยา ใหอ ปุ าทานวา “ตวั ก”ู หรอื “ของก”ู เกดิ ขน้ึ มาไดเ ลย ในทกุ ๆ กรณี ทั้งกลางวันกลางคืน ท้ังต่ืนและหลับ นเ้ี รยี กวา เปน อยดู ว ยความดบั ไมเ หลอื หรอื ความไมมีตัวตน มีแตธรรมะอยูในจิตที่วาง จากตวั ตนอยเู สมอไป เรยี กวา ตวั ตนไมไ ดเ กดิ และมแี ตก ารดบั ไมเ หลอื อยเู พยี งนน้ั ถา เผลอไป ก็ตั้งใจทำใหมเร่ือย ไมมีการทอถอยหรือ เบื่อหนาย ในการบริหารใจเชนน้ีก็เชนเดียว กบั เราบรหิ ารกายอยตู ลอดเวลานนั้ เหมอื นกนั ใหท งั้ กายและใจไดร บั การบรหิ ารทถี่ กู ตอ งคกู นั ไป ดังนี้ ในทุกกรณีท่ีทำอยู ทุกลมหายใจ เขาออก เปนอยูดวยปญญา ไมมีความ ผดิ พลาดเลย ๑๖

ค ว า ม ดั บ ไ ม เ ห ลื อ ทีนี้ก็มาถึง วิธีปฏิบัติท่ี ๒ คือในเวลา จวนเจยี นจะดบั จติ นนั้ อยากจะกลา ววา มนั งา ย เหมือน ตกกระไดแลวพลอยกระโจนมัน ยากอยูตรงที่ไมกลา พลอยกระโจน ในเมื่อ พลดั ตกกระได มนั จงึ เจบ็ มาก เพราะตกลงมา อยา งไมเ ปน ทา เปน ทาง ไหนๆ เมอื่ รา งกายน้ี มนั อยตู อ ไปอกี ไมไ ด แลว จติ หรอื เจา ของบา น กพ็ ลอยกระโจนตาม ไปเสยี ดว ยกแ็ ลว กนั ใหป ญ ญามนั กระจา ง แจง ขน้ึ มาในขณะนน้ั วา ไมม อี ะไรนา จะ กลบั มาเกดิ ใหม เพอ่ื เอา เพอื่ เปน เพอื่ หวงั อะไรอยา งใดตอ ไปอกี หยดุ สน้ิ สดุ ปด ฉากสดุ ทา ยกนั เสยี ที เพราะไปแตะเขา ที่ ไหน มแี ตท กุ ขท งั้ นน้ั ไมว า จะไปเกดิ เปน อะไร ๑๗

พุ ท ธ ท า ส อิ น ท ป ญ โ ญ เขา ทไี่ หน หรอื ไดอ ะไรทไ่ี หนมา จติ หมดทห่ี วงั หรอื ความหวงั ละลาย ไมม ที จี่ อด มนั จงึ ดบั ไปพรอ มกบั กาย อยา งไมม เี ชอื้ เหลอื มาเกดิ อกี สง่ิ ทเ่ี รยี กวา เชอ้ื คอื ความหวงั หรอื ความ อยากหรอื ความยดึ มนั่ ถอื มนั่ อยใู นสงิ่ ใด สงิ่ หนงึ่ นนั่ เอง สมมตุ วิ า ถกู ควายขวดิ จากขา งหลงั หรอื รถยนตท บั หรอื ตกึ พงั ทบั หรอื ถกู ลอบยงิ หรอื ถกู ระเบดิ ชนดิ ไหนกต็ าม ถา มคี วามรสู กึ เหลอื อยู แมส กั ครงึ่ วนิ าทกี ต็ ามจงนอ มจติ ไปสคู วาม ดบั ไมเ หลอื หรอื ทำความดบั ไมเ หลอื เชน วา นใ้ี ห แจมแจงข้ึนใจ (เหมือนท่ีเคยฝกอยูทุกค่ำเชา เขา นอน) ขนึ้ มาในขณะนนั้ แลว ใหจ ติ ดบั ไปก็ เปน การเพยี งพอแลว สำหรบั การ “ตกกระได พลอยกระโจน” ไปสูความดับไมมีเชื้อเหลือ ๑๘

ค ว า ม ดั บ ไ ม เ ห ลื อ ถาหากจิตดับไปเสีย โดยไมมีเวลาเหลือ อยูสำหรับใหรูสึกไดดังวา ก็แปลวา ถือเอา ความดบั ไมเ หลอื ทเี่ ราพจิ ารณา และมงุ หมาย อยเู ปน ประจำใจทกุ คำ่ เชา เขา นอนนนั่ เอง เปน พื้นฐานสำหรับการดับไป มันจะเปนการดับ ไมเหลืออยูดี ไมเสียทาเสียทีแตประการใด อยา ไดเ ปน หว งเลย ถาปวยดวยโรคที่เจ็บปวด หรือทรมาน มาก ก็ตองทำจิตแบงรับวา ที่ย่ิงเจ็บมาก ปวดมากนี่แหละ มันจะไดดับไมเหลือ เรว็ เขา อกี เราขอบใจความเจบ็ ปวดเสยี อกี เมื่อเปนดังนี้ ปติในธรรมะก็จะขมความรูสึก ปวดนน้ั ไมใ หป รากฏ หรอื ปรากฏแตน อ ยทสี่ ดุ จนเรามีสติสมบูรณอยูดังเดิม และเยาะเยย ความเจบ็ ปวดได ๑๙

พุ ท ธ ท า ส อิ น ท ป ญ โ ญ ถา ปว ยดว ยโรค เชน อมั พาต และตอ ง ดบั ดว ยโรคนนั้ กใ็ หถ อื วา ตวั เราสน้ิ สดุ ไป ตง้ั แต ขณะทโี่ รคนน้ั ทำใหห มดความรสู กึ นน้ั แลว ที่ เหลอื นอนตาปรบิ ๆอยนู ้ี ไมม คี วามหมายอะไร ท้ังน้ีเพราะวาจิตของเราไดสมัครนอมไป เพ่ือ ความดบั ไมเ หลอื เสรจ็ สน้ิ แลว ตงั้ แตก อ นลม เจบ็ เปนอัมพาต หรือต้ังแตความรูสึกยังดีๆ อยู ในการเปนอัมพาตตลอดเวลาท่ีมีความรูสึก ครน้ั หมดความรสู กึ แลว มนั กเ็ ลกิ กนั แมว า ชวี ติ ยงั ไมด บั ทนั ทมี นั กห็ ามตี วั ตนอะไรทเี่ ปน ตวั กู หรอื ของกูที่ไหนไม อยาไดคิดเผื่อใหมากไป ดว ยความเขลาของตวั เองเลย ยงั ดๆี อยนู แ่ี หละ รบี ทำความดบั ไมเ หลอื เสียใหสมบูรณดวยสติปญญาเถิด มนั จะ ๒๐

ค ว า ม ดั บ ไ ม เ ห ลื อ รบั ประกนั ไดไ ปถงึ เมอ่ื เจบ็ แมใ นกรณที เี่ ปน โรค อมั พาตดงั กลา วแลว ไมม ที างทจี่ ะพา ยแพ หรอื เสียทาเสียทีแกความเจ็บแตประการใดเลย เพราะเราทำลาย “ตวั ก”ู ใหห มดความเกดิ เสยี แลว ต้ังแตเม่ือรางกายยังสบายๆ อยูน่ันเอง นเ่ี รยี กวา ดบั หมดแลว กอ นตาย สรปุ ความในทส่ี ดุ วธิ ปี ฏบิ ตั ทิ งั้ ๒ ชนดิ ก็คือ จงมีจิตที่มีปญญาแทจริง มองเห็น อยวู า ไมม อี ะไร ทคี่ วรยดึ มน่ั ถอื มน่ั แมแ ตส กั สงิ่ เดยี วในจติ ทวี่ า งจากความยดึ มน่ั ถอื มนั่ โดย ส้ินเชิง อยางน้ีแหละ ไมมี “ตัวกู” หรือ “ของก”ู มแี ตธ รรมะทเ่ี ปน ความหลดุ พน อยา ง สมบรู ณ ซง่ึ เราจะสมมตเิ รยี กวา พระรตั นตรยั หรือมรรคผลนิพพาน หรืออะไร ท่ีเปน ๒๑

พุ ท ธ ท า ส อิ น ท ป ญ โ ญ ย อ ด ป ร า ร ถ น า ข อ ง ค น ยึ ด มั่ น ถื อ ม่ั น นั้ น ไดท กุ อยา ง แตเ ราไมย ดึ มนั่ ถอื มน่ั ในอปุ าทาน ในส่ิงเหลานั้นเลย จึงดับไมเหลือ หรือ นพิ พานไดส มชอื่ นิ แปลวา ไมเ หลอื พาน แปลวา ไปหรอื ดบั นพิ พานจงึ แปลวา ดบั ไมเ หลอื เปน สงิ่ ทมี่ ี ลกั ษณะความหมายการปฏบิ ตั ิ และอานสิ งส อยา งทก่ี ลา วมา ดงั นแี้ ล ขอ ความทงั้ หมดน้ี ยงั ยอ อยมู าก แตถ า ขยันอานและพินิจพิจารณาอยางละเอียดไป ทกุ อกั ษร ทกุ คำ ทกุ ประโยคแลว กค็ งจะพศิ ดาร ไดใ นตวั มนั เองและเพยี งพอแกก ารเขา ใจ และ ปฏบิ ตั ิ ๒๒

ค ว า ม ดั บ ไ ม เ ห ลื อ ฉะนน้ั หวงั วา คงจะอา นจะฟง กนั อยเู ปน ประจำ โดยไมต อ งคำนงึ วา กเี่ ทยี่ วกจี่ บ จนกวา จะเปน ทเ่ี ขา ใจแจม แจง โดยปญ ญา และมน่ั คง โดยสมาธิ นำมาใชไ ดท นั ทว งที ดว ยสตสิ มตาม ความประสงคท กุ ประการ ๒๓



ค ว า ม ดั บ ไ ม เ ห ลื อ จติ วา งพบชวี ติ จรงิ คำวา จติ วา งหมดนน้ั ขอย้ำอกี วา ไมใ ชว า ง ไมม อี ะไร จติ วา ง เพราะเหน็ จติ โงท เ่ี ขา ไปยดึ ถอื อะไรตอ มอิ ะไร แลว เปน ทกุ ข คอื จติ นน้ั แหละ จติ ทฝ่ี ก มาดว ยสตปิ ญ ญา แลว ดจู ติ โงท ปี่ ระกอบ ดวยความเขาใจผิด วาจิตหรือรางกาย หรือ สิ่งท้ังปวงวาเปน นิจัง คือเห็นทุกอยางเปน ของเที่ยงอยูน่ิงๆ ไมเคล่ือนไหว ไมไหล เปน อตั ตา เหน็ เปน ตวั ตนมตี วั ตนไปหมด แลว กเ็ อา มายดึ ถอื ทส่ี ำคญั นนั้ คอื ยดึ เอาจติ มาเปน ตวั ตน เปน ตวั กู เปน ตวั แรก แลว ของกู มนั มากนั เปน แถว ทั้งอายตนะภายใน อายตนะภายนอก วญิ ญาณ ผสั สะ เวทนา อยา งละหก ละหก แลว ทกุ ขม นั กต็ ามมา เหตเุ พราะไมฝ ก จติ เอง ใหฉลาดใหมีปญญา ใหมีวิชชา ใหมีพุทโธ ๒๕

พุ ท ธ ท า ส อิ น ท ป ญ โ ญ ใหเ หน็ แจง จรงิ ซงึ่ ตวั จติ เองวา จติ นนั้ เกดิ ดบั เปน อนจิ จงั เปน อนตั ตา วา งจากตวั มนั เอง ตวั มันเองเขาไปยึดถือตัวมันเองไมได และเขา ไปยดึ ถอื สงิ่ อนื่ วา มตี วั ตนไมไ ด ถา เขา ไปยดึ ถอื มนั เองกม็ คี วามทกุ ข ถงึ จะไปยดึ ถอื สง่ิ ภายนอก มนั กม็ คี า เทา กนั คอื มนั เปน ทกุ ขท ง้ั นนั้ แลว เรา จะปฏิบัติอยางไร ปฏิบัติดวยการคืนจิตให ธรรมชาติเสีย แตจิตก็ยังอยู จิตท่ีอยูท่ียังรูอยู เปน จติ ทฉ่ี ลาด ไมใ ชจ ติ ทเี่ ปน ตวั กู เปน จติ ที่ เอาตวั กอู อกแลว เปน จติ ตวั รแู จง เหน็ จรงิ คอื ทง้ั รแู ลว กท็ งั้ เหน็ เหน็ ทง้ั ตวั มนั เอง คอื เหน็ ตวั จติ เอง และเหน็ สงิ่ ภายนอก วา ทเี่ ขา ไปยดึ ถอื จิตหรือส่ิงภายนอกวาเปนตัวตนของตน หรือ เหน็ วา เปน นจิ จงั สขุ งั อตั ตา มนั กลบั เหน็ ตรงขา มไปแลว คอื เหน็ เปน อนจิ จงั ทกุ ขงั ๒๖

ค ว า ม ดั บ ไ ม เ ห ลื อ อนัตตา แลวก็ตามมาดวย สุญญตา เห็น ทงั้ หมดวา งจากตวั ตน เราเหน็ วา เปน ความวา ง คนๆ หนงึ่ มนั ปกคลมุ และแวดลอ มดว ยความวา ง เพราะแกน ภายในมนั วา ง คอื จติ แทแ วดลอ ม ดวยเนื้อหนังคือรางกายท่ีวาง และประตูคือ อายตนะภายในท่ีวางกันมาเปนแถว และส่ิง เหลา น้มี หี นา ท่ีทำงาน ทำงานดว ยความวาง ไมใ ชบ อกวา กเู หน็ กไู ดย นิ ฯลฯ แตม นั เปน ตาเห็น หูไดยิน ภาษาคนกับภาษาธรรมะ ตองแยกใหออก มันพูดวา กู กู น่ีมันเปน ภาษาทส่ี มมตเิ รยี กขานกนั เทา นนั้ อยา ไปคดิ วามันจริง บอกแลววาสมมติๆ สมมติมัน จะจริงอยางไร ถาไปยึดถือสมมติจนชิน จนเห็นจริงไปหมด มันทุกขตลอดชีวิตน้ี และชีวิตหรือแกนชีวิตหรือตัวชีวิตเปนของ ๒๗

พุ ท ธ ท า ส อิ น ท ป ญ โ ญ ไมจริงและจิตเองมันไมจริง มันก็ไปเอาของ ไมจริงมาแทนอีก เชน ไปเอารูป ซึ่งเปนของ ไมจ รงิ ไปเอาเวทนา สญั ญา สงั ขาร วญิ ญาณ ซงึ่ เกดิ ๆ ดบั ๆ เปน ของไมจ รงิ ทเ่ี ปน อนจิ จงั อนัตตา ทั้งไมเที่ยง ทั้งไมใชตัวตน เอามา เปนตัวตนเขาอีก มันก็แสดงเปนตัวตนไป หมด เอาเงามาเปนตัวตน ลองคิดดูมันโง หรือฉลาด ตัวตนท่ีเปนจิตก็ไมใชตัวตน ตวั ตนทเ่ี ปน กายกไ็ มใ ชต วั ตน วา งจากตวั ตน แลว เม่ือมันไมมีตัวตนแลว ก็เทากับเอา ทุกขมาเปนตัวตนท้ังน้ัน แลวมันอะไรกัน พระพทุ ธเจา ทา นสอนแตเ รอื่ งนี้ เราเรยี น เรา ศกึ ษาดว ยจติ ทม่ี ตี วั ตน เมอื่ ศกึ ษาแลว ตอ ง การปฏิบัติก็แลว แตก็ไปเอาท้ังจิต ท้ังสิ่งที่ ครบู าอาจารยส อนเปน ตวั ตนมตี วั ตนกนั ไปหมด ๒๘

ค ว า ม ดั บ ไ ม เ ห ลื อ เพราะไมเห็นจิตวางจากตัวตนคือจิตเปน สญุ ญตาจากภายนอกกย็ ง่ิ เตม็ กนั ไปใหญ ไปรู อะไรทงั้ โลก ไปเรยี นไปจบั ตอ งอะไรเขา กล็ ว น แตม ตี วั ตนไปหมด เพราะจติ มนั มดื มองกาย ก็ไมเห็น มองอะไรก็มีสีดำไปหมด มันเปน โลกมืดของจิตที่มีอวิชชา ตองเอาแวนพระ พทุ ธเจา มาใส คอื แวน ตาใจแหง ปญ ญา ถอด แวนตาดำออกเสีย คือแวนแหงอวิชชา ใส แวนตาปญญาเขาไป ถอดแตแวน ไมใช ควกั ลกู ตาออก ลกู ตายงั อยเู หมอื นเดมิ แลว กย็ งั ใชง านไดอ ยู แลว ตาปญ ญา หรอื จติ ปญ ญา จิตวิชชา จิตพุทโธตัวน้ันก็ปรากฏออกมา เปน สญุ ญตาจติ คอื จติ ทว่ี า งจากตวั ตน เปน ของแทเปนของเดิม จึงเรียกวาจิตเดิมแท ปรากฏออกมา เหน็ สแี ดงกเ็ ปน สแี ดง เหน็ สี ๒๙

พุ ท ธ ท า ส อิ น ท ป ญ โ ญ ขาว ดำ เหลอื ง เหน็ ตามความเปน จรงิ หมด เหน็ ครบวงจร เหน็ แลว ไมเ ขา ไปยดึ มนั่ ถอื มน่ั นน่ั แหละของแทแ ลว แตแ วน อวชิ ชา แวน ดำนน่ั มนั มองลอดแวน ออกมากร็ ายงานวา ดำๆ เหน็ เปนสีดำทั้งหมด ตาแทของแทก็ปรากฏตาม ความเปน จรงิ ไมไ ด นจิ จงั สขุ งั อตั ตา เลยมา ปรากฏแกค นหรอื ผสู วมแวน ดำ แลว กส็ วมกนั ทงั้ โลก มนี อ ยนกั ทส่ี วมแวน ขาวใส คนสวม แวน ดำจงึ เลอื กไมอ อก ฉะนน้ั ในทางทถี่ กู ตอ ง เขาจะตอ งปฏบิ ตั ิ ธรรมะใหถ กู ตอ งทง้ั ๘ ประการ นน่ั คอื ทางเดนิ ไปหาแวน สขี าว แตต อ งจรงิ จงั หนกั แนน พรอ ม ที่จะเอาชีวิตเขาแลกได ไมหวงชีวิตนี้ มอบ กายถวายชวี ติ นใี้ หพ ระรตั นตรยั เสยี อยา เอา ๓๐

ค ว า ม ดั บ ไ ม เ ห ลื อ มาเปนตัวกูของกูอีกเลย แลววันหนึ่งก็จะได ชวี ติ จรงิ ทหี่ มดจากตวั กขู องกู เปน ชวี ติ ทฟ่ี รี อสิ ระ จากกเิ ลส จติ อยกู บั ความวา งจากตวั ตน โดยสว นมาก พระพทุ ธเจา พระองคก ม็ จี ติ แตจ ติ ของพระองคอ ยกู บั สญุ ญตาวหิ าร พระอรหนั ต ทงั้ หลายกม็ จี ติ แตจ ติ นนั้ อยกู บั การไมย ดึ มนั่ ถือมั่น อยูกับจิตท่ีวางจากตัวตน ยืนเดิน น่ังนอน คิดอาน พูดทำ ก็ทำดวยจิตวาง ๓๑

พุ ท ธ ท า ส อิ น ท ป ญ โ ญ ทงั้ นนั้ แลว ความทกุ ขม นั กต็ ามหาทา นไมพ บ เพราะตัวกายตัวจิตของทานหายเขาไปอยูใน กลีบเมฆไปรวมตัวอยูกับธรรมชาติท่ีวางจาก ตวั ตนจนหมดสนิ้ แลว นแี่ หละคอื ชวี ติ จรงิ ทเ่ี รา เกิดมาทุกคนจะตองรีบคนหาใหพบ ตั้งแต บัดนี้ อยาไดรอชาติหนาเลย พระครูวินัยธร (พระมหาทรงศักดิ์ วิโนทโก) สำนักวิปสสนาวังสันติบรรพต บนภูเขาวังเนียง อ.เมือง จ.พัทลุง ๓๒


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook