ก็ได้ ดูลมหายใจก็ได้ แล้วดูจิตท่ีเคลื่อนไป ทีนี้ถ้า เราไม่ชอบบริกรรม ดลู มหายใจได้ไหม ผู้ถาม ๑ : สงสัยต้องไปบริกรรม คณุ ประสาน : สวดมนตง์ า่ ยๆ กไ็ ด ้ ชอบสวด มนตไ์ หม สวดมนตก์ บั บรกิ รรม มนั กเ็ หมอื นกนั แหละ พุทโธ ก็คือบทสวดมนต์ส้ันๆ หน่ึงค�ำ อิติปิโสไป กไ็ ด ้ อติ ปิ โิ สไปสบายๆ เหมอื นทอ่ งสตู รคณู แลว้ จติ แอบไปคดิ ให้รู้ ผถู้ าม ๑ : อยากทราบวา่ ทที่ ำ� ทกุ วนั นน้ี ถ่ี กู ไหม คุณประสาน : ก็พอใชไ้ ดน้ ะ ผถู้ าม ๑ : ขอบคณุ คะ่ 50
ผถู้ าม ๒ : ขอโอกาสนะครบั ทำ� มาสกั พกั หนงึ่ ทจี่ รงิ สงสยั วา่ ทำ� ผดิ บา้ งไหม เพราะมนั ไมม่ อี ะไรคบื หนา้ แต่ว่าท�ำอยทู่ กุ วนั นะครับ คุณประสาน : คือเราทุกคนนี่นะ อย่ากังวล เลยวา่ ทำ� ผดิ บา้ งไหม การภาวนามนั จะเปน็ อยา่ งนี ้ คือเราบอกว่าต้องไม่เพ่ง แล้วก็ไม่เผลอ ใช่ไหม แตจ่ รงิ ๆ แลว้ มนั บงั คบั ไมไ่ ด ้ ทำ� ไปแลว้ บางชว่ งกเ็ พง่ บางช่วงก็เผลอ บางช่วงก็ฟุ้ง ก็มี แต่เพ่งแล้วรู้ หลงแล้วรู้ ที่จริงก็ดูดีข้ึนนะ จิตดูมีก�ำลังมากกว่า แต่ก่อน คือถ้าวัดโดยก�ำลังของใจ ก�ำลังของจิตก็ เพิ่มมากขึน้ กว่าแตก่ อ่ นเยอะแล้ว ผถู้ าม ๒ : แลว้ ตอ้ งทำ� อะไรเพมิ่ ไหมครบั อยา่ ง ตอนนพี้ ยายามจะนง่ั สมาธเิ พม่ิ อกี สกั ๑๐ นาท ี แต่ เหน็ ไดว้ า่ ท�ำไมไ่ ด ้ เดนิ ได้ แตน่ ง่ั ไม่ได้ 51
คณุ ประสาน : คอื เรามจี ดุ บอดอนั หนงึ่ มนั จะ มีอาการของการเจตนารักษาตัวรู้ เหมือนกับว่า กลัวที่จะหลงยาว ก็เลยแอบประคองไว้นิดๆ เห็น หรือเปล่าไมร่ ู้ ผถู้ าม ๒ : จะกลบั ไปดูครบั คอื ตอนนไี้ ม่เหน็ ครบั คุณประสาน : ลองวัดดู ลองตอบค�ำถามว่า ใจตอนนม้ี นั ดเู หมอื นรสู้ กึ ตวั ได ้ แตใ่ จตอนน ี้ นมุ่ นวล หรือเปล่า ผ้ถู าม ๒ : ไมน่ ุ่ม มันท่ือ คณุ ประสาน : ใจตอนนแี้ ขง็ มนั รไู้ ด ้ เหน็ สภาวะ ได ้ จติ แบบนไี้ มค่ คู่ วรกบั การเจรญิ ปญั ญา จติ แบบนี้ เกดิ จากเราเคยทำ� กรรมฐานดจู ติ ทเี่ คลอ่ื น แลว้ ตวั ร ู้ เกดิ ขน้ึ เองตามธรรมชาต ิ แลว้ เราอยากใหต้ วั รนู้ เ้ี กดิ 52
บ่อยๆ เราเลยแอบไปสร้างตัวรู้ข้ึนมา ใจมันอ๊ัพ ขน้ึ มานดิ นงึ รสู้ กึ ไหมวา่ ใจมนั ทอ่ื มนั รไู้ ด ้ แตม่ นั ทอ่ื คณุ ประสาน : ใหร้ ทู้ นั คอื บอกใหฟ้ งั เฉยๆ วา่ ตอนนีเ้ ป็นแบบนอี้ ยู่ ผู้ถาม ๒ : แล้วต้องท�ำอะไรเพ่ิมครับในการ เดินจงกรมหรือน่ังสมาธิ อย่างตอนน้ีถ้านั่งสมาธิ ยงั ไงกห็ ลง กเ็ ลยเอาพทุ โธเลย กพ็ ยายาม ลมหายใจ เขา้ -พทุ ลมหายใจออก-โธ คุณประสาน : ท�ำไมล่ะ ท�ำไมต้องกลัวหลง ขนาดน้ี เพราะกลัวหลงน่ีแหละ ใจถึงเป็นแบบน้ี มนั ต้องหลงแล้วรเู้ อา ผถู้ าม ๒ : ได้ครบั งน้ั หมดแล้วครับ คณุ ประสาน : เดินจงกรมหรอื เปลา่ 53
ผถู้ าม ๒ : เดนิ ครบั ประมาณ ๑ ชว่ั โมง ๔๕ นาทถี งึ ๑ ชัว่ โมง คุณประสาน : เวลาเดินจงกรม สังเกตดูว่า เวลาเรารกู้ าย มนั แคร่ สู้ กึ หรอื วา่ เอาความรสู้ กึ จบั ไว้ ที่กายแน่นๆ ถ้าแค่รู้สึก ใจจะสบาย จะผ่อนคลาย เออ ใจมันคลายหน่อยแล้ว ดูออกหรือเปล่า ใจ อย่างน้นี ุม่ นวล ดูออกหรือเปล่า ผถู้ าม ๒ : มันสบายกวา่ คุณประสาน : ใช่ มันต้องเป็นแบบน้ี แน่ะ มนั เริ่มทื่ออีกแล้ว ผ้ถู าม ๒ : อยากเหน็ ครับ คณุ ประสาน : ใช ่ ทกุ ครงั้ ทอี่ ยากด ู กท็ ำ� พอ ท�ำก็แข็ง แต่ห้ามไม่ได้หรอก ก็คอยดูมันท�ำ เออ มันตอ้ งเปน็ แบบนี้บา้ ง ไม่ใช่แขง็ ตลอดเวลา 54
ผู้ถาม ๒ : ขอบคณุ ครบั ผู้ถาม ๓ : ขออนุญาตถามนะครับ คือผม ชอบดูลมหายใจ แต่หลวงพ่อบอกว่า เวลาดูลม หายใจ อย่าไปเพ่งมันมาก ให้ดูเหมือนดูร่างกาย หายใจ แตท่ นี ี ้ ผมไมเ่ ขา้ ใจว่า ดยู ังไง คุณประสาน : คือ อานาปานสติ ท่านสอน ให้ดูกองลม คือลมทั้งกอง เรามักจะรู้สึกว่า ลม มีอยู่เฉพาะในลมหายใจ จากตรงน้ีเข้าไปในปอด ท่ีจริงไม่ใช่หรอก ในแขนขาก็มีลม ลมที่เคลื่อน เวลาดูรา่ งกายหายใจก็คอื ดกู องลม กองลมทง้ั กอง ก็คือตัวเราท้ังตัวน่ีแหละ เนี่ยๆ จิตแบบนี้ถึงจะถูก แยกออกหรอื เปลา่ แคน่ แ้ี หละ อยา่ งนถ้ี กู แลว้ พอใจ มันเข้าใจว่าดูลมทั้งกอง ใจมันก็เดินถูกแล้ว ก่อน หนา้ น้ีมันเพง่ ลม 55
ผู้ถาม ๔ : เป็นคนที่ฟุ้งมาก พอฟุ้งเสร็จแล้ว เวลามาสู่โหมดของการปฏิบัติมันก็จะเพ่ง เพ่งจน มนั รวม แลว้ เหมอื นกบั มนั ดดู ดดู ลงไป กเ็ ลยไมร่ ู้ วา่ จะทำ� อย่างไรใหม้ ันอยตู่ รงกลาง คณุ ประสาน : กลาง อยทู่ รี่ ตู้ ามความเปน็ จรงิ กลางน่ีเจตนาท�ำให้เกิดไม่ได้ เดี๋ยวผมแนะน�ำให้ คุณควรจะไปดูโทสะ ท�ำไมเพ่ือนต้องหัวเราะด้วย ที่จริงกรรมฐานของแต่ละคนไม่เหมือนกันหรอก ในพระไตรปิฎกตู้เบ้อเร่อเลย อย่างเราไปอ่านพระ- พทุ ธประวตั ิ เราจะเหน็ วา่ พระพทุ ธเจา้ สอนแตล่ ะคน ไม่เหมือนกัน บางคนสอนนิดเดียว แต่ละคนม ี approach ท่ีจะเข้าใจธรรมะ ไม่เหมือนกัน อย่าง ของเรามีอะไรให้ดู อย่างสมมติมีโทสะให้ดู ก็คือ ดจู ิตนั่นเอง หลกั คอื จิตมีโทสะ ใหร้ ูว้ า่ มโี ทสะ จิตไม่มีโทสะ ให้รู้ว่าไม่มีโทสะ ไม่ได้กดข่ม 56
ไม่ไดบ้ ังคบั เวลาเราเปน็ นกั ภาวนา เรามศี ลี เปน็ กรอบ ความ รสู้ กึ เราไมบ่ งั คบั โกรธกไ็ ด ้ เกลยี ดกไ็ ดห้ งดุ หงดิ กไ็ ด ้ ไม่ล่วงออกมาทางกายกับวาจา ทีนี้เราก็ไม่ว่ามัน เราจะสบายๆ ปลอ่ ยใจสบาย ๆ เราจะพบวา่ ของเรา จะมีความหงุดหงิดนิดๆ หน่อยๆ เกิดขึ้นเนืองๆ ไม่ว่ามันนะ ไม่ต้องบังคับ ไม่ต้องกด ปล่อยให้มัน ท�ำงานอย่างเป็นธรรมชาติ แล้วคอยดูเอาว่าแป๊บ เดยี วก็หงุดหงดิ ๆ เราจะพบวา่ โทสะน ่ี มอี ยู่เบาบ้าง แรงบา้ ง ความหงดุ หงดิ เกดิ ขน้ึ มากบา้ ง นอ้ ยบา้ ง ดีกรีไม่เท่ากัน บางช่วงก็คลายไป ดูอย่างน้ีแหละ ดูมันเคล่ือนไหวเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ตัวอื่นยัง ไม่ต้องดูก็ได้ พอดูโทสะเกิดข้ึน มากบ้างน้อยบ้าง จนช�ำนาญ จะคอ่ ยเขา้ ใจตวั อ่ืนมากขนึ้ ผ้ถู าม ๔ : ขอบคณุ คะ่ 57
ผถู้ าม ๕ : ปกตเิ ปน็ คนทำ� งานดกึ เลยไมค่ อ่ ย ไดฝ้ กึ ทเี่ ปน็ รปู แบบ ฝกึ ในชวี ติ ประจำ� วนั เลย คอื ถา้ ชว่ งไหนวา่ งกจ็ ะคอยประคองอารมณท์ เี่ ปน็ อารมณ์ เบาสบายนะ่ คะ่ แลว้ การใชช้ วี ติ คอื รลู้ งไปแลว้ คอ่ ยร้ ู จะฝกึ ตวั นม้ี ากกวา่ ไมท่ ราบวา่ พอใชไ้ ดห้ รอื เปลา่ คะ คณุ ประสาน : กดจติ ไวน้ ดิ ๆ ดอู อกไหม ตอนน้ ี ปกตใิ จเป็นแบบนี้ไหม ผถู้ าม ๕ : ไมค่ ะ่ เพราะตอนนี้ตื่นเตน้ คณุ ประสาน : ดแู ลว้ กพ็ อใชไ้ ดอ้ ยนู่ ะ หมายถงึ ว่า ข้างนอกเนี่ย แต่ตอนน้ีกดไว้นิดๆ เราต้องหัด แยกขันธ์ คือคนบางคนพอจิตต้ังมั่นแล้ว ขันธ์มัน กระจายเองโดยอัตโนมัติ คนบางคน พอฝึกจนจิต ต้ังม่ันแล้ว ขันธ์มันไม่กระจาย คือใจจะไม่รู้สึกว่า ขนั ธ์ ๕ กระจาย เราต้องไปซอ้ มแยกขันธ์เร่ือยๆ 58
ผู้ถาม ๕ : คือมันจะเห็นขันธ์ที่กระจาย แค่ เหมือนกับว่ามันเป็นจังหวะของมันน่ะค่ะ ท่ีใจมัน ลงล็อคพอดี ไปเห็นการยึดในอารมณ์ แล้วก็หลุด ออกมา มันเห็นกระบวนการท่ีเข้าไปยึดตัวน้ัน แต่ นานๆ จะเกดิ ที คณุ ประสาน : ผมวา่ มนั ยงั เหน็ ตวั นไี้ มช่ ำ� นาญ เวลาท�ำในรูปแบบ พอใจตั้งม่ันพอสมควร เราน่ัง รู้สึกไปสบายๆ คิดน�ำนิดๆ คิดน�ำว่ากายกับใจมัน คนละตัวกัน แล้วนั่งไปสบายๆ สักช่วงหนึ่ง มันจะ เกดิ ความเมอื่ ยบา้ ง เกดิ เวทนาเกดิ ขน้ึ ถา้ ไมเ่ จตนา จ้องลงไปนะ รู้สบายๆ ว่าเวทนาน้ีไม่ใช่กาย มัน เป็นบางอย่างท่ีแทรกอยู่ในกาย ถ้าเราไม่ขยับ สักช่วงหน่ึง ใจจะเริ่มเร่าร้อนแล้ว จะเร่ิมอึดอัดคับ ข้องใจ ความอึดอัดคับข้องใจน้ีก็ไม่ใช่ใจ มันเป็น สงั ขารทปี่ รงุ ขนึ้ มา มนั มจี ติ ตวั หนงึ่ เปน็ ตวั ร ู้ ตวั ด ู มนั กจ็ ะเรมิ่ แยก ซอ้ มไปอยา่ งนเ้ี รอ่ื ยๆ สกั ชว่ งหนงึ่ 59
มนั จะแยกขันธไ์ ดช้ ำ� นาญ ผถู้ าม ๕ : แลว้ เราจำ� เปน็ จะตอ้ งทำ� ในรปู แบบ ไหมคะ คุณประสาน : แหม ถามแบบนี้ ที่จริงมัน จ�ำเป็นนะ ๑๐ นาทีกไ็ ม่มีเลยเหรอ ผถู้ าม ๕ : คอื จะทำ� ในรถไฟฟา้ ปกตจิ ะทำ� งาน ๔ ทุ่ม ๕ ทุ่ม น่ะคะ่ เลยไมไ่ ดท้ ำ� คณุ ประสาน : ตื่นกีโ่ มง ผ้ถู าม ๕ : ตน่ื ตี ๕ คะ่ คุณประสาน : โอ้โห.. ง้ันเราอาศัยช่วงเบรค เบรคเปน็ ครง้ั ละ ๕ นาทกี ไ็ ด ้ ทจี่ รงิ เราทำ� งาน ๑๐ กวา่ ชวั่ โมง มนั ไมไ่ ดท้ ำ� ตลอดหรอก อาศยั ชว่ งเบรค ท�ำเร่อื ยๆ ท�ำไปเรือ่ ยๆ นะ 60
ผถู้ าม ๖ : สวสั ดคี ะ่ หลงั ๆ มา มนั แนน่ ๆ จกุ ๆ มนั ไมโ่ ลง่ เลย ไม่รทู้ �ำผดิ อะไรหรือเปลา่ คะ คุณประสาน : หมายถึงมันแน่นตลอดเวลา เลยหรือเปล่า ผถู้ าม ๖ : ใชค่ ะ่ ช่วงน้ีมันแนน่ ตลอดเวลา คุณประสาน : ท่ีจริง ความแน่นก็ถูกรู้ ถูกด ู เวลาแน่น ใจไม่สบาย ให้รู้ ใจไม่ชอบ ให้รู้ ที่จริง มนั เกดิ จากปจั จยั ภายนอก ทำ� ไงได ้ สวดมนตไ์ ป แผ่ เมตตาไป แผเ่ มตตาเรือ่ ยๆ ผถู้ าม ๖ : ฟงั หลวงพอ่ เยอะขน้ึ และพยายามทำ� คณุ ประสาน : นี่กส็ บายข้ึนตงั้ เยอะแลว้ ผู้ถาม ๖ : เริ่มโลง่ ขึ้นคะ่ คุณประสาน : สงั เกตไหม พอใจเรามเี มตตา ความแน่นมนั จะหายไป 61
ผู้ถาม ๖ : ค่ะ คุณประสาน : เพราะฉะน้ัน เจริญเมตตา บ่อยๆ นะ เวลามันแน่นข้ึนมา ท�ำใจสบายๆ ก่อน คอื ความสขุ เปน็ เหตใุ กลใ้ หเ้ กดิ สมาธ ิ ใชไ่ หม เราฟงั มาเยอะแล้ว เวลาที่เราอึดอัด คับข้องใจ หรือโดน พลังข้างนอก หรือโดนเหตปุ จั จัยขา้ งนอกทำ� ให้เรา ไมส่ บาย ถ้าใจหงุดหงิด ให้รู้ทันก่อน เพราะขณะท่ี หงุดหงิด จิตมีโทสะ จิตที่มีโทสะ ตอนนั้น ใจจะ ไม่ทรงสมาธิ ใจจะไม่สบาย ให้รู้ทันก่อน ให้รู้ทัน โทสะ รู้ทันความไม่ชอบใจ พอใจผ่อนคลายแล้ว ใจจะเริ่มทรงสมาธิ พอเริ่มทรงสมาธิ ใจจะมีพลัง มากขน้ึ คอื ถา้ มวั แตไ่ ปคอยแกไ้ ข หรอื มนั คอยแตไ่ ป หงดุ หงิดกับอาการ มันจะโดนหลอก 62
ผถู้ าม ๖ : ขอบคณุ คะ่ โลง่ มากเลยคะ่ มนั เบา ขึ้นคะ่ แตก่ ็ยังไม่หมดเสียทเี ดียว คณุ ประสาน : อนั หนง่ึ ทตี่ อ้ งเชอื่ คอื เราเลอื ก ผัสสะไม่ได้ กรรมเลือกให้เรา ทีนี้เราเจอผัสสะท่ ี ชอบใจหรือไม่ชอบใจ เราก็ต่อยอดเอา ภาวนา ไปเลย ผู้ถาม ๖ : บางทีมันดูไม่ทัน แล้วมันก็จะคิด ถา้ ตรงไหนทด่ี ไู มอ่ อก มนั กจ็ ะคดิ คดิ ชว่ ยไดไ้ หมคะ คณุ ประสาน : คดิ ชว่ ยบา้ งกไ็ ด ้ คดิ นำ� กไ็ ดน้ ะ เหมือนแยกขันธ์ ใช้การเจริญวิปัสสนา ถ้าใจมัน กระสบั กระสา่ ยมาก มนั แนน่ ดอู ะไรไมไ่ ดแ้ ลว้ ให ้ คิดน�ำเอา คิดแบบที่ผมพูดเม่ือก้ีนี้ ว่าความแน่นก็ ถูกรู้ถูกดู ความแน่นไม่ใช่จิต ความแน่นไม่ใช่เรา ไม่มีเราอยู่ในความแน่น ที่จริงการคิดน�ำเป็นการ ท�ำสมถะ พอคิดนำ� แล้ว ถ้าเราเคยเดินวิปัสสนามา 63
บ้าง ใจมันจะถูกกระตุ้นให้เดินปัญญา พอขันธ์มัน กระจาย ความแน่นนี้มันก็อยู่จุดหน่ึง อยู่ส่วนหน่ึง จติ ผรู้ ู้อยตู่ า่ งหาก แล้วว่างๆ กเ็ จริญเมตตาเรื่อยๆ ผ้ถู าม ๖ : ขอบคณุ คะ่ ผถู้ าม ๗ : ผมนง่ั สมาธปิ ระมาณสกั ๒๐ นาที ก็จะมีอาการแบบขนลุก แล้วก็จะมีกลิ่น ลักษณะ บางคร้ังจะหอมเย็นๆ บางคร้ังกลิ่นฉุนหน่อยๆ สัก ระยะหน่ึง ผมก็ได้ตั้งก�ำหนดว่า รู้หนอ รู้หนอ ได้ กล่นิ หนอ ได้กล่ินหนอ สกั พักหนงึ่ กลนิ่ กับอาการ ขนลกุ กจ็ ะทเุ ลาลง ลักษณะอยา่ งน ี้ ไม่ทราบวา่ เกิด จากสาเหตอุ ะไรครบั คุณประสาน : ถา้ ขนลกุ กม็ าจากปีติ 64
ผถู้ าม ๗ : แลว้ กลนิ่ ทห่ี อมและกลน่ิ ทไ่ี มห่ อม มาจากสาเหตเุ ดยี วกนั หรอื เปลา่ ไมท่ ราบวา่ มาจาก สาเหตอุ ะไร คุณประสาน : น่ังทุกครั้ง หอมทุกคร้ังเลย เหรอ ผถู้ าม ๗ : เปน็ บางครง้ั และเปน็ ชว่ งระยะสน้ั ๆ คณุ ประสาน : อยา่ งนี้เอาใหม ่ เวลานงั่ แลว้ เราได้กล่ิน หลังจากที่เราได้กล่ิน ใจเป็นยังไงให ้ คอยรู้เอา เช่น ได้กล่ินแล้วสงสัย ให้รู้ทันใจว่าใจ ก�ำลังสงสัย หรือชอบใจให้รู้ว่าขณะน้ีชอบใจ หรือ กังวลใจใหร้ ู้ว่าขณะนกี้ งั วลใจ แล้วไมต่ อ้ งแก้ก็ได้ ผู้ถาม ๗ : ก็ปล่อยไปตามธรรมชาติ ใช่ไหม ครับ พอรแู้ ล้ว มันก็ซาไป ใช่ไหมครบั คุณประสาน : แม้ว่าเราจะไม่บริกรรม ว่า 65
รู้หนอ หรือได้กลิ่นหนอ สักช่วงกลิ่นมันก็หายไป อะไรมันจะเทีย่ ง ผู้ถาม ๗ : แล้วกรณีท่ีว่าเกิดเวทนา บาง อาจารยท์ า่ นสอนวา่ เมอื่ ปวดแขน ปวดเทา้ ปวดเขา่ ทา่ นกใ็ หก้ ำ� หนดวา่ ปวดหนอ ปวดหนอ มนั จ�ำเปน็ ไหมครับ บางทีผมก�ำหนด ปวดหนอ ปวดหนอ มันกไ็ มห่ ายน่ีครบั คุณประสาน : มี ๒ วิธี คือ ถ้าปวดก็ขยับ ขยับก็หายปวด ไม่ต้องบริกรรมปวดหนอก็หาย หรือไม่ก็ทายา ไม่ต้องกำ� หนดหรอกนะ เอาเป็นว่า ท่ีผมเรียนมา ศึกษามา ผมไม่ได้เรียนมาด้วยการ ก�ำหนดเอา ท่ีจริงก่อนหน้านี้นานแล้ว ผมก็เคย เรียนมา แต่ผมพบว่า ภาวนาแล้วผมไม่ก้าวหน้า ผมก็เลิกก�ำหนด มาเรียนกับหลวงพ่อปราโมทย์ก็ ๑๐ ปีแล้ว ก่อนหน้านี้กเ็ คยหัดอย่างนี้เหมือนกัน 66
ผถู้ าม ๗ : ครบั ผม กราบขอบพระคณุ มากครบั ผู้ถาม ๘ : อยากกราบเรียนคุณประสานค่ะ ว่าโดยปกติแล้ว จะนั่งสมาธิโดยใช้วิธีดูลมหายใจ ไปเรอื่ ย ไมม่ คี ำ� บรกิ รรม กจ็ ะมฟี งุ้ บา้ ง แลว้ กด็ งึ จติ กลบั มา ทำ� ไปเรอ่ื ยๆ กร็ สู้ กึ สบายๆ แตช่ ว่ งน ้ี สถานท่ ี ท่ีบ้านไม่สัปปายะพอท่ีจะฝึกด้วยวิธีนี้ เลยมาเร่ิม หดั เดนิ จงกรม พอเดนิ จงกรมเราจะเอามอื ไพลห่ ลงั และเดินไปเรื่อยๆ ประมาณสัก ๔-๕ นาที จะรู้สึก คนั หลงั แลว้ กค็ นั ไปทงั้ ตวั คอื คนั จากหลงั ไปถงึ หวั ไหล ่ แต่จะเป็นด้านหลังทั้งหมด แต่ก็เดินไปเรื่อยนะคะ แลว้ มนั กจ็ ะหายไป กค็ ดิ วา่ เราอาจจะยงั ไมไ่ ดอ้ าบนำ้� ก็ลองใหม่โดยอาบน�้ำ ท�ำตัวให้สบายก่อนแล้วค่อย เดิน เดินได้ประมาณ ๔๐-๔๕ นาที แต่อาการคัน กย็ งั อย ู่ เลยลองเดนิ แบบปลอ่ ยมอื กพ็ บปญั หาใหม่ คือรู้สึกว่าไหล่เราถูกกดลงไปตลอดเวลาท่ีเราเดิน 67
ไม่ทราบว่าเราควรจะวางจติ ไวต้ รงไหน หรือปลอ่ ย ใหม้ นั เป็นไปตามนีค้ ะ คุณประสาน : ที่จริงการเดินจงกรมนะ เดิน ให้สบายๆ แบบที่เราเคยเดินยังไงก็เดินอย่างน้ัน เดินด้วยความรู้สึกตัว เคยเดินช้อปปิ้งยังไงก็เดิน อย่างนั้นแหละ เม่ือยก็เอามือไขว้หลังก็ได้ เปล่ียน ท่าบ้าง เอามือมากอดอกบ้างก็ไม่มีปัญหา ส�ำคัญ ว่ามสี ตหิ รือเปล่า ผู้ถาม ๘ : หมายความว่า การเดินจงกรม ไม่ใช่การเดินก้าวย่าง ก้าวย่าง ไปช้าๆ อย่างน้ัน เหรอคะ คุณประสาน : เดินด้วยความรู้สึกตัวนี่แหละ คือการเดินจงกรมแลว้ 68
ผู้ถาม ๘ : ขอบพระคุณค่ะ คือเดินให้รู้เนื้อ รตู้ ัวตลอดเวลา คณุ ประสาน : รเู้ ทา่ ทร่ี ไู้ ด ้ เอาใจมาคลอเคลยี อยู่กับร่างกาย สบายๆ ไปเร่ือย สักช่วงหน่ึง ถ้า เขา้ ใจหลกั วา่ ค�ำบรกิ รรมหรอื ลมหายใจ เปน็ แค่ เครอ่ื งหมาย เวลาเราเดนิ เราใชห้ ลกั นก้ี ไ็ ด ้ ใชก้ าร เคลื่อนเป็นเคร่ืองหมาย ถ้าเราเดินสบาย เราจะ รู้สึกได้ว่า ร่างกายมันเคลื่อน เราเดินทอดน่อง บ้าง เดินแบบไม่เกร็ง ไม่ต้องสวย ไม่ใช่แคทวอล์ค ไม่ใช่โยธวาทิต ไม่ใช่อะไรทั้งนั้น เดินแบบที่เดินมา ทั้งชีวิต เดินแบบเม่ือยังไม่ได้มาเรียนธรรมะ เคย เดินยังไงก็เดินอย่างน้ัน แล้วแค่เอาใจมาอยู่ที่การ เคล่ือน ไม่ได้จับไวอ้ ยทู่ ่ีการเคล่ือนแนน่ ๆ การเคล่ือนนี่รู้สึกได้ด้วยใจ ลองเอามือไว ้ ข้างหลัง แล้วแบมือ ก�ำมือ เราไม่ต้องมอง เราก็ 69
รู้สึกได้ว่ามีมวลขยับ มันรู้ด้วยใจ เราจะรู้สึกว่ามี การเคล่ือนของร่างกาย เรารู้สึกได้ด้วยใจ โดยท่ี ตาไม่ต้องเห็น ไม่ต้องจ้องลงไป หรือไม่ต้องจับไว ้ ที่อวัยวะส่วนใดส่วนหน่ึง พอเราเดินไป ร่างกาย โยกไปโยกมา ถา้ เราไมจ่ บั อะไรไวแ้ นน่ ๆ เราจะรสู้ กึ วา่ ใจจะคลอเคลยี อยกู่ บั มวลบางอยา่ ง อยา่ งสะโพก หรือน้�ำหนักมันเคลื่อน ร่างกายมันโยก เราลอง น่ังโยกดูก็ได้ ถ้าเราโยกไปสบายๆ ไม่บังคับตัวเอง ใจไมเ่ ครยี ดนะ ไมแ่ นน่ ไมไ่ ดจ้ อ้ งอะไร มนั รอู้ ยใู่ นท ี ว่ามีมวลขยับอยู่ แล้วก็รับรู้อย่างอื่นได้ด้วย ถ้ามี ผัสสะอะไรแรง น่าสนใจกว่าการเคล่ือนของกาย มนั กไ็ ปรบั รอู้ นั นนั้ คอื มนั หลงไป รเู้ มอ่ื ไหรก่ เ็ มอื่ นนั้ รวู้ า่ หลงไปแลว้ ไมต่ อ้ งท�ำอะไร เอาใจมาคลอเคลยี กบั กายอกี ให้กายนีเ้ ป็นเป้า เปน็ เครือ่ งหมาย ผถู้ าม ๘ : ขอบพระคณุ คะ่ 70
ผู้ถาม ๙ : ขออนุญาตนิดหนึ่งค่ะ ไหนๆ เรา ก็อยู่ตรงช่วงเดินจงกรมแล้ว ขอความเมตตาคุณ ประสานสอนวธิ ีการเดินจงกรมดว้ ยคะ่ คณุ ประสาน : เดนิ จงกรมนะ ทจี่ รงิ งา่ ย เมอ่ื ก้ ี อธิบายไปแล้ว ตลอดชีวิตเคยเดินยังไงก็เดินอย่าง นน้ั เอามอื ไขวห้ ลงั ไดไ้ หม ได ้ แกวง่ แขนไดไ้ หม ได ้ ส�ำคญั คอื มสี ต ิ รสู้ กึ ตวั ผถู้ าม ๙ : ว่ิงไดไ้ หม คุณประสาน : มันก็พอได้อยู่ แต่ถ้าเร็วมาก มันจะหลง มันจะจับอะไรไม่ค่อยได้ เม่ือกี้ลองให ้ โยกกายดู รู้สึกไหมว่าเราไม่ได้ปฏิบัติ พอเราไม่ได้ ปฏิบัติ แค่รู้สึกถึงร่างกายที่โยก ใจมันจะสบาย ท�ำไปสบายๆ สักพัก ใจมันจะแอบไปคิด คิดเรื่อง 71
โนน้ เรอื่ งน ้ี ขณะทคี่ ดิ คอื หลงไปแลว้ กแ็ ลว้ กนั ไป ร้ ู เม่ือไหรก่ ม็ าคลอเคลยี อยู่ท่ีร่างกาย วธิ กี ารเดนิ จงกรมไมม่ อี ะไรเลย งา่ ยมาก เคย เดินยังไงก็เดินอย่างน้ัน ผมจะเดินให้ดู เวลาเรา เดินไปห้องน้�ำเราก็เดินจงกรมได้ เดินไปท�ำงาน ก็เดินจงกรมได้ เมื่อใดก็ตามที่เราเดินด้วยความ รู้สึกตัว เมื่อนั้นก็เดินจงกรม มีหลักอยู่แค่ว่า ท่ ี หัวทางจงกรม กับปลายทางจงกรม เราต้องหยุด หยุดนิดหนึ่ง หยุดเพื่ออะไร หากเราไม่หยุด เวลา เราหมุนตัว จิตมันจะเคล่ือนไป กระเด็นออกไป ยกเวน้ พวกท่เี พง่ แรงๆ พวกน้ไี มก่ ระเดน็ เดนิ ดว้ ยความรสู้ กึ ตวั เรมิ่ ตน้ ทหี่ วั ทางจงกรม ใหย้ นื กอ่ น ยนื ดว้ ยความรสู้ กึ ตวั สบาย จะยนื ๑ นาท ี ครง่ึ นาท ี หรอื นานแคไ่ หนกไ็ ด ้ สบาย ๆ เมอื่ รสู้ กึ วา่ มีความรู้เน้ือรู้ตัวดีแล้วก็เร่ิมเดิน ซ้ายก็ได้ ขวาก็ได ้ ก้าวส้ัน ก้าวยาว ไม่มีปัญหาท้ังสิ้น แล้วก็เดินไป 72
สบายๆ มคี วามรสู้ กึ ตวั อย ู่ เหน็ กายเคลอื่ น แกวง่ แขน หลายรอบแลว้ เมือ่ ย เอามอื ใส่กระเปา๋ ได้ไหม ได้ เมอื่ สดุ ทางจงกรม เรากย็ นื รเู้ นอ้ื รตู้ วั สบายๆ แล้วเราก็หมุนกลับ ให้ยืนท�ำความรู้สึกตัวก่อน สกั ชว่ งหนงึ่ สบายๆ แลว้ เราคอ่ ยออกเดนิ เวลาเดนิ ก็เดินสบายๆ แค่เดินรู้ตัว สุดทางจงกรม ก็ยืน รู้สึกตัว แล้วค่อยหมุนกลับ ทีน้ีถ้าวันไหนฟุ้งแรง ฟงุ้ มาก เคยเดนิ ตรงน ้ี มนั ยาวไป มนั หลงตลอดเวลา เราก็หยุดยืนรู้สึกตัวก่อนก็ได้ แล้วเราค่อยเดินต่อ ถามวา่ ตอ้ งเดนิ ตรงขนาดแบบตเี สน้ หรอื เปลา่ เปลา่ เลย เดินเอียงไปนิดหน่ึงได้ไหม ท�ำไมจะไม่ได้ล่ะ ถ้ามีสติอยู่ มันส�ำคัญที่รู้สึกตัวหรือเปล่า มีสติอยู ่ หรือเปล่า ไม่ได้ส�ำคัญว่าเดินท่าไหน ไม่ต้องเดิน ตรงมาก รา่ งกายไมเ่ กรง็ กลา้ มเนอ้ื ผอ่ นคลาย เดนิ อย่างมคี วามสขุ 73
ผถู้ าม ๙ : อยากทราบวา่ เดนิ จงกรม ควรจะ ประมาณกี่ก้าวถึงจะกลบั ตัว คณุ ประสาน : แตล่ ะคนไมเ่ หมอื นกนั ตอ้ งไปดู ของเราเอง บางคน ๑๐ กา้ ว ถา้ ระยะเดนิ ไกลมาก จะมชี ว่ งหยอ่ น มนั จะหลงยาว ถา้ ใกลม้ าก บางคน ขี้ร�ำคาญ แป๊บเดียวหยุด แป๊บเดียวหมุน เดินแล้ว หงดุ หงดิ เพราะฉะนน้ั เราดตู วั เราเอง เดนิ ใหส้ บาย มีความสุข มีสติ มีความตั้งม่ัน ท่ีระยะขนาดไหน ก็ขนาดน้ันแหละ เราอยู่ในห้องแคบ ๆ เดิน ๒-๓ กา้ วแลว้ หมุน ก็ไมม่ ปี ัญหา คนจำ� นวนมากชอบถามคำ� ถามท ี่ fix มาก วา่ ต้องท�ำยังไง ๑-๒-๓ มันไม่ใช่แบบน้ันหรอก เรา จะเลือก ยืน เดิน นั่ง นอน หรือเดินสั้น เดินยาว วิธีเลือก คือ ไม่เลือกอันท่ีเราชอบมาก ชอบมาก ท�ำแล้วไม่เจริญก็มี เช่นชอบนั่งมากเลย แต่น่ังทีไร 74
หลับทุกที เราก็ควรเลือกว่า เราใช้วิธีการภาวนา แบบไหนแลว้ สตเิ กดิ บอ่ ย ทำ� อนั นน้ั หรอื จติ ตง้ั มนั่ ก ็ ท�ำอันนั้น ท�ำแล้วใจไม่เครียด มีความสุข ให้เลือก อันนั้น เพราะฉะน้ัน แต่ละคนจะไม่เหมือนกัน เรา เรียนได้แต่หลัก คือ มีสติ รู้กาย รู้ใจ ตามความ เป็นจริง ด้วยจิตท่ีต้ังมั่นและเป็นกลาง ได้แค่น้ีที่ เหมอื นกนั แตเ่ ทคนคิ ในการทำ� รปู แบบของแตล่ ะคน ไม่เหมือนกันเลย บางคนเดินจงกรมก็เดินไปเฉยๆ รสู้ กึ ตวั ไป บางคนเดนิ ดว้ ย สวดมนตด์ ว้ ยกม็ ี บางคน เดนิ ดว้ ยบรกิ รรมดว้ ย ถามวา่ อะไรถกู เราใชว้ ธิ ไี หน แลว้ มคี วามสขุ ไมเ่ ครยี ด เกดิ สต ิ จติ ตงั้ มน่ั เราก็ ใชว้ ิธนี ั้น อะไรก็ได้ ผู้ถาม ๑๐ : จติ ถึงฐานเป็นยงั ไง คณุ ประสาน : จติ ถงึ ฐาน กค็ อื จติ ทต่ี ง้ั มนั่ นนั่ แหละ จติ ทรี่ เู้ นอื้ รตู้ วั เวลาทำ� กรรมฐานแลว้ เหน็ จติ 75
ท่ีเคลอื่ น ขณะที่เห็นจติ ทเ่ี คลอื่ นแวบแรก ทีร่ สู้ ึกตวั วา่ หลงไป ขณะนั้นจติ ถงึ ฐานหนง่ึ ขณะ คือขณะที่เดิน ใจหลงไปคิดเรื่องอ่ืน หลงไป สักพักเกิดรู้ขึ้นมาว่าหลงไปแล้ว ขณะน้ันน่ะถึงฐาน หนง่ึ ขณะ 76
• มธั ยมต้น โรงเรยี นอสั สมั ชัญ ศรีราชา • ปวช. โรงเรยี นอัสสัมชญั พาณิชย์ • ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ คณะบริหาร ธุรกิจ สาขาการจัดการ เกียรตินิยมอันดับ ๑ เหรยี ญทอง • กรรมการผู้จัดการ บริษัท คอนเซปท์ วัน เรียลต้ี จำ�กดั (พ.ศ. ๒๕๔๔ - ปัจจุบนั ) 77
• กรรมการผู้จัดการ บริษัท คอนเซปท์ วัน พัฒนา จำ�กัด (พ.ศ. ๒๕๔๙ - ปจั จบุ ัน) • กรรมการผู้จัดการ บริษัท รักษ์สุข จำ�กัด (พ.ศ. ๒๕๔๙ - ปจั จุบัน) • กรรมการผ้จู ัดการ บริษัท พรภัจจ์ สมุนไพร จำ�กัด (พ.ศ. ๒๕๕๔ - ปัจจุบนั ) • กรรมการผู้จัดการ บริษัท ประสานสุขโอสถ จำ�กัด (พ.ศ. ๒๕๕๖ - ปจั จบุ ัน) • อุปสมบทคร้ังแรก พ.ศ. ๒๕๓๗ ท่ีวัดช่องลม ตำ�บล นาเกลือ อำ�เภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี โดยมี พระครูวิบูลธรรมกิจ (หลวงพ่อบัวเกตุ ปทุมสิโร) เปน็ อปุ ชั ฌาย์ • ได้ฟังธรรมจากหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช เป็น คร้ังแรกเม่ือ พ.ศ. ๒๕๔๗ ที่สวนโพธิญาณอรัญวาสี จังหวัดกาญจนบุรี และได้ปฏิบัติตามแนวคำ�สอน 78
ของทา่ น นับต้ังแต่น้นั เป็นตน้ มา จนถงึ ปัจจุบนั • อุปสมบทครั้งที่ ๒ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๓ ท่ีวัดอรัญ- ญิกาวาส อำ�เภอเมือง จังหวัดชลบุรี หลังจาก อุปสมบท เข้าพำ�นักท่ีสวนสันติธรรมเพ่ือบำ�เพ็ญ สมณธรรมตลอดช่วงเวลาที่ดำ�รงสมณเพศ • ได้รับอนุญาตจากหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ให้ เป็นผู้แนะนำ�การภาวนาตามแนวคำ�สอนของหลวง พ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ตั้งแต่เดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ • ได้รับการแต่งต้ังให้เป็นไวยาวัจกรของวัดสวนสันติ- ธรรม เมื่อ วันท่ ี ๑๐ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ 79
Search