Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โชคดีที่เข้ารอบสุดท้าย

โชคดีที่เข้ารอบสุดท้าย

Published by ชมรมกัลยาณธรรม, 2022-11-08 03:33:35

Description: โชคดีที่เข้ารอบสุดท้าย

Search

Read the Text Version

9 โชค ดีเข้ารอบสุดท้า | (5) ขอให้เรา มีกำลังใจ ว่า S เรา มีบุญแล้ว ที่เข้ามา ถึงระดับ นี้ได้ เขม รังสี ภิกขุ ถ้า เราไม่ ปฏิบัติเสีย ตอน นี้ โอกาส ที่ เราจะ มาเกิดเป็น มนุษย์ มี ศรัทธา มี เวลา มี โอกาส แล้ว ได้ พบ พระพุทธ ศาสนา มี คำ สอนอยู่อย่าง นี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ww.kanlayanatam.com www.watmahasyong.net

โชค ดี เข้ารอบสุด ท้า, เขม รังสี ภิกขุ

โชค ดี ที่เข้ารอบสุดท้าย มอบเป็นธรรม บรรณาการ เขม รังสี ภิกขุ แค่ ชมรมกัลยาณ ธรรม จาก หนังสือ ดีลำดับ ที่ ๘๙ จำนวน พิมพ์ ๑๒,๐๐๐ เล่ม ; ตุลาคม ๒๕๕๒ จัด พิมพ์เพื่อ ถวายวัด มเหยง ค ณ์ โดย ชมรม กัลยาณ ธรรม ๑๐๐ ถนน ประโคนชัย ตำบล ปากน้ำ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ ๑๐๒๗๐ โทรศัพท์ ๐ ๒๗๐๒ ๗๓๕๓ ภาพปก และ ภาพประกอบ : สุว ดี ผ่องโสภา รูปเล่ม : บริษัท วิธีทำ จำกัด โทร ๐๘๖ ๗๘๗ ๘๔๐๐ เพลท : Canna Graphic โทร ๐๘๖ ๓๑๔ ๓๖๕๑ พิมพ์ที่ : บริษัท ขุม ทอง อุตสาหกรรมและ การพิมพ์ จำกัด โทรศัพท์ :: o ๒๕๕๕ ๗๘lo - m สัพ พ ทา นั ง ธั ม ม ทา นั ง ชิ นา ติ ข การให้ธรรมะเป็น ทาน ย่อมชนะ การให้ ทั้งปวง awww.kd Janatam.com WWW.M

โชค ดี เระเขมรังสี ภิกขุ ๕ เข้ารอบ56 ) นะ มั ต ถุ รัต ตะ นะ ตะ ยั ส สะ ขอ นอบน้อมแด่ พระ รัตนตรัย ขอ ความผาสุก ความเจริญใน ธรรม จง มีแก่ ญาติสัมมาปฏิบัติธรรม ทั้งหลาย เขม รังสี ภิกขุ

โชค ดี 5 ที่ เข้ารอบ สุดท้าย Ver ต่อไป นี้ จะได้ ปรารภ ธรรมะ ตาม หลักคำ เขม รังสี ภิกขุ สั่งสอน ขององค์ สมเด็จ พระสัมมา สัมพุทธเจ้า เพราะว่า การ เจริญวิปัสสนา เป็นการ เพื่อ ส่งเสริม ความรู้ความเข้าใจ กำลังใจใน การ ที่ จะ พากเพียร ประพฤติปฏิบัติ การ ที่ พวก เร ปฏิบัติเพื่อที่ จะให้ ถึง ซึ่งความดับ ทุกข์ ไม่มี อะไร ที่จะ มีคุณค่าสูง กว่า การ ตับ ทุกข์ได้ ถึง ได้ มาเข้าอบรม กรรมฐานอย่าง นี้ ถือว่าเราได้ มา แม้ว่า เราจะมีทรัพย์สมบัติมาก มี ยศสูง มี กระทำ ใน สิ่งที่มีคุณค่า มีสาระ มี ประโยชน์ บริวารมาก แต่สิ่งเหล่านี้ก็ไม่ได้เป็นไปเพื่อ ความดับ ทุกข์ได้ อย่างแท้จริง คือไม่ สามารถ สูงสุด เวลา ที่ผ่านไป ทุก ขณะของ ลม หายใจ ให้ จะเป็นไปเพื่อ การละกิเลสได้ เป็น ไป ด้วย สติสัมปชัญญะ โอกาส ที่เราจะ ได้ มาเข้า อบรมวิปัสสนากรรมฐานอย่าง นี้ ไม่ใช่จะ แต่ การ ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน เป็น การ กระทำ โดยตรงเพื่อการ ละ กิเลส เป็นการ เกิดขึ้นได้ ง่ายๆ เรา ต้อง ผ่าน การ ฝ่าฟันอุปสรรค บำเพ็ญกุศลโดยตรงที่จะ ดับทุกข์ ที่ จะ พ้นจาก จึงได้เข้ารอบ มา ตามลำดับ จนกระทั่ง มา ถึงขั้น วัฏ ฏสงสาร เพื่อเป็นกุศลวิวัฏ ฏ คา มินี คือกุศล ที่ จะ นำ ออกจากวัฏ ฏสงสาร การ ที่เราเกิด มา ของ การปฏิบัติวิปัสสนาอย่างนี้ นับ ว่าเข้า มา สู่ รอบสุดท้าย ก็ ว่า ได้

o Ver G ( เขมเขม รังสี ภิ ก ข ๔ 00 และได้เข้า มา ถึง ระดับการเก็บตัว ปฏิบัติ ไม่ใช่ 0 เป็นเรื่อง ง่ายๆ ถ้าเราไม่มีบุญ บารมี ที่สะสมไว้ 8 ในอดีต เรา จะไม่มีโอกาสก้าว มา ถึงขั้น นี้ได้ เรา จะ ไม่มีโอกาสเข้า มาสู่รอบสุดท้าย นี้ได้ เราลอง พิจารณา ดูว่า แต่ การจะได้อุบัติ บังเกิดขึ้นเป็น มนุษย์นั้น ไม่ใช่เรื่อง ง่าย พระพุทธองค์ ทรง ตรัสว่า ทุ ลลโภ มนุ สสัต ตปฏิ ลาโภ การเกิด ขึ้น เป็น มนุษย์เป็นสิ่งที่ หาได้ยากในโลก พระพุทธ เจ้า ตรัสสิ่งใด แล้ว ก็เป็นสัจจะเป็นความ จริง

โชค ดี GO ที่ เข้ารอบ สุดท้าย ( เระเขมรังสี ภิกขุ 99 สิ่ง ที่ หาได้โดย ยากในโลก มี ๕ ประการ ยาก ศรัทธา คือ ความเชื่อ “กรรม ศรัทธา” เชื่อ ว่า กรรม มี จริง “วิบาก ศรัทธา” เชื่อว่า ผล ของกรรม คือ มี จริง “ กั ม มั ส สก ตา ศรัทธา ” ศรัทธาเชื่อ ว่า สัตว์ ทั้งหลาย มี กรรมเป็น ของ ๆ ตน “ตถาคตโพธิ ประการ ที่ ๑ ทุ ลลโภ พุ ทธุ ปปาโท โล กัสมิง ศรัทธา” เชื่อ การตรัสรู้ของ พระพุทธเจ้า คน ที่ การ อุบัติบังเกิด ขึ้นเป็น พระพุทธเจ้า เป็น สิ่ง ที่ มี ศรัทธา จะเป็นทาง ที่เปิดให้คุณ งามความ ดี หา ได้ ยากในโลก ทั้งหลาย หลั่งไหลเข้า มา สู่ตนเอง ตน ที่ไม่มี ประการที่ ๒ ทูล ลโภ มนุ สสัต ตปฏิ ลาโภ การ อุบัติ บังเกิดขึ้น มาเป็น มนุษย์ ก็เป็น สิ่ง ที่ ศรัทธา ไม่เชื่อกรรม ไม่เชื่อผลของกรรมเสีย แล้ว ก็เป็นอันว่า ปิด รายการบุญไป หมด มี แต่ หา ได้โดย ยาก จะเดินไปใน ทาง ที่ นำ มาซึ่ง ความทุกข์ให้ ตนเอง เพราะไม่เชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม ฉะนั้น การถึง ประการที่ ๓ ทุลลภา สัทธา สัมปัตติ พร้อมด้วย ศรัทธา จริงๆ เชื่อ จริงๆ ว่ากรรมมี การถึง พร้อม ด้วยศรัทธา ก็เป็น สิ่ง ที่ หา ได้โดย จริง บุญมี จริง บาป มี จริง ทำ ดีได้ ดี ทำชั่ว

โชค ดี ๑๒ ที่ เข้ารอบ สุดท้าย ( เขมเขมรังสี ภิกขุ 90) ได้ ชั่ว จริงๆ ถือว่าเป็น อริยทรัพย์เป็น ทรัพย์อัน โดยยาก หมายถึง หลัก ธรรม คำ สอน ที่ องค์ ประเสริฐ เป็นเหมือน ดวงแก้วอัน ประเสริฐ เมื่อ สมเด็จ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสไว้เรื่องของ มี สิ่ง นี้แล้ว คุณ งาม ความ ดีทั้งหลายก็จะติดตาม สัจธรรม เรื่องของ ความจริง ที่ชี้ให้รู้จัก ทุกข์ เหตุให้เกิด ทุกข์ ความดับ ทุกข์ ข้อปฏิบัติ เพื่อ มา ได้ อีก มากมาย ถึง ความดับ ทุกข์ ไม่ใช่เรื่อง ที่จะหา ฟังได้โดยง่าย ใน บางยุค บาง สมัยจะ ว่าง จากคำ สอนเหล่า นี้ คน ประการที่ ๔ กุลลภา ปั พ พัช ชา การได้ มี ก็จะหลงไปยึดถือกระทำในสิ่งที่ผิด เช่น การ ฆ่าสัตว์บูชายัญ และคิดว่านั่น คือบุญ ก็ นำ โทษ โอกาสบวช ก็เป็น สิ่ง หา ได้โดย ยาก ถ้าไม่มี มาใส่ตนเองโดยไม่รู้ ตัว พระพุทธเจ้า ก็ไม่มี พุทธ ศาสนา ก็ บวชไม่ได้ เพราะฉะนั้น สิ่ง ที่ หา ได้โดย ยาก คือการ ได้ มีโอกาสเกิดเป็นมนุษย์ และเราก็ได้โอกาส การ จะ บวช ได้ต้อง มี พระพุทธ ศาสนา แล้ว ก็ นั้น มาแล้ว ไม่ใช่เรื่องง่าย ดูเหมือนไม่ ยาก ต้องเป็น มนุษย์ และ ต้อง มี ศรัทธา ด้วย ประการที่ ๔ ทุ ล ล ภัง สั ท ธั ม มั ส สว นั ง การได้ มีโอกาส ฟัง พระสัทธรรมเป็น สิ่ง ที่ หาได้

โชค ดี ๑๔ ที่ เข้ารอบ สุดท้าย ให้ เราอาจคิดว่ามีมนุษย์เกิด มากมายในปัจจุบัน นี้ ) แต่ถ้าเอาไปเปรียบเทียบกับสัตว์อื่น เอา แค่ สัตว์เดรัจฉาน จำนวน สัตว์เดรัจฉาน มี มากกว่า เยอะ แค่ใน ศูนย์วิปัสสนา แห่ง นี้ ก็มากกว่า มนุษย์ทั้งโลกแล้ว มี ยุงเท่าไร มดเท่าไร ปลวก เท่าไร อีก ทั้ง ยัง มี สัตว์ใน ดิน ตัวเล็ก ตัว น้อย อีก มาก มนุษย์เป็นเพียงส่วน นิดเดียว ปัจจุบันนี้ เท่าไร หก พัน กว่า ล้าน คน แค่สัตว์เดรัจฉานที่ อยู่ใน ศูนย์วิปัสสนา นี้ก็ มีจำนวน มากกว่าสุดจะ ประมาณได้ ลองคิดดูว่า เวลาที่คนจะตายโดยไม่ หลงตายนี้ มันง่ายไหม ตายอย่างจิตผ่องใส นมม)

โชค ดี ๑๖ ที่ เข้ารอบ สุดท้าย ( เขมเขมรังสี ภิกขุ ๑๒ () ดัง พุทธ พจน์ ว่า จิตเต อ สัง กิ ลิ ฎเฐ สุคติ ปาฏิ ง่ายไหม เพราะว่า ถ้า ตายอย่างจิตเศร้าหมอง กังขา จิตที่ไม่เศร้าหมอง สุคติจึงจะเป็น ที่หวังได้ ต้องไป ลงอบายภูมิ เช่น สัตว์ นรก เปรต ฉะนั้นสัตว์ มี ส่วนน้อย ที่ จะ ตายโดยไม่ อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน จิตเต สั งกิ ลิ ฎเฐ ทุคคติ หลงตาย มัน จะ มี กรรม อารมณ์ กรรมนิมิต ปา ฏิกังขา พระพุทธองค์ ทรง ตรัสไว้ ว่า เมื่อจิต อารมณ์ คติ นิมิต อารมณ์ ปรากฏในเวลา ที่ใกล้ เศร้าหมอง ทุคติย่อมเป็นที่ หวัง ใน มร ณาสั ณ ณ จะตาย ทุกชีวิต ที่ ยังไม่ได้เป็น พระ อรหันต์ ที่ กาล กาล ที่ใกล้ จะตายเป็น ตัวสำคัญ ถ้า ตาย ยัง ต้องเกิด ถ้าเป็น กรรม อารมณ์ ก็จะเป็น ไม่ ดี คือ ตาย ด้วยจิตเศร้าหมองก็ ต้องไป สู่อบาย เพียง ความรู้สึก เป็น ความรู้สึกเหมือน ตนเอง เช่น เกิดความกลัว ตาย กลัวเจ็บ กลัว อะไร ต่างๆ หรือเกิดความห่วง ทรัพย์ ห่วงญาติ อาลัย เคย กระทำ กรรม นั้นไว้อยู่ ถ้าทำบาป มีความ รู้สึกในเวลาทำบาปอย่างไร มัน จะ มา ปรากฏ ใน ชีวิต เกิดห่วง เกิด หวง เกิดวิตก กังวล จิต เป็น ความรู้สึก แบบ นั้น อีก ครั้งหนึ่ง เรียก ว่า เช่นนี้เป็นจิตเศร้าหมอง ส่วนจิตที่จะพาไป “กรรม อารมณ์” ถ้าเป็นบุญส่ง ผล ก็มีความ สุคติภพ เช่น จิต ที่จะเกิดเป็น มนุษย์ ในมร ณา สั ณ ณ กาล นี้ จิต ต้อง ผ่องใส จิต ต้องเป็น กุศล

โชค ดี ๑๘ ที่ เข้ารอบ สุดท้าย เขม รังสี ภิกขุ ๑๔ รู้สึกเหมือน ว่า ตัวเองกำลังทำบุญ ตอนทำบุญ ครั้ง จิตใจ ก็ จะเศร้าหมอง จุติจิต ตาย ลง ก็จะ เคย มีความรู้สึกอย่างไรก็จะ มา ปรากฏ เช่น เรา ไป ปฏิสนธิใน อบาย เห็นเป็น ภาพอย่าง นี้ เรียก เคย นั่ง สมาธิ จิตใจเกิดปีติ เวลาเห็น พระพุทธ ว่า “ กรรม นิมิต อารมณ์” รูป เห็น พระสงฆ์ เกิด ความเลื่อมใส ศรัทธา ถ้าเป็นบุญส่ง ผล ก็จะเห็น ภาพ ที่ ตนเอง เกิดปีติ กุศลตัว นี้จะ ส่ง ผล มาให้รู้สึกแบบ นั้น ทำบุญ เช่น เรา มาปฏิบัติธรรม นี้ ตาสัมผัสรูป อีก ครั้ง กรรม อารมณ์เป็นเพียง ความรู้สึก ไม่ หูได้ ฟังเสียง ธรรมะ แล้วให้เกิดจิตใจเลื่อมใส ปรากฏเป็น ภาพ จิตใจเป็นกุศล มันก็ มาปรากฏอีก ครั้งหนึ่ง หรือ บาง คนเห็นเป็น ภาพ ด้วย เห็นภาพ ตนเองกำลังทำบาป เช่น เคย ฆ่า สัตว์ ตัด ชีวิวิตตไว้ เราเคยทำบุญถวายทาน เคย ช่วยเหลือคน เคย เคยลัก ขโมย เคย ฉ้อโกง เคย ประพฤติ ผิดใน ทำความดีอะไร ก็ จะ มา ปราก ฎเห็นเป็น ภาพ กาม ภาพนั้นก็ จะ มา ปรากฏ ย้อนให้ดู อีก ครั้ง เหล่า นั้น อีก ครั้ง บางทีก็ ปรากฏเป็นเสียง นิมิต เหมือนกับ ที่เราเคยเห็น มา แล้ว เมื่อ ปรากฏ อีก เป็นเสียง หรือ นิมิตเป็น ภาพ อย่าง นี้เรียก ว่า เป็นกรรม นิมิต อารมณ์ จิต ก็ ผ่องใส จุติจิต

โชค ดี ๒๐ ที่ เข้ารอบ สุดท้าย ( เจเขม รังสี ภิ ก ข ๒๑ ดับ ลงก็ ปฏิสนธิในสุคติภพ แม้ บางที คน นั้น เขาก็เล่าให้ ญาติ พี่น้อง ฟัง ว่า ตอน ที่ใกล้ จะ ตาย ป่วยหนักก็ จะไม่ รู้สึกเจ็บปวด ทางร่างกาย ถ้า เขาเห็น ภาพหลวง ตาม หา บัวและ ภาพอาตมา ได้ นิมิต ที่ ดี มา ปรากฏ เป็น ภาพ ที่เคยเห็น เคย มา สอน เขา ไม่รู้สึก ว่า ทุกข์ ทรมาน ไม่รู้สึกเจ็บปวด ไม่รู้สึก มี ลูกศิษย์ คน หนึ่ง เขาเคยผ่านการ ตาย ทุรนทุรายอะไร แต่ พอ ฟื้น ขึ้น มาใหม่ มันเจ็บ ปวดมาก เขาก็เลยสั่ง ว่า ครั้งต่อไปไม่ ต้องปั้ ม มา แล้ว เขา เล่าให้ฟังว่า เป็นมะเร็งต้อง ผ่าตัด หัวใจให้เขา ฟื้น ขึ้น มา อีก ปล่อยให้เขาไป ตอน หลายหน เมื่อป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล อาตมา นั้น ก็สบายแล้ว แต่ พอ ฟื้น ขึ้น มา ก็ ทรมานกับ ก็ได้ไปเยี่ยม ไป สอน ธรรมะ แล้วช่วง นั้นเขา ก็ ความ เจ็บปวดอีก รับไว้ ว่า จะเป็นเจ้าภาพ ทอดผ้าป่า ช่วย ชาติ นี่ ชี้ ให้เห็น ว่า มี กรรมนิมิต ปรากฏ คือ เห็น ภาพ พระ สงฆ์แล้ว จิตใจ ดี ตอน นั้น จะไม่มี หลวง ตาม หา บัวจะ มา รับ ผ้าป่าที่วัด เขา ก็รับ ไว้ ความ เจ็บปวดทางร่างกาย ไม่รู้สึกอะไร..สบาย กองหนึ่ง แล้ว ก็ ยังไม่ ถึงวันทอดผ้าป่า เขา ตายเสียก่อน หัวใจ หยุดเต้น แล้วใน ที่สุด หมอก็ ช่วยปั๊ม หัวใจ จน ฟื้น ขึ้น มา เมื่อ ฟื้น มา แล้ว

โชค ดี ๒๒ ที่ เข้ารอบ สุดท้าย เขมรังสี ภิ ก ข ๒๓) ไม่รู้สึกเดือดร้อน แต่พอ ฟื้น ขึ้น มา ก็เจ็บ อีก เพราะว่า ทำ จิตได้ ตั้งแต่ก่อน ตายแล้ว ไม่ทุรน ผ่าตัด หลาย รอบ ตอนหลัง อาตมา จึงไป แนะนำ ทุ ราย กับทุกขเวทนา ว่า ให้ปล่อยวาง ทาง ร่างกาย อย่า ไปใส่ใจ อย่า เพราะฉะนั้น การ จะ ตายแล้วไป ดีไม่ใช่ ไป ดู ว่า มัน ปวด มันเจ็บตรงไหน เพราะว่า เรื่องง่าย แต่ พวกท่าน ทั้งหลายที่ มา เกิดเป็น ทุกขเวทนา มัน แรง ดู แล้วทำให้ ตั้ง สติไม่ไหว มนุษย์ นี้ แสดงว่าครั้ง ที่ แล้ว ตาย ดี จึงเกิดมา มัน ทรมาน ให้ ดู ที่ใจอย่างเดียว ปล่อยวางกาย เป็นมนุษย์ได้ ต้อง มี กรรม อารมณ์หรือ กรรม หรือถ้า มี อารมณ์นิมิตอะไรปรากฏ ก็ให้เอาจิต นิมิตอารมณ์ ที่ ดี หรือ มีคตินิมิตอารมณ์ที่ ดี “คติ นิมิตอารมณ์” ก็ คือเห็น ภาพภพ ภูมิ ที่จะ มาเกิด ไปอยู่กับนิมิตอัน นั้น จะเป็น พระพุทธรูป หรือ ถ้าจะ มาเกิดเป็นมนุษย์ คตินิมิต จะเห็น ภาพของ เป็น พระสงฆ์ ก็แล้วแต่ เอาจิตไปอยู่ ที่นั่น ตอน มนุษย์ อาจ จะเห็น ครรภ์ มารดา เห็น บ้าน คน หลังไปเยี่ยม เขาก็ บอกว่า ตอน นี้เขาทำได้แล้ว ถ้า จะเกิดเป็นเทวดา ก็ จะเห็นเครื่อง ทรงเเทททาววดดาา ไม่ค่อย ทรมานแล้ว ด้วย ความที่ไม่ใย ดี กับ วิมานของเทวดา หรือ ราชรถเทวดา มา รับ ถ้า ร่างกาย สนใจแต่จิต ตาย ครั้ง ที่ ๒ นี้ ก็ไม่ได้ กลับ มาเล่า อีก ไป แล้วก็ คงจะไป ดี (สู่สุคติภพ)

โชค ดี ๒๔ ที่ เข้ารอบ สุดท้าย #A จะเกิดเป็นสัตว์ นรก ก็ จะเห็น ภาพเมือง นรก เห็น ยมบาล เห็น นายนิรยบาล อะไร อย่าง นี้ ถ้า จะ เกิดเป็นเปรต ก็จะเห็น ที่อยู่ของเปรต เห็นป่า เห็นเขา ถ้าเกิดเป็น สัตว์เดรัจฉาน ก็ เห็นเป็น ภาพสัตว์เดรัจฉาน ชนิด นั้น ๆ จิตใจ ก็จะเศร้า หมอง พอ ตาย ลงก็ไปเกิดใน ภพภูมิ ที่เห็น เพราะฉะนั้น ถือว่า ท่าน ทั้งหลาย ผ่านเข้ารอบ มาได้ ที่ ได้เกิด มาเป็น มนุษย์ พระพุทธเจ้าเคยเปรียบเทียบ ว่า การเกิด เป็น มนุษย์ นี่ ยาก นัก เปรียบเหมือนกับ ทะเล กว้างใหญ่ มีเต่า ตาบอดจม อยู่ใต้ ทะเล ร้อย ปี จึง จะโผล่ขึ้นน มมา ครั้ง หนึ่ง แล้วก็มีบ่วงเล็กๆ ลอย

โชค ดี ๒๖ ที่ เข้ารอบ สุดท้าย เขมรังสี ภิ ก ข ๒๗ อยู่บนผิวน้ำ โอกาส ที่เต่าจะโผล่ขึ้น มา บน ผิวน้ำ ปัญหา ได้ ให้รู้จักคิด เวลา มีความทุกข์ ก็เข้าใจ แล้วเอา หัว ลอด บ่วงขึ้น มา พอดี ไม่ใช่เรื่อง ง่าย ว่า ทุกข์เป็น ของไม่เที่ยง มันจะ ทุกข์ขนาดไหน มันก็ไม่ได้ ตั้งอยู่ตลอดไป เดี๋ยว มัน ก็คลี่คลาย เลย แล้วร้อย ปี ก็ จะ ได้โผล่ มา สัก ที และยัง ตาบอด อีก ด้วย แถมบ่วงก็เล็ก แม้ กระนั้นก็ เราเคยร้องไห้ มา มากใช่ ไหม ก็ ไม่เห็น จะร้องไห้ ทุก วัน ปัจจุบัน ก็ ยัง หัวเราะได้ จะเห็นได้ ว่า ยังง่าย กว่า การเกิดเป็น มนุษย์ นี่ คือ คำ เปรียบ เทียบ ฉะนั้น การได้เกิด มาเป็น มนุษย์ ถือว่า ความ ทุกข์มันก็ไม่เที่ยง มันเปลี่ยนแปลงได้ เรา ได้ สิ่ง ที่ หาได้โดย ยากในโลก บาง คน ก็ไป ฉะนั้น การ ได้เกิดเป็น มนุษย์ มี คุณค่า พระพุทธเจ้า จึง ทรงตรัส ว่าเป็น สิ่ง ที่หาได้โดยยาก ฆ่า ตัว ตายเสีย อีก ไม่เห็น คุณค่า ของ ชีวิต มี มนุษย์ สามารถ ที่จะทำความดีพัฒนา ตนเองได้ ข่าว แม่ ที่ ท้อง แปดเดือน กระโดด ตึก ตาย เขียน ถ้าไปเกิดเป็น สัตว์เดรัจฉานโอกาสที่ จะ ทำ ความ ดี มี น้อย มาก จะมีบ้างก็ระหว่างแม่ๆ ลูกๆ จดหมายน้อยใจ ขอ ลาตาย นี่ คือ คน ที่ไม่มีธรรม ที่แม่ มัน คาบเหยื่อมาให้ ลูก ปกป้อง ดูแลลูก เป็นเครื่อง อบรมจิตใจ พอ มีปัญหา ก็ ทนไม่ไหว ที่ จริงแล้วคนเรา ถ้า มี ธรรมะ ก็ จะ ฝ่าฟัน

โชค ดี ๒๘ ที่ เข้ารอบ สุดท้าย ( เจเขม รังสี ภิ ก ข ๒๙ เวลา สัตว์ มัน มีลูก มันก็ รัก ปกป้อง ดูแลรักษา ชาดก มีเล่าไว้ ว่า ตายจากสุนัขไปเกิดเป็นเทวดา จะเป็น สุนัข เป็น แมว เป็น นก เป็น ไก่ มัน จะ ดัง “โฆสกเทพบุตร” อดีตชาติเป็นสุนัข ได้ดูแล นำทางอุปัฏฐาก พระปัจเจก พุทธเจ้า พระองค์หนึ่ง ปกป้องดูแลรักษาลูก ที่วัด นี้มีคนเอา แม่หมา ท้อง ลูก คลอกหนึ่ง มา ปล่อยไว้ ไม่ได้ มา ปล่อย เพราะฉะนั้นเราได้ ผ่านเข้ารอบ มาเป็น ข้างในวัด หรอก แต่ ปล่อยไว้แถว ๆ โบราณสถาน มนุษย์ มนุษย์จำนวนหก พัน กว่า ล้าน คนก็ ยัง ะ มี การนับถือลัทธิ ศาสนา ต่างๆ กัน หลากหลาย แล้ว ตัวแม่มันก็เข้า มา ข้างใน ก็ มา มองคน นั้น แต่เราเข้ารอบ มาเป็น พุทธศาสนิกชน มา เป็น มอง คน นี้ เวลาใครเห็น ก็ สงสาร ให้ อาหาร มัน มนุษย์ที่นับถือ พุทธ ศาสนา ได้ มาเป็นคนไทย มัน ก็ไม่ กิน แต่ คาบวิ่งเข้าไปในโบราณสถาน ที่มีโอกาส พบ พระพุทธศาสนา นี่ถือเป็นสิ่งที่ คน ตามไป ดูจึง ทราบว่า มีลูกอยู่ ด้วย หลาย ตัว โชค ดี ของเรา และในจำนวน พวกที่ นับถือ พุทธ มันเอาอาหารไปให้ ลูก นี่ คือ ความรัก ของ แม่ ที่ มี ศาสนา ก็ใช่ ว่า จะ มี ศรัทธา ทั้งหมด บางคนก็ได้ ต่อ ลูก ไม่ ว่าจะเป็นคน หรือ สุนัขก็รักลูก ด้วยกัน ชื่อว่าเป็น ชาว พุทธแต่เพียง ใน ทะเบียนบ้าน ทั้งนั้น นี่เป็น ความ ดี เป็นบุญ จิตเป็นกุศล ฉะนั้น บางที่ จาก สุนัขไปเกิดเป็นเทวดา ก็ มี ใน

โชค ดี 0 ที่ เข้ารอบ สุดท้าย (เขมเขมรังสี ภิกขุ 999 ไม่ได้ มีศรัทธา ปัจจุบัน นี้ คน ส่วนใหญ่ไม่เชื่อ ยัง ง่ายกว่า เรื่องกรรม แม้ คน ที่ มีศรัทธาเชื่อเรื่อง กรรม เชื่อ เพราะฉะนั้น ท่าน ทั้งหลายซึ่งได้ ผ่านเข้า รอบ มา หลาย ขั้น คือเชื่อเรื่อง กรรม เชื่อเรื่อง เรื่องบุญ บาป แต่เขา ก็แค่ให้ ทาน บริจาคทาน บุญ เรื่อง บาป มี ศรัทธา และมีโอกาส บางคน เท่านั้น แต่ให้รักษา ศีลไม่เอา แต่ บาง คนก็ดี ขึ้น มี ศรัทธา ก็ จริง แม้จะ ศรัทธาใน การ ปฏิบัติ แต่ หน่อย รักษา ศีล ๕ แต่ศีล ๘ ไม่ เอา บางคน เขา ไม่มีโอกาส อย่างเรา อยากไป ปฏิบัติแต่ มัน รักษา ศีลได้ แต่ให้ ฟังธรรมไม่เอา พอรู้ว่า จะ มี ก็ มาไม่ได้ ติดภาระ ธุระ มี สิ่ง ที่ต้องดูแลรับ การ ฟัง ธรรมไม่เอา ถอยหนี ไม่ชอบ บางคนก็ ผิดชอบ การงาน การเงิน ลูกหลานบริวาร ให้ ทานได้ รักษา ศีลได้ ฟัง ธรรมได้ แต่ จะให้ รอบ นี้มันเป็นรอบ ที่ ต้อง อาศัย ความ ทุ่มเท นั่ง กรรมฐานไม่เอา อย่าว่า แต่ ฆราวาส แม้แต่ พากเพียร กัน มาก แม้ไม่ได้ไปแบก หา มอะไร ภิกษุสามเณรก็เหมือน กัน บางรูป ถึงเวลา ให้นั่ง แต่ก็เป็นเรื่อง ที่ หนัก เรื่อง การ ประพฤติปฏิบัติ กรรมฐาน เลี่ยงไปทำงาน หาเรื่องทำงาน ไม่ นี้ เป็นเรื่องที่ กระทำ ทางจิตใจ ก็ ขอให้เรา มี อยาก นั่ง สมาธิ-เดินจงกรม ไม่อยากปฏิบัติ กรรมฐาน มัน ยากเหลือเกิน ให้ไปแบกไป หา ม

โชค ดี ๓๒ ที่ เข้ารอบ สุดท้าย ( เจเขมรังสี ภิกขุ ๓๓ กำลังใจ ว่า เรา มีบุญ แล้ว ที่เข้า มาถึงระดับ นี้ได้ ไปเสีย ก่อน น่าเสียดายโอกาส ที่ จะไขว่คว้าให้ ถ้า เราไม่ ปฏิบัติเสีย ตอน นี้ โอกาส ที่ ยังจะ มา ประจวบเหมาะ ที่เรา จะเกิด มาเป็นมนุษย์ มี ถึงมัน มี แล้ว อย่างน้อยก็ให้มา เดินบนถนน สายนิพพานให้ได้ ก่อน แม้ว่า จะ ยังไม่ ถึง ปลาย ศรัทธา มี เวลา มีโอกาส แล้ว ก็ได้ พบพระ ทาง นั่น คือ การรู้จักรูป-นามปรมัตถ์ กำหนด พุทธ ศาสนา ยัง มีคำ สอนอยู่อย่าง นี้ ไม่ใช่ ปรมัตถ์เป็น เห็นรูป- นาม เกิด- ดับ เห็นสภาว เรื่อง ง่ายเลย ปรมัตถ์ หรือรูป- นาม เป็นอนิจจัง ทุก ขัง อนัตตา ยิ่ง นับวัน พุทธศาสนาก็ ค่อยๆ เลือนหาย ถ้าใคร มา ถึงจุด นี้ได้ ก็ ถือว่า จับทางได้ ไปจากโลก พระพุทธเจ้า ปรินิพพานไป ๒๕๐๐ กว่าปี แล้ว ที่สุดโลก จะไม่รู้จักบุญ บาป อย่าว่า เพราะ ตลอดระยะ ทาง (วิปัสสนา) ที่ แล่นไป นี้ แต่การ ปฏิบัติวิปัสสนา บุญ บาป ก็จะไม่รู้จัก จะ ต้อง มีรูป- นามปรมัตถ์ เป็นอารมณ์ ต้อง เห็น รูป เห็น นาม ปรมัตถ์เกิดดับ ถ้า หลุดจาก แล้ว ถ้าเรา ไม่ ขวนขวายเสีย ตั้งแต่ตอนนี้ ก็ รูป นาม ปรมัตถ์ ก็ คือ ตก จากทาง ของ วิปัสสนา เหมือนกับเข้า มาใกล้แค่เอื้อมแล้ว แต่เลิก ทิ้ง มัน ต้อง อาศัย ความ พอเหมาะ พอดี เพ่ง มากก็

( เขมเขม รังสี ภิกขุ ๓๕ ะ ไม่ได้ เผลอไปก็ ไม่ได้ ต้อง พอดี ฉะนั้นเรา ต้อง มีกำลังใจในการ ประพฤติปฏิบัติ โดยเฉพาะ อย่างยิ่งกว่า จะ มี พระพุทธเจ้า มา อุบัติ มาสอน เรา ได้ พระพุทธเจ้าจะต้อง สั่งสมบารมีอย่าง มาก อย่าง องค์ ปัจจุบัน ถือว่า ใช้เวลาในการ สร้างบารมี สั้นที่สุด เพราะว่าเป็นประเภทปัญญา ธิกะ สร้าง บารมีเน้น หนักไป ทาง ปัญญา พระพุทธเจ้าบาง พระองค์ ก็เน้นไป ทาง ความเพียร ทาง ศรัทธา การ สร้าง บารมี ก็ จะ ยาวนาน กว่า ปัญญาธิกะแม้ จะใช้เวลาใน การ สร้าง บารมี สั้น แต่ ก็ ยัง ต้องใช้ เวลา นาน ถึง ๔ อสงชัย 900,000 มหา กัป ป์ ยาวนาน นับไม่ ถ้วน และระหว่างการสร้างบารมี นี้ ต้อง ยอมเสียสละ ร่างกาย สละดวงตา สละ

เภปมบ๒กีฏนาวำ๕ิกวชหบ๕ขนันัา๓ตดมิกธรารรม พคณเจต.อณหว์ัรัหดงนะยหตนงวรคัารดศรีอย สว|ทีั่ำนคัญ พิธี บลกแวัาวลำนสชะหิกนขดา มวัานฆบูชา บวช 6ส่ เค๔)ข๑(๒่ทวศ๕กีำึ่ดุั.้๓๖ก๓ืนพรอ์.น ลาสิกขา 1 เแม(๑คจทว๕่ีำีัดร๓.นืคมทอ.รน์ วสัง6นกรานต์บวช 64 ๑๕เทวี่ ัสม๐๓นา.รย์. เแ)๕ค๑(่ำดร๑ืมอน โๆ เล๕๑ทพวีุ่มัาธ๓๔.นสยิ.กขา เ)5ค9ข(่ำึด้ืนอน วัินสาขบูชา พว๒๕ที่ัฤ.บ๓นห๗ควั.ชส 1 เ๑ข)๗ค(่ำึด้๔ืนอน อลพ๕วท๓ี่าั.๓๐ทสนคิิ.ตกยข์า m 1 เ)๗ค๒แ(่ำดรืมอน 64 อวบ๕เวทก๒ีั่าวสั.น๓ส๔านคชาร.์ฬหบูชา ๘๑)เค(ข่ำึด-้๓ืน๘อน g ลเววอทก๒๕ีาัข่ั.สน๓้๗นคงิา.คกพาขรรารษา 1 )๘คแ(๑เ่ำ ดร-ืม๘อน แวชมาัห่ตน่ิง บวช ๑พ๕สทวี่ั.ฤ๓น๒คห.ัส )เ๙ค(9ข่ำึด้ืนอน ส6์ ลอว๕ส๑ที่าั.๓๕นสทคิ.กตขย์า เ)๙แ๕(ค่ำ ดรืมอน บวช 64 ๕ตศ๒ทวีุ่ั.ก๓๒นคร์. ! ๑เ)ค(ข่ำึด๑้๔ืนอน อวัอนกพรรษา จลต๕ท๒วี่ัา.๓น๕สคทิ.รก์ขา อ ๒)เ(ค๑แ่ำ ดร๑ืมอน ศทวีุ่ักนร์ เ๑)ค(ข่ำึด้๒ืนอน ชแวพาั่หตนอ่ิง บวช ท๕ศว๓ธีุ่ั.กmนคร.์ )เ๑(แค่ำ ดร๕๒ืมอน ป จล๕5ธทวี่าั.๓สนคิท.กรข์า 1 ปใวขีึัห้นนม่ บวช วธ๓ทศ๕ีุ่ั.ก๑๓นคร.์ )๑เขค(่ำ ด๐นือน มท๒ลวอ๕ี่ าั.า๓ทนคสิ.ิตกยข์า เแ๑)ค๑(่ำดร๒ืมอน 64 1 ๕วอคเท๑(แ)สท่ีำาัมดอร๑๓๒มน.ทืดมัยิอผค.ตน้คยาี์ป่า 6d ทสข(เค9๑)่พอ๕๗ทวำาีึ่ดอาั.้ม๒๓ืนทนดัยิอค.กตนคฐยี์ิน ไ)ปรทะยเพณี แศวอ๓ธ๕ชบทที๑เ(แค)ุ่ดำัำุ.ดก่ร๓บน๒ทครนืุ์ิ.มรญอศนพ ค๓รวลมพบีิัืะอวธนอีบช ศวเภแชสข(ใมบัา่ำาอนลทวนตควสงกะิศชันขกญาัามล เว)](เใทัิวนลนีกล่ยายลง ๒เ).น๑แว(ัว.ร๖๐๒นลลก.าา๐๐๐๐ 0ควน.เร๑ลมพีิัืวะา5อธนอลสี.บาิ0ก0ขา ๒บตเอจ(ต.๓นไแคผทูำะด่้้วมดา.ล๑า้ออล้่ชหะยงน.านา0ร0 บเทวพไ)(นชภใมิุด่ัวทอนธวาก้ทวีนลชศกวงศชากขนกาัาาลมล .นOoศo

โชค ดี ๓๘ ที่ เข้ารอบ สุดท้าย ( เจเขม รังสี ภิ ก ข ๑๓๔ Comทรัพ0ย์9สมบัติ สละบุตร ภรรยา และแม้ กระทั่ง 5 ปี ด้วยวิธี การ ต่างๆ กลั้น ลม หายใจ นานๆ บ้าง ชีวิตได้ เรียก ว่าเป็นมหา ทาน ต้องบำเพ็ญ บารมี กดพระทนต์ กดลิ้น กด เพดาน กลั้นไว้จน ๓๐ ทัศ กว่า จะ ได้ ครบทุก บารมี เหนื่อย ยาก เหงเงืื่่อ แตกไหล ลมออกหู อดอาหาร ที่เขาทำๆ ลำบาก นานัปการ เพื่อจะได้ ตรัสรู้แล้ว นำ ธรรมะ กัน พระองค์ทรงลองหมดทุกอย่าง และ ก็ ลอง มา สอน พวกเรา อย่างที่สุด เช่น นอน บน ขวากหนาม เดิน บน ช่วง ที่ พระองค์ ทรงออกบวชใน พระชาติ ตะปู ย่างไฟ ไม่ นุ่ง ผ้า ทำเป็น ผู้ลับไม่ให้ใคร สุดท้าย ต้องบำเพ็ญทุกรกิริยา นาน ถึง 5 ปี เพื่อ เห็น อด อาหาร ด้วย การ ทาน อาหาร น้อย ลง ๆ แสวงหาโมกขธรรมทางหลุดพ้น ในสมัยนั้น เขา จนเหลือเล็กเท่าเมล็ด พุทรา ใน ที่สุด ก็ไม่ ทาน ก็ ใช้วิธี การ ทรมาน ตน กัน พวก นักบวช ดาบส เดิน จงกรม จน ล้ม ส ลบไป ก็ มี สรีระรูปร่าง ทั้งหลายนิยมวิธี ทรมานตน เพราะคิดว่า กิเลส มัน จะหมด ไปได้ ต้อง ทรมาน ร่างกายให้ หนัก พระองค์ที่ปกติงดงาม ก็ จะ หม่นหมอง ซูบซีด พระพุทธเจ้า พระองค์ก็ ทรง บ่าเพ็ญทุกรกิริยาอยู่ ผอม แบบ ที่เราเห็นเค้า ปั้นรูป ที่ พระองค์ ทรง ทรมานกายน่ะ ความจริง แล้วหนักกว่านั้น พระองค์เคย ตรัสเล่า ว่า พอเอา พระหัตถ์แตะ ที่

โชค ดี ๔๐ ที่ เข้ารอบ สุดท้าย VE co@a เขม รังสี ภิ ก ข ๔๑ หน้า ท้อง ถึง กระดูกสันหลัง แตะ กระดูกสันหลัง ก็เลยทิ้งพระองค์ กล่าวหาว่า เจ้า ชายสิ ท ธั ต ถะ ถึง หน้า ท้อง พอเอา พระหัตถ์ลูบตัว ขนร่วง หลุด ติดมือเลย พระเศียร ของ พระองค์ นี้เมื่อ ไม่มี เป็น ผู้ มักมากเสีย แล้ว คลายความเพียรเสีย แล้ว อาหารก็ยู่ยื่นุ่มเหมือน ผล น้ำเต้าที่ถูกความร้อน เพราะเขา คิด ว่า ต้อง ทรมาน กาย จึง จะ ตัด กิเลสได้ ส่วน ที่ก้น พระองค์ตรัส ว่าเหมือนกับเท้า อูฐ ก็ พา กัน หนีไป ที่อื่น หมด เท้า อูฐ มันไม่เสมอ กัน ซูบ ผอม บำเพ็ญจน ในวัน ที่ พระองค์จะตรัสรู้ ทรงประทับ กระทง ส ลบ ใต้ ต้น พระ ศรีมหาโพธิ์ มารก็มาผจญ ท้าวปร นิ ม ตอน หลัง พระองค์เห็นว่าไม่ใช่ ทาง พ้น ทุกข์ มิต วสวัตตี ซึ่งเป็นเทวตาอยู่ชั้น ปร นิ มมิตวสวัต ดี เลยกลับ มาเสวย พระ กระยาหาร จนปัญจวัคคีย์ เป็นมารคอยมาขัดขวาง แม้ตอน พระองค์ จะ ทั้ง ๕ ที่ ติดตาม ดูแล อุปัฏฐากอยู่ด้วย หวัง ว่า ทรงออกบวช ก็ ขวาง มา ครั้ง หนึ่งแล้ว บอกว่า หาก พระองค์ ทรง บรรลุ ธรรมเมื่อไรก็ จะได้ ฟัง “อย่า บวชเลย กลับ วังเถิด อีก ๗ วัน ก็ จะเป็น ธรรม พอเห็น พระองค์เสวย พระ กระยาหาร พระเจ้า จักรพรรดิ อยู่แล้ว จะเกิดรัตน จักร จะ ได้ ครอบครอง ทวีปใหญ่ ทั้ง ๔ ทวีป มี ทวีป น้อย

โชค ดี ๔๒ ที่ เข้ารอบ สุดท้าย บ ๒,000 เป็น บริวาร” พระองค์ ก็ไม่ ทรง ปรารถนา เขม รังสี ภิ ก ข ๔) ทรง ปรารถนา พระ สัมมา สัมโพธิ ญาณเท่านั้น |น มารก็คอยติดตามพระองค์ หา ช่อง หาโอกาส ที่ กระดูก ก็ตามที่ ก็ จะไม่ลุก จาก ที่ นี้ อีก คือยอม จะ ขัดขวางทำร้าย พระองค์ให้ได้ ฉะนั้น พอ ตาย แม้มารมาผจญก็ไม่ลุก มาร ทำ ยัง ไง ๆ ประทับ นั่งใต้ ต้น ศรีมหาโพธิ์ มาร ก็ มาอีก พร้อม คีพระองค์ก็ไม่ลุก พญามารขี่ ช้บาง ครเมฆมา ด้วยเสนา มารรายล้อมทุกทิศ ใช้กำลังของ มารเนรมิต ทั้ง ฝน ทั้งไฟ ทั้งลม ทั้ง หิน ทั้ง ฝุ่น เนรมิตแขนเป็น พัน ไล่ พระองค์ ลุก จากบัลลังก์ ทั้งทราย ทั้ง ความมืด ทั้งอาวุธ ต่างๆ เป็นต้น พระองค์ก็บอกว่า อัน นีเ้ ป็น บัลลังก์สำหรับ เพื่อ มา ประหัตประหาร พระองค์ พระองค์ มาร บอกไม่ใช่ แต่เป็นของตนเอง แต่ พระองค์ได้ ตั้ง พระทัย แน่วแน่ไว้ แล้ว พระองค์ ก็ บอก ว่า พระองค์บำเพ็ญ บารมีมาเพื่อ ว่า การ นั่งครั้งนี้จะไม่ ลุก จากที่ นี้อีก แม้ว่าเลือด บัลลังก์ แห่ง นี้ บำเพ็ญมหา บริจาค ๕* บำเพ็ญ โลกัตถจริยา บำเพ็ญ ประโยชน์เพื่อโลก บำเพ็ญ และเนื้อ จะเหือดแห้ง ไป เหลือ แต่ หนัง เอ็น * มหา บริจาค ๔ ได้แก่ 9. ธน บริจาค สละ ทรัพย์สมบัติเป็น ทาน ๒. อัง ค บริจาค สละ อวัยวะเป็น ทาน ๓. ชีวิต บริจาค สละ ชีวิตเป็น ทาน ๔. บุตร บริจาค สละ ลูกเป็น ทาน ๕. ทารบริจาค สละ ภรรยาเป็น ทาน

(เขมเขม รังสี ภิกขุ ๔๕ ญาติ ต ถจริยา ทำ ประโยชน์เพื่อ ญาติ บำเพ็ญ พุ ทธั ต ถจริยา บำเพ็ญประโยชน์โดยฐานะเป็น พระพุทธเจ้า มาร ก็ บอก ว่า พระองค์ไม่มีใคร เป็น พยาน พระองค์ก็บอกว่า ใช่ เราไม่มีใคร เป็นพยาน ไม่มี คน ผู้ มี ชีวิตเป็น พยาน พวกเทวดา ที่อยู่แถว นั้นก็ หนีหมดเมื่อ มารมา พระองค์ก็เลย ชี้ ลงไป ที่แผ่นดิน ขอแผ่นดินนี้จงเป็นพยาน แผ่นดินคือพระแม่ธรณีก็เลย ออกมาเป็นพยาน พระองค์อาศัยความเด็ดเดี่ยว แน่วแน่ อ้าง บารมีที่บำเพ็ญมา สุดท้าย มาร ก็ พ่ายแพ้ไป ในเวลา ค่ำ วัน นั้น พระองค์ได้ ทรงกำหนด ลม หายใจเข้า ออก เรียก ว่า “อานาปานสติ” ซึ่ง

โชค ดี ๔๖ ที่ เข้ารอบ สุดท้าย ( เขมเขม รังสี ภิ ก ข ๔๗ พระองค์เคย บำเพ็ญมา แล้วในวัยเยาว์ วัน ที่ เพราะฉะนั้น กว่าที่พระองค์จะได้นำ ธรรมะ มา สั่งสอน พวกเรา ต้องยากลำบาก มา พระ ราชบิดา ทรง ประกอบ พิธีแรกนาขวัญ ขนาด นั้น ถ้าเราไม่ น้อมนำ คำ สั่งสอน ของ พระองค์ ที่ ทรงแสดง ไว้ มาปฏิบัติ ก็ ดูกระไร อยู่ พระองค์ทรงอยู่ตามลำพัง จึง ทรง นั่งขัดสมาธิ น่าเสียดายใน ความเสียสละ ของ พระพุทธองค์ กำหนดลม หายใจเข้า ออกจนได้ ฌาน ก็เลยนึก เรา ได้ มา พบ ศาสนา ของ พระองค์แล้ว และได้รับ ถึง ตรง นั้น จึงทรงเจริญอานาปานสติ กำหนด คำ สอนแล้ว ก็เป็น หน้าที่ของเรา ที่จะ พากเพียร พยายามประพฤติ ปฏิบัติไป ซึ่ง การปฏิบัติเพื่อ ลม หายใจเข้า ออก ก็ได้ ฌานในระดับ ต่างๆ แล้ว ความ ดับ ทุกข์ นั้นก็ไม่ได้ไปดับที่ไหน ๆ เพราะ จึงเกิดอภิญญาญาณ ใน ปฐมยาม ทรงบรรลุ การ จะ ดับทุกข์ได้ ก็อยู่ที่ กาย ยาววา หนา คืบ กว้าง ศอก นี้แหละ อยู่ ที่นี่ ไม่ ต้องไปดู ที่อื่น ปุ พเพ นิ วา สานุ ส สติ ญาณ ระลึก ชาติหน หลังได้ โดยใช้ใจที่ มีสติสัมปชัญญะนี้เป็น ผู้ดู ผู้ รู้ เป็น มากมาย ใน มัช ฉิ มยามก็ บรรลุ จุตูปปาตญาณ ผู้ปฏิบัติ เรียกว่า เจริญ “สติปัฏฐาน ๔ ” หรือ รู้ การเกิด การ ตายของสัตว์ ทั้งหลาย และใน ปัจฉิมยาม พระองค์ ก็ได้ บรรลุ อา ส วัก ข ย ญาณ ตัด อา สว กิเลส ขาด ทรง ตรัสรู้เป็น พระ สัมมา สัมพุทธเจ้า

โชค ดี ๕๘ ที่ เข้ารอบ สุดท้าย ( เจเขมรังสี ภิ ก ข ๔๔ เจริญ “องค์มรรค ๘ ” เป็น ความดำริชอบ ดำริอยู่ กับรูป- นาม ปรมัตถ์ การ ปฏิบัติ ก็โดยการระลึกรู้ ขณะที่ มี ครบ ทั้ง ศีล สมาธิ และปัญญา ซึ่งเรา พูด ย่อ ๆ ระลึกรู้ เป็นการเจริญองค์ มรรค ๘ อยู่ เพราะ ว่าเวลา ที่เจริญสติ ก็ ไม่ใช่ มี แต่สติ ต้องมีองค์ ว่า “ การเจริญ สติ ” มรรคอื่น ๆ ด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา ก็ มีอยู่ใน การมี สติระลึกรู้สภาวะ ทีก่ ำลังปรากฏอยู่ บ่อยๆ เนื่อง ๆ ก็จะทำให้ มี ปัญญาเกิดขึ้น อันดับ นั้น การ ที่ระลึกรู้สภาวะไต้ ถูก ตรง ถือว่าเป็น ผู้ แรก สติ ต้อง มาให้ ทัน ต่อสภาวะ ที่กำลังปรากฏ มีปัญญาอย่างหนึ่ง สามารถเข้าใจ ว่า รูป -นาม ปัญญา ที่รู้ แจ้งเห็น จริงจึง จะตาม มา ถ้า สติไม่ จับอยู่กับ ปรมัตถ์ ที่ ปรากฏ จะเกิดปัญญารู้ แจ้ง ปรมัตถ์ ที่กำลัง ปรากฏเป็น อย่างไร บัญญัติ เป็นอย่างไร การ มีสติ ตั้ง อยู่กับ ปรมัตถ์เป็น ไม่ ได้ เพราะ ปัญญา รู้แจ้ง ต้องรู้ที่ปรมัตถ์ ที่ สัมมาทิฐิ อย่างหนึ่ง ที่ สามารถดูรูป- ตู นามเป็น รูป-นาม ความจริง มันจะเปิดเผย ขึ้น ในขณะ ที่ ยิ่ง ถ้าเห็นรูปเห็นนามเกิด ดับได้ ก็ยิ่งมีปัญญา กำลัง ปรากฏ ถ้า ผ่านไป แล้ว หมดไปแล้ว เรา ยิ่งขึ้น ซึ่งก็เป็นการ มีสัมมาสังกัปปะอยู่ใน ตัว จะไปรู้ แจ้งมันไม่ได้ หรอก ของที่มันดับไปแล้ว

C เขมรังสี ภิ ก ข ๕๑ โชค ดี ๕๐ ที่ เข้ารอบ สุดท้าย ที่กำลัง ปราก ฎ ระลึกให้ทัน แรกๆ มัน ยังไม่มี So ปัญญาหรอก ขอ ให้ มีสติระลึกให้ทันก่อน อย่า เป็น ของไม่มีแล้ว เพราะ การรู้แจ้ง จริงๆ ต้องรู้ แจ้งใน สิ่งที่ มีหลักฐาน ต่อหน้า ต่อ ตา ความรู้ที่ ไปห่วง ปัญญา บาง คน ห่วง กลัว ว่าจะ ไม่รู้แจ้ง เป็นวิปัสสนา นั้น เป็น ความรู้ ที่ พร้อมอยู่ใน จึงพยายามคิดพิจารณา วิจัยวิจารณ์ จนเลย สภาวะที่เป็น ปัจจุบัน ไม่ ได้ สาวเอาเรื่อง ในอดีต ไปเป็น สมมติ เป็นการเผลอ หลงเข้าไปในอดีต อนาคต ไป ประมวล มาคิด มาวิจัย ไม่ใช่อย่าง นั้น ฉะนั้น เรา จะ ต้องเข้าใจวิธี การ ปฏิบัติ สติจะ ได้รู้อยู่ กับปัจจุบันเสมอ ๆ แต่ต้องมี หลักฐาน ที่จะ ให้รู้ อะไรเป็น หลักฐาน เมื่อเริ่ม ปฏิบัติใหม่ ๆ ให้ มีสติระลึกรู้ไป ก็สภาวะรูป-นามที่กำลังปรากฏเป็น หลักฐาน ก่อน รู้ไปๆ รู้แล้วก็ ผ่านไป ผ่านไป แม้ว่า สิ่ง ที่รู้มัน ก็ คลุมเครือ ๆ ก็ ระลึกรู้ไป ก่อน ให้ มัน นี่จึงเรียกว่าปัญญา ที่รู้ แจ้ง เป็นปัญญาที่รู้ใน พอดี พอดี เป็นกลาง ระลึกอย่างพอดีๆ ไม่เพ่ง ปัจจุบัน ทันที แจ่มแจ้งทันที ไม่ต้องอาศัย ไม่เผลอ ไม่กด ไม่ข่ม มัน คอย จะเผลอ ไปกด ความคิด นึก ฉะนั้น เพียง ว่าเพียร มีสติระลึกรู้ให้ ทัน ต่อ ปัจจุบัน ต่อ ปรมัตถ์ (สภาพธรรม ที่เป็น จริง)

เขม รังสี ภิกขุ ๕๓) ไป ข่ม บ้าง เผลอไป ยึด บ้าง ต้องรู้ตัว ด้วย ต้อง คอย สังเกต การปฏิบัติ วางท่า ที่ให้มันเหมาะสม ให้ ถูกต้อง ให้ มันเป็นกลางๆ ไม่ให้ตกไป ข้าง ความยินดี ยินร้าย เพราะฉะนั้น พระพุทธองค์จึง ตรัส ใน ตอน ท้ายใน ทุกข้อ ของสติปัฏฐานว่า ให้ พึงละ อภิ ช ชา และโทมนัสในโลกเสียเวลากำหนด กาย กาย นั่นก็ คือโลก กำหนดรู้เวทนา เวทนา ก็ คือ โลก โลกก็คือกาย เวทนา จิต ธรรม หรือ อารมณ์ของสติ สติระลึกรู้ อะไร ก็ อย่า ตกไป ข้างยินดี อย่า ตกไป ข้าง ยินร้าย ให้ วางใจเป็น กลางๆ ระลึกสักแต่ว่าระลึก รู้ สักแต่ว่า รู้

โชค ดี ๕๔ ที่ เข้ารอบ สุดท้าย ve รู้สิ่งใดก็แค่นั้น ให้ มัน ผ่านไปๆ เป็นขณะ ๆ สติ เขม รังสี ภิ ก ข ๕๕ ระลึกรู้ สภาพธรรม ต่างๆ ให้ไว ให้ ทัน เดี๋ยว ก็ รู้อันใหม่ รู้อันใหม่ รุดหน้า ไปเรื่อยๆ ซึ่ง มันก็แป็ บ ตรงนั้น แป็ บ ตรง นี้ เย็น ตรง นั้น ซึ่ง สภาว ธรรมนั้น ก็ ปราก ฎ ทาง กาย ทางใจ อยู่ นี้ ตรง นี้ ไหว ตรง นั้น คิดอีกรู้ อีก เห็นอีก ได้ยิน ระลึก รู้ทั้ง ความรู้สึก ทาง กายและความรู้สึก ทางใจ อีก เป็นอย่าง นั้น ก็รู้ไปเรื่อยๆ รู้ตลอดทาง ทวาร ทั้ง ๖ คือ ทางตา ทางหู ทาง นักปฏิบัติ ก็ อาจ จะ สงสัย ว่า เอ ... ทำไม น ทำ อยู่แค่ นี้ซ้ำ ๆ ก็ ต้องดูกันอย่างนี้ ซ้ำ ๆ ดูสิ่งที่ จมูก ทางลิ้น ทางกายและทางใจ แล้วแต่ว่า ซ้ำๆ เพื่อ จะให้เกิด ความ แจ้ง ชัด ขึ้น แล้ว ก็ ผ่านไป ผ่าน ไปๆ เหมือน ระลึกรู้ ของใหม่ สภาวะใดปรากฏ ก็รู้ สภาพใด ปรากฏก็ รู้ สภาวะอันใหม่อยู่เสมอ เพราะมันเกิดขึ้น แล้ว เมื่อเรา ฝึก มากๆ มันก็จะเหมือนว่าไม่ ดับไป เกิด ขึ้น แล้วก็ ดับ ไป อย่าไปเกาะ ติด จงใจที่จะรู้ที่ใดที่หนึ่ง เปรียบเหมือนกับว่าเรา ของเก่า มัน จะ ตกไป สู่อดีต ให้ ผ่าน ไป แล้ว ยืนอยู่ที่ สี่แยก ดูรถผ่านไป ผ่าน มา เราจะเห็น หมด รถ จะ มา ทาง ซ้าย ทางขวา ทางหน้า ทาง หลัง แต่ ถ้าเราวิ่งไปดูรถ สายเดียว เพราะกลัว จะไม่ชัด วิ่งไป ตูรถบนถนนเส้นนั้น แล้วปล่อย

โชค ดี ๕๖ ที่ เข้ารอบ สุดท้าย เขม รังสี ภิ ก ข ๕๗ “ให้ ( 4 า นไป กลับ มา อีก ที รถ ผ่าน ไป ปล่อย การ แสดงของเขา ทำ เหมือนเป็นเพียง ผู้ ตั้งเยอะ แล้ว ดู เขาจะแสดงอะไร ก็แล้วแต่ เขา อย่าไป เหมือนกับ ผู้ ปฏิบัติเพ่งไป ทางใด ทางหนึ่ง กำกับการแสดงของตัวละคร อย่า ลงไปเล่น สภาวะที่เกิดขึ้น ผ่านไป ผ่าน มา ไม่รู้แล้ว เพราะ เป็น ตัว ละครเสียเอง ทำ หน้าที่เป็นเพียงผู้ดู เขา ะ จะเล่น บทอะไรก็ ดูเขาไป ดู ด้วยใจวางเฉย ฉะนั้น วาง สติอยู่กลางๆ ที่ กาย ที่ใจ มี สภาว การ ปฏิบัติ จะ ต้อง วางใจเป็นกลาง เป็น ธรรม ต่างๆ ปรากฏ ก็ระลึกไปเรื่อย ๆ อะไร ปกติ วางเฉย ไม่ ยินดี ยินร้ายต่อ การแสดงของ ปรากฏ ก็ รู้ รักษา ความเป็นกลาง พอ ดีๆ ไม่เพ่ง เขา (สภาว ธรรม ต่างๆ) ปล่อยวาง แต่ไม่ใช่วาง แต่ ก็ไม่เผลอ ไม่เหม่อ ไม่ลอย ไม่ ท้อ ไม่ ถอย น ไม่ผลอย ลง ภวังค์ ระวังรักษาจิต ดู ว่า จิต มัน ทิ้ง ยังรับ ยังรู้ ยัง ดูเท่าทัน ปัจจุบันอารมณ์ มี ทั้ง รู้ มี ทั้ง ละ ผสมกลมกลืนกันไป ก็ จะทำให้ เคลิ้ม จะหลับจะตื่น ให้ ดู ทีจ่ ิตด้วย รักษา ความ เห็น ความเกิดขึ้น ความ ดับไป ความ หมดไป สิ้นไป ของ สภาวธรรม ซึ่ง จะทำให้เห็น อนิจจัง เป็น กลางๆ ความเป็น ปกติ ไม่ จดไม่ จ้อง ประ คับ ประคองพอ ดีๆ ไม่ ต้อง แรง ไม่ จงใจ จัดแจง

โชค ดี ๕๘ ที่ เข้ารอบ สุดท้าย กำหนดการอบรมวิปัสสนา กรรมฐาน ทุก ขัง อนัตตา เกิดปัญญา รู้ แจ้ง แทง ตลอดใน ระยะเวลา ๙ วัน ประจำ ปี ๒๕๕๓ ณ วัด มเหยง ค ณ์ “อริยสัจสี่” คือ รอบรู้ใน ทุกข์ (รูป- นาม) ละเหตุ แห่ง ทุกข์ (ตัณหา) เข้าถึง ความดับ ทุกข์ (นิพพาน) บ เจริญ ข้อ ปฏิบัติ ให้เข้าถึงการ ดับ ทุกข์เกิดขึ้น Q สมบูรณ์ (มรรค ๘) ครงท 9 วันเสาร์ ที่ ๒๓ - วัน อาทิตย์ ที่ ๓๑ มกราคม ២៨ថ្មី៣ การ แสดงธรรมในวัน นี้ ก็สมควร แก่เวลา ครั้ง ที่ ๒ วันเสาร์ ที่ ๑๓ - วัน อาทิตย์ ที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ ครงท m วันเสาร์ ที่ โeo วันอาทิตย์ที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๓ ขอ ยุติ ไว้แต่เพียงเท่า นี้ ขอ ความสุข ความเจริญ ครั้ง ที่ ๔ วันเสาร์ ที่ ๑๗ - วันอาทิตย์ ที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๕๓ ในธรรม จง มีแก่ ทุก ท่านเทอญ ครั้ง ที่ ๕ วันเสาร์ที่ ๑๕ - วัน อาทิตย์ที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๓ ครั้ง ที่ 5 วันเสาร์ที่ ๑๔ - วันอาทิตย์ที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๓ ครั้ง ที่ ๒ วันเสาร์ ที่ ๑๐ - วัน อาทิตย์ที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๓ ครั้ง ที่ 6 วันเสาร์ที่ ๒๑ - วันอาทิตย์ ที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๓ ครั้ง ที่ ๙ วันเสาร์ที่ ๑๘- วันอาทิตย์ที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๕๓ ค รง ท 90 วันเสาร์ ที่ ๔ - วัน อาทิตย์ ที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๓ ครั้งที่ ๑๑ วันเสาร์ที่ ๒๐ - วันอาทิตย์ที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ โครง ที่ ๑๒ วันเสาร์ ที่ ๑๘ - วันอาทิตย์ ที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๓

หลักการ การ สมัคร รับสมัคร เฉพาะ ผู้มี ความ ตั้งใจ จริงๆ ใน การจะ ต้อง กรอกใบสมัคร ล่วงหน้า อบรมเจริญสติปัญญา เท่านั้น หลักฐาน รับรุ่น ละ ๕๐ ท่าน ทั้งชาย-หญิง ทั้งค ฤหัส และ สำเนา บัตร ประชาชน / รูปถ่าย สำหรับติดใบ บรรพชิต น ครั้ง ที่ ๑, ๒, ๔, ๕, ๒, ๒, ๑๐, ๑๑ รับเฉพาะ สมัครขนาด ๑ นิ้ว จำนวน 9 รูป คนใหม่ คือผู้ ที่ ยังไม่เคยเข้าปฏิบัติวิปัสสนา หมายเหตุ กรรมฐาน ณ วัด มเหยง ค ณ์ มา ก่อน ลง ทะเบียนเข้า ปฏิบัติ เวลา ๐๘.๐๐-๐๙.๐๐ น. ะ4 . พิธีเข้า ปฏิบัติ ฯ เวลา ๐๙.๓๐ น. ( ท่าน ต้องไป ครั้ง ที่ ๓, ๒, ๓, ๑๒ รับเฉพาะ คนเก่า คือ ผู้ที่ ให้ทัน ตามเวลา ทีก่ ำหนด) เคย ผ่าน การเข้า ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ณ วัด มเหยง ค ณ์ มา แล้ว

กำหนดการอบรมวิปัสสนา กรรมฐาน ประจำปี ๒๕๕๓ กำหนดการอบรมวิปัสสนา กรรมฐาน ประจำ ปี ๒๕๕๓ โดย พระครูเกษมธรรมทัต (สุรศักดิ์ เขมร์ สี) โดย พระครูเกษมธรรมทัต ( สุรศักดิ์ เขมร์ สี) เป็น พระวิปัสสนา จาร ย์ เป็น พระวิปัสสนา จาร ย์ ณ สำนัก กรรมฐาน ปร มั ต ถ ภาวนา (ดอย ภูโอบ) ณ บ้านทรงไทย สุขรวยเจริญ ๖๒/๒ หมู่ ๒ ต .หัน สั ง อ . บางปะหัน ต .สะลวง อ.แม่ริม จ . เชียงใหม่ ๕๐๓๓๐ จ. พระนครศรีอยุธยา ๑๓๒๐๐ ครั้งที่ ๑ วัน จันทร์ ที่ ๑ - วันจันทร์ ที่ ๘ มีนาคม ๒๕๕๓ น ส่ วัน อาทิตย์ที่ ๓ วันอาทิตย์ ที่ ๑๐ มกราคม ២ ថ្មីទី៣ ครั้ง ที่ ๒ วัน พุธ ที่ 00 - วัน พุธ ที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๓ ครั้ง ที่ ๓ วัน พฤหัส ที่ ๑ - วัน พฤหัสที่ 6 เมษายน ๒๕๕๓ ครงท 9 รับ สมัคร ทั้ง ชาย-หญิง ทั้งค ฤ หัส และบรรพชิต ครั้ง ที่ ๒ วันเสาร์ ที่ - วันเสาร์ ที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๓ ครั้งที่ ๓ วันเสาร์ที่ ๔ - วันเสาร์ ที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๕๓ รุ่น ละ ๔๐ ท่าน รับสมัคร ทั้ง ชาย-หญิง ทั้งค ฤหัส และ บรรพชิต ครั้ง ที่ ๑, ๒ สมัคร ที่ วัด มเหยง ค ณ์ 1 สมัครเข้า อบรม ที่ บ้านทรงไทย สุขรวยเจริญ โทรศัพท์ ๐๓๕-๘๘๑-๖๐ - ๒, โทรสาร ๐๓๕-๔๘๑-๖๐๓ โทรศัพท์ ๐๓๕-๓๘๙-๓๓๑, ๐๘๑-๘๔๗-๒๒๔๘ ครั้งที่ ๓ สมัคร ที่ ศูนย์วิปัสสนายุวพุทธิกสมาคม แห่ง ประเทศไทย (ศูนย์ ๑) ฝ่าย กิจกรรม โทรศัพท์ ๐-๒๕๕๕-๒๕๒๕

กำหนดการอบรมวิปัสสนา กรรมฐาน ประจำปี ๒๕๕๓ กำหนดการ อบรมวิปัสสนา กรรมฐาน ประจำปี ๒๕๕๓ โดย พระครูเกษม ธรรมทัต (สุรศักดิ์ เขมร์ สี) โดย พระครูเกษมธรรม ทัต ( สุรศักดิ์ เขมร์ สี) เป็น พระวิปัสสนา จาร ย์ เป็น พระวิปัสสนา จาร ย์ ณ ศูนย์วิปัสสนา ยุว พุทธเฉลิมพระเกียรติ ฯ (ศูนย์ ๒) 0 ณ เขาใหญ่ จ. นครราชสีมา ๑๙ หมู่ ๑๖ ต . คลองสาม วัน ที่ ๑๒ - ๑๙ มกราคม ๒๕๕๓ อ .คลองหลวง จ .ปทุมธานี ๑๒๑๒๐ โทรศัพท์ ๐-๒๙๒๖-๖๔๐๔ - ๕ 6 ณ วัด พระ ธาตุ ผาเงา ครั้งที่ 2 วัน ที่ Gl กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ หมู่ที่ ๕ บ้านสบคำ ต.เวียง อ.เชียงแสน พฤษภาคม ๒๕๕๓ ครั้ง ที่ ๒ วัน ที่ จ .เชียงราย ๕๗๑๕๐ ob ธันวาคม ๒๕๕๓ ครั้ง ที่ ๓ วัน ที่ วัน ที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๓ สมัคร ที่ ศูนย์วิปัสสนา ยุว พุทธิ ก สมาคม สมัคร ที่ คุณชาลินี โทรศัพท์ ๐๘๙-๗๘๘-๕๒๒๕ แห่ง ประเทศไทย (ศูนย์ ๑) คุณธน พรรณ โทรศัพท์ ๐๘๙-๖๖๗-๕๕๕๕ ฝ่ายกิจกรรม โทรศัพท์ ๐-๒๕๕๕-๒๕๒๕ คุณญวิภา โทรศัพท์ ๐๘๑-๗๒๖-๗๔๙๗

กำหนดการอบรมวิปัสสนา กรรมฐาน ประจำปี ๒๕๕๓ แผนที่วัด มเหยง ค ณ์ โดย พระครูเกษม ธรรมทัต(สุรศักดิ์ เขมร์ สี) เกาะ เมือง สถานี รถไฟ พระนครศรีอยุธยา เป็น พระวิปัสสนา จาร ย์ เจอแจก ณ วัชรธรรมสถาน (มูลนิธิ ดวงแก้วฯ) ๑.๕ ก.ม. ๒๑๓/๓๑ หมู่ 9 ถนนนครชัยศรี- ดอนตูม d ตำบลห้วยพลู อำเภอนครชัยศรี o จังหวัดนครปฐม ๗๓๑๒๐ o ม. ระหว่างวัน ที่ 5 - ๘ สิงหาคม ๒๕๕๓ วัด พ นั ญเชิง วัด มเหยง ค ณ์ ติดต่อสมัคร ที่ ก.ม. รารชธพานี อ่างทอง โย www.duangkaew.org วังน้อย ห้างโลตัส โทรศัพท์/โทรสาร ๐-๒๔๗๖-๕๓๙๙ เก รุ งเทพ ฯ วัด ม เห ย ง ค ณ์ ต. หันตรา อ. พระนครศรีอยุธยา จ. พระนครศรีอยุธยา โทรศัพท์ : (o๓๕) ๔๑๑-๖๐๑-๒ โทรสาร : (๐๓๕) ๔๑๑-๖om www.mahaeyong.org, www.watmahaeyong.net

ขอเชิญ ฟังรายการ ธรรมสุ ปฏิปันโน กิจกรรมของวัด มเหยง ค ณ์ เสียง ธรรม จากวัด มเหยง ค ณ์ ๑. จัดอบรมวิปัสสนา กรรมฐาน รุ่นระยะเวลา ๓ วัน เป็น ประจำ ทุกๆ เดือน ทั้ง บรรพชิต ปรารภ ธรรมโดย และคฤหัสถ์ รุ่น ละ ๕๐ ท่าน พระครูเกษมธรรมทัต (สุรศักดิ์ เขมร์สี) ๒. จัด อบรมปฏิบัติธรรม บวชเนกขัม ม ภาวนา ในวันสำคัญชาติ ศาสนา พระมหา กษัตริย์ ทางสถานีวิทยุ ทหาร อากาศ 09 มีนบุรี คลื่น ๕๕๕ ระบบ AM ทุก วัน (เว้นวัน อาทิตย์) และวัน ประเพณีไทย ปี ละ ๒ ครั้ง เวลา ๐๔.๐๐-๑๕.๐๐ น. ต . บวชถือศีล ปฏิบัติธรรมเป็น ประจำ ทุกวัน หาก ประสงค์ จะทำบุญโดย การให้ธรรมเป็น ทาน ๔. อุปสมบทหมู่ เพื่อ ปฏิบัติธรรม ทุกเดือน ขอเชิญ ท่านอุปถัมภ์ รายการได้ ตามกำลัง ศรัทธา ๕. อบรม ปฏิบัติธรรม พิเศษ ให้ กับ หน่วยงาน โดย ส่งเป็นธนาณัติ/ ตั๋วแลกเงิน/เช็คขีดคร่อม ทั้ง ภาครัฐ และเอกชน ที่ ขอเข้าอบรมเป็น คณะ ใน นาม วัด มเหยง ค ณ์ ๖. เผยแผ่ธรรมทางสื่อวิทยุ หนังสือ อินเทอร์เน็ต หรือโอนเข้าบัญชีธนาคาร กรุงเทพ WWW.mahaeyong.org และ WWW.watmahaeyong.net สาขา ตลาดเจ้า พรหม ประเภท สะสม ทรัพย์ ชื่อบัญชี วัด มเหยง ค ณ์ บัญชีเลข ที่ ๔๗๘-๐-๖๑๖๖๗๐

∫—π ∑÷° ∫—π ∑÷° ................................................. ................................................. ................................................. ................................................. ................................................. ................................................. ................................................. ................................................. ................................................. ................................................. ................................................. ................................................. ................................................. ................................................. ................................................. .................................................

ชมรม กัลยาณธรรม ๑๐๐ ถนน ประโคนชัย ตำบล ปากน้ำ อำเภอเมือง จังหวัด สมุทรปราการ ๑๐๒๗๐ โทรศัพท์ ๐ ๒๗๐๒ ๗๓๕๓, ๐ ๒๖๓๕ ๒๕๕๘ โทรสาร ๐ ๒๗๐๒ ๒๓๕๓ , ๐ ๒๒๖๖ ๓๘๐๗ www.kanlayanatam.com


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook