50 สงสารสามีภรรยาคู่นี้ยิ่งนัก จึงยอมเสียสละเงิน ท่ีเก็บออมไว้จากการสอนหนังสือเป็นเวลาสองป ี น�ำมาใช้หนี้แทน ชายผู้นั้นท�ำให้สามีภรรยาคู่นี้ ไมต่ อ้ งแยกจากกนั อกี ตวั อยา่ งหนงึ่ มชี ายคนหนงึ่ ยากจนยง่ิ นกั จงึ นำ� บตุ รชายและภรรยาไปจำ� นำ� ไว้ ได้เงินมาพอประทังชีวิต เมื่อถึงก�ำหนดไม่มีเงิน จะไปไถ่คืน ภรรยาเดือดร้อนคิดจะฆ่าตัวตาย บงั เอญิ ทา่ นผเู้ ฒา่ จางรเู้ รอ่ื งเขา้ ทงั้ มคี วามสงสาร ยงิ่ นกั จงึ นำ� เงนิ ทไ่ี ดส้ ะสมมาแลว้ ถงึ สบิ ปมี าใชห้ นี้ แทนให้ พ่อแม่ลูกจึงมีโอกาสกลับมาอยู่ร่วมกัน อีกครั้งหนึ่ง “ท่านผู้เฒ่าซูและท่านผู้เฒ่าจาง ลว้ นแตไ่ ดท้ ำ� สง่ิ ทท่ี ำ� ไดย้ ากยง่ิ เงนิ ทท่ี า่ นสะสมไว ้ คนละสองปีและสิบปีน้ัน ท่านก็หวังว่าเม่ือท่าน ท�ำมาหากินไม่ได้แล้ว ก็จะได้พึ่งเงินจ�ำนวนน้ ี
51 ประทงั ชวี ติ ตอ่ ไป เปน็ เงนิ ทต่ี อ้ งใชเ้ วลาอนั ยาวนาน สะสมไว้วันละเล็กละน้อย แต่ท่านท้ังสองก็ สามารถตดั ใจชว่ ยเหลอื คนทไ่ี มร่ จู้ กั กนั เลยแม้แต่ นิดเดียวได้ในพริบตาเดียว น่ีคือการท�ำความดีท ่ี ยากยงิ่ จรงิ ๆ”๓ หวั ขอ้ สำ� คญั สำ� หรบั พจิ ารณาความดที แี่ ทจ้ รงิ วา่ เปน็ อยา่ งไร รวม ๘ ขอ้ ตงั้ แต ่ ๑.๑-๑.๘ น ้ี ได้ นำ� เฉพาะหวั ขอ้ จากหนงั สอื โอวาทสข่ี องทา่ นเหลย่ี ว- ฝานในโอวาทขอ้ ท ่ี ๓ มา สว่ นคำ� อธบิ ายประกอบ หวั ขอ้ นน้ั เปน็ ของผเู้ ขยี นเอง ความจรงิ ทา่ นเหลย่ี ว- ฝานไดอ้ ธบิ ายประกอบไวด้ มี าก ขอใหท้ า่ นผอู้ า่ น ๓ โอวาทสีข่ องทา่ นเหลยี วฝานหน้า ๓๐-๓๑ แปลโดย คณุ เจือจนั ทน ์ อชั พรรณ พ.ศ. ๒๕๒๔ (ไม่บอกสถานท่พี ิมพ์)
52 ลองหาหนังสือเล่มนี้มาอ่านดู จะได้ประโยชน ์ มใิ ชน่ อ้ ยทเี ดยี ว ในหนงั สอื เลม่ เดยี วกนั นหี้ นา้ ๓๑ ไดก้ ลา่ ว ขอ้ ความทน่ี า่ สนใจเกยี่ วกบั การท�ำความดไี วอ้ กี วา่ การทำ� ความดตี อ่ ผอู้ นื่ นน้ั กจ็ ะตอ้ งแลว้ แต ่ โอกาส จังหวะ เวลาก็มีความส�ำคัญเช่นกัน การ ชว่ ยเหลอื ผอู้ นื่ นนั้ มวี ธิ กี ารมากมาย ประมวลแลว้ กส็ ามารถแยกออกได ้ ๑๐ วิธีด้วยกนั คอื • ชว่ ยเหลอื ผอู้ น่ื ท�ำความดี • รกั และเคารพทกุ คนอย่างเสมอหน้า • สนบั สนนุ ผ้อู นื่ ให้เป็นผมู้ ีความดพี ร้อม • ชีท้ างให้ผอู้ น่ื ท�ำความดี
53 • ช่วยเหลอื ผทู้ ่อี ย่ใู นความคับขนั • กระทำ� สง่ิ ท่เี ปน็ ประโยชน์ตอ่ สาธารณะ • อยา่ ทำ� ตนเปน็ ป่โู สมเฝ้าทรพั ย ์ • ต้องหมน่ั บริจาค • ธ�ำรงไว้ซึ่งความเป็นธรรม • เคารพผู้อาวโุ สกวา่ • รักชีวิตผอู้ ่ืนดุจชวี ิตของตน ท้ัง ๑๐ หัวข้อนี้ ท่านอธิบายขยายความไว้ อย่างน่าสนใจมาก นค่ี อื รายละเอยี ดของวธิ สี รา้ งความด ี ประการ แรก ที่ว่าต้องศึกษาให้รู้แจ้งว่า ความดีท่ีแท้จริง คืออะไร
54 ๒ ปูพ้ืนฐานแกจ่ ิตใจของตน ในการที่จะสร้างความดี คือการน้อมจิตให้รักความดีอย่เู สมอ การสร้างความดีเป็นกิจอันยิ่งใหญ่ของ มนุษย์เป็นส่ิงท่ีจะต้องท�ำตลอดชีวิต หรือถ้าจะ กลา่ วใหห้ นกั แนน่ เขา้ ไปอกี กก็ ลา่ วไดว้ า่ ตลอดเวลา ทท่ี อ่ งเทยี่ วอยใู่ นสงั สารวฏั ความดเี ปน็ สง่ิ ทเี่ ลกิ ท�ำ ไม่ได้ คนเราจะท�ำอะไรหรือไม่ก็ตาม แต่ส่ิงหน่ึง ซง่ึ จะตอ้ งท�ำ ไมท่ ำ� ไมไ่ ด ้ สงิ่ นนั้ คอื “ความด”ี แต่ คนทจี่ ะทำ� ความดไี ดม้ น่ั คงยงั่ ยนื นน้ั ตอ้ งมพี นื้ ฐาน ทางจิตใจดี มีพ้ืนฐานอันมั่นคง เหมอื นการสรา้ ง ตึก หรืออาคารใหญ่ อาคารถาวรจะต้องลงราก
55 ตอกเข็มอย่างหนาแน่นมั่นคง อุปสรรคของการ ท�ำความดีน้ันมีมาก จึงท�ำให้คนจ�ำนวนไม่น้อย ทอ้ ถอยในการทำ� ความด ี เหน็ วา่ การไมต่ อ้ งทำ� อะไร แลว้ อยไู่ ปวนั หนง่ึ ๆ สขุ สบายกวา่ จะทำ� ใหเ้ หนอ่ื ย ยากลำ� บากทำ� ไมกนั เพราะฉะนนั้ เพอ่ื ใหม้ พี นื้ ฐาน
56 ทางจิตใจที่ดีมั่นคง จึงควรน้อมจิตให้รักความด ี อยเู่ สมอ เหมอื นคนหนุ่มสาวที่รักสวยรักงาม รัก ความสะอาด การรักความดีก็เพ่ือความดีนั่นเอง แม้เราจะท�ำความดีเพ่ือความดี แต่เมื่อได้สั่งสม ความดบี รบิ รู ณด์ ีแล้ว ความดีนั่นเองจะย้อนกลับ
57 มาคุ้มครองให้อยู่เย็นเป็นสุข เหมือนคนปลูก ต้นไม้ไว้ด้วยความรักต้นไม้ เม่ือมันเจริญเติบโต เต็มท่ีแล้ว ย่อมให้ร่มเงา ดอกผล ความชุ่มเย็น เป็นสุขแก่เจ้าของผู้ปลูกน่ันเอง สมตามค�ำท ี่ พระพุทธองค์ตรสั วา่ “ธรรมย่อมรักษาผูป้ ระพฤติธรรม ธรรมทบี่ คุ คลประพฤตดิ แี ลว้ ยอ่ มน�ำความสขุ มาให”้
อานุภาพ ของความดี มนุษย์เรามีชีวิตอยู่ด้วยอานุภาพของสิ่ง ๒ ส่ิงรักษาคือ บุญรักษาและบาปรักษา บุญคือ คุณความดี บาปคือความช่ัว มีตัวอย่างมากมาย ที่แสดงถึงความจริงอันน้ี เช่น คนมีชีวิตอยู่อย่าง สุขสบายก็เพราะบุญรักษา มีชีวิตอยู่อย่างทุกข ์ ทรมานก็เพราะบาปรกั ษา
60 บุญบาปท่ีเคยทำ� มาในชาติก่อนเป็นต้นทุน ชวี ติ ของแตล่ ะคน มาในชาตนิ จ้ี งึ มสี ภาพไมเ่ หมอื น กัน กินบุญเก่าบ้าง สร้างบุญใหม่บ้าง ท�ำดีเพื่อ ใช้หนี้กรรมเก่าบ้าง สร้างเวรกรรมขึ้นใหม่บ้าง ซับซ้อนยุ่งเหยิง ดังชีวิตของมนุษย์ทั้งหลายท่ ี เหน็ ๆ กนั อย่ทู ุกวันน้ี ความมีอวัยวะร่างกายสมบูรณ์ก็เป็นลาภ อย่างหนึ่งของชีวิต ร่างกายท่ีไม่มีโรคเบียดเบียน ย่ิงเป็นลาภอันประเสริฐข้ึนไปอีก สมดังพระ- พทุ ธภาษติ ทว่ี า่ “ความไมม่ โี รค เปน็ ลาภอยา่ งยง่ิ ” ถา้ เรานอ้ ยใจวา่ เราเกดิ มาจน ไมม่ เี งนิ ลา้ น ๑๐ ลา้ น ๑๐๐ ลา้ น เราจะยอมขายดวงตาทง้ั ๒ ขา้ งของเรา ด้วยเงิน ๒ ล้านไหม? แขน ๒ ข้างอีก ๒ ล้าน
61 ขา ๒ ข้างอีก ๒ ล้าน รวม ๖ ลา้ น ถา้ เราไมย่ อม แสดงว่าอวัยวะเพียง ๓ อย่างของเราน้ี มีราคา มีค่าเกิน ๖ ล้านแล้ว เรารวยแล้ว ให้เป็นเศรษฐ ี มีเงินร้อยล้านแต่ตาบอดหูหนวกจะเอาหรือไม่ ความเป็นผู้มีอวัยวะสมบูรณ์ มีโรคน้อย ก็เป็น ผลบุญหรือคุณงามความดี ท่านที่เป็นแพทย ์ คลกุ คลอี ยกู่ บั คนปว่ ยในโรงพยาบาล ยอ่ มเหน็ ชดั ด้วยตนเองแล้ว ว่าคนป่วยคนพิการมีสภาพ อย่างไร
62 ออาานนุภุภาาพพขคออืงอคะวไารม?ดี คือสิ่งหน่ึงซ่ึงมีพลังหรืออ�ำนาจที่จะก่อให้ เกิดผลตามเหตุที่กระท�ำ แต่เน่ืองจากเหตุเป็น สิ่งซับซ้อนมาก จึงท�ำให้บุคคลสับสนในปรากฏ- การณท์ ตี่ นไดป้ ระสบ ปรากฏการณท์ เี่ ราประสบ นั้นเป็นผลของอ�ำนาจหรือพลังอย่างใดอยา่ งหนง่ึ ที่แฝงเร้นอยู่เบื้องหลัง เรียกตามภาษาธรรมะว่า ปฏจิ จสมปุ บาท และปฏจิ จสมปุ ปนั นธรรม ปฏจิ จ- สมปุ บาทคอื ตวั กฎ สว่ นปฏจิ จสมปุ ปันนธรรมนั้น คอื ปรากฏการณ ์ เชน่ คลน่ื เปน็ ปรากฏการณอ์ ยา่ ง หนงึ่ เกดิ ขนึ้ เพราะอาศยั ตวั กฎ คอื ความสัมพันธ ์ ของลมกบั นำ้� ฯลฯ
63 ความดีคอื อะไร? ในทางจริยศาสตร์ ความดีเป็นสิ่งที่นิยาม ไม่ได้ คือนิยามให้ได้ความหมายสมบูรณ์ไม่ได ้ แม้จะพยายามนิยามสักเท่าไร ก็จะต้องมีข้อ บกพร่องในค�ำนิยามนั้นอยู่เสมอ เพราะฉะน้ัน นักปรัชญาและนกั จรยิ ศาสตรจ์ ึงไดต้ ัดสินความดี เปน็ เรอ่ื งๆ ไป และเปน็ คราวๆ ไป สดุ แลว้ แตเ่ งอื่ นไข ต่างๆ จะก�ำหนด เพราะความดีที่คนรจู้ กั กนั โดย ทัว่ ไปนัน้ ยังเป็นโลกียะเป็นส่ิงสัมพทั ธ์ (relative) อยู่ จึงขึ้นอยู่กับเงื่อนไขต่างๆ มากมาย อย่างไร กต็ าม แมเ้ ราจะนยิ ามความดไี มไ่ ด ้ แตเ่ รากส็ ามารถ รจู้ กั ความดไี ด ้ เหมอื นเราใหค้ ำ� นยิ ามความเปรยี้ ว ความหวานไม่ได้ แต่เราก็รู้จักความเปร้ียวความ หวานได้
อตตัา่คงนวกัยานัมแอดลยทีะา่ป่เี ปงรไ็นนร?ยั ความดีที่เป็นอัตนัยหรืออัตตวิสัยนั้นคือ ความดที ค่ี นนยิ มกนั วา่ ดหี รอื ทต่ี นชอบ เราชอบจงึ ด ี ส�ำหรับเรา หรือสังคมนิยมว่าดี ใครท�ำอยา่ งนน้ั เขากต็ ดั สนิ วา่ ดแี ลว้ ความดที เี่ ปน็ ปรนยั หรอื ภววสิ ยั นั้น คือความดีที่เป็นจริงในตัวเอง คงดำ� รงความ เป็นจริงอย่างน้ันอยู่ ตัวอย่างเปรียบเทียบเช่น อาหารที่ดีมีประโยชน์ต่อร่างกาย ใครกินเข้าก็ได ้
66 ประโยชน์เท่าท่ีประโยชน์มันมีเงื่อนไขปลีกยอ่ ย อาจจะมีอยู่บ้าง แต่โดยหลักใหญ่ๆ เป็นอย่างน้ัน ส่วนใครจะชอบมังคุดมากกว่าลางสาด หรือชอบ ทเุ รยี นมากกวา่ มะมว่ งน้ัน เป็นเร่ืองของอัตตวิสัย เป็นเร่อื งเฉพาะตวั แตผ่ ลไม้แตล่ ะชนิดก็คงดำ� รง คุณภาพคุณลกั ษณะของมันอยู่อย่างนน้ั ความดีท่ีเป็นปรนัยนั้นจะด�ำเนินไปตรงจุด มงุ่ หมายดว้ ยเหตผุ ลบรสิ ทุ ธแิ์ ละใหส้ ำ� เรจ็ ประโยชน ์ เปน็ อานภุ าพไดจ้ รงิ ขอยกตวั อยา่ งสกั ตวั อยา่ งหนง่ึ คือ การท�ำความดีเอาหน้า หรือเพราะชอบท่ีจะ ท�ำอย่างนั้น จัดเป็นความดีแบบอัตตวิสัย เทียบ อตั ตาธปิ ไตยและโลกาธปิ ไตย สว่ นการทำ� ความดี เพ่ือความดี เพราะเห็นว่าถูกต้องสมควรด้วย
67 เหตุผลบริสุทธ์ิจบในตัวเอง จัดเป็นความดีแบบ ปรนัยหรือภววิสัยเทียบธรรมาธิปไตยในพุทธ- ศาสนา คนท่ีท�ำความดีแบบปรนัยนั้นเป็นคนมี คุณธรรมสูง แต่คนธรรมดาก็ควรหัดท�ำอย่างน้ัน บ้าง นานไปก็ท�ำไดไ้ ปเอง
ความด ี ความถกู บญุ เหมอื นกันหรอื ไม่? ความดีก็คือความดีดังกล่าวมาแล้ว ส่วน ความถูกหมายถึงถูกต้องตามกฎซึ่งมีอยู่ ๒ กฎ คือกฎท่ีคนตั้งขึ้น (Man-made Law) และกฎ ธรรมชาติ (Natural Law) กฎที่คนตั้งขึ้นนั้น ไม่แน่นอน อาจผิดหรือถูกก็ได้ สุดแล้วแต่คน ผู้ต้ังกฎว่า เขาเข้าถึงความจริงที่เป็นปรมัตถ ์ (Ultimate Truth) เพียงไร เรื่องท่ีจะต้องโยงไป
70 ถึงจริยธรรมหรือความดีที่ถูกต้องนั้นจะต้องม ี ปรมตั ถธรรมอยเู่ บอ้ื งหลงั อยเู่ สมอ คอื มคี วามจรงิ ท่ีอธิบายได้ด้วยเหตุผล ว่าท�ำไมเราจึงต้องท�ำ อยา่ งนนั้ ๆ เชน่ ทำ� ไมเราตอ้ งมเี มตตากรณุ าตอ่ ผอู้ น่ื ท�ำไมเราจึงไม่ควรประทุษร้ายผู้อ่ืน ท�ำไมเราจึง ตอ้ งใหส้ ทิ ธเิ สรภี าพแกส่ ตรเี ทา่ เทยี มกบั บรุ ษุ ฯลฯ บุญ ส่วนท่ีเป็นเหตุคือส่ิงที่ช�ำระล้างกาย- กรรม วจีกรรม และมโนกรรม ให้สะอาด ส่วนท ี่ เปน็ ผล หมายถงึ ความสขุ เชน่ การใหท้ านทถ่ี กู ตอ้ ง ต้องช่วยช�ำระล้างความตระหนี่ และมีผลเป็น ความสขุ ท้ังผ้ใู ห้และผรู้ ับ๔ ๔ ผใู้ หก้ ็ได้ คือไดใ้ ห้ ผรู้ บั กไ็ ด้ คือได้รับ
71 การรักษาศีลช่วยช�ำระล้างโทษทางกาย และวาจา เป็นพื้นฐานให้ท�ำความดีได้สะดวก ยิ่งๆ ขึ้นไป เพราะการท�ำดีโดยไม่ละโทษคือ ความช่ัวเสียก่อนน้ัน จะท�ำให้ความดีพลอย เศรา้ หมองไปดว้ ย เหมอื นเอานำ�้ ใสผสมกบั นำ้� ขนุ่ เอาอาหารท่ีสะอาดใส่ในภาชนะที่สกปรก และ คนไข้กินยาโดยไม่เว้นของแสลง ด้วยเหตุน้ี พิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา จึงนิยมให้รับศีล เสยี กอ่ นแลว้ จงึ ใหท้ าน และทา่ นกลา่ ววา่ ทานของ ผู้มีศีลย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก อนึ่งเม่ือ ให้แก่ผู้มีศีลธรรมก็จะมีอานิสงส์มากขึ้น การ ทำ� บญุ ทีถ่ ูกต้องจึงเปน็ ความดีอยา่ งยง่ิ
ตอาามนหุภลตาักพัวพอขอยทุ า่งธคงศวาาสมนดาี ขอไดโ้ ปรดพิจารณาพระพุทธภาษิตตอ่ ไปน้ี เม่ือบุคคลเอาน�้ำมันเทลงไปในน�้ำ เอา กอ้ นหนิ ทง้ิ ลงในนำ้� จะออ้ นวอนสกั เทา่ ใด เพอ่ื ให ้ นำ้� มนั จมและกอ้ นหนิ ลอยนำ�้ ขนึ้ ยอ่ มไมไ่ ด ้ นำ้� มนั คงลอยข้ึนเหนือน้�ำ ก้อนหินคงจมน�้ำอยู่อย่างน้ัน
74 เพราะน้�ำมันมีสภาพลอยข้ึนเหนือน�้ำ ก้อนหินมี สภาพจมนำ้� ฉนั ใด ความดเี ปน็ เหตใุ หเ้ ฟอ่ื งฟ ู ความ ชว่ั เปน็ เหตใุ หล้ ม่ จม ตกตำ�่ เมอื่ ทำ� แลว้ จะออ้ นวอน ใหม้ ผี ลตรงกนั ขา้ มไมไ่ ด ้ (๑๘/๓๘๔/๕๙๘) ส่ิงท่ีน่าใคร่น่าปรารถนา ๕ ประการคือ อาย ุ วรรณะ ยศ สขุ และสวรรค ์ ไมส่ ามารถมไี ด้ ดว้ ยการออ้ นวอน เพราะถา้ มไี ดด้ ว้ ยวธิ กี ารอยา่ งนน้ั แล้ว ใครเล่าจะขาดแคลนยากจน สาวกของพระ อริยะไม่พึงเพลิดเพลินพอใจในการอ้อนวอน แต ่ เมอ่ื ตอ้ งการสง่ิ ใดกพ็ งึ ปฏบิ ตั ขิ อ้ ปฏบิ ตั อิ นั เปน็ เหตุ ให้บรรลสุ ิง่ นน้ั (๒๒/๕๑/๔๓)
75 ขุมทรัพย์คือ บุญ (ความดี) น้ีให้ส่ิงท่ีน่า ปรารถนาทั้งปวงแก่เทวดาและมนุษย์ เทวดา และมนุษย์ต้องการสิ่งใดๆ สิ่งน้ันย่อมส�ำเร็จได ้ ดว้ ยบญุ ความเปน็ ผมู้ ผี วิ พรรณสวย เสยี งไพเราะ ทรวดทรงดี รูปงาม ความเป็นใหญ่และมีบริวาร มากก็ล้วนส�ำเร็จด้วยบุญ บุญมีอานุภาพให้ได ้ สง่ิ ตอ่ ไปนคี้ อื ความเปน็ ใหญใ่ นประเทศ เสรภี าพ ความสุขอย่างพระเจ้าจักรพรรดิอันเป็นท่ีรักของ คนทั้งหลาย ความเป็นราชาในเทวโลก มนุษย์- สมบตั ิ สวรรคส์ มบตั ิ นพิ พานสมบตั ิ การพรงั่ พรอ้ ม ด้วยมิตรที่ดี ความช�ำนาญในวิชชาและวิมุตติ ความแตกฉาน (ปฏิสัมภิทา ๔) ความหลุดพ้น สาวกบารมี ปัจเจกภูมิ และพุทธภูมิ ความพรั่ง พร้อมด้วยบุญ (คุณงามความดี) มอี านภุ าพมาก
76 อย่างนี้ นักปราชญ์ผู้เป็นบัณฑิตจึงสรรเสริญ ความเปน็ ผมู้ บี ญุ ซง่ึ ไดเ้ คยทำ� ไวแ้ ลว้ ว่าเป็นมงคล อันสงู สุดอย่างหนึง่ (๒๕/๑๑)
การท�ำความดี ควรจะอธษิ ฐานหรอื ไม่? เรื่องน้ีมีคนถามกันมาก โดยธรรมดาจะ มีความเห็นเป็น ๒ พวก พวกหน่ึงเห็นว่าควร อธิษฐาน ค�ำว่า อธิษฐาน หมายความว่าขอให ้ เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ อีกพวกหนึ่งเห็นว่าไม่ควร อธิษฐานเพราะจะเป็นการเห็นแก่ตัว หรือท�ำ ความดดี ้วยความโลภ ตอ้ งการผลตอบแทน
78 ปัญหาส�ำคัญก็คือ ถ้าอธิษฐาน จะได้อย่าง ที่อธิษฐานหรือไม่ ข้อนี้น่าพิจารณาอย่างย่ิง ใน ความเชื่อและประสบการณ์ของข้าพเจ้าเชื่อว่าได ้ เมอื่ มเี หตปุ จั จยั เพยี งพอ ถา้ เหตปุ จั จยั ไมเ่ พยี งพอ ก็ยังไม่ได้ เปรียบเหมือนคนที่ต้องการของราคา ๒ หมื่นบาท ถ้าเขามีเงินพอและต้องการของน้ัน เขาย่อมซอ้ื ได้ เรยี กวา่ ไดต้ ามต้องการ
79 อน่ึงการให้ผลของความดีก็มี ๒ อย่าง คือ ให้ผลตามธรรมชาติของความดีประเภทนั้นๆ เช่น ให้ทานอ�ำนวยผลให้มั่งค่ัง รักษาศีล อ�ำนวย ผลให้อยู่อย่างปลอดภัย เจริญภาวนาอำ� นวยผล ให้อยู่อย่างสงบสุข เปรียบเหมือนพันธุ์ไม้ย่อม ออกผลตามชนิดของตน ต้นไม้ย่อมไม่ออกผล เป็นเสื้อผ้า หรือบ้าน และรถยนต์ แต่ชาวสวน อาศยั ผลไมน้ นั้ ไดเ้ งนิ มาแลว้ ซอ้ื บา้ นกไ็ ด ้ รถยนต ์ และเสื้อผ้าก็ได้ข้อนี้ฉันใด ความดีก็ฉันน้ัน ย่อม ให้ผลตามชนิดน้ันๆ ก็จริง แต่ผู้ท�ำความดีย่อม อาศยั ผลรวมของความดนี นั้ ๆ ไปสคู่ วามดอี น่ื ๆ หรอื ส่ิงอ่ืนที่ตนต้องการ เพราะฉะนั้น การอธิษฐาน จงึ เปน็ เรอื่ งทอี่ ำ� นวยผลได ้ แตต่ อ้ งมรี ากฐานอย่ ู ทก่ี ารทำ� ความดี
80 สว่ นการออ้ นวอนซง่ึ ไมอ่ ยบู่ นพน้ื ฐานแหง่ ความดี ย่อมไม่อาจบันดาลผลให้เกิดข้ึนได้ ดัง พระพุทธภาษติ ทีอ่ า้ งแล้วขา้ งตน้ ความดีท่ีสะสมไว้ในชาติก่อนเรียกว่า ปพุ เพกตปญุ ญตา ความดที ที่ ำ� ใหมด่ ว้ ยการตงั้ ตน ไว้ชอบ ไว้ถูกทางเรียกว่า อัตตสัมมาปณิธิ ท้ัง ๒ อยา่ งรวมกนั เปน็ อานภุ าพ อภนิ หิ าร สริ สิ มบตั ิ และบญุ วาสนา “อานุภาพ บุญฤทธ์ิท่ีส่งเสริมผู้บ�ำเพ็ญบุญ บารมีใหเ้ ปน็ ทน่ี ิยมนับถือของมวลชน
81 อภินิหาร อ�ำนาจของบุญบารมี ย่อมเชิดชู ผู้บ�ำเพ็ญขึ้นเป็นอัจฉริยบุคคล บันดาลให้มีผู้ ยกยอ่ งวา่ เป็นคนมนี ำ�้ หนกั นา่ เคารพยำ� เกรง สริ สิ มบตั ิ มมี ง่ิ ขวญั สงา่ ราศดี เี ดน่ เปน็ พเิ ศษ วาสนา หมายถึง บุญวาสนา คือการท่ีจิต อยู่แรมนานกับคุณงามความดี แม้จะเกิดในถ่ิน ท่ไี ม่เจรญิ บญุ วาสนากจ็ ะช่วยสง่ ใหไ้ ปอยใู่ นถ่ินท ่ี เจริญ คอยอุปถัมภค์ ้ำ� ชใู ห้สูงเดน่ ขน้ึ ไป”๕ ๕ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (พิมพ์ ธมฺมธโร) วดั พระศรีมหาธาต ุ กรงุ เทพฯ. มงคลยอดชวี ติ เลม่ ๒ หนา้ ๓๒, ธนาคารกรงุ เทพ จำ� กดั พ.ศ. ๒๕๑๘
82 สรปุ ความวา่ อานุภาพของความดหี รอื บุญ นน้ั มมี ากสดุ จะพรรณนาได ้ เมอื่ จะกลา่ วโดยสรปุ ก็มี ๔ ระดับคอื ชั้น กามาวจรกุศล อ�ำนวยผลให้มีความสุข ความเจริญในสุคตภิ ูมิ เช่นมนษุ ยแ์ ละเทวดา ชน้ั รปู าวจรกศุ ล และ อรปู าวจรกศุ ล อำ� นวย ผลใหม้ คี วามสขุ สงบอยา่ งพรหมผไู้ ดร้ ปู ฌานและ อรปู ฌาน ชน้ั โลกตุ รกศุ ล อำ� นวยผลใหส้ นิ้ อาสวะกเิ ลส อันเป็นบรมสขุ
83 ใน ๓ ชั้นหลังนี้ ถ้าได้อภิญญาด้วย ก็จะมี อานภุ าพและอภินหิ ารพิเศษเหนือมนุษยม์ ากนัก
ประวตั ิของ อาจารยว์ ศนิ อินทสระ ชาติภูมิ เกิดที่หมู่บ้านท่าศาลา อ�ำเภอรัตตภูมิ จังหวัด สงขลา เม่ือวันท่ี ๑๗ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ เมื่อ จ�ำความได้ พ่อแม่ได้ย้ายไปอยู่ที่หมู่บ้านตากแดด ตำ� บลปากรอ อ�ำเภอเมอื ง จงั หวัดสงขลา การบรรพชาอุปสมบท บวชเปน็ สามเณรเมอ่ื อาย ุ ๑๓ ป ี ทว่ี ดั บปุ ผาราม เขตธนบุรี กรุงเทพฯ เมื่อพ.ศ. ๒๔๙๐ และอุปสมบท เป็นภิกษุเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๗ ลาสิกขา (สึก) เมื่อ ๒๔ มกราคม ๒๕๐๗
การศกึ ษา • มธั ยม ๘ (สมคั รสอบ) • นกั ธรรมเอก • เปรยี ญ ๗ (ป.ธ.๗) • ศาสนศาสตรบ์ ณั ฑติ (มหามกฎุ ราชวทิ ยาลยั ) • M.A. (Master Degree of Art - ทางปรัชญา มหาวิทยาลยั บานารัส อินเดยี ) • ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาพุทธ- ศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวทิ ยาลัย หน้าที่การงาน สอนวิชาศลี ธรรม • ทโี่ รงเรียนราชินี • ทโี่ รงเรยี นพณชิ ยการสลี ม (อาจารยผ์ ปู้ กครอง) • ทโ่ี รงเรยี นเตรยี มทหาร และเปน็ หวั หนา้ แผนก สารบรรณ มียศเปน็ ร้อยโท
สอนวิชาพุทธปรัชญาเถรวาท-มหายาน ที่มหา- วิทยาลัยรามค�ำแหง (ประมาณ ๑๒ ปี ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๒๑ ถึง พ.ศ. ๒๕๓๓) สอนวชิ าพทุ ธศาสนาในประเทศไทยและวชิ าจรยิ ศาสตร์ท่ีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ประมาณ ๑๐ ปี ต้ังแต ่ พ.ศ. ๒๕๓๓ ถงึ พ.ศ. ๒๕๔๓ สอนทมี่ หาวทิ ยาลยั มหามกฎุ ราชวทิ ยาลยั เกย่ี ว กับศาสนาและปรัชญา ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๐๖ ถึง พ.ศ. ๒๕๕๒ (เปน็ ระยะเวลา ๔๖ ปเี ตม็ ) สอนพิเศษประชาชนท่ัวไปเกี่ยวกับความรู้ทาง พระพทุ ธศาสนาในวนั อาทติ ยท์ มี่ หาวทิ ยาลยั มหามกฎุ ฯ ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๒๕ มาจนถึง พ.ศ. ๒๕๕๓ (เป็น ระยะเวลา ๒๘ ปีเต็ม) บรรยายพเิ ศษในทีต่ ่างๆ ตามท่ีได้รบั เชญิ บรรยายธรรมทางวิทยุตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๓๙ จน ถึงปัจจุบัน โดยออกเป็นรายการสดบ้าง ใช้เทปบ้าง ปัจจบุ นั ใช้เทป
การประพนั ธ์ เขียนหนังสือประเภทต่างๆ เช่น นิยายอิงหลัก ธรรม อธิบายหลักธรรม ฯลฯ ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๐๖ มาจนถึงปัจจุบัน มีประมาณ ๑๕๐ ช่ือเรื่อง บางชื่อ เร่ืองกม็ หี ลายเล่มเชน่ ทางแหง่ ความดี เป็นตน้ ท�ำนิตยสาร เปน็ บรรณาธกิ ารนติ ยสารธรรมจกั ษ ุ ของมลู นธิ ิ มหามกุฎราชวิทยาลัย ต้ังแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๙ ถึง ๒๕๓๙ เป็นบรรณาธิการนิตยสารศุภมิตรของมูลนิธ ิ ส่งเสริมกิจการศาสนาและมนุษยธรรม (กศม.) ของ วัดมกุฎกษัตริยาราม ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๔ ถึง พ.ศ. ๒๕๕๑
รางวัลพิเศษ ป ี พ.ศ. ๒๕๑๗ ไดร้ บั โลร่ างวลั ชมเชยจากคณะกรรมการจดั งานสปั ดาห์ หนังสือแห่งชาติ ประเภทสารคดี จากหนังสือเรื่อง “จรยิ าบถ” และ ป ี พ.ศ. ๒๕๑๘ จากหนงั สอื เรอื่ ง “จรยิ - ศาสตร”์ ปี พ.ศ. ๒๕๒๕ ได้รับพระราชทาน เสมาธรรมจักร เป็นรางวัลในฐานะ ผบู้ ำ� เพญ็ คณุ ประโยชนแ์ กพ่ ระพทุ ธศาสนาประเภทวรรณ- กรรม เน่ืองในโอกาสสมโภชกรุงรตั นโกสนิ ทร์ ๒๐๐ ปี ป ี พ.ศ. ๒๕๓๓ ไดร้ บั เกยี รตบิ ตั รจากกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ในฐานะรางวลั ชมเชย ประเภทสรา้ งสรรคด์ า้ นศาสนา จากบทความเรอื่ ง “หลกั กรรมกบั การพึ่งตนเอง” ๒๒ เมษายน ๒๕๕๒ ไดร้ บั โลพ่ ทุ ธคณุ ปู การ กาญจนเกยี รตคิ ณุ และเกยี รตบิ ตั ร
ในฐานะผบู้ ำ� เพญ็ คณุ ประโยชนแ์ กพ่ ระพทุ ธศาสนาจาก คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติกระทรวงวฒั นธรรม ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๓ ไดร้ บั รางวลั ปชู นยี บคุ คลดา้ นภาษาไทย เนอื่ งในวนั ภาษา ไทยแห่งชาติ ประจ�ำปี พ.ศ. ๒๕๕๓ จากกระทรวง วัฒนธรรม เรือ่ งพระอานนทพ์ ทุ ธอนชุ า เรื่อง พระอานนท์พุทธอนุชา นอกจากจะได ้ รับความนิยมอย่างแพร่หลายในสังคมไทยแล้ว สารา- นกุ รมวรรณกรรมโลกในศตวรรษท ี่ ๒๐ (Encyclopedia of World Literature in 20th Century) ได้น�ำเร่ือง พระอานนท์พุทธอนุชาไปสดุดีไว้ในหนังสือดังกล่าวน้ัน เป็นท�ำนองว่าได้ช้ีทางออกให้แก่สังคมไทยที่สับสน วนุ่ วายอยู่ดว้ ยปัญหานานปั การ
รายนามผู้ร่วมศรัทธาพมิ พห์ นังสอื ความดแี ละอานภุ าพแห่งความดี ลำ� ดบั ชือ่ -สกุล จ�ำนวนเงนิ ล�ำดับ ชื่อ-สกลุ จำ� นวนเงนิ ๑ บจก.ยูเนียนลงิ ก์ ๗๓,๒๐๐ ๑๗ คุณเอกชัย ดีรุง่ โรจน์ ๓,๔๐๐ ๒ คณุ วิสจู น์ มาธารเลี่ยม ๒๕,๐๐๐ ๑๘ คณุ พระไตรปฎิ ก ๓,๐๐๐ ๓ คุณมณั ฑนา งามขำ� ๑๐,๐๕๐ ๑๙ คณุ สริ ิ ทรวงโพธิ์ ๓,๐๐๐ ๔ คุณเอกชัย ดรี ุ่งโรจน์ ๑๐,๐๐๐ ๒๐ พ.ญ.เต็มศริ ิ หญิ ชีระนันท์ ๒,๒๒๐ ๕ คณุ รงุ่ ฤดี ภขู่ าว ๑๐,๐๐๐ ๒๑ คุณโซเฟยี ๒,๒๒๐ ๖ คณุ นุศรา ยม้ิ นาค ๑๐,๐๐๐ ๒๒ คุณบศุ รา อั่งสกลุ ๒,๐๐๐ ๗ คณุ กนกวรรณ เมืองงามสมบรู ณ์ ๗,๓๒๕ ๒๓ คณุ ธวัช สนไชย ๒,๐๐๐ ๘ คณุ รัชนวี รรณ แพทย์ดี ๒๔ คณุ รินทร์รดาต ์ โพธยานกุ ุล ๒,๐๐๐ ๙ อุทิศให้คุณปราโมทย ์ ๕,๐๐๐ ๒๕ คุณปิยนันท ์ นภดลรุ่งเรือง ๑,๙๐๐ ๒๖ คุณโซเฟยี เค ๑,๔๐๐ หัตถการุณย์ ๕,๐๐๐ ๒๗ คณุ พงศส์ ุรยี ์ ยงั คง ๑,๑๑๐ ๑๐ คุณปทั มาภรณ ์ อ้งึ สกลุ วงศ์ ๔,๔๐๐ ๒๘ คุณคะนึงนิตย ์ ธรรมวฒั นะ ๑,๑๐๐ ๑๑ คณุ บุศราภรณ ์ ประสงคธ์ รรม ๔,๐๐๐ ๒๙ คุณสภุ าพ ทิพยทศั น์ ๑,๐๐๐ ๑๒ คณุ เอกชยั ดรี ุ่งโรจน์ ๔,๐๐๐ ๓๐ คณุ เสมิ ธัญญาประสาท ๑,๐๐๐ ๑๓ คุณอไุ รรัตน ์ แสงสวา่ ง ๔,๐๐๐ ๓๑ คณุ จนั ทร์เพญ็ อยุ านนทรกั ษ์ ๑,๐๐๐ ๑๔ เบญญาภา สงวนสนิ ๓,๕๘๐ ๓๒ คณุ อุทัย อติชาตการ ๑,๐๐๐ ๑๕ คุณร่งุ นภา ยิ่งชาญกลุ ๓,๘๐๐ ๓๓ คณุ ณฐั สนิ ี วิเศษโสภากลุ ๑,๐๐๐ ๑๖ คุณวรรณวิลาศ จางคกลู ๓,๖๐๐
ล�ำดับ ชอื่ -สกลุ จำ� นวนเงนิ ลำ� ดับ ชื่อ-สกลุ จ�ำนวนเงนิ ๓๔ คณุ ดวงฤด ี เสถียรจารรุ ตั น์ ๑,๐๐๐ ๕๓ คุณสมถวิล ครวทิ ดิ ๕๐๐ ๓๕ คณุ วิทยา หวังกติ ตกิ าล ๑,๐๐๐ ๕๔ คณุ วารุณี รัตนกติ ตกิ ุล ๕๐๐ ๓๖ คณุ ชลอลักษณ ์ ย�ำจิตตห์ ม่นั ๑,๐๐๐ ๕๕ คณุ ญาณภคั อาวรณ์ ๕๐๐ ๓๗ คุณน้ำ� ทิพย์ พยาบาล ๑,๐๐๐ ๕๖ พ.ต.อ.สิงขร วมิ ลธ�ำรง ๕๐๐ รพ.พระนครศรอี ยุธยา ๕๗ คณุ ววิ ัฒนา ธรรมาวริ ฬุ ห์ ๕๐๐ ๓๘ หจก.พมิ พ์นรา ทราเวลเซอร์วสิ ๑,๐๐๐ ๕๘ คุณญาณภคั อาวรณ์ ๕๐๐ ๓๙ คณุ วลรี ตั น ์ นาทอรรถกร ๘๒๐ ๕๙ คณุ อิฏฐา เสขะนันท์ ๕๐๐ ๔๐ คุณกิตต-ิ คณุ พงศส์ รุ ยี ์ ยังคง, คุณเกษมศร-ี คุณสุวทิ ย ์ แทนศิริ ๘๐๐ ๖๐ คุณคมสนั -คณุ อษุ ณยี -์ ๕๐๐ ด.ช.มาวิน พงษป์ ระยรู ๔๑ คุณยุพา-คุณภาณุพงศ์ พงศะบุตร และครอบครัว ๗๗๐ ๖๑ คณุ ธารี เพช็ ราภรณ์ ๔๔๐ ๔๒ คณุ วิเนต เลศิ วีระศิริกุล ๗๕๐ ๖๒ คุณพอ สวุ พรหม ๔๓๐ ๔๓ คุณนพรตั น์ ปณุ ยางกรู ๖๐๐ ๖๓ คุณชารี แสงสวา่ ง ๔๐๐ ๔๔ คณุ ปรีชา นลิ ก�ำแหง ๖๐๐ ๖๔ พ.ต.อ.บญุ เสริม-คณุ ยพุ ด ี ศรีชมภู ๓๖๐ ๔๕ คณุ สนุ ิตย ์ พาลี ๖๐๐ ๖๕ คุณพรทพิ ย์-คณุ โอภาส ๓๐๐ โกมลวัฒนาพาณชิ ย์ ๔๖ คุณอุทยั วรรณ ขนุ เจรญิ ๕๕๐ ๖๖ คุณธนภทั ร ประกรแกว้ ๓๐๐ ๔๗ คณุ คมสนั -คุณอษุ ณยี -์ ด.ช.มาวิน พงศป์ ระยูร ๕๐๐ ๖๗ คณุ มณรี ัตน ์ ม่ิงขวญั ปิยะกุล ๓๐๐ ๔๘ คุณสพุ จน-์ คณุ ไพลิน ศรอี รโุ ณทัย ๕๐๐ ๖๘ คณุ อกุ ฤษณ์-คุณเขษมศักด ์ิ ๓๐๐ อายตวงศ์ ๔๙ คุณมทริ า หาญทรงคามิน ๕๐๐ ๖๙ คุณสมชาย วิราศ ๓๐๐ ๕๐ คุณสมใจ อธิการยานนั ท์ ๕๐๐ ๗๐ คณุ วริศนันท์ ม่วงแดงพงศ์ ๒๘๐ ๕๑ คุณอรทติ ย ์ สว่างเนตร ๕๐๐ ๗๑ คณุ วฑิ ูรย์ โยธาวงศ์ ๒๖๐ ๕๒ พ.ต.ทญ.นฤมล บณุ ยรกั ษ์ ๕๐๐ ๗๒ คณุ กติ ติ ยงั คม ๒๕๐
ลำ� ดับ ชื่อ-สกุล จำ� นวนเงิน ล�ำดบั ช่ือ-สกลุ จ�ำนวนเงนิ ๗๓ คุณสุรศกั ดิ ์ โลหส์ วัรดิกลุ ๒๕๐ ๗๔ คณุ สพุ ัตรา จงึ ประดษิ ฐภ์ ัณฑ์ ๒๕๐ ๙๔ คณุ สทุ ิศา วิทยานุกรกิจ ๑๖๐ ๗๕ คณุ พินทิพย ์ ประมลู วงศ์ ๒๓๐ ๗๖ คุณชนฎั ฐขวัญ โชตวิ ีรวงศ์ ๒๒๐ ๙๕ คณุ จิรภา ใจกลา้ ๑๕๐ ๗๗ คณุ อุไร เสมาเงิน ๒๐๐ ๗๘ คุณนนทกร สจั จะพลางกรู ๒๐๐ ๙๖ คุณธารารตั น์ กาญจนวสิ ษิ ฐผล ๑๕๐ ๗๙ คุณวาสิน ี สกั กะพลางกรู ๒๐๐ ๘๐ ด.ญ.ปวีณก์ ร สักกะพลางกูร ๒๐๐ ๙๗ คณุ ภคมน เลาหธนาสาร ๑๔๐ ๘๑ คณุ ดวงกมล นาคศรสี ขุ ๒๐๐ ๘๒ คณุ กัญจนณ์ ัฎฐ ์ เทอญชูชีพ ๒๐๐ ๙๘ คุณสภุ าณี บรู พ์ภาค ๑๔๐ ๘๓ คณุ สุฑารตั น ์ ต้งั ถาวร ๒๐๐ ๘๔ คณุ กนษิ ฐา คงสถาพรชยั ๒๐๐ ๙๙ ผูไ้ มป่ ระสงค์ออกนาม ๑๔๐ ๘๕ คุณประภาลักษณ์ เจียระไนภรณ์ ๒๐๐ ๘๖ คณุ เพ็ญศรี ฤทธิสาร ๒๐๐ ๑๐๐ คณุ ชรินทร ์ สุวชั รังกรู ๑๒๐ ๘๗ คุณวรษิ ฐพร กลึงวจิ ิตร ๒๐๐ ๘๘ คุณสุนยี ์ เหลืองธาตทุ อง ๒๐๐ ๑๐๑ คณุ วิไล เธียรประดับ ๑๒๐ ๘๙ คณุ วิชล อยู่เจริญ ๒๐๐ ๙๐ คณุ อำ� ไพ ทองเงนิ ๒๐๐ ๑๐๒ คณุ ปัญญา ติวงษา ๑๒๐ ๙๑ คณุ บญุ ชู ทิพรังทวี ๑๗๐ ๙๒ คณุ วชั ร สมานคงศักดิ์ ๑๗๐ ๑๐๓ พ.ต.อ.บุญเสรมิ -คณุ ยพุ ด ี ศรีชมภู ๑๒๐ ๙๓ คณุ สมุ าลี อังสธุ รรม ๑๖๐ ๑๐๔ คณุ ดนยั รตั นรอด ๑๒๐ ๑๐๕ คุณชัชวาล สีไสวพร ๑๒๐ ๑๐๖ คณุ ญาณธชิ า สวยลึก ๑๑๐ ๑๐๗ คุณสพุ ตั รา กลิ่นระคนธ์ ๑๑๐ ๑๐๘ คณุ ณฤด ี นวลรอด ๑๐๐ ๑๐๙ คณุ ดรณุ ี ดำ� ดี ๑๐๐ ๑๑๐ คณุ นภิ าพรรณ ทองจอน ๑๐๐ ๑๑๑ คณุ อัจฉรา แซ่ตัง้ ๑๐๐ ๑๑๒ คุณฉวีวรรณ เรืองอุทยั ๑๐๐ ๑๑๓ คณุ วีรวฒั น ์ แซ่ล้ี ๑๐๐ ๑๑๔ คณุ ชินวฒั น ์ แซล่ ้ี ๑๐๐
ล�ำดับ ชอ่ื -สกุล จำ� นวนเงนิ ลำ� ดับ ชอ่ื -สกลุ จำ� นวนเงนิ ๑๓๔ คณุ นฤมล สิทธริ าษฎร์ ๑๐๐ ๑๑๕ คณุ ลลิ ลี่ ภัทรโชคชว่ ย ๑๐๐ ๑๓๕ คุณเอกสิทธิ์ อยูส่ ุข ๑๐๐ ๑๓๖ คุณทวพิ ร โสพรรณพนชิ กุล ๑๐๐ ๑๑๖ คณุ เชาวริน ภัทรโชคชว่ ย ๑๐๐ ๑๓๗ คณุ มณฑริ า เกษมกรกจิ ๑๐๐ ๑๓๘ คณุ วนชั ชญา ถงุ สถิตย์ ๑๐๐ ๑๑๗ คณุ พยอม มณีพฤกษ์ ๑๐๐ ๑๓๙ คณุ ศรีวิไล เกสรสจุ ริต ๙๐ ๑๔๐ คณุ อาภรณ์ อนรุ กั ษ์ธนกร ๘๐ ๑๑๘ น.ต.ชชั ชยั ทองช่ืน ๑๐๐ ๑๔๑ คณุ อุษา สง่างาม ๘๐ ๑๔๒ คณุ พิวตั ร แพร่ภัทร ๘๐ ๑๑๙ คณุ วรลกั ษณ ์ พิเศษ ๓ ๑๐๐ ๑๔๓ คุณจินตนา ยิกทมิ ๖๐ รพ.สมุทรปราการ ๑๔๔ คุณกรกฎ ยงใจยธุ ๖๐ ๑๔๕ คณุ สุภาพร จรติ งาม ๕๐ ๑๒๐ คณุ ศรวี รรณ สุขแสนไกรศร ๑๐๐ ๑๔๖ คณุ วนั สริ ิ สรุ ยิ านนท์ ๕๐ ๑๔๗ คุณญาณศิ า บญุ รตั น์ ๕๐ ๑๒๑ คณุ ทองค�ำ จารุมโนกลุ ๑๐๐ ๑๔๘ คณุ อษุ า สง่างาม ๕๐ ๑๔๙ คุณจติ รลดา สุริยาวงษ์ ๕๐ ๑๒๒ คณุ มนญู สรุ ิยา ๑๐๐ ๑๕๐ คณุ สวุ มิ ล แสงเผอื ก ๕๐ ๑๕๑ คุณเบญจรตั น์ กอร์ปอรยิ จิต ๕๐ ๑๒๓ คุณเสาวลักษณ ์ จำ� ปีแขก ๑๐๐ ๑๕๒ คุณขวัญใจ งามรนั ธ์ ๕๐ ๑๕๓ คณุ พนมวัลย์ ๕๐ ๑๒๔ คณุ ศิรพิ ร-คณุ สุนีย์ เจยี ระไนภรณ์ ๑๐๐ ๑๕๔ คุณชุตมิ ณฑน ์ หมอนทอง ๕๐ ๑๒๕ คุณพิชยั ยุทธ บรู ณอดุ มทรพั ย์ ๑๐๐ และครอบครวั ๑๒๖ คุณกมล-คุณณฐั นภันต ์ ๑๐๐ พราหมณโชค ๑๒๗ คณุ มะลิวัลย์-คณุ ธนวรรณ ๑๐๐ วรรณชยั ๑๒๘ คุณภัทรดิ า โปสนิ ธ์ุ ๑๐๐ ๑๒๙ คุณนติ ยา ทองพลู และครอบครวั ๑๐๐ ๑๓๐ คุณจนั ที ทองกลา้ และครอบครัว ๑๐๐ ๑๓๑ คณุ สาวิตรี แจม่ สวา่ ง ๑๐๐ ๑๓๒ คุณอิสรยี ์ วิทยาอนมุ าส ๑๐๐ ๑๓๓ คณุ สิทธชิ ยั ปัญควิ จณาณ์ ๑๐๐
ล�ำดับ ชอื่ -สกุล จ�ำนวนเงนิ ลำ� ดับ ช่ือ-สกุล จ�ำนวนเงนิ ๑๕๕ คุณกรรณกิ าร์ ชมขวญั ๕๐ ๑๗๓ คณุ วรวรรณ กวา้ งซ้อน ๒๐ และครอบครัว ๑๕๖ คุณเมธาพร พวงเขยี ว ๕๐ ๑๗๔ คุณอนยุ ตุ หนูนิล ๒๐ และครอบครวั ๕๐ ๑๗๕ คณุ สุวพชิ ญ์ นนั ทศิรริ ัตน์ ๒๐ ๑๕๗ คุณอารีรตั น ์ ลูกแกว้ ๕๐ ๕๐ ๑๗๖ คณุ วทิ ยา หวงั กติ ตกิ าล ๒๐ และครอบครวั ๕๐ ๑๕๘ คุณเสน่ห ์ ใบตระกูล ๕๐ ๑๗๗ คุณปกรณ์ วฒั นเพญ็ ไพบลู ย์ ๒๐ ๑๕๙ คณุ รุ้งทอง ชีพรบั สุข ๑๖๐ ด.ญ.ศิรภสั สร ชพี รบั สุข ๕๐ ๑๗๘ คุณสิทธชิ ยั ปญั คิวจณาณ์ ๒๐ ๑๖๑ ด.ช.พรี พฒุ ิ ชพี รับสขุ ๕๐ ๑๖๒ คณุ สมเกยี รต-ิ คุณธรณ์ ๕๐ ๑๗๙ คณุ รตั นา นนทรยี ์ ๒๐ ๔๐ และครอบครัว ๔๐ ๑๘๐ คุณธชั ชยั ตตยิ พงษ์พันธ์ ๒๐ ๑๖๓ คณุ อญั ธร รุง่ แสง ๔๐ ๑๖๔ คณุ กัญญา จนั ทรก์ �ำเนดิ ๔๐ ๑๘๑ คุณวนั วภิ า กลิน่ อินทร ๑๐ ๑๖๕ คุณมณฑา สวุ ิทยต์ ระกลู ๔๐ ๑๖๖ คณุ ชชั วาล สีไสวพร ๓๐ ๑๘๒ คณุ สรุ ณยี ์ วิทยาพศิ าล ๑๐ ๑๖๗ คุณโอภาส เฮงภู่เจริญ ๓๐ ๑๖๘ คณุ อ�ำนวย แจ้งอักษร ๓๐ ๑๘๓ ด.ช.เอกสหสั ธนพิพัฒน์สัจจา ๑๐ ๑๖๙ คณุ ประเสริฐ ดำ� รงคฤ์ ทธิ์ ๑๗๐ คณุ พรเพ็ญ ผลไชย ๑๘๔ คุณอาภรณ ์ จนี ยงค์ ๑๐ ๑๗๑ คุณพเยาว์ เอ่ียมสำ� อางค์ ๑๗๒ คุณศวติ า อสุ าหะวงศ์ รวมศรทั ธาทง้ั ส้นิ ๒๔๕,๘๒๕ บาท ชมรมกลั ยาณธรรมขอกราบอนุโมทนา ในกุศลจิตของทกุ ทา่ นมา ณ ทนี่ ี้ ขอให้ทกุ ทา่ นเจริญในธรรม ย่ิงๆ ขึ้นไปเทอญ
บนั ทกึ
บนั ทกึ
Search