ปี ๒๕๒๐ ๑๒ ก.ค. ๒๕๒๐ มนุษย์ต้องต่อสู้อย่างขนาดหนัก ระหว่างแรงกระตุ้นภายใน คือความต้องการของตนกับสิ่งแวดล้อมภายนอกอันห้อมล้อมตน อยู่ เช่น ขนบประเพณี กฎหมาย การอบรมศึกษา เกียรติ และ ความส�ำนึกในจรยิ ธรรม ประการแรก กระตุ้นให้ท�ำ แต่อย่างหลังคอยเหน่ียวร้ัง เอาไว้ ด้วยการอบรมทางจริยธรรมและส่ังสมกรรมดี มนุษย์ก ็ สามารถเอาชนะสิ่งแวดล้อมได้ด้วยก�ำลังใจอันแข็งแกร่งของตน น่ีเองคอื สงิ่ ท่ที ำ� ใหม้ นษุ ย์ประเสริฐกวา่ สัตวด์ ริ ัจฉาน ๑๓ ก.ค. ๒๕๒๐ มนษุ ยโ์ ดยทวั่ ไป ตดั สนิ โลกตามทปี่ รากฏแกต่ น หาไดต้ ดั สนิ ตามสภาพที่แท้จริงไม่ บางคนเห็นโลกเต็มไปด้วยสุขก็เพราะสุข ปรากฏแก่ตน บางคนเห็นโลกเต็มไปด้วยทุกข์ก็เพราะทุกข์ปรากฏ แกต่ น สว่ นสภาพแท้จรงิ ของโลกเปน็ อย่างไรหาทราบไม่ สภาพของโลกแท้จรงิ น้นั เป็นกลางๆ บคุ คลตอ้ งเสวยอารมณ ์ สุขบ้าง ทุกข์บ้าง ก็เพราะความหลงของตนที่มีต่อโลก เหมือนน�้ำ โดยสภาพของมันเองไม่ขมและไม่หวาน แต่น้�ำอาจขมหรือหวาน เพราะการผสมของส่งิ อื่น ๑๔ ก.ค. ๒๕๒๐ บางคนได้เรียนหนังสือมาพอสมควรก็จริง แต่ไม่ได้รับการ ฝกึ ฝนอบรมมาเลย จึงมักง่ายในการท�ำ การพดู และการแสดงออก ตา่ งๆ การแสดงออกของคนจงึ เปน็ การบอกใหร้ ถู้ งึ การอบรมฝกึ ฝน 100 อ น ุ ท ิ น ท ร ร ศ น ะ ชี วิ ต
ของเขา ไมใ่ ชบ่ อกการศกึ ษาเล่าเรียน อน่ึง มนุษย์เราถ้าไม่ฝึกฝนตนเองแล้ว ถึงใครจะฝึกก็ดีได ้ ยาก เหมือนคนขับรถฝีมือดีแต่รถเครอื่ งเสีย แลว้ จะไปไดอ้ ย่างไร ๑๕ ก.ค. ๒๕๒๐ ผู้ใดดูหม่ินตนเอง ผู้นั้นแม้จะยกย่องผู้อื่นก็มิได้ยกย่องด้วย ความจริงใจ ๑๖ ก.ค. ๒๕๒๐ มนุษย์ย่ิงมีอ�ำนาจสูงขึ้น คุณธรรมในใจย่ิงลดลง เพราะ อ�ำนาจกับคุณธรรม มักเดินสวนทางกันอยู่เสมอ ยกเว้นท่านผู้ม ี อธั ยาศยั งาม มีใจสงู และมน่ั คงจริงๆ ๑๗ ก.ค. ๒๕๒๐ น ห ิ สลี วต ํ เหตุ อปุ ฺปชฺชนตฺ ิ ตถาคตา อฏฺกขฺ รา ตณี ิ ปทา สมพฺ ุทฺเธน ปกาสิตา พระตถาคตทั้งหลาย หาได้ทรงอุบัติขึ้นเพียงเพ่ือเรื่องศีล เท่าน้นั ไม ่ แตท่ รงประกาศธรรม ๓ บท ๘ อักษร (ค�ำนจี้ ำ� ไมไ่ ดว้ ่าใครเปน็ คนพูด) ๓ บทน้ันคือ อนิจจัง - ไม่เท่ียง, ทุกขัง - เป็นทุกข์ และ อนัตตา - ไม่ใช่ตัวตน ลองนับดู ๘ อักษรพอดี รวมเรียกว่า ไตรลักษณ์ อ. ว ศ ิ น อิ น ท ส ร ะ 101
ปี ๒๕๒๐ ๑๘ ก.ค. ๒๕๒๐ ผู้แจ่มแจ้งในไตรลักษณ์ หรือ สามัญญลักษณะ ย่อมไม่ หว่ันไหวต่อความเปล่ยี นแปลง สงบเยือกเยน็ เม่ือประสบทุกข์ และ คลายความยึดมนั่ ถือม่ันในสง่ิ ต่างๆ เพราะแจม่ แจ้งในอนตั ตา ๓ บท ๘ อักษร จงึ มีความหมายต่อชวี ติ มาก ๑๙ ก.ค. ๒๕๒๐ ทกุ ฺขูปนีโตป ิ นโร สปญโฺ อาสํ น ฉินฺเทยยฺ สขุ าคมาย ผ้มู ปี ัญญาแม้ประสบทกุ ขก์ ไ็ ม่สิ้นหวงั ในสุข (มหาชนกชาดก) ที่เป็นดังนี้ เพราะผู้มีปัญญาย่อมรู้แจ้งว่าสุขทุกข์เป็นฤดูกาล ของชีวิต ย่อมผลัดเปล่ียนกันเข้ามากระทบชีวิตอยู่เสมอ ต้นไม้ จะเจริญเติบโตสมบูรณ์แข็งแรงได้ ต้องผ่านฤดูกาลทั้งหน้าแล้ง หนา้ ฝน ฉนั ใด คนจะรจู้ กั ชวี ติ ดกี ต็ อ้ งผา่ นทง้ั สขุ และทกุ ข ์ ฉนั นนั้ ๒๐ ก.ค. ๒๕๒๐ การทำ� ความดีกับคนทไี่ มม่ ีคณุ ธรรมเป็นเคร่อื งรองรับความด ี นั้น อาจท�ำให้ความดีของเราสูญเสียไปได้ เหมือนเมล็ดพืชท่ีดี แตห่ วา่ นลงบนหนิ จะเจริญเตบิ โตไดอ้ ยา่ งไร 102 อ นุ ทิ น ท ร ร ศ น ะ ชี ว ิ ต
๒๑ ก.ค. ๒๕๒๐ ใครจะรู้จะเห็นหรือไม่ก็ตาม ใครจะยกย่องหรือไม่ก็ตาม จะ ไดล้ าภไดย้ ศหรอื ไมก่ ต็ าม ความดกี เ็ ปน็ สง่ิ ควรท�ำอยนู่ นั่ เอง เพราะ คุณความดเี ปน็ รางวัลในตวั เองอยู่แลว้ ๒๒ ก.ค. ๒๕๒๐ ความเป็นคนมีใจอนั ตนบงั คับได้ ความมีสจั จะ มสี ขุ ภาพ ม ี การศึกษาดี ความรักชาติ และการยอมเสียสละความสุขส่วนตน เพ่อื ความสุขสว่ นรวม ท้งั หมดนี้ท�ำให้บุคคลเป็นผมู้ คี ุณคา่ มีฐานะอนั ทรงเกยี รติ (จำ� ทมี่ าไม่ได้) ๒๓ ก.ค. ๒๕๒๐ ทรัพย์สมบัติ สตรี และช่ือเสียงเกียรติยศ เป็นเครื่องผูกมัด มนษุ ยไ์ ว้อยา่ งเหนยี วแน่น ยากท่ีจะดนิ้ ให้หลุดได้ (นัย พระพุทธพจน์ธรรมบท) บางคนหลดุ จากสตร ี แตไ่ ปตดิ ทรพั ยส์ มบตั ิ บางคนหลดุ จาก สตรีและทรัพย์สมบัติแล้ว แต่ไปติดในชื่อเสียงเกียรติยศ บางคน ติดหมดทุกอยา่ ง และแลเห็นเป็นสิ่งดงี ามอกี ด้วย ๒๔ ก.ค. ๒๕๒๐ การช้ีทางแห่งความสุขอันแท้จริงให้แก่ผู้อื่นน้ันเป็นการให้ที่ มีคุณค่ามากท่ีสุดอย่างหนึ่ง พูดอีกอย่างหน่ึงว่าการชี้ทางพ้นทุกข ์ นนั่ เอง อ. ว ศ ิ น อิ น ท ส ร ะ 103
ปี ๒๕๒๐ ๒๕ ก.ค. ๒๕๒๐ โย นริ ุตฺต ึ น ชานาติ ชานาติ ปฏิ กตตฺ ยํ ปเท ปเท วกิ งฺเขยฺย วเน อนธฺ คโช วยิ ผู้ใดไม่รู้ความหมายของถ้อยค�ำ แม้จะท่องจ�ำพระไตรปิฎก ท้งั หมด กย็ ่อมตดิ ขดั ในท่นี นั้ ๆ เหมือนชา้ งตาบอดเที่ยวไปในป่า (จำ� ท่ีมาไมไ่ ด้) ๒๖ ก.ค. ๒๕๒๐ ควรฝึกกายให้เรียบร้อย ฝึกวาจาให้มีสัจจะ ฝึกอินทรีย์ให้ สงบ และฝึกใจให้สะอาดมนั่ คง ๒๗ ก.ค. ๒๕๒๐ จงมีความสันโดษและความเพียร สันโดษท�ำให้ไม่ใจร้อน ด่วนได้เกินเหตุ ความเพียรท�ำให้ห่างไกลจากความเกียจคร้าน ธรรมทั้งสองประการนี้ น�ำบุคคลไปสู่ความส�ำเร็จผลท่ีประสงค ์ ในสิง่ ทไ่ี มเ่ หลอื วสิ ัย ๒๘ ก.ค. ๒๕๒๐ อยูค่ นเดียว เปน็ พรหม อยู่สองคน เปน็ เทวดา อยสู่ ามคน เปน็ ชาวบ้าน อยมู่ ากกวา่ น้นั กย็ ุง่ ยากโกลาหล (ยถา พฺรหมฺ า ตถา เอโก ยถา เทโว ตถา ทเุ ว 104 อ นุ ท ิ น ท ร ร ศ น ะ ชี ว ิ ต
ยถา คาโม ตถา ตโย โกลาหล ํ ตทตุ ตฺ ร)ึ (ยโสชเถรคาถา ขทุ ทกนกิ าย พ.๒๖ ขอ้ ๓๑๕) ๒๙ ก.ค. ๒๕๒๐ ไม่ควรน้อยใจเมื่อเขาติ และไม่ควรเบิกบานใจเม่ือเขาชม เพราะถ้าโทมนัสน้อยใจเมื่อเขาติ หรือโสมนัสยินดีเม่ือเขาชม จะรู ้ ได้อย่างไรว่าทเ่ี ขาตหิ รอื ชมน้ันผดิ หรอื ถกู (นัย พรหมชาลสูตร ท.ี สลี ขันธวรรค เลม่ ๙ ข้อ ๑) ๓๐ ก.ค. ๒๕๒๐ วิญญาณของเราอาศัยอยู่ในกายน้ี เปรียบเหมือนด้ายสีร้อย อยู่ในแก้วไพฑูรย์ ผู้มีสมาธิสมบูรณ์แล้วย่อมมีญาณทรรศนะ อนั ถกู ตอ้ ง มองเหน็ วญิ ญาณอนั อาศยั อยใู่ นกายน ี้ เนอ่ื งอยใู่ นกายนี้ เหมือนบุรุษผู้มีจกั ษุดีมองเห็นด้ายสรี อ้ ยอยใู่ นแกว้ ไพฑูรย์ฉะนั้น (นยั สุภสตู ร ที.ส.ี พ.เล่ม ๙ ข้อ ๓๒๙) ๓๑ ก.ค. ๒๕๒๐ อันชวี ติ คนเราก็เทา่ น้ี พอเป็นผีกายเก่ากเ็ น่าเหม็น นอนยาวเหยียดไมอ่ าทรหนาวรอ้ นเยน็ ถกู จบั เข็นใส่ไฟโหมรุกโรมรัน เมือ่ ยามมามอื เปลา่ มาเท่าไร เม่อื ยามไปมอื เปล่าไปเทา่ น้ัน อ. ว ศ ิ น อิ น ท ส ร ะ 105
มอี ะไรสักนิดตามติดพนั ทุกสิง่ อันเลกิ เกี่ยวไปเดยี วดาย เหลอื แตเ่ ถา้ กองกระดกู ให้ลูกหลาน ชอื่ แซ่จารจำ� จดปรากฏหมาย เพยี งดชี ัว่ เทา่ น้นั รับพันกาย แม้ชีพวายติดตามเหน็ เฉกเช่นเงา (จ�ำท่ีมาไม่ได้) ปี ๒๕๒๐ ๑ ส.ค. ๒๕๒๐ มีจอมปลวกอยู่จอมหนึ่ง กลางคืนเป็นควันกลางวันเป็น เปลว พราหมณ์คนหน่ึงให้สุเมธเอาศัสตราขุดจอมปลวกน้ัน สุเมธ ขุดไปพบเขียง พราหมณ์ให้ยกเขียงตั้งไว้แล้วให้ขุดต่อไป สุเมธ ขดุ ตอ่ ไปพบองึ่ อา่ ง ทางสองแพรง่ เปอื กตม เตา่ ดาบ ชนิ้ เนอื้ นาค โดยล�ำดับ พราหมณ์ให้ยกส่ิงนั้นๆ ไว้ แต่พอพบนาค พราหมณ์ บอกวา่ ใหบ้ ูชานาคใหด้ ี (นัย วมั มกิ สตู ร ม.ม.ู พ. เลม่ ๑๒) (ดูค�ำเฉลยปริศนาวนั ที่ ๒) ๒ ส.ค. ๒๕๒๐ พระพุทธองค์ทรงแก้ปัญหาน้ันว่า จอมปลวก คือ คนหรือ ร่างกายน้ี ; กลางคืนเป็นควันเพราะคิด ; กลางวันเป็นเปลวเพราะ ท�ำงาน ; พราหมณ์คือพระตถาคตเจ้า ; สุเมธคือพระเสขะ ; ศัสตรา คืออริยปัญญา ; การขุดคือวิริยารัมภะ (ความเพียรสม่�ำเสมอ) ; เขยี งคอื อวชิ ชา ; องึ่ อา่ งคอื ความโกรธ ; ทางสองแพรง่ คอื วจิ กิ จิ ฉา ; 106 อ น ุ ทิ น ท ร ร ศ น ะ ชี วิ ต
เปือกตมคือนิวรณ์ ๕ ; เต่าคืออุปทานขันธ์ ๕ ; ดาบคือกามคุณ ๕ ; ชิ้นเน้ือคือนันทิราคะ (ความก�ำหนัดเพราะความเพลิน) ; นาค คอื พระขณี าสพ (นยั วัมมกิ สูตร) ๓ ส.ค. ๒๕๒๐ ความอดทนมีหลายอย่าง ๑. อดทนต่อความล�ำบากตรากตร�ำ ความหิวกระหาย ท่าน เรียก ธตี ขิ ันติ ๒. อดทนตอ่ อาพาธ ตอ่ ทกุ ขเวทนา ทา่ นเรยี ก อธวิ าสนขนั ติ (ตตรฺ สุท ํ ภควา สโต สมปฺ ชาโน อธวิ าเสส ิ อวหิ ญฺ มาโน) (๑๐/๙๓/๑๑๗) ๓. อดทนต่ออารมณ์ยวั่ ยวน ท่านเรียก ตีติกขาขันติ ๔ ส.ค. ๒๕๒๐ การเวน้ ความชวั่ ทางกาย ทางวาจา ทา่ นเรยี กเจตนาศลี สว่ น การเว้นความชัว่ ทางใจ ท่านเรยี กเจตสกิ ศีล ตามนัยนี้จะเห็นว่า ศีลน้ัน หากินความเพียงควบคุมกาย วาจาเท่านน้ั ไม ่ แต่กนิ ความไปถึงการเวน้ มโนทุจรติ อีกด้วย ๕ ส.ค. ๒๕๒๐ สิ่งสมบูรณ์ย่อมมาจากส่ิงไม่สมบูรณ์ ผู้ฉลาดย่อมไม่ด่วน ท�ำลายส่ิงใดเพราะเห็นว่าไม่สมบูรณ์ ถ้าท�ำลายส่ิงที่ไม่สมบูรณ์ ในเบื้องต้นเสียแล้ว ก็จะไม่สามารถพบส่ิงสมบูรณ์ได้ เหมือน อ. ว ศ ิ น อิ น ท ส ร ะ 107
ต้นไม้ก่อนจะเจริญสมบูรณ์เต็มท่ีย่อมจะต้องผ่านการเป็นต้นอ่อน และไม่สมบูรณ์มาก่อน ชาวสวนที่ฉลาดย่อมไม่ด่วนตัดต้นไม ้ เพราะเหน็ วา่ มนั ยงั ไมส่ มบรู ณ ์ เพราะสงิ่ ไมส่ มบรู ณย์ อ่ มเปน็ พน้ื ฐาน ใหเ้ กิดสิง่ สมบูรณ์ในโอกาสต่อไป ๖ ส.ค. ๒๕๒๐ อหงิ สา คอื ความไมเ่ บยี ดเบยี น ๑ ทมะ คอื การฝกึ อนิ ทรยี ์ ให้สามารถคุ้มครองตนเองได้ ๑ สัญญมะ คือความส�ำรวมใจจาก อารมณ์ยั่วยวน ๑ ผปู้ ระสงคอ์ มตธรรมยอ่ มนอ้ มนำ� ตนเขา้ ไปคนุ้ เคยกบั ๓ อยา่ งนี้ (นยั พระพุทธพจน)์ ปี ๒๕๒๐ ๗ ส.ค. ๒๕๒๐ มเี วทมนตบ์ น่ ไว้บา้ งเม่ือชา้ งไล่ พบต้นไมข้ ้ึนไวด้ ้วยชว่ ยคาถา ได้แกงดมี รี สอนั โอชา รินน�้ำปลาไว้ด้วยชว่ ยรสแกง (จ�ำที่มาไมไ่ ด้) ๘ ส.ค. ๒๕๒๐ คนที่หมกมุ่นอยู่ในโลก จมอยู่ในโลก ยากที่จะท�ำประโยชน์ แก่โลกได้ เพราะพวกเขามีความเห็นแก่ตัวอย่างเหนียวแน่น เพ่งมองแต่ประโยชน์และความสุขของตัว เรียกว่าเห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่ผู้อื่น อะไรท่ีเป็นประโยชน์แก่ตัว แม้รู้ว่าช่ัวก็เต็มใจท�ำ 108 อ น ุ ท ิ น ท ร ร ศ น ะ ชี ว ิ ต
ส่วนที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อ่ืน แม้รู้ว่าดีก็ไม่อยากท�ำ คนท่ีหมกมุ่น อยู่กับโลก จึงไม่ค่อยรู้จักความเสียสละที่แท้จริง รู้จักแต่ความ เสียสละแบบเกย่ี วเหยอ่ื ตกปลา ๙ ส.ค. ๒๕๒๐ ผู ้ ที่ มี ใ จ ไ ม ่ พั ว พั น ด ้ ว ย โ ล ก จึ ง จ ะ เ ป ็ น ผู ้ ส ม ค ว ร บ� ำ เ พ็ ญ ประโยชน์แก่โลก เพราะผู้จะสามารถบ�ำเพ็ญประโยชน์แก่โลกได้ แทจ้ รงิ กค็ อื ผู้สละโลกนั่นเอง หาใช่ผูจ้ มอยใู่ นโลกไม่ ๑๐ ส.ค. ๒๕๒๐ จะมภี ารกจิ ใดเลา่ ประเสรฐิ กวา่ การสอนธรรม เพราะเปน็ การ ใหป้ ญั ญาจกั ษแุ กม่ นษุ ย ์ ผไู้ ดป้ ญั ญาแลว้ ชอื่ วา่ ไดท้ กุ อยา่ ง ทง้ั มนษุ ย์ สมบตั ิ สวรรคส์ มบตั ิ และนพิ พานสมบตั ิ อนั เปน็ ธรรมเครอื่ งระงบั ดบั ทกุ ขท์ งั้ ปวง ทตี่ ดิ ตามมนษุ ยม์ าตลอดสงั สารวฏั อนั ยาวนาน ๑๑ ส.ค. ๒๕๒๐ ชาวโลกทั่วไปเหมือนคนเดินอยู่ในท่ีมืด ธรรมะเป็นเสมือน คบเพลิง ผู้ปฏิบัติตามธรรมเสมือนมีคบเพลิงอยู่ในมือ มีบางคราว ท่ีคบเพลิงอาจหรี่ลงบ้างเพราะเหตุบางอย่าง นั่นคือ บางคราว ผู้ปฏิบัติธรรมอาจรู้สึกว่าตนมีธรรมะน้อยลง อาจตกใจว่าตน เสื่อม คนถือคบเพลิง ต้องหมั่นเขี่ยคบเพลิงบ่อยๆ คบเพลิงก็จะ ลุกขึ้นอีก เขาท�ำอยู่อย่างนี้จนอาทิตย์ข้ึนก็ทิ้งคบเพลิงได้ เดินไป อย่างสบาย ผู้ปฏิบัติธรรมก็อย่างน้ันเหมือนกัน พอปัญญาเกิดข้ึน เตม็ ทแี่ ลว้ กไ็ ม่ต้องกงั วลเกีย่ วกับการปฏิบัตธิ รรมอีก อ. ว ศ ิ น อิ น ท ส ร ะ 109
ปี ๒๕๒๐ ๑๒ ส.ค. ๒๕๒๐ “...วิชาความรู้ท�ำให้เราสามารถท�ำงานช่วยคนหมู่มาก ช่วย บ้านเมืองได้ สมบัติใดๆ ย่อมไม่ประเสริฐเท่าการกระท�ำคุณงาม ความดเี พ่ือชว่ ยเหลือผอู้ ืน่ และวิชาความร.ู้ ...” (พระราชด�ำรัสของสมเดจ็ พระนางเจ้าสิรกิ ิต ิ์ พระบรมราชินนี าถ จากหนงั สือ “วันแม”่ ๒๕๒๐ ของสภาสงั คมสงเคราะห ์ พระนพิ นธ์ ของสมเดจ็ พระเจา้ ลกู เธอ เจา้ ฟ้าหญงิ สิรนิ ธรเทพรัตนสดุ าฯ) ๑๓ ส.ค. ๒๕๒๐ ผู้ปฏิบัติธรรมประกอบด้วยสติปัญญา พิจารณาไตรลักษณ ์ คือ ความไม่เท่ียง ความเป็นทุกข์ และความเป็นอนัตตาของส่ิง ท้ังปวงอยู่เสมอนั้นจะได้ประโยชน์มาก เหมือนมีเพื่อนที่ดีอยู่กับ ตัวในเวลาผิดหวัง จิตใจเช่นนั้นเป็นเหมือนหินลับมีดคือสติปัญญา ให้แหลมคมย่ิงขน้ึ (อาจารยพ์ ระมหาบวั าณสมปฺ นโฺ น) ๑๔ ส.ค. ๒๕๒๐ คนดี เมื่อได้ดีแล้วย่อมพอใจช่วยเหลือคนท่ีควรช่วยตาม สมควรโดยธรรม (โดยถกู ตอ้ ง) คนไดด้ แี ลว้ เหยยี ดหยามเพอ่ื นฝงู ย่อมตอ้ งลม้ ลงวนั หนงึ่ มติ รทค่ี ลกุ คลกี นั มากเกนิ ไปกจ็ ดื จาง หา่ งเหนิ เกนิ ไปกล็ มื เลอื น มิตรท่ีดำ� รงตนอยู่ในมิตรธรรมได้ ไม่ชื่อว่าเป็นผู้หย่อนกำ� ลัง ไมค่ วรดูหม่นิ กลั ยาณมติ ร แมเ้ ปน็ ผูม้ ีกำ� ลังนอ้ ย 110 อ นุ ท ิ น ท ร ร ศ น ะ ชี ว ิ ต
๑๕ ส.ค. ๒๕๒๐ ความชั่ว จะยิ่งกว่าสนิทสนมกับคนช่ัวเป็นไม่มี ความดีก็ เชน่ กนั จะย่งิ กวา่ สนทิ สนมกบั คนดเี ปน็ ไม่ม ี (จ�ำท่ีมาไม่ได้) บางคนช่วยเหลือผู้อื่นด้วยวาจา แต่ฆ่าเขาด้วยมือ บางคน ช่วยด้วยมือ แต่ฆ่าเขาด้วยวาจา การช่วยเหลือมนุษย์ไม่ใช่ของง่าย ตอ้ งชว่ ยใหถ้ กู กาละเทศะ และความตอ้ งการของเขา จงึ จะมผี ลดี ๑๖ ส.ค. ๒๕๒๐ อยู่อย่างสงบในยามทุกข์ ใช้ชีวิตให้มีประโยชน์มากข้ึนใน ยามสขุ นนั่ คอื วถิ ีของคนดี การมองคนในแง่ดีเป็นความดีอย่างหนึ่ง เป็นการให้เกียรต ิ เขา และฝกึ ฝนตนเองใหเ้ ปน็ คนใจกวา้ ง ไมเ่ หน็ แกต่ วั เพราะธรรมดา คนส่วนมากมักมองตนเองในแง่ดีและมองคนอื่นในแง่ร้าย ถ้า เราลองมองในแง่ที่ตรงกันข้ามกับที่คนส่วนมากเป็นกันอยู่ก็จะ ประเสรฐิ กวา่ นนั่ คอื คอยจบั ผดิ ตนเอง แตม่ องคนอนื่ ในแงด่ เี ทา่ ท่ี จะพอใหม้ องเห็นได ้ ทงั้ น้เี พ่ือความสบายใจของเราเองดว้ ย ๑๗ ส.ค. ๒๕๒๐ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทาน พระบรมราโชวาท แกส่ มเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าชเจา้ ฟา้ มหาวชริ ณุ - หศิ สยามมกฎุ ราชกุมารวา่ “อย่าถือว่าเกิดมามีบุญ ต้องถือว่าตนเกิดมามีกรรม ส�ำหรับ เทียมแอกเทียมไถท�ำการท่ีหนัก การท่ีมีวาสนาข้ึนต่อไปน้ัน เป็น อ. ว ศ ิ น อิ น ท ส ร ะ 111
ผลในปจั จุบันยอ่ มแสดงเหตุในอดตี แม้เราจะไม่รูไ้ มเ่ ห็นกต็ าม ในตะเกียงทสี่ ่องสว่างอยู ่ แมเ้ ราจะไม่เหน็ น�้ำมนั แตก่ แ็ สดงวา่ ต้องมีน�้ำมันอยู่ นำ้� มนั หมดเม่อื ใด ไฟก็ดบั เม่อื น้นั
ปี ๒๕๒๐ ความทุกข์มิใช่ความสุข” พระบรมราโชวาทน้ีควรเป็นที่สะกิดใจของผู้ท่ีแย่งกันเป็น ใหญ่ในบ้านเมือง ผู้ต้องการอ�ำนาจวาสนาควรใส่ใจพระบรม- ราโชวาทนใี้ หจ้ งหนกั ๑๘ ส.ค. ๒๕๒๐ หลกั ธรรมทางศาสนานนั้ เปน็ สงิ่ ส�ำคญั ประการหนงึ่ ทง้ั ในการ ป้องกนั และรักษาโรค ข้อนแี้ พทยส์ มยั ปัจจุบันยอมรบั กันแลว้ ๑๙ ส.ค. ๒๕๒๐ ค น ส ่ ว น ม า ก ที่ ท� ำ ง า น รั บ เ งิ น เ ดื อ น นั้ น มั ก เ ร ่ ง วั น คื น ใ ห ้ ส้ินเดือน เพ่ือจะได้รับเงินเดือน หานึกไม่ว่า ส้ินเดือนหนึ่ง อาย ุ ของเราก็สิ้นไปด้วยมิใช่น้อย เดินใกล้ความตายเข้าไปทุกที ได้เงิน มา แต่เสียอายไุ ป และความตายก็ใกลเ้ ขา้ มาทุกที ๒๐ ส.ค. ๒๕๒๐ ถ้าเรารู้จักคิด ทั้งคนดีและคนช่ัวเป็นครูของเราได้ เพราะ คนดเี ปน็ ตวั อย่างใหเ้ ราเหน็ วา่ อยา่ งน้ีดี ควรดำ� เนนิ ตาม สว่ นคนชั่ว ได้รบั ผลชั่ว เป็นตัวอย่างใหเ้ ราเห็นว่าอย่างนชี้ ว่ั ควรเวน้ หา่ ง ๒๑ ส.ค. ๒๕๒๐ แหล่งใหญ่ที่สุดท่ีฝนได้น�้ำไปก็คือทะเล เม่ือกลั่นดีแล้วก ็ หลั่งลงทั่วไปในโลก พร้อมท้ังในทะเลด้วย แหล่งน�้ำต่างๆ บน พื้นดินต่างก็ไหลลงสู่ทะเลอีก การเสียสละของทะเลท่ีให้น�้ำไปน้ัน 114 อ น ุ ท ิ น ท ร ร ศ น ะ ชี วิ ต
เปน็ แรงดงึ ดดู ใหน้ ำ้� ทง้ั หลายพอใจตอบแทนทะเลอยา่ งเตม็ อกเตม็ ใจ ธ ร ร ม ด า ข อ ง น้� ำ ฉั น ใ ด ธ ร ร ม ด า ข อ ง ค น ก็ ฉั น น้ั น ผู ้ ใ ด ม ี อัธยาศัยใหญ่ ท�ำการเสียสละเพื่อผู้อ่ืน คนท้ังหลายก็พร้อมใจ เสยี สละเพือ่ เขาเชน่ กัน ๒๒ ส.ค. ๒๕๒๐ ไม่มีอะไรร้ายแรงถ้าเราไม่รู้สึกว่าร้ายแรง เร่ืองเดียวกัน ร้ายแรงส�ำหรับคนหน่ึง เพราะเขารู้สึกว่าร้ายแรง แต่ไม่ร้ายแรง ส�ำหรับอีกคนหนง่ึ เพราะเขาไมร่ ู้สกึ เชน่ น้นั ความจรงิ อนั นี้แสดงวา่ ความร้ายแรงหรือไม่ร้ายแรงไม่ได้อยู่ท่ีเรื่องภายนอก แต่อยู่ท ี่ ความรู้สึกของผู้นั้นเอง เม่ือเป็นดังน้ี ท่านจะให้ความรู้สึกของท่าน ท�ำร้ายทา่ นทำ� ไม ๒๓ ส.ค. ๒๕๒๐ อยู่กับใครก็ไม่สบายเท่ากับอยู่กับความสงบ (สันติ) ท ่ี พระพทุ ธองคต์ รสั วา่ นตถฺ ิ สนตฺ ปิ ร ํ สขุ ํ สขุ อน่ื ยง่ิ กวา่ ความสงบไมม่ ี น้นั จริงแทแ้ นน่ อน ไมต่ ้องสงสัย ๒๔ ส.ค. ๒๕๒๐ ทำ� ความด ี หนคี วามช่วั กลัวความจน จะไมจ่ น ท�ำความดี หนีความชั่ว กลัวความประมาท จะไม่พลาดจาก ความเจรญิ ในชีวิต อ. ว ศ ิ น อิ น ท ส ร ะ 115
ปี ๒๕๒๐ ๒๕ ส.ค. ๒๕๒๐ หมูชวนราชสีห์รบ เพราะริษยาในช่ือเสียงเกียรติคุณของ ราชสีห์ แต่ราชสีห์ไม่ยอมรบ บอกว่าหมูสกปรก เน้ือตัวก็เปรอะ เปื้อนด้วยโคลนตม อาหารการกินก็ชอบกินแต่อุจจาระ ราชสีห์ กลัวการเปรอะเปื้อน จึงไม่ยอมรบกับหมู ช่ือเสียงของราชสีห์ก ็ หาด้อยลงไม่ บางทีคนดีก็ต้องท�ำเฉยกับคนช่ัว ไม่ยอมสู้รบตบมือ ไม่ใช่ เพราะกลัวสูไ้ มไ่ ด ้ แต่เพราะกลวั แตก่ ารเปรอะเป้อื นต่างหาก ๒๖ ส.ค. ๒๕๒๐ อย่าเพ้อพกถึงอดีตให้มากนักเลย จะท�ำอย่างไรกับปัจจุบัน ก็รีบท�ำเข้าเถิด จะมีแผนอะไรส�ำหรับอนาคตก็จงเตรียมเถิด อดีต ล่วงไปแล้ว เรียกคืนไม่ได้ แต่ปัจจุบันและอนาคตเป็นของเราอยู่ จงสรา้ งเจตจำ� นง (Will) ท่ีดใี ห้มีขนึ้ ปัจจุบันและอนาคตจะดเี อง ๒๗ ส.ค. ๒๕๒๐ ตวั ปญั หา กบั สง่ิ ทมี่ ปี ญั หา นน้ั ไมใ่ ชส่ ง่ิ เดยี วกนั เราสามารถ แยกปัญหากับส่ิงที่มีปัญหาออกจากกันได้ เช่น ปัญหาเร่ืองโรง พยาบาลนอ้ ย ไมเ่ พยี งพอแกค่ นปว่ ย เรอื่ งนจี้ ะไมเ่ ปน็ ปญั หาสำ� หรบั คนไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ สิ่งท่ีเป็นปัญหาคือคนท่ีมีโรคที่จะต้องไป อยโู่ รงพยาบาล อารมณ์ยั่วยวนเป็นปัญหาส�ำหรับคนท่ียังมีโรคทางใจซ่ึง ตอ้ งแก ้ แตไ่ มเ่ ปน็ ปญั หาส�ำหรบั ทา่ นทหี่ ายโรคทางใจแลว้ หรอื ไมม่ ี โรคทางใจ 116 อ น ุ ท ิ น ท ร ร ศ น ะ ชี วิ ต
๒๘ ส.ค. ๒๕๒๐ เขาทำ� ไมด่ ีกบั ตวั ก็ไมพ่ อใจ ก่อความทุกขใ์ ห้เกดิ ขึน้ แบบหนงึ่ คือความทุกข์เพราะความไม่ชอบ เอียงไปทางฝ่ายดิ้นรนในแง ่ ผลักออก เขาท�ำดีกับตัวก็พอใจ ติดพันหวงแหน รักใคร่เป็นห่วง เป็นใย อยากพบอยากเห็น อยากให้อยู่ใกล้ เป็นทุกข์อีกแบบหนึ่ง เพราะความชอบพอ เอียงไปทางฝ่ายดิ้นรนในแง่ดึงเข้าหาตัว ใคร พูดถงึ บุคคลเชน่ นนั้ ในทางไมด่ ีก็เจ็บมาถงึ ตวั ดว้ ย เปน็ อนั ไมไ่ ดส้ ขุ ทง้ั สองอยา่ ง ละความไมพ่ อใจและความพอใจ เสยี ได ้ วางใจอยใู่ นอเุ บกขาญาณ ยอ่ มเปน็ อสิ ระ เปน็ สขุ ทลี่ ะเอยี ด ประณีต ๒๙ ส.ค. ๒๕๒๐ เทวดามาเฝา้ พระพทุ ธเจา้ และกราบทลู วา่ ชวี ติ นนี้ อ้ ยนกั เมอื่ ชราน้อมน�ำชีวิตเข้าไป (สู่ความตาย) ความต้านทานไม่มีเลย คือ ไม่มีอะไรต้านทานได้เลย ผู้เห็นภัยในเพราะจะต้องตายอีก ควร ทำ� บุญทั้งหลาย อันจะน�ำความสุขมาให้ พระพุทธเจ้าตรัสเหมือนเทวดา แต่ตอนท่ีเทวดาทูลว่าควร ท�ำบญุ ท้งั หลายนั้น พระพทุ ธองคน์ น้ั ตรสั แผกไปวา่ ผูม้ ุ่งความสงบ ควรละโลกามสิ ทง้ั หลายเสยี (โลกามสิ ํ ปชเห สนตฺ เิ ปกโฺ ข) โลกามสิ คือ เหยื่อของโลก อนั ได้แก่อารมณ์ยวั่ ยวนต่างๆ เทวดากลา่ วในปรยิ ายเบอ้ื งตำ่� แตพ่ ระพทุ ธองคต์ รสั ในปรยิ าย เบอ้ื งสูง อ. ว ศ ิ น อิ น ท ส ร ะ 117
ปี ๒๕๒๐ ๓๐ ส.ค. ๒๕๒๐ พระพทุ ธเจา้ ตรสั วา่ พระธรรมของพระองคเ์ หมอื นน�้ำทไ่ี มเ่ จอื ดว้ ยโคลนตม (ธมโฺ ม รหโท ว อกททฺ โม) หมายความวา่ เปน็ น้�ำท ่ี ใสสะอาดควรแกก่ ารอาบหรือดื่ม เป็นเครอื่ งระงบั ความรอ้ น ความ กระหาย น้�ำสะอาดเป็นประโยชน์แก่ร่างกายอย่างไร ธรรมของ พระพุทธองค์ก็เป็นประโยชน์แก่จิตใจอย่างนั้น เป็นเครื่องดับ ความรอ้ น ถอนความกระหายทางใจ ๓๑ ส.ค. ๒๕๒๐ ผ้าเน้ือหยาบนุ่งห่มไม่สบายฉันใด ค�ำหยาบก็ฟังไม่สบายห ู ฉนั นนั้ ผา้ เนอื้ นมุ่ ละเอยี ดออ่ น นงุ่ หม่ สบายฉนั ใด วาจาสภุ าพนมุ่ นวล ก็ฟงั สบายหูฉนั นั้น เพราะฉะน้ัน บาลจี ึงใช้ไวพจน์ของวาจาท่ีดีว่า กณณฺ สุขา - ฟงั แล้วสบายหู หทยงคฺ มา - จอดจิต โปร ี - เป็นภาษาของชาวเมือง คือเป็นค�ำของ อารยชน (Civilized man) ๑ ก.ย. ๒๕๒๐ เมอ่ื เตบิ โตแลว้ กค็ วรจะมกี ารแตกตวั ออกไป เพอื่ จะไดม้ ผี สู้ บื ต่อกิจการอันเป็นคุณน้ันๆ อันนี้ก็เป็นหลักธรรมดาอย่างหนึ่งของ ธรรมชาติ มิฉะน้นั แล้วสิ่งที่เติบโตและเปน็ คุณก็จะสญู ไปโดยเร็ว ผู้ที่เจริญเติบโตแล้วในทางใดทางหน่ึง จึงควรหาผู้สืบต่อไว้ บา้ ง เพอ่ื ประโยชนอ์ นั ยงั่ ยนื ชวี ติ คนๆ หนงึ่ นนั้ นอ้ ยนกั แตป่ ระโยชน ์ ที่จะตกแก่สังคมโดยการสืบต่อนั้น เป็นของยั่งยืนเป็นพันเป็น หม่ืนปที ีเดียว 118 อ นุ ทิ น ท ร ร ศ น ะ ชี ว ิ ต
๒ ก.ย. ๒๕๒๐ ใครๆ ชอบพูดว่า ชีวิตคือการต่อสู้ แต่เคยต้ังปัญหาถาม ขึ้นบ้างไหมว่า ต่อสู้อะไร ? ต่อสู้กับใคร ? อะไรคือจุดมุ่งหมายใน การต่อสู้ ? และอะไรคือเครื่องมือในการต่อสู้ ? มีวิธีการอย่างไร ? ถ้าหาค�ำตอบเหล่านี้ไม่ได้ การต่อสู้น้ันก็ไร้ความหมาย เสียแรงเสีย เวลา และเสียก�ำลังไปเปล่าๆ เราต้องหาค�ำตอบให้ชีวิตในเรื่องน้ ี เสยี กอ่ น แลว้ จงึ ลงมอื ตอ่ สชู้ วี ติ อยา่ งจรงิ จงั จงึ จะไมพ่ ลาดเปา้ หมาย มใิ ช่ตอ่ ส้กู ระเสอื กกระสนไปอย่างมดื บอด ๓ ก.ย. ๒๕๒๐ ถ้ามนุษย์เราไม่เบียดเบียนกัน โลกมนุษย์ สังคมมนุษย์จะ สงบสุข ปราศจากความหวาดระแวงกัน มีโอกาสได้ช่ืนชมต่อชีวิต ข อ ง ต น แ ล ะ ค น ท่ี เ ก่ี ย ว ข ้ อ ง ต า ม ส ม ค ว ร น อ ก จ า ก เ ว ้ น จ า ก ก า ร เบียดเบียนกันแล้ว ควรเว้นการเบียดเบียนสัตว์โลกประเภทอ่ืนๆ ด้วย เพราะเป็นเพ่ือนทุกข์ ร่วม เกิด แก่ เจ็บ ตายด้วยกันท้ังส้ิน การประทุษร้ายกันเป็นการก่อทุกข์ให้แก่เพ่ือนร่วมทุกข์เพ่ิมขึ้นอีก จากความทกุ ข์ซง่ึ เขาได้รบั อยู่โดยปกติธรรมดาแลว้ ๔ ก.ย. ๒๕๒๐ มนษุ ยเ์ ราแมจ้ ะยากจนขน้ แคน้ เพยี งไร และไมอ่ าจสงเคราะห ์ ช่วยเหลือผู้อื่นทางวัตถุได้ก็ตาม แต่มีส่ิงหน่ึงซ่ึงทุกคนท�ำได้โดย ไม่ต้องลงทุนเป็นเงินทอง หรือเรี่ยวแรง น่ันคือ การต้ังจิตเมตตา ปรารถนาดตี อ่ ผอู้ น่ื นกึ อยเู่ สมอๆ วา่ ขอใหเ้ ขามคี วามสขุ พน้ จาก ความทุกข์ บุคคลผู้มีใจเมตตากรุณาย่อมสร้างบุคลิกภาพให้เป็น อ. ว ศ ิ น อิ น ท ส ร ะ 119
ปี ๒๕๒๐ คนมีเสน่ห์ดึงดูดใจผู้เข้าใกล้ ให้มีความนิยมนับถือรักใคร่เอ็นดู เสนห่ อ์ ันจบั ใจของคนน้ันมาจากเมตตาปราณีนัน่ เอง ๕ ก.ย. ๒๕๒๐ ธรรมดาทรัพย์สินน้ันบุคคลหามาได้ด้วยความยากล�ำบาก บางพวกต้องอาบเหง่ือต่างน้�ำ ต้องท�ำงานตัวเป็นเกลียว หรือท่ ี เรียกว่าสายตัวแทบขาด บางพวกต้องตากแดดกร�ำฝน แช่น�้ำ เอา หลังสู้ฟ้าเอาหน้าสู้ดิน บางพวกต้องเสี่ยงอันตรายนานาประการ บางพวกตอ้ งรบั ผิดชอบงานเป็นอันมาก ไมไ่ ดก้ นิ ไม่ไดน้ อนในเวลา ทีค่ วรจะไดก้ นิ ไดน้ อน ท้ังน้ี ก็เพราะเน่ืองด้วยอาชีพท�ำงาน เพ่ือได้ทรัพย์สินมา เลี้ยงตนและครอบครัว ผู้มีใจเป็นธรรมจึงไม่ควรเบียดเบียน ทรัพยส์ ินของผอู้ ่นื เชน่ ขโมย ยักยอก ฯลฯ ๖ ก.ย. ๒๕๒๐ ผู้ท่ีช่วยเหลือผู้ท่ีควรช่วยเหลืออยู่เสมอน้ัน เม่ือตนเกิดวิบัติ ขัดข้องต้องการความช่วยเหลือ บุญกุศลย่อมชักน�ำให้มีผู้มา ชว่ ยเหลอื ทนั ทว่ งทเี หมอื นกนั การชว่ ยเหลอื ผอู้ นื่ จงึ เทา่ กบั การสะสม ส่ิงที่จะช่วยเหลือตัวเองไว้น่ันเอง ส่ิงนี้ซ่อนเร้นอยู่อย่างลึกลับ และ จะปรากฏข้ึนเม่ือถึงเวลาอันควร เหมือนดอกไม้และผลไม้ซ่อนอยู ่ ไม่ปรากฏ แตพ่ อถงึ คราวก็ออกดอกออกผลใหเ้ หน็ นา่ ช่ืนใจ 120 อ นุ ท ิ น ท ร ร ศ น ะ ชี วิ ต
๗ ก.ย. ๒๕๒๐ ผู้เห็นกาลไกลควรหัดเสียสละคราวละเล็กละน้อย เป็นการ สรา้ งนสิ ยั อปุ นสิ ยั และอธั ยาศยั ทดี่ ใี หแ้ กต่ น นสิ ยั นนั้ จะคอ่ ยๆ หยงั่ รากลงลึกเป็นอุปนิสัยสันดานท่ีมั่นคง ท�ำลายยาก ความเอ้ือเฟื้อ เผ่ือแผ่และการเสียสละ จะค่อยๆ แผ่ขยายวงกว้างออกไป จน สามารถท�ำส่ิงท่ีคนทั้งหลายอื่นท�ำได้โดยยาก เช่นพระสัมมาสัม- พทุ ธเจา้ ทรงเสยี สละทกุ สงิ่ ทกุ อยา่ งเพอื่ ความดแี ละความสขุ ของโลก ๘ ก.ย. ๒๕๒๐ มองในแง่การลงทุน การเสียสละเป็นการลงทุนอย่างหน่ึง คนทไี่ มย่ อมลงทนุ อะไรเลย ยอ่ มจะไมไ่ ดอ้ ะไรกลบั คนื มา ไมม่ อี ะไร งอกเงยข้ึน แม้คนที่อยากได้ก�ำลังมากๆ ก็ต้องออกก�ำลังไปก่อน ก�ำลังจึงจะกลบั คนื มา ๙ ก.ย. ๒๕๒๐ ทกุ สงิ่ ทกุ อยา่ งตอ้ งคอ่ ยเปน็ คอ่ ยไป อาศยั ความเพยี ร ประสบ- การณ์ และการลองผิดลองถูก ถ้าเด็กน้อยสักคนหนึ่งนอนอยู ่ เฉยๆ ไม่ยอมหัดคลาน หัดเดิน คิดว่าให้ครบ ๒ ขวบเสียก่อน แล้วจึงค่อยเดิน จะได้เดินแข็งเลยทีเดียว เด็กคนนั้นคงเดินไม่ได้ ในขณะท่ีเพ่ือนรุ่นเดียวกันเดินได้คล่องแล้ว ด้วยการยอมล้ม ยอมถกู หวั เราะเยาะในตอนต้นๆ บ้าง ความส�ำเร็จในชีวิตก็เหมือนกัน ต้องมีการเร่ิม และกล้า เผชิญหนา้ กบั ความลม้ เหลว อ. ว ศ ิ น อิ น ท ส ร ะ 121
ปี ๒๕๒๐ ๑๐ ก.ย. ๒๕๒๐ อะไรกต็ ามทเี่ ขารกั ยอ่ มมคี วามหมายมากส�ำหรบั ผนู้ น้ั ไมว่ า่ จะเล็กน้อยเพียงไรในความรู้สึกของผู้อ่ืน จงดูตัวอย่างเด็กท ่ี ก�ำลังเพลินกับของเล่น ในความรู้สึกของผู้ใหญ่อาจเห็นเป็นเร่ือง เล็กน้อย แต่เด็กเห็นเป็นเรื่องใหญ่ เด็กที่ถูกแย่งรถยนต์คัน เลก็ ๆ ทตี่ นกำ� ลงั เลน่ อย ู่ ยอ่ มมคี วามรสู้ กึ สะเทอื นใจ เทา่ กบั ผใู้ หญ่ ท่ีก�ำลังขับรถยนต์อยู่ แล้วมีคนมาแย่งเอาไปเหมือนกัน ต่างกันแต่ เพียงว่าเด็กลืมได้เร็วกว่า ๑๑ ก.ย. ๒๕๒๐ มโนธรรมเป็นสิ่งส�ำคัญในตัวคน บางคนมีการศึกษาน้อย แต่มีมโนธรรมดี ก็สามารถตั้งตนไว้ในทางท่ีชอบได้ ส่วนบางคน มีการศึกษาเล่าเรียนสูง แต่มีมโนธรรมน้อย มีใจต�่ำ ไม่อาจต้ังตน ไว้ในทางที่ชอบได้ ต้องล่มจมล้มเหลวในชีวิต เอาตัวไม่รอด มโนธรรมจึงมีความส�ำคัญต่อชีวิตของคนทุกคน มโนธรรมคือ การรู้จักผิดชอบชั่วดี คนมีมโนธรรมเป็นคนดี น่าคบ และเป็น ประโยชน์แก่สังคมมาก ๑๒ ก.ย. ๒๕๒๐ คนที่พึ่งตนเองได้ทางกายน้ัน หาได้ง่ายกว่าคนท่ีพ่ึงตนเอง ได้ทางใจ บางคนประสบความส�ำเร็จทางเศรษฐกิจเป็นอย่างดี แต ่ ล้มเหลวสูญเสียทางจิตใจ การสูญเสียทางจิตใจเป็นการสูญเสีย อนั ยงิ่ ใหญข่ องมนษุ ย์ 122 อ นุ ท ิ น ท ร ร ศ น ะ ชี วิ ต
๑๓ ก.ย. ๒๕๒๐ พระพุทธเจ้าน้ันได้พระนามว่า พุทโธ มีความหมายว่า ทรง เป็นผูร้ ู้ ๑ เป็นผ้เู บกิ บาน ๑ เป็นผ้ตู ่ืน ๑ ทรงรู้กฎแห่งความจริง และวิธีการที่จะปฏิบัติต่อความจริง นนั้ ๆ พดู ภาษาสมยั ใหมว่ า่ ทรงร ู้ Natural Science หรอื Positive Science ศาสตรท์ ว่ี า่ ดว้ ยความเปน็ จรงิ ของสง่ิ ทง้ั หลาย และ Moral Philosophy หรอื Normative Science ศาสตรท์ วี่ า่ ดว้ ยจรยิ ธรรม ข้อทีค่ วรประพฤติ ทรงเป็นผู้เบกิ บานด้วยพระมหากรุณาธคิ ุณ ทรงเปน็ ผตู้ น่ื จากความหลบั คอื กเิ ลส ในขณะทโ่ี ลกสนั นวิ าส หลบั อยู่ ๑๔ ก.ย. ๒๕๒๐ ก า ร ถึ ง พ ร ะ รั ต น ต รั ย ใ น ค ว า ม ห ม า ย ท่ี แ ท ้ จ ริ ง แ ล ะ มี ผ ล ต่อผู้ถึงนั้น คือ การถ่ายแบบ หรือการถ่ายเอาคุณสมบัติของ พระพุทธเจ้าเข้าสู่ตน การปฏิบัติตามพระธรรมท่ีพระพุทธเจ้าทรง สัง่ สอนและด�ำเนินรอยตามพระสงฆ์ผู้ปฏบิ ัตดิ ีปฏิบัติชอบ บุคคลผู้เลื่อมใสพระรัตนตรัย ปรารถนาความบริสุทธิ์แห่ง ตนและปฏิบัติตามโดยชอบ จึงจะบรรลุถึงจุดหมายแห่งการถึง พระรัตนตรยั น้ัน อ. ว ศ ิ น อิ น ท ส ร ะ 123
ปี ๒๕๒๐ ๑๕ ก.ย. ๒๕๒๐ สาวกของพระอริยะย่อมอยู่ด้วยเมตตา กรุณา มุทิตา และ อุเบกขา หาประมาณมิได้ เม่ือเป็นดังนี้ย่อมได้ความสบายใจ ๔ ประการ คือ ๑. ถ้าโลกหน้ามีจริง ผลแห่งกรรมดีกรรมชั่วมีจริง เราย่อม บังเกิดในสุคตโิ ลกสวรรค์ ๒. ถ้าโลกหน้าไม่มี ผลแห่งกรรมดีกรรมช่ัวไม่มี เราย่อม อยเู่ ปน็ สุขในปัจจุบนั ๓. ถ้าบาปท่ีบุคคลท�ำแล้วเป็นอันท�ำ เรามิได้ท�ำบาป เราจะ ประสบทุกข์ได้อย่างไร ๔. ถ้าบาปท่ีบุคคลท�ำแล้วไม่เป็นอันท�ำ เราก็พิจารณาเห็น ตนเป็นผ้บู ริสุทธอิ์ ยู่ (นยั เกสปุตตสูตร หรอื กาลามสูตร ๒๐/๕๐๕/๒๔๑) ๑๖ ก.ย. ๒๕๒๐ วทิ ยาศาสตร์ไดแ้ บ่งสสารออกเป็น ๓ ลักษณะ คือ ของแขง็ ของเหลว และกา๊ ซ ของแขง็ เชน่ โตะ๊ เปน็ ตน้ นนั้ เมอ่ื มองดเู ผนิ ๆ ก็เห็นอย่างน้ัน แต่ถ้ามองให้ลึกซึ้งก็จะไม่พบของแข็งเลย เช่น ถ้าเรามองโต๊ะนั้นผ่านทาง Ultra Microscopic eyes เราจะพบว่า มันเป็นเพียงความสับสนวุ่นวาย ความหมุนเวียนของอะตอมและ อิเล็คตรอนเท่าน้ัน ดังน้ันโต๊ะจึงเป็นเพียงสุญญากาศ (Empty space) จงึ ไมม่ อี ะไรในโลกทีเ่ รียกได้ว่าเป็นของแขง็ จรงิ ๆ (จาก An Introduction to Philosophical Analysis ของ John Hosper) 124 อ นุ ท ิ น ท ร ร ศ น ะ ชี ว ิ ต
๑๗ ก.ย. ๒๕๒๐ เราเท่ียวแสวงหาช่าง คือ ตัณหา ผู้ท�ำเรือน คือ อัตภาพน้ ี เม่ือไม่พบ จึงต้องท่องเท่ียวไปในสงสารหลายชาติ หลายภพ (เรา ได้เห็นแล้วว่า) การเกิดบ่อยๆ เป็นทุกข์ ดูก่อนตัณหาผู้สร้างเรือน คอื อตั ภาพ บดั นเ้ี ราไดเ้ หน็ เจา้ แลว้ เจา้ จะท�ำเรอื นอกี ไมไ่ ด ้ ซโี่ ครง ทุกซ่ี (กิเลสท้ังปวงนอกจากอวิชชา) ของเจ้า ยอดเรือน (อวิชชา) ของเจา้ เรารอื้ เสยี แลว้ จติ ของเราไดถ้ งึ นพิ พาน อนั อะไรๆ ปรงุ แตง่ ไม่ได ้ เราถงึ ภาวะสิ้นตณั หาแล้ว (พระพุทธภาษิต ๒๕/๓๕) ๑๘ ก.ย. ๒๕๒๐ การเขียนเร่ืองยากหรือง่ายน่าจะให้พอสมควรกับเน้ือหา ถ้า ท�ำให้ง่ายเกินไปอาจไร้คุณค่า หรือด้อยในคุณค่า เพราะไม่สม เน้ือหาสาระ ถ้ายากเกินไปก็ส�ำเร็จประโยชน์น้อย อยู่ในวงจ�ำกัด ของคนเพยี งไม่กค่ี น ๑๙ ก.ย. ๒๕๒๐ ทกุ คนมชี วี ติ อย่เู พอื่ จะเรยี นรชู้ วี ิตตอ่ ไป และเปน็ การแนน่ อน ว่า ไมม่ ใี ครเรยี นเรื่องชีวิตให้จบได้ดว้ ยวธิ ีการของโลก ๒๐ ก.ย. ๒๕๒๐ คนทเี่ กดิ มาสวยงาม บางทกี ห็ าความสขุ ใจไมไ่ ด ้ ความสวยงาม อาจก่อความสุขใจให้ผู้อ่ืน พร้อมๆ กันนั้นก็ให้ความล�ำบากใจ แก่เจ้าของไปด้วย ใครๆ ก็ต้องการความงาม แต่ส่ิงที่งามมีให้ อ. ว ศ ิ น อิ น ท ส ร ะ 125
ปี ๒๕๒๐ ไม่มากนัก ใครท่ีเข้าไปเก่ียวข้องกับความงาม หรือส่ิงสวยงามเข้า ก็มกั ประสบความลำ� บากเสมอ ๒๑ ก.ย. ๒๕๒๐ ความสวยงามให้ความชุ่มชื่นเบิกบานแก่มนุษย์ก็จริง แต ่ มนษุ ยไ์ ม่เคยได้ความสุขความเบกิ บานอะไรมาเปล่าๆ โดยไม่มีการ ลงทุน ความสุขที่มนุษย์เราได้รับส่วนใหญ่มักจะต้องเอาความทุกข ์ เข้าแลกก่อนเสมอ บางทีก็ได้สุขคุ้ม แต่บางทีก็ไม่คุ้มกับความทุกข์ ที่ตอ้ งลงทนุ ไป ๒๒ ก.ย. ๒๕๒๐ เป็นเรื่องน่าเสียดายมาก ถ้าคนเราเกิดมาแล้วและตายไป โดยมิได้พบความรักเลย แต่จะเป็นการน่าเศร้าอย่างย่ิง ถ้าคนได้ พบความรัก แล้วเอาชวี ติ ไปจมอยใู่ นความรักนน้ั ตลอดชาติ สง่ิ ทส่ี ำ� คญั ทส่ี ดุ ในชวี ติ อกี อยา่ งหนง่ึ กค็ อื การพนิ จิ พจิ ารณาวา่ ควรจะด�ำเนินชีวิตอย่างไร ทั้งๆ ที่ทุกคนอยากมีชีวิตอยู่ แต่มีน้อย คนเหลอื เกนิ ทพ่ี ยายามเรยี นใหร้ วู้ า่ ควรมชี วี ติ อยอู่ ยา่ งไร แบบไหน ๒๓ ก.ย. ๒๕๒๐ ชีวิตท่ีชอกช้� ำ ผิดหวังอยู่เสมอ ถ้ารู้จักมองให้ดีจะเป็น ประโยชนแ์ กช่ วี ติ ในบนั้ ปลายมาก ควรมองชวี ติ หลายดา้ นหลายมมุ เม่ือมุมหน่ึงปิดลง อาจมีมุมหนึ่งที่เปิดอยู่ และอาจเป็นทางชีวิต ทแ่ี ทจ้ ริงก็ได ้ ไมค่ วรเสยี กำ� ลงั ใจในหนทางของชวี ิต 126 อ น ุ ท ิ น ท ร ร ศ น ะ ชี ว ิ ต
๒๔ ก.ย. ๒๕๒๐ ไม่มีชีวิตใดด�ำเนินไปโดยราบร่ืน ปราศจากความทุกข์ แต่ ความทุกข์นั่นเอง ถ้ารู้จักมอง รู้จักใช้มัน จะเป็นสาเหตุให้เกิด ความสขุ อนั ถาวร เรารสู้ กึ ซง้ึ ตอ่ รม่ เงาของตน้ ไม ้ กเ็ พราะมแี สงแดด อ ยู ่ ร อ บ ๆ เ มื่ อ ถู ก แ ว ด ล ้ อ ม ไ ป ด ้ ว ย แ ส ง แ ด ด คื อ ค ว า ม ทุ ก ข ์ นกั ปราชญ์อาจหาความสุขได้ในวงล้อมของความทกุ ขน์ น่ั เอง ๒๕ ก.ย. ๒๕๒๐ ความสุขและความรุ่งโรจน์นั้น บางทีก็เป็นเสมือนเคร่ือง ลวงตาให้คนถูกหลอกหลอน ไม่มีทางจะทราบความจริงได้ ความ ยากล�ำบากต่างหากเล่า ที่ท�ำให้คนรู้จักตัวเอง รู้จักคนอื่น รู้จัก มิตรแท ้ มติ รเทียม รู้จักชีวติ และโลก ๒๖ ก.ย. ๒๕๒๐ อย่าโอดครวญร�่ำร้องถึงความทุกข์ยากล�ำบาก ควรกัดฟันสู ้ อุปสรรคต่างๆ ท่ีขวางอยู่เบื้องหน้า อย่าร้องขอความเห็นใจจาก ใคร แต่จงเห็นใจผู้อ่ืนท่ีท�ำความผิดพลาด อย่าซ�้ำเติมคนผิดเม่ือ เขารู้สึกตวั แลว้ จงให้กำ� ลังใจเพ่อื ใหเ้ ขาท�ำความดตี อ่ ไป ไม่ควรด่วนตัดสินใครว่าเป็นคนเลว ควรดูชีวิตของเขาให ้ ตลอด ชีวิตคนเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ๒๗ ก.ย. ๒๕๒๐ เม่ือจุดมุ่งหมายสูงสุดของชีวิตอยู่ท่ีความสงบแล้ว อะไรจะ เสียไปก็ชื่อว่ามิได้เสียไป เพราะสมบัติอันล�้ำค่าท่ีสุดคือดวงใจ อ. ว ศ ิ น อิ น ท ส ร ะ 127
ปี ๒๕๒๐ ที่สงบอยู่ด้วยธรรมของนักปราชญ์ อะไรท่ีได้มาก็สักแต่ว่าได้มา สมบัติทั้งหลายในโลกน้ีเป็นของโลก เราเพียงมาอาศัยใช้ชั่วคราว แล้วละทิ้งไป ๒๘ ก.ย. ๒๕๒๐ ความพอใจยอมรบั เหตกุ ารณท์ หี่ ลกี เลย่ี งไมไ่ ด ้ ยอมรบั มนั ไว้ ในฐานะเป็นสิ่งท่ีหลีกเล่ียงไม่ได้ ท�ำให้หายทุกข์และให้เกิดความ สุขได้ ไม่ว่าทุกข์ประเภทใดท่ีเกิดข้ึนในหัวใจของคนใดคนหนึ่ง จะ ต้องมีเพ่ือนร่วมทุกข์อยู่ด้วยเสมอ แต่เราไม่อาจทราบได้เท่าน้ัน เหมอื นโรคไมว่ ่าชนดิ ใด ย่อมไม่เกิดแก่บคุ คลเพียงคนเดียว มนุษย์เราแม้จะยากจนขัดสนส่ิงใดก็ตาม แต่ก็ไม่ขัดสน ความทุกข์ เราม่งั ค่ังพรั่งพรอ้ มดว้ ยความทกุ ขอ์ ยเู่ สมอ ๒๙ ก.ย. ๒๕๒๐ ความเขา้ ใจกนั ทำ� ใหค้ นเหน็ อกเหน็ ใจกนั ความเหน็ อกเหน็ ใจ ท�ำให้คนรักกัน ความรักท่ีมีพื้นฐานจากความเห็นอกเห็นใจน้ัน เป็นความรักที่นุ่มนวลมั่นคง เหมือนเส้นไหมท่ีคว่ันเป็นเกลียวแล้ว ยากนกั ท่ีจะดึงให้ขาดได้ ๓๐ ก.ย. ๒๕๒๐ ความรักเป็นกีฬาชนิดหนึ่ง ซ่ึงเมื่อบุคคลเล่นเข้าแล้วไม่แพ้ ก็ชนะ แต่การพ่ายรักมีผลกระทบกระเทือนใจและฝังใจมากกว่า การแพก้ ฬี าชนดิ อน่ื บางคนจะระทมหมน่ ไหมไ้ ปตลอดชวี ติ บางคน 128 อ นุ ทิ น ท ร ร ศ น ะ ชี วิ ต
ใช้เวลารักษาแผลใจอยู่เป็นเวลานานปี และไม่มีเพ่ือนร่วมแพ้ด้วย กีฬารักเป็นการลงสนามกับคู่ต่อสู้เพียงตัวต่อตัว คนที่กล้าเล่น กับความรักจึงต้องกลา้ ไดก้ ลา้ เสยี กล้าเผชญิ กับความจริง ๑ ต.ค. ๒๕๒๐ โลกนี้เป็นสนามกีฬาใหญ่ ซ่ึงชีวิตแต่ละชีวิตเป็นนักกีฬา โดยก�ำเนิด ทุกคนต้องต่อสู้ ต้องดิ้นรน ต่อสู้กับภัยธรรมชาติ กับ เพือ่ นมนุษย์ด้วยกนั กบั โรคภยั ไขเ้ จบ็ นานาประการ ๒ ต.ค. ๒๕๒๐ มันเป็นเร่ืองน่าบัดสีน้อยไปหรือ ที่บุคคลผู้สละความสุข ความสบายทางโลก ซึ่งยากที่บุคคลจะสละได้ บวชเป็นบรรพชิต แล้วมาเป็นคนคดโกงในศาสนา เป็นอยู่ด้วยการหลอกลวงคนอื่น โดยอาศยั ความโงเ่ ขลาของคนอน่ื มาสรา้ งความมงั่ มศี รสี ขุ ใหแ้ กต่ น ๓ ต.ค. ๒๕๒๐ ตาดง่ั ตะแกรง ตาไม่เห็น ปากดัง่ ปู หูดัง่ ตะกร้า หัวใจเย็น ปากไมแ่ พรง่ หูไมอ่ า้ ในบางคราว เป็นหลกั ธรรม น�ำให้ คนควรเป็น เช่นน้นั บา้ ง (จำ� ทมี่ าไมไ่ ด้) อ. ว ศ ิ น อิ น ท ส ร ะ 129
ปี ๒๕๒๐ ๔ ต.ค. ๒๕๒๐ อายุของคนเราไม่มากมายอะไรนัก ไม่ควรพร่าเสียด้วย การท�ำบาป ควรให้อายุล่วงไปด้วยการท�ำคุณงามความดี จะได ้ ไม่เสียใจภายหลงั การศึกษาท่ีต้องลงทุนลงแรงกันมาก ก็เพื่อให้คนเป็นคนดี ถ้าท�ำบาปมากเท่าใด ความเป็นคนดีก็ลดน้อยลงเท่าน้ัน ทุนรอนท ี่ ลงไปในการศึกษาก็เสมือนสูญเปล่า ยิ่งมีผลร้ายเสียอีก เพราะ ศึกษามาก ฉลาดรอบรู้มาก แต่จิตใจไม่มีธรรม ย่อมหาโอกาส ทำ� บาปไดม้ าก ๕ ต.ค. ๒๕๒๐ ควรพิจารณาถึงตนอยู่เนืองๆ ว่า บัดนี้เราก�ำลังเวียนว่ายอยู ่ ในสังสารทุกข์ ต้องเกิด แก่ เจ็บ ตาย มีความเศร้าโศกเสียใจ ติดตามพัวพันอยู่ในชีวิตมิได้ว่างเว้น ไฉนหนอ เราจักพ้นจาก สังสารทุกข์น้ีได้ ควรเว้นบาปทุจริตเสีย เพ่ือเป็นทางไปสู่ความ พ้นทกุ ข์นัน้ ๖ ต.ค. ๒๕๒๐ ควรระลึกถึง บิดา มารดา ครู อาจารย์ ญาติพ่ีน้อง ตลอด ถึงสหายท่ีเป็นกัลยาณมิตรว่า ถ้าเราท�ำความชั่วจนต้องเสียช่ือเสียง หรือต้องเสียคนไป ท่านเหล่าน้ันจะต้องเสียใจเพียงใด โดยเฉพาะ อย่างยิ่ง พ่อแม่จะเสียใจมากกว่าคนอ่ืน เพราะท่านเล้ียงดูมาด้วย ความเหนอ่ื ยยาก ลำ� บาก เสยี สละ ทงั้ กำ� ลงั กาย กำ� ลงั ทรพั ย ์ กำ� ลงั สติปัญญา และก�ำลังใจทั้งมวล มุ่งปลูกฝังลูก ตั้งความหวังไว้ว่า 130 อ นุ ท ิ น ท ร ร ศ น ะ ชี ว ิ ต
จะได้ชื่นชมความดีของลูก แต่กลับได้ยินได้ฟังแต่เรื่องชั่วร้ายของ ลกู ทา่ นจะผดิ หวงั เพียงใด เปน็ การท�ำลายจติ ใจของทา่ นเพียงใด ๗ ต.ค. ๒๕๒๐ ส่ิงๆ เดียวกัน อาจเป็นอันตรายส�ำหรับคนหนึ่งแต่ไม่เป็น อนั ตรายสำ� หรบั อกี คนหนง่ึ ทงั้ นขี้ น้ึ อยกู่ บั เครอื่ งรองรบั เหมอื นฝา่ มอื ที่มีแผลและไม่มีแผล ยาพิษอย่างเดียวกัน เมื่อใส่ลงไปในฝ่ามือ ที่มีแผล มันซึมซาบเข้าไปในฝ่ามือนั้นแล้ว แล่นไปตามเส้นเลือด เปน็ อนั ตรายถงึ ชวี ติ แตเ่ มอ่ื ใสล่ งไปในฝา่ มอื ทไี่ มม่ แี ผล มนั ไมม่ ที าง ซึมลงไปในรา่ งกาย อันตรายไม่มี อารมณ์อย่างเดียวกันเกิดขึ้นแก่บุคคลท่ีต่างกัน ผลท่ีออกมา ย่อมตา่ งกัน ๘ ต.ค. ๒๕๒๐ เมอื่ ใจไมป่ กต ิ เจอื ดว้ ยอารมณห์ งดุ หงดิ อย ู่ ค�ำพดู ของคนอนื่ ย่อมเสียดแทงใจของเขาได้ง่าย ส่ิงนั้นซึมซาบเข้าไปเป็นพิษแก ่ จิตใจ เปรียบเหมือนใจมีแผลอยู่แล้ว อะไรกระทบนิดกระทบ หนอ่ ยกเ็ กดิ เป็นพิษขน้ึ บ า ง ค น มี จิ ต ใ จ มั่ น ค ง ดี บ ริ สุ ท ธ์ิ ไ ม ่ มี แ ผ ล คื อ กิ เ ล ส เ ป ็ น พ้ืนฐาน อารมณ์ใดมากระทบก็ไม่อาจซึมซาบลงไปได้ เหมือนน้�ำ ไม่ซมึ ลงไปในใบบวั หรอื ในเพชรกอ้ นบริสทุ ธ ์ิ ไมม่ ีรอยรา้ ว อ. ว ศ ิ น อิ น ท ส ร ะ 131
ปี ๒๕๒๐ ๙ ต.ค. ๒๕๒๐ ความจริงโลกของเราทุกวันน้ีมีโอกาสอยู่มากท่ีจะสร้างสรรค์ ความเจริญรุ่งเรืองแก่สังคมมนุษย์ย่ิงกว่าสมัยใดๆ ที่ผ่านมา แต ่ ดูเหมือนว่าย่ิงโลกเจริญข้ึน ความขัดแย้งต่างๆ ก็มีมากขึ้นด้วย ความต้องการของมนุษย์ซึ่งเดิมทีมีเพียงเล็กน้อย จ�ำกัดอยู่เฉพาะ สิ่งท่ีจ�ำเป็น ได้ถีบตัวสูงข้ึนจนเกือบจะพูดไม่ถูกในบัดน้ีว่า มนุษย์ เราต้องการอะไรแน่ ความสุขซึ่งโดยปกติเป็นของหาได้ง่ายก็กลับ เป็นของหาได้ยากส�ำหรับมนุษย์ในสังคมปัจจุบัน ท้ังนี้สืบเนื่องจาก ความผิดพลาดที่มนุษย์เพิกเฉยต่อการฝึกฝนจิตใจของตน ต่อการ ขดั เกลาจติ ใจของตนให้ประณีต ๑๐ ต.ค. ๒๕๒๐ มนุษย์จะได้รับการศึกษาภายนอกสูงเพียงใดก็ตาม จิตใจ ของเขาจะไม่สว่างขึ้นเลย นอกจากเขาจะหันมาศึกษาและปฏิบัติ ทางจิตด้วย การศึกษาวิทยาการต่างๆ ภายนอก มิได้ช่วยให้เขา ลดความเห็นแก่ตัวลงเลย ข้อขัดแย้งของมนุษย์ในสังคมจนต้อง ฟาดฟันประหัตประหารกันนั้น ไปจากความเห็นแก่ตัว มุ่งแต่ ประโยชน์ของตน ฝ่ายหนึ่งต้องการให้ได้เปรียบมากท่ีสุด อีก ฝา่ ยหนง่ึ กม็ คี วามรสู้ กึ เช่นน้นั เหมือนกนั ๑๑ ต.ค. ๒๕๒๐ “ความทุกข์ของโลกไม่สามารถแก้ได้ด้วยการช่วยเหลือทาง กายอย่างเดียว ตราบใดท่ีอุปนิสัยของคนยังไม่เปล่ียนแปลงไป คนก็จะรู้สึกมีความทุกข์อยู่เสมอ การช่วยเหลือทางกายจะมากมาย 132 อ นุ ทิ น ท ร ร ศ น ะ ชี ว ิ ต
เพียงใดก็ไม่อาจลดความทุกข์ของมนุษย์ให้หมดสิ้นได้ วิธีเดียวท่ี จะแก้ปัญหาน้ีคือการท� ำมนุษย์ให้บริสุทธ์ิข้ึน ความโง่เขลาคือ มารดาหรือต้นเค้าส�ำคัญของความชั่วและความทุกข์ท้ังมวลเท่าที ่ เราเห็นอยู่ ขอให้เราช่วยให้มนุษย์สว่าง บริสุทธ์ิ มีกำ� ลังใจเข้มแข็ง และมีการศึกษาดี ด้วยวิธีการเพียงเท่านี้ ความทุกข์ของโลกจึง จะส้นิ สุดลงได”้ ๑๒ ต.ค. ๒๕๒๐ (ต่อจากวันท่ ี ๑๑) “แม้เราจะให้ความคุ้มครองคนทุกบ้านทุกเรือน สร้างโรง พยาบาลให้เต็มแผ่นดินก็ตาม แต่หากว่า เน้ือแท้ (Nature) ของ มนุษย์ยังมิได้เปลี่ยนไปตราบใด ความทุกข์ก็จะต้องด�ำเนินต่อไป ตราบนนั้ ” (วาทะของทา่ นสวาม ี วเิ วกานนั ทะ ใน The Secret of work ท่านสวามี วิเวกานันทะ มีช่ือเสียงโด่งดังมากที่สุดผู้หนึ่งในอินเดีย เขยี นหนงั สอื ไวม้ าก ลว้ นเปน็ ทนี่ ยิ มในหมนู่ กั ปราชญท์ งั้ สน้ิ ชอื่ เสยี ง ของทา่ นเปน็ ท่ีรจู้ กั แม้ในองั กฤษและอเมรกิ า) ๑๓ ต.ค. ๒๕๒๐ การขาดแคลนธรรมเท่ากับขาดแคลนหมดทุกส่ิงทุกอย่าง การปลกู ฝงั ใหค้ นมธี รรมเทา่ กบั ใหเ้ ขามที กุ สงิ่ ทกุ อยา่ ง เรอื่ งนที้ กุ คน พสิ ูจนไ์ ด้ดว้ ยตนเองและพิสูจน์ได้ทกุ เม่ือ อ. ว ศ ิ น อิ น ท ส ร ะ 133
ปี ๒๕๒๐ ๑๔ ต.ค. ๒๕๒๐ ในคัมภีร์นวกนิบาต อังคุตตรนิกาย พระพุทธเจ้าตรัสแก่ ภิกษุท้ังหลายว่า โอปปาติกะก�ำเนิดคือพวกกายทิพย์ เช่น นรก เปรต อสุรกาย เทวดา มาร พรหม น้ัน บุคคลจะรู้ได้ก็โดยผ่าน ทางสมาธิ ไม่สามารถรู้ได้ด้วยการเก็งความจริง หรือการนึกคิด ธรรมดา อยา่ งที่คนส่วนมากชอบทำ� กัน ๑๕ ต.ค. ๒๕๒๐ ๑. ไม่ว่าในกลางหาวหรือท่ามกลางมหาสมุทร หรือระหว่าง ช่องภูเขา แผ่นดิน ที่มัจจุราชจะเอ้ือมมือไปไม่ถึงน้ัน มิได้ม ี ท้ังเด็กและผู้ใหญ่ ทั้งคนพาลและบัณฑิต ท้ังหมดย่อมไปสู่อ�ำนาจ ของมจั จรุ าช ทั้งหมดมีความตายดกั อยู่ขา้ งหน้า (พระพทุ ธภาษิต) ๒. เมื่อความตายมาถึงเข้า ทุกคนต้องละทิ้งส่ิงท้ังปวงไป แมแ้ ตส่ รรี ะอนั เปน็ ทหี่ วงแหนรกั ใครท่ ส่ี ดุ กจ็ �ำตอ้ งทงิ้ ไว ้ เอาไปไมไ่ ด้ ๑๖ ต.ค. ๒๕๒๐ สรรี ะน ี้ ถา้ ไมเ่ ปน็ ทรี่ องรบั ความดแี ลว้ กเ็ ปน็ ของเลวอยา่ งหนง่ึ ท่ีให้ความทุกข์มาก ให้ความสุขเพียงเล็กน้อย เป็นภาระอันไม่รู้จัก จบส้ิน เป็นมารอย่างหนึ่ง เรียกว่า ขันธมาร เป็นภาระอย่างหนัก เรียกว่า ขันธภาระ ดังท ี่ พระพทุ ธองคต์ รสั วา่ ภารา หเว ปญฺจกขฺ นฺธา ขนั ธ ์ ๕ เป็นภาระหนักแท้ นตฺถ ิ ขนฺธสมา ทกุ ฺขา ทุกข์ใดๆ เสมอด้วยการบรหิ ารขันธ ์ ๕ เปน็ ไม่มี 134 อ นุ ทิ น ท ร ร ศ น ะ ชี ว ิ ต
๑๗ ต.ค. ๒๕๒๐ กิเลสต่างๆ จัดเป็นภาระของใจ ท�ำให้ใจมีภาระ ไม่อิสระ ปลอดโปร่ง ไม่เป็นตัวของตัวเอง เป็นเหมือนหินถ่วงใจให้หนัก เหมือนตะปูตรึงใจให้แนบแน่นกับอารมณ์โลก พระพุทธองค์จึง ตรัสว่า ภาราทาน ํ ทกุ ขฺ ํ โลเก การยึดภาระ (กิเลสและขนั ธ์) เปน็ ทุกขใ์ นโลก ภารนิกฺเขปนํ สขุ ํ การปลงภาระเสยี ได ้ เป็นสขุ ๑๘ ต.ค. ๒๕๒๐ บุญหรือความดีก็เป็นบ่วงอย่างหน่ึง บาปหรือความช่ัวก็เป็น บ่วงอย่างหน่ึง เหมือนโซ่ท่ีท�ำด้วยทองและท�ำด้วยเหล็กก็ล้วน เป็นโซ่เหมือนกัน ภาวะท่ีสูงสุดในพระพุทธศาสนาจึงชี้ไปท่ีความ หลุดพ้นจากบ่วงท้ัง ๒ อย่าง ท้ังดีและชั่ว พระอรหันต์จึงม ี คณุ บทอยา่ งหนงึ่ วา่ ปญุ ฺ ปาปหโี น - ผูล้ ะบุญและบาปได้แล้ว ๑๙ ต.ค. ๒๕๒๐ พระพทุ ธศาสนา คมั ภรี อ์ ปุ นษิ ทั ลทั ธเิ ชน เปน็ ตน้ ลว้ นสอน เร่ืองอหิงสา ความไม่เบียดเบียนทั้งสิ้น นักปรัชญาสมัยใหม่ใน ศตวรรษที่ ๒๐ แห่งคริสตกาล เช่น มหาตมะ คานธี ก็เน้นมาก เรื่องอหิงสาเหมือนกัน แต่คานธียอมให้ฆ่ายุงและสัตว์ร้ายที่ท�ำลาย ชีวิตคนได้ คานธีถือว่า การกระท�ำเช่นน้ันเพ่ือช่วยชีวิตเราเอง ไม่ถือเปน็ การเบยี ดเบียน อ. ว ศ ิ น อิ น ท ส ร ะ 135
ผู้ไม่ต้องการสิ่งใด จึงเท่ากับได้โลกท้ังโลก ไว้ในครอบครอง ไม่มีสิ่งใดท่ีเขาไม่มีและไม่ได้ ท่ีคนรู้สึกว่าเขาขาดส่ิงใด ก็เพราะเขาต้องการสิ่งน้ัน
ปี ๒๕๒๐ คานธ ี อนญุ าตแมก้ ารฆา่ คนในบางกรณ ี ตวั อยา่ ง เชน่ คนบา้ ถอื ดาบวงิ่ ฆา่ คนอยตู่ ามถนน ไมม่ ใี ครสามารถจบั เขาไดท้ ง้ั เปน็ ใคร ฆา่ คนเช่นนัน้ ไมถ่ อื ว่าเป็นการทำ� ชัว่ ๒๐ ต.ค. ๒๕๒๐ คานธีกล่าวว่า อหิงสาต้องแสดงออกทางความรัก การช่วย เหลือสังคม ความเสียสละ และความกล้าหาญ ความคิดช่ัว เช่น ความเกลียดชัง และความหวังร้ายจะเป็นเครื่องท�ำลายอหิงสาให้ พนิ าศลง คานธีกล่าวว่า บุคคลผู้ไม่เบียดเบียน ย่อมเป็นผู้เข้มแข็ง อย่างแท้จริง เป็นคนกล้าหาญ พร้อมเสมอท่ีจะเสียสละแม้แต่ชีวิต เพอ่ื คณุ ความด ี แตค่ นขลาดจะปฏิบัติตามอหงิ สาธรรมมิไดเ้ ลย ๒๑ ต.ค. ๒๕๒๐ ถ้าจะถามว่าพระพุทธศาสนามีทรรศนะต่อชีวิตอย่างไร ? น่า จะตอบไดต้ ามพระพทุ ธมตทิ วี่ า่ ชวี ติ เตม็ ไปดว้ ยทกุ ข ์ อรยิ สจั ขอ้ ท ี่ ๑ ของพระพทุ ธองคก์ ็เร่มิ ตน้ ดว้ ยทุกข ์ แต่ทรงสอนวิธีแก้ทุกข ์ สาเหตุ ข อ ง ทุ ก ข ์ แ ล ะ ท า ง ดั บ ทุ ก ข ์ ไ ว ้ ด ้ ว ย ห า ก มิ ไ ด ้ ท ร ง ส อ น อ ริ ย สั จ ๓ ข้อหลังไว้ พระพุทธศาสนาก็คงเป็นลัทธิทุนิยม (Pessimism) มองชีวิตในแง่ร้าย ถึงกระนั้นนักปราชญ์ชาวตะวันตกบางคนก็ ยังมองพระพุทธศาสนาว่าเป็นทุนิยม เพราะเหตุท่ีกล่าวว่าชีวิต เต็มไปดว้ ยความทกุ ข์ 138 อ นุ ทิ น ท ร ร ศ น ะ ชี วิ ต
๒๒ ต.ค. ๒๕๒๐ มองในแง่ปรมัตถธรรม ชีวิตมิใช่อย่างเดียวกันกับทุกข ์ และมิใช่ต่างกันกับทุกข์ แต่เพราะอาศัยชีวิต ความทุกข์จึงเกิดข้ึน เหมือนคลื่นกับมหาสมุทร มิได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และมิได้ เปน็ ตา่ งหากจากกัน แต่เพราะอาศัยลม ทะเลจงึ มคี ลนื่ ถ้าชีวิตเป็นอย่างเดียวกับทุกข์ พระอริยเจ้าก็พ้นทุกข์ไม่ได ้ ถ้าชีวิตคนละอย่างจากทุกข์ บุคคลก็สามารถแยกตนออกไปโดย ไม่เก่ียวข้องกับทุกข์ได้ แต่เพราะอาศัยเหตุปัจจัย ทุกข์จึงเกิดขึ้น พอสน้ิ เหตปุ ัจจยั ทกุ ข์กด็ บั ไป ๒๓ ต.ค. ๒๕๒๐ พูดถึงความสุข พระพุทธศาสนามองสุขในแง่กว้าง คือยอม ให้ท้ังโลกียสุขและโลกุตตรสุข ยอมให้ทั้งสามิสสุข - สุขมีอามิส เครอื่ งลอ่ และนริ ามสิ สขุ - สขุ ไมม่ เี ครอ่ื งลอ่ แตพ่ ระพทุ ธเจา้ ทรงตงิ ว่า โลกียสุขน้ันยังเจืออยู่ด้วยทุกข์ ไม่ใช่สุขแท้ ส่วนโลกุตตรสุข หรอื นริ ามสิ สขุ เปน็ สขุ แท ้ ไมเ่ จอื ดว้ ยทกุ ข ์ พระพทุ ธเจา้ ทรงสง่ เสรมิ ความสขุ อยา่ งหลงั มาก คอื สง่ เสรมิ โลกตุ ตรสขุ พดู ไปคลา้ ยของเทยี ม กบั ของแท ้ ของเทยี มกพ็ อใชไ้ ปไดเ้ หมอื นกนั แตไ่ มด่ เี หมอื นของแท้ ของแท้จงึ ดกี ว่าของเทยี มอยเู่ สมอ ๒๔ ต.ค. ๒๕๒๐ ค น พ ว ก ห นึ่ ง ติ ด โ ล ก อี ก พ ว ก ห นึ่ ง เ บื่ อ โ ล ก ใ น ส อ ง พ ว ก พวกหลังดีกว่า แต่ท่ีว่าเบ่ือโลกนั้น ไม่ใช่เบื่อแล้วเป็นทุกข์หรือ กลุ้มใจเบ่ือแล้วใจสงบ ปล่อยวางได้ คนที่ว่าเบ่ือโลกแล้วเป็น อ. ว ศ ิ น อิ น ท ส ร ะ 139
ปี ๒๕๒๐ ทกุ ขก์ ลมุ้ อกกลมุ้ ใจนน้ั นา่ จะเปน็ เพราะตดิ โลกมากเกนิ ไป มากกวา่ คนติดโลกธรรมดาเสียอีก เบื่อเพราะไม่ได้สมหวังดังใจ แต่ถ้าได ้ ดงั ใจหวังกต็ ดิ ดังนี้จะเรยี กวา่ เบื่อได้อย่างไร ๒๕ ต.ค. ๒๕๒๐ ท่านอย่ากล่าวค�ำหยาบกับใครๆ เพราะเมื่อเขาถูกด่าว่าก็จะ พึงด่าท่านตอบมา อันการกล่าวแข่งดีกันน้ันเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ โทษต่างๆ ก็จะพึงหวนกลับมาถูกต้องท่าน ถ้าท่านท�ำตนมิให ้ หวน่ั ไหว (อยอู่ ยา่ งสงบเสงย่ี ม ไมม่ ปี ากเสยี งกบั ใคร) เหมอื นกงั สดาล ท่ีปากขาดเสียแล้ว ท่านจะถึงนิพพาน การกล่าวแข็งดีกันก็จะไม่ม ี แก่ทา่ น (พระพุทธภาษติ ) ๒๖ ต.ค. ๒๕๒๐ ความรา้ ยของเขามไี มม่ ากพอ หามาใสเ่ ขา้ เรยี กวา่ “ใสร่ า้ ย” ความช่ัวของเขามีไม่พอ ความด�ำของเขายังน้อยไป หรือไม่มีเลย หาเรอ่ื งมาปา้ ยเข้า เรียกว่า “ปา้ ยสี” ทำ� ใหด้ รู ุนแรงเข้มขน้ ขึ้น เมื่อใส่ร้ายป้ายสีกันมากเข้า ก็เหมือนสาดโคลนเข้าหากัน แปดเปื้อนกันไปฝ่ายละมากๆ คนดูก็ชอบใจ แต่ความย่อยยับตก แก่ผู้ทะเลาะกัน 140 อ น ุ ท ิ น ท ร ร ศ น ะ ชี ว ิ ต
๒๗ ต.ค. ๒๕๒๐ อาย ุ อสุ ฺมา จ วญิ ฺาณ ํ ยทา กายํ ชหนตฺ ิ มํ อปวฏิ โฺ ตทา เสต ิ เอตถฺ สาโร น วชิ ฺชติ เม่ือใด อายุ ไออุ่น และวิญญาณ ละกายน้ีไป กายนี้ก็ถูก ทอดทิง้ ใหน้ อนเหมอื นทอ่ นไม้ สาระในกายนไ้ี มม่ เี ลย ผู้เข้านิโรธสมาบัติมีอาการเหมือนคนตาย แต่อายุยังไม่สิ้น ไออุ่นยังอยู่ วิญญาณยังไม่ท้ิงร่างกายไป เพียงแต่ไม่มีลมหายใจ อนั เป็นกายสังขารปรงุ แตง่ กายเทา่ น้ัน ๒๘ ต.ค. ๒๕๒๐ “วิสาขา ! สภาวธรรมมีความเกิดเป็นต้นของสัตว์ท้ังหลาย เป็นเหมือนโคบาลผู้มีท่อนไม้ในมือ (ส�ำหรับต้อนฝูงโค) ความเกิด ส่งสัตว์ไปสู่ความแก่ ความแก่ส่งต่อไปยังความเจ็บ ความเจ็บส่ง ไปยังความตาย มรณะย่อมตัดชีวิตของสัตว์ท้ังหลายให้สิ้นสุดลง ถึงกระน้ันปวงสัตว์ที่ปรารถนาออกจากวัฏฏะก็ไม่ค่อยมี ส่วนมาก มัวแตป่ รารถนาวฏั ฏะ (การเวยี นว่ายตายเกิด) กนั เสียทง้ั นนั้ ” (พระพทุ ธเจ้าตรัสกบั นางวิสาขา, อรรถกถาธรรมบทภาค ๕ เรือ่ งอุโบสถกรรม) ๒๙ ต.ค. ๒๕๒๐ นักจรยิ ศาสตร์ได้กล่าวถงึ ศลี ธรรม ๒ ประเภท คือ ๑. Positive Morality ศีลธรรมท่ียอมรับปฏิบัติกันตาม ธรรมเนียมประเพณี หรือตามข้อบังคับของศาสนานั้นๆ แม้ไม่ม ี เหตุผลเพยี งพอกต็ อ้ งทำ� ตาม อ. ว ศ ิ น อิ น ท ส ร ะ 141
ปี ๒๕๒๐ ๒. Ideal Morality ศีลธรรมตามอุดมคติแสวงหาความดี ในตัวมันเอง (Good in themselves) ไม่ข้ึนกับความเห็นของ สั ง ค ม ดี ใ น ตั ว เ อ ง ช่ั ว ใ น ตั ว เ อ ง แ ล ้ ว เ ส ร็ จ ใ ค ร จ ะ เ ห็ น อ ย ่ า ง ไ ร กช็ า่ งใคร เหมอื นมะมว่ งยอ่ มเปน็ มะมว่ ง ใครจะเหน็ เปน็ ขนนุ กห็ า เปล่ยี นมะม่วงให้เปน็ ขนุนไดไ้ ม่ ๓๐ ต.ค. ๒๕๒๐ นักพรต หรือสมณะในศาสนาต่างๆ แม้จะมุ่งความบริสุทธ์ ิ แตถ่ า้ ใจของเขายงั หมกั หมมอยดู่ ว้ ยความโลภอยากได,้ ความรษิ ยา ตราบนั้นความเป็นสมณะของเขาก็ไม่มีประโยชน์อันใด เป็นเพียง เครอื่ งมอื หากนิ เพราะถกู นำ� ดว้ ยความอยาก และนำ� ไปสคู่ วามอยาก ๓๑ ต.ค. ๒๕๒๐ “นาคิตะ เราไม่ติดยศ และยศไม่ติดเรา เราได้สุขอันยิ่งกว่า ลาภสักการะแล้ว ลาภสักการะประเภทอาหารการกินน้ัน ในท่ีสุด ก็เหลือลงเป็นอุจจาระ ปัสสาวะ ท�ำนองเดียวกับความรักซ่ึงม ี ความโศก ความร�่ำไรร�ำพันเป็นผล ผู้พิจารณาเห็นความเกิดดับ ในอุปาทานขันธ์ ๕ ย่อมเห็นความไม่ดีแห่งความยึดมั่นถือมั่นใน ขนั ธ์ ๕” พระพุทธพจน์ ตรัสแก่พระนาคิตะที่ราวป่าอิจฉานังคละ แควน้ โกศล เมอ่ื พราหมณแ์ ละคหบดเี ปน็ อนั มากมาเฝา้ นำ� ของเคย้ี ว ของฉนั เปน็ อนั มาก มายนื ชมุ นมุ สง่ เสยี งออื้ องึ อยภู่ ายนอกซมุ้ ประตู (นัย องฺ. ปญฺจก. ๒๒/๓๑) 142 อ นุ ทิ น ท ร ร ศ น ะ ชี วิ ต
๑ พ.ย. ๒๕๒๐ เม่ือภายในของบุคคลยังไม่สงบก็หาช่ือว่าความสงบแท้จริง ไม่ คือ สงบที่แท้จริงหรือสันติภาพถาวร (The lasting peace) น้ันจะต้องไปจากภายในของบุคคลแต่ละคนในสังคม เหมือนม ี ไฟคนละดวง เมื่อแต่ละคนดับไฟของตนได้ ไฟของส่วนรวมก็ ช่ือว่าดับ ความร้อนของสังคมก็ถึงความดับลง เหลืออยู่แต่ความ สงบเย็น สันติภาพถาวรเกิดขึ้นโดยวิธีนี้ อนึ่ง เม่ือสงบตนเอง ได้แล้ว ก็พึงช่วยอนุเคราะห์ผู้อ่ืนให้สงบด้วย ดังเช่นพระผู้ม ี พระภาคเจ้า (สนฺโต โส ภควา สมถาย ธมมฺ ํ เทเสต)ิ ๒ พ.ย. ๒๕๒๐ เราจะถือเอาการแต่งกายอันสวยงามเพียงอย่างเดียวมา วัดคุณค่าของคนหาได้ไม่ เพราะข้อเท็จจริง (Fact) ได้เผยให้เรา เห็นอยู่ว่า บางคนแต่งกายดี รูปงาม แต่ใจสกปรก มีคุณธรรม อยู่ในใจน้อยเหลือเกิน ชนิดที่กายเป็นคน ใจเป็นสัตว์ ท่ีเรียก ในภาษาอังกฤษว่า Satyr (แซทเออร์) คนประเภทนย้ี งิ่ มกี ารศกึ ษา มาก ยิ่งมีต�ำแหน่งใหญ่โตก็ย่ิงเป็นภัยต่อสังคมมากข้ึน ทั้งนี้เพราะ การศึกษาวิชาการทางโลก เพ่ือมุ่งผลทางการประกอบอาชีพแต่ อย่างเดียวนั้น ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงนิสัยชั่วด้ังเดิมของคนให้ ดขี ึ้นได้เลย อ. ว ศ ิ น อิ น ท ส ร ะ 143
ปี ๒๕๒๐ ๓ พ.ย. ๒๕๒๐ Satyr (แซทเออร์) มคี วามหมายโดยยอ่ ดังนี้ หมายถึงพระเจ้าของกรีกและโรมันโบราณคร่ึงคนคร่ึงสัตว์ หนา้ เปน็ คน รา่ งกายเปน็ สตั ว ์ อยตู่ ามตน้ ไมแ้ ละภเู ขา ชอบเหลา้ และ ผู้หญิง ชอบใช้เวลาให้หมดไปด้วยการหาความสุขส�ำราญอย่าง ปา่ เถ่ือน คนที่มีความต้องการทางเพศรุนแรงจนไม่สามารถควบคุม ได้ ประพฤติอนาจารทางเพศเย่ียงสัตว์เดรัจฉาน อย่างน้ีเรียกว่า คนทม่ี กี ายเป็นคนแตใ่ จเป็นสัตว์ดริ จั ฉาน ๔ พ.ย. ๒๕๒๐ การศึกษาอันไม่สมบูรณ์ท�ำให้คนทะนงตนในทางผิด คือ มีความรู้สึกว่าเขาเป็นคนดี มีการศึกษาดี มีปริญญา เขาเป็น ป ั ญ ญ า ช น แ ต ่ เ ข า ห า ไ ด ้ น� ำ พ า ต ่ อ ศี ล ธ ร ร ม จ ร ร ย า ห รื อ ค ว า ม รับผิดชอบต่อสังคมแต่ประการใดไม่ เขาประพฤติตามใจตน มิได้ ยอมเสียสละความสขุ ของตนแม้แต่น้อยเพอ่ื สว่ นรวม การศึกษาที่สมบูรณ์ ต้องประกอบด้วยความรู้ความสามารถ ในสิ่งท่ีตนรู้ คือสามารถน�ำเอาความรู้น้ันมาใช้ประโยชน์ได้ มี มโนธรรม คอื ความรสู้ กึ รบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คมทตี่ นอยคู่ วบคไู่ ปดว้ ย สงั คมจะเจรญิ ก็เพราะอาศัยบุคคลผู้มกี ารศึกษาสมบูรณ์น้ี 144 อ น ุ ท ิ น ท ร ร ศ น ะ ชี วิ ต
๕ พ.ย. ๒๕๒๐ คนฉลาดต้องคอยฝึกกาย วาจาของตนให้ดี คอยถ่ายถอน เอาส่วนท่ีช่ัวร้ายออก น�ำเอาส่วนดีเข้าไว้ในตน เมื่อนานเข้าก็กลาย เป็นนิสัย อุปนิสัย สิ่งนั้นกลายเป็นอันหน่ึงอันเดียวกันกับตน จนแยกไม่ออก เหมือนผลไม้ดองที่น� ำมาดองกับส่ิงใดสิ่งหน่ึง จนสิ่งนั้นซึมซาบผสมผสานเข้ากันอย่างสนิท ไม่อาจแยกออก จากกันได้ คนฉลาดต้องพยายามฝึกฝนตนเอง รู้สึกเสียใจต่อ ข้อบกพร่องเล็กน้อยของตนและพร้อมท่ีจะแก้ไข เพราะสิ่งเล็ก น้อยอาจท�ำให้คนอ่ืนมองเห็นลักษณะนิสัยส่วนใหญ่ของเราได้ เปรียบเหมือนเราสามารถมองเห็นความเป็นไปในห้องใหญ่ จาก ช่องเล็กๆ ของประตูหรือฝาผนงั ฉะน้นั ๖ พ.ย. ๒๕๒๐ กายวาจาทฝี่ กึ ดแี ลว้ เปน็ เครอ่ื งเพม่ิ พนู สง่ เสรมิ บคุ ลกิ ลกั ษณะ ของผู้น้ันให้เด่น เป็นเคร่ืองเชิดชูให้ดูน่าเกรงขาม น่าเคารพนับถือ น่ากราบไหว้บูชา คนเราจะดีเองไม่ได้ ต้องฝึกอบรม เมื่อได้ที่แล้ว ย่อมมีผลคุ้มไปทั้งชีวิต ยังติดเป็นอุปนิสัยวาสนาบารมีไปชาติหน้า อกี ดว้ ย ตอ้ งไมล่ มื วา่ คนอน่ื เปน็ เพยี งผชู้ ว่ ยเหลอื เทา่ นน้ั คนสำ� คญั ในการฝึกคือตัวเราเอง ถ้าตัวเราเองไม่เอาเร่ืองเสียแล้ว แม้ผู้ฝึก ชั้นบรมครูก็ไม่อาจฝึกเราได้ เม่ือฝึกตนได้แล้ว หน้าที่ส� ำคัญ อยา่ งหนงึ่ ของเรากค็ อื ชว่ ยฝกึ ผอู้ น่ื ดว้ ย ดงั เชน่ พระผมู้ พี ระภาคเจา้ (ทนฺโต โส ภควา ทมถาย ธมมฺ ํ เทเสต)ิ อ. ว ศ ิ น อิ น ท ส ร ะ 145
ปี ๒๕๒๐ ๗ พ.ย. ๒๕๒๐ อินทรีย์ คือ จักษุท่ีได้รับการฝึกแล้ว มีความอดทนต่อรูป ทสี่ วยงามไดม้ ากกวา่ จกั ษทุ ยี่ งั ไมไ่ ดฝ้ กึ คอื อาจมองดกู ไ็ ด ้ ไมม่ อง ก็ได้ เมื่อมองดูก็มีสติก�ำกับ มิได้หลงใหลในรูปจนต้องท�ำบาป เ พ ร า ะ รู ป นั้ น เ ป ็ น เ ห ตุ แ ต ่ ก ลั บ พิ จ า ร ณ า เ ห็ น โ ท ษ ท่ี ติ ด อ ยู ่ กั บ ความงามนน้ั เหมอื นความงามของศสั ตรา และผลไม ้ หรอื ดอกไม ้ ท่ีเป็นพิษ มันมโี ทษแอบแฝงซ่อนเร้นอย่ดู ้วย ๘ พ.ย. ๒๕๒๐ ในขณะที่จิตก�ำลังตรึกทางกามน้ัน ความคิดทางพยาบาท ย่อมไม่มี ความคิดทางเบียดเบียนก็ไม่มี แต่พอความคิดทาง พยาบาท หรือทางเบียดเบียนเกิดขึ้น ความตรึกทางกามก็หายไป โดยนัยนี้จะเห็นได้ว่ากิเลสย่อมก�ำจัดกันอยู่ในตัว ท่ีใดมีรักท่ีนั่น ย่อมไม่มีความโกรธ ความรักกับความโกรธจะเกิดพร้อมกันไม่ได ้ เม่ือกิเลสสายใดเกิดขึ้น ย่อมเกิดอย่างเต็มที่ ไม่เคยเลยที่คร่ึงหน่ึง ของจติ เปน็ ความรกั อกี ครง่ึ หนง่ึ เปน็ ความโกรธหรอื เกลยี ด จรงิ อย่ ู ในบุคคลคนเดียวกัน บางคราวเราอาจรักอย่างดูดดื่ม บางคราว เราโกรธอย่างมาก แต่ต้องเกิดขึน้ ไมพ่ รอ้ มกนั ๙ พ.ย. ๒๕๒๐ คนที่หลับและฝันไปต่างๆ ย่อมดีใจบ้าง เสียใจบ้างกับ เหตุการณ์ในฝันนั้นฉันใด คนท่ีหลับอยู่ด้วยความหลับคือกิเลส ก็ฉันนั้น ย่อมหลงดีใจ เสียใจในเหตุการณ์ต่างๆ อันผ่านเข้ามา ในชีวิต ทั้งน้ีเพราะโลกียธรรมบังปัญญาจักษุไว้ช่ัวคราว เหมือน 146 อ นุ ท ิ น ท ร ร ศ น ะ ชี ว ิ ต
ความฝนั บังความจริงเอาไว้ แต่เมื่อบุคคลผู้น้ันตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์จากความหลับคือ กิเลส (กิเลสนิทรา) แล้ว ความหลงดีใจเสียใจในเหตุการณ์ต่างๆ ย่อมพลันหายไป มีแตส่ ต ิ และอุเบกขาญาณอนั บริสทุ ธ์ิเทา่ นั้น ๑๐ พ.ย. ๒๕๒๐ เม่ือผู้ปฏิบัติสมาธิออกจากสมาธิแล้ว หรือออกจากฌานแล้ว ยอ่ มดำ� เนนิ ชวี ติ ตามปกต ิ คอื ด�ำเนนิ ไปตามกระแสแหง่ โลกยี ธรรม การยนื เดนิ นงั่ นอน กนิ ดม่ื ยอ่ มดำ� เนนิ ไปเหมอื นสามญั มนษุ ย์ เมื่อเป็นดังนี้มีปัญหาว่าสมาธิน้ันจะเส่ือมลงหรือไม่ ? ตอบว่า โดยธรรมชาติหาเส่ือมลงไม่ เหมือนคนท�ำงานช่ัวระยะหนึ่ง เม่ือ หยุดงาน ผลของงานก็ยังอยู่ และเมื่อเขาเริ่มท�ำงานใหม่ ก็ได้ผล ของงานต่อไป งานนั้นจะดีขน้ึ เรื่อยๆ ๑๑ พ.ย. ๒๕๒๐ การปฏบิ ตั สิ มาธเิ ปน็ กรรมดอี ยา่ งหนงึ่ กฎธรรมดาแหง่ กรรมดี มีอยู่ข้อหนึ่งว่า ผู้ประกอบกรรมดีย่อมมีความรู้สึกปลื้มใจ พอใจ ในตัวของเขาเอง ความปลื้มใจน่ันแหละชวนให้ผู้นั้นท�ำกรรมดี ต่อไปอีก เพราะฉะน้ันผู้ประกอบกรรมดีในทางใดอยู่เนืองนิตย ์ ย่อมไม่เสอ่ื มจากทางเดนิ ของเขาในทางน้นั อ. ว ศ ิ น อิ น ท ส ร ะ 147
๑๒ พ.ย. ๒๕๒๐ ชาวนา ย่อมไขน�้ำเขา้ นา ชา่ งศร ดัดลูกศร ชา่ งถาก ถากไม ้ (ให้ตรง หรือ กลม) ผู้มีวตั รดี ย่อมฝึกตน (พระพทุ ธภาษติ ) ผมู้ วี ตั รด ี คอื ทา่ นผไู้ ดร้ บั การศกึ ษาอบรมด ี มจี รรยามารยาท งาม มองดนู า่ เลือ่ มใส ก่อใหเ้ กิดปีตปิ ราโมชแก่ผู้เข้าใกล้ ปี ๒๕๒๐ ๑๓ พ.ย. ๒๕๒๐ ไฟที่เกิดจากไม้ก็ดี จากดวงอาทิตย์ก็ดี พระพุทธเจ้าตรัสว่า ไม่ร้ายแรงเท่าไฟราคะ เพราะไฟน้ีเผากรุ่นอยู่ตลอดเวลาในความ ส�ำนึก มันกรุ่นอยู่ในใจเสมอ ไม่เคยดับ นอนหลับแล้วก็ยังฝันถึง อีก เพราะเหตุท่ีมันกรุ่นอยู่เสมอน่ีเอง พอได้เช้ือคือสุภนิมิต ห รื อ สุ ภ า ร ม ณ ์ มั น จึ ง ลุ ก โ พ ล ง ข้ึ น ทั น ที ส ม ป ร า ร ถ น า ก็ ติ ด อ ยู ่ ไ ม ่ เ ค ย เ ต็ ม ค ว า ม ต ้ อ ง ก า ร เ ห มื อ น ห ย า ด น้� ำ น ้ อ ย ไ ม ่ พ อ แ ก ่ ค น กระหายจัด คนท่ัวไปไม่ค่อยต้องการจะละมัน เพราะมีความสุข เล็กๆ น้อยๆ หยดให้อยู่ เหมือนหยดน�้ำท่ามกลางหนาม นกที่ กระหาย ตอ้ งบกุ บน่ั เขา้ ไป ขาดความระวงั เมอื่ ใด อนั ตรายแหง่ ปาก ยอ่ มมเี มื่อน้ัน 148 อ นุ ท ิ น ท ร ร ศ น ะ ชี วิ ต
๑๔ พ.ย. ๒๕๒๐ ไฟโทสะน้ันมองเห็นฤทธ์ิของมันได้จากการประทุษร้าย กนั สงั คมโลกของเราจะมคี วามสขุ ยงิ่ กวา่ น ้ี ถา้ คนไมป่ ระทษุ รา้ ยกนั ก�ำจัดไฟภายในคอื โทสะให้น้อยลงหรือหมดไป เพลงิ โทสะทเ่ี กดิ ขนึ้ ในใจแลว้ เผาตนเองกอ่ น แลว้ จงึ ลามไป เผาผู้อ่ืนภายหลัง เหมือนไฟในเตาย่อมยังเตาให้ร้อนก่อน แล้วจึง ยงั สิ่งอนื่ ท่ีอยู่บนเตาใหร้ ้อนในกาลตอ่ มา ๑๕ พ.ย. ๒๕๒๐ คนใดมีริษยาอยู่ในใจมาก คนน้ันไม่มีความสุขใจ เขา เกลียดความดีและคนดี ไม่อนุโมทนาต่อความดีความเด่นของใคร ชอบยกตนข่มผู้อื่น ท่านกล่าวว่า “จะดูคนริษยา จงดูการหาเรื่อง” ถา้ ไมม่ เี รอื่ งจรงิ กป็ น้ั เรอ่ื งขน้ึ ใสร่ า้ ยเขาเพอื่ ตนจะไดเ้ ดน่ ขน้ึ ทำ� นอง เอาโคลนไปสาดบ้านคนอ่นื เพ่อื ให้บ้านของตนมองดสู ะอาด ๑๖ พ.ย. ๒๕๒๐ ความต้ังอยู่ย่ังยืนของร่างกายใดไม่มี ขอท่านจงดูกายนั้น ซึ่งกรรมท�ำให้วิจิตรแล้ว มีแผลอยู่เป็นประจ�ำ มีกระดูกเป็นโครง น่าเบื่อหนา่ ย (แต่) เปน็ ทีร่ ำ� พงึ ถงึ ของคนมาก (พระพุทธภาษิต) รปู น ี้ ครำ่� ครา่ เพราะชรา เปน็ รงั ของโรค ตอ้ งเปอ่ื ยพงั กายน ้ี เปน็ ของเปอ่ื ย ย่อมแตกดับ เพราะชวี ติ มีความตายเป็นท่ีสุด (พระพุทธภาษติ ) อ. ว ศ ิ น อิ น ท ส ร ะ 149
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338