ทำบุญ ๓ แบบ www.dhamma4u.com ธรรมะใกลม ือ ๗ลำดบั ท่ี /๕๓
ธรรมะเลม นอ ย เปน หนงั สอื ธรรมะขนาดพกพารายเดอื น ๑๒ เลม ๑๒ เดือน เพื่อเจริญสติและแสวงหาปญญาเบื้องตน สำหรับผูไมมีเวลาศึกษาเนื้อหาโดยละเอียด สามารถ มีสว นรว มไดโดย ๑. ผูที่อานแลวคิดวาดีมีประโยชน โปรดสงมอบ ใหแกผูอื่นตอ เปรียบดงั่ ทา นใหทาน ๒. สนับสนุนการจัดพิมพหนังสือธรรมะเลมนอย ตามกำลงั ๓. เลือกจัดพิมพหนังสือธรรมะเลมนอย เพื่อ เผยแผในวาระตาง ๆ เชน งานวันขึ้นปใหม งานวันเกิด งานสมรส งานเฉลิมฉลอง งานบุญ งานศพ ฯลฯ โดย สามารถเลือกเอาเฉพาะ สวนที่เปนธรรมบรรยายและ พิมพบ างสวนเพิ่มเติมได ธรรมะดี ๆ มตี ิดตวั ไว เพอื่ เจริญสตแิ ละปญ ญา รว มเปนเจาภาพพมิ พธ รรมะเลมนอ ยไดท ่ี หอจดหมายเหตพุ ทุ ธทาส อนิ ทปญ โญ โทร. ๐ ๒๙๓๖ ๒๘๐๐
พุทธทาสภกิ ขุ ธรรมเทศนาพิเศษ แสดงเมอ่ื วันที่ ๒๙ สงิ หาคม ๒๕๑๐ ณ สวนโมกขพลาราม หมายเหตุ ทำบญุ ๓ แบบ เดมิ ชื่อ (ตรวี ธิ ปุญญกถา)
๒ ทำบุญ ๓ แบบ ธรรมเทศนาในวันนี้เป็นธรรมเทศนาพิเศษ ปรารภใหท้ า่ นทง้ั หลายบำเพญ็ ทกั ษณิ าทานเปน็ พเิ ศษ อกี น้นั เอง จะได้วปิ ัสสนาในปญุ ญกถา คือเร่ืองที่เกย่ี ว กับบุญ เพราะว่าส่ิงท่เี รยี กว่า “บุญ” นี้เป็นสิง่ ท่ีมีความ สำคญั สำหรบั พทุ ธบรษิ ทั ทงั้ หลาย,แมว้ า่ ทา่ นทง้ั หลาย ที่มาประชุมกันท่ีนี่ก็มีมูลเหตุมาจากความต้องการ บุญ; และทุกคนกพ็ ูดถึงแตเ่ รอื่ งบญุ มาทำบุญ ไปทำ บุญ, เที่ยววิ่งว่อนไปหมด. นีก้ เ็ ปน็ เรอื่ งเกี่ยวกบั การทำบุญ, และฝนั ถึง ระลึกถึงอยู่แต่เร่ืองบุญ; จึงเป็นเรอ่ื งสำคัญทจ่ี ะต้อง กระทำใหเ้ ปน็ บญุ กนั ขน้ึ มาจรงิ ๆและเปน็ เรอ่ื งทค่ี วรนำ มาพจิ ารณาอย่บู ่อย ๆ เพ่ือใหเ้ ป็นบญุ ยงิ่ ขน้ึ และกวา่ จะถึงทสี่ ดุ . เพราะเหตุฉะนน้ั ทา่ นผใู้ ดทต่ี อ้ งการบุญ จงตั้งใจฟังให้เป็นอย่างดี อยา่ ฟังพอเป็นพธิ เี หมือนคน โดยมาก. ท่เี ป็นคนโง่ ไม่รู้วา่ การทำบุญนัน้ คอื อะไร? ทำอยา่ งไร? เพอื่ อะไร ? แลว้ กท็ ำบญุ โดยสกั วา่ เหมา ๆ
๓ เอาว่าเป็นบญุ เขาทำอยา่ งไรกท็ ำอยา่ งนัน้ เหมอื นเขา แล้วกท็ กึ ทกั เอาวา่ ได้บญุ อย่างน้ีมกี ันอยทู่ ั่วไป; เรยี ก ว่าไดบ้ ุญตามเขาว่า ได้บุญอย่างละเมอเพอ้ ฝนั ไปเทา่ นน้ั เอง บางทไี มค่ มุ้ กบั บุญด้วยซ้ำไป. เพราะจะเปรียบ เทยี บกบั บญุ ชนดิ นนั้ กไ็ ดแ้ ตส่ ง่ิ ทเ่ี ปน็ เพยี งเปลอื กกะพ้ี เทา่ น้ันเอง. บางคนยงั ยง่ิ ไปกวา่ นนั้ เสยี อกี คอื วา่ ตอ้ งการ เพียงสักแต่ว่าทำบญุ ก็แล้วกนั ไมร่ ู้วา่ เอาบุญไปทำ อะไร. นเี่ ป็นคนโง่มาก นา่ สงสารทส่ี ดุ ; คือว่าทำบุญ กแ็ ลว้ กนั ไมร่ ูว้ ่าเอาบุญนนั้ ไปทำอะไร. ข้อน้ีเปรียบเหมือนกบั คนทีเ่ ล้ียงไก,่ เปน็ คน โงเ่ ลยี้ งไก,่ อตุ สา่ หเ์ ลย้ี งไกด่ ว้ ยความยากลำบาก หมด เปลืองส่ิงของ หมดเปลืองเวลา; ครน้ั ไก่โต ไข่ออกมา กห็ าร้ไู ม่ว่าไขน่ ้นั มีประโยชน;์ กป็ ล่อยใหไ้ ขน่ ้ันเรีย่ ราด อยนู่ ่ันเอง หาไดเ้ ก็บไวไ้ ม่ กลับปล่อยให้หมามนั กนิ คนเหล่าน้ีจะโงเ่ ขลาสกั เทา่ ไร ท่านทัง้ หลายลองคิดดู เถดิ , กจ็ ะเรียกไดส้ ้ัน ๆ วา่ เปน็ คนท่เี ลีย้ งไกไ่ ว้ไข่ให้
๔ หมากิน ตวั เองไมไ่ ดส้ นใจ เพราะไม่เข้าใจวา่ ไข่นน้ั คอื อะไร. นี่เหมือนกับทายกทายิกาท้ังหลายท่ีมัวแต่ ทำบุญ แล้วก็ไม่รู้ว่าบุญคืออะไร, จะเอาไปทำอะไร ก็ หาได้สนใจในส่วนที่เป็นบุญจริง ๆ ไม่, สนใจแต่เรื่อง ทำบุญเท่านน้ั เหมอื นคนโง่ สนใจแต่เร่ืองเลี้ยงไก่ แต่ แลว้ ก็หาได้สนใจเอาไขไ่ ม่. ลองพจิ ารณาดูเอาเถดิ วา่ คนชนดิ ไหน,ทายก ทายิกาพวกไหนที่เป็นคนโง่เล้ียงไก่ไว้ไข่ให้หมากิน, มนั กค็ ือทายกทายิกาทีด่ แี ตท่ ำบญุ ใหท้ าน เลีย้ งพระ บำรุงศาสนา แล้วก็หาได้รับเอาตัวศาสนาไปเรียนรู้ และปฎิบัติไม่, ดีแต่ทำบุญเลี้ยงพระ ให้ทาน บำรุง ศาสนาอยา่ งเดียว ไม่รู้จกั รบั เอาตัวของพระศาสนาไป ศึกษาและปฎบิ ตั ิ และให้ได้รบั ประโยชนเ์ ต็มแตต่ าม ควรแก่การปฏิบัต;ิ คนชนิดน้ีแหละ คือ คนท่ีทำบุญ เหมอื นกบั เลย้ี งไกไ่ วไ้ ข่ใหห้ มากิน. ทำบุญมากมายจนตลอดชีวิตก็ยังเป็นอย่าง
๕ นน้ั อยนู่ น่ั เอง เพราะวา่ จติ ใจไมไ่ ดด้ ขี นึ้ กเิ ลสไมไ่ ดเ้ บา บางลง, ไม่รู้วา่ พระพทุ ธศาสนาคืออะไร ? ไมร่ ้วู า่ พระ พุทธเจ้าทรงสอนอะไร ? ไม่รู้ว่าหัวใจของพระพุทธ- ศาสนานั้นคืออะไร? เพียงแต่จะรู้ ก็ไม่รู้เสียแล้ว แล้ว จะปฎิบัติได้อย่างไร; ก็เลยไม่ได้มรรคผลแต่ประการ ใด,นีเ้ รยี กวา่ ทายกทายิกาที่ดีแตเ่ ลยี้ งไกไ่ วไ้ ข่ใหห้ มา กิน. ขออภัยที่ต้องใช้คำตรง ๆ โสกโดก อย่างน;้ี เพราะว่าเป็นการช่วยความจำได้อย่างดีว่า ทายก ทายกิ าทง้ั หลายจงได้ หยดุ การบำเพญ็ บญุ ชนดิ ท่ี เหมอื นเลย้ี งไกไ่ ว้ไข่ใหห้ มากนิ นน้ั เสียเถดิ . จงไดข้ ยนั เลย้ี งไกไ่ ปในทางทว่ี า่ รจู้ กั ถอื เอาไข่ จากไกเ่ อาไปเป็นประโยชนแ์ กต่ นให้มากทสี่ ุดเถิด. ขอใหบ้ ำรงุ ศาสนาแลว้ ไดร้ บั ประโยชนจ์ าก ศาสนา; เป็นผู้เรียนรู้ตัวศาสนา, เป็นผู้ปฎิบัติตัว ศาสนา, เปน็ ผูม้ จี ติ ใจทสี่ ะอาด, มจี ติ ใจทส่ี วา่ ง และ มจี ติ ใจทส่ี งบ, ความทม่ี จี ติ ใจสะอาด สวา่ ง สงบ น่ี
๖ แหละคอื ตวั แทข้ องศาสนา, คอื เยอ่ื เนอ้ื ของศาสนา. เปรียบเหมือนกับไข่ไก่ที่มีประโยชน์. ส่วน อาการทส่ี กั วา่ “เล้ยี ง”สกั ว่า“ทำบุญ” น้ันยังไม่สำเร็จ ประโยชน์กอ่ น;เปน็ แตเ่ พยี งไดบ้ ุญเหมาๆ เอาเทา่ นั้น เอง, ยงั ไมแ่ น่นอน. ถ้าจะให้แนน่ อน ตอ้ งรูใ้ หจ้ รงิ ว่า พระพุทธเจ้าทรงสอนอย่างไร ? อะไรเป็นหัวใจของ พระพทุ ธศาสนา? แลว้ กป็ ฏบิ ตั ,ิ แลว้ กไ็ ดร้ บั ผลของการ ปฏิบตั ิจรงิ ๆ เชน่ พระพทุ ธศาสนาสอนเรอื่ ง“ความยึด มนั่ ถอื มน่ั ” กส็ ามารถทจ่ี ะนำมาปฏบิ ตั ไิ ดใ้ นชวี ติ ประ จำวันอยทู่ กุ เวลานาที; เป็นผูม้ ีความสขุ สบายดตี ลอด เวลาเหลา่ นั้น ไม่ว่าจะเป็นเวลาทำการงานหรอื เวลา พกั ผอ่ น ลว้ นแต่มคี วามสขุ สงบไปทัง้ น้ัน. อย่างน้ีเรียกว่าผู้ท่ีเลี้ยงไก่แล้วได้กินไข่, คอื ผู้ที่บำรุงศาสนาแล้วได้รบั ประโยชน์จากศาสนา, เรียกว่าเป็นผู้ที่ทำบุญด้วยความรู้จักบุญ. แล้วก็ได้ บญุ นั้นมาจริง ๆ. ทีน้เี พ่อื จะใหเ้ ขา้ ใจความข้อนย้ี ิง่ ข้นึ จะไดว้ ิ-
สชั นาในคำวา่ “บุญ” โดยละเอยี ดออกไป. ๗ คำวา่ “บญุ ” น้ีแปลวา่ เครอ่ื งฟใู จกม็ ี แปลวา่ เคร่อื งชำระชะลา้ งบาป ก็มี เรามาเอาความสำคัญ กนั ดกี วา่ ความหมายสำคญั อยทู่ ว่ี า่ เปน็ เครอ่ื งชำระ ชะลา้ งบาปน้ันเอง. ดงั น้ันจึงขอใหท้ กุ คนจำไวว้ า่ “บุญ” มีความ หมายชั้นสูงสุดว่า เป็นเครื่องชำระชะล้างซึ่งบาป; อย่าเอาแต่ว่าเป็นเครื่องฟใู จ อิ่มใจ สบายใจเลย เพราะวา่ อาจจะเปน็ เร่อื งผดิ ขึ้นมาไมท่ นั รตู้ วั ก็ได้ ถ้าถือเอาวา่ บุญเป็นเคร่อื งชำระชะลา้ งบาป แลว้ ไมม่ ีทางท่จี ะผดิ ; หรือจะผดิ กผ็ ดิ แตน่ อ้ ย ยังมสี ว่ น ถกู อยู่นัน้ เอง ถ้ามุ่งหมายจะให้เปน็ เครอ่ื งชำระชะล้าง ซงึ่ บาป. เปน็ อันว่า เราถือเอาใจความของคำว่า “บญุ ” นีว้ ่า “เป็นเคร่ืองชำระชะล้างซึ่งบาป”. ทีน้ี จะพจิ ารณาถึง “บุญ” นั้นอกี ตอ่ ไป ใน ฐานะเป็นเครื่องชะล้างซึ่งบาป. เปรียบเหมือนกับว่า เราใชน้ ้ำอาบลา้ งตัวเราให้สะอาด; บางคนไม่ค่อย
๘ จะมกี ารพิถีพิถันอะไร; ใชน้ ำ้ โคลนอาบ เพราะไม่มีน้ำ สะอาดจะอาบ,ใชน้ ำ้ โคลนขนุ่ ๆ อาบ น่ีกม็ อี ยพู่ วกหนง่ึ . อีกพวกหน่ึงก็ใช้น้ำท่ลี ะลายด้วยน้ำหอม, เครอ่ื งหอม ตา่ ง ๆ อาบ นี้กพ็ วกหนึ่ง. ทนี อ้ี กี พวกหน่ึงเปน็ พวกสดุ ท้ายคือ พวกท่ีอาบดว้ ยน้ำท่สี ะอาด, ใช้สบู่และน้ำท่ี สะอาดรวมกัน. ลองคดิ ดเู ถดิ วา่ คนหนง่ึ อาบนำ้ โคลนจะสะอาด ไดส้ ักเท่าไร คนหนึ่งอาบนำ้ รำ่ ด้วยแปง้ หอมจะสะอาด ได้สกั เท่าไร อกี คนหนงึ่ อาบดว้ ยนำ้ ทใ่ี สสะอาด ใชส้ บู่ ที่ถกู ตอ้ ง แลว้ จะสะอาดไดส้ ักเทา่ ไร มนั ต่างกนั อยู่ ๓ อยา่ ง อย่างนี้. คนท่ีอาบน้ำโคลนเพราะไม่มีน้ำอ่ืนจะ อาบ; อาบเสรจ็ แล้วก็ยังมนี ้ำโคลนติดอยูท่ ่ตี ัว; แมแ้ ต่ จะเอานำ้ โคลนล้างเทา้ เท้าก็ยังเป้ือนโคลนอยู่น่ันเอง. ถ้าอาบดว้ ยนำ้ ทปี่ นดว้ ยเครื่องหอม เมือ่ อาบเสรจ็ แลว้ ก็มีเยื่อของเคร่ืองหอมน่ันเองติดอยู่ที่เน้ือท่ีตัว. ถา้ อาบด้วยน้ำทใ่ี สสะอาด ลูบไลด้ ้วยสบู่ แลว้ ล้างดว้ ย
๙ น้ำท่ใี สสะอาด ก็ไม่มีอะไรตดิ อยูท่ ่เี น้ือทีต่ ัว เปน็ เน้อื ตัวทีส่ ะอาด. เราจงึ เหน็ ได้วา่ ในตัวอย่าง ๓ อยา่ งนี้ เปน็ การลา้ งหรอื การอาบทไ่ี มเ่ หมอื นกนั .จะตอ้ งระวงั ใหด้ ีๆ วา่ มนั ไม่เหมอื นกนั . อาบนำ้ โคลนเสร็จแล้วก็มโี คลน ติดตวั . อาบนำ้ แปง้ หอมเสรจ็ แลว้ มันกม็ แี ป้งตดิ ตวั . อาบน้ำท่ีสะอาดเสร็จแล้วมนั ก็ไม่มอี ะไรติดตวั . เม่ือเปรียบการอาบน้ำล้างตัวกับการทำบุญ แลว้ การทำบญุ กม็ ี๓ อยา่ งเชน่ เดยี วกนั ; ทำบญุ เหมอื น กับการอาบน้ำโคลน กค็ อื พวกท่ีฆา่ สัตวต์ ดั ชวี ติ เอา มาทำบญุ ให้ทาน, ฆา่ ววั ฆ่าไก่ เล้ียงสรุ ายาเมา, ทำ ตามประสาของคนทเ่ี หน็ แกป่ ากแกท่ อ้ ง กเ็ หน็ แต่เรื่อง กนิ เป็นใหญ่; แล้วกฆ็ า่ สตั ว์ทำบุญหรอื ว่าทำบุญอวด คน คือทำบญุ เอาหนา้ เป็นการค้ากำไร. อย่างนม้ี นั เหมอื นกบั วา่ บญุ นเ้ี หมอื นกบั นำ้ โคลน คนนน้ั จงึ ไดผ้ ล เหมอื นกบั อาบนำ้ โคลน. คนอกี จำพวกหนง่ึ ทำบญุ ดว้ ยอปุ าทาน ยดึ
๑๐ มน่ั ถอื มัน่ ในบุญเมาบุญเมาสวรรค์วมิ านเปน็ ต้น. ถา้ ทำบญุ ดว้ ยความคดิ อย่างน้นั เรียกวา่ เหมอื นกับ อาบนำ้ ดว้ ยนำ้ ทเี่ จอื ดว้ ยแปง้ ปนู ตา่ งๆ ทเี่ ปน็ ของหอม. มาถึงคนประเภทที่๓คอื คนทท่ี ำบุญเพื่อจะ ละเสยี ซึ่งความยึดม่ันถอื ม่นั , ไมใ่ หม้ ีความยดึ ม่นั ถือมั่นสิ่งใดว่าเป็นตัวเราหรือว่าของเรา. ทำเพื่อให้ กิเลสหมดไปจากสนั ดาน; อยา่ งนเ้ี หมือนกับคนทอ่ี าบ น้ำสะอาด;เมอื่ อาบดว้ ยน้ำท่สี ะอาดมนั ก็เปน็ เน้อื เป็น ตวั ที่สะอาด; บญุ นั้นจงึ เป็นบญุ ทีเ่ หมือนกับสบู่หรือน้ำ ท่ีสะอาด. ทบทวนใหมอ่ ีกครง้ั หน่งึ วา่ บุญชนิดที่หนึ่ง เหมอื นกบั น้ำโคลน. บุญชนิดท่ีสอง เหมอื นกับนำ้ แป้งหอม ส่วนบญุ ชนดิ ทส่ี ามน้นั เหมอื นกับน้ำท่ี สะอาด. ใครอาบน้ำอย่างไหนก็ย่อมจะได้ผลที่ต่าง กนั , ไม่เหมือนกนั เลย ทงั้ ท่เี รียกวา่ “นำ้ ” เหมอื นกนั และ “อาบ” เหมือนกนั ; แตอ่ าบแล้วไดผ้ ลไม่เหมอื น กันเลย; เพราะคนหนึง่ อาบน้ำโคลน คนหนงึ่ อาบนำ้
๑๑ แป้งหอม คนหนง่ึ อาบน้ำที่ใสสะอาด. คนหนงึ่ ทำบญุ เหมอื นโคลน. คนหนงึ่ ทำบญุ เหมอื นแปง้ หอม, คนหนง่ึ ทำบุญเหมอื นนำ้ ทส่ี ะอาด, เพราะฉะน้นั บญุ นั้นจึงไม่ เหมือนกัน. เพื่อให้เข้าใจเรื่องนี้ดีขึ้น ควรจะระลึกนึกถึง พระพุทธภาษิตที่ได้ยกข้ึนไว้เป็นนิกเขปบทข้างต้นน้ัน วา่ ; “เอต ภย มรเณ เปกฺขมาโน” : เมือ่ เพง่ เหน็ ภัยใน ความตาย; ปญุ ญฺ านิ กยริ าถ สขุ าวหาน.ิ :ทา่ นทง้ั หลาย จงกระทำบุญอันจะนำสขุ มาน้ีอย่างหน่ึงเป็นคำกล่าว ของพวกเทวดา;โลกามสิ ปชเห สนตฺ เิ ปกโฺ ข:ทา่ นทง้ั หลายจงละเรอื่ งโลกามิส เพง่ หวงั ตอ่ สนั ตเิ ถดิ . นีเ้ ป็นคำตรสั ของพระพุทธเจา้ . ขอทบทวนใหมว่ า่ พวกเทวดามาเฝา้ พระพทุ ธ- เจ้าแล้วทลู วา่ ; เขามคี วามเหน็ วา่ “ถา้ เหน็ ภัยอันตราย ในความตายแลว้ ให้รีบทำบุญ” พระพทุ ธเจา้ กต็ รสั ว่า “ถกู , แต่เราไม่วา่ อยา่ งนนั้ ” เมอ่ื เทวดาทูลขอให้พระ พุทธเจ้าตรัสว่าเป็นอย่างไร; พระพุทธเจ้าก็ตรัสว่า
๑๒ “เมื่อเพง่ เห็นภัยในความตาย จงรีบละเหยอ่ื ใน โลกเสยี แล้วเพ่งหวังต่อสันติเถิด” เทวดาต้องการ ให้ทำบุญ; แตพ่ ระพทุ ธเจา้ วา่ ใหล้ ะเหยอ่ื ในโลกเสยี ; ความข้อน้ีมันจะเหมือนกันหรือจะค้านกันอย่างไร ขอให้ลองพิจารณาด.ู ถ้าผู้ใดมีสติปัญญาละเอียดลออ รอบคอบ สุขมุ พอก็จะเหน็ ได้ว่ามันไมถ่ งึ กบั ค้านกนั เสยี ทเี ดยี ว; เพราะว่าเทวดานนั้ วา่ “ใหท้ ำบญุ ”,บุญกม็ ถี ึง๓อยา่ ง; ทำบญุ เหมือนกบั นำ้ โคลน, ทำบุญเหมอื นกับนำ้ แป้ง หอม, ทำบญุ เหมือนกบั น้ำท่สี ะอาด. ทำบญุ เหมอื น กับน้ำท่ีสะอาดนี้ก็เป็นการชำระชะล้างกิเลสอยู่แล้ว; แตว่ ่าพวกเทวดาจะร้ถู งึ ข้อน้ีหรือหาไม่ กไ็ ม่ทราบ; แต่ ก็ได้ใช้คำวา่ “บุญ” ซ่ึงเปน็ ชอ่ื ของสง่ิ ท่ลี า้ งบาปดว้ ย เหมือนกัน. สว่ นพระพุทธเจา้ ท่านตรสั ว่า “ใหล้ ะเหยื่อใน โลกเสยี แล้วเพ่งหาแต่สนั ตเิ ถดิ ” นี้กห็ มายความวา่ ; ทำจิตให้สะอาดอย่าไปเกี่ยวข้องกับเหยื่อในโลก
๑๓ แล้วอยู่ดว้ ยความสงบเถิด; มนั ก็เป็นบุญประเภทท่ี เหมือนกับน้ำที่สะอาดอยู่แล้วนั่นเอง เพราะว่าบุญ ประเภทท่เี หมอื นกับอาบน้ำล้างสบู่ด้วยน้ำทส่ี ะอาดน้ี ก็คอื ทำบุญเพ่อื ละความยึดม่ันถอื ม่ันนนั่ เอง. “การทำบุญเพ่ือละความยึดมั่นถือม่ัน” นัน้ ก็มีความหมายอย่างเดียวกันกบั ข้อทีว่ า่ “ละเหย่ือ ในโลกเสยี แลว้ เพง่ หาแตส่ นั ตเิ ถดิ ”แตพ่ ระพทุ ธองค์ ไม่ไดต้ รสั เอ่ยถึงคำวา่ “บุญ” ไปตรสั เอ่ยถึงวา่ “ให้ละเหยอ่ื ในโลก” น้ีก็เพ่อื ให้ชัดเจน เพ่ือไมใ่ ห้ กำกวม เพือ่ ไมใ่ หด้ ิ้นได้ในคำว่า “บุญ” ซึ่งมกั จะเขา้ ใจ ผิดและหลงใหลกันไปในทางทผ่ี ิด จนถึงกบั ทำบญุ เหมอื นกับน้ำโคลนทางหน่งึ , อกี ทางหน่งึ กท็ ำบญุ เหมือนกับนำ้ แป้งหอม, ไมม่ ใี ครทำบุญด้วยความคิด ว่าเหมอื นกบั น้ำท่ใี สสะอาด ชำระลา้ งใหส้ ะอาดอย่าง เดยี ว. ทายกทายกิ าทง้ั หลายทเี่ ทยี่ วแหก่ นั ไปแหก่ นั มา ทำบุญบา้ นนัน้ เมอื งนี้, วิง่ ไปวง่ิ มา ขนึ้ รถลงเรือ, นี้
๑๔ คิดดูเถิดว่าตัวเองทำบุญด้วยความหวังประเภทไหน. ส่วนใหญ่ก็คงจะทำบุญด้วยความหวังว่าจะได้บุญ, มีอปุ าทานในบุญ เพือ่ ได้สวรรคว์ ิมาน; แล้วกม็ ีอยไู่ ม่ น้อยเหมือนกนั ทีท่ ำบุญเอาหน้า, อตุ สา่ หเ์ ท่ยี วทำบุญ อวดคนถึงเมอื งนั้น เมอื งน้ี เมืองโน้น, เที่ยวทำบุญ เอาหน้า อย่างนกี้ ม็ ีอยไู่ ม่น้อยเหมือนกัน. บางคนถงึ กบั ลงทนุ ทำบาป, หลอกลวงเอามา เร่ียไรเอามา,ฆา่ สตั ว์ตดั ชวี ิตเพ่อื เอามาทำบญุ อย่างน้ี มนั ก็เปน็ การทำบุญเหมือนกบั นำ้ โคลน ทท่ี ำไปเพอ่ื เอาหนา้ หรืออวดคน : หรอื ลงทุนทเ่ี ป็นบาป นก้ี ็คอื ทำ บญุ เหมือนกับนำ้ โคลน. ถ้าทำบุญด้วยใจที่เชื่อในบุญล้วน ๆ และทำ บุญไปตามวิธีที่ถูก, มันก็เหมือนทำบุญที่รดด้วยน้ำ แปง้ หอม ทำให้ชื่นใจได้, แตก่ ็ไม่ใช่ความสะอาด, แม้ วา่ เราจะเอาแปง้ หอมมาทาทเี่ นอื้ ทต่ี ัวให้มนั หอม มัน กไ็ ม่ใช่ความสะอาด, มันสกปรกอยู่ทเี่ ยอื่ ของของหอม นน่ั เอง; แตม่ นั เปน็ ของหอม, เป็นเยอื่ ทม่ี กี ลิน่ หอม, จงึ
๑๕ ช่ือว่าเป็นความไมส่ ะอาดที่มีกลิ่นหอม. ใครเคยทำบุญด้วยความบริสทุ ธ์ิใจ ว่าจะละ ความถือม่ัน ยดึ ม่นั ว่าตัวกู ของกู ดูจะหายากเต็มที ก็ปรากฏว่าแมท้ ี่นงั่ อย่ทู ่ีนี่ก็ดูเหมือนจะมใี ครจะสมคั ร ใจปดิ ทองหลังพระ อยากจะปิดทองหนา้ พระ อยากจะ ให้เขาเหน็ น้ัน ถ้าใครปิดทองหลงั พระ ก็จะหาว่าเปน็ คนโง่ ไปปิดตรงทใี่ ครไม่เห็น นกี่ เ็ พราะว่าคนเหล่านนั้ ยึดมั่นในบุญ ไม่ไดท้ ำบญุ เพือ่ ละความยึดมัน่ ถือมั่น แตม่ คี วามยึดมั่น ถอื มนั่ ในการทำบญุ ไมไ่ ด้ทำบุญ เพ่ือละความยดึ มนั่ ถอื ม่นั จงึ ไมย่ อมปดิ ทองหลงั พระ ปล่อยให้หลังพระไม่ได้ปิดทองสกปรกอยู่อย่างนั้น เอง ไม่มใี ครเอาใจใส่. บรรดาทนี่ งั่ อยทู่ นี่ ี่ ใครบา้ งมใี ครบา่้ งมคี วาม สมัครใจ, แนใ่ จ ทจี่ ะปดิ ทองตรงทห่ี ลงั พระ แลว้ กข็ อ ให้รู้ว่า คนนั้นแหละเป็นคนที่กำลังพยายามที่จะละ ความยดึ มน่ั ถอื มน่ั เสยี ;ไมต่ อ้ งการจะเอาหนา้ เอาเกยี รติ อะไร จงึ สมคั รท่ีจะปดิ ทองให้ครบถว้ น ใหบ้ รบิ รู ณ์ ตรง
๑๖ ทเ่ี ขาไม่ตดิ กนั ตรงท่หี ลังพระนั่นเอง. เพราะมีความ เข้าใจถกู ตอ้ งว่าเราไมไ่ ดท้ ำบญุ เอาหนา้ จึงสามารถ ทจ่ี ะปดิ ทองหลงั พระได.้ ด้วยเหตุนี้แหละ พระพุทธเจ้าท่านจึงตรัสไว้ ตรงๆว่า “จงละเสียซึ่งเหยอื่ ในโลก และมงุ่ หวงั แตส่ นั ติ เถดิ ”.เหยอ่ื ในโลกน้ีคอื ความสวยความรวยความเอรด็ อรอ่ ย ความหรูหรา ความมเี กียรติ ความมีหน้ามตี า น่ีกค็ อื เหย่ือในโลกนี;้ หรอื วา่ ตายแลว้ ไปเกิดในสวรรค์ มวี มิ าน มนี างฟา้ บำรงุ บำเรอ อย่างนี้ กเ็ ป็นเหย่อื ใน โลก. ใหล้ ะเหยื่อชนดิ น้ีเสีย อยา่ ไปเหน็ เป็นของประ- เสรฐิ วิเศษอะไร, แลว้ ให้ไปหวงั แตใ่ นสันติ คือความ สงบ : คอื มีจติ ใจสะอาด สว่าง สงบ นน้ั เรียกวา่ สนั ต;ิ ให้ไปหวงั ในขอ้ นั้น. อย่าไดไ้ ปหวังในเรื่องความสวย เร่อื งรวย เรือ่ งเอร็ดอรอ่ ยทางเน้ือทางหนงั ทางตา ทางหู ทางจมกู ทางล้นิ ทางกาย ในสวรรคว์ มิ านอะไร ทไี่ หน. ไมเ่ มาบุญ ไมเ่ มาสวรรคแ์ ล้ว อย่างน้เี รยี กว่า
๑๗ เป็นผลู้ ะเหยอื่ ในโลกเสียไดแ้ ล้ว และเปน็ ผหู้ วังแต่ ในสนั ตคิ อื ความสงบ ดงั พระพทุ ธเจา้ ทา่ นตรสั ไว้ อยา่ ง ท่ีว่า “ถา้ เหน็ วา่ ชวี ติ นเ้ี ปน็ อนั ตราย ไมเ่ ทา่ ไหรก่ จ็ ะ ตอ้ งแตกตายลงไปแลว้ กใ็ ห้รบี ละเหย่ือในโลกนี้ เ สยี แลว้ เพ่งหวงั แตส่ นั ตเิ ถดิ ” ดังน.ี้ สว่ นพวกเทวดานน้ั กลา่ ววา่ “ใหร้ บี ทำบญุ เขา้ ใหร้ บี ทำบญุ เขา้ ; เพราะจะนำความสขุ มาให”้ . ถ้าใคร ไมเ่ ข้าใจในคำพูดเหล่านั้นแล้ว กค็ งจะทำบญุ ชนดิ ท่ี เปน็ นำ้ โคลนเขา้ กไ็ ด,้ หรอื คงจะไปทำบญุ ชนดิ เอาหนา้ เอาตามากกว่า เพราะว่าตอ้ งการจะสวย จะรวย จะดี จ ะเดน่ จะไปเกดิ ในสวรรค์วมิ าน. โดยเหตฉุ ะนแ้ี หละจงึ ไดก้ ลา่ ววา่ คำวา่ “บญุ ๆ” นี้ ฟงั ยาก กำกวม เผลอเข้าเปน็ เรอ่ื งท่ีน่าเวทนาสง สารไปกม็ ี; แต่ถ้าพดู วา่ “จงละเหย่ือในโลกเสีย แลว้ เพง่ หาสนั ติเถิด” อย่างนไ้ี มม่ ที างที่จะผดิ ได้, ไม่มีทาง ท่เี ข้าใจผดิ ได.้ ดังน้ัน จงึ ไดก้ ล่าวใหเ้ ป็นทเ่ี ข้าใจกนั ว่า ใหฟ้ ัง
๑๘ ใหด้ ี ๆ สำหรับคำว่า “บญุ บุญ บญุ ” นี้ มีทางท่จี ะผิด ได้; ส่วนคำวา่ “ไมย่ ึดม่ันถือมัน่ ” น้ี ไม่มที างท่ีจะผิด เลย. แต่ถา้ เราจะใช้คำว่า “บุญ” กนั ตอ่ ไป กข็ อให้ เขา้ ใจไวเ้ สมอว่า บุญน้อี ยา่ งน้อยกม็ ี ๓ ชนดิ , หรอื ๓ ชนั้ , ๓ ระดบั . บุญทเ่ี หมอื นนำ้ โคลนนี้กอ็ ยา่ งหนง่ึ อาบแลว้ ตวั กย็ งั เป้อื นโคลน. บุญทเี่ หมอื นกบั น้ำแปง้ หอมนกี้ อ็ ย่างหนึ่ง อาบแลว้ ตวั ก็ยังเป้ือนอยู่ด้วยเครื่อง หอมเหลา่ นน้ั .อกี อยา่ งหนง่ึ บญุ เหมอื นกบั นำ้ ทส่ี ะอาด. ใชส้ บู่ท่ดี ีเข้าชว่ ย, แล้วลา้ งด้วยน้ำที่สะอาด, อยา่ งนี้ อาบแล้วไม่มอี ะไรตดิ อย่ทู ่เี น้ือท่ีตวั . คำวา่ “บญุ ” เปน็ ชอ่ื ของเครอ่ื งลา้ งบาป. เครอ่ื ง ล้างบาปกม็ ีความหมายอยเู่ ปน็ ๓ ขนั้ อย่างน้,ี จงระวัง ใหด้ อี ย่าใหเ้ สยี ทีที่ไดเ้ หนื่อยมากเปลืองมากและเสยี เวลามาก แลว้ ไปไดบ้ ุญชนดิ นำ้ โคลนเขา้ ก็ม.ี ได้บญุ ชนิดท่ที าน้ำแปง้ นำ้ ปูน น้ำอบ สกั วา่ ให้หอม ๆ เพอ่ื หลอกคนอน่ื . หลอกตวั เองอย่างนก้ี ม็ .ี
๑๙ ควรจะทำบญุ ชนดิ ทว่ี า่ เปน็ เครอ่ื งลา้ งบาป โดยแท้จริง. คอื เหมือนกับอาบน้ำท่สี ะอาด แลว้ ชำระชะลา้ งความเขา้ ใจผดิ ความมวั เมาความหลง ใหล เหล่าน้ันออกเสยี ได.้ นนั่ แหละจึงจะเปน็ บุญ ทถ่ี กู ตรงตามความหมายในพระพุทธศาสนา. ถ้าในพระพุทธศาสนานี้มีคำสอนข้อไหน, ประโยคไหน, ที่ไหน, ว่า “ให้ทำบุญ” แล้ว ก็จงหมาย ความว่า ทำบุญชนิดทีล่ า้ งบาปได้จรงิ อย่าใหเ้ หมอื น พวกเทวดาทพ่ี ูดว่าทำบุญ แล้วอะไรก็ยังไมร่ ,ู้ อาจจะ เปน็ เรื่องสวย เร่ืองรวย เรือ่ งหอม เรือ่ งเยา้ ยวน เร่อื งหลงใหลลุ่มหลงไปกไ็ ด้; อย่างนัน้ มันเปน็ เร่อื ง ของเทวดา ซึ่งมักจะชอบอย่างน้นั . แต่พทุ ธบริษทั นนั้ ตอ้ งการบุญ ชนิดทลี่ ้าง บาปได้ แล้วบาปคือกเิ ลสทั้งหลายท่ที ำให้จิตใจเศรา้ หมอง; เพราะฉะนน้ั บุญต้องเปน็ เครื่องชว่ ยชำระชะ ลา้ งใจอย่าให้เศรา้ หมอง. ถา้ ทำบญุ เพื่อเอาหน้า มนั ก็เศร้าหมอง คอื
๒๐ เศร้าหมองดว้ ยทิฏฐิ มานะ กิเลส ตัณหา ขนึ้ มาอกี . ทำบุญอวดคนอยา่ งนี้ มนั กม็ ีกิเลสอวดคนนั้นแหละ เป็นเรอ่ื งเศรา้ หมองเกิดข้ึนมาใหม่ อย่าไดท้ ำบญุ เอา หน้า อย่าได้ทำบญุ อวดคนเลย; ถา้ ถึงกบั ฆ่าสัตวต์ ดั ชีวติ มาทำบญุ อย่างน้ีด้วยแล้ว มนั ก็ยงิ่ รา้ ยกาจลงไป อกี คือจะย่งิ กว่านำ้ โคลน.มนั จะกลายเปน็ โคลนแท้ๆ. คนที่อาบน้ำโคลนแท้ ๆ นั้น จะสะอาดได้ อยา่ งไร? ขอใหล้ องคดิ ดูอยเู่ ฉยๆยงั สะอาดกวา่ ; ไปเอา โคลนมาอาบเข้ามันกส็ กปรกมากกว่าเดมิ . เหมือน กับคนธรรมดาไม่ฆา่ สัตว์ตัดชีวิตมันก็ยังไม่บาปอะไร; แ ต่ พ อ อ ย า ก จ ะ เ อ า บุ ญ อ ย า ก จ ะ เ อ า ห น้ า ขึ้ น ม า ไปฆา่ วัว ฆา่ ควาย ฆา่ หมู ฆ่าไก่ มาทำบุญ อยา่ งนี้ มนั ก็เท่ากบั ไปเอาโคลนมาอาบ; แลว้ มนั จะสะอาด อย่างไร.มนั จะสวยทีต่ รงไหน;มนั จะสวยมันจะสะอาด ได้ก็แต่ในระหว่างพวกท่ีมีความเห็นชนิดนั้นด้วย กัน, คอื พวกทีเ่ หน็ แก่กนิ เหน็ แกป่ ากแก่ทอ้ ง แกค่ วาม สนกุ สนานเอรด็ อรอ่ ย ดว้ ยกันเทา่ นนั้ ทจ่ี ะเหน็ วา่ น่ดี ี.
๒๑ สว่ นผมู้ ปี ัญญา เมือ่ พิจารณาแล้วจะเห็นวา่ นีไ้ ม่ไหว นี่ไม่ใช่ทำบญุ เลย; แตเ่ รายังเรียกวา่ บญุ คือเป็นบุญปลอม. บุญที่เหมอื นกับนำ้ โคลน ทเ่ี อามา อาบเขา้ แลว้ มันก็ยงั เป้อื นโคลน. หรือ แมแ้ ต่บญุ ทเี่ หมอื นกบั อาบน้ำแป้งหอม อาบแลว้ มนั กย็ งั มีเย่ือแป้งหอม, เยื่อน้ำหอมติดอยู่ท่ี เนื้อทต่ี ัว หาได้สะอาดแทจ้ ริงไม.่ ต่อเม่อื ทำบญุ ชนิด ทีว่ า่ ลา้ งด้วยนำ้ สะอาด, ใช้เครือ่ งซกั ฟอกทถ่ี ูกต้อง แลว้ ล้างด้วยน้ำสะอาด, มีร่างกายสะอาดแลว้ , จึงจะ เรยี กวา่ บญุ เหมอื นกบั นำ้ ทใ่ี สสะอาดอยา่ งทพ่ี ระพทุ ธ- เจ้าท่านตรสั ไว้ว่า “ธรรมะน้ีเหมือนกบั นำ้ ทไี่ มม่ ี ตม : ธมโฺ ม รหโท อกททฺ โม” ชว่ ยกนั จำไวใ้ ห้ดี ๆ วา่ ธรรมะนน้ั เหมอื นกับ นำ้ ท่ีไมม่ ตี ม, ธรรมะแท้ ๆ ของพระพทุ ธเจ้านั้น เหมอื น กบั นำ้ ทไ่ี มม่ โี คลนไมม่ ตี ะกอนไมม่ เี มอื กตม;เมอื่ เอา มาอาบเขา้ มนั ก็ทำใหต้ ัวสะอาดได้; อาบชนิดน้แี หละ จึงจะเป็นการอาบแท้จรงิ .ทำบุญชนดิ น้ีเป็นอันเดยี ว
๒๒ กนั กับที่พระพุทธเจ้า ตรสั วา่ “ละเหย่ือในโลกน้ี เสยี แล้วเพง่ หาแตค่ วามสงบเถดิ ” เดี๋ยวนี้มัวแต่ทำบุญเอาหน้ากันบ้าง, ทำบุญหลอกลวงเอาเงนิ เขาบา้ งก็ม,ี อยา่ งดีก็ทำบุญ เพ่ือจะผูกพันกันไว้เป็นมิตรกันไว้เอาประโยชน์ อย่างนี้ก็ม;ี อยา่ งน้มี ันยังไม่ใช่บญุ อะไร มนั เปน็ เร่อื ง ลงทุนชนดิ หน่ึง. ถ้าเปน็ เรือ่ งทำบญุ จริง ๆ แล้ว มันต้องเปน็ เรือ่ งล้างบาป, ตอ้ งเป็นเรือ่ งบรรเทาเสียซึ่งความยึด มน่ั ถอื มัน่ ดงั ธรรมสภุ าษิตทีว่ ่า ทานญจฺ ยทุ ฺธญจฺ สมานมาห.ุ การให้ทานกบั การรบน้ี เป็นของเสมอ กนั . การใหท้ านกบั การรบพงุ่ ในสงคราม มนั เสมอ กันอย่างไร ? การใหท้ านนนั้ คอื การรบกนั กับกิเลส, รบกันกบั ความยึดมั่นถือม่ัน. การใหท้ านท่ีแท้จรงิ นนั้ ไม่ใช่เพอื่ แลกเอาสวรรค,์ ไม่ใช่แลกเอาความสวย ความรวย; การใหท้ านทแี่ ทจ้ รงิ น้ัน เป็นการรบพ่งุ
๒๓ กับกเิ ลส. รบกับความเห็นแกต่ ัว รบกับความยึด ม่ันถือมนั่ วา่ ตวั ก-ู ของกู, รบให้กเิ ลสเหลา่ นั้นพ่าย แพ้ไป; นัน่ แหละเรียกว่าการใหท้ าน. ดงั น้นั ท่านจงึ กลา่ ววา่ การใหท้ านกบั การรบนีเ้ สมอกัน หรอื เป็น ส่งิ เดยี วกนั อย่างนกี้ ไ็ ด้. หรือถา้ จะพดู ให้ยืดเย้อื ออกไป ก็จะพูดได้ เหมอื นกันว่า การให้ทานน้ันกม็ ฆี า่ ศึก. ต้องมีการ ตระเตรียม, ตอ้ งมกี ารฝึกฝน, ต้องมีการสะสมอาวธุ , สะสมเครอื่ งมอื ปจั จัยในการรบพุง่ แล้วจึงจะไปรบกัน. การใหท้ านนก้ี เ็ หมือนกัน ต้องมกี ารตระ เตรียมทถี่ กู ตอ้ ง จึงจะเปน็ การใหท้ านที่ดี. เมอ่ื ใหไ้ ป ไดเ้ ทา่ ไรมนั กช็ นะเทา่ นนั้ . ถ้าให้ไม่ดี คอื รบไม่ดี มนั กเ็ ป็นการพ่ายแพ้, คอื เป็นการถอยหลังไปเหน็ แกต่ ัว, เป็นการลงทนุ ชนิด หน่งึ ไป ดงั ท่ีกลา่ วมาแล้วขา้ งตน้ คอื พวกท่ีทำบญุ เหมือนกับน้ำโคลน, ทำบญุ เหมอื นกบั น้ำแป้งหอม; สว่ นผ้ทู ่ที ำบุญให้ทานเหมอื นกบั การรบโดยแท้จริงนน้ั
๒๔ เหมอื นกบั พวกท่ีทำบญุ อาบรดดว้ ยน้ำทส่ี ะอาด คอื ชำ ระลา้ งร่างกายน้ีใหส้ ะอาดได้จริง ๆ. สรุปความแล้ว ก็ไดใ้ จความว่า บุญนม้ี ีอยู่ ๓ อยา่ ง; บญุ เหมือนกบั น้ำโคลนอยา่ งหนึง่ , บุญ เหมอื นกบั นำ้ แปง้ หอมน้อี ย่างหนึ่ง, บุญเหมือน กบั น้ำท่ีใสสะอาดนอ้ี ยา่ งหนึง่ , มีความแตกตา่ งดัง ท่กี ล่าวมาแลว้ โดยละเอยี ดนัน้ . ทา่ นผใู้ ดตอ้ งการ บญุ ชนิดไหน ก็ทำเอาไดต้ ามใจ, ไม่มีใครว่า ไม่มีใคร หา้ ม. ที่กล่าวนีเ้ ป็นการบอกกล่าวให้ร้วู ่า มันมอี ยู่ อย่างไร, ชนดิ ไหนเป็นอยา่ งไร ชนดิ ไหนควรและไม่ ควร; ใครอยากตกนรกก็ไมม่ ีใครวา่ , ใครอยากจะไป สวรรค์กไ็ ม่มใี ครวา่ , ใครอยากจะดับไมเ่ หลอื เปน็ นิพพานกไ็ มม่ ใี ครวา่ . จงเลอื กเอาเองตามชอบใจ. อยากลงนรกกท็ ำเหมอื นนำ้ โคลน, อยาก ไปสวรรคก์ ็ทำบญุ เหมือนกับนำ้ แปง้ หอม, อยาก ดับไม่เหลือก็ทำบุญเหมือนกับน้ำท่ีสะอาด.
๒๕ ดบั เสยี ซงึ่ ความสำคัญมัน่ หมายว่า ตัวกูของกแู ลว้ ไมเ่ กดิ โลภะ โทสะ ไดอ้ ีกตอ่ ไป. มีความสะอาด สวา่ ง สงบเยน็ ตลอดชวี ิต อยา่ งนเ้ี รยี กว่าดับเสียซงึ่ ตวั กไู ม่ให้มีเชื้อเหลือ, มอี ยแู่ ต่ความว่างจากกเิ ลส, ว่างจากตวั ตน เพราะไม่มอี ะไรทีจ่ ะเปน็ ความทุกข์. หวงั ว่าทา่ นทายก ทายิกาท้งั หลาย คงจะมี ความเข้าใจเพิ่มมากขึน้ ในเรอื่ งเกี่ยวกับคำวา่ “บุญ” จงร้จู กั บญุ ใน ๓ ลกั ษณะนี้ ว่าบญุ เหมือนนำ้ โคลนก็มี บญุ เหมือนนำ้ แปง้ หอมกม็ ี บญุ เหมอื นนำ้ ใสสะอาด กม็ .ี บญุ ๒ อย่างแรกน้นั ทำไปก็มักจะเหมอื นกับ การเล้ียงไกไ่ ว้ไข่ใหส้ ุนขั กนิ . มีแต่บญุ ประเภทสดุ ท้าย เท่าน้ัน ทท่ี ำแล้วจะเปน็ ผทู้ ่ีได้รบั ประโยชน์จากสาระ อันแทจ้ ริงของการเล้ียงไก่ คือการบำรุงพระศาสนา. ในท่นี ีเ้ ราเปรียบไกก่ บั พระศาสนา, เปน็ ไก่ ตัวใหญท่ ชี่ ว่ ยกนั เลี้ยง ให้มไี ขอ่ อกมา, คนมปี ัญญาก็ ไดก้ ินไข่น้นั , คนโง่ก็ไม่ไดก้ ิน เพราะไม่สนใจ, ถา้ โง่
๒๖ มากกวา่ น้ันก็ไปกินขไี้ ก่หรือกินขนไก่ ซงึ่ มอี ยู่โดย มาก, คือพวกทีท่ ำบุญเหมือนนำ้ โคลน ทำบญุ เหมอื น น้ำแปง้ หอมนน่ั เอง, ไม่ใชอ่ ยู่ท่ไี หนเลย จงระวังใหด้ ี ! จงทำบญุ ใหไ้ ดร้ บั ประโยชน์ ให้เปน็ ประโยชน์ คอื ใหเ้ ป็นประโยชน์อันแท้จรงิ , เปน็ บญุ ท่ีแท้จรงิ , อยา่ ไดเ้ สียทีท่เี กิดมาเป็นมนุษยแ์ ละพบ พระพทุ ธศาสนาเลย.
ธรรมะใกลมือ • สมคั รรับ SMS ขอ ธรรมฟรี เฉพาะเครอื ขา ย AIS • กด *455233300 แลว กดโทรออก • ธรรมะ “Twitter” ท่ี www.twitter.com/buddhadasa • ธรรมะดดี ี (D3) รบั “ขอ ธรรม” และ “เสียงธรรม” • www.facebook.com/buddhadasaarchives • www.facebook.com/book.bia • www.dhamma4u.com • www.bia.or.th • www.life-brary.com • แอพพลิเคชน่ั บนสมารท โฟน ทัง้ iOS และ Android • - BIA Dhamma eTravel : เทยี่ วทัว่ ไทยใหถ งึ ธรรม • เปด พน้ื ทีธ่ รรมในหัวใจสำหรบั ผปู ฏิบตั ธิ รรมมอื ใหม • - BIA Meditation : สงบจติ พินิจ ภาวนา • สมั ผัสสมาธิกับการสดบั เสยี งธรรมชาติ ธรรมะในสวน ตกั บาตรเดอื นเกิด • ทกุ วนั อาทติ ยแ รกของเดือน ที่สวนโมกขก รงุ เทพ • บูชาพระรัตนตรัย รับศีล และฟงธรรม ตักบาตรแบบครั้ง • พทุ ธกาล แลว รวมกรวดน้ำแผเมตตา รว มกินขาวกนบาตร • เจรญิ สติภาวนา และกิจกรรมมหรสพเพือ่ ปญ ญา
Search
Read the Text Version
- 1 - 32
Pages: