Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ความหมายขงการ่อาน reading

ความหมายขงการ่อาน reading

Published by Library37290, 2021-08-05 08:32:52

Description: ความหมายขงการ่อาน reading

Search

Read the Text Version

สำนกั วิทยบริกำรและเทคโนโลยีสำรสนเทศ ARIT NPRU บทความออนไลน์ อา่ นใหเ้ ป็น เหน็ คณุ ค่า ส่อื สารอย่างมปี ระสทิ ธิภาพแน่นอน ความสาคญั ของการอ่าน การอา่ นเป็นพฤตกิ รรมการรบั สารอย่างหน่งึ กลา่ วคอื เปน็ การรบั รเู้ รื่องราวโดยใชส้ ายตามองดูตวั อักษร แล้วสมองก็ จะลาดับเป็นถ้อยคา ประโยค และขอ้ ความตา่ งๆ เกิดเปน็ เรอ่ื งราวตามความร้แู ละประสบการณข์ องผู้อ่านแต่ละคน การอ่านช่วยให้เราสามารถติดตามความเคลื่อนไหว ความก้าวหน้า และความเปล่ียนแปลงทั้งหลายได้ทันต่อ เหตกุ ารณ์ ฉะน้นั การอา่ นจึงเปน็ ความจาเปน็ ต่อชีวิต ของทกุ คนในปัจจุบนั หนว่ ยสง่ เสริมการอ่านและการเรยี นรู้ สานกั วทิ ยบรกิ ารฯ http://arit.npru.ac.th/ Page 1

สำนกั วทิ ยบริกำรและเทคโนโลยสี ำรสนเทศ ARIT NPRU การอ่านมีความสาคัญต่อตนเอง เพราะการอ่านทาให้เราได้รับความรู้ความเพลิดเพลินมีความคิดทันโลก ทัน เหตุการณ์ และเข้าสังคมได้ดี การอ่านมีความสาคัญต่อสังคม เพราะคนในสังคมจานวนมากจะได้รับความรู้ ความ เพลดิ เพลนิ และความจรรโลงใจจากการอา่ น ฉะน้ัน สารที่อ่านในโอกาสสาคัญต่าง ๆ จะผิดพลาดหรือคลาดเคลื่อนไม่ได้ เพราะมักมีผู้นาไปอ้างอิงหรือเผยแพร่ เปน็ ลายลักษณอ์ ักษรอยเู่ สมอ หากผิดพลาดก็จะเปน็ ผลเสยี หายได้ นอกจากน้ีเม่ือเราจะอา่ นใหผ้ ้อู ืน่ ฟังเราก็ควรอา่ นให้น่าฟังคือ 1. อ่านให้ผู้ฟงั ได้รบั สารจากบทท่ีอ่านนน้ั ครบถว้ นทั้งสารที่สาคญั ทีส่ ุดและสารที่สาคัญรองๆ ลงไป 2. อา่ นใหผ้ ฟู้ ังสนใจฟังอยู่ตลอดเวลา ประเภทของการอ่าน การอ่าน เป็นวิธีสื่อสารทเ่ี ปน็ ได้ทั้งการสง่ สารและการรบั สาร การอ่านแบ่งไดเ้ ปน็ 2 ประเภท ดงั น้ี 1. การอ่านออกเสยี ง วิธีอ่านออกเสยี งประกอบด้วย.. 1) อา่ นออกเสียงให้ถกู ต้องชดั เจน 2) อา่ นเสียงดัง ฟังได้ทว่ั ถึง 3) อา่ นให้เป็นเสยี งพดู ธรรมชาติ 4) รจู้ ักทอดจังหวะและลมหายใจ ฯลฯ การอ่านออกเสียง เป็นได้ท้งั การรบั สารและการส่งสาร ส่วนการอ่านในใจจะเปน็ ได้เฉพาะการรบั สารเพยี งทาง เดยี วเทา่ นั้น การอ่านออกเสียง หมายถงึ การอ่านท่ีผอู้ น่ื สามารถได้ยนิ เสยี ง การอ่านออกเสียงมักไมน่ ยิ มอ่านเพือ่ การรบั สาร โดยตรงเพียงคนเดียว เว้นแต่การ อ่านบทประพันธ์เป็นท่วงทานองเพื่อความไพเราะเพลิดเพลนิ สว่ นใหญ่การอ่าน หนว่ ยส่งเสริมการอา่ นและการเรียนรู้ สานักวทิ ยบรกิ ารฯ http://arit.npru.ac.th/ Page 2

สำนกั วทิ ยบรกิ ำรและเทคโนโลยสี ำรสนเทศ ARIT NPRU ออกเสยี งมักเปน็ การอ่านให้ผู้อ่ืนฟัง การอา่ นออกเสียงใหผ้ ู้ อื่นฟงั จะต้องอา่ นให้ชดั เจน ถกู ต้องได้ขอ้ ความ ครบถ้วนสมบรู ณ์ มลี ลี าการอ่านท่ีนา่ สนใจและน่าตดิ ตามฟังจนจบ 2. การอ่านในใจ การอา่ นใจในถือว่าเปน็ การอา่ นเพ่ือพัฒนาตนเองในด้านตา่ งๆ อนั ได้แก่ ดา้ นความรู้ คอื ไดท้ ง้ั ความรู้รอบตวั และความรเู้ ฉพาะด้าน ด้านอารมณ์ ช่วยใหเ้ กดิ ความเพลิดเพลิน คลายความเครยี ด ความขุน่ มวั ตา่ งๆ ดา้ นคุณธรรม เช่น การอ่าน หนังสอื ประเภทธรรมะ ชวี ประวตั ิ สารคดี ฯลฯ ทาให้ได้เหน็ ตวั อยา่ งดีๆ หรอื ได้ ข้อคิด คา สอน และสามารถนามาใชก้ บั ตนเองได้ การอา่ นในใจจงึ เปน็ วธิ กี ารศึกษาอยา่ งหนง่ึ เพื่อเรยี นรู้และ เข้าใจประสบการณ์ใหม่ ๆ ซึ่งช่วยใหม้ นษุ ยเ์ กิดการปรบั ตวั เพ่ือการดารงชวี ติ อยา่ งเป็นสุข หลกั การอ่านในใจ ได้แก่ 1. ตั้งสมาธิให้แนว่ แน่ 2. กะระยะช่วงสายตาแตล่ ะคราวให้กว้างท่ีสุด จะทาให้อา่ นได้รวดเรว็ ไม่ควรมองเปน็ คาๆ เพราะทาให้อา่ นชา้ และ จับใจความไม่ได้ 3. จบั ใจความสาคัญและใจความประกอบให้ได้ อาจตัง้ คาถามถามตนเองว่า ใคร ทาอะไร ทไ่ี หน เมอ่ื ไหร่ อย่างไร แล้วตอบคาถามเหลา่ น้นั กจ็ ะสามารถจบั ใจความสาคญั ได้ 4. ไม่ทาปากขมบุ ขมิบหรือออกเสียงในเวลาอา่ น 5. ไมใ่ ช้น้ิว ปากกา หรือดินสอ ช้ที ตี่ ัวหนงั สือทีละตัว 6. บันทกึ ความรู้ ความเขา้ ใจ และความคดิ ไว้เพ่ือนาไปใช้ประโยชน์ตอ่ ไป หนว่ ยส่งเสริมการอา่ นและการเรียนรู้ สานกั วิทยบริการฯ http://arit.npru.ac.th/ Page 3

สำนักวทิ ยบริกำรและเทคโนโลยสี ำรสนเทศ ARIT NPRU จุดม่งุ หมายของการอา่ น การสื่อสารด้วยการอ่านหนังสือทกุ ครัง้ ผ้อู ่านจะต้องมีการต้งั จดุ ประสงค์การอ่านเสมอ จุดประสงค์ของการ อา่ นแตล่ ะครั้งอาจจะเหมอื นหรือต่างกนั กไ็ ด้ จดุ ประสงค์โดยทวั่ ไปของการอา่ นได้แก่ 1. การอ่านเพ่ือจับใจความ เป็นการสรุปสาระสาคัญของเร่ือง ทาให้เข้าใจเรื่องได้ครบถ้วนตรงตามที่ผู้เขียน ต้องการอย่างรวดเร็วการฝึก ทักษะการอ่านเพ่ือจับใจความ ผู้อ่านจะต้องเข้าใจความหมายของคาและสานวนใน เรอ่ื ง สามารถลาดบั เหตกุ ารณ์ และลาดับความคิดแยกได้วา่ ใจความใดเปน็ ความสาคญั และใจความใดเป็นใจความ รอง 2. การอ่านเพ่ือใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ นับเป็นการสร้างนิสัยรักการอ่านที่พึงปฏิบัติและมีประโยชน์ อย่างยิ่งแต่การท่ีจะเพ่ิมคุณค่าและประโยชน์ให้กับ การอ่านน้ัน ผู้อ่านควรจดบันทึกสาระสาคัญของเรื่องท่ีอ่าน และสามารถแนะนาหนงั สอื ทน่ี า่ อา่ นแก่ผู้อ่ืนได้ดว้ ย 3. การอ่านอย่างมีวิจารณญาณ คือ รู้จักใคร่ครวญ พิจารณาเรื่องท่ีอ่านอย่างละเอียด ลึกซ้ึงในด้านต่างๆ เป็น การอา่ น ที่ตอ้ งอาศัยความ สามารถในการคิดพจิ ารณาหาเหตผุ ลมาประกอบ ซ่ึงนับวา่ เปน็ ทกั ษะด้านการอ่านข้ันสูง จึงควรฝึกฝนเพ่ือนาไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจาวันได้ การอ่านอย่างมีวิจารณา ญาณจะสามารถบอกจุดประสงค์ ของผู้เขียนได้ บอกความหมายของคาและสานวน ในเรื่อง ท่ีอ่านได้ วิเคราะห์ส่วนต่างๆ ของเรื่องท่ีอ่านได้ถูกต้อง ชดั เจน อธบิ ายกลวิธกี ารเขียนได้ และบอกคุณคา่ ของเรื่องทอี่ ่านได้ ประโยชนข์ องการอา่ น การสือ่ สารปัจจบุ นั ยังต้องอาศัยการอ่านเปน็ หลักสาคัญในการติดต่อส่อื ความ หมาย ด้วยเหตนุ ้กี ารอ่านจึงมี ประโยชน์ตอ่ มนุษยเ์ ราเป็นอย่างมากประโยชน์ของการอ่านไดแ้ ก่ ได้ความรู้ เพราะการอ่านทาใหผ้ อู้ ่านได้รับความรู้เพมิ่ ข้นึ ใหเ้ กรด็ ความรู้หรือความเคลอื่ นไหว ความ เปล่ียนแปลงใหม่ๆ ทางวชิ าการหรือสังคม เศรษฐกิจ การเมอื ง และการปกครอง ไดค้ วามบันเทงิ เพราะการอ่านทาให้ผู้อ่านเกดิ ความพอใจ ความเพลดิ เพลนิ และมีความสุขใจ อนั เกดิ จาก เนื้อเรื่องหรือความไพเราะของถ้อยคาท่ีได้อา่ น หน่วยสง่ เสรมิ การอ่านและการเรียนรู้ สานักวิทยบริการฯ http://arit.npru.ac.th/ Page 4

สำนกั วทิ ยบริกำรและเทคโนโลยีสำรสนเทศ ARIT NPRU ได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เพราะการใช้เวลาว่างด้วยการอ่านเป็นการสร้างนิสัยรักการอ่านที่ควร ปฏิบัติ และมีประโยชน์อย่างยิ่งแต่การที่จะ เพิ่มคุณค่าและประโยชน์ให้กับการอ่านน้ัน ผู้อ่านควรรู้จักวิธีการจด บนั ทกึ สาระสาคัญของเร่ืองท่ีอา่ นและสามารถแนะนา หนังสือทีน่ ่าอ่านแกผ่ ู้อื่นได้การอา่ นยังมีประโยชน์ด้านอ่ืนอีก มาก ท้ังน้ีประโยชน์จะได้มากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของผู้อ่านด้วย จะพบว่าการสื่อสารด้วยการอา่ น เป็นสิ่งสาคัญและจาเป็นอยา่ งย่ิงต่อการดาเนินชวี ติ การอา่ นจะได้รับประโยชนอ์ ยา่ งแทจ้ รงิ จาเป็นจะต้องรู้ถึงจุดมุ่งหมายของการอ่าน สามารถแยกประเภทของสารที่อ่านได้ อ่านแล้วนามาคิด พิจารณาจับใจความสาคัญจากเรื่องที่อ่านได้ครบถ้วน รู้จักเลือกสรรเนื้อหาเพื่อนาไปใช้ให้เกิดประโยชน์มากท่ีสุด การอ่านลกั ษณะดังกล่าวน้เี รยี กว่า อ่านเปน็ เม่ือผู้เรียนเป็นผทู้ ไ่ี ด้ชื่อวา่ “อ่านเปน็ ” และเหน็ คณุ ค่า ของส่งิ ท่อี ่าน ก็ จะสามารถสือ่ ภาษากับผอู้ ่ืนได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพแน่นอน ทม่ี า http://www.vcharkarn.com/lesson/1611 หนว่ ยส่งเสริมการอา่ นและการเรยี นรู้ สานกั วทิ ยบรกิ ารฯ http://arit.npru.ac.th/ Page 5


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook