Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิทยาศาสตร์ ป4

วิทยาศาสตร์ ป4

Published by natnicha.khachapol, 2020-08-10 09:26:17

Description: วิทยาศาสตร์ ป4

Search

Read the Text Version

วทิ ยาศาสตร์ ป.4 หน่วย 1 เรื่อง จาแนกความแตกต่างลกั ษณะของส่ิงมชี ีวติ ออกเป็ นกล่มุ พชื กล่มุ สัตว์ และกล่มุ ทไ่ี ม่ใช่พชื และสัตว์ บทนาของเร่ือง : สิ่งมีชีวติ บนโลกใบน้ีมีหลากหลายชนิด แตล่ ะชนิดมีลกั ษณะหนา้ ที่แตกตา่ งกนั ออกไป โดยเราสามารถจาแนก สิ่งมีชีวติ ออกเป็น พชื สตั ว์ และไม่ใช่ท้งั พชื และสตั ว์ สามารถจดั กลุ่มสิ่งมีชีวติ จากการเคลื่อนท่ี การกินอาหาร เป็ น ตน้ ซ่ึงเรายงั สามารถจาแนกพชื ออกเป็ น พชื มีดอกและไม่มีดอก จาแนกสตั วอ์ อกเป็ นสตั วม์ ีกระดกู สนั หลงั และไม่มี กระดูกสนั หลงั

จาแนกสิ่งมีชีวติ จากลักษณะของส่ิงมชี ีวิต 1 Inspiration & Engagement คุณแม่ใส่ยสี ตล์ งไปในน้าผสมน้าตาลเพอ่ื ทาขนมปัง ทง้ิ ไวผ้ า่ นไป 20 นาที มีฟองฟขู ้นึ จากเดิม ลิปดาจึงสงสยั วา่ เพราะเหตุใดคุณแม่จึงบอกวา่ เพราะยสี ตก์ ินอาหาร ยสี ตเ์ ป็ นส่ิงมีชีวติ ชนิดหน่ึง ลิปดาจงึ บอกวา่ ไม่น่า เช่ือเลยวา่ ยสี ตจ์ ะเป็ นส่ิงมีชีวติ 2 Problem & Question เราสามารถจาแนกสิ่งมีชีวติ จากลกั ษณะความเหมือนและความแตกตา่ งของสิ่งมีชีวติ ไดอ้ ยา่ งไร 3 Definition ลกั ษณะของส่ิงมีชีวติ คือ การหายใจ การกินอาหาร และการเคลื่อนที่ การขบั ถ่าย การสืบพนั ธุ์ โดยลกั ษณะที่ชดั เจน ของกล่มุ พชื คือ การสร้างอาหารเองได้ เคลื่อนทดี่ ว้ ยตนเองไม่ได้ ลกั ษณะทช่ี ดั เจนของกลุ่มสตั ว์ คอื กินส่ิงมีชีวติ อ่ืน เป็นอาหารและเคลื่อนทไ่ี ด้ ส่วนกลุ่มไม่ใช่พชื และสตั ว์ จะมีลกั ษณะทไี่ ม่ชดั เจน 4 Hands – On Activity ใหน้ กั เรียนวเิ คราะห์ภาพสิ่งมีชีวติ และจาแนกลกั ษณะของสิ่งมีชีวติ ในภาพวา่ มีการสร้างอาหารเองได้ กินสิ่งมีชีวติ อ่ืน เป็นอาหารเคล่ือนที่เองได้ หรือไม่และใหส้ รุปวา่ สิ่งมีชีวติ น้นั เป็ นส่ิงมีชีวติ กลุ่มใด ระหวา่ ง พชื สตั วห์ รือไม่ใช่พชื และสตั ว์ พรอ้ มออกมานาเสนอ 5 Materials 1. สมุดจดบนั ทกึ 2. เครื่องบนั ทกึ 3. คอมพวิ เตอร์

6 Data Collection ใหพ้ จิ ารณาภาพสิ่งมีชีวติ ที่กาหนดใหแ้ ละระบลุ กั ษณะของสิ่งมีชีวติ และสรุปกลุ่มของส่ิงมีชีวติ 7 Analysis & Discussion สิ่งมีชีวติ ใดบา้ งท่ีสรา้ งอาหารเองได้ ………………………………………………………………………………………………………………………… ส่ิงมีชีวติ ใดบา้ งท่ีกินสิ่งมีชีวติ อื่นเป็ นอาหาร ………………………………………………………………………………………………………………………… สิ่งมีชีวติ ใดบา้ งท่ีเคลื่อนท่ีดว้ ยตวั เองไม่ได้ ………………………………………………………………………………………………………………………… ส่ิงมีชีวติ ใดบา้ งสามารถจาแนกใหอ้ ยใู่ น กลุ่มไม่ใช่พชื และสตั ว์ ………………………………………………………………………………………………………………………… 8 Conclusion ลกั ษณะของส่ิงมีชีวติ ของกลุ่มพชื คือ ………………………………………………………………………………………………………………………… ลกั ษณะของส่ิงมีชีวติ ของกลุ่มสตั ว์ คอื ………………………………………………………………………………………………………………………… ยกตวั อยา่ งสิ่งมีชีวติ ของกลุ่มท่ไี ม่ใช่พชื และสตั ว์ …………………………………………………………………………………………………………………………

9 Knowledge Tank การจาแนกส่ิงมชี ีวติ จากการจาแนกส่ิงมีชีวติ โดย ใชค้ วามเหมือนและแตกตา่ งของลกั ษณะของส่ิงมีชีวติ เพอื่ จาแนกสิ่งมีชีวติ ออกเป็ น กลุ่มๆ โดยกลุ่มของส่ิงมีชีวติ สามารถแบง่ อยา่ งง่ายๆ มีดว้ ยกนั 3 กลุ่มดงั ตอ่ ไปน้ี 1. กลุ่มพชื (Plant) เป็ นกลุ่มสิ่งมีชีวติ ที่ทาหนา้ ท่ีเป็ นผผู้ ลิต สร้างอาหารไดเ้ อง จาพวก น้าตาลและแป้ ง เน่ืองจากพชื มี คลอโรฟิลลอ์ ยใู่ นคลอโรพลาสต์ จงึ สร้างอาหารไดเ้ อง แต่เคลื่อนท่ีดว้ ยตนเองไม่ได้ โดยการจาแนกพชื สามารถใช้ การมีดอกเป็นเกณฑ์ ในการจาแนกได้ 2 กลุ่ม ดงั ตอ่ ไปน้ี กุหลาบ มะลิ 1.1 พชื มีดอก เป็น พชื ช้นั สูง ซ่ึงเม่ือเจริญเติบโตเตม็ ทีแ่ ลว้ จะออกดอกเพอื่ ใชใ้ นการสืบพนั ธุ์ และมีโครงสร้างต่างๆ ครบส่วน คอื มี ราก ใบ ดอก ผลและเมลด็ เช่น กหุ ลาบ มะลิ มะม่วง เป็ นตน้ 1.2 พชื ไม่มีดอก เป็น พชื ช้นั ต่า กวา่ พชื มีดอก เป็ นพชื ทต่ี ลอดการดารงชีวติ ไม่สามารถออกดอกไดจ้ ึงไม่อาศยั ดอกใน การสืบพนั ธุ์ เช่น ตะไคร่น้า สน เฟิ ร์น มอสส์ ปรง หญา้ ถอดปลอ้ ง 2. กลุ่มสตั ว์ เป็ นสิ่งมีชีวติ ท่ีไม่มีคลอโรฟิลลจ์ ึง ไม่สามารถสรา้ งอาหารเองได้ แตก่ ินสิ่งมีชีวติ อ่ืนเป็ นอาหาร และ สามารถเคลื่อนที่ดว้ ยตนเองได้ โดยการจาแนกสตั ว์ สามารถใชก้ ารมีกระดูกสนั หลงั เป็นเกณฑใ์ นการจาแนก ไดเ้ ป็น 2.1 สตั วม์ ีกระดูกสนั หลงั คือ สตั วท์ มี่ ีกระดูกเป็นขอ้ ๆ อยภู่ ายในร่างกายและทาหนา้ ทีเ่ ป็ นแกนกลางของลาตวั สตั วม์ ี กระดูกสนั หลงั แบง่ เป็นหลายกลุ่ม ไดแ้ ก่ กลุ่มปลา กลมุ่ สตั วส์ ะเทินน้าสะเทินบก กลุ่มสตั วเ์ ล้ือยคลาน กลุ่มนก และ กลุ่มสตั วเ์ ล้ียงลูกดว้ ยน้านม

2.2 สตั วไ์ ม่มีกระดูกสนั หลงั ในโลกน้ีมีจานวนมากกวา่ สตั วท์ ี่มีกระดูกสนั หลงั นกั วทิ ยาศาสตร์ไดจ้ าแนกประเภท ของสตั วไ์ ม่มีกระดูกสนั หลงั ตามลกั ษณะ ไดห้ ลายกลุ่ม ไดแ้ ก่ ฟองน้า สตั วท์ ล่ี าตวั กลวง หนอนพยาธิ สตั วท์ ่ลี าตวั เป็นปลอ้ ง สตั วท์ ะเลผวิ ขรุขระ หอยทะเล ปลาหมึก และ สตั วท์ ่มี ีขาเป็นขอ้ กวาง-สตั วเ์ ล้ียงลูกดว้ ยนม ปลาดอลร่ี-กลุ่มปลา ผเี ส้ือ-สตั วม์ ีขาเป็นขอ้ 3. กลุ่มทไี่ ม่ใช่พชื และสตั ว์ เช่น เห็ดรา จุลินทรีย์ แบง่ ไดเ้ ป็น 3 กลุ่ม คอื 3.1 กลุ่มฟังไจ (fangi) ไม่สามารถสร้างอาหารเองได้ ไม่สามารถเคลื่อนทีเ่ อง 3.2 กลุ่มมอเนอรา (monera) บางชนิดสามารถสร้างอาหารเองได้ แต่เคล่ือนท่เี องไม่ได้ ตอ้ งอาศยั ปัจจยั อื่นในการ เคล่ือนที่ เช่น บาซิลลสั (bacillus) คอกคสั (coccus) 3.3 กลุ่มโปรตสิ ตา (protista) บางชนิดมีคลอโรฟิลลเ์ หมือนกบั พชื แตเ่ คล่ือนทไ่ี ดเ้ หมือนกบั สตั ว์ เช่น โปรโตซวั หรือ โพรโทซัว (protozoa) เป็นตน้ เห็ดรา-กลุ่มฟังไจ คอกคสั -กลุ่มมอเนอรา โปรโตซัว-กลุ่มโปรติสตา

ความรู้เพ่มิ เตมิ จากกจิ กรรม จาแนกสิ่งมีชีวติ โดยใชค้ วามเหมือนและความแตกตา่ งของลกั ษณะของสิ่งมีชีวติ นกั วทิ ยาศาสตร์จาแนก สิ่งมีชีวติ โดยใชค้ วามเหมือนและความแตกตา่ งของลกั ษณะตา่ ง ๆ เช่น การสร้างอาหาร การกินสิ่งมีชีวติ อ่ืนเป็ น อาหาร การเคล่ือนที่ไดด้ ว้ ยตนเอง โดยสามารถจดั กลุ่มของส่ิงมีชีวติ ไดด้ งั น้ี 1. กลุ่มสตั ว์ เป็ นสิ่งมีชีวติ ที่มีหลายเซลล์ ไม่มีคลอโรฟิลล์ จงึ สรา้ งอาหารเองไม่ได้ แต่กินส่ิงมีชีวติ อื่นเป็ นอาหาร โดย การล่า และ สามารถเคล่ือนท่ีดว้ ยตนเองได้ 2. กลุ่มพชื เป็ นสิ่งมีชีวติ ทสี่ ่วนใหญ่ประกอบดว้ ยหลายเซลล์ เคลื่อนทเี่ องไม่ได้ มีคลอโรฟิ ลลใ์ ชใ้ นการสงั เคราะห์ แสง พชื จงึ สามารถ สร้างอาหารเองได้

3. กลุ่มทไี่ ม่ใช่พชื และสตั ว์ 3.1 กลุ่มฟังไจ (fangi) เป็ นสิ่งมีชีวติ จาพวก เห็ดรา (Fungus) จะมีการขยายพนั ธุ์ ุ โดยใชอ้ วยั วะสืบพนั ธุ์ ุ ทเี่ จริญมา จากสปอร์คลา้ ยกบั พชื ไม่สามารถสรา้ งอาหารเองได้ แตจ่ ะกินอาหาร โดยการใชน้ ้ายอ่ ยมา สลายสารอินทรีย์ เช่น เปลือกไม้ และไม่สามารถเคลื่อนทดี่ ว้ ยตนเองได้ 3.2 กลุ่มโปรติสตา (protista) เป็ นสิ่งมีชีวติ จาพวก โปรติสต์ ที่มีโครงสรา้ งแบบเซลลเ์ ดียวและหลายเซลล์ บางชนิดมี คลอโรฟิลลเ์ หมือนกบั พชื แตเ่ คลื่อนทีไ่ ดเ้ หมือนกบั สตั ว์ เช่น โปรโตซวั เป็นตน้

3.3 กลุ่มมอเนอรา (monera) เป็ นส่ิงมีชีวติ จาพวก แบคทเี รีย ท่มี ีโครงสรา้ งแบบเซลลเ์ ดียว บางชนิดสามารถสรา้ ง อาหารเองได้ แตเ่ คลื่อนท่เี องไม่ได้ ตอ้ งอาศยั ปัจจยั อ่ืนในการเคล่ือนที่ ลักษณะเฉพาะทีส่ ังเกตได้ของสัตว์มกี ระดกู สันหลัง 1 Inspiration & Engagement ลิปดาขดุ คน้ พบโครงกระดูกสตั วโ์ ลก 100 ปี บริเวณหลงั บา้ นและคดิ วา่ น่าจะเป็นสตั วท์ ่มี ีกระดูกสนั หลงั จงึ ไปถาม ดร.วี แต่ ดร.วี ใหล้ ิปดาไปคน้ หาขอ้ มูลลกั ษณะเฉพาะทส่ี งั เกตไดข้ องสตั วท์ ่มี ีกระดูกสนั หลงั ในแตล่ ะกลุ่ม 2 Problem & Question ลกั ษณะเฉพาะท่สี งั เกตไดข้ องสตั วท์ ีม่ ีกระดูกสนั หลงั ในแต่ละกลุ่ม 3 Definition สตั วม์ ีกระดูกสนั หลงั มีลกั ษณะเฉพาะทส่ี งั เกตได้ ในแตล่ ะกลุ่ม เช่น 1.กลมุ่ ปลา รูปร่างเรียวยาว ลาตวั คอ่ นขา้ งแบน มีครีบและหาง 2.กลุม่ สตั วส์ ะเทนิ น้าสะเทนิ บก มีขา 2 คู่ คือคู่หนา้ และคู่หลงั ผวิ หนงั เป็ นเมือกชุ่มช้ืน ไม่มีเกล็ด ผวิ หนงั บาง ไม่มีขน 3.กลมุ่ สตั วเ์ ล้ือยคลาน มีขา 4 ขา ผวิ หนงั หนา มีเกลด็ 4.กลุ่มนก มีขา 2 ขา ปี กถูกพฒั นาจากขาคูห่ นา้ มีขนเป็ นแผง 5.กลุ่มสตั วเ์ ล้ียงลูกดว้ ยนม มีแขนขารวมไม่เกิน 2 คู่ ผวิ หนงั เรียบมีขนปกคลุมตวั บางชนิดไม่มีขา

4 Hands – On Activity 1.จากภาพโครงกระดูกของสตั วใ์ หว้ าดภาพสตั ว์ และเขยี นชื่อสตั ว์ 2.ใหเ้ ขียนชื่อกลุ่มสตั วแ์ ละลกั ษณะเฉพาะที่สงั เกตไดข้ องกลุ่มสตั วน์ ้นั 5 Materials 1. สมุดจดบนั ทึก 2. เคร่ืองบนั ทกึ 3. เครื่องมือคน้ หาขอ้ มูล 6 Data Collection 1. จากภาพโครงกระดูกของสตั วม์ ีกระดูกสนั หลงั ให้วาดภาพอวยั วะภายนอกใหค้ รบ และบอกชื่อชนิดสตั ว์ 2. ใหเ้ ขยี นช่ือกลุ่มสตั วแ์ ละบรรยายลกั ษณะเฉพาะท่ีสงั เกตไดข้ องกลมุ่ สตั วน์ ้นั 8 Conclusion นกั เรียนสามารถจดั กลุ่มสตั วท์ ม่ี ีกระดูกสนั หลงั ไดห้ ลายกลุ่ม เช่น ………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………..………………………………………………………………………………………… ใหน้ กั เรียนเลือกกลุ่มสตั วม์ ีกระดูกสนั หลงั มา 1 กลุ่มและเขยี นลกั ษณะเฉพาะทสี่ งั เกตได้ ………………………………………………………………………………………………………………………… ยกตวั อยา่ งส่ิงมีชีวติ ของกลุ่มท่ีไม่ใช่พชื และสตั ว์ …………………………………………………………………………………………………………………………

9 Knowledge Tank การจาแนกประเภทของสัตว์ สตั วม์ ีววิ ฒั นาการเริ่มตน้ มาจาก ปรสิตเซลลเ์ ดียว เม่ือ 600 ลา้ นปี แลว้ พฒั นากลายเป็นสตั วห์ ลายเซลลแ์ ลว้ จึงเร่ิมเป็ น สตั วไ์ ม่มีกระดูกสนั หลงั และพฒั นาเป็ นสตั วท์ ีม่ ีกระดูกสนั หลงั 1. สัตว์ไม่มกี ระดูกสันหลัง นกั วทิ ยาศาสตร์เชื่อวา่ มีสตั วไ์ ม่มีกระดูกสนั หลงั มีมากกวา่ 95% ของสตั วท์ พ่ี บบนโลกน้ีท้งั หมด โดยสามารถจาแนกประเภทของสตั วไ์ ม่มีกระดูกสนั หลงั ตามลกั ษณะ ไดด้ งั น้ี ประเภทสตั วไ์ ม่มีกระดูกสนั หลงั

ประเภทสตั วไ์ ม่มีกระดูกสนั หลงั (ต่อ) ประเภทสตั วไ์ ม่มีกระดูกสนั หลงั (ต่อ)

ประเภทสตั วไ์ ม่มีกระดูกสนั หลงั (ต่อ) 2. สตั วม์ ีกระดูกสนั หลงั สตั วม์ ีกระดูกสนั หลงั เริ่มปรากฏข้นึ คร้ังแรกเมื่อ 500 ลา้ นปี กอ่ น โดยสตั วม์ ีกระดูก สนั หลงั ชนิดแรกคือ ปลาไม่มีกระดูกขากรรไกร นกั วทิ ยาศาสตร์ไดจ้ าแนกสตั วม์ ีกระดูก-สนั หลงั ออกเป็นหลายกลุ่มตาม ลกั ษณะทสี่ งั เกต ไดด้ งั น้ี ประเภทสตั วม์ ีกระดูกสนั หลงั

ประเภทสตั วม์ ีกระดูกสนั หลงั (ตอ่ ) ประเภทสตั วม์ ีกระดูกสนั หลงั (ต่อ)