7. ภมู นิ ามท่ีต้ังชอ่ื ตามลกั ษณะภมู ปิ ระเทศและต้ังช่ือตามอาณาเขตของสถานท่ี ในตำบลโพนทอง มีหมบู่ ้านท่ีต้งั ชอ่ื ตามลกั ษณะภูมปิ ระเทศและต้ังชอ่ื ตาม อาณาเขตของสถานท่ี เพยี งหมู่บา้ นเดียว คือ บ้านโคกยาว 7.1 บ้านโคกยาว บ้านโคกยาว หมทู่ ่ี 10 ในอดีตนน้ั ไดม้ ีชาวบ้านจากถิ่นอน่ื ๆ อพยพ มาอยูบ่ รเิ วณแห่งนี้ ชาวบา้ นพบหนองน้ำบริเวณหม่บู ้านวา่ “โคก” ภาษาอีสานเรียกวา่ บ๊ะ ซ่ึงหมบู่ ้านน้มี ีทนี่ าผืนยาวไปตลอดทางของหมู่บา้ น โดยระยะทางยาวประมาณ 4 กโิ ลเมตร จากบา้ นโคกยาวถงึ บา้ นนาอ่าง ในอำเภอบงึ โขงหลง จังหวัดบงึ กาฬ ชาวบ้านจึงเป็นท่ีมา ของหม่บู ้านว่า “บ้านโคกยาว” ทางฝงั่ ทศิ ตะวนั ออกเห็นทวิ ทัศน์ของภลู งั กาฝ่ังทศิ เหนอื ตดิ กับหม่บู า้ นชยั ชนะ ทิศตะวนั ตกติดกับหมบู่ ้านเทพนิมติ อำเภอนาทม ทศิ เหนอื ของหมบู่ า้ น ตดิ กับบ้านโคกสวาท บรเิ วณหมบู่ า้ นนม้ี โี รงเรยี นบ้านโคกยาวซ่งึ เปน็ โรงเรยี นขนาดเล็ก ติด กับทางเข้าหม่บู ้านทางทิศเหนอื
กิจกรรมท้ายบทที่ 4 1. กจิ กรรมคำถามทา้ ยบท คำชีแ้ จง จงตอบคำถามตอ่ ไปนี้ 1. คำวา่ “ดอน” มีความหมายวา่ อยา่ งไร ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… 2. “อาหารทอ้ งถิ่น” ของบ้านโคกสวาทมอี ะไรบา้ ง ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ให้นกั เรียนอธิบาย ตำนาน “หินสะละคึ” มาพอสงั เขป ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… กจิ กรรมทา้ ยบท 1. ใหน้ กั เรียนเล่าเรอ่ื งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาตใิ นตำบลของตนเองมา 1 สถานท่ี
บทที่ 5 ภูมินามตำบลหนองแวง ภูมนิ ามของตำบลหนองแวง มภี ูมนิ ามจำนวน 8 ประเภท ได้แก่ ภูมนิ ามทีต่ ้ังช่ือ ตามลักษณะภมู ปิ ระเทศและพชื พันธไ์ุ ม้ ภูมินามท่ีตง้ั ชอื่ ตามลักษณะภูมิประเทศและต้ังช่ือ เปน็ สิรมิ งคล ภูมนิ ามทต่ี ้งั ชื่อตามลกั ษณะภมู ิประเทศ ภูมินามท่ีตั้งชอื่ ตามสตั วท์ ่ีเกยี่ วขอ้ ง และชื่อตามสตั วท์ ่เี กี่ยวขอ้ งและต้ังชอื่ ตามคำบอกเลา่ นทิ าน ตำนานอกี ทัง้ ตัง้ ชื่อตาม อาณาเขตของสถานที่ ภูมินามที่ตั้งชื่อตามลักษณะภูมิประเทศและต้งั ช่ือตามบุคคลสำคัญ ภูมินามท่ีตั้งชอื่ ตามบุคคลสำคัญ ภมู ินามทตี่ ้ังช่อื ตามอาณาเขตของสถานทแี่ ละตั้งชือ่ ตาม บุคคลสำคัญ ซ่ึงจะขอกลา่ วถึงรายละเอียด ดงั นี้ 1. ภูมินามที่ต้ังชื่อตามลกั ษณะภมู ปิ ระเทศและตงั้ ชื่อตามพืชพนั ธ์ุไม้ ในตำบลหนองแวง มีหมู่บ้านท่ีตั้งชือ่ ตามลักษณะภมู ิประเทศและต้งั ชือ่ ตาม พชื พนั ธไ์ุ ม้ 4 หมู่บ้าน ไดแ้ ก่ บ้านหนองแวง บา้ นหนองแวงทุง่ บา้ นนาข่า และบา้ นคำพอก 1.1บ้านหนองแวง (ท่ีมา : http://medthai.com)
บา้ นหนองแวง ในอดีตชาวบ้านเมืองไชยบรุ ี หนง่ึ ในตำบลของอำเภอท่าอเุ ทน ปจั จบุ ัน ไดอ้ พยพออกมาตง้ั บา้ นเรอื นทำมาหากินบริเวณน้ี เหน็ ถงึ ความอดุ มสมบูรณ์ และบริเวณใกล้เคียงก็เปน็ พน้ื ที่ อดุ มไปด้วยธรรมชาติ อกี ทั้งมี หนองนำ้ ขนาดใหญเ่ ต็มไปดว้ ย พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั ฯ เสด็จพระราชดำเนนิ ต้นแวง (ภาษาถนิ่ อีสาน) ทรงเยีย่ มฐานปฏิบัติการทหารมา้ หมบู่ า้ นหนองแวง ทเ่ี รารูจ้ กั กนั ดี คือตน้ ปรอื (ท่มี า : http://nkp2day.com) หรอื ธปู ฤๅษี มลี ักษณะคลา้ ยตน้ กกหรอื เรยี กว่า กกช้าง เปน็ พืชล้มลกุ ขึน้ อย่ใู นนำ้ เปน็ จำนวนมากตรงบริเวณทีด่ ินท่ีกวา้ งและเปน็ เนนิ เหมาะสำหรับการตงั้ เปน็ หมบู่ ้าน จงึ เป็นทม่ี าของชื่อวา่ “บา้ นหนองแวง” นับแตน่ น้ั มา ในอดตี เมอ่ื วนั ท่ี 18 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2518 พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัวภมู ิพลอดลุ ยเดช เสดจ็ พระราชดำเนินทรงเยี่ยม ฐานปฏิบัติการทหารมา้ ในเขต พื้นท่ีตำบลหนองแวง อีกท้ังบา้ น หนองแวงยังมแี หลง่ ท่องเท่ยี ว ทางธรรมชาตทิ กี่ ำลงั พฒั นา คอื น้ำตกวังหนิ โตน และมีหนองเบิก ซ่งึ เป็นแหลง่ เพาะพนั ธ์ปุ ลาอกี ดว้ ย ตามคำขวญั ของบา้ นหนองแวงท่วี า่ ทวี่ ่า…. “หินโตนนำ้ ตกมรดกล้ำคา่ หนองเบิกแหลง่ พันธุป์ ลา งามตาสาวหนองแวง”
1.2บ้านหนองแวงทงุ่ บา้ นหนองแวงท่งุ ตงั้ อยหู่ ม่ทู ี่ 16 ไดอ้ พยพแยกออกมาจาก บ้านหนองแวง เนื่องดว้ ยการขยายครอบครัวและการหาท่ีดนิ แหล่งการเกษตรและทนี่ า ทำกินมีวดั ป่าสามัคคีธรรม เป็นวดั ประจำหมู่บา้ น ลักษณะภูมิประเทศของหมูบ่ า้ นแห่งนี้ มที ้องทุง่ นาผืนใหญ่ ชาวบา้ นจึงนยิ ม ปลกู ข้าว เปน็ หลกั จึงเปน็ ทมี่ าการตัง้ ช่ือหมู่บ้าน ว่า บ้านหนองแวงทุ่ง จนถงึ ปัจจุบัน 1.3 บา้ นนาข่า บ้านนาข่า หมู่ที่ 4 ขึ้นเขตการปกครองขององค์การบริหาร สว่ นตำบลหนองแวง เดิมหมบู่ ้านน้ชี ่ือวา่ บ้านโคกชาด อยู่ห่างจากหมู่บา้ นปัจจุบนั ประมาณ 2 กโิ ลเมตร หลายปตี อ่ มาผคู้ นล้มปว่ ยจากโรคระบาดทงั้ โรคห่า (อหิวาตกโรค) ไขป้ ่า ไข้เลือดออก เป็นจำนวนมาก เน่ืองจากชมุ ชนห่างไกลความเจริญ ชาวบา้ นจึงได้ อพยพหาถิ่นทอ่ี ยใู่ หมม่ าทางทิศตะวันตก เมอ่ื ประมาณปี พ.ศ. 2492 จึงได้ย้าย ถ่ินฐานมาอยบู่ ริเวณนี้ เน่ืองจาก สิ่งแวดลอ้ มบริเวณท่ีตงั้ หมบู่ ้าน มตี น้ ขา่ ป่าขน้ึ อย่เู ป็นจำนวนมาก จนเปน็ ทีส่ งั เกตได้ ชาวบ้านจงึ ต้ังชอื่ วา่ บา้ นนาขา่ มีโรงเรยี นบา้ นนาขา่ คำพอก ต้ังอย่บู รเิ วณหมบู่ ้านน้ี และมวี ัด ประจำหมู่บ้าน คอื วัดโคกชาด ในอดีตไดม้ เี จ้าอาวาสหลวงปู่ไท สจั จวโร เป็นท่ีเคารพและศรทั ธาของชาวบ้านเปน็ อย่างมาก
1.4 บา้ นคำพอก บา้ นคำพอก ได้แยกหมู่บ้านออกมาจากบ้านนาขา่ อพยพหาถิน่ ทอ่ี ยู่ใหม่แล้วตง้ั ถ่นิ ฐานทางทิศตะวนั ออกของบ้านนาข่า สมยั ก่อนน้นั ชาวบ้านขาดทด่ี ิน ทำกิน เกิดการขยายชุมชนอย่างรวดเรว็ ชาวบา้ นจึงอพยพเพ่ือหาท่ีอยู่ใหม่ มีแหล่งนำ้ และมีปา่ ไม้อุดมสมบูรณ์ พบวา่ บริเวณหมูบ่ ้านน้อี ยูใ่ กล้แหลง่ น้ำทางธรรมชาติชาวบา้ น ถิน่ อีสานมักจะเรยี กวา่ คำ ตั้งอยู่หมูบ่ ้านและมดี งปา่ ไม้ชนิดหน่ึง คอื ต้นพอก หรอื ต้นมะพอก อยใู่ นหมู่บา้ นแหง่ น้ี ตน้ มะพอก จดั เป็นไม้ยนื ตน้ ขนาดใหญ่ เปลือกตน้ หนา ไมผ่ ลดั ใบ ดอกสีขาวออกเป็นชอ่ ผลของต้นพอกกลมรเี หมือนไขจ่ ดั วา่ เปน็ พืชสมุนไพร ชนดิ หนึ่ง จึงเปน็ ที่มาของชื่อหมบู่ า้ น “บ้านคำพอก” ปจั จุบันเป็นหมูบ่ า้ นที่มีขนาดเล็ก มวี ถิ ชี วี ิตความเป็นอยูท่ ่ีเรยี บง่าย มวี ดั ศรีสมพร เปน็ วดั ประจำหมู่บ้าน ชาวบา้ นประกอบอาชพี เกษตรกรรมเป็นส่วนมาก ทำให้เกิด ศนู ยก์ ารเรียนร้กู ารทำปุ๋ยหมัก ชีวภาพ ขึน้ มาเพอ่ื ใชช้ าวบา้ น ประกอบอาชีพการเกษตร มีรายไดจ้ ากผลผลิตทาง การเกษตรมากขึ้นตามลักษณะ ภมู ิประเทศของหมู่บ้านจาก สภาพพน้ื ทีบ่ ง่ บอกว่ามแี หล่งนำ้ ทางธรรมชาติ ไดแ้ ก่ คำ หนอง
อีกทงั้ ยงั มที อ้ งท่งุ นาบรเิ วณกว้าง ภายในหมู่บา้ นยังพชื พันธ์ุไม้ต่าง ๆ เชน่ แวง ข่าป่า พอก เป็นต้น 2. ภูมนิ ามท่ีตง้ั ชือ่ ตามลกั ษณะภมู ิประเทศและตง้ั ชอ่ื ตามความเชอ่ื เพือ่ เปน็ สิรมิ งคล ในตำบลหนองแวง มหี มู่บา้ นทตี่ งั้ ชือ่ ตามลกั ษณะภูมิประเทศและต้ังชือ่ ตามความเชือ่ เพอ่ื เปน็ สิรมิ งคล 2 หมู่บา้ น ไดแ้ ก่ บ้านคำเจริญ และบา้ นโนนสมบูรณ์ 2.1 บ้านคำเจริญ เมอ่ื ประมาณปี พ.ศ.2504 บา้ นคำเจริญ ได้แยกมาจากบา้ นคำนกกก เน่อื งจากประชากรท่มี จี ำนวนเพมิ่ มากข้นึ และการตงั้ ถ่นิ ฐานใหม่เพือ่ หาแหล่งทด่ี นิ ทำกิน ได้แก่ ทำนา ทำไร่ จึงย้ายมาอยู่ท่ีบรเิ วณนี้ ผูใ้ หญบ่ ้านคนแรก คอื นายบุญมี พันธส์ ่วิ และมีศนู ยร์ วมจติ ใจของชาวบา้ นที่นับถือศาสนาพทุ ธเป็นสว่ นมาก คอื วัดสธุ รรมวราราม อกี ทงั้ ยังมโี บสถบ์ ้านคำเจริญของชาวครสิ ต์ เวลาผ่านไปหลายสบิ ปที ำใหห้ มู่บา้ นแห่งน้ี ได้รบั การพัฒนาขึน้ มากทำให้หมูบ่ า้ นเจรญิ ขึ้น ชาวบา้ นจงึ ตั้งชือ่ หม่บู ้านว่า บ้านคำเจรญิ เพื่อเป็นสริ มิ งคลแกช่ าวบา้ นท่ีอาศัยอยู่ในหมู่บา้ นน้เี ป็นต้นมา
2.2 บ้านโนนสมบรู ณ์ บา้ นโนนสมบูรณ์ หมูท่ ี่ 9 เดิมหม่บู ้านน้ชี อื่ ว่า บา้ นอ้วนน้อย เชน่ เดียวกนั กบั บ้านนอ้ ยทองคำ ไดแ้ ยกหมู่บา้ นออกมาจากบา้ นนาพระชยั เม่อื ประมาณปี พ.ศ. 2513 โดยมีพ่อใหญส่ มิ มา หนองงอก เป็นผู้นำหมู่บ้านในสมยั นน้ั เพราะหมูบ่ ้านเดิมขาดแคลน แหลง่ นำ้ จงึ พากนั อพยพย้ายถิ่นฐานทอ่ี ยูม่ าตัง้ หลักแหล่งบรเิ วณนีเ้ นอ่ื งจากมีหนองน้ำ ขนาดใหญ่ ชาวบ้านเรยี กกันว่า หนองววั เน่ืองจากในสมัยน้ันนิยมเล้ยี งววั ควาย มาก เพื่อนำมาทำไร่ไถนา อีกทั้งยงั มีแหล่งนำ้ ท่ีมีความอุดมสมบรู ณ์และดว้ ยสภาพพ้นื ที่ ของหมบู่ า้ นมีลักษณะเปน็ โนน ซงึ่ หมายถงึ เนนิ ทเี่ ปน็ สูง ชาวบา้ นจึงอพยพมาตั้งถิ่น ฐานแหง่ น้ี เน่ืองจากกลัวแม่น้ำโขงจะทว่ ม หมบู่ ้านอีกท้ังบรเิ วณนย้ี ังมคี วามอดุ ม สมบูรณ์ของดินซงึ่ เหมาะแกก่ ารทำ การเกษตรปลูกอะไรกไ็ ด้ผลผลติ ทีด่ ี จงึ เปน็ เหตุทมี่ าการแห่งต้ังชอื่ หมบู่ ้านน้วี า่ “บ้านโนนสมบูรณ์” พบวา่ ลกั ษณะภมู ิประเทศของตำบลหนองแวงเป็นเนนิ ดินสูง เรียกวา่ โนน และยังมีความอุดมสมบูรณเ์ ต็มไปดว้ ยแหลง่ น้ำ พบสถานทสี่ งั เกต คือคำว่า คำ ในภาษาอีสานหมายถงึ แหล่งนำ้ ทางธรรมชาติ และเป็นทน่ี า่ สงั เกตอีกหนึ่ง
ประการคือการตั้งชอื่ หมบู่ ้านตามความเชอ่ื เพ่ือเป็นสริ มิ งคล เช่น เจริญ สมบูรณ์ เปน็ ตน้ เนื่องด้วยคนไทยมีความเชื่อว่าจะทำให้ผู้ทีอ่ ยูอ่ าศยั มคี วามเจรญิ อุดมสมบูรณ์ทางดา้ น การเกษตรหรือการประกอบอาชพี ต่าง ๆ นน่ั เอง 3. ภมู ินามทต่ี ง้ั ชือ่ ตามลกั ษณะภูมิประเทศ ในตำบลหนองแวง มีหมูบ่ า้ นทตี่ ้งั ชือ่ ตามลักษณะภมู ปิ ระเทศ 2 หม่บู า้ น ได้แก่ บ้านโนนสงู และบ้านดอนกลาง 3.1บา้ นโนนสูง บา้ นโนนสงู ต้ังอยู่หมู่ท่ี 5 ข้นึ เขตการปกครองขององค์การบริหาร สว่ นตำบลหนองแวง ซ่งึ เป็นหมบู่ า้ นที่ห่างไกลจาก อำเภอบา้ นแพงมากที่สดุ ด้วยระยะทาง ประมาณ 27 กิโลเมตร หมู่บ้านนมี้ ีพนื้ ทตี่ ิดกบั บ้านโคกสว่าง ตำบลพะทาย อำเภอทา่ อเุ ทน ในปัจจุบนั ในสมยั กอ่ นหมบู่ ้านน้ีมีลกั ษณะภูมิประเทศของพน้ื ที่ เป็นเนนิ ดนิ สูงตรงทางเข้า หมบู่ ้านซงึ่ ชาวบา้ น ในสมัยกอ่ นกลัวน้ำจะท่วมท่อี ยอู่ าศัยของตนเอง จึงได้อพยพย้ายมา จากที่อน่ื ๆ เพือ่ มาสร้างแหล่งทีอ่ ยูใ่ หมใ่ นบริเวณน้ี จึงเปน็ เหตแุ หง่ การตั้งช่อื หมู่บา้ นวา่ “บา้ นโนนสูง” ตง้ั แตน่ ัน้ มา
3.2 บา้ นดอนกลาง บา้ นดอนกลาง เป็นหมู่บา้ นทมี่ ขี นาดใหญ่ มีจำนวนหมบู่ า้ น 2 หมู่ดว้ ยกนั คือหมทู่ ่ี 6 และหมู่ท่ี 8 เดมิ ช่อื ว่า “บา้ นขามฮ่อง” ในอดตี ช่วงปี พ.ศ.2486 - พ.ศ. 2489 ชาวบ้านอพยพมา 20 หลังคาเรอื น มีนายบุญ โพธิ์แวง อพยพมาอยู่เปน็ ครอบครวั แรก ดว้ ยสาเหตุจากระยะทางไร่นาของตนไกลจากท่อี ย่เู ดมิ จากนนั้ มีชาวบา้ นอพยพ มาจากถน่ิ ฐานอื่น ได้แก่ นายแปลง สาที นายกอ้ น สาที นางแล้ ดวงบุ พร้อมครอบครัว ทำให้หม่บู า้ นแหง่ นีข้ ยายอาณาเขตกวา้ งขึ้น เวลาต่อมาเม่ือประมาณปี พ.ศ. 2510 มีชาวอำเภอเรณูนคร ชาวอำเภอนาแกชาวจังหวัดอบุ ลราชธานแี ละชาวมกุ ดาหาร ในยคุ ของคอมมวิ นสิ ต์ท่ีซ่อน ตวั ตามพืน้ ที่ป่าทบึ ไดท้ ยอยอพยพ ตง้ั ถ่ินฐาน โดยมนี ายวนั ดี พรหมคน ซื่อ เปน็ ผูใ้ หญ่บา้ นเปน็ คนแรก แต่เมอื่ ปี พ.ศ. 2555 นายพรหมา พอ่ อามาตย์ เปน็ ผู้ใหญ่บ้านจนถงึ ปัจจบุ นั หม่ทู ่ี 6 เป็นสถานทกี่ ่อตงั้ ของวดั ดอนกลาง
และเป็นสถานทกี่ อ่ ต้ัง ของโรงเรียนบา้ นดอนกลาง เม่ือปี พ.ศ.2520 เปิดทำ การสอนตั้งแตช่ น้ั อนบุ าล ถึงช้นั มัธยมศึกษาตอนตน้ เป็นโรงเรยี นขยายโอกาส ในชมุ ชน มศี าลปู่ตา เป็นศาลประจำหมูบ่ ้าน หลังจากฤดกู าลเก็บเกี่ยว ข้าวก็จะมีพธิ ีการทำบุญเลีย้ งศาลปตู่ า ซ่งึ เปน็ ประเพณที อ้ งถ่ินของชาวบ้านดอนกลาง มอี าณาเขตติดตอ่ กับทศิ เหนือติดกบั บา้ นนากระแต้ ทิศใตต้ ดิ กับบา้ นนาขา่ ทศิ ตะวนั ออกติดกับบา้ นปากหว้ ยม่วง ทศิ ตะวันตก ติดกบั บา้ นหนองแวง มีสภาพพ้นื ทีเ่ ปน็ ท่รี าบลุ่มสลบั ดอน พน้ื ทีเ่ กษตรกรรมสว่ นใหญ่ ตง้ั อยูบ่ นท่ลี าดเอียง นิยมปลกู เศรษฐกิจยืนต้น ได้แก่ ยางพารา สว่ นพน้ื ท่ลี มุ่ จะทำนาข้าว และเลี้ยงสัตว์ตา่ ง ๆ เชน่ วัว ควาย แต่เมอื่ ฤดูฝนมกั จะเกดิ นำ้ ทว่ ม เนอื่ งจากใกล้ลำน้ำ ทเี่ ปน็ ทางผ่านของน้ำลงไปยงั แม่น้ำโขง เนอื่ งจากลกั ษณะภูมปิ ระเทศแหง่ น้ีมีเปน็ ทางดอน คือ เป็นเนินอยมู่ ากในหมูบ่ ้าน จึงเป็นเหตุที่มาของการตั้งช่ือหมบู่ ้านว่า บ้านดอนกลาง จนถึงปจั จบุ นั พบข้อสงั เกต ในการต้ังชื่อภูมินามตามลกั ษณะภมู ปิ ระเทศ เหน็ ได้จาก สภาพพนื้ ทภี่ ายในบรเิ วณของหมูบ่ ้าน ไดแ้ ก่ มโี นนดินสูง และมีดอนตรงกลางหมู่บ้าน เป็น ต้น
4. ภูมินามท่ีต้ังชอ่ื ตามสตั ว์ทีม่ เี กย่ี วขอ้ งและต้งั ชื่อตามคำบอกเล่า นิทาน หรือตำนาน ในตำบลหนองแวง มหี มบู่ ้านท่ีตง้ั ชอื่ ตามสัตวท์ ม่ี ีเก่ยี วข้องและต้ังช่ือ ตามคำบอกเล่า นิทาน หรอื ตำนาน 2 หมู่บ้าน ไดแ้ ก่ บา้ นคำนกกก และบา้ นนากระแต้ 4.1บ้านคำนกกก (ท่มี า: https://th.wikipedia.org.th) บา้ นคำนกกก หม่ทู ี่ 1 เปน็ หมู่บ้านเกา่ แก่ในตำบลหนองแวง กอ่ ต้งั หมู่บา้ น ประมาณ 300 กว่าปีมาแล้ว ในอดตี หมู่บา้ นน้ีมนี กชนิดหนง่ึ ตวั โตคล้ายเป็ดเทศ อาศยั อยู่ ในดงลำภอู ยู่เป็นจำนวนมาก ตามคำบอกเล่าของชาวบ้านนกตวั น้ีมจี งอยปากสีทอง ทำใหค้ นสมัยก่อนน้ันคดิ วา่ เป็นทองคำ และนกตวั นีจ้ ะเปน็ จ่าฝูงเมื่อนกตวั น้บี นิ ไปทางไหน จะมีนกตวั อ่นื ๆ บนิ ตามหลังไปด้วย ทำให้คนในสมัยน้ันอยากเปน็ เจา้ ของนกตวั นี้ แตก่ ไ็ ม่มใี ครจบั ได้ จงึ เล่าขานว่าเป็นนกวเิ ศษชาวบ้าน จงึ เรียกช่อื นกตวั นี้วา่ นกกกคำ จึงเป็นมูลเหตุของการต้ังชือ่ หมู่บ้านนี้วา่ บ้านนกกกคำ มีชาวบ้านท่อี พยพเขา้ มาอยู่ หมู่บา้ นแห่งนี้ 3 กล่มุ ด้วยกนั กลุ่มทหี่ นึง่ มาจากบ้านดงบัง อย่ทู างทศิ ตะวันออก ของหมูบ่ ้านในปจั จบุ ัน แต่ทกุ วันน้หี ลงเหลือเพียงซากโครงกระดกู คนท่ีอย่ใู นทุ่งนา ตามคำบอกเล่าของชาวบา้ น คาดวา่ นายดเี ป็นหัวหนา้ บ้านดงบัง อพยพชาวบ้านไปตง้ั ถิน่ ฐานอน่ื เนอ่ื งจากถูกรุกรานจากสตั วป์ า่ และโรคภัยต่าง ๆ ปัจจบุ นั พนื้ ที่น้ีเปน็ ทงุ่ นาจาน
หรอื ชาวบ้านบางกล่มุ เรยี กวา่ ทุ่งนาดงบัง กลุม่ ทีส่ อง มาจาก บ้านสงเปลอื ย ซ่ึงหมายถึง ปา่ ดงดบิ ตามคำบอกเลา่ ของ ชาวบา้ นเล่าวา่ ชมชุนน้อี าศัย อยู่จามปา่ ของหมู่บา้ น อย่มู า ระยะหนึ่งได้เกดิ โรคระบาด ภายในหม่บู ้าน ไดแ้ ก่ โรคทอ้ งรว่ ง (อหิวาตกโรค) อีสกุ อีใส เป็นตน้ ทำให้ผคู้ นลม้ ตายเป็นจำนวนมาก ทำใหค้ นทีเ่ หลอื อยเู่ กดิ ความหวาดกลัว อพยพไปตั้งถ่ินฐานทีอ่ ยู่ใหม่ กลุ่มชุมชนสงเปลอื ยมนี ายคำผา เปน็ หวั หน้าชมุ ชนอยูท่ าง ทิศตะวันตกของหม่บู า้ น ติดกบั หนองผือ ปัจจบุ นั ไดเ้ ป็นทงุ่ ไร่นาไปแล้ว ส่วนกลุม่ ท่ีสาม มาจากบ้านนาโพธิ์ มจี ำนวนคนมากกว่ากลุ่มอืน่ พบหลักฐานจากไหกระดูกและหลุมฝัง ศพบรเิ วณกวา้ ง อีกทงั้ ยังมหี ลกั ฐานการสร้างโบสถ์ ชาวบ้านเรียกกันวา่ “โพนสมิ ” หมายถึง เนินทต่ี ้ังของโบสถ์ กลมุ่ นม้ี ีนายขอ้ งเปน็ หวั หน้าชมุ ชน สาเหตทุ ี่อพยพมาเพราะ ถูกคกุ คามจากชนเผ่าโซข่ อม ว่ากนั ว่าเป็นคนมีวชิ าอาคมและชอบรงั แกจนกระทงั่ เกิดการ ทำค่ายรบกนั ผูค้ นล้มตายอยู่เป็นจำนวนมาก จงึ ไดย้ า้ ยถน่ิ ฐานสรา้ งบ้านเรือนอยูท่ าง ทศิ เหนือของหมบู่ ้าน ปัจจุบนั เป็นทงุ่ นาบรเิ วณกว้าง ชาวบา้ นเรยี กวา่ โพธิ์ ในอดีต ท้ังสามกลมุ่ นไี้ ด้รวมกลมุ่ กัน สร้างบา้ นเรือนและหาท่ดี ินทำกินอยู่บรเิ วณน้ี โดยมีนายสี เปน็ ผ้นู ำหมู่บา้ น ตามคำบอกเล่าของชาวบา้ น เป็นต้นตระกูลของนามสกุล “ศรรี ักษา” ในปจั จบุ ันบา้ นเมือง มีการปกครองสมบรู ณ์ขึ้น หมู่บ้านน้จี งึ มนี ามสกุล เป็นตน้ ว่า ศรีรักษา เหนือโชติ และกวนดึก หลายสิบปตี ่อมาชาวบ้านนกกกคำ ไดส้ รา้ ง วัดโพธิ์ ขึ้นประมาณ ปี พ.ศ. 2445 เปน็ วัดประจำ หมู่บ้านจนถึงปจั จบุ ัน และสร้าง โรงเรยี นข้นึ ประมาณ ปี พ.ศ. 2482
โดยอาศยั ศาลาวัดเป็น สถานที่สอนหนงั สือ เวลาตอ่ มากำนันอนิ ทร์ ไดเ้ ปล่ยี นช่ือจาก บ้านนกกกคำ เป็น หมู่บา้ น “คำนกกก” ตงั้ แตน่ ้นั มา ในปจั จบุ นั ชาวบา้ นคำนกกก นยิ มปลูกพืชเศรษฐกจิ คือ ต้นยางพารา มากที่สุดของหมบู่ า้ นในตำบลหนองแวง 4.2 บ้านนากระแต้ บ้านนากระแต้ หมู่ท่ี 3 ซง่ึ อยหู่ ่างจากอำเภอบ้านแพง 25 กิโลเมตร ในอดีตเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2505 ได้มชี าวบ้านอพยพมาจากถ่นิ ตา่ ง ๆ พบเห็นบรเิ วณน้ี เหมาะแก่การสร้างบ้านเรือนและเหมาะแกก่ ารทำมาหากนิ ลักษณะของภมู ิประเทศ ของหมูบ่ า้ น สภาพทำเลท่ีตงั้ เป็นพืน้ ที่ท้องทุ่งนาขนาดใหญ่ เปน็ ที่ดอนสลับกับ
ที่ราบลุ่ม เหมาะทจี่ ะทำ อาชีพเกษตรกรรม ทำไร่ ทำนา เน่อื งจากท้องทุง่ นา อดุ มสมบูรณแ์ ละนำ้ ขังตลอด ปี ชาวบ้านนิยมปลูกพชื เศรษฐกิจ คือ ต้นยางพารา ตามคำบอกเลา่ ของชาวบา้ นมอี ยวู่ า่ ชาวบ้าน (ทมี่ า: https://pinterest.com) เหน็ ฝงู นกกระแตแตแ้ วด้ หรอื นกต้อยตวี ดิ ทีม่ ีสสี นั สวยงาม บินมายงั ท่งุ นาทม่ี พี ้ืนทช่ี มุ่ น้ำแห่งนี้ จกิ กนิ สตั วต์ ่าง ๆ เช่น หอย ปู ปลา ในทงุ่ นา และร้อง “แต แต้ แวด้ ” เสียงดังกังวานตลอดเวลา ชาวบ้านจงึ เรยี กชอ่ื หม่บู ้านสัน้ ๆ นี้วา่ “บ้านนากระแต้” จนถงึ ทกุ วันน้ี ภายในหมบู่ า้ น มี วัดโนนธรรมทาน เป็นวดั ประจำหม่บู ้าน จากข้อมลู ข้างต้น พบว่า หม่บู ้านในตำบลหนองแวง ทต่ี ้ังชอ่ื ตามสัตว์ท่ีมี เก่ยี วข้องในการตั้งชอ่ื หม่บู ้าน ได้แก่ นกกกคำ นกกระแตแต้แว้ด และตั้งช่ือตามคำบอกเล่า ของชาวบ้านหมูบ่ ้านนัน้ ๆ
5. ภูมนิ ามที่ตง้ั ชอื่ ตามสัตวท์ ่มี เี กยี่ วขอ้ งและตั้งชอื่ ตามอาณาเขตของสถานท่ี ในตำบลหนองแวง มีหมบู่ า้ นที่ต้ังชอื่ ตามสัตวท์ ี่มเี ก่ยี วขอ้ งและตงั้ ช่ือ ตามคำบอกเล่านทิ าน หรือตำนานและตั้งชอ่ื ตามอาณาเขตของสถานที่ เพยี งหมู่บ้านเดยี ว คอื บ้านคำนกกกเหนอื 5.1 บา้ นคำนกกกเหนือ บ้านคำนกกกเหนอื ต้ังอยู่หม่ทู ่ี 13 ขึ้นเขตการปกครอง ขององคก์ ารบริหารส่วนตำบลหนองแวง เดิมเรยี กบา้ นนครพฒั นา แต่เมอ่ื ประมาณปี พ.ศ.2524 บา้ นคำนกกกเหนอื ไดแ้ ยกออกมาจากหมูบ่ า้ นบ้านคำนกกก เน่อื งจากเป็น หมู่บา้ นที่ขยายตัวจากหมู่บ้านเดมิ ทง้ั ครวั เรอื นและชาวบา้ นท่มี ากขนึ้ แต่ชาวบา้ นยังคง ชื่อหมู่บา้ นเดิมไว้ คอื คำนกกก และบอกให้ทราบวา่ เปน็ หมู่บา้ นทีแ่ ยกออกมาต้ังอยู่ ตรงทศิ เหนอื ของหมู่บา้ น คำนกกก เดิมจึงเป็นที่มาการต้ังช่อื หมูบ่ า้ น “คำนกกกเหนือ” ปัจจบุ นั หมบู่ า้ นนีม้ โี รงเรียนบ้านคำนกกก กอ่ ตัง้ ขน้ึ ในปี พ.ศ. 2482 เป็นโรงเรียนขยาย โอกาส ต้ังแตช่ ้ันอนุบาล จนถงึ ชัน้ มธั ยมศึกษา ศึกษาตอนตน้ ติดกับ ถนนนาพระชยั -ห้วยคอม บรเิ วณหมูบ่ า้ นนยิ มปลกู ต้นยางพาราเป็นบริเวณ กว้างเพราะเปน็ พชื เศรษฐเศรษฐกจิ ของชมุ ชนทส่ี ร้างรายได้ แกค่ รอบครัว พบขอ้ สงั เกตว่า ชาวบา้ นทอี่ พยพมาจากหมู่บา้ นเดมิ มกั จะคงช่ือหมู่บ้านเดมิ ไว้ เชน่ บา้ นคำนกกก และต้ังชือ่ ตามอาณาเขตของสถานท่บี ้านใหม่ซง่ึ อยทู่ างทศิ เหนือของ หมู่บา้ นเดิม
6. ภูมนิ ามที่ต้ังชอื่ ตามลักษณะภมู ปิ ระเทศและต้ังชื่อตามบุคคลสำคญั ในตำบลหนองแวง มหี ม่บู ้านทต่ี ้งั ชื่อตามลกั ษณะภมู ปิ ระเทศและตั้งช่อื ตาม บุคคลสำคญั มีเพียงหมบู่ า้ นเดยี ว คอื บ้านนาพระชัย 6.1บ้านนาพระชัย บ้านนาพระชัย ตัง้ อยู่หมู่ท่ี 14 ขน้ึ เขตการปกครององคก์ ารบรหิ าร สว่ นตำบลหนองแวง ตามตำนานกลา่ วว่า ในสมยั ก่อนมีสามภี รรยาคหู่ นึ่งช่อื นายชัยจักร และนางจันทรา ได้มาต้ังบ้านเรอื นอยูอ่ าศยั เป็นครอบครัวแรก เพราะเห็นว่าบรเิ วณแห่งนี้ เหมาะแก่การทำการเกษตร ในเวลาตอ่ มา ได้มีพระรูปหน่งึ มาจากจงั หวัดรอ้ ยเอด็ เดินทางเพอื่ มาธุดงคใ์ นป่าใหญ่ของหมู่บา้ นแห่งน้ี แต่เนอ่ื งดว้ ยระยะทางที่ไกล และเดินทาง มาด้วยความเหน็ดเหนื่อย อีกท้งั มีโรคภยั ระบาดหนกั ทำให้พระธุดงคร์ ูปน้ีมรณภาพตรง บรเิ วณหมบู่ ้าน ชาวบา้ นได้ตั้งช่อื หมบู่ ้านตามบคุ คลตามคำบอกเลา่ ว่า “บา้ นนาพระชัย” ปัจจุบนั หมู่บา้ น แหง่ นีท้ ำอาชพี การเกษตร ทำนา มากท่ีสดุ ในตำบล หนองแวง ชาวบ้านสว่ นใหญ่ นบั ถอื ศาสนาพุทธ โดยมี วดั อรญั ญา และวดั ศรมี งคล เปน็ วดั ประจำหมู่บา้ น นอกจากน้ีในสมัยก่อน
ผู้คนหลายเช้อื ชาติจากถิ่นตา่ ง ๆ อพยพเขา้ มา ทำใหม้ ีมิชชันนารหี รอื ผู้เผยแผศ่ าสนาคริสต์ มายงั หม่บู า้ นนี้ จึงไดส้ ร้างโบสถบ์ า้ นนาพระชยั ของชาวคริสต์ อยฝู่ ่ังทศิ ตะวันออกของ หมบู่ ้านต้ังแตน่ ัน้ มา อีกทง้ั ในหมบู่ า้ นยังมโี รงเรียนชมุ ชนบา้ นนาพระชัย เป็นโรงเรยี น ประหมบู่ า้ นอกี ดว้ ย พบขอ้ สังเกตของบริเวณหมู่บ้านท่มี าลักษณะภูมปิ ระเทศเปน็ ทอ้ งทงุ่ นาสีเขยี ว ผืนใหญแ่ ละไดต้ งั้ ชอ่ื ตามบคุ คลสำคัญท่ีมาต้ังถ่นิ ฐานเปน็ ผนู้ ำคนแรกของหม่บู ้าน 7. ภูมนิ ามที่ตงั้ ตามชอ่ื บคุ คลสำคัญ ในตำบลหนองแวง มีหม่บู ้านท่ตี ัง้ ตามช่ือบุคคลสำคัญ มีเพยี งหมู่บ้านเดยี ว คือ บา้ นไชยศรี 7.1บา้ นไชยศรี บา้ นไชยศรี ตงั้ อยู่หมู่ท่ี 12 ของตำบลหนองแวง เปน็ หมู่บ้านขนาดเลก็ ได้แยกออกมาจากบ้านโนนสมบรู ณ์ อนั เนอ่ื งมาจากการขยายพืน้ ทข่ี องหมู่บ้าน โดยมีนายไชยและนายศรี ชายสองคนน้ี อพยพมาต้งั ถิน่ ฐานครอบครัวเป็นสองคนแรก และช่วยกนั ถากถางป่าของหมูบ่ ้านเพื่อแหล่งท่ดี ินทำกนิ ในเวลาต่อมาชาวบ้านท่พี ากนั อพยพมาจากถิ่นอนื่ และมาทชี่ มุ ชนแห่งน้ี จึงเรียกชื่อหมู่บา้ นนว้ี ่า “บ้านไชยศรี” เพื่อใหล้ ูกหลานได้ตระหนกั ถึงบรรพบรุ ษุ ปู่ยา่ ตายาย รวมถึงนายไชยและนายศรี ท่รี ่วมกัน สร้างและก่อต้ังหมบู่ ้าน ใหม้ ที ่ีอยู่อาศยั มาจนถงึ ปัจจุบัน และยังมสี ินค้าของหม่บู ้าน คอื ตะกรา้ สานพลาสติก ลดภาวะลดโลกรอ้ น ซง่ึ เป็นผลิตภัณฑ์ขนึ้ ชอื่ ของหมู่บ้านแหง่ น้ี มี วดั สนั ตกิ าวาส เป็นวัดประจำหมู่บ้าน
8. ภูมินามทตี่ งั้ ชอื่ ตามอาณาเขตของสถานท่แี ละตงั้ ช่อื ตามบคุ คลสำคญั ในตำบลหนองแวง มีหมู่บา้ นท่ตี ง้ั ชือ่ ตามอาณาเขตของสถานที่และตั้งชือ่ ตามบุคคลสำคญั ตงั้ มเี พียงหมู่บา้ นเดียว คอื บา้ นน้อยทองคำ 8.1บา้ นนอ้ ยทองคำ บ้านน้อยทองคำ ตำบลหนองแวง ในอดีตเม่ือประมาณปี พ.ศ.2509 เตม็ ไปดว้ ยป่าไมร้ อบ ๆ หมู่บ้าน ได้มีผูน้ ำชาวบา้ น คือ พอ่ คุณจารย์ทองคำ นามบุตร ชักชวน พ่อคณุ สิงห์ นามบตุ ร และพอ่ คณุ ยงค์ สพุ ร มาต้งั ถิ่นฐานท่อี ยอู่ าศัยด้วยกนั เวลาต่อมามชี าวบา้ น จากหมู่บ้านใกลเ้ คยี งอพยพเข้ามาหาแหล่งทอ่ี ยู่ใหมเ่ ชน่ กนั รวมแล้วประมาณ 40 ครัวเรือนในสมัยน้นั และเมื่อปี พ.ศ. 2538 จงึ แยกหมู่บ้านออกมา จากบา้ นดอนกลาง หมทู่ ี่ 8 ออกมาเปน็ หมู่ที่ 15 จนถงึ ปัจจุบนั ซ่งึ มวี ัดสวา่ งพฒั นา เป็นวัดประจำหมบู่ ้าน โดยมอี าจารยช์ าตรี ชาเครอื ได้เสนอการต้ังช่อื หมู่บา้ นใหม่ เพื่อเป็นเกียรติแกพ่ ่อคณุ จารยท์ องคำ นามบุตร ผ้นู ำหมู่บา้ นคนแรก ทเี่ ข้ามาต้ังถ่ินฐาน ทีอ่ ยู่อีกทั้งเป็นหมู่บ้านตง้ั ใหม่มีชาวบา้ นน้อยกวา่ หมบู่ า้ นใกล้เคยี งประมาณ 60 ครัวเรอื น ชาวบ้านจงึ เรียกว่า “บ้านน้อยทองคำ” ซ่ึงเปน็ มลู เหตทุ ีม่ าของการตั้งช่อื หมู่บ้านแต่นั้นมา
กิจกรรมทา้ ยบทท่ี 5 1. กจิ กรรมคำถามท้ายบท คำชแี้ จง จงตอบคำถามต่อไปน้ี 1. มลู เหตกุ ารตง้ั ชอื่ “บ้านหนองแวง” มาจากอะไร ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… 2. คำขวัญของ “ตำบลหนองแวง” กล่าวถึงอะไรบ้าง ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… 3. “นกกกคำ” มลี กั ษณะคล้ายนกอะไร ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… กิจกรรมทา้ ยบท 1. ใหน้ กั เรียนศกึ ษาค้นคว้าคำขวญั ในตำบลถิ่นเกิดของตนเอง พร้อมทั้งมาเล่า หนา้ ชั้นเรยี นใหเ้ พือ่ น ๆ ฟัง
บทท่ี 6 ภมู นิ ามตำบลนาเข และตำบลไผล่ ้อม ภูมนิ ามตำบลนาเขและตำบลไผ่ลอ้ ม จดั เปน็ ตำบลทีม่ ีหมูบ่ ้านตง้ั อย่เู ปน็ จำนวน นอ้ ยมาก ตำบลนาเขอยู่ในเขตการปกครองขององค์การบรหิ ารส่วนตำบลนาเข ซึ่งมี 6 หมบู่ า้ น ได้จำแนกประเภทภมู นิ ามจำนวน 3 ประเภท ได้แก่ ภมู นิ ามทต่ี ง้ั ชอื่ ตามลักษณะภมู ิประเทศและพืชพันธ์ุไม้ ภูมินามท่ตี ั้งช่ือตามพืชพันธุไ์ ม้ ทต่ี ั้งช่ือตาม ลักษณะภมู ิประเทศและอาณาเขตของสถานที่ ภมู นิ ามที่ต้ังชอ่ื ตามลกั ษณะภูมปิ ระเทศและ ตั้งชื่อตามเหตุการณ์ขณะต้ังหมู่บ้านและตำบลไผล่ ้อม อยใู่ นเขตการปกครองขององคก์ าร บรหิ ารสว่ นตำบลไผ่ลอ้ ม ซ่งึ มี 8 หมูบ่ ้าน ได้จำแนกประเภทภูมนิ ามจำนวน 3 ประเภท ไดแ้ ก่ ภมู ินามที่ตง้ั ช่อื ตามพชื พนั ธุ์ไมแ้ ละตั้งช่อื ตามลกั ษณะพื้นท่แี ละสภาพแวดลอ้ ม ภมู นิ ามทีต่ ั้งชือ่ ตามพืชพันธุ์ไม้ ภูมนิ ามท่ตี ้ังช่ือตามพืชพนั ธ์ุไม้และเพ่ือความเปน็ สิรมิ งคล ภูมนิ ามต้งั ชื่อตามลกั ษณะพ้นื ทแี่ ละสภาพแวดล้อม ภูมนิ ามตั้งชือ่ ตามลักษณะพนื้ ทแี่ ละ สภาพแวดลอ้ มและต้ังช่อื เพ่ือความเปน็ สิริมงคล ภูมินามท่ตี ้ังชอ่ื ตามลกั ษณะ ภมู ิประเทศและอาณาเขตของสถานท่ี ซง่ึ จะขอกล่าวถึงรายละเอยี ด ดังน้ี 1. ภูมนิ ามท่ตี ้งั ชอ่ื ตามพืชพันธไ์ุ มแ้ ละตัง้ ชอ่ื ตามพื้นที่และสภาพแวดล้อม ในตำบลไผล่ อ้ ม มีหม่บู า้ นทีต่ ั้งชอ่ื ตามพืชพนั ธไุ์ ม้และตัง้ ช่ือตามพ้ืนที่และ สภาพแวดล้อม3 หมูบ่ า้ น ไดแ้ ก่ บ้านไผล่ ้อม บ้านไผ่ลอ้ มทงุ่ และบา้ นนาโพธิ์ 1.1 บา้ นไผ่ล้อม บ้านไผล่ ้อม หมู่ท่ี 1 ในอดีตประมาณ 150 ปี มาแลว้ นัน้ ไดม้ ีครอบครวั ของพ่อเฒา่ หลวงจันทร์ ดีโคตร พอ่ เฒ่าดี นามสกลุ แพงแพง และแม่เฒา่ ฮด ไดอ้ พยพมา จากบา้ นทา่ ขอนยาง จงั หวดั อุบลราชธานี อาศยั อยู่ท่ีบ้าน หนองยาว แต่เนื่องจากมี ชาวบา้ นตายเป็นจำนวนมาก ด้วยโรคระบาดในสมัยนั้น
จึงไดย้ ้ายไปอยูด่ อนบ้านเก่า และบา้ นดอนก่อ แต่สภาพพ้ืนทีไ่ มเ่ อือ้ อำนวย จงึ ย้ายมา อยู่ทบ่ี า้ นไผล่ ้อมตง้ั อยใู่ นท่ีราบลุ่มระหวา่ งภูลังกา มีทำเลท่ีตง้ั เหมาะแกก่ ารอย่อู าศยั ทำการเกษตรเพาะปลกู และเล้ียงสัตว์ มีลำนำ้ ไหลผา่ น ได้แก่ หว้ ยทราย บึงกะลา หนองบัว และหนองบวั ชา้ ง ใน เวลาตอ่ มามีผูค้ นอพยพมาจากบา้ นโปโหล อำเภอวาริชภูมแิ ละเวยี งจันทน์ ประเทศลาวนำโดยพอ่ เฒา่ ดก พอ่ เฒ่าจารแก้ว มีผูใ้ หญ่บา้ นคนแรก คือ นายทอน ดโี คตร เป็นมูลเหตุ แห่งการต้ังชอ่ื ของหมู่บ้านน้ีนน้ั ตง้ั ตาม พนั ธ์ไุ ม้บรเิ วณหมบู่ า้ น ที่พบว่ามี “ไผ่ป่า” หรือไผห่ นาม ลอ้ มรอบหมู่บ้านเปน็ จำนวนมากชาวบ้านจึงได้เรยี กกนั ว่า “บา้ นไผล่ ้อม” 1.2 บ้านไผล่ อ้ มทงุ่ หมู่ที่ 4 บ้านไผล่ ้อมทงุ่ ได้อพยพแยกออกจากหมบู่ ้านไผล่ อ้ ม เนือ่ งจากการขยายตัวของชาวบ้าน และครวั เรอื นมีมากขึน้ ชาวบา้ นจึงต้งั ชอื่ หมู่บ้าน ตามเดมิ จากท่ไี ดย้ ้ายมา คือ บ้านไผล่ ้อม และเน่ืองจากบรเิ วณท่ไี ด้อพยพมีสภาพพนื้ ท่ีที่ เปน็ ท่งุ นากวา้ งขวางของหมบู่ า้ น ทำอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลักจงึ เป็นเหตแุ ห่งการต้ังชอ่ื หมูบ่ า้ นวา่ “บ้านไผ่ล้อมทุ่ง”
1.3 บา้ นนาโพธิ์ เมื่อประมาณ 90 ปีมาแล้ว พ่อเฒ่าหลวงแก้ว เปน็ น้องชายหลวงจันทร์ เป็นชนเผ่าไทญ้อ อพยพมา จากประเทศลาว มาอาศยั อยู่บ้านไผ่ลอ้ ม ส่วนหลวงแกว้ พร้อมดว้ ยชาวบ้านอีกประมาณ 10 หลังคาเรือน ไดอ้ พยพมาต้งั บา้ นเรือนอยู่ทบี่ ริเวณบา้ น ดอนเกา่ ที่มตี น้ โพธิใ์ หญห่ นึง่ ต้นในท่ีนาของพ่อเฒ่าหลวงแก้ว จงึ ต้งั ชอ่ื หม่บู า้ นน้ี ว่า “บา้ นนาโพธ”์ิ ต่อมาเม่ือปี พ.ศ. 2480 เกิดไฟไหมท้ งุ่ นาและต้นโพธิ์เปน็ เหตใุ หต้ ้นโพธิ์ นน้ั ตาย พ่อเฒ่าหลวงจันทรผ์ ้เู ปน็ พ่ีชาย จึงชวนชาวบ้านสว่ นหน่ึงกลับไปอาศยั กับชาวบา้ น เดิมท่บี า้ นไผล่ ้อม แต่เม่อื หลวงแกว้ เสยี ชีวติ ทบี่ ้านดอนเก่าและเกิดโรคห่า (อหิวาตกโรค) ระบาด ผูค้ นล้มตายเปน็ จำนวน มาก พ่อเฒ่าหอม (นาย ดา ดีโคตร) ลูกชาย ของพอ่ เฒา่ หลวงแกว้ ได้อพยพมาอาศยั อยู่ท่ีใหม่ บริเวณวงั สวนม่อน สมยั ก่อนมตี น้ ม่อนเล้ียง ไหม แตก่ ็ยังเรียกช่ือ หมบู่ ้านว่า “บ้านนาโพธิ์” ดังเดิม จนถงึ ปจั จบุ ันในบริเวณของหมู่บา้ นมีสถานทที่ อ่ งเท่ียว ท่สี ำคัญคือ อทุ ยานแหง่ ชาติภลู งั กา มนี ำ้ ตกตาดโพธ์ิในชว่ งฤดฝู นจะมนี ้ำมากท้ัง 4 ชัน้ และยงั มีถำ้ นาคี ที่มคี วามสวยงามไม่แพก้ ันอีกทั้งยงั เชื่อมโยงตำนานเรอื่ งเล่าพญานาค
หรอื งยู กั ษ์ทถ่ี กู สาป ให้กลายเป็นหนิ มรี ปู รา่ ง ลักษณะเป็นเพงิ หนิ ขนาดใหญ่เป็นงยู ักษ์มี เกลด็ หนิ คดเคยี้ วไปตาม หุบเขา บางจุดมลี กั ษณะ คลา้ ยหวั งูยกั ษ์ เชือ่ กนั ว่า ลวดลายคลา้ ยกบั เกล็ด พญานาคบนพื้นผวิ ของหนิ อกี ท้ังหากเดนิ ทางประมาณ 500 เมตร จะมีจดุ ชมววิ “ผานาค”ี เป็นจุดชมววิ แมน่ ำ้ โขง ทีง่ ดงามอกี ดว้ ยจนกลายเปน็ ทส่ี นใจของประชาชนและนักทอ่ งเทยี่ วเปน็ จำนวนมาก อกี ท้ังยังมีเส้นทางไมไ่ กลเดินเท้าจากท่ีตง้ั อุทยานแห่งชาตภิ ลู ังกา ประมาณ 2 กิโลเมตร แตเ่ ป็นเสน้ ทางผจญภยั เดนิ ลัดเลาะไปตามปา่ เขา และปนี บนั ไดลงิ ประมาณ 200 เมตร ก่อนขึ้นไปชมววิ บนยอดเขาถ้ำนาคตี ลอดเส้นทางยงั ไดช้ ่นื ชมความสวยงามของธรรมชาติ ดอกไมป้ ่านานาพันธุ์ ในเส้นทางจะมจี ุดน่าสนใจตา่ ง ๆ ใหเ้ ท่ียวชม ได้แก่ ถ้ำนาคี วังนาคี ลานธรรม (หัวภู) หินพญาศรีสัตตนาคราช เจดยี ์กองข้าวศรีบญุ เนาว์ หินเศยี รพญานาค เศยี รท่ี 1-9 นับวา่ เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาตทิ ่ีสำคัญของอำเภอบ้านแพง
2. ภูมินามที่ต้งั ช่ือตามพืชพันธ์ไุ ม้ ในตำบลไผ่ลอ้ ม มีหมูบ่ า้ นท่ตี ง้ั ชือ่ ตามพชื พันธ์ุไม้ เพียงหม่บู ้านเดียว คอื บ้านโพธไิ์ ทร 2.1 บา้ นโพธิ์ไทร เม่อื ประมาณราว ๆ 200 ปมี าแล้ว มีครอบครวั ปูต่ าแสง ผาลี และชาวบา้ นได้อพยพหนีมาจากศึกฮอ่ ในอดตี มาจากบา้ นนาบวยและบา้ นทงุ่ ฮาก ประเทศลาวตรงข้ามกับฝ่งั จงั หวัดเขตบึงกาฬ ซึ่งมาตั้งบา้ นเรือนอยู่ริมหว้ ยบ้านเบือก ลำหว้ ยแห่งน้ีเตม็ ไปด้วยต้นเบอื ก จงึ เรียกวา่ หว้ ยเบือก ในอดีตได้ตั้งช่ือหมูบ่ ้านว่า บ้านเบอื ก ต่อมาประมาณปี พ.ศ. 2482 ชาวบา้ นได้รว่ มกันสร้างวัดขน้ึ ภายในวัดมตี ้นโพธิ์ ท่ีเจรญิ เตบิ โต แผ่กง่ิ ก้านเป็นต้นโพธ์ิและตน้ ไทรขนาดใหญ่ แต่ตน้ ไทรไดต้ ดั ทง้ิ เพ่อื สร้าง ศาลาการเปรยี ญ จงึ เปล่ยี นชอ่ื หมู่บ้านใหส้ อดคล้องกันระหว่างหม่บู ้านกับวัด ซ่งึ เปน็ ทน่ี บั ถอื และศรทั ธาของชาวบ้านเปน็ อย่างมากเป็น “บา้ นโพธไิ์ ทร” จนถึงปัจจุบันน้ี โดยมนี ายแกน่ สพุ รรณ เปน็ ผู้ใหญ่บ้านคนแรก
3. ภูมนิ ามท่ีตงั้ ชื่อตามพืชพนั ธไุ์ ม้และต้ังชอื่ ตามความเชือ่ เพ่ือเป็นสริ ิมงคล ในตำบลไผ่ล้อม มีหมบู่ า้ นทีต่ ้ังชอ่ื ตามพืชพนั ธุไ์ มแ้ ละตงั้ ชื่อตามความเชอื่ เพ่ือเป็นสริ ิมงคล เพียงหมู่บา้ นเดียว คือ บา้ นโพธิ์ทอง 3.1 บา้ นโพธท์ิ อง สมยั กอ่ นนน้ั หมูบ่ ้านนไ้ี ด้แยกออกมาจากบา้ นโพธิไ์ ทร หม่ทู ่ี 2 เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2535 แต่เนื่องจากชาวบา้ นเลอื่ มใสศรัทธา ต้นโพธ์ิ ท่อี ยใู่ นบรเิ วณวดั ของหมู่บา้ นตามคำบอกเลา่ ของชาวบ้านไดพ้ บเหน็ ตน้ โพธกิ์ ระทบกับแดด ทำให้ใบโพธิ์นน้ั เปลยี่ นจากสเี ขยี วเปน็ สีทอง จึงเป็นเหตใุ ห้ชาวบา้ นตั้งชือ่ หมูบ่ า้ นน้ี วา่ “บ้านโพธิท์ อง” 4. ภูมินามที่ตงั้ ชอ่ื ตามพื้นทแ่ี ละสภาพแวดล้อม ในตำบลไผล่ อ้ ม มหี มู่บ้านทตี่ ั้งชื่อตามพ้นื ทแ่ี ละสภาพแวดล้อม เพียงหมบู่ ้านเดียว คอื บา้ นหว้ ยทราย 4.1 บา้ นห้วยทราย เดิมหม่บู า้ นนี้ชาวบา้ นไดอ้ พยพมาจากบ้านไผล่ ้อม เนือ่ งจากพื้นท่ี คบั แคบและเกดิ การขายตวั ของประชากรอยา่ งรวดเร็ว ภายในหมูบ่ า้ นมลี ำห้วยขนาดใหญ่ ทีเ่ ป็นดนิ ทรายอยูใ่ นลำห้วยนี้ ชาวบา้ นจึงตัง้ ช่ือว่า “บ้านหว้ ยทราย” ต้งั แตน่ นั้ มา
5. ภูมินามท่ีตั้งชอื่ ตามพน้ื ท่แี ละสภาพแวดล้อมและตง้ั ช่ือตามความเชอื่ เพือ่ เปน็ สริ มิ งคล ในตำบลไผล่ ้อม มีหม่บู า้ นที่ตง้ั ชือ่ ตามพนื้ ท่ีและสภาพแวดล้อมและตั้งชื่อ ตามความเช่ือเพื่อเป็นสิริมงคล เพียงหมู่บา้ นเดียว คือ บา้ นทุง่ สวา่ ง 5.1 บา้ นท่งุ สวา่ ง หม่ทู ่ี 7 บา้ นทุง่ สวา่ ง ไดแ้ ยกออกมาจากหมู่ที่ 4 บา้ นไผ่ล้อมทงุ่ เมอ่ื ประมาณ ปี พ.ศ. 2526 เนอ่ื งจากชาวบา้ นในหมูบ่ ้านมีการอพยพและหาท่ีดินทำกนิ พบเหน็ สภาพ พน้ื ทีแ่ หง่ น้ี เป็นพ้นื ทร่ี าบลุม่ มคี วามอุดมสมบรู ณ์ คำวา่ ท่งุ สว่าง น้นั มาจากบริเวณรอบ ๆ หมู่บา้ นอยู่ตดิ ท้องทุ่งนา คำวา่ สว่าง น้ัน มาจากสวา่ งไสว เจรญิ ร่งุ เรอื ง ต้ังขึ้น เดมิ หมูบ่ า้ นนี้ มีชาวบ้านอพยพมาจากประเทศลาว ชนเผ่าญอ้ มาหาแหล่งทที่ ำกนิ พบเห็น สภาพพื้นที่ ทีม่ ีดนิ ดี เปน็ พ้นื ทร่ี าบล่มุ มคี วามอดุ มสมบรู ณ์ แหลง่ นำ้ ตามธรรมชาตไิ หลลงมา เปน็ ห้วย ชาวบ้านสว่ นใหญ่จึงทำการเกษตรและปลูกพชื เศรษฐกจิ เช่น พรกิ มะเขอื เทศ ใบยาสบู จงึ เรียกชอื่ หมู่บา้ นนีว้ ่า “บา้ นทงุ่ สวา่ ง” เพื่อความเป็นสริ ิมงคล จงึ เป็นทม่ี าของ การต้งั ชอ่ื หมบู่ ้านจนถึงปจั จบุ นั
6. ภูมินามท่ีตัง้ ช่อื ตามลกั ษณะภูมิประเทศและตั้งชื่อตามอาณาเขตของสถานท่ี ในตำบลไผล่ อ้ ม มหี มู่บา้ นทีต่ ัง้ ชอื่ ตามลักษณะภูมิประเทศและต้ังชื่อตาม อาณาเขตของสถานที่ เพียงหมบู่ ้านเดยี ว คือ บ้านบึงใต้ 6.1 บ้านบึงใต้ เดมิ หมบู่ า้ นนีม้ ีบงึ ขนาดใหญ่ เป็นแหล่งหากินและจับสตั วน์ ้ำต่าง ๆ มาทำเปน็ อาหาร ชาวบ้านเรียกว่า บึงกะลา ซึ่งตั้งอยู่ท่ีบริเวณทางทศิ ใตข้ องหมบู่ ้าน จงึ ได้ตง้ั ชื่อหม่บู ้านน้วี า่ “บา้ นบงึ ใต้” จนถงึ ปจั จุบนั
7. ภมู ินามทตี่ ง้ั ชอื่ ตามลกั ษณะภูมิประเทศและตัง้ ช่ือตามพชื พันธ์ไุ ม้ ตำบลนาเข มีหมู่บา้ นที่ต้งั ช่ือตามลกั ษณะภูมปิ ระเทศและต้ังชอื่ ตาม พืชพันธุ์ไม้ 3 หมบู่ า้ น ไดแ้ ก่ บา้ นปากห้วยม่วง บ้านนาเขทา่ และบา้ นนาเขทงุ่ 7.1 บ้านปากห้วยมว่ ง บ้านปากหว้ ยมว่ ง เปน็ หมูบ่ ้าน ที่มขี นาดใหญแ่ ละประชากรมาก แตเ่ ดมิ น้นั หมบู่ ้านน้ีต้งั อยบู่ า้ นนาขาม เขตการปกครองของตำบลหนองแวงแตเ่ กิดโรคห่า (อหิวาตกโรค) ระบาดหนกั ชาวบา้ นจึงอพยพมาต้ังหมูบ่ ้านใหมเ่ พื่อหนีโรคภยั แตเ่ ดมิ นัน้ มีลำห้วยช่อื ลำหว้ ยมว่ ง และตัวนากมากมาย ชาวบา้ นหม่บู า้ นใกล้เคยี งเหน็ ตัวนาก จึงได้เอาเชือกมาทำเปน็ บว่ ง เพอื่ เป็นมาทำอาหาร ลำห้วยน้ันจึงมีแต่บว่ งท่ที ิ้งแล้ว จึงเรียกชอ่ื หมู่บา้ นว่า ห้วยบ่วง แต่เม่ือเวลาตอ่ มามชี าวบา้ นช่อื นายสดี า อดุ มกัน มาตั้งหมบู่ ้าน เป็นคนแรก เมอ่ื ประมาณ ปี พ.ศ. 2476 เริ่มแรกนัน้ มี 3 ครอบครวั ซ่ึงบริเวณนี้มตี น้ มะม่วงปา่ ต้นใหญ่มาก อยู่รมิ ตลิง่ ห้วยจึง พากนั เรยี กหรือตงั้ ช่อื หมบู่ า้ น ว่า “บ้านปากห้วยม่วง” จนถงึ ทุกวนั นี้
7.2 บ้านนาเขท่า ในอดตี ชมุ ชนบ้านนาเขทา่ เคยเป็นหมู่บา้ นเผ่า “ขา่ ” เมอื งขอม และร่งุ เรอื งมาหลายชั่วอายคุ น มีประชากรมากมาย แต่ตอ่ มาเกิดโรคห่า (อหิวาตกโรค) ระบาดรา้ ยแรง ทำให้คนลม้ ตายจำนวนมาก ตามฝง่ั แมน่ ้ำโขงใครตายกจ็ ะโยนศพท้ิงลง แมน่ ำ้ โขงบริเวณนั้นให้นกแรง้ ไดจ้ ิกกิน ชาวบา้ นกลัวมากจึงได้ย้ายถนิ่ ฐานไปทอี่ ืน่ เวลาผ่านไปหลายปี ไดม้ ีชนเผ่าลาวพรวน ท่หี นีสงครามเวียดนามในขณะนน้ั ลอ่ งเรือมาตามลำแมน่ ้ำโขง พบเหน็ บริเวณน้ีจึงข้นึ ฝั่งและมาพกั อาศยั มีความเห็นกันว่า เป็นทำเลที่เหมาะแก่การตั้งถิน่ ฐานทีอ่ ยูแ่ ละทำการเกษตรกรรมและการ เดนิ ทางทางน้ำ ก็สะดวก เนือ่ งจากมีเรอื กระแซงและเรอื กำปนั่ ไฟ ในการสญั จรไปมาอกี ทั้ง พนื้ ท่ีอดุ มสมบูรณด์ ว้ ย แหลง่ นำ้ จึงไดม้ าสร้าง บา้ นเรือนและเปน็ ชมุ ชน ทข่ี ยายใหญข่ น้ึ เรือ่ ยมา การเดินทางดว้ ยเรอื จึงมี มากข้ึน จึงต้องใช้ท่าน้ำ
ของชุมชนนี้เป็นทา่ จอดเรอื โดยมนี ายฮ้อยคนหน่งึ เปน็ เจา้ ของทา่ ตอ่ มาจึงเรียกขานชมุ ชน แห่งนี้วา่ “บา้ นนาเขทา่ ” เนื่องจาก บรเิ วณพ้ืนที่นมี้ ตี น้ หนามเขหรือต้นแกแล กระจายอย่ตู ามพื้นที่ เปน็ จำนวนมาก ลกั ษณะของต้นหนามเขเป็นไม้พมุ่ รอเลอื้ ย ตามเถามหี นามตลอดเถา เนือ้ ไมส้ คี อ่ นขา้ งขาว มยี างขาว เปลือกลำต้นสีเทา แกน่ เป็นสเี หลือง ใบเดีย่ ว ผลแก่จะมี สีเหลืองออกส้ม ในอดีตชาวบา้ นนยิ มนำมาทำเป็นสยี อ้ มผา้ และยงั มีท่านำ้ ไว้สำหรับ จอดเรอื กระแซง และเรอื กำป่นั จึงเรยี กรวมกนั วา่ บา้ นนาเขทา่ ต้ังแต่บัดน้ันมา มีศาลเจ้าป่แู ละเจา้ แม่สองนางเป็นทคี่ ารพรกั และศรทั ธาของชาวบ้านซงึ่ มีความเชอ่ื ว่า จะปกปักรกั ษาชาวบา้ นใหอ้ ยูร่ มเยน็ มีความสขุ
7.3 บา้ นนาเขทุ่ง บา้ นนาเขทุง่ หมู่ที่ 6 เปน็ หมบู่ า้ นขนาดเล็ก เดมิ ทชี าวบ้าน ในหมูบ่ ้านนี้ ไดอ้ พยพมาจากเมอื งพรวนซ่งึ เป็นหวั เมืองเกา่ แก่ในประเทศลาว ในสมยั น้ัน เรยี กว่า ชาวไทพวน ในยุคน้ันได้เกิดสงครามเวยี ดนามขึน้ ทำใหผ้ ู้คนทีเ่ มอื งพรวน แขวงเชียงขวางหนสี งครามเพราะกลวั ความตาย จึงเดนิ ทางด้วยเรือกำปนั่ ขา้ มฝงั่ มายัง แม่นำ้ โขง เพ่อื มาสร้างบ้านเรือนตั้งถน่ิ ฐานทีอ่ ยใู่ หม่ที่ฝั่งไทย ไดพ้ บเหน็ บรเิ วณหมู่บ้านนี้ ใกล้แม่น้ำโขงและดงหนามแขเป็นจำนวนมาก และมคี วามอดุ มสมบูรณ์ของทอ้ งทงุ่ นาสีเขียว เหมาะท่จี ะสรา้ งบา้ นเรอื นอาศัยอยู่และทำ การเกษตรได้ ชาวบ้านจึงเรียกหมูบ่ า้ นนว้ี า่ “บา้ นนาเขท่งุ ” ต้งั แต่นั้นมา
8. ภมู นิ ามท่ีตั้งชื่อตามลักษณะภมู ิประเทศตัง้ ชอื่ ตามพืชพนั ธุ์ไมแ้ ละต้งั ชอื่ ตาม อาณาเขตของสถานที่ ในตำบลนาเข มหี มูบ่ า้ นทต่ี ั้งชอ่ื ตามลกั ษณะภมู ิประเทศตง้ั ชื่อตามพืชพนั ธ์ุไม้ และตัง้ ช่อื ตามอาณาเขตของสถานที่ 2 หมูบ่ ้าน ได้แก่ บ้านนาเขเหนอื และบ้านนาเขนอ้ ย 8.1 บ้านนาเขเหนอื สมัยกอ่ นนนั้ หมู่บา้ นนาเขเหนือไดแ้ ยกออกจากบ้านนาเขท่งุ เม่ือประมาณ ปี พ.ศ. 2515 เปน็ เวลา 40 กวา่ ปี มาแล้ว เน่ืองจากชาวบ้านและ ครวั เรือนที่มากข้นึ จงึ ตอ้ งอพยพหา ท่ีดินทำกนิ ใหม่และขยายอาณาเขต บา้ นเรอื นออกมา จึงเปน็ หมู่บา้ นทีแ่ ยก ออกมาต้ังใหม่อยู่ทางทิศเหนือของบา้ น นาเข (เดมิ ) ชาวบา้ นจึงเรยี กชื่อ หมบู่ ้านให้แตกต่างกัน โดยเตมิ คำ เพ่อื บอกทิศทางเขา้ ไปยงั หมบู่ า้ นว่า “บ้านนาเขเหนือ” มีวัดปทมุ าราม เป็นวัดประจำ หม่บู า้ น จากคำบอกเล่าของพระครูปยิ คามเขตคณะรักษ์ เจ้าคณะอำเภอบา้ นแพง เล่าว่า ฝนั ถึงผ้หู ญงิ คนหนึง่ บอกวา่ จะมาอยู่อาศยั ในวัดชว่ ยพฒั นาวัดทะนบุ ำรงุ พระพุทธศาสนา ต่อมาเกิดความบงั เอญิ ชาวบา้ นมาบอกว่าพบไม้ตะเคียนขนาดใหญ่ ทหี่ ้วยบางทราย จ.มุกดาหาร เมือ่ ปี พ.ศ. 2554 จงึ เดนิ ทางเพ่ือขอไว้ท่วี ดั แห่งนี้ ซงึ่ เปน็ ต้นตะเคียนยกั ษ์ อายปุ ระมาณ 2,000 ปี จงึ ได้แกะสลกั บอกเลา่ เรอื่ งราวเกยี่ วกับพุทธประวัติอยา่ งสวยงาม นา่ ชม และในหมบู่ า้ นยงั มีสถานเี รือบ้านแพง รกั ษาความสงบเรยี บร้อยตามลำแม่นำ้ โขง
8.2 บา้ นนาเขน้อย เดิมบ้านนาเขนอ้ ย มเี ชือ้ สายมอญนบั ถือศาสนาพุทธ ลกั ษณะนสิ ยั และความเปน็ อย่กู นั แบบพแ่ี บบน้องเปน็ ต้นมา แต่ไดแ้ ยกหมู่บา้ นออกจากบ้านนาเขทา่ หมู่ที่ 3 เน่ืองด้วยบา้ นเรอื นทม่ี ากขน้ึ เกิดการขยายครัวเรอื น ชาวบา้ นในหมบู่ ้านนี้ จึงอพยพมาเพือ่ สร้างถ่ินฐานทีอ่ ยูใ่ หม่ และจับจองทีน่ าทำกิน เหตุแหง่ การต้ังชื่อหม่บู ้าน มาจากบริเวณนี้มีตน้ หนามเข แตส่ ภาพพน้ื ที่เป็นหมบู่ ้านขนาดเลก็ กว่าหมู่บา้ นใกลเ้ คียง จึงต้ังชื่อหม่บู ้านใหมว่ ่า “บ้านนาเขน้อย”
9. ภมู นิ ามที่ตงั้ ชอ่ื ตามพืชพันธไ์ุ มแ้ ละตั้งชอื่ ตามพ้นื ทแ่ี ละสภาพแวดล้อม ในตำบลนาเข มีหมูบ่ ้านทต่ี ้งั ช่ือตามพ้นื ทแ่ี ละสภาพแวดลอ้ ม เพียงหม่บู า้ นเดยี ว คือ บา้ นโคกสายทอง 9.1 บ้านโคกสายทอง บา้ นโคกสายทองเดมิ ชอื่ นัน้ ชื่อวา่ บ้านโคกวดั ซ่งึ ข้นึ เขตการปกครอง ตำบลโพนทอง อำเภอบา้ นแพง และไดอ้ พยพออจากบา้ นนาเข โดยพอ่ อยุ้ จารยส์ ี คติ พ่ออุย้ กระตุย่ ต้นนอ้ ย และพอ่ อยุ้ จบู บญุ มาผึง้ พ่ออุ้ยกอง สพุ รรณ มาสรา้ งบา้ นเรอื น อย่หู มบู่ ้านน้ี และมีผู้ใหญบ่ า้ นคนแรกคือ นายสวน แวงโสธรณ์ ในสมยั ก่อนนน้ั หมู่บา้ นนี้ มสี ายโทรเลขผ่านในสมัยน้ัน ชาวบา้ นจึงต้ังช่ือตามสายโทรเลขซงึ่ มสี ายเป็นสีทอง จึงตั้งชอ่ื “บา้ นโคกสายทอง” จนถึงปัจจบุ ัน
กจิ กรรมท้ายบทที่ 6 1. กิจกรรมคำถามทา้ ยบท คำช้ีแจง จงตอบคำถามตอ่ ไปน้ี 1. หมู่บ้านทีใ่ กลก้ บั แม่นำ้ จะต้งั ช่อื ว่าอยา่ งไร มหี มู่บา้ นอะไรบ้าง ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… 2. “ตน้ หนามเข” มีลักษณะเปน็ อยา่ งไร ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ใหน้ กั เรียนบอกสถานทที่ อ่ งเท่ยี วทนี่ กั เรียนประทับใจมา 3 สถานท่ี ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… กิจกรรมท้ายบท 1. ให้นกั เรียนศึกษาคน้ คว้าประวัตคิ วามเป็นมาของ “ถ้ำนาค”ี แล้วนำมาจัดปา้ ยนิเทศ
Search