Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สำเนาของ เพิ่มหัวเรื่องย่อย

สำเนาของ เพิ่มหัวเรื่องย่อย

Published by ppx Kuk 33, 2021-07-28 14:37:12

Description: สำเนาของ เพิ่มหัวเรื่องย่อย

Search

Read the Text Version

ความรูเ้ กียวกับหลักภาษา

คํานาํ อีบุค๊ เล่มนีเปนสว่ นหนงึ ของวชิ าภาษาไทย (ท ๓๓๑๐๑) ชนั มธั ยมศึกษาปที ๖ โดยมจี ุดประสงค์ เพอื การศึกษาความรูท้ ีได้จาก หนงั สอื หลักภาษา ซงึ อีบุค๊ เล่มนีมเี นอื หาเกียวกับความรูจ้ ากหนงั สอื หลัก ภาษาของชนั มธั ยมศึกษาปที ๕ นนั เปนเพราะวา่ อยากให้ทกุ คนทีได้เขา้ มา อ่านได้รบั รูค้ วามรูใ้ นแบบทีพวกเราอยากทีจะถ่ายทอด ผจู้ ดั ทําได้เลือก หัวขอ้ นีในการทําอีบุค๊ เนอื งมาจากเปนเรอื งทีนา่ สนใจ รวมถึงเปนการให้ความรูข้ องหนงั สอื เล่มนี ผจู้ ดั ทําหวงั วา่ รายงานฉบบั นีจะให้ความรู้ และเปนประโยชนแ์ ก่ผอู้ ่านทกุ ๆ ท่าน

สารบญั ตอนที ๑ ความรเู้ กียวกับหลักภาษา ๕ ๖ ๑ ความรแู้ ละขอ้ หนา้ สงสยั เกียวกับภาษา ๗ - ภาษาประกอบดว้ ยหนว่ ยหลักภาษา - เสยี งของคําสว่ นใหญใ่ นภาษาไมส่ มั พนั ธก์ ับความหมาย ๙ - เสยี งพยญั ชนะ - เสยี งสระ ๑๐ - เสยี งวรรณยุกต์ - ภาษาใชส้ อื สารไดต้ ามเจตนา ๑๑ ๒ เสยี ง - เสยี งพยญั ชนะ - เสยี งสระ - เสยี งวรรณยุกต์ - เสยี งวรรณยุกต์ระดบั ในภาษาไทย - เสยี งวรรณยุกต์เปลียนระดบั ในภาษาไทย - เสยี งหนกั เบา

๓ อักษร ๑๒ ๑๓ - อักษรไทย ๑๔ - การสะกดคํา ๑๕ - การอ่านออกเสยี งทีมาจากภาบาลีและสนั สกฤษ ๑๖ ๔ คํา - ความหมายของคํา - ชนดิ ของคํา - หนา้ ทีของคํา - การใชค้ ํา - ใชค้ ําใหต้ รงตามความหมาย - ใชค้ ําใหต้ รงตามความนยิ ม - ใชค้ ําใหเ้ หมาะสมแก่กาลเทศะและบุคคล

ความรูแ้ ละขอ้ นา่ สงั เกตเกียวกับภาษา ภาษาเปนสงิ ทีใกล้ตัวเราจนเราอาจไมเ่ หน็ ความสาํ คัญ แต่ถ้าไมม่ ภี าษา เราก็ติดต่อสอื สารกับผอู้ ืนไมไ่ ด้ ไมว่ า่ ผนู้ นั จะเปนญาติ เพอื น หรอื คนแปลกหนา้ เราใชภ้ าษาในการคิดการแสดงความต้องการ การโน้มน้าวชกั จูงใจ การ บรรยายเหตกุ ารณ์ การอธบิ ายเรอื งราวทังยงั ใชภ้ าษาบอกเล่าและบนั ทึกความรตู้ ่างๆ สง่ ผา่ นไปยงั ผอู้ ืน มนุษยท์ ี อยูร่ ว่ มกันเปนสงั คมต้องมภี าษา และภาษานเี องทีทําใหม้ นษุ ยต์ ่างกับสตั ว์ อาจมผี แู้ ยง้ วา่ สตั วท์ ีมภี าษาสอื สารกันได้ สตั วบ์ างชนดิ สอื สารอยา่ งเปนระบบและซบั ซอ้ น เชน่ ซงึ หลายชนิดใช้ การบนิ หรอื ทีบางคนเรยี กวา่ เต้นราํ ในลักษณะต่างๆ ใชจ้ าํ นวนรอบในการบนิ และตําแหน่งของตัวมนั ทีทํามุมกับ ดวงอาทิตย์ เพอื บอกฝงตัวอืนๆ ในรงั เรอื งตําแหนง่ ของอาหาร ระยะหา่ งระหวา่ งรงั กับแหล่งอาหาร และคณุ ภาพ ของอาหาร ตัวอยา่ งเชน่ สงิ ทีออกไปหาอาหารกลับมาขนึ เปนวงหลายๆ รอบอยา่ งรวดเรว็ แสดงวา่ พบแหล่งอาหาร ทีสมบูรณ์ แต่หากบนิ ชา้ ๆ อยา่ งไมก่ ระตือรอื รน้ แสดงวา่ แหล่งอาหารนนั ไมส่ มบูรณ์

ภาษาประกอบด้วยหนว่ ยในภาษา หนว่ ยในภาษา หมายถึง สว่ นประกอบของภาษา หนว่ ยในภาษาทีเล็กทีสดุ ได้แก่หน่วยเสยี ง คําวา่ “หนว่ ยเสยี ง” ในทีนี เปนศัพท์วชิ าการ คําวา่ เสยี ง เปนคําทีใชท้ ัวๆ ไปไมใ่ ชศ่ ัพท์วชิ าการ นกั เรยี นควรทําความเขา้ ใจเกียวกับเสยี งและหน่วย เสยี งเสยี ก่อน เสยี งกับหนว่ ยเสยี ง คําวา่ เสยี ง กับ หนว่ ยเสยี ง มคี วามหมายแตกต่างกัน เสยี ง เปนสงิ ทีเรารบั รดู้ ้วยการฟง อาจเปนเสยี งสนุ ขั เหา่ เสยี งสนั กระดิง เสยี งฝนตก เสยี งคนพูด หนว่ ยเสยี ง เปนหนว่ ยของระบบเสยี ง ในภาษาแต่ละภาษา แมผ้ พู้ ูดแต่ละคน จะสามารถเปล่งเสยี งต่าง ๆ ไดม้ ากมาย แต่เสยี งทีจะใชส้ อื สารในแต่ละภาษามจี าํ นวนจาํ กัด คนไทยมคี วามสามารถใน การเปล่งเสยี งไมด่ อ้ ยกวา่ คนชาติอืน

เสยี งของคําสว่ นใหญใ่ นภาษาไมส่ มั พนั ธก์ ับความหมาย คําในแต่ละภาษามมี ากมาย มคี ําถามวา่ ทําไมคําแต่ละค่าในภาษาต่างๆ จงึ มคี วามหมายเชน่ นัน ทําไมคนไทยเราเรยี ก วา่ นาํ ไมเ่ รยี กวา่ ดิน และทําไมคนอังกฤษเรยี กวา่ water ไมเ่ รยี กวา่ soil คําถามนีอาจตอบได้วา่ คําในแต่ละภาษาจะมี ความหมายอยา่ งไรก็แล้วแต่คนทีใชภ้ าษานนั ๆ จะตกลงกันถ้าเคยเรยี กอะไรวา่ อยา่ งไร ก็มกั จะเรยี กตามกันไป ขนึ เรยี ก ผดิ กับคนอืนก็ไมม่ ใี ครรเู้ รอื ง ความหมายของคําเกิดจากการสมมุติชนชาติใดจะสมมุติเรยี กสงิ ใดวา่ อะไรก็ได้ทังสนิ มขี อ้ สงั เกตเกียวกับความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งเสยี งกับความหมายในภาษาไทย ดงั นี คําเลียนเสยี งเปนคําจาํ พวกหนงึ ทีเสยี งมอี ิทธพิ ลต่อความหมาย เราเปล่งเสยี งเปนถ้อยคําเลียนเสยี งทีได้ยนิ แมจ้ ะไม่ สามารถเลียนเสยี งใหเ้ หมอื นเสยี งทีได้ยนิ ทีเดยี วนัก แต่ก็พอจะแนะเสยี งต่างๆ ได้ สว่ นประกอบของคําเลียนเสยี ง เหมอื นคําไทยทัวๆ ไป คือมที ังพยญั ชนะ สระ และวรรณยุกต์

เสยี งพยญั ชนะ ในค่าเลียนเสยี งอาจแนะเสยี งได้ เชน่ เสยี งพยญั ชนะต้น ฟ ซ 1 หรอื 2 ซงึ เปนพยญั ชนะเสยี ดแทรก มกั แสดงเสยี งทีค่อยๆเกิดขนึ อาจเปนเสยี งลมทีเคลือน ผา่ นชอ่ งแคบๆ เชน่ ลมต้นออกมาดังฟู แมวขูฟ่ อ นอน หรอื เปนเสยี งนําทีเคลือนไหวแรงและเรว็ หรอื สตั วจ์ าํ นวนมาก สง่ เสยี งพรอ้ มๆ หรอื อาจเปนเสยี งแสดงอารมณ์ รอ้ งไหโ้ ฮ ถอนใจเฮือก เสยี งพยญั ชนะท้ายก็แนะเสยี งในคําเลียนเสยี งได้ไมแ่ พพ้ ยญั ชนะต้น ถ้าพยญั ชนะท้ายเปนพยญั ชนะนายก นกั แสดง เสยี งก้องกังวานในตอนท้าย เสยี งสระ บางเสยี งมกั ใชเ้ ลียนเสยี งบางอยา่ ง เชน่ สระอา เปนสระเบดิ ในการออกเสยี งต้องอ้าปากกวา้ ง ลินลดตํา ขนาดชอ่ งปากกวา้ ง มกั แสดงเสยี งทีต้องอ้าปากกวา้ ง เชน่ หวั เราะก๊าก หวั เราะฮ่าๆ สระอิ เปนสระปด ในการออกเสยี ง ปากไมไ่ ดอ้ ้ากวา้ ง สว่ นปลายลินอยูใ่ กล้เพดานปาก ขนาดชอ่ งปากแคบ มกั แสดงเสยี งทีเวลาออกเสยี งไมต่ ้องอ้าปาก กวา้ ง เชน่ หวั เราะก๊ก หวั เราะคิก เสยี งวรรณยุกต์ ก็ใชแ้ สดงเสยี งต่าง ๆ กัน วรรณยุกต์สามญั ใชแ้ สดงเสยี งทีดังกังวาน ไมแ่ หลมสงู เชน่ เสยี งระเบดิ ดังปม เสยี งปนดงั ปง ตกเตียงดงั ยงิ วรรณยุกต์เอก แสดงเสยี งค่อย ตํา เชน่ หวั เราะหๆึ หวั เราะแหะๆ ตบมอื เปาะแปะ วรรณยุกต์โท แสดงเสยี งดงั หนกั แนน่ ไมแ่ หลมสงู เชน่ ทบุ ดงั อีก หล่นหลัก

ภาษาใชส้ อื สารไดต้ ามเจตนาต่าง ๆ ผใู้ ชภ้ าษาอาจใชภ้ าษาดว้ ยเจตนาต่าง ๆ กัน เชน่ ใชภ้ าษาเพอื บอกเล่าเรอื งราวต่างๆทีตนรู้ แสดงความคิดเหน็ เกียวกับ เรอื งบางเรอื ง ตําหนหิ รอื ชมเชยผฟู้ ง ชกั จูงโนม้ นา้ วใหผ้ ฟู้ งกระทําการบางอยา่ ง ขอใหผ้ ฟู้ งบอกเล่าเรอื งราวบางเรอื ง แก่ตน ฯลฯ ถ้อยคําในแต่ละภาษาทีแสดงเจตนาต่างๆ เหล่านมี มี ากมาย เชน่ ภาษาไทยมคี ําวา่ บอก เล่า เตือน แนะ ทัก ท้วงประกาศ รายงาน โฆษณา ประชาสมั พนั ธ์ วจิ ารณ์ ตําหนิ : ด่า วา่ สงั ขอรอ้ ง อ้อนวอนชวนเชญิ ถาม ซกั ตอบ เสยี ง มนษุ ยม์ วี ธิ สี อื สารหลายวธิ ี วธิ ที ีใชก้ ันอยูเ่ สมอคือการเปล่งเสยี ง และกําหนดใหเ้ สยี งทีเปล่งออกมามคี วามหมาย ต่าง ๆ ตามแต่จะตกลงกันในหมูช่ นหมูห่ นงึ ๆ อวยั วะทีใชใ้ นการเปล่งเสยี งมอี ยูม่ าก เชน่ ปอด หลอดลม และอวยั วะต่างๆ ภายในชอ่ งปาก เปนต้นวา่ ลิน ฟน และปุม เหงือก เรมิ แรกจะมลี มออกมาจากปอดผา่ นหลอดลมขนึ มาผา่ นชอ่ งระหวา่ งเสน้ เสยี ง ซงึ อยูภ่ ายในกล่องเสยี ง บรเิ วณ ทีเราเรยี กกันวา่ ลกู กระเดอื ก แล้วสมกผา่ นออกมาทางชอ่ งปากและชอ่ งจมูก เกิดเปนเสยี งต่างๆ กัน คําในภาษาไทยของเราประกอบดว้ ยเสยี ง ๓ ชนดิ ไดแ้ ก่ เสยี งพยญั ชนะ เสยี งสระและเสยี งวรรณยุกต์

เสยี งพยญั ชนะ เสยี งพยญั ชนะในภาษาไทยมที ังหมด ๒๑ เสยี ง เมอื เปลียนเสยี งพยญั ชนะ คําจะเปลียนความหมายไปได้ เสยี งสระ สระมลี ักษณะเสยี งตรงขา้ มกับพยญั ชนะคือออกเสยี งได้ดงั ยาวนาน เหตทุ ีเปนเชน่ นีก็เพราะเมอื ออกเสยี งสระ ไมม่ กี าร กีดกักลมทีตําแหนง่ ใดๆ ในชอ่ งปากเลย สมจากปอดจะผา่ น ชอ่ งปากออกมาไดเ้ รอื ยๆ ไมต่ ิดขดั จนกวา่ ผพู้ ูดจะขยบั ลินและรมิ ฝปากเพอื ออกเสยี งอืนต่อไปสระในภาษามที ังหมด ๒๑ เสยี ง สระแต่ละเสยี งเมอื นาํ ไปใชร้ ว่ มกับพยญั ชนะก็จะได้ คําทีมคี วามหมายต่างกันไป เสยี งวรรณยุกต์ คําแต่ละค่านอกจากจะมเี สยี งสระและพยญั ชนะแล้ว ยงั มรี ะดับเสยี งสงู หรอื ตําอีกดว้ ยเสยี งจะสงู หรอื ยอ่ มแล้วแต่เสน้ เสยี งซงึ เปนแผน่ กล้ามเนอื อยูใ่ นกล่องเสยี ง ถ้าขณะทีออกเสยี งเสน้ เสยี งอยูช่ ดิ กัน ผมต้องต้นผา่ นเสน้ เสยี งออกมา ทําใหเ้ สน้ เสยี งสนั สะบดั อยา่ งรวดเรว็ ระดับเสยี งสงู ตําในภาษาไทยสามารถทําใหค้ ําเปลียนความหมายไปไดเ้ ชน่ เดยี วกับ สระและพยญั ชนะ

วรรณยุกต์ระดบั ในภาษาไทย ไดแ้ ก่ เสยี งวรรณยุกต์สามญั เสยี งวรรณยุกต์เอกและเสยี งวรรณยุกต์ตรี เสยี งวรรณยุกต์เอกเปนเสยี งทีมรี ะดับตํา เสยี งวรรณยุกต์ตรเี ปนเสยี งทีมรี ะดบั สงู เสยี งวรรณยุกต์สามญั เปนเสยี งทีมรี ะดบั กลางๆ สงู กวา่ เสยี งวรรณยุกต์เอก และตํากวา่ เสยี งวรรณยุกต์ตรี สว่ นวรรณยุกต์เปลียนระดบั ในภาษาไทย ได้แก่ เสยี งวรรณยุกต์โท และเสยี งวรรณยุกต์จดั วา เสยี งวรรณยุกต์โทมกี าร เปลียนแปลงจากระดบั สงู ลงมาสรู่ ะดบั ตํา เสยี งวรรณยุกต์จตั วามกี ารเปลียนแปลงจากระดบั ขนึ ไปสรู่ ะดบั สงู เสยี งหนกั เบา ค่าในภาษาไทย บางคํามพี ยางค์เดยี ว บางคํามหี ลายพยางค์ คําเหล่านเี มอื พูดต่อเนอื งกันผพู้ ูดไมไ่ ด้ลงเสยี งหนกั เท่าๆ กัน มกั จะลงเสยี งหนกั ทีพยางค์หนึงมากกวา่ อีกพยางค์หนึง ถ้าค่าทีพูดเปนคําพยางค์เดยี ว และเปนคําสาํ คัญใน ประโยค เชน่ คํานาม คํากรยิ า คําวเิ ศษณ์บางชนดิ ทีใชป้ ระกอบหลังคํานามหรอื หลังคํากรยิ า จะลงเสยี งหนัก แต่ถ้าเปน คําทีใชแ้ ทนคําอืน ขยายคําอืน หรอื แสดงความสมั พนั ธก์ ับคําอืน เชน่ คําสรรพนาม คําวเิ ศษณ์บางชนดิ ทีใชป้ ระกอบหน้า คํากรยิ า หรอื ดา่ บุพบท ผพู้ ูดมกั ไมล่ งเสยี งหนกั

อักษร การใชภ้ าษาสอื สารกันนนั นอกจากจะใชเ้ สยี งพูดเปนสอื แล้วยงั ใชอ้ ักษรเปนสอื อีกดว้ ย เสยี งพูดใชส้ อื สารไดจ้ าํ กัดกวา่ อักษร ถ้าไมใ่ ชอ้ ุปกรณส์ มยั ใหมช่ ว่ ย เสยี งพูดจะไดย้ นิ ไปได้ไมไ่ กลและคงอยูไ่ ดไ้ ม่ นาน การรจู้ กั ประดษิ ฐต์ ัวอักษรจงึ ถือไดว้ า่ เปนพฒั นาการขนั สาํ คัญของมนษุ ย์ ทําใหม้ นษุ ยส์ ามารถบนั ทึกความรคู้ วาม คิดและถ่ายทอดไปยงั ชนรนุ่ หลัง ทังยงั สามารถติดต่อสอื สารกันไดแ้ มจ้ ะอยูใ่ นดินแดนทีหา่ งไกลกัน วธิ หี นึงทีชว่ ยให้ ชนชาติต่างๆสามารถรกั ษาประวตั ิศาสตร์ วรรณคดี วฒั นธรรม และอารยธรรมของชาติไวไ้ ด้ก็คือกาถ่ายทอดถ้อยคํา ออกมาเปนตัวอักษรนเี อง อักษรไทย พอ่ ขุนรามคําแหงมหาราชทรงประดิษฐอ์ ักษรไทยเพอื ใชถ้ ่ายเสยี งในภาษาไทยซงึ มมี านานตังแต่ก่อนทีจะมอี าณาจกั ร สโุ ขทัย อาจจะกล่าวไดว้ า่ มภี าษาไทยมาพรอ้ ม ๆ กับทีมชี นชาติไทย เพราะมนษุ ยไ์ มว่ า่ เผา่ พนั ธุใ์ ด ถ้าอยูร่ ว่ มกันเปนสงั คม ก็จาํ เปนต้องมภี าษาสาํ หรบั ใชส้ อื สารกัน ตามประวตั ินนั พอ่ ขุนรามคําแหงมหาราชทรงประดิษฐอ์ ักษรไทยเมอื มหาศักราช๑๒๐๔ ตรงกับพุทธศักราช ๑๘๒๖ นัน คือเปนเวลากวา่ ๗๐๐ ปมาแล้ว นับวา่ โชคดีทีเรามอี ักษรไทยใชถ้ ่ายเสยี งในภาษาไทยในขณะทียงั มคี นหลายชนชาติทีมี ภาษาแต่ไมม่ อี ักษรต้องใชอ้ ักษรของชาติอืนถ่ายเสยี งในภาษาของตน

การสะกดคํา ในการสอื สารดว้ ยการเขยี น การสะกดคําใหถ้ กู ต้องเปนเรอื งจาํ เปนมาก ทังนีเพราะคําในภาษาไทยจาํ นวนมาก แมจ้ ะมี เสยี งเหมอื นกัน ถ้าความหมายต่างกัน ก็จะสะกดต่างกัน คําแต่ละคําในแต่ละชุดมคี วามหมายต่าง ๆ กัน เราเรยี กวา่ คําพอ้ งเสยี ง ซงึ หมายถึง คําทีเขยี นต่างกัน ความหมายต่าง กันแต่ออกเสยี งเหมอื นกัน ถ้านกั เรยี นพจิ ารณาเปรยี บเทียบในตัวอยา่ งขา้ งต้น คงจะสงั เกตเหน็ วา่ ๑. พยญั ชนะต้นเสยี งเดยี วกัน อาจใชร้ ปู พยญั ชนะต่างกัน เชน่ พุธ ภชุ ๒. พยญั ชนะท้ายเสยี งเดยี วกัน อาจใชร้ ปู พยญั ชนะต่างกัน เชน่ ประพาส ประพาด ๓. พยญั ชนะท้ายอาจมรี ปู สระกํากับอยูด่ ว้ ยในบางคํา แต่บางคําก็ไมม่ ี เชน่ เกตุ เกศ ๔. พยญั ชนะท้ายอาจมพี ยญั ชนะตามมาโดยไมอ่ อกเสยี งในบางคํา แต่บางคําก็ไมม่ ี พยญั ชนะตาม เชน่ พุทธ พุธ

การอ่านออกเสยี งคําไทยทีมาจากภาษาบาลีและสนั สกฤต คําไทยจาํ นวนมากมที ีมาจากภาษาบาลีสนั สกฤต เมอื อ่านออกเสยี งคําเหล่านีอาจมปี ญหาวา่ ควรจะออกเสยี งสระ พยญั ชนะ และวรรณยุกต์อยา่ งไร สระ คําทีมาจากภาษาบาลีสนั สกฤต ถ้าไมม่ รี ูปสระกํากับ เดมิ ออกเสยี งเสยี งสระอะ เมอื ไทยนาํ มาใช้ มกั ออกเสยี ง พยญั ชนะตัวสดุ ท้ายเปนเสยี งของตัวสะกดออกเสยี งสระเปน โอะ พยญั ชนะ อักษร ๆ นนั ในภาษาบาลีสนั สกฤตออกเสยี งคล้ายเสยี ง ต. ในภาษาไทย เมอื ไทยยมื คําบาลีสนั สกฤตทีมี พยญั ชนะ ๆ จะอ่านออกเสยี งเปน ๒ แบบ คือออกเสยี งเปน [ด] คล้ายเสยี งในภาษาเดมิ หรอื ออกเสยี งเปน [ท] ตามแบบ ไทย วรรณยุกต์ คําทีมาจากภาษาบาลีสนั สกฤตมกั ไมม่ รี ปู วรรณยุกต์กํากับเราออกเสยี งวรรณยุกต์คําเหล่านที ํานองเดยี ว กับคําไทยทังหลายทีไมม่ รี ปู วรรณยุกต์กํากับคือออกเสยี งวรรณยุกต์โดยพจิ ารณาสว่ นประกอบอืนๆ ของพยางค์อัน ไดแ้ ก่พยญั ชนะต้นสระ และตัวสะกด

คํา คํา ประกอบดว้ ยเสยี งกับความหมาย คําทกุ คําในภาษาไทยประกอบดว้ ยเสยี งสระ พยญั ชและเสยี งวรรณยุกต์ สว่ นความ หมายของคําแต่ละคําก็แตกต่างกันไปอันเปนผลใหเ้ รานาํ คําเหล่านนั ไปใชไ้ ดต้ ่าง ๆ กัน นกั ไวยากรณพ์ จิ ารณาความหมาย และวธิ ใี ชค้ ําแล้ว จดั แบง่ คําเปนหลายชนดิ ความรเู้ รอื งความหมายและชนดิ ของคําจะมสี ว่ นชว่ ยใหน้ กั เรยี นใชค้ ําไดอ้ ยา่ งมี ประสทิ ธผิ ล ในบทนจี งึ จะกล่าวถึง ชนดิ ของคํา และการใชค้ ํา ชนดิ ของคํา ๑. คํานาม เปนคําบอกชอื คน สตั ว์ สงิ ของ เปนต้น ๒. คําสรรพนาม เปนคําใชแ้ ทนชอื ต่างๆ ๓. คํากรยิ า เปนคําบอกอาการของคน สตั ว์ สงิ ของ เปนต้น ๔. คําวเิ ศษณ์ เปนคําประกอบคําอืนใหม้ คี วามต่างออกไป ๕. คําบุพบท เปนค่าสาํ หรบั นาํ หนา้ นามและสรรพนาม ๖. คําสนั ธาน เปนคําเชอื มคําหรอื ความใหต้ ิดต่อกัน ๗. คําอุทาน เปนคําบอกเสยี งต่างๆ คําแต่ละชนดิ ขา้ งต้นจาํ แนกเปนชนดิ ยอ่ ยๆ ไดอ้ ีก เชน่ คํานามแบง่ ไดเ้ ปน ๕ คือ (๑) สามานยนาม (๒) วสิ ามานยนาม (๓) สมุหนาม (๔) ลักษณนาม(๕) อาการนาน

บรรณานกุ รม -หนงั สอื หลักภาษามธั ยมศึกษาปที ๕

จดั ทําโดย นางสาว เกศณิ ี นมิ อนงค์ ม.6/4 เลขที 7 นางสาว อนิตศรา ชูเอยี ม ม.6/4 เลขที 10 นางสาว กญั ญาภคั ตรชนะกิจ ม.6/4 เลขที 17 นางสาว ธีรฏา แตม้ มาลา ม.6/4 เลขที 18 นางสาว แคทธารนทร์ พฒั นาภา ม.6/4 เลขที 19 นางสาว นันทนัช อํานวยชัยศิลป ม.6/4 เลขที 21


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook