การศกึ ษารายกรณี เสนอ อาจารย์ เขมินธารากรณ์ บัวเพช็ ร จัดทาโดย นางสาว อามลี า เจะบู รหัสนักศกึ ษา 6506810071 สาขา การประถมศึกษา ใบงานช้ินนี้เป็ นส่วนหน่ึงของรายวชิ า จติ วทิ ยาสาหรบั ครู ภาคเรียนที่ 2 ปี การศกึ ษา 2565 มหาวทิ ยาลัยหาดใหญ่
คานา การศกึ ษารายกรณี (Case study ) เป็นรูปแบบหน่งึ ของการวิจยั ในช้นั เรียนเชงิ คณุ ภาพ เป็น วิธีการหน่งึ ทจี่ ะช่วยครูในการเชื่อมโยงกลบั ไปสู่เหตปุ ัจจยั ทที่ าให้เกิดเป็นผล คอื บคุ ลกิ ภาพเด็ก ที่ปรากฏอยู่ในปัจจบุ ัน การศกึ ษาเด็กเป็นรายกรณี หมายถึง การศกึ ษา วิเคราะห์ ขอ้ มลู ของเดก็ เป็นรายบคุ คลหรือราย กลุ่ม รายหอ้ งเรียนในด้านต่างๆ เชน่ พฒั นาการ พฤติกรรม สภาพแวดล้อม การอบรมเล้ยี งดู อยา่ งละเอียดลกึ ซ้งึ ซ่งึ ไมจ่ าเป็นตอ้ งศกึ ษาเฉพาะเดก็ ท่มี ปี ญั หาเสมอไป อาจศึกษาเดก็ ทม่ี ี ความสามารถ พฒั นาการหรือบุคลิกภาพด้านใดดา้ นหน่งึ เด่นชดั ควรได้รบั การส่งเสริมพฒั นาให้ ดียิ่งๆข้นึ ไป เช่น เดก็ ปัญญาเลศิ เด็กทีม่ ีความประพฤตปิ ฏิบัตดิ ี เป็นต้น นางสาว อามีลา เจะบู
การศึกษารายกรณี ( case study ) เรือ่ ง การแก้ปัญหาเดก็ ไมก่ ล้าแสดงออก จากการท่ีได้จดั กจิ กรรมการเรียนการสอนตามปกติท้งั ในและนอกห้องเรยี น พบวา่ เด็กหญิง วานี วทิ ยา ซึง่ เป็นนกั เรียนช้นั ประถมศกึ ษาปีที 3 มีพฤตกิ รรมไมพ่ ดู คุยกับเพื่อนและครู นอกจากน้ีเวลาครูจัดกจิ กรรมการ เรียนการสอนเม่อื ถามคาถามหรือเรียกชื่อเด็กหญงิ วานี กจ็ ะก้มหนา้ ไม่มปี ฏกิ ิริยาตอบสนอง หรือ มอบหมายให้ทากจิ กรรมทุกกจิ กรรม เดก็ หญิง วานี จะไม่สนใจและจะไม่รว่ มหรือทากิจกรรมใดใดกับ เพ่อื น ดังน้ันในฐานะครูประจาชั้นจงึ สนใจที่จะศึกษาพฤตกิ รรม กรณีเดก็ หญิง วานี เพือ่ หาสาเหตขุ อง พฤตกิ รรม และหาแนวทางชว่ ยเหลอื ปรับปรุง พฒั นาพฤติกรรมใหด้ ขี นึ้ ต่อไป แหลง่ ขอ้ มูลที่ใชใ้ นการศกึ ษา 1. ตัวเดก็ เอง 2. พอ่ แม่เดก็ 3. เอกสารในช้ันเรยี น 4. โรงเรยี น ขอ้ มลู สว่ นตัวโดยท่วั ไป เด็กหญิง วานี วิทยา เพศ หญงิ เกดิ วันที่ 2 เดอื นเมษายน พ.ศ. 2555 อายุ 9 ปี เช้ือชาตไิ ทย สญั ชาติไทย ศาสนาอิสลาม ปัจจบุ ันเรยี นอย่ชู นั้ ประถมศึกษาปีท่ี 3 ภมู ลิ าเนา บ้านเลขท่ี 11 / 1 หมทู่ ่ี 1 ตาบล เกาะขาม อาเภอศรีราชา จังหวัดนครศรธี รรมราช รหสั ไปรษณยี ์ 30043
เลขบัตรประชาชน 1911993425643 โทรศัพท์มือถอื – สีท่ีชอบ ชมพู แดง อาหารที่ชอบ ขา้ วผัด ต้มจืด คติ เป็นตัวของตวั เองใหด้ ีทสี่ ดุ กรุปเลือด o บดิ า อสุ มาน วทิ ยา ประกอบอาชพี ชาวประมง อายุ 57 ปี มารดา นิมา วทิ ยา ประอบอาชพี ชาวประมง อายุ 38 ปี อาชพี บิดา-มารดา ชาวประมง จับปลามาขายในตลาดสด ท่ีอยปู่ ัจจบุ ัน บา้ นเลขที่ 11/5 หมทู่ ี่ 9 ตาบลเกาะขาม อาเภอศรีราชา จงั หวดั นครศรี ธรรมราช ประวตั กิ ารศึกษา ไม่ไดศ้ ึกษา ประวัติสว่ นตัวและประวตั คิ รอบครัว เดก็ หญิง วานี วทิ ยา อายุ 9 ปี รูปร่างเลก็ กะทัดรัด ผมตรงสวย ผิวค่อนขาวนวล แตง่ ตวั เสอื้ ผ้าสะอาด เรียบรอ้ ยดี ดโู ดยท่ัวไปมสี ขุ ภาพดี เดก็ หญิง วานี เป็นลูกคนเดยี วของบิดากบั มารดาคนปัจจุบัน และมีพ่ีน้องตา่ งมารดาดว้ ย บิดาอายุ 57 ปี เป็นคนพนื้ เมือง มารดาอายุ 38 ปี ทง้ั บดิ ามารดา ดูโดยทั่วไปสขุ ภาพดี และดูแลเอาใจ ใสท่ นถุ นอมเด็กหญงิ วานี เป็นอยา่ งดีไมค่ ่อยไดเ้ ลน่ หรือมีปฏิสมั พนั ธ์กับเพอื่ นวัยเดยี วกัน ครอบครวั น้ี อาศัยอยู่บา้ นของตวั เองในบา้ นเลขที่ 11/5 หมูท่ ่ี 9 ตาบลเกาะขาม อาเภอศรีราชาเป็นหลัก จากการให้ ข้อมูลของผ้ปู กครอง เด็กหญงิ วานี เคยเข้าเรยี นทศ่ี ูนย์พัฒนาเด็กเลก็ แห่งหนง่ึ ระยะเวลาไมน่ านนัก เดก็ หญิง วานี กไ็ มย่ อมไปเรยี น จงึ ไดย้ ้ายมาเรียนท่ีโรงเรียนบ้านศุพโลค เมื่อเรมิ่ มาโรงเรยี นใหมๆ่ เด็กหญิง วานี จะมาโรงเรียนบ้างไมม่ าบ้าง จากการสอบถาม พบวา่ ผปู้ กครองตามใจเด็กกล่าวคือ ถ้าเด็ก บอกว่าไม่อยากมาโรงเรยี นกไ็ มช่ ักจูงหรือพยายามชักชวนให้เดก็ มาโรงเรียน
สภาพครอบครัวและฐานะทางเศรฐกจิ บา้ นของเดก็ หญงิ วานี วทิ ยา อาศัยกับครอบครวั ปจั จบุ นั งานหลกั คือจับปลาที่ทะเลมาขายในตลาดสด และมารดายงั รบั จ้างท่วั ไปเพือ่ หาเงนิ มาเลยี้ งดคู รอบครัว ฐานะคอ่ นข้างที่จะลาบากดนิ้ รน้ ต่อการหางาน รบั จา้ งท่ัวไปเพือ่ ทีส่ ง่ เสยี ลูกสาวให้ได้เรียนหนงั สือ ความสนใจ งานอดิเรก เดก็ หญงิ วานี วิทยา มคี วามสามรถในการวาดรูป จินตนาการภาพต่างๆไดส้ วยงามมาก เด็กหญงิ วานี วิทยา ชอบดูสารคดีตา่ งๆ เพอ่ื เกดิ ความคดิ สรา้ งสรรคใ์ นการใช้ชวี ิตและการเอาตัวรอด เป้าหมาย อยากเป็นครศู ลิ ปะ เพราะตนสนใจในดา้ นวาดรูป อยากทางานดีๆเพอ่ื ที่จะใหพ้ อ่ แมส่ บาย ความภาคภูมิใจ ปัญหา และอปุ สรรคในการดาเนินชวี ติ ความภูมิใจ เป็นเด็กดขี องพอ่ แม่ ช่วยพ่อแม่ทางานในวันหยดุ ปญั หา ไมค่ อ่ ยพดู ไมเ่ ขา้ สังคมในโรงเรียนกลัวการเข้าสังคมกับผอู้ ่ืน ดา้ นการเรยี น เกณฑ์ของเดก็ หญงิ วานี อยใู่ นระดบั ต่า ทางานชา้ ไมพ่ ดู คยุ กบั เพอ่ื นในหอ้ ง ชอบอยคู่ นเดียว ไม่กล้าท่พี ดู กบั คนรอบข้าง ดา้ นพฤตกิ รรมและลักษณะนิสยั พฤตกิ รรมสว่ นใหญ่ ชอบอยูค่ นเดียว ไม่เขา้ สงั คมกบั เพือ่ นในหอ้ ง ไมก่ ลา้ แสดงออก ไม่กล้าพูดคยุ
เครื่องมือทีใ่ ชใ้ นการวิจัย - แบบประเมนิ พฤติกรรมของนกั เรยี น - การสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นทั้งในโรงเรยี น และบ้าน - การสอบถามผู้คนในชมุ ชน - การสอบถามจากผปู้ กครอง ด้านสงั คมและการอยู่รว่ มกับเพ่ือนในช้ันเรยี น เพือ่ นในหอ้ งชอบแกล้ง พยายามหาเร่อื งคยุ แตว่ านี กลับไม่สนใจเพือ่ นๆ หลีกเลย่ี งการอยรู่ ว่ มกบั ผู้อน่ื ไมส่ นใจเพื่อนร่วมห้องแมก้ ระทง่ั ครปู ระจาชั้น วัตถปุ ระสงค์ - นกั ศึกษามคี วามมัน่ ใจในตนเองกลา้ ตดั สนิ ใจและกล้าที่จะแสดงออก - นักศึกษามกี ารปรับเปลย่ี นพฤตกิ รรมในการกล้าแสดงออกทดี่ ขี นึ้ - นกั ศกึ ษากลา้ คดิ กลา้ ทาและกล้าแสดงความคดิ เห็น การวนิ ิจฉยั ปัญหา จากการพดู คุยสมั ภาษณ์ บดิ ามารดาของเดก็ ทาให้เขา้ ใจสภาพการอบรมเลยี้ งดู มากขนึ้ ถงึ การดูแลของ บิดามารดาแบบตามใจ เอาใจใส่ ทนถุ นอมลูกเป็นอยา่ งดี และด้วยความท่ีบดิ าและมารดาจาเป็นท่ีตอ้ ง ออกหาปลาตามทอ้ งทะเลโดยไม่ได้สนใจลูกสาวปลอ่ ยให้ลกู สาวเกดิ ความไมส่ นใจในด้านการเรียน เขียน ไม่ออก อา่ นไม่ได้ และไม่เขา้ สงั คมกับเพอ่ื นๆในโรงเรยี น สรุปขอ้ วินิจฉยั ไดว้ ่าเดก็ หญิง วานี มปี ัญหา ทางด้านสงั คม
การวิเคราะหส์ ังเคราะหข์ อ้ มลู สงั เกตการณ์ออกมาพดู หนา้ ช้ันเรียน และการทากจิ กรรมในห้องเรียน จากการประเมนิ โดยใชแ้ บบสงั เกต สงั เกตการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกลา้ แสดงออกของ นกั ศกึ ษาระดบั ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 3 พบวา่ นักศึกษามีความกลา้ แสดงออกมากขนึ้ จาก หากมกี ารปรับการเรียนการสอนให้ นักศึกษามสี ว่ นร่วมใน กจิ กรรม พยายามให้นักเรียนออกไปทากิจกรรมหน้าชน้ั เรยี นโดยมีอาจารย์ และเพือ่ นคอยใหก้ าลังใจอยู่ ตลอด มีการให้คะแนนของนักเรยี นในการทากิจกรรมก็จะทาใหน้ ักเรียนกลา้ แสดงอออกมากขนึ้ วธิ ีการดาเนนิ การวิจัยแบง่ เป็น 2 ส่วน คอื 1. การศึกษาเอกสาร เป็นการศกึ ษารวบรวมข้อมูลจากเอกสารต่าง ๆ ท้งั ท่ีเป็นทฤษฎี แนวคดิ และผลงานวจิ ยั ทเี่ กี่ยวกบั พฤติกรรมการกลา้ แสดงออกอย่างเหมาะสม ในด้านแนวคดิ เกีย่ วกบั พฤตกิ รรมการกล้าแสดงออกอย่าง เหมาะสม และแนวคดิ เกีย่ วกับกระบวนการกลุม่ เพ่ือหาขอ้ สรปุ ถงึ วธิ กี ารแก้ปญั หาขาดความการกลา้ แสดงออกอยา่ งเหมาะสมของนกั ศึกษาในชั้น 2. การวิจยั เชิงสารวจ การวิจัยคร้งั น้ีเป็นการวิจัยเชิงสารวจ โดยใชแ้ บบสอบถามเป็นเคร่ืองมอื ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเพ่ือสารวจ พฤติกรรมการกล้าแสดงออกอย่างเหมาะสมของนักเรียนในช้นั เรียน ขอ้ เสนอแนะเพอ่ื การแก้ปัญหา 1. พยายามพูดคยุ แนะนาผ้ปู กครองใหป้ รบั ปรงุ วิธีการอบรมเลี้ยงดูเดก็ 2. ขอความรว่ มมอื ผปู้ กครองชว่ ยปรับปรุงทัศนคติของเด็กทม่ี ตี ่อการมาโรงเรียน 3. ให้โอกาสเด็กในการแสดงออก ใหแ้ รงเสรมิ โน้มน้าวใจเดก็ ใหส้ นใจร่วมหรอื ร่วมทากิจกรรมกบั เพ่ือน
การปฏิบตั ิตามขอ้ เสนอแนะ ขอ้ เสนอแนะ คือ ในการจดั กิจกรรมการเรียนการสอนจะพยามชักชวน โน้มน้าวใจใหแ้ รงเสริมให้เด็กหญงิ วานี มสี ว่ นรว่ มในกิจกรรมมากที่สดุ โดยไม่มีการบงั คับให้เด็กหญิง วานี ทากจิ กรรม ไมว่ ิพากษว์ จิ ารณ์ ให้ เพอ่ื นชกั ชวนให้เดก็ หญิง วานี ร่วมกิจกรรมในทุกกจิ กรรม จากการดาเนินการตามขอ้ เสนอแนะท้งั หมด พบว่า ผู้ปกครองมีความเข้าใจและมสี ว่ นชว่ ยเป็นอย่าง มากในการปรับพฤติกรรมของเด็กใหม้ ีพัฒนาการเป็นไปในทางทด่ี ขี นึ้ กล่าวคอื ปัจจุบนั เด็กหญิง วานี มี ความกล้าแสดงออกมากขนึ้ โดยเมอื่ ครเู รยี กช่อื เดก็ หญงิ วานี ก็จะขานตอบ เล่นกับกล่มุ เพ่ือนมากขนึ้ สนใจทากจิ กรรมต่างๆท่ีครูจัดมากขนึ้ การตดิ ตามผลการศกึ ษา ถึงแมว้ ่าการศกึ ษาครงั้ นี้ยงั ไมเ่ สรจ็ สนิ้ สมบูรณ์ ในขณะทีเ่ ขยี นรายงานน้ี ผศู้ ึกษาหวงั ว่าการช่วยเหลอื พฒั นาปรบั ปรงุ พฤติกรรมเดก็ หญิง วานี จะไดผ้ ลสาเรจ็ เป็นอย่างดี ทัง้ นี้เพราะจากการสงั เกตพบว่าใน ปัจจบุ ันพฤตกิ รรมของเด็กหญิง วานี มพี ัฒนาการไปในทางทีด่ ีขนึ้ เร่อื ยๆ และผลจากการศกึ ษาน้จี ะเป็น ประโยชน์ เป็นแนวทางในการชว่ ยเหลอื พัฒนาปรับปรุงพฤตกิ รรมของเด็กหญิง วานี ใหด้ ีขนึ้ และนาไปใช้ กับกรณีอน่ื ๆ ตอ่ ไป ประโยชน์ท่ไี ดร้ บั - นักศกึ ษากล้าแสดงออก - นกั ศึกษานาพฤตกิ รรมการกล้าแสดงออกไปใชใ้ นชีวติ ประจาวัน - นกั ศึกษากลา้ คดิ และตดั สินใจในการกระทาต่างๆด้วยตนเอง
Search
Read the Text Version
- 1 - 9
Pages: