1 กระรอก 2 ลกั ษณะภายนอก 3 กระรอก(Squirrel)มีขนาด 4 ลําตัวเล็ก ขนปุย ปกคลมุ ทวั 5 รา่ งกาย นั ยน์ ตากลมดํา หาง 6 มีขนยาวฟูเปนพวง หน้า 1
1 มีนิ วเทา้ หลังข้างละ 5 นิ ว 2 และนิ วเทา้ หน้ าข้างละ 4 นิ ว 3 ตรงส่วนทนี ่ าจะเปนนิ วโปงจะ 4 เปนปุมนนู ๆ ใชส้ ําหรบั ชว่ ย 5 หยิบจับอาหารขณะกัดแทะ 6 ทกุ นิ วมีเล็บแหลมคม ชว่ ยใน 7 การยึดเกาะและปนต้นไม ้ หน้า 2
1 ทอี ยอู่ าศั ย 2 พบกระรอกไดม้ ากในปา 3 อบอุน่ และตน้ ไมท้ มี ผี ลไมม้ าก 4 สวนผลไม้ สวนมะพรา้ ว 5 ใชช้ วี ติ ส่วนใหญห่ ากนิ บนตน้ ไม ้ 6 กระรอกมกี ารปรบั ตวั ตอ่ การ 7 เปลยี นแปลงของอาหารตาม 8 ฤดกู าลไดด้ ี หน้า 3
1 รงั ของกระรอกอาจอยใู่ นโพรง 2 ไมห้ รอื ตน้ ไมส้ งู ทมี กี งิ ไมห้ นา 3 กระรอกจะรวบรวมกงิ ไมเ้ ลก็ ๆ 4 กระดาษ เถาวลั ย์ ใบไม้ ใบหญา้ มา 5 ทาํ รงั ทาํ รงั คลา้ ยรงั นกดว้ ยกงิ ไม้ 6 เลก็ ๆ รูปทรงยาวอยตู่ ามลกั ษณะ 7 ปลายกงิ ไม้ กระรอกชอบนอนที 8 มดื ๆ รงั จงึ มคี วามมดิ ชดิ และให้ 9 ความอบอุน่ ไดด้ ี หน้า 4
1 พฤตกิ รรม 2 กระรอกเปนสัตวท์ คี ลอ่ งแคลว่ 3 วอ่ งไวมาก และออกหากนิ ในตอน 4 กลางวนั กระรอกตวั ทโี ตเตม็ ทนี ั น 5 จะแบง่ เมลด็ พืชให้กบั กระรอกทยี งั 6 เลก็ อย ู่ 7 กระรอกเปนสัตวฟ์ นแทะ 8 ทาํ ให้มพี ฤตกิ รรมชอบแทะขา้ วของ 9 แทะกงิ ไม้ และแทะเถาวลั ยม์ าทาํ รงั หน้า 5
1 หากมอี นั ตรายหรอื มเี สียงดงั 2 มากๆ ฟารอ้ ง หรอื เจองู กระรอก 3 จะอยนู่ ิ งๆ และตาโต บางตวั จะส่ง 4 เสียงรอ้ ง ตอ็ กๆ หยดุ สักพัก แลว้ ก็ 5 ตอ๊ กๆ หรอื รอ้ งเปนสัญญาณถๆี หน้า 6
1 อาหาร 2 กระรอกกนิ ผลไมเ้ กอื บทกุ 3 ชนิ ด เชน่ ส้ม ขนนุ มะพรา้ ว มะขาม 4 มะยม กวี ี ลกู พลบั องนุ่ มะมว่ ง 5 และพวกธญั พืช ตระกลู ถวั 6 บางครงั กระรอกกก็ นิ แมลง 7 กนิ หนอน หรอื กนิ ไขน่ กดว้ ย เมอื 8 ตอ้ งการแรธ่ าตบุ างชนิ ด 9 ห้ามให้นมววั จะทาํ ให้กระรอก 10 ทอ้ งเสีย และตายได ้ หน้า 7
1 การสื บพันธุ์ และวงจรชีวติ 2 กระรอกตวั ผหู้ ลายตวั จะมารวม 3 กนั ลอ้ มรอบตวั เมยี และเรมิ ส่งเสียง 4 รอ้ ง การส่งเสียงรอ้ งเปนการเรมิ 5 ตน้ แขง่ ขนั กนั ในหมตู่ วั ผ ู้ 6 เมอื มตี วั ผตู้ วั หนึ งชนะ กระรอก 7 ตวั นั นจะไดผ้ สมพันธุก์ บั ตวั เมยี 8 หลงั จากผสมพันธุ์ ตวั เมยี จะ 9 ออกสํารวจหาบรเิ วณและสรา้ งรงั 10 ในบรเิ วณทเี หมาะสมและปลอดภยั 11 ระยะเวลาตงั ทอ้ ง 20 – 40 วนั หน้า 8
1 กระรอกสามารถออกลกู ได้ 2 ครงั ละหลายตวั และเลยี งลกู ดว้ ย 3 นม อายเุ ฉลยี ของกระรอกประมาณ 4 17 ป และบางพันธุอ์ าจมอี ายยุ นื ถงึ 5 21 ป เชน่ กระรอกสามสี เปนตน้ 5 ศ ัตรูตามธรรมชาตขิ องกระรอก คือสัตวก์ นิ เนื อขนาดเลก็ เชน่ ชะมด 6 พังพอน แมวปา รวมทงั เหยยี ว 7 หน้า 9
1 ประโยชน์ 2 ดว้ ยความน่ ารกั ของกระรอก 3 ทาํ ให้กระรอกหลายชนิ ดไดร้ บั 4 ความนิ ยมและถกู นํ าไปเปน 5 สัตวเ์ ลยี งเพือความเพลดิ เพลนิ 6 กระรอกอาจถกู คนจบั มาขาย หรอื 7 ฆา่ ทงิ เนื องจากทาํ ลายผลผลติ 8 ของเกษตรกร โดยเฉพาะกระรอก 9 ทไี ปอาศัยในสวนปาลม์ หน้า 10
กระรอก หน้า 11
สารบญั หัวขอ้ หน้ า ลกั ษณะภายนอก………………….1 ทอี ยอู่ าศัย…………………………..3 พฤตกิ รรม………………………….5 อาหาร……………………………….7 การสืบพันธุ์ และวงจรชวี ติ ……..8 ประโยชน์ ……………………….….10 หน้า 12
Search
Read the Text Version
- 1 - 12
Pages: