Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือ MS-Access2010

คู่มือ MS-Access2010

Published by suttathip_mu, 2016-10-06 02:14:47

Description: MS-Access2010

Search

Read the Text Version

-1- บทท่ี 1 ระบบฐานขอ้ มูล (Database System)ระบบฐานข้อมลู ปัจจบุ ันการนาคอมพวิ เตอรม์ าใชใ้ นการจดั การเกย่ี วกบั ฐานข้อมูล (database) ได้รับความนยิ มมาก โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงในองค์กรที่มขี นาดใหญ่ ทง้ั น้เี นอ่ื งจากการจัดการสามารถทาไดร้ วดเร็วและถูกตอ้ งแม่นยา ทาให้ประสิทธิภาพโดยรวมในการดาเนินการขององค์กรสูงขน้ึ ด้วยระบบฐานขอ้ มูล(Database System) คอื การจดั เก็บข้อมูลอยา่ งเปน็ ระบบ ซ่ึงผู้ใช้สามารถเรียกใชข้ อ้ มุลดงั กลา่ วได้ในลักษณะตา่ งๆ เชน่ การเพ่ิมข้อมูล (Add Data) การแทรกข้อมลู (Insert Data) การเรยี กใช้ขอ้ มูล(Retrieve Data) การแกไ้ ขและลบข้อมลู (Update & Delete Data) ตลอดจนการเคลือ่ นยา้ ยข้อมูล(Move Data) ไปตามท่ีกาหนดโครงสร้างของระบบ (structure of Databases) ระบบฐานขอ้ มลู ในมมุ มองของผู้ใช้สามารถแบ่งออกตามลักษณะโครงสร้าง ซ่ึงประกอบไปดว้ ยโครงสร้างหลกั 2 สว่ น ไดแ้ ก่ ส่วน Font end และ Back endFont End เป็นโปรแกรมประยกุ ต์ (Application) ท่อี าจจะสร้างจากภาษาต่างๆ เช่น ภาษาระดบั สงูCASE หรอื ภาษาอื่นๆ สว่ นนโี้ ดยปกตจิ ะรองรับการทางานของผใู้ ช้ (End User) เพอ่ื ทาหน้าท่ีตดิ ต่อกับระบบBack End เปน็ ส่วนทีท่ าหนา้ ท่ใี นการจัดการกบั ระบบฐานข้อมูลทั้งหมด ในแง่ของการจดั เกบ็ และเรียกใช้ข้อมูลจากแหล่งขอ้ มลู จรงิ ไดแ้ ก่ การปฏิบัติการต่างๆ กบั ขอ้ มูล, การจัดทา Backup, การควบคมุ ความถกู ต้องในการใชข้ อ้ มลู พรอ้ มกนั รวมไปถึงการควบคุมความปลอดภยั ของระบบ เป็นตน้องค์ประกอบของระบบฐานขอ้ มลูData เน่อื งจากฐานข้อมูลเป็นการจัดเก็บรวบรวมขอ้ มูล ใหม้ ลี กั ษณะเป็นศนู ยก์ ลางข้อมลู อย่างเปฯ้ระบบ ในกรณีทีม่ ผี ใู้ ชร้ ว่ มกนั หลายคน (Multi-User) ขอ้ มูลจะตอ้ งสามารถเรยี กใชร้ ว่ มกนั ได้ ซงึ่ ในทางปฏิบตั ิผูใ้ ชจ้ ะมองภาพของขอ้ มูล ท่แี ตกต่างกนั ไปตามระดบั ของการออกแบบระบบ

-2-Hardware ในส่วนของ Hardware ท่ีเก่ยี วช้องกบั ระบบ จะพจิ ารณาถึงสว่ นประกอบที่สาคญั สองประการส่วนแรกคอื สอื่ ในการเก็บขอ้ มูล (Secondary Storage) ได้แก่ การเก็บขอ้ มูลดว้ ย Magnetic Diskรวมไปถงึ การติดต่อระหวา่ งอปุ กรณ์ท่ีเกีย่ วขอ้ ง เช่น I/O Device ต่างๆ สว่ นที่สองจะเกยี่ วขอ้ งกบัความเรว็ ในการทางานของโปรเซสเซอรแ์ ละเมมโมรี ซงึ่ จะขน้ึ อย่กู บั ขนาดของข้อมูลในระบบและจานวนของผู้ใชเ้ ปน็ ตัวกาหนดUser ในระบบฐานข้อมูลจะมีบุคลากรท่เี ก่ยี วชอ้ งดังนี้ Programmer เปน็ บคุ ลากรที่ทาหน้าท่ีเขียนโปรแกรมประยกุ ต์ใช้งาน เพือ่ การจัดเกบ็ และการเรยี กใช้งาน เป็นไปตามความต้องการของผู้ใช้ End User เป็นบุคลากรทที่ าการใช้ข้อมูลจากระบบ ซ่ึงโดยปกติจะทางานใน 3 ลกั ษณะ คือการอา่ น (Read Only), การเพ่มิ หรอื ลบข้อมลู (Add/Delete) และการแกไ้ ขขอ้ มูล (Modify Data)เป็นตน้ DBA (Database administrator) เปน็ บคุ ลากรท่ที าหนา้ ที่เป็นผคู้ วบคมุ และบรหิ ารงานของระบบฐานขอ้ มลู ทัง้ หมด นนั่ คือจะเป็นผู้ที่ตอ้ งตดั สนิ ใจว่าขอ้ มูลใด ทจ่ี ะรวบรวมเข้าสรู่ ะบบรวมไปถงึ เปน็ผู้กาหนดกฏเกณฑ์ท่ใี ข้ภายในระบบ เชน่ วิธีการในการจดั เกบ็ ข้อมลู การเรยี กใชข้ อ้ มลู ตลอดจนการกาหนดการรัษาความปลอดภยั ในระบบ เป็นตน้ Software ทาหนา้ ที่เปน็ สือ่ กลางระหว่างผใู้ ช้ และขอ้ มลู ที่ถกู จดั เก็บในส่อื ตา่ งๆ Software ในส่วนน้เี รยี กว่า Database Management System (DBMS) นน่ั คอื ความต้องการใช้ข้อมูลจากผใู้ ชจ้ ะถกู จัดการโดย DBMS เพอื่ ทจี่ ะทานในลักษณะต่างๆ ไม่ว่าจะเปน็ การเรยี กใช้ขอ้ มูลการจัดทารายานและการปรบั เปลี่ยนหรอื แก้ไขในรปู แบบตา่ งๆแนวคดิ การออกแบบฐานข้อมูล (Database Approach) ระบบฐานขอ้ มูลจะมีแนวคดิ ในการจัดการกับตัวข้อมูลโดยตรง นนี่ คอื ความพรอ้ มของข้อมูลที่จะถกู เรียกใชไ้ ด้ทันทีทต่ี อ้ งการ นอกจากน้ีแลว้ ข้อมลู ในระบบจะถูกใช้ร่วมกัน (Shared Data) โดยผใู้ ช้แต่ละคนจะมองเห็นระบบฐานข้อมูล ทแ่ี ตกต่างกันตามลกั ษณะการทางานทไ่ี ด้ถูกกาหนดไวโ้ ดยผอู้ อกแบบระบบผลกระทบของการประมวลผลดว้ ยระบบฐานข้อมลู

-3-ข้อดขี องการประมวลผลดว้ ยระบบฐานข้อมูล  ลดความซ้าซ้อนของข้อมลู (Minimal Data Redundancy) การจัดเกบ็ ขอ้ มลู ในลักษณะเปน็ แฟ้มขอ้ มูล อาจทาให้ข้อมลู ประเภทเดียวกันถูกเกบ็ ไวห้ ลายๆ แห่ง ทาใหเ้ กิดความซา้ ซ้อนของ ข้อมลู ขึ้นได้ ดังนั้นการนาขอ้ มูลรวมมาเกบ็ ไว้ในระบบฐานขอ้ มลุ จะช่วยลดปัญหาความซา้ ซ้อน ของขอ้ มลู ได้  หลกี เลยี่ งความขดั แย้งของขอ้ มูลได้ (Consistency of Data) การจัดเกบ็ ข้อมูลในลษั ณะเป็น แฟ้มข้อมูล โดยท่ีข้อมลู เปน็ เรอื่ งดยี วกนั อาจมีอยใู่ นหลายแฟ้ม ซงึ่ กอ่ ใหเ้ กิดความขดั แยง้ ของขอม้ ูลขน้ึ ได้ ท้งั น้ีอาจเนื่องมาจากการแก้ไขขอ้ มูลทแ่ี ฟม้ แหง่ หนึ่ง แต่มิไดแ้ ก้ไขข้อมูลเรอื่ ง เดยี วกันที่อยใู่ นไฟล์อืน่ ๆ ทาให้ขอ้ มูลนน้ั ๆ แตกตา่ งกันได้  จากดั ความผิดพลาดในการปอ้ นขอ้ มูลใหน้ อ้ ยทีส่ ดุ (Data Integrity) บางคร้งั ความผิดพลาด ของข้อมูล อาจเกดิ ขน้ึ จากการป้อนขอ้ มูลท่ไี มถ่ ูกต้องเข้าส่รู ะบบดังนั้นในระบบจดั การ ฐานข้อมูล จึงจาเป็นทีจ่ ะต้องกาหนดกฏเกณฑ์ในการรับขอ้ มลู จากการปัอนของผู้ใช้ เพ่อื รักษา ความถูกตอ้ งของขอ้ มลู ใหม้ ากทส่ี ุดเท่าทจี่ ะทาได้  สามารถใช้ขอ้ มลู รว่ มกันได้ (Sharing of Data) เนือ่ งจากระบบฐานข้อมลู เปน็ การจดั เก็บขอ้ มลู ไวใ้ นท่เี ดยี วกัน เมอื่ ผูใ้ ชต้ อ้ งการเรยี กใชข้ ้อมูลจากแฟ้มข้อมูลทีแ่ ตกต่างกัน กจ็ ะสามารถทาได้ โดยงา่ ย  สามารถกาหนดความเปน็ มาตรฐานเดยี วกนั ได้ (Enforcement of Standard) การเกบ็ ขอ้ มลู ไว้ดว้ ยกนั จะสามารถกาหนด และควบคมุ ความมมี าตรฐานของขอ้ มูลให้เปน็ ไปในทิศทาง เดยี วกันได้ ดงั น้นั จึงทาใหร้ ะบบเกิดความเช่อื มั่นมากยิ่งข้ึน  สามารถกาหนดระบบความปลอดภยั ของข้อมลู ได้ (Security and Privacy Control) เนือ่ งจากระบบจะทาการกาหนดระดบั ของผใู้ ชแ้ ตล่ ะคน ตามลาดับความสาคัญของผ้ใู ชด้ ังน้นั จงึ สามารถท่ีจะควบคมุ และดูแลความปลอดภัยของขอ้ มลู ภายในระบบได้ดียิง่ ขนึ้  ขอ้ มูลมคี วามเป็นอิสระ (Data Independence) ระบบฐานข้อมูลจะทาหนา้ ท่ีเป็นตวั เชอื่ มโยง กับโปรแกรมประยกุ ต์ ทท่ี างานกบั ข้อมลู โดยตรง การแกไ้ ขขอ้ มลู เช่น ตอ้ งการเปลีย่ น รหสั ไปรษณีย์จากเลข 4 หลัก เป็นเลข 5 หลกั ก็จะทาการแก้ไขขอ้ มลู ทีเ่ ป็นรหสั ไปรษณย๊ ์ เฉพาะโปรแกรมที่เรยี กใชร้ หัสไปรษณยี ์เท่านนั้ สว่ นโปรแกรมอน่ื จะเป็นอสิ ระต่อการ เปลย่ี นแปลงนี้

-4-ขอ้ เสยี ของการประมวลผลด้วยระบบฐานข้อมูล  ขั้นตอนการออกแบบดาเนนิ การและการบารุงรกั ษามตี ้นทุนทส่ี งู เนอ่ื งจากระบบตอ้ งใช้ ผเู้ ชยี่ วชาญเฉพาะในการออกแบบระบบ ไม่ว่าจะเปน็ ทางด้าน Hardware และ Software รวม ไปถึงราคาอุปกรณ์ท่ีใช้มรี าคาคอ่ นขา้ งสงู  ระบบมคี วามซับซอ้ นจาเปน็ ตอ้ งมีผดู้ ูแลระบบท่ีถกู ฝึกมาอยา่ งดี เพอ่ื รองรับสถานการณ์ท่ี ผดิ พลาดอนั อาจจะเกดิ ขึ้นได้  การเสย่ี งต่อการหยุดชะงกั ของระบบ เน่ืองจากข้อมูลอาจถกู จัดเก็บแบบรวมศนู ย์ (Centralized Database System) ความล้มเหลวของการทางานบางสว่ น อาจทาให้ระบบ ฐานขอ้ มูลโดยรวมหยดุ ชะงักการทางานได้

-5- บทท่ี 2 สถาปตั ยกรรมของระบบฐานข้อมูล (Database System Architecture) ระบบฐานข้อมูลถูกออกแบบมา เพอ่ื รองรับโครงสร้างข้อมูลทมี่ ผี ูใ้ ชห้ ลายคน ดงั นน้ั จงึ ต้องมกี ารแบ่งระดบั ของขอ้ มลู ออกเป็นหลายระดับ ทง้ั นเี้ พอ่ื ให้เหมาะสมกบั ความตอ้ งการของผู้ใชแ้ ตล่ ะคน เชน่ผ้บู ริหาร ผูท้ ี่ทาหน้าท่ีดแู ละระบบ ผู้ใช้ท่ัวไป เปน็ ต้นการแบ่งระดับสถาปตั ยกรรมของฐานขอ้ มลู การแบง่ ระดับดงั กล่าวนีบ้ างคร้งั อาจจะเรียกรวมได้ว่า สถาปัตยกรรมของระบบฐานข้อมูลซง่ึ จะอาศยั ลักษณะในการมองภาพรวม (View) ของระบบ เพื่อจาแนกความแตกต่างออกได้เป็น 3 ระดับดังตอ่ ไปนี้ Internal Level เปน็ ระดับท่ใี ช้ในการเก็บข้อมลู จรงิ ไดแ้ ก่ สว่ นทท่ี าหน้าทใี่ นการจัดการเกบ็ข้อมูลของระบบซึ่งจะครอบคลุมไปถึงการกาหนดชนิดของข้อมูลทเี่ หมาะสม ตามโครงสร้างที่กาหนดนอกจากนง้ั รวมไปถึงการจัดการเกีย่ วกบั วธิ กี ารในการเขา้ ถึงขอ้ มูลแบบตา่ งๆ อกี ด้วย และในระดับของInternal Level นจ้ี ะกลา่ วถึงเฉพาะในสว่ นของการเข้าถงึ ขอ้ มลู ของระบบเทา่ นั้น ทัง้ นีเ้ น่ืองจาก

-6-ประสิทธิภาพในการทางานของระบบไม่ไดขึน้ อยกู่ บั การออกแบบโครงสรา้ ง ข้อมลู ท่ีเหมาะสมเพยี งอย่างเดียว แตข่ ึ้นอยกู่ ับวธิ กี ารในการเรียกใชข้ อ้ มูลเหลา่ นนั้ ด้วย ซ่ึงวิธกี ารที่ไดร้ ับความนยิ มในระบบฐานข้อมลู ทั่วๆไป ไดแ้ ก่ Index และ Hashing ซ่ึงทง้ั สองวธิ ีนไี้ ดน้ าเอาหลักการทางานของเซตในรปู แบบของ Search Table มาประยกุ ต์ในการทางาน Conceptual Level เปน็ การมองภาพรวมท่เี ก่ยี วข้องกับข้อมลู ทงั้ หมด ท่ีปรากฏอยู่ในฐานขอ้ มูลของระบบในเชิงการการออกแบบระบบฐายข้อมลู ต้ังแต่การกาหนดคา่ Entity ตา่ งๆโครงสร้างของขอ้ มลู ความสัมพนั ธ์ทเี่ กดิ ขึน้ ระหว่างขอ้ มลู นัน้ ๆ รวมไปถึงกฏเกณฑแ์ ละข้อจากดั ต่างๆของระบบ External Level เป็นระดบั ของขอ้ มูลทสี่ นองตอบตอ่ การใชง้ านของผู้ใชแ้ ตล่ ะคน ซ่งึ จะมีการมองภาพของข้อมลู ท่แี ตกตา่ งกนั ดังน้ันมมุ มองและวิธีการเข้าหาขอ้ มูลของผู้ใช้แต่ละคนกแ็ ตกต่างกันไปดว้ ย โดยท่วั ไปจะเปน็ เพยี งการใช้ขอม้ ลู กับฐานข้อมูลเป็นบางส่วน แล้วแต่ผู้ออกแบบระบบจะเปน็ ผู้กาหนดความรู้เบอื้ งตน้ เกีย่ วกบั เซตทใ่ี ช้ในการออกแบบฐานข้อมูล เซตในทางคณติ ศาสตรจ์ ะมจี ุดประสงค์ในการบ่งบอกถึงกลุ่มของสิ่งตา่ งๆ ทปี่ ระกอบดว้ ยสมาชกิ อยู่ภายในกลุ่มทีม่ ีคณุ สมบัตสิ องประการคือ 1. จะต้องไม่มสี มาชกิ ซ้ากนั อย่ภู ายในกลมุ่ เดียวกัน 2. การจัดเรียงลาดับของสมาชกิ ภายในกล่มุ จะไม่ถือเปน็ สาระสาคัญ นอกจากนแ้ี ล้วสมาชิกภายใน Set เดยี วกันสามารถที่จะมีข้อมูลต่างชนิดกนั ได้ (Data Type)โดยสมาชิกอาจมขี อ้ มูลท่ีมลี ักษณะเป็นตัวเลข ตัวอกั ษร หรอื รปู แบบอ่นื ๆ ท่ีผูใ้ ช้ทาการกาหนดไวร้ วมอยู่ภายใน Set เดียวกนั ได้ เชน่ S ( ( 1, apple, {red, white, blue}, 3.8, { }, ‘Z’} แตอ่ ย่างไรก็ตามในทางปฏิบตั ิ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ การเขยี นโปรแกรมทเี่ กี่ยวขอ้ งกัน Set จะกระทาไดย้ าก ดงั น้นั จึงจาเป็นต้องตง้ั ข้อจากัด Set ขนึ้ ใหม่ เพื่อให้การเขยี นโปรแกรมสามารถกระทาได้งา่ ยยง่ิ ข้นึ ขอ้ จากัดดังกล่าวจะไดแ้ ก่ 1. สมาชกิ ภายใน Set เดยี วกัน จะตอ้ งมีชนดิ ขอ้ มลู เหมอื นกัน ซึ่งเรียกว่า Base Type 2. Base Type ของเซตจะต้องมลี ักษณะเป็น Integer, Character หรอื ที่ผู้ใช้กาหนดเท่านน้ั ส่วนเซตท่ีมีลักณะเป็น Array, Structure หรือเซตอ่ืนๆ ไม่สามารถนามาใชไ้ ด้

-7- 3. จานวนสมาชิกภายในเชต ถูกจากดั โดยข้ึนอยูก่ บั สถาปตั ยกรรมของหนว่ ยความจาซงึ่ มีผล ทาใหข้ นาดของ Set ทม่ี ีจานวนมากที่สดุ จะต้องมีจานวนเท่ากบั เลขยกกาลังสอง เช่น 16, 32, 64 หรือ 256 เปน็ ต้น จากนิยามใหม่ทีก่ าหนดโดยโปรแกรมเมอร์ แตกต่างจากนยิ ามทางคณติ ศาสตร์อยา่ งเห็นไดช้ ดัตวั อยา่ งเชน่ S1 ( {1, 7, 13, -8, 105, 99} S2 ( {7, 99, 13, -8, 105, 1} เซตทั้งสองกลุ่มน้ีสามารถนาไปใชไ้ ด้ เนื่องจากมี Base Type ทเ่ี ป็นแบบเดยี วกัน แตจ่ ากนิยามหลักเซตท้งั สองกลุม่ จะมีคุณสมบัติเหมือนกัน เนอ่ื งจากการจดั เรยี งลาดับของสมาชิกภายในกล่มุ ไม่ถือเป็นสาระสาคญัSearch Table ในทางคณิตศาสตรแ์ นวความคิดในเรื่องการทางานของเซตเปน็ สงิ่ สาคญั มาก มกี ารศกึ ษาต่อมาจนกระทั่งเป็นรปู แบบทีช่ ัดเจน ที่เรียกวา่ Set Theory ในส่วนของการโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ การใช้วธิ ีการเก่ียวกบั เซตไมไ่ ด้รบั ความนยิ มเทา่ ใดนกั ท้ังนเ้ี น่ืองจากมขี อ้ จากัดดงั ท่ีไดก้ ล่าวมาแล้ว แต่อย่างไรก็ตามความร้เู กย่ี วกบั เซตไดถ้ กู นามาประยุกตใ์ นการสรา้ งโครงสรา้ งข้อมลู แบบใหม่ที่เรยี กว่า Searchtable ซึ่งได้รบั ความนิยมมากโดยมีรายละเอียดดังตอ่ ไปนี้ การกาหนดค่าจะเรียกวา่ 2 Tuple โดยแทนด้วยสญั ลักษณ์ (Ki, Vi) โดย K ถูกเรียกว่า KeyField และ V ถกู เรียกวา่ Value Field ซ่ึงสามารถเขียนโดยใชล้ ักษณะการเขียนแบบเดียวกับเซตได้ดงั นี้ S ( { (K0, V0), (K1, V1), ….. ,(Kn, Vn) } การทางานของ Search Table ได้แก่การสรา้ งตาราง (Create) การเพิม่ ข้อมูลเขา้ สูต่ าราง(Insert) การลบข้อมูลออกจากตาราง (Delete) และการกาหนดตาแหนง่ ของตาราง (Member)

-8-นิยามพื้นฐานในระบบฐานขอ้ มูล (Basic Definition) Database มคี ณุ ลักษณะ 2 ประการ คือ ประการแรกจะต้องเป็นกลมุ่ ของข้อมูลทีร่ วมเป็นหน่ึงเดยี ว (Integrated) และข้อมลู นจี้ ะถกู ผใู้ ช้สามารถเรียกใช้รว่ มกนั ได้ (Share) Data คือความเป็นจริง (Fact) ทีเ่ ก่ียวข้องกบั บุคคล สถานท่ี เหตกุ ารณ์ หรอื ส่ิงของต่างๆ ซ่ึงสามารถนับจานวนได้Information คอื ข้อมูลท่ถี กู จดั รวบรวมใหอ้ ยใู่ นรปู ท่สี ามารถจะนาไปใประกอบการตัดสนิ ใจอยา่ งใดอย่างหนง่ึ ได้ Entity คอื ส่ิงใดสิง่ หนง่ึ ไดแ้ ก่ ชอ่ื ของบคุ คล สถานท่ี สอง่ ของ หรอื การกระทาท่ีต้องการจดั เก็บขอ้ มูลนั้นไว้ Entity ทีใ่ ช้สาหรับแสดงความสัมพนั ธ์กัน ระหวา่ งขอ้ มูลในระบบ เช่น Employee,Student, Teacher เปน็ ต้น สญั ลกั ษณท์ ใ่ี ชเ้ ขียนแทน Entity ไดแ้ ก่ รูปสเ่ี หลี่ยมผนื ผ้า Attribute คือรายละเอยี ดของขอ้ มูลใน Entity หนง่ึ ๆ ทีใ่ ชแ้ สดงลักษณะและคณุ สมบัตขิ องEntity ทถี่ ูกอา้ งถึง เชน่ Attribute ของ Student ไดแ้ ก่ เลขประจาตัว, ชั้น หรอื แผนกท่ีสังกัด เป็นตน้ค่า Attribute คือค่าทเี่ กบ็ อยภู่ ายใน Entity นนั่ เอง สญั ลกั ษณ์ทใ่ี ช้เขียนแทน ได้แก่ รปู วงรี Entity Set คือ Entity หลายๆ ตัวที่มีค่า Attribute เหมือนกัน และสามารถนามารวมกนั ในรปู ของ Table เพอ่ื สะดวกในการเขา้ ถงึ ข้อมลู กล่มุ ดัลกลา่ ว เชน่ Entity Set ของ Student เป็นตน้ Field คือสง่ิ ทเี่ กดิ จากการรวมตัวของข้อมูลที่เลก็ ท่ีสุดภายในคอมพิวเตอรท์ ่เี รยี กว่า บติ (Bit)นามาประกอบกันจะไดข้ อ้ มลู ทร่ี ยี กวา่ ไบต์ (byte) หรือตวั อกั ขระ (Character) หากนาอกั ชระมาประกอบกนั เปน็ กล่มุ ก็จะได้ข้อมลู ท่ีขยายตวั ออกเปน็ รูปแบบใหม่ๆ ท่ีเรยี กว่า Field และอาจกลา่ วได้วา่ ส่วนของ Field กจ็ ะได้แก่แอททริบิวต์ File คอื กรานา Record ชนดิ เดยี วกัน ที่ถูกนามารวมกันเปน็ หมวดหมู่ ข้อมลู ท่ีอยู่ภายในไฟล์จะสามารถมองไดเ้ ปน็ อาเรย์ 2 มติ ิ น่นั คือ ในรปู ของแถวซงึ่ แสดงถงึ จานวน Record และ Column ซึ่งแทนค่าของ Attribute แตล่ ะตัว Association คือสญั ลกั ษณ์แสดงความสมั พันธ์ (Relationships) กันระหว่าง Entity ซ่ึงจะเกิดขน้ึ ได้กบั Entity ตั้งแต่สองตัวขึน้ ไป

-9-ตัวอยา่ งโครงสร้างของขอ้ มลูชนิดของข้อมูลตัวหนังสอื (character)  ตัวหนังสอื แบบความยาวคงที่ (fixed-length character) - char (n) ตวั หนังสือประเภทนีจ้ ะมี การจองเนอื้ ที่ตามความยาวท่คี งทีต่ ามท่ีกาหนดไว้ เกบ็ ความยาวของข้อมูลไดม้ ากที่สุดได้ 255 ตัวอักษร  ตัวหนังสอื แบบความยาวไม่คงท่ี (variable-length character) - varchar (n) แทนประเภท ของขอ้ มูลท่ีเป็นตวั หนงั สือใดๆท่ีมีความยาวของขอ้ มูลไม่คงที่ ตัวหนงั สือประเภทนจ้ี ะมกี ารจอง เนือ้ ทต่ี ามความยาวของขอ้ มูล เกบ็ ความยาวของข้อมูลได้มากที่สุดได้ 4000 ตวั อกั ษรตวั เลข( numeric)  จานวนเลขทม่ี ีจุดทศนยิ ม (decimal) - decimal(m,n) เปน็ ประเภทข้อมูลท่ีเป็นจานวนเลขทีม่ ี จดุ ทศนยิ มโดย m คอื จานวนตัวเลขทงั้ หมด (รวมจดุ ทศนิยม) และ n คือจานวนตัวเลขหลงั จุด ทศนยิ ม

- 10 -  จานวนเลขทไี่ ม่มีจดุ ทศนยิ มในภาษา SQL - int หรอื integer เป็นเลขจานวนเตม็ บวกหรอื ลบ ขนาดใหญ่ เป็นตวั เลข 10 หลัก ทีม่ ีค่าตงั้ แต่ –2,147,483,648 ถงึ +2,147,483,647 - smallint เป็นประเภทขอ้ มลู ท่ีเป็นเลขจานวนเต็มบวกหรอื ลบขนาดเล็ก เป็นตวั เลข 5 หลัก ท่ี มีคา่ ตง้ั แต่ – 32,768 ถงึ + 32,767  เลขจานวนจริง ในภาษา SQL อาจใช้ number(n)แทนจานวนเลขท่ีไม่มีจดุ ทศนยิ มและจานวน เลขท่มี จี ดุ ทศนยิ มข้อมูลในลักษณะอน่ื ๆ  วนั ที่และเวลา (Date/Time) เปน็ ชนดิ วนั ทหี่ รือเวลาในภาษา SQL จะใช้ date เปน็ ขอ้ มลู วันที่ ซ่งึ จะมหี ลายรูปแบบใหเ้ ลอื กใช้ เช่น yyyy-mm-dd (1999-10-31) dd.mm.yyyy(31. 10.1999) หรอื dd/mm/yyyy (31/10/1999)ประเภทของความสมั พันธ์ (Type of Entity Association) ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง Entity สามารถเขยี นเทนได้ดว้ ย สัญลกั ษณห์ ัวลกู ศร แบ่งชนดิ ของความสมั พันธอ์ อกไดเ้ ป็น 3 ลกั ษณะดงั ต่อไปน้ีความสมั พนั ธแ์ บบหนึ่งตอ่ หน่งึ (One to One Relationships) หมายถึง ในชว่ งเวลาท่ีกาหนด คา่ ของ Entity A มีความสมั พนั ธ์กับค่าของ Entity B เพียงค่าเดียวเท่าน้นั นัน่ คอื หากทราบคา่ ของ Entity A ก็สามารถหาค่าของ Entity B ได้ดว้ ยคอื ในกรณขี องพนกั งานจาก Entity A อ้างอิงถงึ ทอ่ี ยู่ใน Entity B ไดเ้ พยี งคา่ เดยี วเทา่ น้ัน

- 11 -ตัวอยา่ งความสัมพันธแ์ บบหนึ่งต่อกลุ่ม (One to Many Relationships) คอื ความสัมพันธแ์ บบหน่งึ ต่อหลาย ค่าของ Entity A จะมคี วามสมั พันธ์กับคา่ ของ Entity B ได้มากกว่า 1 คา่ เชน่ พนกั งาน 1 คนสามารถขอใช้รถยนต์ ไดห้ ลายคัน

- 12 -ตัวอยา่ งความสมั พนั ธแ์ บบกลมุ่ ต่อกลุ่ม (Many to Many Relationships) คอื ความสัมพันธ์แบบหลายต่อหลาย ค่าใน Entity A สามารถมคี วามสมั พันธก์ บั Entity B ได้มากกว่า 1 ค่า เชน่ พนกั งาน 1 คนสามารถทาโครงการไดห้ ลายโครงการ และแตล่ ะโครงการสามารถมีพนกั งานจดั ทาได้มากกวา่ 1 คน

- 13 -ตัวอยา่ งสัญลักณข์ องความสัมพนั ธ์ จากภาพเป็นรูปแบบของสัญลักษณท์ ใี่ ชเ้ ขียนแทนรูแบบความสัมพนั ธแ์ บบตา่ งๆ โดยสามารถเขยี นตามความสมั พันธ์ของ Entity แตล่ ะ Entity

- 14 -Entity-Relationship Model ในการออกแบบฐานข้อมูลข้ึนใชง้ านในระบบสารสนเทศใดๆ จะต้องอาศัย Data Model เพื่อนาเสนอรายละเอยี ดตา่ งๆ ทีเ่ ก่ียวขอ้ งกบั การออกแบบ เน่ืองจาก Data Model เป็นแบบจาลองทม่ี ีรปู แบบในการนาเสนอรายละเอียดต่างๆ ทเี่ กี่ยวขอ้ งกับฐานขอ้ มลู ทเ่ี ป็นมาตรฐาน สาหรับ DataModel ทนี่ ยิ มใช้ ได้แก่ E-R Model เนอื่ งจากเป็นแบบจาลองทีม่ รี ูปภาพทใี่ ชแ้ ทนโครงสรา้ งทางดา้ นAbstraction ได้ดี ซึ่งแบบจาลอง E-R ซึง่ แสดงใหเ้ หน็ ถึงความสัมพนั ธร์ ะหวา่ ง Entityจากภาพ E-R Model สามารถเขยี นได้ในลักษณะ 2 ลักษณะ คือแบบ Chen Model และแบบCrow’s Foot Model ซึง่ มกี ารเขยี นที่มีลกั ษณะที่แตกต่างกันคณุ สมบตั ิของ Data Model ทด่ี ี 1. Expressiveness อธิบายโครงสร้างของข้อมลู ไดเ้ ปน็ อยา่ งดีและครบถ้วน 2. Simplicity งายตอ่ การเขา้ ใจ 3. Minimality มีความชดั เจนและไมส่ ามารถตีความเปน็ อยา่ งอ่ืน 4. Formality ไมซ่ า้ ซอ้ น และมีรปู แบบทเ่ี ปน็ มาตรฐาน

- 15 -ข้ันตอนการเขียน E-R Diagram 1. เขยี นรายละเอียดเกีย่ วกบั กระบวนการทางานขององคก์ ร 2. บอกไดว้ า่ กฏของธรุ กิจ ในการทางานมอี ะไรบา้ ง 3. บอกได้วา่ อะไร คอื entity หลกั และความสัมพนั ธข์ องกฏของธรุ กจิ 4. เริม่ ต้นพัฒนา ERD 5. บอกถงึ attribute และ PK ในแต่ละ entity 6. ตรวจสอบ ERD อีกรอบ

- 16 -บทท่ี 3 ภาษาสอบถามข้อมลู แบบโครงสรา้ งเบื้องต้น (Structured Query Language) ภาษา SQL (Structured Query Language) เป็นภาษาท่ีใช้ในการทางานเกีย่ วข้องกับตารางไมว่ า่ จะเปน็ การสร้าง ตลอดจนปรบั ปรงุ รูปแบบต่างๆ โดยใช้ภาษา SQL ซ่ึงเป็นภาษาท่ีไดร้ ับความนยิ มสาหรบั ใช้ในการจัดการจดั การฐานขอ้ มูล โดยไดม้ กี ารเรม่ิ พฒั นาครง้ั แรกโดยบรษิ ัท IBM ในปี 1970จนกระทั่งปี 1968 American National Standards Institute (ANSI) เปน็ สานกั งานมาตรฐานของอเมรกิ า ได้ทาการกาหนดมาตรฐานของภาษา SQL ข้นึ โดยแบ่งออกเป็น 3 ประเภทได้แก่ DDL DMLและ DCLภาษาสาหรบั การนิยามขอ้ มลู (Data Definition Language : DDL) ประกอบดว้ ยคาส่ังท่ใี ชใ้ นการสร้างตารางด้วยการกาหนดโครงสรา้ งขอ้ มลู วา่ ประกอบดว้ ยฟิลด์อะไรบา้ งและข้อมลู ทีจ่ ัดเก็บเป็นขอ้ มูลประเภทใด รวมถงึ การปรับเปล่ยี นโครงสรา้ งของตาราง การกาหนดดชั นี และการสรา้ งววิ หรอื ตารางเสมอื นของผใู้ ช้ เป็นตน้ภาษาสาหรับการจดั การขอ้ มูล (Data Manipulation Language : DML) ประกอบดว้ ยคาสงั่ ทีใ่ ชใ้ นการเรียกใช้ขอ้ มูล การเปลีย่ นแปลงข้อมลู การเพิม่ หรือลบขอ้ มลู เป็นตน้ภาษาสาหรับการควบคมุ (Data Control Language : DCL) ประกอบดว้ ยคาส่ังท่ีใช้ในการควบคุม การเกิดภาวะพรอ้ มกัน หรอื การปอ้ งกันการเกิดเหตุการณ์ทีผ่ ใู้ ช้หลายคนเรยี กใชข้ อ้ มูลพร้อมกัน และคาส่ังท่ีเก่ยี วข้องกับการควบคมุ ความปลอดภยั ของข้อมูลด้วยการกาหนดสทิ ธขิ องผู้ใชท้ ี่แตกต่างกนัการสร้างตาราง ใช้คาสง่ั CREATE TABLE ซึ่งเป็นคาสัง่ ที่ใชใ้ นการสรา้ งตาราง ด้วยการกาหนดช่ือตาราง ฟิลด์ท้ังหมดของตารางและชนิดของข้อมลู ของแต่ละฟิลด์ รปู แบบCREATE TABLE <ชอื่ ตาราง>( ฟิลด์ 1 ชนดิ ข้อมลู [ ข้อจากัด ], ฟลิ ด์ 2 ชนดิ ขอ้ มูล [ ขอ้ จากัด ], ... );

- 17 -ผลของคาสั่งการสรา้ งตารางจะได้ตารางท่ยี ังไม่มขี ้อมลู ใดๆ เปน็ เพียงแตโ่ ครงของตารางเทา่ น้นั[ข้อจากัด] สามารถเขียนได้ดงั น้ี  การกาหนดไมใ่ หค้ า่ ภายในฟลิ ด์เปน็ ค่าวา่ ง ใช้คาสงั่ NOT NULL  การกาหนดไม่ใหค้ า่ ภายในฟลิ ดม์ คี า่ ซ้ากัน ใช้คาสงั่ UNIQUE  การกาหนดคียห์ ลกั (primary key) สามารถกาหนดได้ 2 วิธคี อื  PRIMARY KEY(ฟลิ ด์ 1, ฟลิ ด์ 2, ...)  การกาหนดคียน์ อก (foreign key ) ใช้คาสง่ั REFERENCES ต่อท้ายประเภทและขนาดของ ฟลิ ดท์ ่เี ป็นคยี น์ อกลบตาราง ใช้คาส่งั DROP TABLE ตามดว้ ยชื่อตารางทตี่ อ้ งการลบท้งิ รูปแบบDROP TABLE <ชอื่ ตาราง>;การเพิ่มข้อมูลในตาราง ใชค้ าส่ัง INSERT INTO ตามด้วยช่อื ตารางและคา่ ทใี่ สล่ งในตาราง ถ้าใส่ขอ้ มลู สาหรับทุกฟลิ ด์ไมจ่ าเป็นต้องระบุชอื่ ฟลิ ด์ แต่ขอ้ มลู ที่ใส่จะตอ้ งเรยี งลาดับตามเคา้ ร่างของตารางรูปแบบ INSERT INTO <ชอื่ ตาราง> (ชอื่ ฟลิ ด์ 1, ชอื่ ฟลิ ด์ 2,…)VALUEs (ค่า 1, ค่า 2, …);การปรับปรุงขอ้ มูล การปรบั ปรุงหรอื แกไ้ ขคา่ ในฟลิ ด์สาหรบั ทกุ ระเบียนหรือตามเง่อื นไขทีก่ าหนด รปู แบบUPDATE <ชอ่ื ตาราง> SET <ชอื่ ฟิลด=์ <ค่าWHERE เง่อื นไขการลบขอ้ มลู การลบขอ้ มลู ทัง้ หมดในตารางหรือตามเงอื่ นไขทก่ี าหนด เมื่อใชค้ าส่งั นีจ้ ะเปน็ การลบเฉพาะข้อมูล แตโ่ ครงสร้างของตารางยังคงอยู่รูปแบบ DELETE FROM <ชอ่ื ตาราง> [ WHERE <เงอ่ื นไข>];

- 18 -การเรียกดูขอ้ มลู การสอบถามข้อมลู หรือ “Query” โดยการนาข้อมูลจากฐานข้อมลู มาแสดงออกทางจอภาพโดยใชค้ าสั่ง SELECT เพอ่ื แสดงขอ้ มูลทั้งหมดหรอื ตามเงื่อนไขท่ีกาหนด  การเรยี กดูทุกฟลิ ดใ์ นตาราง  การเรยี กดเู ฉพาะฟิลด์ใดๆในตารางและการเปลีย่ นลาดบั ของฟิลด์  การเรียกดูขอ้ มลู โดยใหแ้ สดงเฉพาะคา่ ทไี่ ม่ซ้ากันการเรยี กดทู ุกฟิลดใ์ นตาราง รปู แบบSELECT * FROM <ชอ่ื ตาราง>;การเรียกดเู ฉพาะฟิลดใ์ ดๆในตารางและการเปลย่ี นลาดบั ของฟลิ ด์ รปู แบบSELECT <ฟิลด์ 1, ฟิลด์ 2,…> FROM <ชื่อตาราง>;การเรียกดูขอ้ มลู โดยให้แสดงเฉพาะค่าทีไ่ ม่ซ้ากัน รูปแบบSELECT DISTINCT <ฟลิ ด์ 1, ฟลิ ด์ 2,…> FROM <ชื่อตาราง>;โอเปอเรเตอร์ (Operators) การเรียกดูข้อมูลอย่างมีเงอ่ื นไขโดยใชค้ าสง่ั SELECT ตามหลักของภาษา SQL โดยกาหนดไว้หลังคาสั่ง WHERE แบ่งออกเปน็ 4 ประเภท  โอเปอเรเตอรค์ ณติ ศาสตร์ (Arithmetic Operators) ประกอบด้วย + - * / % (modulo)  โอเปอเรเตอรเ์ ปรยี บเทยี บ (Comparison Operators) ประกอบด้วย = < > <= >=  โอเปอเรเตอรอ์ ักขระ (Character Operators) ประกอบด้วยโอเปอเรเตอร์ LIKE ซึ่งเปน็ การคน้ หาข้อมูลของฟลิ ดท์ ี่เก็บขอ้ มลู ประเภทตวั อักษรสาหรับกรณีที่ไม่ทราบคา่ ขอ้ มูลท้ังหมดทจี่ ะคนั หา หรือรู้เพยี งบางตวั อกั ษรเท่าน้ัน โดยจะใชส้ ัญลกั ษณท์ ่ีเปน็ ตัวคน้ หาช่วยในการค้นหาข้อมลู ท่เี รียกว่า ไวล์ดการ์ด (Wild Card) ประกอบดว้ ย o สัญลักษณ์ % ใชแ้ ทนจานวนอักษรไดห้ ลายตวั o สญั ลักษณ์ _ ใชแ้ ทนจานวนที่ไม่ทราบคา่ 1 ตวั  โอเปอเรเตอรต์ รรกะ (Logical Operators) o โอเปอเรเตอรท์ ใ่ี ชใ้ นการเช่อื มคา่

- 19 - o คา่ หรือแสดงคา่ ตรงข้ามประกอบดว้ ย AND OR และ NOT 2) IN กาหนดเซตของส่งิ ท่ี ต้องการค้นหา โดยการกาหนดชอ่ื ของสมาชกิ เซตลงไปในวงเล็บคน่ั ด้วยคอมม่า o BETWEEN…AND… เปน็ การกาหนดค่าที่อยู่ระหวา่ งค่าสองค่าAggregate Function ภาษา SQL ยังมีฟังกช์ ันใหเ้ รียกใชไ้ ด้โดยมีฟงั ก์ชันท่ีเตรียมขึ้นใหม้ าใช้งานเพอื่ ใชร่ ว่ มกับคาสง่ัSelect เพ่อื ให้สามารถทางานได้ดียง่ิ ขึ้น ไดแ้ ก่  Count จานวนคา่ ท้ังหมดในหนึง่ คอลัมน์  SUM ผลรวมของคา่ ท้ังหมดในหนึ่งคอลัมน์  AVG ค่าเฉล่ียของค่าท้ังหมดในหนึง่ คอลมั น์  MAX คา่ สงู สุดในคอลมั น์  MIN ค่านอ้ ยสดุ ในคอลัมน์

- 20 - บทที่ 4 การออกแบบฐานขอ้ มลู ในกระบวนการออกแบบฐานข้อมูลมีข้นั ตอนในการออกแบบฐานข้อมูลโดยมีการแบ่งออกเปน็ข้นั ตอนได้ดังต่อไปนี้จากภาพสามารถแบง่ ออกเป็น 6 ขนั้ ตอนไดแ้ ก่Database Initial Study  เปน็ ข้ันตอนแรกในการพฒั นาระบบฐานข้อมลู  ตอ้ งทาการวิเคราะหค์ วามต้องการของผู้ใช้  กาหนดจดุ ม่งุ หมาย ปญั หา ขอบเขต และกฏระเบียบตา่ งๆ  เพอื่ เปน็ แนวทางในการออกแบบฐานขอ้ มลู ในขน้ั ต่อไปDatabase Design  นารายละเอียดตา่ งๆ การการวิเคราะห์ในข้ันตอนแรก มาเป็นแนวทางในการออกแบบ ฐานข้อมูล  แนวทางทีน่ ิยมใช้ ได้แก่  Data-Driven  Joint Data-and-Function-Driven

- 21 -Implementation and Loading  นาโครงร่างต่างๆ ของระบบฐานข้อมูลท่ีไดจ้ าการออกแบบ (Database Design) มาสรา้ งเปน็ ตัวฐานขอ้ มูลทีใ่ ชเ้ กบ็ ข้อมลู จริง  แปลงขอ้ มลู ของระบบงานเดมิ ให้สามารถนามาใช้งานในระบบฐานข้อมูลทพี่ ฒั นาขึ้นใหม่Testing and Evaluation  ขน้ั ตอนของการทดสอบระบบฐานข้อมูลทพ่ี ฒั นาขน้ึ เพื่อหาข้อผิดพลาดต่างๆ  ประเมนิ ความสามารถของระบบฐานขอ้ มูลเพือ่ เปน็ แนวทางในการปรบั ปรุงให้ระบบฐานข้อมลู ทีพ่ ฒั นาขน้ึ สามารถรองรบั ความต้องการของผู้ใชด้ ้านต่างๆ ได้อย่างถูกตอ้ งและครบถว้ นOperation  เป็นขั้นตอนทีน่ าเอาระบบฐานขอ้ มลู ท่ีพฒั นาขนึ้ เสรจ็ เรียบรอ้ ย ไปใชง้ านจรงิMaintenance and Evolution  เกิดในระหวา่ งการใช้ฐานข้อมูลจริง  เพอ่ื บารุงรกั ษาใหร้ ะบบฐานข้อมูลทางานได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ  ข้ันตอนแก้ไข และปรับปรุงระบบฐานข้อมูลโดยจากตวั อย่างไดน้ ากรณศี กึ ษาของกการออกแบบฐานข้อมลู อย่างงา่ ยมาให้ทาการทดลองสรา้ งและใช้งานกบั ฐานขอ้ มลู Access 2010 ได้ โดยมีกรณีศึกษาดังน้ีกรณศี กึ ษา โรงเรยี นแห่งหน่งึ เปดิ สอนนักเรยี นหลายระดับช้นั หลายสาขาวชิ า จึงมีหนังสือตาราเรียนมากมายให้นักเรียนสามารถใช้ได้ แต่บอ่ ยครั้งท่ีนกั เรนี ยต้องการหนงั สือแต่ไมแ่ น่ใจว่าตรงกบั ระดบั ช้นัและวิชาท่ีเรียนหรอื หรือไม่ หรือผู้สนใจต้องการทราบรายละเอียดของตาราเรยี นแต่ละเลม่ ดงั น้ันจึงค่อนขา้ งมปี ญั หาสาหรบั ผู้ดแู ลทตี่ ้องคน้ รายละเอียดตา่ งๆ ทผ่ี ู้ใชต้ ้องการสผ่ ลให้ไม่สามารถให้ขอ้ มลู กบั ผู้มาตดิ ตอ่ ไดอ้ ย่างรวดเรว็ ดงั้ นน้ั ทางโรงเรียนจงตอ้ งการสร้างฐานขอ้ มูล เพอื่ เกบ็ รายละเอียดหนงั สอืตาราเรียน ท่ีใช้สอนในโรงเรียนเพอ่ื แกป้ ัญหาต่างๆ ทีเ่ กดิ ขึน้ เชน่ ตอ้ งการหาหนังสือเรยี นท่ตี รงกับวชิ าที่เรียน ต้องการทราบชนดิ ของหนงั สือ ต้องการทราบชอ่ื ผู้แต่งหนงั สือ หนังสือเรียนเลม่ ไหนใชส้ อนในระดบั ชนั้ ใด เปน็ ต้น

- 22 -วิเคราะหแ์ ละรวบรวมข้อมูล หลงั จากที่ทราบถงึ ปัญหาแล้ว ให้ทากวเิ คราะห์และรวบรวมข้อมูลทเ่ี กยี่ วข้องจากปญั หาที่เกดิ ข้ึนดงั น้ี  ตอ้ งการหาหนงั สอื เรียนทต่ี รงกบั รายวิชาท่เี รยี น ดงั นัน้ ขอ้ มลู ท่ีเกี่ยวขอ้ งคอื ช่อื หนังสอื ชอื่ รายวชิ า  ตอ้ งการทราบชนดิ ของหนงั สอื ดงั น้ันขอม้ ูลที่เกยี่ วขอ้ งคือ ชื่อหนังสอื ชนิดหรอื ประเภทหนงั สอื  ตอ้ งการทราบช่ือผูแ้ ต่งหนังสือ ดังนข้ี ้อมลู ท่ีเกยี่ วข้องคอื ชือ่ หนงั สอื ชื่อผูแ้ ต่ง  ตอ้ งการทราบหนงั สือเรยี นเลม่ ไหนใชส้ อนในระดบั ช้นั ใดบ้าง ดงั นั้นข้อมูลทเ่ี ก่ียวขอ้ งคือ ช่อื หนงั สือ ระดับช้ัน รหัสวชิ า เม่ือทาการวเิ คราะหแ์ ละรวบรวมขอ้ มูลได้แล้ว ให้นาขอ้ มูลที่ไดไ้ ปใชใ้ นการออกแบบตาราง ตอ่ ไปการออกแบบโครงสร้างตาราง หลงั จากได้ขอ้ มลู เพือ่ ประกอบการสร้างตารางแลว้ รปู แบบของตาราง (Table) มรี ายละเอียดของตารางดงั น้ีตารางที่ 1 ชอ่ื TEXT_BOOK ตาราง TEXT_BOOK คือตารางหลักทใี่ ช้เกบ็ ข้อมูลเกี่ยวกับข่อื หนังสือหรือตาราและเอกสารทางวิชาการตา่ งๆ ซ่ึงประกอบด้วยรายละเอียดดงั น้ี ชือ่ ฟลิ ด์ คาอธบิ าย รหสั หนงั สือID_BOOK ชือ่ หนงั สือภาษาไทยBOOKNAME_T ชอ่ื หนงั สอื ภาษาอังกฤษ ชนดิBOOKNAME_E ช่อื ผแู้ ต่ง ระดับช้ันID_BOOKTYPE ชื่อวชิ าNAME_PERID_CLASSID_SUB

- 23 -ตาราง BOOK_TYPE ตาราง BOOK_TYPE คอื ตารางที่เกบ็ ขอ้ มลู เกย่ี วกบั ประเภทของหนงั สอื หรือตาราและเอกสารทางวิชาการตา่ งๆ ประกอบด้วยรายละเอียดดงั น้ี ชือ่ ฟลิ ด์ คาอธบิ าย รหสั ประเภทID_BOOKTYPETYPE ชอ่ื ประเภทหนังสอืตาราง PRIMARY_LEVELตาราง PRIMARY_LEVEL คอื ตารางที่ใช้เกบ็ ขอ้ มูลเกีย่ วกบั ระดับช้นั ตา่ งๆ ประกอบดว้ ยรายละเอยี ดดังน้ี ชือ่ ฟิลด์ คาอธบิ ายID_PRIMARY รหัสระดบั ช้ันPRIMARY_LEVEL ชอื่ ระดบั ชั้นN_PRIMARY ช่ือระดับช้ันแบบยอ่ หลงั จากทาการสร้างและปรับโครงสร้างของตารางกบั ฐานข้อมลู ท่ีต้องการแล้ว ขั้นตอนต่อไปเป็นการกาหนดรายละเอียดต่างๆ ของตารางให้สอดคล้องกบั การใช้งานต่อไปตารางท่ี TEXT_BOOK ชือ่ ฟิลด์ ชนดิ ขนาดเขต คาอธิบาย Primary Key ขอ้ มูล YESID_BOOK Text 4 รหัสหนังสือBOOKNAME_T Text 255 ชื่อหนงั สือภาษาไทยBOOKNAME_E Text 255 ชื่อหนังสอื ภาษาองั กฤษID_BOOKTYPE Text 1 ชนิดNAME_PER Text 100 ช่ือผแู้ ต่งID_CLASS Text 1 ระดับช้ันID_SUB Text 100 ชอ่ื วิชา

- 24 -ตาราง TEXT_BOOK มีฟลิ ด์ทีเ่ ป็น ID คือ ID_BOOK มีรายละเอยี ดดงั นี้รหสั ตวั ที่ 1, 2, 3 และ 4 คือ ลาดับ. ลาดบั , ลาดบั , ประเภทตาราง BOOK_TYPE ชื่อฟลิ ด์ ชนดิ ขนาดเขต คาอธิบาย Primary Key ขอ้ มูลID_BOOKTYPE Text รหสั ประเภท YESTYPE Text 2 ชอ่ื ประเภทหนังสอื 30 ตารางBOOK_TYPE มีฟิลดท์ ีเ่ ป็น ID คือ ID_BOOKTYPE มรี ายละเอยี ดดงั นี้0=ตาราเรียน1=เอกสารประกอบการสอน2=รายงานการวจิ ยั3=วิทยานิพนธ์4=หนงั สือทั่วไป5=-ตาราง PRIMARY_LEVEL ชื่อฟิลด์ ชนดิ ขนาดเขต คาอธิบาย Primary Key ขอ้ มูลID_PRIMARY Text 1 รหัสระดับชนั้ YESPRIMARY_LEVEL TextN_PRIMARY Text 50 ชอื่ ระดับช้นั 15 ชือ่ ระดับชั้นแบบย่อ ตาราง PRIMARY_LEVEL มีฟิลดท์ เ่ี ป็น ID คอื ID_PRIMARY มรี ายละเอียดดงั น้ี1=ประกาศนยี บัตรวิชาชีพ (ปวช.)2=ประกาศนียบัตรวชิ าชพี ชน้ั สงู (ปวส.)3=ประกาศนยี บตั รวิชาชพี ชน้ั สงู (ปวส.4 ป)ี4=ปรญิ ญาตรี5=ปรญิ ญาตรี (ป.ตรี 4 ป)ี

- 25 -6=ประกาศนียบตั รวชิ าชีพชน้ั สงู (ปวส.3 ป)ี7=ปรญิ ญาตรี (ป.ตรี 3 ป)ี

- 26 - บทที่ 5 เริม่ ต้นกับ Microsoft Access 2010แนะนา Microsoft Access เบือ้ งตน้ Microsoft Access เปน็ โปรแกรมฐานข้อมลู ทน่ี ยิ มใช้กันอยา่ งแพรห่ ลาย เองจาก Access เปน็โปรแกรมฐานขอ้ มลู ที่มคี วามสามารถในหลายๆ ดา้ น ใช้งานง่าย ซึ่งผูใ้ ชส้ ามารถเรม่ิ ทาไดต้ ัง้ แตก่ ารออกแบบฐานข้อมูล การจัดเกบ็ ข้อมูล เขยี นโปรแกรมควบคมุ ตลอดจนการทารายงานแสดงผลของขอ้ มูล ซ่ึงผูใ้ ชอ้ าจไมต่ อ้ งมีความเขา้ ใจในการเขยี นโปรแกรมกส็ ามารถใช้งานได้โดยท่ีไม่จาเปน็ ต้องศึกษารายละเอยี ดในการเขยี นโปรแกรมใหย้ ุ่งยาก และสาหรบั นกั พัฒนาโปรแกรมมืออาชีพน้ัน MicrosoftAccess นั้นยัตอบสอนงความต้องการในระดบั ท่ีสงู ขน้ึ ไปอีก เช่น การเช่ือมตอ่ กบั ฐานขอ้ มลู อื่นๆ เช่นSQL Server, Oracle หรอื การนาข้อมลู ออกสู่ระบบเครือข่ายอินเทอรเ์ นต็ กส็ ามารถทาได้โดยงา่ ยการเข้าสูโ่ ปรแกรม Microsoft Access 2010การเรียกใช้งานโปรแกรมสามารถทาได้ดงั นี้Click mouse ท่ีปุ่ม Start->All Program->Microsoft Office->Microsoft Access 2010

- 27 - เมอ่ื ทาการเลือกท่เี มนู Microsoft Access 2010 จะแสดงหน้าจอโปรแกรมดงั ภาพจากภาพเปน็ หน้าจอเร่ิมตน้ ของการเรมิ่ ใชง้ านโปรแกรมฐานข้อมลู Microsoft Access 2010 โดยมีสว่ นประกอบดังน้ี  ส่วนเมนู เป็นสว่ นทีใ่ ช้ในการเก็บคาส่ังต่างๆทใ่ี ช้ในการจดั การโปรแกรมฐานขอ้ มูล ซ่งึ เมื่อเขา้ มาในโปรแกรมเราสามารถเลอื กเปิดชนิ้ งานเดมิ จาก Open หรือ สรา้ งช้ินงานใหม่จากเมนู New  การสร้างช้ินงานให้ทาการเลอื กฐานข้อมลู เปล่า (Bank Database) หรือชน้ิ งานทต่ี อ้ งการจาก Template ทที่ าง Microsoft มใี ห้ แตถ่ ้าเลอื กชน้ิ งานเปลา่ ให้ทาการกาหนดชือ่ โดยสามารถ กาหนดได้ที่ File Name และทาการเลือกสถานทจ่ี ดั เก็บชน้ิ งานตามท่ีตอ้ งการ

- 28 -ทาการสรา้ งฐานขอ้ มลู เปลา่ ขึ้นมาใช้งาน 1. ไปที่เมนู New->Bank Database->File Name 2. พิมพ์ test ในชอ่ งข้อความ 3. เลือกสถานท่ใี นการจดั เกบ็ ฐานขอ้ มลู 4. เลือกปมุ่ Create หรอื สรา้ ง

- 29 - เมื่อทาการสรา้ งฐานขอ้ มลู เรยี บร้อยโปรแกรมจะแสดงหน้าจอดังภาพดา้ นลา่ ง จากภาพเม่อื ทาการสร้างฐานข้อมลู โปรแกรมจะแสดงหนา้ จอการสร้างตารางขนึ้ ให้โดยอัตโนมัติในการใช้งานฐานขอ้ มูล โดยโปรแกรมจะมีเมนูการทางานให้ดังนี้File Menu เมนูไฟล์ เปน็ เมนูทใ่ี ชใ้ นการจดั การข้อมลู เกีย่ วกับไฟลโ์ ปรแกรมฐานขอ้ มลู ท้ังหมด โดยเมนนู จี้ ะแบง่ ออกเป็น 2 สว่ น ไดแ้ ก่ สว่ นที่ 1 สว่ นเมนูคาสง่ั ใช้งานเก่ยี วกับไฟล์ ใช้ในการบันทึกฐานข้อมลู เปิดฐานข้อมูล ปดิ ฐานขอ้ มลู แสดงรายการท่เี คยเปดิ ฐานขอ้ มูล และสว่ นท่ี 2 คือเมนูการตัง้ ค่าไฟล์ ได้แก่Info, Recent, New Print, Save&Publish, Help, Option และ Exit แสดงดงั รปู

- 30 - เมนู Info เปน็ การบอกรายละเอยี ดของฐานข้อมูลที่ไดท้ าการสรา้ งโดยจะมใี ห้เลือกทางาน 2ลกั ษณะได้แกก่ ารตรวจสอบฐานขอ้ มูล และการระบุรหสั ผา่ นเขา้ ใช้งานฐานข้อมูลดงั ภาพด้านล่าง

- 31 - เมนู Recent เปน็ เมนทู แ่ี สดงชนิ้ งานหรอื ฐานขอ้ มลู ทไ่ี ดเ้ คยทาการสร้างไวใ้ นเคร่อื ง หรอื ทาการเปดิ ใชแ้ สดงให้ทราบ เมนู New หรือสรา้ งใหม่ เปน็ เมนทู ี่ใช้ในการสร้างชนิ้ งาน หรอื ฐานข้อมลู ใหมข่ ้นึ มาใช้งาน

- 32 - เมนู Print หรอื พมิ พ์ เป็นการพิมพ์ชิน้ งาน หรือฐานข้อมลู ทีไ่ ด้จัดทา เมนู Save & Publish เปน็ เมนูท่ใี ชใ้ นการบันทกึ เพื่อทาการเผยแพร่ ชนิ้ งาน หรอื ฐานข้อมูลให้อยูใ่ นรูปแบบตา่ งๆ

- 33 - เมนู Help เป็นเมนทู ี่แสดงการชว่ ยเหลอื การใชง้ านของ Microsoft Access เมนู Options เป็นเมนทู ีจ่ ะแสดงการตัง้ คา่ การใช้งานของฐานข้อมลู Microsoft Access โดยสามารถกาหนดค่าเบอื้ งตน้ การใชง้ านได้ที่น่ี หรอื ทาการ Install Add-in ทด่ี าวนโ์ หลดมาใชง้ านได้

- 34 - และเมนู Exit คือการออกจากชิ้นงาน หรอื ออกจากโปรแกรมทใ่ี ชง้ านอยใู่ นปัจจบุ ันเมนู Home เปน็ เมนูทีใ่ ชเ้ ก่ยี วกบั การจัดการข้อมูลของชนิ้ งานหรอื ฐานขอ้ มูลทท่ี าการสรา้ งโดยเมนนู ้จี ะจดั การเกี่ยวกับ การจดั การเกย่ี วกบั มุมมอง การจดั การคัดลอก วาง รปู แบบ ชนิ้ งาน การเรียงลาดบั และการกรองขอ้ มูล การบันทกึ ข้อมูลใหม่ การคน้ หา และการจัดรูปแบบตวั อักษร ดังภาพเมนู Create หรือเมนูใชใ้ นการสร้าง เป็นเมนทู ีใ่ ช้ในการสร้างช้ินงานชนดิ ตา่ งๆท่ีตอ้ งการ โดยผูพ้ ฒั นาสามารถทาการสรา้ งชิ้นงานได้แก่ ตาราง คิวรี่ ฟอร์ม รายงาน และมาโคร โดยการเริ่มต้นการใช้งาน Microsoft Access นจ้ี ะทาการเริ่มตน้ ดว้ ยการสรา้ งชนิ้ งานตา่ งๆ จากเมนนู ี้

- 35 -เมนู External Data หรือเมนู แหลง่ ข้อมูลจากภายนอก เมนกู ารใช้งานน้ีเปน็ เมนูทีเ่ ขา้ มาช่วยในการใชง้ านโปรแกรมฐานข้อมูลกบั แหล่งขอ้ มลู ภายนอกท่ไี ม่ได้อยใู่ นชนิ้ งานที่ทาการสรา้ งโดยสามารถทาการเชือ่ มโยงไดห้ ลายลกั ษณะ และมกี ารแบง่ ออกเป็น2 แบบ คือสว่ นของการนาเขา้ และส่วนของการสง่ ออกขอ้ มลูเมนู Database Tools หรอื เมนูเคร่อื งมอื ฐานข้อมูล เป็นเมนทู ใ่ี ชใ้ นการจดั การฐานขอ้ มลู เพมิ่ เติมจากโปรแกรมฐานขอ้ มลู มใี ห้ซึง่ ผทู้ ใ่ี ชเ้ มนนู ีค้ วรมีความรเู้ ร่ืองการเขยี นโปรแกรมเบ้ืองตน้ เนอ่ื งจากตอ้ งทาการสรา้ ง หรอื เขยี นโปรแกรมข้นึ มาใช้งานเองโดยมลี ักษณะการเขียนโปรแกรมเชิงเหตุการณ์ หรือ Event

- 36 - บทท่ี 6 การสร้างตาราง (Create Table) จากบทที่ 4 ได้ทาการออกแบบตารางเก่ียวกบั การจัดเก็บหนังสือไวโ้ ดยมกี ารกาหนดตารางท้ังหมด 3 ตารางดว้ ยกนั เพ่ือใชใ้ นการจดั เกบ็ ขอ้ มลู หนังสือเพื่องา่ ยตอ่ การสบื คน้ ข้อมูล ซ่ึงไดแ้ กต่ ารางTEXT_BOOK BOOK_TYPE และตาราง PRIMARY_LEVEL โดยจะนามาทาการสร้างตารางในฐานขอ้ มูล Microsoft Access ในบทน้ี ซึง่ สามารถทาการสร้างตารางจากเมนู Cerate หรอื สรา้ ง ซง่ึ มีการสรา้ งตารางได้ 2 ลกั ษณะ ได้แก่การสร้างตารางแบบงา่ ย และการสร้างตารางจากการออกแบบแสดงดงั ภาพด้านล่างTable การสรา้ งตารางแบบง่าย ใหท้ าการเลือกท่ี ตาราง หรอื Table โปรแกรมจะแสดงหน้าจอดงัภาพ

- 37 - จากการสรา้ งตารางจะเหน็ ไดว้ า่ เมือ่ การเลือกสร้างตาราง โปรแกรมจะแสดงหนา้ จอสร้างตารางใหโ้ ดยโปรแกรมจะใหท้ าการกรอกและเลอื กชนิดของข้อมูลในแตล่ ะ Column ทต่ี ้องการ ซ่ึงมชี นดิ ของขอ้ มูลดงั ตอ่ ไปน้ีใหเ้ ลอื กทาการเพ่ิม

- 38 -Text ใช้สาหรบั เกบ็ ขอ้ มูลเป็นอักขระประเภท String ไมเ่ กิน 255 ตัวNumber ใชส้ าหรบั เกบ็ ข้อมูลที่เปน็ ตวั เลข ซ่งึ ขนาดและชนดิ สามารถกาหนดได้Currency ใชส้ าหรบั เก็บข้อมูลทีเ่ ปน็ จานวนเงนิ ทต่ี ้องการความถกู ตอ้ งแมน่ ยาDate & Time ใชส้ าหรบั เกบ็ ขอ้ มูลท่ีอยใู่ นรปู วันท่ี หรือเวลาYes/No ใชส้ าหรบั เกบ็ ขอ้ มูลที่มคี า่ เป็นจรงิ หรือเทจ็ เทา่ นน้ัLookup & Relationship ใชส้ าหรบั ดงึ ขอ้ มูลมาจากตารางอนื่Rich Text ใช้เก็บขอ้ มูลตัวอกั ษร หรือตัวอักษรและตวั เลข โดยสามารถกาหนดรปู แบบ ตวั อกั ษรได้ เช่น ใสส่ ี และกาหนดรปู แบบตัวอกั ษรMemo ใช้สาหรับเก็บขอ้ มลู เป้นอักขระที่มีความยาวมากๆAttachment ใช้สาหรับเกบ็ ข้อมลู ที่เปน็ ไฟล์Hyperlink ใชส้ าหรับข้อมูลที่อย่ใู นรูปแบบ Hyperlink หรืออยใู่ นระบบเครือข่ายCalculated Field ใชส้ าหรบั ฟลิ ด์ท่ีได้จากการคานวณโดยเปน็ ลกั ษณะแบบตา่ งๆโดยให้ทาการสรา้ งตารางขน้ึ มา 1 ตารางไว้สาหรบั เกบ็ ข้อมลู รายชื่อบรษิ ทั ทต่ี ดิ ตอ่ งานด้วย ซึ่งมีรายละเอียดการเก็บข้อมลู ดังน้ี CompanyID, NameCompany, Address, TEL, Date, Type โดยทาการสรา้ งชอ่ื CompanyIDชนดิ ขอ้ มูล เปน็ AutoNumber เพราะจะใหเ้ ป็นรหัสของบริษทั และคีย์หลกั

- 39 -ชื่อ NameCompanyชนดิ ข้อมูล เป็น Text เพราะเป็นช่ือบรษิ ัท (อักขระ) กาหนดขนาดเขตขอ้ มลู ไว้ 50ชอ่ื Addressชนดิ ข้อมลู เป็น Text เพราะเปน็ ที่อยบู่ รษิ ัท (อักขระ) กานดขนาดขอ้ มูลไว้ 80ชื่อ TELชนิดข้อมลู เป็น Number เพราะจะให้เก็บขอ้ มูลเป็นตัวเลขกาหนดขนาดเขตขอ้ มูลเปน็ Fixed (แบบเก่า) แบบใหม่ตอ้ งใหเ้ ปน็ ตวั หนังสือ Text ใหม้ ขี นาด 20

- 40 -ชือ่ Dateชนิดข้อมลู เป็น Date/Time เพราะขอ้ มูลเปน้ วนั ทก่ี าหนดรูปแบบเปน็ General Dateช่ือ Typeชนิดขอ้ มูลเป็น Text เพราะเป็นคาอธบิ าย (อักขระ) กาหนดเขตขอ้ มลู ไว้ 50 เมื่อทาการสร้างเรยี บรอ้ ยจะแสดงตารางดังภาพดา้ นล่าง

- 41 -จากนัน้ ชื่อตารางยังไม่มกี ารเปลี่ยนแปลง ซึง่ ตารางจะทาการเปลย่ี นเมอื่ ทาการบนั ทกึ โปรแกรมจะให้กรอกช่อื ตารางทตี่ ้องการ โดยใส่ ช่ือตารางว่า Company (อาจใช้คียล์ ัดในการบันทึกได้แก่ Control+s)เมอ่ื ทาการเลอื กทปี่ ุ่ม Ok โปรแกรมจะทาการเปลีย่ นช่ือตารางใหด้ งั รูปด้านลา่ ง

- 42 -การจดั การกบั ตาราง เม่ือตอ้ งการจัดการเก่ียวกับตารางสามารถทาการคลิกขวาที่ตาราง โปรแกรมจะแสดงเมนูการจัดการตารางดงั ภาพดา้ นล่างโดยเราสามารถทาการคดั ลอก เปล่ยี นชอื่ ลบ นาขอ้ มลู เขา้ ส่งออกขอ้ มูล ได้ตามความต้องการDesign View เปน็ มมุ มองในการออกแบบ ซงึ่ ก่อนหน้านี้ไดอ้ ธิบายลกั ษณะการสรา้ งตาราง วา่ มกี ารสรา้ งไดจ้ าก ตวั สร้างตาราง 2 แบบด้วยกัน ซ่ึงแบบ Design View สามารถเรยี กสลับ กบั แบบ Tableธรรมดาได้โดยไปที่เมนู Home และเลอื ก Design Viewเมือ่ ทาการเลอื กเมนดู งั กล่าวโปรแกรมจะแสดงดงั ภาพด้านลา่ ง

- 43 -โดยจากภาพจะเปน็ การสรา้ งตารางอีกลกั ษณะหนง่ึ ทสี่ ามารถทาได้ โดยให้ทาการใสร่ ายละเอียดของขอ้ มลู แต่ละ Filed แตล่ ะตวั วา่ ใชใ้ นการเก็บขอ้ มลู อะไรการเพมิ่ ข้อมลู ลงในตาราง การเพมิ่ ข้อมูลลงในตารางสามารถทาได้โดยทาการเปดิ ตารางในรูปแบบ Datasheet View จะเป็นรปู แบบเหมือนรูปแบบแรกที่ใชใ้ นการสรา้ งตารางจากน้นั สามารถทาการกรอกข้อมูลลงในตารางได้ซ่งึ มลี ัษณะการกรอกขอ้ มลู เหมอื น Microsoft Excelทาการกรอกขอ้ มูลทดลอง 2 Records เพ่ือทาการทดสอบการกรอกขอ้ มูลโดยเมอื่ ทาการกรอกข้อมลูสักเกตสุ ัญลักษณ์ดา้ นลา่ งจากภาพเป็นการใช้งานเพ่อื จดั การขอ้ มลู ในตารางไดแ้ ก่ (ตามลาดับ)

- 44 - 1. ใหเ้ ลื่อนไปยังเรคคอรด์ แรกสุดของตาราง 2. ให้เลื่อนไปยังเรคคอร์ดหลังจากเรคคอร์ดปจั จบุ นั 1 เรคคอรด์ 3. แสดงเรคคอรด์ ปัจจุบนั 4. ใหเ้ ล่ือนไปยังเรคคอรด์ ก่อนหน้าเรคคอรด์ ปัจจบุ ัน 1 เรคคอร์ด 5. ให้เล่อื นไปยังเรคคอร์ดท้ายสดุ ของตาราง 6. ใชก้ ารเพม่ิ เรคคอร์ดใหมล่ งไปในตารางการลบเรคคอรด์ การลบเรคคอรด์ ทไี่ มต่ อ้ งการใชง้ านสามารถทาได้โดยการคลกิ ขวาที่เรคคอร์ดนั้นๆ และทาการเลอื กคาสงั่ ลบ หรอื Delete เพื่อทาการลบเรคคอรด์ ท่ตี ้องการการแก้ไขข้อมูล การแก้ไขข้อมลู สามารถทาไดโ้ ดยการเลือกท่ี Filed ทีต่ อ้ งการแกไ้ ขจากนั้นทาการเปลี่ยนเปน็ค่าทตี่ ้องการโปรแกรมจะเปลีย่ นข้อมลู ให้โดยอตั โนมัติ

- 45 -LAB 01 1. ให้ทาการสร้างฐานขอ้ มลู ใหม่ ชื่อ BOOK 2. ทาการสร้างตาราง TEXT_BOOK 3. ทาการสรา้ งตาราง BOOK_TYPE 4. ทาการสร้างตาราง PRIMARY_LEVEL

- 46 - บทท่ี 7 การกานหดความสมั พนั ธ์ของตาราง ในการออกแบบฐานขอ้ มูลท่ีใช้ในโปรแกรม Microsoft Access น้ันมลี ักษณะเป็นฐานข้อมลูแบบ Relational Database ซึ่งเปน็ ขอ้ มลู ลักษณะเชิงสัมพนั ธ์โดยผู้ใช้งานทาการสร้างตารางทใ่ี ช้ในการจดั เก็บขอ้ มูลจะสามารถทาการสรา้ งความสัมพนั ธข์ องตารางแตล่ ะตารางให้มีการเชอ่ื มโยงข้อมลู กนั ได้ซ่งึ จากการทา LAB01 ไดท้ าการสร้างฐานขอ้ มลู BOOK ประกอบดว้ ย 3 ตารางโดยแตล่ ะตารางมีความสัมพันธ์กับตาราง TEXT_BOOK โดยสามารถทาการกาหนดความสมั พนั ธ์ได้ดงั ตอ่ ไปน้ีจากภาพได้ทาการสร้างตารางทใี่ ช้ในการจัดเก็บข้อมูลหนังสือซงึ่ ประกอบดว้ ย ตาราง TEXT_BOOKBOOK_TYPE และตาราง PRIMARY_LEVEL ซึ่งมีความสมั พันธใ์ นลักษณะ หน่ึงตอ่ กลมุ่ หรอื (One toMany) โดยสามารถกาหนดได้ดงั น้ีไปที่เมนู Design->Relationshipเมื่อเลอื กที่เมนูดังกลา่ วโปรแกรมจะแสดงหนา้ ต่างการจดั การความสัมพันธ์ของขอ้ มูลให้ดังภาพ

- 47 -จากภาพ เมอื่ ตอ้ งการสร้างความสัมพนั ธ์ของตารางใดๆ ต้องทาการเพิ่มตารางนั้นลงในชนิ้ งานเสยี กอ่ นถงึ จะทาการกาหนดความสัมพันธข์ องแตล่ ะตารางได้โดยให้ทาการเลอื ก Add แตล่ ะตาราง จากน้ันทาการเลือกปุ่ม Closeเมอื่ ทาการเลอื กตารางทีต่ อ้ งการได้แลว้ ให้ทาการสรา้ งความสมั พนั ธโ์ ดยอาจทาการเลือกท่ี Filed ท่ีตอ้ งการในตารางใดตารางหนง่ึ และลากนาไปวางในอีกตารางหนง่ึ คอื ใหท้ าการเลือกคลิที่ID_PRIMARY ของตาราง PRIMARY_LEVEL จากนั้นทาการคลกิ เมาสค์ า้ งและไปวางในตารางTEXT_BOOK

- 48 -จะแสดงหน้าตา่ งข้นึ มาถามว่าในการเช่ือมความสมั พันธ์กันจะทาการเชื่อมความสัมพนั ธโ์ ดยใชอ้ ะไรเป็นคยี ์ในการเชือ่ มความสัมพนั ธข์ องท้งั 2 ตาราง ซงึ่ จากการสร้างตารางได้มีการกาหนดไวค้ อืID_PRIMARY ในตาราง PRIMARY_LEVEL กับ ID_CLASS ในตาราง TEXT_BOOKในสว่ นนีถ้ ้าทาการเลอื ก check box นัน้ หมายถึงเม่อื ทาการ Update หรอื Delete ในตารางPRIMARY_LEVEL จะทาการตรวจสอบการใช้ขอ้ มูลทม่ี อี ย่ใู นตาราง TEXT_BOOK ทุกคร้งัทาการสร้างความสมั พนั ธข์ องตาราง TEXT_BOOK กบั ตาราง BOOK_TYPE โดยใช้คียเ์ ช่ือมได้แก่ID_BOOKTYPE ของท้ังสองตารางได้ดงั ภาพ

- 49 -ซ่ึงถ้าทาการสร้างความสัมพันธ์ของข้อมลู จะสามารถเรยี กขอ้ มูลที่มอี ยอู่ อกมาแสดงผลเมื่อตอ้ งการเพิ่มข้อมูลในตาราง TEXT_BOOK โดยอัตโนมัติ แต่ตอ้ งมกี ารสร้าง Query เพื่อใชใ้ นการเรียกข้อมูลมาใช้งานกอ่ น ซง่ึ จะสอนในบทต่อไป

- 50 - บทที่ 8 การสรา้ งแบบสอบถาม (Query) จากบทตา่ งๆที่ผา่ นมานนั้ จะเกี่ยวกบั การออกแบบตาราง สร้างตาราง การป้อนขอ้ มูลลงในตาราง ซ่ึงทาให้เราสร้างส่วนประกอบพ้นื ฐานของฐานข้อมูลได้ และเมือ่ มีการเกบ็ ข้อมูลไดก้ ็สามารถท่จี ะนาเอาข้อมูลเหลา่ นั้นมาใชป้ ระโยชน์ เช่น สอบถามขอ้ มูล เพิ่ม ลบ และแก้ไขขอ้ มูลในตาราง เปน็ ตน้ ซงึ่จาเปน็ ทจี่ ะตอ้ งมเี คร่ืองมอื ดงั กล่าวนี้ Access ได้เตรยี มไวเ้ รียกว่า แบบสอบถาม (Query) ซึ่งแบง่ ออกได้เปน็ 2 ประเภท คือแบบสอบถามท่ใี ช้ในการเลือกข้อมูล (Select Query) เป็นแบบสอบถามทธ่ี รรมดาท่สี ดุ แบบสอบถามนี้จะรับขอ้ มูลจากตารางหนงึ่ หรือหลายตารางและแสดงผลลัพธ์ในแผ่นขอ้ มูลทีค่ ณุ สามารถปรบั ปรุงระเบยี นได้ (ดว้ ยข้อจากัดบางอย่าง) คุณยังสามารถใชแ้ บบสอบถามแบบใชเ้ ลือกเพอ่ื จดั กลุ่มระเบยี น และคานวณผลรวม การนบั จานวน ค่าเฉล่ียและชนิดการรวมอืน่ ๆแบบสอบถามแสดงผล (Action Query) เป็นแบบสอบถามท่ีทาการเปล่ียนแปลงระเบียนหลายๆ ระเบยี นดว้ ยการดาเนนิ การเพียงคร้งัหนง่ึ แบบสอบถามแอคชนั่ มี 4 ชนิดคอื แบบใชล้ บข้อมลู แบบใชป้ รบั ปรงุ ขอ้ มลู แบบใชผ้ นวกขอ้ มลูและแบบใชส้ รา้ งตาราง โดยแบบสอบถามน้มี ลี ักษณะในการสร้างได้ 2 วิธี ซง่ึ คลา้ ยกบั การสร้างตาราง ไดแ้ ก่1. การสรา้ งแบบสอบถามในมมุ มองออกแบบ2. การสร้างแบบสอบถามโดยใชต้ วั ชว่ ยสรา้ งโอเปอเรเตอรท์ างด้านคณิตศาสตร์ โอเปอเรเตอร์ คาอธิบาย+ บวก 2 นิพจน์เขา้ ด้วยกัน- ลบ 2 นพิ จนอ์ อกจากกัน-(Unary) เปล่ียนเครอ่ื งหมายของนิพจน์* คูณนิพจนเ์ ขา้ ด้วยกัน/ หาร 2 นพิ จน์เข้าด้วยกนั


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook