Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ร่างยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี (พ.ศ2560 - 2579)

ร่างยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี (พ.ศ2560 - 2579)

Published by sayanjbr, 2018-05-20 23:07:24

Description: ร่างยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี (พ.ศ2560 - 2579)

Search

Read the Text Version

ร่างยุทธศาสตรช์ าติระยะ 20 ปี 2560 - 2579 100 สว่ นท่ี 34.4 การสร้างความสมานฉันทใ์ นสังคม การสร้างโอกาส ความเสมอภาค และเ ่ทาเ ีทยม ักนทางสังคมโดยการสร้างการยอมรับความแตกต่างในสังคม มีเครือข่ายทางสังคมที่มีความสัมพันธ์ท่ีอยู่บนพ้ืนฐานของความเช่ือใจและเป็นอนั หนึ่งอันเดียวกัน ดังน้ี4.4.1 สร้างความเสมอภาคในการเข้าถึงกระบวนการ 4.4.2 ส่งเสริมค่านิยมความเสมอภาคระหว่างกลุ่มคนยุติธรรม ในสงั คมโดยปรับแก้ไขกฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับ ให้มีความทันสมัย โ ด ย ฟื้ น ฟู บ ท บ า ท ส ถ า บั น ท า ง ศ า ส น า ใ น ก า ร ส่ ง เ ส ริ ม ก า รลดความขัดแย้งของกฎหมาย และสอดคล้องกับทิศทาง มีศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรมตามหลักคาสอนทางศาสนาท่ีก า ร พั ฒ น า ป ร ะ เ ท ศ แ ล ะ ส นั บ ส นุ น ก า ร ล ด ค ว า ม เ ห ล่ื อ ม ล้ า ถูกต้อง รวมทั้งให้สื่อสารมวลชนและส่ือสาธารณะทุกช่องทางเช่น การปรับปรุงกฎหมายด้านการค้าท่ีส่งเสริมให้เกิดการ ก า ร ส่ื อ ส า ร เ ป็ น เ ค รื่ อ ง มื อ ส า คั ญ ใ น ก า ร ส ร้ า ง เ ส ริ ม ก า รแข่งขัน กฎหมายท่ีป้องกันและแก้ไขปัญหาการผูกขาด เป็นต้น มีจิตสาธารณะ ลดความขัดแย้ง ร่วมใจกันพัฒนาสังคมและรวมท้ังให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมในการแก้ไขกฎหมายต้ังแต่ ประเทศ โดยยึดเอาประโยชน์ของส่วนรวมเหนือกว่าประโยชน์ขั้นตอนการร่างและให้ความสาคัญกับร่างกฎหมายที่ภาค ส่วนตัว รวมท้ังสร้างเสริมให้เกิดการยอมรับและเข้าใจความประชาชนเป็นผู้เสนอ และจัดให้แต่ละชุมชนมีระบบไกล่เกล่ียข้อ คิดเห็นที่แตกต่างของผู้อ่ืน และการอยู่ร่วมกันในสังคมพิพาท ร่วมกับระบบการให้คาปรึกษาด้านกระบวนการยุติธรรม พหุวัฒนธรรม รวมถึงการให้โอกาสแก่กลุ่มคนเปราะบางและและมีการสร้างความรู้พ้ืนฐานทางกฎหมายในชุมชน นอกจากนี้ กลุ่มดอ้ ยโอกาสสามารถพฒั นาและแสดงศักยภาพของตนเองได้ต้องมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด จริงจัง ไม่เลือก โดยไม่พ่งึ พงิ การช่วยเหลอื จากภาคส่วนตา่ งๆปฏิบัติตามฐานะทางเศรษฐกิจและฐานะทางสังคม ในทุกขั้นตอนของกระบวนการยตุ ธิ รรม7.2

ยุทธศาสตร์ที่ 5ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตท่ีเป็นมิตรต่อส่ิงแวดล้อม5.1 จดั ระบบอนรุ กั ษ์ ฟน้ื ฟแู ละป้องกันการทาลายทรพั ยากรธรรมชาติ5.2 วางระบบบริหารจัดการนา้ อย่างบรู ณาการใหม้ ีประสิทธิภาพใน 25 ลมุ่ น้า ทั้งด้านอุปสงค์และอปุ ทาน5.3 พัฒนาและใช้พลังงานที่เป็นมติ รกบั สิ่งแวดล้อมในทกุ ภาคเศรษฐกิจ5.4 พฒั นาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศและเมืองท่ีเปน็ มิตรกับสงิ่ แวดลอ้ ม5.5 ร่วมลดปัญหาโลกรอ้ นและปรับตัวใหพ้ รอ้ มรบั การเปลีย่ นแปลงสภาพภูมิอากาศ5.6 ใช้เครือ่ งมือทางเศรษฐศาสตร์และนโยบายการคลงั เพื่อส่ิงแวดลอ้ ม

ยุทธศาสตร์ที่ 5ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตท่ีเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในปัจจุบันประเทศไทยต้องเผชิญกับข้อจากัดด้านทรัพยากรธรรมชาติท่ีถูกใช้ไ ปอย่างขาดประสิทธิภาพจึงอยู่ในสภาพท่ีร่อยหรอเสื่อมโทรม รวมท้ังสภาพแวดล้อมมีคุณภาพต่าสูง ทั้งปัญหาคุณภาพน้า อากาศ และขยะของเสียเหลือท้ิงท่ีกาจัดไม่ทัน ซึ่งปัญหาเหล่านี้ส่งผล ทั้งต่อต้นทุนการผลิตสินค้าบริการและสร้างผลเสียต่อคุณภาพ ชีวิตประชาชนขณะเดียวกันก็ก่อให้เกิดความเส่ียงจากความขัดแย้งจากการแย่งชิงทรัพยากร ท่ีสาคัญการเปลย่ี นแปลง สภาพภูมิอากาศของโลกท่ีมีความผันผวนและฤดูกาลผิดเพ้ียนไปได้ส่งผลให้เ กิ ด ค ว า ม ต ร ะ ห นั ก กั น ม า ก ข้ึ น ใ น ก า ร ที่ ผู้ ค น จ ะ ส า ม า ร ถ อ ยู่ ร่ ว ม กั น อ ย่ า ง เ ป็ น มิ ต ร ต่ อส่ิงแวดล้อมภายใต้กรอบแนวคิดการพัฒนาที่ย่ังยืน ความเส่ียงและความท้าทายจากสภาพแวดล้อมและภัยพิบัติได้นาไปสู่ข้อตกลงในระดับโลกที่สาคัญ ท้ังในเร่ืองการบรรลุซึ่งเป้าหมายการพัฒนาท่ีย่ังยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) เป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจก และการใช้มาตรฐานด้านส่ิงแวดล้อมมาเป็นข้อกาหนดท่ีส่งผลต่อการแข่งขันทางการค้าในตลาดโลก ดังนั้น ยุทธศาสตร์การสร้างความเจริญเติบโตบนคุณภาพชีวิตท่ีเป็นมิตรต่อส่ิงแวดล้อมจึงมีเปา้ หมายทีส่ าคญั คอื การบรโิ ภคท่ยี ่ังยนื และการผลติ ทย่ี ั่งยืน การดาเนินการท่ีสาคัญคือต้องเร่งวางระบบการอนุรักษ์ ฟื้นฟูและสร้างความม่ันคงของฐานทรัพยากรธรรมชาติ บริหารจัดการน้าใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพโดยการวางระบบบรหิ ารจดั การน้าอยา่ งบรู ณาการใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพใน 25 ลมุ่ น้า ท้ังด้านอุปสงค์และอุปทาน เน้นการปรับระบบการบริหารจัดการอุทกภัยอย่างบูรณาการ รวมท้ังยกระดับความสามารถในการป้องกันผลกระทบและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบั ติธรรมชาติและปรับตัวไปสู่รูปแบบของการผลิตและการบริโภคท่ีปล่อยคาร์บอนต่าและเป็นมิตรกับสง่ิ แวดลอ้ มมากขน้ึ โดยพฒั นาการผลิตให้มีประสิทธิภาพและพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศและเมืองที่เป็นมิตรกับส่ิงแวดล้อมโดยการจัดการขยะ สารพิษ และของเสียอันตรายอย่างมปี ระสิทธิภาพ นอกจากน้ี ต้องให้ความสาคัญกับการพัฒนาและใช้พลังงานท่ีเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในทุกภาคเศรษฐกิจเพ่ือลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยมุ่งเน้นการลดสัดส่วนการใช้เช้ือเพลิงฟอสซิล และเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนในภาคการผลิตไฟฟ้าเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและส่งเสริม การผลิตและใช้พลังงานสะอาด ท้ังนี้โดยมีเป้าหมายสาคัญท่ีต้องบรรลุคือลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ร้อยละ 20– 25 ภายในปี 2573 ทั้งน้ีเพ่ือวางรากฐานและสนับสนนุ ใหป้ ระเทศมกี ารเตบิ โตทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน โดยตั้งเป้าหมายท่ีจะเพ่ิมพ้ืนที่ป่าไม้ให้ได้ร้อยละ 40 ของพื้นท่ีประเทศไทย (128 ล้านไร่) และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคเศรษฐกิจ

รา่ งยุทธศาสตรช์ าตริ ะยะ 20 ปี 2560 - 2579 103 ก า ร ส ร้ า ง ก า ร เ ติ บ โ ต บนคุณภาพ ีช ิวตที่เป็นมิตรต่อ ่ิสงแวด ้ลอม สว่ นที่ 3 ประเทศต้องเร่งอนุรักษ์ฟื้นฟูและสร้างความม่ันคงของฐานทรัพยากรธรรมชาติ และบริหารจัดการน้าให้มีประสิทธิภาพ รวมท้ังยกระดับความสามารถในการป้องกัน ผลกระทบและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศและ ภัยพิบตั ธิ รรมชาติ ปรบั ตัวไปสรู่ ปู แบบของการผลติ และการบรโิ ภคที่ปล่อยคารบ์ อนตา่ และเป็นมิตรกับสิง่ แวดล้อม มากข้ึน โดยพัฒนาการผลิตให้มีประสิทธิภาพ ลดการใช้พลังงาน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ให้ได้ร้อยละ 20 – 25 ภายในปี 2573 ทั้งนี้เพ่ือวางรากฐานและสนับสนุนให้ประเทศมีการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน โดยตั้งเป้าหมายท่ีจะเพิ่มพื้นท่ีป่าไม้ให้ได้ร้อยละ 40 ของพ้ืนท่ีประเทศไทย (128 ล้านไร่) และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ในภาคเศรษฐกิจ โดยมีแนวทางและประเด็นการพัฒนาที่สาคัญ ดังนี้5.1 จัดระบบอนรุ กั ษ์ ฟื้นฟูและปอ้ งกนั การทาลายทรัพยากรธรรมชาติดาเนินการปกป้องรักษาและฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ ท้ังป่าต้นน้าลาธาร ป่าชุมชน และป่าชายเลนดาเนินการปราบปรามและป้องกันการบุกรุกทาลายป่าอย่างเข้มงวด เร่งรัดการปลูกป่าโดยเลียนแบบระบบธรรมชาติกาหนดพ้ืนที่ราบเชิงเขาเป็นแนวกันชน ส่งเสริมการปลูกป่าเศรษฐกิจที่มีระบบการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืนบริหารจัดการการใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นท่ีป่าไม้บนพ้ืนฐานให้คนและชุมชนสามารถอยู่กับป่าได้ โดยจัดทาแนวเขตให้เกิดควา มชัดเจน นาระบบส ารสนเทศมาใช้เพื่อ การบริหา รจัดการ และส่งเส ริมแนวทา งประเมินมูลค่าการให้บริการของระบบนิเวศและการสร้างรายได้จากการอนุรักษ์ วางระบบป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง ตลอดจนเสริมสร้างความเข้มแข็ง และความร่วมมือในภูมิภาคอาเซียนดา้ นการจดั การทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยง่ั ยนื5.2 วางระบบบริหารจัดการน้าอย่างบูรณาการให้มีประสิทธิภาพใน 25 ลุ่มน้า ทั้งด้านอุปสงค์และอุปทานเน้นการปรับระบบการบริหารจัดการอุทกภัยอย่างบูรณาการ ให้มีแหล่งกักเก็บน้าต้นทุนและแหล่งชะลอน้าท่ีเพียงพอเพ่ิมขีดความสามารถในการเก็บกักน้า และเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้า และการผันน้า โดยขุดลอกร่องน้าและแหล่งน้าเพ่ือแก้ปัญหาอุทกภัย ภัยแล้ง ควบคู่กับกับแผนงานกาหนดพ้ืนที่รับน้านอง และการพัฒนาคลังข้อมูล ระบบพยากรณ์และการเตือนภัย และแผนงานเผชิญเหตุเฉพาะพื้นที่ ตลอดจนการปรับปรุงองค์กรและกฏหมาย รวมท้ังการสร้างการมีส่วนร่วมในการบรหิ ารจดั การน้า5.3 พฒั นาและใช้พลงั งานท่ีเป็นมิตรกับสงิ่ แวดลอ้ มในทกุ ภาคเศรษฐกิจเพ่ือลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยมุ่งเน้นการลดสัดส่วนการใช้เช้ือเพลิงฟอสซิล และเพ่ิมสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนในภาคการผลิตไฟฟ้า เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในภาคการคมนาคมขนส่ง อุตสาหกรรม และอาคาร ส่งเสริมการผลิตพลังงานสะอาด นาเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารจัดการและการอนุรักษ์พลังงาน ตลอดจนกาหนดกฎระเบียบ และสร้างกลไกให้ทุกภาคส่วนใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ รวมท้ังสร้างความรู้ความเข้าใจใหก้ บั ประชาชนเกย่ี วกับการพฒั นาและการประหยัดพลังงานอย่างถกู ตอ้ งและต่อเนือ่ ง

ร่างยทุ ธศาสตร์ชาตริ ะยะ 20 ปี 2560 - 2579 104 ก า ร ส ร้ า ง ก า ร เ ติ บ โ ต บนคุณภาพ ีช ิวตที่เป็นมิตรต่อ ่ิสงแวด ้ลอม ส่วนท่ี 35.4 พัฒนาเมอื งอุตสาหกรรมเชิงนเิ วศและเมอื งทีเ่ ปน็ มติ รกบั สง่ิ แวดล้อมโดยพัฒนาพ้ืนท่ีอุตสาหกรรมหนาแน่นให้เป็นเมืองอุตสาหกรรมนิเวศต้นแบบมีการบริหารจัดการวัตถุดิบ ขยะ สารพิษและของเสียอันตรายอย่างเป็นระบบครบวงจร การรวมกลุ่มของกลุ่มอุตสาหกรรมเพื่อบริหารจัดการ และเพ่ิมประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากรร่วมกันมีกลไกเพื่อดูแลและประสานการพัฒนาสู่เมืองอุตสาหกรรมนิเวศ บรรจุให้เป็นแผนพัฒนาของจังหวัดและพื้นท่ี ปรับกฎระเบียบให้เอ้ือต่อการพัฒนา สาหรับการพัฒนาเมืองที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเน้นการเพิ่มศักยภาพเมืองด้านสิ่งแวดล้อมอย่างมีส่วนร่วม สนับสนุนการเปลี่ยนของเสียให้เป็นพลังงานด้วยเทคโนโลยีท่ีเหมาะสมไม่ก่อให้เกิดสารพิษอันตราย เพ่ิมพ้ืนท่ีสีเขียวเพ่ือเป็นแหล่งดูดซับมลพิษและเก็บกักคาร์บอนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมการพัฒนาในเมืองหลักของประเทศ รวมท้ังพัฒนาพื้นที่เพ่ือเช่ือมโยงโอกาสจากอาเซียน ซึ่งเมืองที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลและย่ังยืนมีหลายรูปแบบ เช่น เมืองอุตสาหกรรมนิเวศเมืองเกษตรสเี ขียว เมืองคาร์บอนตา่ และเมืองนา่ อย่อู ย่างยัง่ ยืน เปน็ ต้น5.5 รว่ มลดปัญหาโลกร้อนและปรบั ตัวใหพ้ รอ้ มรับการเปล่ยี นแปลงสภาพภมู ิอากาศโดยลดการก่อก๊าซเรือนกระจกในทุกภาคการผลิตและการดารงชีวิตประจาวัน เพิ่มขีดความสามารถในการปรับตัวต่อการเปล่ียนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยพัฒนาองค์ความรู้ บุคลากร องค์กร และเครื่องมือในการบริหารจัดการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพ่ือรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ป้องกันเฝ้าระวังและเตือนภัยพิบัติทางธรรมชาติ โดยจัดทาแผนที่เส่ียงภัย ท้ังในระดับประเทศ ภูมิภาค และจังหวัดส่งเสริมการทาแผนบริหารความต่อเนื่องของธุรกิจ โดยมีกลไกการให้ความรู้ สร้างความเข้าใจ และให้ข้อมูลท่ีจาเป็นเพื่อให้ทุกภาคี โดยเฉพาะชุมชนและประชาชน เข้ามามีส่วนร่วมในการดาเนินการให้มากท่ีสุด เน้นหลักการกระจายอานาจใหก้ ับทอ้ งถิน่ และการมีส่วนร่วมของประชาชน5.6 ใช้เครอื่ งมือทางเศรษฐศาสตร์และนโยบายการคลังเพ่อื สิ่งแวดล้อมเพือ่ ส่งเสริมให้เกิดการลงทุนและการเปลย่ี นแปลงพฤตกิ รรมในการผลติ การบริโภค รวมท้ังการเปลี่ยนแปลงวิธีคิด (mindset)และวิถีชีวิต (life style) ของบุคคลและองค์กรให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อให้มีการใช้ทรัพยากรอย่างประหยัด คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพมากที่สุด ลดของเสีย อันจะช่วยลดภาระงบประมาณภาครัฐในการแก้ไขปัญหาส่ิงแวดล้อมโดยจัดให้มีระบบภาษีส่ิงแวดล้อม ได้แก่ ภาษีการปล่อยมลพิษและภาษีเพ่ือการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติกาหนดค่าธรรมเนียมการจัดการมลพิษและภาษีผลิตภัณฑ์และค่าธรรมเนียมผลิตภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดผลกระทบสิ่งแวดล้อมพัฒนาระบบการวางเงินประกันความเส่ียงหรือความเสียหายต่อส่ิงแวดล้อม ปรับปรุงโครงสร้างภาษีเพ่ือส่งเสริมการประหยัดพลังงาน การใช้พลังงานทางเลือกและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทบทวนนโยบายการบริหารจัดการโดยคานึงถึงมูลค่าที่แท้จริงที่ได้คิดรวมค่าเสียโอกาสและมูลค่าในอนาคต เพ่ือปรับปรุงระบบภาษีและค่าสัมปทานส่งเสริมการจัดซื้อจัดจ้างที่เป็นมิตรกับส่ิงแวดล้อม รวมทั้งการปรับปรุงระบบ โครงสร้าง องค์กร กลไก กระบวนการยุติธรรม และกฏหมาย ในการบริหารจัดการทรัพยากร ธ ร ร ม ช า ติ แ ล ะ ส่ิ ง แ ว ด ล้ อ ม ใ ห้ ทั น ส มั ย แ ล ะ มี ป ร ะ สิ ท ธิ ภ า พ Green Tax

ยุทธศาสตร์ที่ 6ยุ ท ธ ศ า ส ต ร์ ด้ า น ก า ร ป รั บ ส ม ดุ ลแ ล ะ พั ฒ น า ร ะ บ บ ก า ร บ ริ ห า ร จั ด ก า ร ภ า ค รั ฐ6.1 การวางระบบบริหารงานราชการแบบบรู ณาการ6.2 การยกระดับงานบริการประชาชนและการอานวยความสะดวกของภาครฐั สคู่ วามเป็นเลิศ6.3 การปรบั ปรงุ บทบาท ภารกิจ และโครงสร้างของหนว่ ยงานภาครัฐ6.4 การพัฒนาระบบบริหารจัดการกาลงั คนและพฒั นาบุคลากรภาครัฐ ในการปฏบิ ัติราชการและมีความเป็นมืออาชพี6.5 การต่อต้านการทุจริตและประพฤตมิ ิชอบ6.6 การปรับปรุงแกไ้ ขกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับใหม้ คี วามชดั เจน ทันสมัย เป็นธรรม และสอดคลอ้ งกับข้อบงั คบั สากลหรือข้อตกลงระหวา่ งประเทศ

ยุทธศาสตร์ที่ 6ยุ ท ธ ศ า ส ต ร์ ด้ า น ก า ร ป รั บ ส ม ดุ ลแ ล ะ พั ฒ น า ร ะ บ บ ก า ร บ ริ ห า ร จั ด ก า ร ภ า ค รั ฐ การที่ประเทศไทยจะบรรลุเป้าหมายอนาคตในระยะยาวที่กาหนดไว้น้ัน การบริหารราชการแผ่นดินจะต้องปรับเปล่ียนขนานใหญ่ให้สามารถขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาอย่างมีบูรณาการและมีความต่อเน่ือง ท้ังนี้เพ่ือตอบโจทย์การแก้ปัญหาหลัก ๆของประเทศและสนับสนุนการพัฒนาด้านต่าง ๆ ได้อย่ างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล ภาครัฐจะต้องจัดระบบองค์กรให้ลักษณะเปิดกว้าง เช่ือมโยงถึงกันแ ล ะ ก ร ะ ทั ด รั ด (Open and connected government) โดยใช้ดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ(Full Digital Employment) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะการให้บริการแก่ภาคประชาชนและภาคธุรกิจเอกชนและสามารถดาเนินงานร่วมกับภาคการเมืองบนพ้ืนฐานของความรับผิดรับชอบความโปร่งใส ปราศจากการทุจริตและประพฤติมิชอบสามารถตรวจสอบได้ และมี ค ว า ม เ ป็ น ธ ร ร ม ใ น ก า ร ใ ห้ บ ริ ก า ร ส า ธ า ร ณ ะ รวมทั้งจะต้องเป็นระบบที่สามารถจูงใจและดึงดูดให้คนดี คนเก่ง เข้ามาร่วมพลังการทางานท่ีมีค ว า ม มุ่ ง มั่ น แ ล ะ แ ร ง บั น ด า ล ใ จ ใ น ก า ร ที่ จ ะ ร่ ว ม กั น พ ลิ ก โ ฉ ม ป ร ะ เ ท ศ ไ ป สู่ เ ป้ า ห ม า ย ท่ี พึ งประสงค์ การปรับสมดุลภาครัฐมีแนวยุทธศาสตร์ท่ีสาคัญประกอบด้วย การวางระบบบริหารงานภาครัฐแบบบูรณาการ เพอ่ื ใหเ้กดิ ความสอดคลอ้ งเชอ่ื มโยงกนั ตงั้ แตย่ ทุ ธศาสตรช์ าติล ง ไ ป จ น ถึ ง ร ะ ดั บ พื้ น ท่ี ก า ร จั ด ส ร ร ง บ ป ร ะ ม า ณ ใ ห้ มี ลั ก ษ ณ ะ ยึ ด โ ย ง กั บ ยุ ท ธ ศ า ส ต ร์ในทุกระดับและมีเป้าหมายร่วมเป็นหลักิ รวมทั้งมีระบบการติดตามประเมินผลการดาเนินงานทั้งในระดับยุทธศาสตร์ตามภารกิจและพื้นที่

ยุทธศาสตร์ท่ี 6ยุ ท ธ ศ า ส ต ร์ ด้ า น ก า ร ป รั บ ส ม ดุ ลแ ล ะ พั ฒ น า ร ะ บ บ ก า ร บ ริ ห า ร จั ด ก า ร ภ า ค รั ฐ การยกระดับงานบริการประชาชนสู่คว ามเป็นเลิศโดย ใช้ดิจิทัลเต็มรูปแบบเ พื่ อ ต อ บ ส น อ ง ค ว า ม ต้ อ ง ก า ร ข อ ง ผู้ รั บ บ ริ ก า ร ทั้ ง ป ร ะ ช า ช น แ ล ะ นั ก ธุ ร กิ จ เ อ ก ช นโดยมีการเชื่อมโยงผ่านระบบดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบต้ังแต่ต้นจนจบกระบวนการเชื่อมโยงทุกส่วนราชการในการให้บริการประชาชน การปรับปรุงบทบาท ภารกิจ และโครงสร้างของหน่วยงานภาครัฐให้มีขนาดที่เหมาะสม ทันสมัย มีขีดสมรรถนะสูง และสามารถปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพ มีความคุ้มค่า และเทียบได้กับมาตรฐานสากล สามารถรองรับกับสภาพแวดล้อมในการปฏิบัติงานท่ีมีความหลากหลายซับซ้อนมากขึ้นและทันการเปล่ียนแปลงในอนาคต และการปฏิรูประบบการบริหารจัดการและการพัฒนาบุคลากรภาครัฐสู่ความเป็นมืออาชีพ รวมท้ังการต่อต้านและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบควบคู่ไปกับการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับให้มีความชัดเจน ทันสมัยเป็นธรรมและสอดคล้องกับข้อบังคับสากลหรือข้อตกลงระหว่างประเทศ โดยปรับปรุงแก้ไข และยกเลิกกฎหมาย ต่างๆ ให้มีความชัดเจน ทันสมัย เป็นธรรม เอ้ืออานวยต่อการบริหารราชการแผ่นดิน การพัฒนาประเทศ การให้บริการประชาชน การประกอบธุรกิจการแข่งขันระหว่างประเทศ สอดคล้องกับข้อบังคับสากลหรือข้อตกลงระหว่างประเทศ ทั้งน้ี การออกกฎหมายใหม่ควรต้องมีการพิจารณาตรวจสอบความจาเป็นรับฟังความเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้องและวิเคราะห์ผลกระทบท่ีอาจเกิดขึ้นก่อนการออกกฎหมายฯดังกล่าวโดยมีระบบการประเมินผลกระทบในการออกกฎหมาย ( Regulatory ImpactAssessment: RIA) ที่สมบูรณ์ตามมาตรฐานสากล

รา่ งยทุ ธศาสตร์ชาตริ ะยะ 20 ปี 2560 - 2579 108 ยุทธศาสต ์ร ้ดานการปรับสม ุดล และพัฒนาระบบการบริหาร ัจดการภาค ัรฐ ส่วนท่ี 3เป้าหมายการดาเนินงาน....การปรับเปล่ียนภาครัฐจึงยึดหลัก “ภาครัฐของประชาชนเพ่ือประชาชน” และการแยกแยะบทบาทหน่วยงานของรัฐที่ทาหนา้ ที่กากับ และการเปน็ ผใู้ ห้บรกิ ารในตลาดที่มกี ารแข่งขนั กบั ภาคเอกชนให้ชัดเจน โดยภาครัฐต้องมีขนาดที่เหมาะสมกับบทบาทภารกิจ มีขีดสมรรถนะสูง ปรับวัฒนธรรมการทางานท่ีมุ่งผลสัมฤทธิ์และผลประโยชน์ส่วนรวม มีความทันสมัยและพร้อมท่ีจะปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกอยู่ตลอดเวลาโดยเฉพาะอย่างย่ิงการนานวัตกรรม เทคโนโลยี และระบบการทางานที่เป็นดิจิทัลเข้ามาประยุกต์ใช้อย่างคุ้มค่าและปฏิบัติงานเทียบได้กับมาตรฐานสากล รวมท้ังมีลักษณะเปิดกว้าง เช่ือมโยงถึงกันและเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และโปร่งใส โดยกาหนดเป้าหมายให้อันดับด้านประสิทธิภาพของภาครัฐจากการสารวจของ IMD อยู่ไม่ต่ากว่าอันดับท่ี 10ของโลก และคะแนนภาพลักษณ์การทุจริตของประเทศไทยจากการสารวจ (Corruption Perception Index:CPI) ไม่นอ้ ยกว่า 80 คะแนน โดยมีแนวทางและประเดน็ การพัฒนาทสี่ าคัญ ดงั น้ี ขาด... ประสิทธิภาพ ความโปรง่ ใส ความรบั ผิดชอบ

รา่ งยทุ ธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี 2560 - 2579 109 ยุทธศาสต ์ร ้ดานการปรับสม ุดล และพัฒนาระบบการบริหาร ัจดการภาค ัรฐ ส่วนที่ 36.1 การวางระบบบริหารงานราชการแบบบรู ณาการ เพ่ือให้เกิดความสอดคล้องเชื่อมโยงกันต้ังแต่ยุทธศาสตร์ชาติลงไป จ นถึ ง ระดั บพ้ืนท่ี กา รขั บเ คล่ื อ นยุทธ ศา ส ต ร์ ช า ติ โด ยกา รใช้ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และการจัดสรรงบประมาณ ให้มีลักษณะยึดโยงกับยุทธศาสตร์ในทุกระดับและมีเป้าหมายร่วมเป็น หลัก รวมทั้งมีระบบการติดตามประเมินผลการดาเนินงานท้ังในระดับ ยุทธศาสตร์ ตามภารกิจ และพ้ืนที่6.1.1 วางระบบการขับเคล่ือนยุทธศาสตร์ชาติ ประกอบด้วย 6.1.3 ติดตามและประเมินผลการบรรลุเป้าหมายการก า ร ใ ช้ ก ล ไ ก แ ผ น พั ฒ น า เ ศ ร ษ ฐ กิ จ แ ล ะ สั ง ค ม แ ห่ ง ช า ติ ดาเนนิ งานตามยทุ ธศาสตรส์ าคัญของประเทศ โดยมีระบบการนโ ย บ า ย แ ล ะ แ ผ น ร ะ ดั บ ช า ติ ว่ า ด้ ว ย ค ว า ม ม่ั น ค ง แ ห่ ง ช า ติ ติดตามประเมนิ ผลแบบถ่ายทอดระดับ โดยในระดับยุทธศาสตร์เป็นแผนและยุทธศาสตร์พัฒนาภาค แผนแม่บท และแผนการปฏิรูป เพื่อ การออกแบบเป้าหมายและตัวช้ีวัด (ผลผลิต ผลลัพธ์ และแปลงสู่แผนบริหารราชการแผ่นดิน และแผนปฎิบัติการในทุกระดับ ผลกระทบ) ทคี่ าดหวงั ในการพัฒนาประเทศ โดยเป้าหมายสูงสุดตั้งแต่ระดับกระทรวงถึงระดับชุมชน โดยพัฒนารูปแบบและเช่ือมโยง คือยุทธศาสตร์ชาติท่ีเช่ือมโยงกับแผนแม่บท แผนพัฒนาการทางานของภาครัฐในระดับต่าง ๆ (Multi-Level Governance) เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยให้มเี อกภาพและสอดรับประสานกันระหว่างราชการบริหารส่วนกลาง ความมั่นคงแห่งชาติ นโยบายรัฐบาล และแผนปฏิบัติการระดับส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถ่ิน โดยเน้นการยึดพื้นท่ีเป็นหลัก ต่าง ๆ สาหรับในระดับกระทรวงและระดับพื้นที่ เป็นการวิเคราะห์(Area-based Approach) และยุทธศาสตร์ที่สาคัญของชาติ ผลผลิต ผลลพั ธ์ และผลกระทบท่ีเกิดขึ้นจริง รวมท้ังวางระบบ(Agenda-based) ตามห่วงโซ่แห่งคุณค่า เพ่ือให้เกิดการประสาน การตดิ ตามประเมินผล 3 ระยะเวลา ประกอบด้วยการประเมินผลความร่วมมือท่ีหลากหลายระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ก่อนการปฏิบัติหรือเร่ิมโครงการ ( Ex-ante-Evaluation)ภาคประชาสังคม และภาคส่วนอื่นในสังคม พร้อมทั้งให้กาหนดความ ระหว่างดาเนินการ (On-going Evaluation) และหลังการรับผิดชอบอย่างชัดเจน ตลอดจนพัฒนากลไกหรือเครื่องมือใน ดาเนินงานแล้วเสร็จ (Ex-post Evaluation) ตลอดจนพัฒนาการสนับสนุนให้เกดิ การบูรณาการความร่วมมือในการพฒั นาพน้ื ที่ กระบวนการมสี ว่ นร่วมเพื่อเปดิ โอกาสให้ผ้มู สี ว่ นได้ส่วนเสียเข้ามา มีส่วนรวม รับฟังความคิดเห็นและตรวจสอบแผนงาน/6.1.2 ปรับปรุงระบบบริหารจัดการงบประมาณให้มีลักษณะแบบ โครงการยึดโยงยุทธศาสตร์ในทุกระดับและเป้าหมายร่วมเป็นหลัก เพื่อให้สอดรับกับลักษณะการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ ลงสู่ระดับต่าง ๆตั้งแต่แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แผนและยุทธศาสตร์การพฒั นาภาค แผนแม่บท ประเด็นการปฏิรูป สู่แผนบริหารราชการแผน่ ดินและแผนปฏบิ ัติการในทุกระดับ โดยจัดให้มีกฎหมายที่เป็นกรอบในการบริหารการเงินการคลังภาครัฐ มีการใช้ระบบกรอบงบประมาณระยะปานกลางและระยะยาวให้เกิดผลเพื่อสะท้อนถึงช่องว่างทางงบประมาณท่ีต้องจัดสรรเป็นรายการประจาและเพื่อตอบสนองตอ่ การขบั เคล่ือนยุทธศาสตร์การพัฒนา โดยมุ่งเน้นการจัดทางบประมาณแบบบูรณาการที่ยึดพื้นที่และประเด็นการพัฒนาท่ีสาคัญเป็นตัวตั้ง และมีกลไกการติดตามตรวจสอบการเงินและการคลังภาครฐั

6.2 การยกระดับงานบรกิ ารประชาชนและ รา่ งยทุ ธศาสตรช์ าติระยะ 20 ปี 2560 - 2579 110 ส่วนที่ 3การอานวยความสะดวกของภาครัฐสคู่ วามเปน็ เลิศ ยุทธศาสต ์ร ้ดานการปรับสม ุดล และพัฒนาระบบการบริหาร ัจดการภาค ัรฐ เพ่ือตอบสนองความตอ้ งการของผู้รบั บริการทั้งประชาชน และนกั ธุรกจิ เอกชน ตลอดชว่ งชีวติเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้รับบริการท้ังประชาชนและนักธุรกิจเอกชน โดยมีการเชื่อมโยงผ่านระบบดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ เชื่อมโยงทุกส่วนราชการในการให้บริการประชาชน เช่น การพัฒนาระบบกลางของภาครัฐในการให้บริการธุรกิจตลอดวงจรการประกอบธุรกิจ (Single Portal for Business) ด้วยการใช้ระบบดิจิทัลบูรณาการข้อมูล/เอกสารระหว่างหน่วยงานที่เก่ียวข้องจะทาให้สามารถติดต่อราชการได้แบบเบ็ดเสร็จได้ตลอดวงจร โปร่งใสตรวจสอบได้ และผู้รับบริการได้รับความสะดวก สามารถเข้าถงึ งานบรกิ ารภาครฐั ไดง้ ่าย ทั่วถงึ และหลากหลายรปู แบบตามความตอ้ งการ6.3 การปรบั ปรุงบทบาท ภารกจิ และโครงสรา้ งของหนว่ ยงานภาครัฐขนาดท่เี หมาะสม ทันสมัย มสี มรรถนะสูง และมปี ระสทิ ธภิ าพ คมุ้ ค่า และมาตรฐานให้มีขนา ดที่เหมาะสม ทันสมัย มีขีดสมรรถนะสูง แล ะสามารถปฏิบัติ งานอย่างมีประสิทธิภา พ มีความคุ้มค่ าและเทียบได้กับมาตรฐานสากล สามารถรองรับกับสภาพแวดล้อมในการปฏิบัติงานท่ีมีความหลากหลายซับซ้อนมากข้ึนและทนั การเปล่ียนแปลงในอนาคต โดยมแี นวทางสาคัญ ดังนี้6.3.1 ทบทวนบทบาทภารกิจของหน่วยงานภาครัฐให้มีความ 6.3.3 พัฒนาและปรับระบบวิธีการปฏิบัติราชการให้ทันสมัยเหมาะสม และกาหนดความสัมพันธ์ระหว่างการบริหารราชการ มุ่งผลสัมฤทธ์ิ มีความโปร่งใส ยืดหยุ่นและคล่องตัวสูง ลดความส่วนกลาง ส่วนภมู ิภาค และส่วนท้องถ่ิน ให้มีความชัดเจน ไม่ซ้าซ้อน ซ้าซ้อน เตรียมการทางานไว้ล่วงหน้า มีการวิเคราะห์ความเส่ียงกัน รวมทั้งถ่ายโอนภารกิจท่ีสาคัญ เช่น นโยบายการศึกษา นานวัตกรรม เทคโนโลยี ระบบการทางานที่เป็นดิจิทัล แนวทางขั้นพื้นฐาน นโยบายการคลัง บริหารจัดการพลังงาน และนโยบาย ปฏิบัติที่เป็นเลิศ รวมท้ังองค์ความรู้ในแบบสหสาขาวิชาเข้ามาสาธารณสุข เป็นต้น เพ่ือการกระจายอานาจส่ทู ้องถนิ่ ประยุกต์ใช้ เพ่ือสร้างคุณค่าและตอบสนองกับสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างทันเวลา เปิดโอกาสให้ทุก ๆ ภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมใน6.3.2 ปรับโครงสรา้ งและระบบบรหิ ารงานราชการใหม่ ในรูปแบบ การดาเนินการอย่างเหมาะสม สามารถปรับตัวเข้าสู่การเป็นของหน่วยงานรูปแบบพิเศษท่ีต้องอาศัยการดาเนินงานท่ีมีความ สานักงานสมัยใหม่นาไปสู่การเป็นองค์กรท่ีมีขีดสมรรถนะสูงยืดหยุ่น คล่องตัว ไม่ยึดติดกับโครงสร้างองค์การและระบบราชการ สามารถปฏิบัติงานเทียบได้กับมาตรฐานสากล สอดคล้องกับแบบเดิม โดยยุบเลิกภารกิจที่ไม่จาเป็น ถ่ายโอนภารกิจให้ภาคส่วนอ่ืน หลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี เพื่อสร้างความเชื่อมั่นได้แก่ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ชุมชนและประชาชนรับไป ศรทั ธาในการบริหารราชการแผน่ ดนิดาเนินงานแทน สาหรับภารกิจท่ีภาครัฐยังจาเป็นจะต้องดาเนินการจะต้องกาหนดให้มีโครงสร้างหน่วยงานที่สอดคล้องกับบทบาทภารกิจที่รับผิดชอบ มคี วามคุ้มค่า และสามารถขับเคล่ือนการบริหารราชการแผ่นดินได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล รวมทั้งจัดระบบองค์กรภาครัฐที่แยกแยะบทบาทหน่วยงานของรัฐท่ีทาหน้าที่กากับ และหนว่ ยงานผใู้ หบ้ ริการในตลาดที่มีการแข่งขันกับภาคเอกชนออกจากกันให้ชัดเจนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดาเนินงานและมีการแข่งขันที่เป็นธรรม

6.4 การพฒั นาระบบบรหิ ารจดั การ รา่ งยทุ ธศาสตรช์ าติระยะ 20 ปี 2560 - 2579 111กาลังคนและพฒั นาบคุ ลากรภาครฐั ในการปฏบิ ัติราชการและมคี วามเปน็ มอื อาชพี ส่วนท่ี 36.4.1 พัฒนาระบบบริหารจัดการกาลังคนภาครัฐเพ่ือบริหาร 6.4.4 เสริมสร้างระบบคุณธรรมและวางมาตรการท่ี ยุทธศาสต ์ร ้ดานการปรับสม ุดลจัดการให้จานวนบุคคลากร คุณสมบัติ และการกาหนดตัวบุคคลลง เหมาะสมกับเส้นทางความก้าวหน้าในสายอาชีพ (Career และพัฒนาระบบการบริหาร ัจดการภาค ัรฐตาแหน่งต่าง ๆ ในภาครัฐมีความสอดคล้องกับลักษณะงานการใช้ Path) ท้ังการแต่งต้ัง และโยกย้ายบุคลากรภาครัฐทุกระดับเทคโนโลยีในภาครัฐและบทบาทภารกิจของภาครัฐ โดยต้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแต่งต้ังผู้บริหารระดับสูงต้องคานึงถึงปรับเปลี่ยนทั้งวิธีการสรรหา/คัดเลือก (recruit) การพัฒนาทักษะ ขีดความสามารถ ความดีงาม ความมีคุณธรรมและจริยธรรมและขีดความสามารถ (train) และการรักษา/คงไว้ซึ่งบุคคลากร เป็นแนวทางประกอบการพิจารณา รวมท้ังทบทวนและคุณภาพ (retain) เพอ่ื ให้จูงใจให้คนดีคนเก่งทางานในภาครัฐ และเป็น ปรับเปล่ียนระบบค่าตอบแทนตามลักษณะงาน ความเชี่ยวชาญการปรับเปล่ียนกาลังคนให้สอดรับกับการเปล่ียนแปลงบทบาท ความสลับซับซ้อน ความต้องการในตลาด และความเหมาะสมในแต่ละภารกิจของภาครัฐที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เพ่ือให้การ ภารกจิดาเนินงานของภาครัฐสัมฤทธ์ิผลและการใช้จ่ายงบประมาณด้านกาลังคนมคี วามคมุ้ คา่ 6.4.5 พัฒนาภาวะผู้นาที่มีขีดสมรรถนะสูง มีความรับผิดชอบ และมีความเป็นมอื อาชีพสาหรับบคุ คลากรภาครัฐ โดยในระยะแรกต้อง6.4.2 พัฒนาขีดความสามารถบุคลากรภาครัฐ ให้มีสมรรถนะ มุ่งเน้นท่กี ลมุ่ ผ้บู ริหารและดาเนนิ การควบคู่ไปกับการสร้างภาวะผู้นาในใหม่ ๆ สามารถรองรับการเปล่ียนแปลงบริบทการพัฒนาและการ ระดบั ต่าง ๆ เพื่อเตรียมความพรอ้ มด้วยดาเนินงานตามทิศทางการพัฒนาประเทศ และยกระดับขีดสมรรถนะใหม่ให้เทียบได้ในระดับสากล พร้อมท้ังวางระบบตาแหน่งท่ีมีความสาคัญทางยุทธศาสตร์ในบางหน่วยงานให้สามารถสรรหาบุคคลภายนอกเข้ามาบริหารราชการได้ รวมทั้ง สรรหา และจูงใจให้คนร่นุ ใหมท่ ี่มีขีดสมรรถนะสูงเขา้ มาสูร่ ะบบราชการไทย6.4.3 ปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมการทางานและสร้างค่านิยมที่ดีของบคุ ลากรภาครัฐ ให้ปฏิบัติราชการโดยยึดภาครัฐของประชาชนเพ่ือประชาชน มีจิตบริการ ทางานในเชิงรุกและมองไปข้างหน้าสามารถบูรณาการการทางานร่วมกับภาคส่วนอื่นได้อย่างเป็นรูปธรรม สร้างจิตสานึกให้บุคลากรภาครัฐทุกระดับมีคุณธรรมจริยธรรมในการปฏิบัติราชการและการดารงชีวิตในสังคม โดยยดึ ประโยชนข์ องชาติเป็นหลกั6.5 การต่อตา้ นการทุจรติ และประพฤตมิ ชิ อบโดยสง่ เสรมิ สนับสนนุ ให้ภาคีองค์กรภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ชุมชนและประชาชน และเครือข่ายต่างๆ สอดส่องเฝ้าระวัง ให้ข้อมูลและร่วมตรวจสอบการดาเนินการของหน่วยงานภาครัฐตามความเหมาะสม พร้อมท้ังสร้างวัฒนธรรมต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบของบุคลากรภาครัฐให้เกิดข้ึนในสังคม และสร้างจิตสานึกและค่านิยมให้ทุกภาคส่วนต่ืนตัวและละอายต่อการทุจริตและประพฤติมิชอบทุกรปู แบบ รวมท้งั สง่ เสริมใหก้ ารดาเนินการตามกระบวนการยุติธรรมปราศจากการแทรกแซงของนักการเมืองและผู้มีอิทธิพล ตลอดจนวางมาตรการคุ้มครองพยานและผู้ท่ีเก่ียวข้อง นอกจากน้ี ต้องกาหนดให้มีการลงโทษผู้กระทาผิดกรณีทุจริตและประพฤติมิชอบอย่างจริงจังและรวดเรว็

ร่างยทุ ธศาสตร์ชาตริ ะยะ 20 ปี 2560 - 2579 112 ยุทธศาสต ์ร ้ดานการปรับสม ุดล และพัฒนาระบบการบริหาร ัจดการภาค ัรฐ สว่ นท่ี 36.6 การปรบั ปรงุ แก้ไขกฎหมาย ระเบียบ และขอ้ บงั คบั ให้มคี วามชัดเจน ทนั สมยั เปน็ ธรรมและสอดคล้องกับข้อบังคบั สากลหรอื ขอ้ ตกลงระหว่างประเทศโดยปรับปรุงแก้ไข และยกเลิกกฎหมายต่างๆ ให้มีความชัดเจน ทันสมัย เป็นธรรม เอื้ออานวยต่อการบริหารราชการแผ่นดินการพฒั นาประเทศ การใหบ้ รกิ ารประชาชน การประกอบธุรกจิ การแขง่ ขันระหว่างประเทศ สอดคล้องกับข้อบังคับสากลหรือข้อตกลงระหว่างประเทศ ท้ังน้ี การออกกฎหมาย ใหม่ควรต้องมีการพิจารณาตรวจสอบความจาเป็น รับฟังความเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้องและวิเคราะห์ผลกระทบท่ีอาจเกิดขึ้นก่อนการออกกฎหมาย ดังกล่าว รวมท้ัง จัดให้มีการประเมินผลสัมฤทธ์ิของกฎหมายทุกรอบระยะเวลา ท่ีกาหนดโดยรับฟังความคิดเห็นของผู้เก่ียวข้องประกอบด้วย ตลอดจนเพ่ิมศักยภาพหน่วยงานภาครัฐท่ีมีหน้าที่เสนอความเห็นทางกฎหมายให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างรวดเร็ว รวมท้ังมีระบบการประเมินผลกระทบในการออกกฎหมาย (RegulatoryImpact Assessment: RIA) ที่สมบูรณ์ตามมาตรฐานสากล ซ่ึงต้องมีการนารายการ RIA (RIA Checklist) หน่วยงานกลางเพ่ือทาหน้าท่ีประเมินความเหมาะสมของ RIA มีแนวปฏิบัติ RIA (RIA Guidelines) หนังสือคู่มือการวิเคราะห์ประเมินต้นทุน-ผลประโยชน์และมีแนวปฏิบัตใิ นการรับฟังความคดิ เหน็ ของประชาชน มาใชใ้ นการพจิ ารณาปรบั ปรุงกฎหมายและการออกกฎหมายใหม่

4ส่วนที่ กระบวนการจัดทายุทธศาสตร์ชาติ การขับเคล่ือนสู่การปฏิบัติ และการติดตามประเมินผล

ร่างยุทธศาสตรช์ าตริ ะยะ 20 ปี 2560 - 2579 114 สว่ นที่ 4 ยุทธศาสตร์ชาติฉบับน้ี ได้มีการพิจารณาจากทุกมิติ ท้ังในมิติของประเด็นการพัฒนา (Issue-based) มิติการพัฒนา กระบวนการ ัจดยุทธศาสต ์รชา ิตรายสาขา (Sector-based) และมิตกิ ารพัฒนาเชิงพ้ืนที่ (Area-based) โดยที่ประชาชนทุกภาคส่วนมีบทบาทสาคัญต้ังแต่ในข้ันตอน การขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติการจัดทา การขับเคล่อื นสกู่ ารปฏบิ ตั ิ และการตดิ ตาม ตรวจสอบ และประเมินผลที่เกิดขึ้น เกิดเป็นพลังร่วมในการก้าวไปสู่เป้าหมาย และการติดตามประเมินผลอนาคตประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีนี้ ท้ังน้ีโดยที่ภายใต้ยุทธศาสตร์แต่ละด้านจะมีการจัดทาแผนแม่บทสาหรับประเด็นการพัฒนา/ประเด็นปฏริ ูปสาคญั สาหรับการพลิกโฉมประเทศไทย เพ่ือเปน็ เครื่องมอื ในการขบั เคล่อื นส่กู ารปฏบิ ัติให้บรรลุเปา้ หมายตามที่กาหนดไว้ในยุทธศาสตรช์ าติ1. กระบวนการจัดทายุทธศาสตร์ชาติ ตา มบทบั ญญั ติ มา ตรา 65 รัฐ ธ รรมนูญ แ ห่ ง (4) ให้คณะกรรมการจัดทายุทธศาสตร์ชาติด้านต่าง ๆราชอาณาจกั รไทยปี พ.ศ. 2560 รัฐพึงจัดให้มียุทธศาสตร์ชาติเป็น จัดทารา่ งยุทธศาสตร์ชาติเบ้ืองต้น ให้แล้วเสร็จภายในหน่ึงร้อยย่ีสิบเป้าหมายการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนตามหลักธรรมาภิบาล วันนับแต่วันท่ีได้รับแต่งต้ัง โดยให้ใช้ร่างยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปีเพื่อใช้เป็นกรอบในการจดั ทาแผนต่าง ๆ ให้สอดคล้องและบูรณาการ ท่ีคณะกรรมการจัดทายุทธศาสตร์ชาติตามมติคณะรัฐมนตรีเม่ือวันที่กันเพอื่ ใหเ้ กิดเปน็ พลังผลกั ดนั ร่วมกันไปสู่เปา้ หมายดงั กล่าว ในขณะที่ 30 มิถุนายน 2558 จัดทาขึ้นมาใช้เป็นหลักในการจัดทาร่างมาตรา 275 ให้คณะรฐั มนตรจี ดั ให้มีกฎหมายตามมาตรา 65 วรรค ยุทธศาสตร์ชาตเิ บอ้ื งตน้ ดังกลา่ ว และให้นาความเห็นหรือข้อเสนอแนะสอง ให้แล้วเสร็จภายในหน่ึงร้อยย่ีสิบวันนับแต่วันประกาศใช้ ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ และรัฐธรรมนญู นี้ และดาเนินการจดั ทายทุ ธศาสตรช์ าติให้แล้วเสร็จภายใน คณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศหน่ึงปีนับแต่วันที่กฎหมายดังกล่าวใช้บังคับ นอกจากนี้บทบัญญัติ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง มาประกอบมาตรา 78 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ปี พ.ศ. 2560 การพิจารณา รวมท้ังให้คานึงถึงความคิดเห็นของประชาชนท่ีได้รับรัฐพึงส่งเสริมให้ประชาชนและชุมชนมีความรู้ความเข้าใจท่ีถูกต้อง ตาม (3) ด้วยเก่ียวกับการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมขุ และมีสว่ นรว่ มในการพฒั นาประเทศดา้ นตา่ ง ๆ (5) ให้สานักงานดาเนินการให้มีการรับฟังความคิดเห็น ตามมาตรา 8 (2) ให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับร่าง สาหรับ พระราชบัญญัติการจาทายุทธศาสตร์ ในการ ยุทธศาสตรช์ าติเบือ้ งต้นตาม (4)จัดทายุทธศาสตร์ชาติ ตามบทบัญญัติมาตรา มาตรา 8ในกระบวนการจัดทาร่างยุทธศาสตร์ชาติ ให้คณะกรรมการจัดให้ (6) ให้คณะกรรมการจัดทายุทธศาสตร์ชาติด้านต่าง ๆประชาชนทุกภาคสว่ นได้เขา้ มามสี ว่ นรว่ มในการดาเนนิ การตามขั้นตอน แก้ไขเพิ่มเติมร่างยุทธศาสตร์ชาติให้สอดคล้องกับผลการรับฟังเพ่ือนามาแก้ไขปรับปรุง และมาตรา 16 ให้คณะกรรมการแต่งตั้ง ความคิดเห็นตามมาตรา 8 (6) ให้แล้วเสร็จ และเสนอต่อคณะกรรมการจัดทายุทธศาสตร์ชาติข้ึนคณะหน่ึงหรือหลายคณะ คณะกรรมการภายในส่ีสิบห้าวัน นับแต่วันที่การรับฟังความคิดเห็นเพอ่ื พิจารณาจดั ทาร่างยุทธศาสตร์ชาตใิ นดา้ นตา่ ง ๆ รวมท้งั มาตรา ตาม (5) แล้วเสร็จ28 ในวาระเร่ิมแรก เพ่ือให้การดาเนินการเป็นไปตามกาหนดเวลาท่ีบัญญัติไว้ในมาตรา 275 ของรัฐธรรมนูญให้การดาเนินการ (7) ให้คณะกรรมการพิจารณาร่างยุทธศาสตร์ชาติและเกยี่ วกบั การจัดทายทุ ธศาสตรช์ าติเป็นไปตามกาหนดเวลา ดงั ต่อไปน้ี เสนอต่อคณะรัฐมนตรีภายในสามสิบวันนับแต่วันท่ีได้รับร่าง ยุทธศาสตรช์ าติจากคณะกรรมการจัดทายทุ ธศาสตร์ชาติ (1) ให้คณะรัฐมนตรีแต่งต้ังกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิให้แล้วเสร็จภายในสามสบิ วันนับแตว่ นั ที่พระราชบัญญัตนิ ้ใี ชบ้ ังคบั (8) ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาร่างยุทธศาสตร์ชาติและ เสนอต่อสภานิติบญั ญตั แิ หง่ ชาตทิ าหน้าทรี่ ฐั สภาภายในสามสบิ วันนบั (2) ให้คณะกรรมการแต่งต้ังคณะกรรมการจัดทา แต่วนั ท่ีได้รับรา่ งยุทธศาสตรช์ าตจิ ากคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติด้านต่าง ๆ ให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รบั แตง่ ต้งั (9) ให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาให้ความ เห็นชอบร่างยุทธศาสตร์ชาติให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันท่ี (3) ให้ถอื ว่าการรับฟงั ความคดิ เห็นท่ีคณะกรรมการ ไดร้ บั รา่ งยุทธศาสตร์ชาติจากคณะรัฐมนตรีจดั ทายุทธศาสตร์ชาตติ ามมตคิ ณะรฐั มนตรีเมื่อวนั ที่ 30 มถิ ุนายน2558 และสานกั งานได้ดาเนนิ การกอ่ นวนั ท่ีพระราชบญั ญตั ินี้ใช้บงั คับ (10) ให้นายกรัฐมนตรีนาร่างยุทธศาสตร์ชาติท่ีเปน็ การดาเนนิ การตามมาตรา 8 (1) แล้ว แตไ่ ม่เป็นการตดั อานาจทจ่ี ะ สภานิติบัญญัติแห่งชาตใิ ห้ความเหน็ ชอบแลว้ ขน้ึ ทูลเกล้าทูลกระหม่อมดาเนนิ การใหม้ กี ารรับฟงั ความคดิ เห็นเพม่ิ เตมิ หนา้ 10 เลม่ 134 ถ ว า ย ภ า ย ใ น สิ บ วั น นั บ แ ต่ วั น ท่ี ไ ด้ รั บ ร่ า ง ยุ ท ธ ศ า ส ต ร์ ช า ติ จ า กตอนท่ี 79 ก ราชกิจจานเุ บกษา 31 กรกฎาคม 2560 สภานิตบิ ญั ญัติแห่งชาติ

รา่ งยุทธศาสตรช์ าติระยะ 20 ปี 2560 - 2579 115 สว่ นท่ี 42. การขับเคล่ือนสู่การปฏิบัติตามบทบัญญัติ มาตรา 10 พระราชบัญญัติการจัดทา ในส่วนของรัฐบาลคณะรัฐมนตรีท่ีจะเข้าบริหารราชการแผ่นดินยุทธศาสตร์ชาติ เมื่อมีพระบรมราชโองการประกาศใช้ ต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภา โดยยึดความสอดคล้องกับ กระบวนการ ัจดยุทธศาสต ์รชา ิต การขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติยุทธศาสตร์ชาติแล้ว ให้คณะกรรมการจัดทายุทธศาสตร์ชาติแต่ ยุทธศาสตรช์ าติ (มาตรา 162 ของรัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจักร และการติดตามประเมินผลละด้านจัดทาแผนแม่บทเพ่ือบรรลุเป้าหมายตามท่ีกาหนดไว้ใน ไทย พุทธศักราช 2560) รวมถึงใช้เป็นกรอบในการจัดสรรยุทธศาสตร์ชาติเสนอต่อคณะกรรมการพิจารณาให้ความ งบประมาณประจาปี ซึ่งเป็นแผนงบประมาณในลักษณะบูรณาการที่เห็นชอบก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี แผนแม่บทและแผนการปฏิรูป ครอบคลุมทงั้ มิติประเด็นการพัฒนา (Agenda) ภารกิจ (Function)ประเทศตามกฎหมายว่าดว้ ยแผนและขนั้ ตอนการดาเนินการปฏิรูป และพื้นท่ี (Area) ก็ต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติเช่นกันประเทศต้องมีความสอดคล้องกันแผนแม่บทท่ีคณะรัฐมนตรีให้ (มาตรา 5 วรรคสาม ในพระราชบัญญัติการจัดทายุทธศาสตร์ชาติความเห็นชอบและประกาศในราชกิจจานเุ บกษาแลว้ ใหม้ ีผลผูกพัน พทุ ธศักราช 2560)หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องที่จะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามนั้นรวมทั้งการจัดทางบประมาณรายจ่ายประจาปีงบประมาณต้อง สาหรับการเช่ือมโยงสู่ระดับปฏิบัติ ส่วนราชการนาแผนแม่บทสอดคล้องกบั แผนแม่บทดว้ ย ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติและแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ระยะ 5 ปี มาจัดทาแผนปฏิบัติราชการและแผนปฏิบัติราชการประจาปี ท้ังนี้ ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ชาตแิ ละแผนแม่บทดังกล่าว ใน ร ว ม ถึ ง ใ ช้ เ ป็ น ก ร อ บ ใ น ก า ร จั ด ท า แ ผ น พั ฒ น า ภ า ค / จั ง ห วั ดบางประเด็นการพัฒนาอาจมีความจาเป็นต้องดาเนินการ แผนอาเภอแผนท้องถิ่น/ชุมชน เช่นกัน (มาตรา 10 วรรคสามในเปลี่ยนแปลงสาคัญในเชิงโครงสร้าง กลไก และกฎหมายที่ พระราชบัญญัติการจัดทายุทธศาสตร์ชาติ พุทธศักราช 2560)เกี่ยวข้องจึงจะสามารถขับเคลื่อนการพัฒนาในเรื่องนั้นๆ ได้ ในขณะเดียวกัน หากมีประเด็นการพัฒนาใดท่ีจาเป็นต้องดาเนินการในสัมฤทธ์ิผล ก็จะมีแผนปฏิรูปที่สอดคล้องกัน ดังน้ัน แผนแม่บท ระดบั ของการปฏริ ูป หน่วยงานท่ีรับผดิ ชอบกจ็ ะนาแผนปฏิรูปในเรื่องและแผนการปฏิรูปประเทศตามกฎหมายว่าด้วยแผนและข้ันตอน น้ันๆ มาดาเนินการโดยอาจจะผนวกรวมไว้ภายใต้แผนปฏิบัติการการดาเนินการปฏริ ูปประเทศต้องมคี วามสอดคล้องกนั ทั้งนี้ การจัดทาและขับเคลื่อนแผนในทุกระดับต้ังแต่ระดับยุทธศาสตร์ ชาติลงมาถึงระดับพ้ืนที่จะเน้นการสร้างความสมดุลระหว่างความ สาหรับการจัดทาแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ต้องการในระดับพ้ืนที่ (Bottom-Up) และทิศทางในภาพรวมของเชิงบูรณาการระยะ 5 ปี และนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมัน่ คงแห่งชาตกิ ็ตอ้ งสอดคล้องกบั ยุทธศาสตร์ชาติ โดยที่ประเด็นการพัฒนาในทุกด้านจะถูกครอบคลุมภายใต้ 2 แผนนี้ ระดับประเทศ (Top-Down) โดยใช้กระบวนการมีส่วนร่วมในการซึ่งบางประเด็นการพัฒนาภายใต้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม กาหนดทิศทางการพัฒนาประเทศของทุกภาคส่วน (การใช้ Bottom-แห่งชาติก็จะมีแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติที่กากับไว้ด้วย up และ Participatory Approach ตามที่กาหนดไว้ในมาตรา 65หากมีความจาเป็น แต่ระยะเวลาสาหรับแผนแม่บทอาจจะสั้นหรือ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560ยาวกว่า 5 ปีก็ได้ และในบางประเด็นการพัฒนาภายใต้ เป็นหลกั และ มาตรา 8 ในพระราชบญั ญตั ิการจดั ทายทุ ธศาสตร์ชาติแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติก็อาจจาเป็นต้อง พทุ ธศักราช 2560)ดาเนนิ การในระดบั ของการปฏริ ูปจงึ จะเกดิ ผล

รา่ งยทุ ธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี 2560 - 2579 116 สว่ นท่ี 4ก า ร ติ ด ต า ม แ ล ะ ป ร ะ เ มิ น ผ ล ก า ร ด า เ นิ น ง า นต า ม ยุ ท ธ ศ า ส ต ร์ ส า คั ญ ข อ ง ป ร ะ เ ท ศ ตามบทบัญญัติมาตรา 11 พระราชบัญญัติการจัดทายุทธศาสตร์ชาติ ให้คณะกรรมการจัดให้มีการทบทวนยุทธศาสตร์ กระบวนการ ัจดยุทธศาสต ์รชา ิตชาติทุกห้าปี หรือในกรณีท่ีสถานการณ์ของโลกหรือสถานการณ์ของประเทศเปล่ียนแปลงไปจนไม่สามารถหรือไม่เหมาะสมท่ีจะ การขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติดาเนินการตามเป้าหมายหรือยุทธศาสตร์ด้านหน่ึงด้านใดได้ หากคณะกรรมการเห็นสมควรแก้ไขเพ่ิมเติมยุทธศาสตร์ชาติเพ่ือให้ และการติดตามประเมินผลสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ให้คณะกรรมการขอความเห็นชอบ รวมทั้งบทบัญญัติมาตรา 24 เพ่ือประโยชน์ในการติดตามผลการดาเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ ใหห้ นว่ ยงานของรัฐรายงานผลการดาเนินการดังกล่าวต่อสานักงาน ภายในเวลาและตามรายการทีส่ านักงานกาหนด และใหส้ านักงานจัดทารายงานสรุปผลการดาเนินการประจาปีเสนอต่อคณะกรรมการ คณะรัฐมนตรีและรฐั สภาทราบภายในเก้าสิบวนั นับแต่วันที่ไดร้ บั รายงานจากหนว่ ยงาน ท้ังนี้ รายงานดังกล่าวอย่างน้อยต้องระบุความก้าวหน้าของการดาเนินการตามยทุ ธศาสตรช์ าติ ปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะในการดาเนินการให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติด้วย นอกจากนี้มาตรา 27 ให้สานักงานเผยแพร่รายงานท่ไี ดร้ บั จากหน่วยงานของรัฐ และรายงานสรุปผลการดาเนินการประจาปีและรายงานเป็นการเฉพาะเร่อื งตามมาตรา 24 ใหป้ ระชาชนทราบทางระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศของสานักงาน การวางระบบการติดตามประเมินผลกระทบการดาเนินงานตามยุทธศาสตร์สาคัญของประเทศ เพื่อให้สามารถนาไปประยกุ ต์ใชเ้ ป็นเคร่ืองมือในการตดิ ตามประเมนิ ผลทเ่ี ช่ือมโยงจากระดบั ยุทธศาสตร์ ระดบั ภารกิจหรือระดบั กระทรวง และระดับพ้ืนที่ ท้ังนี้การติดตามประเมินผลในระดับพ้ืนที่และระดับกระทรวงมุ่งประเมินความสาเร็จของแผนงาน/โครงการของจังหวัดและกระทรวงโดยพิจารณาปัจจัยนาเข้า กระบวนการ ผลผลิต ผลลัพธ์ และผลกระทบโดยใช้โมเดลเชิงตรรกะ (Logic Model) เป็นเคร่ืองมือส่วนการติดตามประเมินผลในระดับยุทธศาสตร์ที่มุ่งประเมินความสาเร็จของการดาเนินงานตามยุทธศาสตร์สาคัญของประเทศ จะใช้ทฤษฎีการเปล่ียนแปลง (Theory of Change) เปน็ เคร่อื งมือในการศึกษาเปรียบเทียบการประเมินผลลัพธ์ และผลกระทบระหว่างค่าท่ีเกิดข้ึนจริงกับค่าที่คาดหวังในแต่ละตัวชี้วัด ทั้งน้ี การติดตามประเมินผลแบบถ่ายทอดระดับ (Cascade) ในแต่ละระดับจากระดับยุทธศาสตร์ ภารกจิ พ้นื ที่ จะตอ้ งแสดงใหเ้ หน็ ความเชือ่ มโยงในแตล่ ะระดับ ซง่ึ เป็นการประเมนิ ใน 2 มิติ คือมิ ติ ที่ 1 ระดับยุทธศาสตร์ (Strategic based) ซึ่งเป็น มิ ติ ท่ี 2 ระดับกระทรวง (Function Based) และระดับระดับท่ีเปน็ เป้าหมายทีค่ าดหวงั จะพัฒนาประเทศ เปน็ จดุ สูงสุดของ พ้ืนที่ (Area –Based) ซึ่งเป็นฐานของรูปสามเหล่ียมรูปสามเหลี่ยมท่ีต้องการให้เกิด ในมุมมองมิติระดับยุทธศาสตร์ เน่ืองจากเป็นข้อมูลที่นาไปสู่การวิเคราะห์ผลกระทบในระดับจะเปน็ การมองผลผลิตที่คาดหวัง (Desired Outputs) ผลลัพธ์ ยุทธศาสตร์ต่อไป มิติที่ 2 นี้เป็นระดับปฏิบัติการที่นาท่ีคาดหวัง (Desired Outcomes) และผลกระทบท่ีคาดหวัง โครงการ/แผนงาน กิจกรรมและมาตรการต่าง ๆ ท่ีเกิดข้ึน(Desired Impacts) ซึ่งสานักงานคณะกรรมการพัฒนาการ จากการนาแนวทางการพัฒนาของยุทธศาสตร์ไปสู่การปฏิบัติเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จัดทารายงานติดตามประเมินผล เป็นการมอง ผลผลิต ผลลัพธ์ และผลกระทบท่ีเกิดขึ้นจริงแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ท่ีเชื่อมโยงกับแผนงาน/ ความสาเร็จในระดับยุทธศาสตร์จะเกิดข้ึนได้ จาเป็นต้องอาศัยโครงการทัง้ ในระดับกระทรวงและพื้นท่ี และเชอื่ มโยงกบั ยทุ ธศาสตร์ชาติ โดยการใช้ตัวชี้วัดผลผลิตร่วม (Output JKPI) ตัวชี้ ความสาเร็จจากการดาเนินงานของโครงการ/แผนงานผลลัพธ์ร่วม (Outcome JKPI) ตัวช้ีวัดผลกระทบร่วม (Impact กิจกรรมและมาตรการต่างๆ ท้ังในระดับกระทรวง (FunctionJKPI) เปน็ เครื่องมือวดั ผลการพฒั นาในภาพรวมของประเทศ Based) และระดับพื้นที่ (Area–Based) ซ่ึงกระทรวงรวมกับ พื้นที่จังหวัดต้องทาหน้าที่จัดทารายงานติดตามประเมินผล Evaluation แผนงาน/โครงการ ทงั้ ในระดบั ผลผลิต ผลลพั ธ์ และผลกระทบ เพอื่ ใชเ้ ปน็ ขอ้ มลู ประกอบการประเมนิ ผลแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และ สงั คมแหง่ ชาติ และยทุ ธศาสตรช์ าติ พรอ้ มทั้งจัดฝึกอบรมเทคนิค วิธกี าร หลักการ แนวคดิ ในการประเมินผลแผนงาน/โครงการ ให้กับหนว่ ยงานปฏบิ ัติ ใหม้ คี วามรู้ความสามารถในการติดตาม ป ร ะ เ มิ น ผ ล แ ผ น ง า น / โ ค ร ง ก า ร ค ว บ คู่ ไ ป กั บ ส ร้ า ง ร ะ บ บ ตรวจสอบระบบติดตามประเมินผล (Evaluation Audit) เพ่ือปรับระบบติดตามประเมินผลให้มีมาตรฐานสากล โดย สานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ ควรมีบทบาทในการทาหน้าท่ีเป็นผู้ตรวจสอบ (Auditor) ระบบประเมินผล เพื่อให้ระบบการติดตามประเมินผล เป็นมาตรฐานเดียวกัน ซ่ึงในทุกขั้นตอนต้องเปิดโอกาสให้ผู้มี ส่วนได้ส่วนเสียเข้ามามีส่วนรวม รับฟังความคิดเห็น และตรวจสอบแผนงาน/โครงการ

ร่างยุทธศาสตรช์ าตริ ะยะ 20 ปี 2560 - 2579 117 ส่วนที่ 4ก า ร ติ ด ต า ม ป ร ะ เ มิ น ผ ล กระบวนการ ัจดยุทธศาสต ์รชา ิต การขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติ และการติดตามประเมินผล นอกจากน้ี ต้องมีการวางระบบการติดตามประเมินผล 3 ระยะเวลา การประเมินผลก่อนการปฏบิ ตั กิ ารหรอื กอ่ นเรม่ิโครงการ (Ex-ante Evaluation) อยา่ งถกู ตอ้ งตามหลกั วชิ าการ เปน็ การประเมนิ สถานการณ์และสารวจข้อเท็จจริง สมมติฐานความเป็นไปได้ในข้ันตอนการจัดเตรยี มนโยบายทัง้ รูปกฎหมายและมใิชก่ ฎหมายเพอื่ กลน่ั กรองโครงการ เชน่ ศกั ยภาพในการพฒั นาพน้ื ที่ ตน้ ทนุ การดาเนนิ งาน และการประเมินผลระหว่างดาเนินการ (On-Going Evaluation) เป็นการติดตามประเมินผลความก้าวหน้าในระยะท่ีกาลังดาเนนิ งานเพอ่ื ศกึ ษาวา่ มีปญั หาอุปสรรคใดบา้ งในการดาเนนิ งานทั้งจากปจั จยั ภายในและภายนอกท่ีมีผลกระทบต่อการดาเนินงาน สาหรับการประเมินผลหลังการดาเนินงาน (Ex-Post Evaluation) เปน็ การประเมนิ ผลเพื่อสรปุ เมือ่ สิ้นสุดแผนแล้วได้รับความสาเร็จตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายท่ีกาหนดไว้มากนอ้ ยเพียงใด มผี ลผลิต ผลลัพธ์ และผลกระทบที่เกิดข้นึ ภายหลงั จากสิน้ สดุ แผนเมอื่ เทียบกับท่อี อกแบบไวใ้ นตอนเรมิ่ ต้น

บทสรุป

ร่างยทุ ธศาสตรช์ าติระยะ 20 ปี 2560 - 2579 119บ ท ส รุ ป บทสรุป การวิเคราะห์สถานการณ์และสภาพแวดล้อมของประเทศในปัจจุบันและแนวโน้มบริบทและเงื่อนไข บทสรุปการพัฒนาภายนอกประเทศที่ประเทศไทยจะต้องเผชิญ บ่งช้ีว่า ประเทศไทยมีจุดแข็งหลายด้าน ซ่ึงหากมีการดาเนินยุทธศาสตร์ในเชิงรุกท่ีเหมาะสมก็จะทาให้ประเทศไทยสามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสที่เกิดข้ึนจากการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์โลกในการรักษาไว้ซึ่งผลประโยชน์แห่งชาติ และขับเคล่ือนการพัฒนาให้ประเทศหลุดพ้นจากกับดักความเหลื่อมล้า ความไม่สมดุล และกับดักผลิตภาพการผลิตต่า และก้าวไปเป็นประเทศท่ีพัฒนาแล้วได้ในระยะเวลาที่กาหนด จุดแข็งท่ีสาคัญ ได้แก่ การมีตาแหน่งที่ต้ังที่สามารถเป็นจุดเช่ือมโยงและกระจายความเช่ือมโยงท่ีสาคัญในภูมิภาคและเป็นการประตูสู่เอเชียที่สาคัญแห่งหน่ึงการเป็นฐานการผลิตและบริการสาคัญท่ีหลากหลาย คนไทยโดยเฉล่ียมีการศึกษาและสุขภาพดีขึ้นระบบเกื้อกูลในครอบครัวไทยเข้มแข็ง และมีความหลากหลายเชิงนิเวศน์ แต่ในขณะเดียวกันก็มี จุดอ่อนหลายประการท่ีต้องขจัดให้หมดไป โดยเฉพาะจุดอ่อนเหล่านี้เม่ือเผชิญกับภัยคุกคามในรูปแบบใหม่ ๆ และการแข่งขันท่ีรุนแรงภายใต้โลกไร้พรมแดนก็จะสร้างความเสียหายและเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศได้แก่ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ ในระยะเวลา 15– 20 ปีต่อจากนี้ไป ข้อจากัดด้านทรัพยากรทั้งแรงงานและทรัพยากรธรรมชาติ ผลิตภาพการผลิตยังต่าและการพัฒนา และการใช้นวัตกรรมมีน้อย การลงทุนเพื่อการวิจัยและพัฒนามีน้อย และมีปัญหาความเหลื่อมล้าในด้านต่าง ๆ และส่งผลให้ขาดความสามัคคีสมานฉันท์ในสังคม ขีดความสามารถของทรัพยากรมนุษย์ยังต่า โครงสร้างพื้นฐาน ระบบโลจิสติกส์ และบริการทางสังคมยังต้องยกระดับคุณภาพอย่างท่ัวถึง รวมท้ังความอ่อนแอของการบริหารราชการแผ่นดิน ท่ียังต้องเร่งปฏิรูประบบราชการและการเมืองเพ่ือให้เกิดการบริหารราชการแผ่นดินที่มีประสิทธิภาพและโปร่งใส ลดคอร์รัปช่ันและการปฏริ ูปกฎระเบียบและกฎหมายใหท้ ันสมยั ทั้งนีเ้ งอื่ นไขและการเปล่ียนแปลงภายนอกท่ีสาคัญ ท้ังที่เป็นโอกาส ความเส่ียง และความท้าทายต่อการพัฒนาประเทศไทยในอนาคต ในระยะ 20 ปีข้างหน้า อาทิ กระแสโลกาภิวัตน์ท่ีเข้มข้นข้ึนอย่างต่อเน่ืองนับเป็นโอกาสทางการค้าและการลงทุนมากข้ึน แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องปรับตัวให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกไร้พรมแดนใหไ้ ด้ การรวมกลุ่มเศรษฐกิจในภูมิภาคนาไปสู่ความเช่ือมโยงทุกระบบมากข้ึนประกอบกับการที่ ศูนย์รวมอานาจทางเศรษฐกิจโลกเคลื่อนย้ายมาสู่เอเชียก็เป็นโอกาสท่ีประเทศไทยจะขยายความร่วมมือเพื่อการพฒั นาประเทศใหก้ ้าวหนา้ มากขึน้

ร่างยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี 2560 - 2579 120 บทสรุป อย่างไรก็ตาม การใช้ประโยชน์จากโอกาสที่เกิดข้ึนต่อการพัฒนาประเทศ และการบริหาร บทสรุปจัดการความเส่ียงอย่างมีประสิทธิภาพนั้น ประเทศไทยจาเป็นต้องมีระบบการบริหารจัดการความเส่ียงที่เกิดจากการเคล่ือนย้ายอย่างเสรีและรวดเร็วของผู้คน เงินทุน ข้อมูลข่าวสารองค์ความรู้และเทคโนโลยี และสินค้าและบริการลงทุน และต้องให้ความสาคัญกับการพัฒนา วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา และการพัฒนานวัตกรรมมากข้ึน เพ่ือให้สามารถก้าวทันการเปล่ียนแปลงเทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยให้ที่มีแนวโน้มจะเปล่ียนแปลงแบบฉับพลันและพลิกโฉมซึ่งจะทาให้การแข่งขันมีความยากลาบากมากขึ้น และหากไม่รู้เท่าทันการอาจส่งผลเสียจากการนามาใช้ไม่เหมาะสม ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของกระแสโลกประเทศไทยเผชิญปัญหาสาคัญ คือคนไทยคุณภาพยังต่า ยังมีความเปราะบางและอ่อนไหวต่อการเปล่ียนแปลงทางสถานการณ์เศรษฐกิจทางสั งคมแ ละวั ฒนธร รม ค นไท ย ข าด ทักษ ะและ ดุลย พิ นิจ ในกา รเลือ ก รั บ ปรั บ ใ ช้วัฒนธรรมและเทคโนโลยีได้อย่างชาญฉลาดและรู้เท่าทัน และขาดวินัย จึงต้องพัฒนาเพิม่ ศกั ยภาพคนไทยในทุกชว่ งวยั อย่างเรง่ ด่วน นอกจากน้ี ยังมีความเปลี่ยนแปลงท่ีประเทศไทยจะต้องเผชิญ คือ สภาพแวดล้อมและการเปลย่ี นแปลงภูมิอากาศโลกมีความผนั ผวน ความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติเพ่ิมขึ้น รวมทั้งมีความเส่ียงต่อความม่ันคงด้านอาหาร น้า และพลังงาน กฎระเบียบและข้อตกลงด้านส่ิงแวดล้อมจะมีความเข้มข้นและเข้มงวดขึ้น และความจาเป็นท่ีจะต้องเร่งปรับตัวให้การใช้พลังงานมีประสิทธิภาพพัฒนาพลังงานสะอาดและพลังงานทดแทนเพ่ิมข้ึน สร้างสมดุลความม่ันคงด้าน พลังงานและอาหารรวมท้ังการวางแผนให้สอดรับกับความเป็นเมืองที่เติบโตต่อเนื่อง ซ่ึงต้องกาหนดของรูปแบบและกฎเกณฑ์ท่ีเก่ียวเนื่องกับลักษณะการใช้พื้นท่ี และความเป็นมิตรต่อ ส่ิงแวดล้อมกันเข้มงวดมากข้นึ

ร่างยุทธศาสตรช์ าติระยะ 20 ปี 2560 - 2579 121 บทสรปุ ดังนั้น การกาหนดให้มี “ยุทธศาสตร์ชาติ” เพื่อเป็นยุทธศาสตร์ในการพัฒนาประเทศในระยะยาว บทสรุปพร้อมกับการปฏิรูปและการพัฒนาระบบและกลไกการบริหารราชการแผ่นดินในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ให้สามารถนาไปสู่การปฏิบัติอย่างจริงจังจะช่วยยกระดับคุณภาพของประเทศไทยในทุกภาคส่วนและนาพาประเทศไทยใหห้ ลุดพ้นหรือบรรเทาความรุนแรงของสภาพปัญหาท่ีเกิดข้ึนในปัจจุบัน ท้ังปัญหาความมั่นคงปัญหาทางเศรษฐกจิ ปญั หาความเหลื่อมล้า ปญั หาการทจุ ริตคอร์รัปชน่ั และปัญหาความขัดแย้ง ในสังคมรวมถึงสามารถรับมือ กับภัยคุกคามและบริหารจัดการ กับความเสี่ยงที่จะเกิดข้ึนในอนาคตและสามารถเปล่ียนผ่านประเทศไทย ไปพร้อมๆ กับการเปล่ียนแปลงภูมิทัศน์ใหม่ของโลกได้ ซ่ึงจะทาให้ประเทศไทย ยังคงรักษาบทบาทสาคัญ ในเวทีโลก สามารถดารงรักษาความเป็นชาติ ท่ีมีความม่ันคงทางเศรษฐกิจ สังคม และวฒั นธรรม และคนไทยในประเทศมคี วามอย่ดู ีมีสุข อย่างถ้วนหน้ากัน รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 จึงได้กาหนดให้รัฐ พึงจัดให้มียุทธศาสตร์ชาติเป็นเป้าหมายการพัฒนาประเทศอย่างย่ังยืนในระยะยาวตามหลักธรรมาภิบาลเพื่อใช้เป็นกรอบในการจัดทาแผนต่างๆ ให้สอดคล้องและบูรณาการกันเพ่ือให้เกิดเป็นพลังผลักดันรว่ มกนั ไปสเู่ปา้ หมายดงั กลา่ ว “ยทุ ธศาสตรช์ าติ 20 ปี (พ.ศ. 2560-2579)” โดยกาหนดวิสัยทัศน์“ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย มี ค ว า ม ม่ั น ค ง มั่ ง คั่ ง ย่ั ง ยื น เ ป็ น ป ร ะ เ ท ศ พั ฒ น า แ ล้ ว ด้ ว ย ก า รพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” หรือคติพจน์ประจาชาติ “ม่ันคง มั่งค่ังย่ังยืน” เพ่ือให้ประเทศมีขีดความสามารถในการแข่งขันในการผลิตและบริการท่ีหลากหลาย บนฐานของการเทคโนโลยีสมัยใหม่และนวัตกรรม มีรายได้สูงอยู่ในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว คนไทย เป็นคนคุณภาพท่ีมีความสุข อยู่ดี กินดี สังคมมีความมั่นคง เสมอภาคและเป็นธรรม ซ่ึงยุทธศาสตร์ชาติ ที่จะใช้เป็นกรอบแนวทางการพัฒนาในระยะ 20 ปีต่อจากน้ีไปจะประกอบด้วย 6 ยุทธศาสตร์ ได้แก่(1) ยุทธศาสตร์ด้านความม่ันคง (2) ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน(3) ยุทธศาสตร์การพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ (4) ยุทธศาสตร์การสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม (5) ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตท่ีเป็นมิตรกบั สงิ่ แวดล้อม และ (6) ยุทธศาสตร์ดา้ นการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ

รา่ งยุทธศาสตรช์ าตริ ะยะ 20 ปี 2560 - 2579 122 บทสรุป ท้ั ง นี้ ก า ร จั ด ท า ร่ า ง ยุ ท ธ ศ า ส ต ร์ ช า ติ ฉ บั บ น้ี เ ป็ น เ พี ย ง ก ร อ บ แ น ว ท า ง เ พื่ อ ใ ห้ บทสรุปคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติตามพระราชบัญญัติการจัดทายุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2560นาไปจัดทายุทธศาสตร์ชาติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 65 ต่อไปซ่ึ ง ใ น ก า ร จั ด ท า ร่ า ง ฉ บั บ นี้ ไ ด้ มี ก า ร พิ จ า ร ณ า จ า ก ทุ ก มิ ติ ท้ั ง ใ น มิ ติ ข อ ง ป ร ะ เ ด็ น ก า ร พั ฒ น ามิติการพัฒนารายสาขา และมิติการพัฒนาเชิงพ้ืนท่ี โดยท่ีการนายุทธศาสตร์ชาติไปสู่การปฏิบัติใ ห้ สั ม ฤ ท ธิ์ ผ ล น้ั น ป ร ะ ช า ช น ทุ ก ภ า ค ส่ ว น จ ะ มี บ ท บ า ท ส า คั ญ ไ ม่ เ ฉ พ า ะ แ ต่ ใ น ขั้ น ต อ น ก า ร จั ด ท าแต่รวมถึงการขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติ และการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลที่ 20 ปีน้ี ทั้งน้ีโดยทีภ่ ายใต้ยุทธศาสตร์แต่ละด้านจะมีการจัดทาแผนแม่บทสาหรับประเด็นการพัฒนา/ประเด็นปฏิรูป สาคัญสาหรับการพลิกโฉมประเทศไทย เพ่ือเป็นเครื่องมือในการขับเคล่ือนสู่การปฏิบัติให้บรรลุเป้าหมายตามที่กาหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติ โดยที่ในบางประเด็นการพัฒนาอาจมีความจาเป็นต้องดาเนินการเปลี่ยนแปลงสาคัญในเชิงโครงสร้าง กลไก และกฎหมายที่เก่ียวข้องจึงจะสามารถขับเคลื่อนการพัฒนาในเรื่องน้ันๆ ได้สัมฤทธิ์ผล จะมีแผนปฏิรูปท่ีสอดคล้องกัน ดังน้ันแผนแมบ่ ทและแผนการปฏิรูปประเทศตามกฎหมายว่าด้วยแผนและขั้นตอนการดาเนินการปฏิรูปประเทศต้องมีความสอดคล้องกนั


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook