ĂÜÙÙŤ üćöøšĎêćöðøąđéîĘ ÷ìč íýćÿêøŤǰéšćîÖćøïøÖĉ ćøéšćîߊćÜ éĈđîîĉ ÖćøÝéĆ ìĈêćöĒñîÖćøÝéĆ ÖćøÙüćöøÖšĎ øöē÷íćíÖĉ ćøĒúąñÜĆ đöĂČ Üǰ ǰ%15ǰ,.ǰ\"DUJPOǰ1MBOǰ ðøąÝĈðŘÜïðøąöćèǰóýģĦħĢ ēé÷ǰǰ ÿëćïîĆ óĆçîćïčÙúćÖøéšćîÖćøóçĆ îćđöĂČ Ü ǰǰǰēìøýóĆ ìŤǰǰǰġǰģģĪĪǰĥħģĢ ǰǰǰēìøÿćøǰǰǰǰġǰģģĪĪǰĥħģĩ ÖĂÜïøĎ èąĒúąïĈøÜč øÖĆ þć ǰǰǰēìøýóĆ ìǰŤ ǰǰġǰģģĪĪǰĥĨģĨ ǰǰǰēìøÿćøǰǰǰǰġǰģģĪĪǰĥĨģĪ óĉöóÙŤ øĆĚÜìǰĊę Ģ ÖĆî÷ć÷îǰǰģĦħĢ ÝĈîüîǰǰĤĤġǰǰđúöŠ óĉöóŤìęǰĊ ïøĉþìĆ ǰđóøÿǰÙøĊđĂßîĆę ǰÝĈÖéĆ ǰǰǰēìøýóĆ ìŤǰǰǰġǰģĩĩĢǰĢģĥĦ ǰǰǰēìøÿćøǰǰǰǰġǰģĩĩĢǰĢģĥħ ÿÜüîú×ĉ ÿĉìíĝĉêćöóøïú×ĉ ÿĉìíǰĝĉ óýǰģĦĤĨǰĒúąìęĊĒÖšĕ×đóöęĉ đêĉö ÖćøéĈđîĉîÖćøĔéėǰĕöŠüŠćïćÜÿüŠ îǰĀøĂČ ìĚĆÜĀöé×ĂÜĀîÜĆ ÿČĂđúöŠ îǰĊĚ êšĂÜĕéšøïĆ Ăîčâćê ÝćÖÖøöē÷íćíÖĉ ćøĒúąñÜĆ đöČĂÜǰÖøąìøüÜöĀćéĕì÷
เน่ืองจากในปัจจุบันผักตบชวาขยายและแพร่พันธ์ุเป็นจานวนมาก ทาให้แม่นาลาคลอง ในภูมิภาคต่างๆ ของประเทศไทยมีผักตบชวาจานวนมาก เกิดผลกระทบอย่างมากกับผู้สัญจรทางนา ผู้คนท่ีใช้แม่นาลาคลอง ในการดารงชีวิตในวิถีชีวิตประจาวัน ตลอดจนถึงความสวยงามตามแม่นา ลาคลองในท้องถิ่นต่างๆ ท่ัวประเทศ ซึ่งรัฐบาลถือเป็นวาระสาคัญแห่งชาติ โดยบูรณาการร่วมกันทุกภาคส่วน และมีกระท รวงมหาดไท ย เป็น เจ้าภาพหลัก ทุกหน่วยงานร่วมกันรณรงค์และแก้ไขปัญหาใน ลักษณะประชารัฐร่วมใจดงั นัน กรมโยธาธกิ ารและผังเมือง ในฐานะฝา่ ยเลขานกุ ารคณะกรรมการอานวยการบูรณาการ เพื่อแก้ไขปัญหาผักตบชวา โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เป็นประธาน คณะกรรมการอานวยการฯ สามารถแก้ไขปัญหาผักตบชวาในแม่นาสายหลักทาให้การใช้ประโยชน์ จากแหล่งนามีคณุ ภาพชวี ิตทด่ี ีขึน เชน่ การสัญจรทางนาสะดวกขึนมีพนื ท่ีการเลียงสัตว์นา และเพ่มิ พืนท่ี กกั เกบ็ นา ระบายนาป้องกันนาท่วมบ้านเรือน และลดการเน่าเสียของนาไม่มีส่ิงกีดขวางการไหลระบาย ของนาตามแม่นาลาคลองต่างๆ โดยเฉพาะในฤดูนาหลากท่ีทาให้เกิดปัญหานาล้นตล่ิง สร้างความ เดอื ดรอ้ นใหแ้ ก่ประชาชน เพอื่ ให้การดาเนินการกาจดั ผักตบชวาและวัชพืช บรรลเุ ปา้ หมายตามแผนปฏิบตั ิการป้องกันและ แก้ไขปัญหาผักตบชวา กองบูรณะและบารุงรักษา กรมโยธาธิการและผังเมือง และสถาบันพัฒนา บคุ ลากรด้านการพฒั นาเมือง จึงได้รว่ มกนั จดั ทาหนังสือองคค์ วามรู้ (Knowledge Management - KM) เพือ่ ถ่ายทอดความรู้ และประสบการณ์ การทางานในพนื ทที่ ่ีได้ดาเนินการเสร็จเป็นรปู ธรรมแลว้ เผยแพร่ ภายในองค์กร ทังส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค เพื่อให้เกิดการเรียนรู้และพัฒนางานให้มีคุณภาพ คณะผู้จัดทาขอขอบคุณ ข้อมูลจากฝ่ายต่างๆ ในการอ้างอิงในตอนท้ายของเนือหาและหวัง เป็นอย่างยิ่งว่า ข้อมูลผักตบชวาที่นามาเรียบเรียง สามารถนาไปใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด แก่ผ้ทู ี่สนใจในการศึกษาความรเู้ กย่ี วกับผักตบชวาเป็นอยา่ งมาก คณะผจู้ ดั ทา
บทท่ี ๑ บทนา หนา้ บทที่ ๒ ความเปน็ มาและการปฏิบัติการกาจัดผักตบชวา ๑ ๑- ๙ ของกรมโยธาธิการและผงั เมอื ง ๑๐๗– ๑๓ บทท่ี ๓ วธิ ีการดาเนินงานของกรมโยธาธกิ ารและผังเมือง และศนู ยป์ ระสานงานแกไ้ ขปัญหาและกาจดั ผักตบชวา ๑๑๔๑– ๒๐ บทที่ ๔ ปญั หา อุปสรรค และการนาผกั ตบชวาไปใช้ประโยชน์ ๒๑๑๙– ๓๓ บทท่ี ๕ บทสรปุ ๓๓๔๓– ๓๘ ๓๔๙๓ บรรณานกุ รม
องคค วามรูตามประเดน็ ยทุ ธศาสตร กดรมาโนยกธาารธบิการรกิ แาลระดผา ังนเมชอืางง บทที่ ๑ บทนา การจัดการองค์ความรู้ผกั ตบชวา เป็นการเรียบเรียงข้อมูลจากแหลง่ ต่างๆ ซ่ึงมเี นือหาเก่ยี วกบั ความเป็นมา ขอ้ มูลต่างๆ ของผักตบชวา ปัญหาผลกระทบต่างๆ ท่ีเกิดขึนและข้อมลู การกาจัดผกั ตบชวาและวัชพืช รวมทังแบบแผน การดาเนินการแก้ไขปัญหาและการกาจัดผักตบชวา รวมถึงการนาผักตบชวาไปใช้ประโยชน์ เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจรายละเอียดเก่ียวกับผักตบชวา กับบุคคลหรือหน่วยงานท่ีต้องการทราบหรือเข้าถึงการศึกษาข้อมูล เกย่ี วกับผกั ตบชวา ในเชิงลึก เพ่ือนามาเปน็ แนวทางในการแก้ไขหรอื ปอ้ งกันปญั หา และการถา่ ยทอดความรู้เก่ียวกับ ผกั ตบชวา ท่มี ีผลกระทบอยา่ งมากในปจั จบุ นั ๑. วตั ถุประสงค์ - จดั ทาการรวบรวมค่มู ือองค์ความรู้เกย่ี วกับการดาเนินการกาจดั ผักตบชวาและวชั พชื - เพื่อให้ผู้ทตี่ ้องการหรอื เข้าถึง ขอ้ มูลองคค์ วามรเู้ ก่ยี วกับผักตบชวาได้นาไปเป็นประโยชน์ - เพื่อเป็นข้อมูลหรอื แนวทางสาหรบั การแกไ้ ขปัญหาทเ่ี กดิ จากผักตบชวาใหก้ ับหน่วยงานตา่ งๆ - เพ่ือวางแผนการทางานใหเ้ ปน็ ระบบพรอ้ มประสานงานและปฏบิ ตั งิ านอ่นื ๆ ท่เี กย่ี วข้อง ๒. ความสาคญั องค์ความรู้เกี่ยวกบั ผักตบชวาและการดาเนินการแก้ไขปัญหา จดั ทาขึนเพอื่ รวบรวมข้อมูลเพื่อให้ทราบถึง ข้อมูล เก่ียวกับการดาเนินการแก้ไขปัญหาผักตบชวา โดยให้ทราบถึงประวัติความเป็นมา ข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับผักตบชวา รวมถึงปัญหาและผลกระทบต่างๆ พร้อมทังการแก้ไขปัญหาและดาเนินการกาจัดผักตบชวาและวัชพืชให้เกิดผล อย่างเป็นระบบพร้อมประสานและปฏิบัติงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องตามท่ีได้รับมอบหมายและ เพ่ือให้ข้อมูลองค์ความรู้ เก่ียวกับผักตบชวาและการดาเนินการแก้ไขปัญหา เป็นประโยชน์เพ่ือการวางแผน หรือการศึกษาข้อมูล สาหรับ หนว่ ยงานหรือบุคคล ไดอ้ ย่างสูงสุด ประจาํ ปง บแปผรนะกมาารณจดั พก.าศร.๒ค๕วา๖ม๑รู ๑
แกนําจวดัทผางักกตาบรชดวําาเนแนิ ลกะาวรัชพืช ๓. ความเป็นมาของผกั ตบชวา ผักตบชวาเป็นพืชพืนเมกือางรกขอาเงนทิดวอปี ยอู่ในเมปรระิกเทาใศต้ เขา้ ใจว่ามีการกาเนิดอยู่ในประเทศ บราซิล แม้ว่าในปัจจุบัน ผักตบชวาจะเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายท่ัวโลก แต่เอกสารทางพฤกษศาสตร์ไม่ได้เคยมีบันทึกเร่ืองผักตบชวาเลย จนกระทั่งเม่ือปี พ.ศ. ๒๓๖๗ นักพฤกษศาสตร์และนายแพทย์ชาวเยอรมันช่ือ Karl von Martius ได้ไปพบเข้าใน ขณะที่ทาการสารวจพันธุ์พืชในบราซิล ประเทศต่างๆ ในทวีปอเมริกาใต้ในขณะนัน ผักตบชวาไม่ได้ก่อให้เกิดปัญหาใดๆ ให้แก่ วงการต่างๆ เลย ทังนีก็เพราะว่าในถิ่นกาเนิดของมัน มีศัตรูธรรมชาติเช่น แมลง โรค และศัตรอู ่ืนๆ คอยควบคุมการ ระบาดอยู่แลว้ แต่เม่ือถูกนา ไปจากถิ่นกาเนิดซึ่งปราศจากศตั รูธรรมชาติ ผักตบชวาจึงเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วและ ถงึ ขนั ทาให้เกดิ ปญั หาตา่ งๆ ตามมาอย่างมาก ประเทศไทยมีผักตบชวามาตังแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ โดยเจ้านายในสมัยนันได้ตามเสด็จไปประเทศ อินโดนีเชียปี พ.ศ. ๒๔๔๔ ได้เห็นผักชนิดนีออกดอกสมี ่วงสวยงามอยู่ทั่วไปจงึ ไดน้ าเอาพันธผุ์ ักตบชวามายังประเทศไทย เพียงเล็กน้อย ใสอ่ ่างดินเลียงไวห้ น้าวังสระประทุมจนกระท่งั ออกดอกสวยงามและเพิ่มจานวนมากขึนจนลน้ กระถาง ประกอบด้วยในช่วงนันเกิดนาท่วมวังสระประทุม จึงทาให้ผกั ตบชวาลอ่ งลอยกระจัดกระจายออกไปตามท่ีตา่ งๆ และ แพร่พันธุ์อย่างกว้างขวางจนถึงปัจจุบันนี ถือว่าเป็นวัชพืชที่ก่อปัญหามากท่ีสุด เข้ามาในประเทศไทยประมาณปี พ.ศ. ๒๔๔๔ และเม่ือปี พ.ศ.๒๔๕๖ ได้มีการออกกฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมการเจริญเติบโตของผักตบชวา ๔ มาตรา แต่กฎหมายฉบับนี ได้มกี ารยกเลกิ ไป เม่ือปี พ.ศ. ๒๕๔๖ ๒ DPT KM Action Plan 2018
องคค วามรูต ามประเด็นยทุ ธศาสตร กดรมาโนยกธาารธบกิ ารริกแาลระดผาังนเมชอืางง ๔. ลักษณะของผักตบชวา ๔.๑ ต้นผักตบชวา ลาต้นมีลักษณะอวบนา ผิวลาต้นเรียบเป็นสีเขียวอ่อนและเข้ม ลาต้นจะมีขนาดสันหรือยาวจะ ขนึ อยูก่ ับความอุดมสมบรู ณ์ของแม่นา ก้านใบจะพองออกตรงชอ่ งกลาง ภายในมีลักษณะเป็นรูพรุน จึงช่วยพยุง ลาตน้ ให้ลอยนาได้ ลาต้นสนั มีความสูงได้ประมาณ ๓-๙๐ เซนตเิ มตร รากจะแตกออกจากลาต้น บริเวณขอ้ ราก มักมีสีม่วงดา ซึ่งลาต้นลอยอยู่บนผิวนาบางต้นอาจจะขึนอยู่ตามโคลนในท่ีนาตืน สามารถขึนบนบกก็ได้ มีความ ทนทานตอ่ ความแหง้ แลง้ ไดด้ ี แตจ่ ะไม่ทนนาเค็ม ผักตบชวาเป็นพชื ทข่ี ยายพนั ธไุ์ ด้รวดเรว็ โดยการแยกกอหรือใช้ ไหล พบได้ท่ัวไปตามรมิ นา ๔.๒ ใบผักตบชวา ใบผกั ตบชวา ใบเป็นใบเดี่ยว แตกจากลาต้นเป็นกอ โคนก้านใบแผ่เปน็ กาบหุ้มประกบไว้ ใบจะป่อง ออก เพ่ือช่วยให้ลอยตัวอยู่ในนาได้ ใบเป็นรูปไข่หรือเกือบกลม ก้านใบอวบนาตรงกลางพองออก ภายในเป็นช่อง อากาศคล้ายกับฟองนา จึงช่วยพยุงลาต้นใหล้ อยนาได้ ลักษณะของใบจะคลา้ ยกับใบโพธ์ิ แต่ขนาดของใบจะกว้างกว่า และปลายใบจะป้านเล็กน้อย ใบมีขนาดกว้างใหญ่ รูปร่างค่อนข้างกลม ปลายใบมน โคนใบเว้าเข้าหาก้านใบ มีหูใบ ขนาดของใบและความยาวของก้านจะขึนอยู่กับสภาพแวดล้อม แผ่นใบเป็นสีเขียวสด มีลายเส้นโค้งทังใบ ใบสดจะ ประกอบไปด้วยสารแคโรทีนในปรมิ าณทค่ี อ่ นขา้ งสูง ประจําปง บแปผรนะกมาารณจัดพก.าศร.๒ค๕วา๖ม๑รู ๓
แกนาํ จวัดทผางักกตาบรชดวาํ าเนแินลกะาวรชั พชื ๔.๓ ดอกผกั ตบชวา ดอกผักตบชวา ออกดอกเป็นช่ออยู่กลางกอ ไม่มีก้านดอก ในช่อหน่ึงจะประกอบไปด้วยดอก ขนาดเล็กหลายดอก มีดอกประมาณ ๓-๒๕ ดอก ดอกยอ่ ยเป็นสีชมพูอมฟ้าหรือสมี ว่ ง มกี ลีบดอก ๖ กลบี กลบี บนสุด จะมีขนาดใหญ่กว่ากลีบอื่น ๆ และจะมีจุดหรือแต้มสีเหลืองที่กลางกลีบ กลีบดอกจะมีลักษณะบาง เมื่อช่อดอกเจริญขึน กา้ นช่อดอกจะค่อย ๆ ยาว พองใหญ่ขึน ทาใหภ้ ายในที่หุ้มก้านช่อดอกกับก้านใบขาดออก เมื่อก้านชอ่ ดอกเจรญิ มาก ขึนจะดันกาบใบก้านในขาด ก้านช่อดอกจะแทงชูช่อดอกเจริญโผล่ขึนมา โดยมีใบเล็ก ๆ ที่ปลายก้านใบและภายใน ทาหน้าท่ีเป็นใบประดบั รองรับชอ่ ดอกอีกหนง่ึ เม่ือเจรญิ เต็มทแ่ี ล้วดอกมักจะบานพร้อมกนั หมดทังช่อ โดยจะเรม่ิ บาน ตังแตแ่ สงอาทิตย์เร่มิ ส่อง และจะบานเต็มที่เม่อื แสงแดดส่องจา้ โดยดอกจะบานแค่เพียง ๑ วัน มีความสวยเด่นสะดุด ตา และดึงดูดสายตาได้ดีมาก โดยจะออกดอกช่วงปลายฤดูหนาวถึงต้นฤดูร้อน และเน่ืองจากช่อดอกของผักตบชวามี ลักษณะคล้ายคลงึ กบั ดอกไฮยาซนิ ธ์ จึงเป็นที่มาของชอ่ื สามญั ว่า Water Hyacinth ๔.๔ ผลผกั ตบชวา ผลผักตบชวา ผลเป็นแบบแคปซูลแห้งและแตกได้ ลักษณะเป็นรูปทรงกระบอก แบ่งเป็นพู ๓ พู เมอ่ื แก่จะแตกกลางพู ภายในมีเมลด็ จานวนมาก ลกั ษณะของเมลด็ เปน็ รปู กลมขนาดเลก็ ๔ DPT KM Action Plan 2018
องคความรตู ามประเด็นยทุ ธศาสตร กดรมาโนยกธาารธบิการริกแาลระดผาังนเมชอืางง ๕. การสบื พันธุ์ของผักตบชวา โดยท่ัวๆ ไปผกั ตบชวาจะไม่สืบพนั ธ์ุโดยเมลด็ นอกจากในสภาพแวดลอ้ มท่ีเหมาะสมเช่นในตอนท่นี าแห้ง ในฤดูแล้ง ซึ่งต้นผกั ตบชวาแห้งตายหมด ครันพอถงึ ฤดูฝนเมล็ดท่ีพักตัวอย่ใู นดินจะเรม่ิ งอกขึนมาเป็นต้นอ่อน และใน ไม่ช้ากจ็ ะเจรญิ เติบโตขึน การสบื พนั ธข์ุ องผักตบชวาท่ีพบเห็นอยู่ท่ัวไปและเป็นวิธีท่ีมีประสทิ ธิภาพทสี่ ดุ กค็ ือ การแตก ไหล แล้วกลายเป็นลาต้นติดอย่กู ับต้นแม่เป็นจานวนมากจนเกิดเป็นกอใหญ่ หลังจากที่ต้นอ่อนที่เกิดใหม่ตาย ก็จะมี ต้นอ่อนใหมๆ่ เกดิ ขึนภายในเวลาเพียงไม่ก่วี นั ผักตบชวามีอัตราการเจริญเติบโตสูงมาก มีการสะสมมวลชีวภาพได้สูงถึง ๒๐ กรัม นาหนักแห้ง ตอ่ ตารางเมตร ตอ่ วัน โดยมอี ัตราการเจรญิ เตบิ โตสูงสดุ เท่ากบั ๑.๕ % ต่อวัน ถา้ ปลอ่ ยใหผ้ ักตบชวาเติบโตในแหล่งนา โดยเริ่มต้นจาก ๕๐๐ กรมั นาหนกั สด ต่อตารางเมตร ในระยะเวลาเพียง ๓ เดือนคร่งึ ผกั ตบชวาสามารถเจริญเตบิ โต และขยายพนั ธ์ใุ ห้มวลชีวภาพสูงถงึ ๔๐,๕๐๘ กรัม นาหนักสด ต่อตารางเมตร ในระยะเวลา ๑ ปี ประจาํ ปงบแปผรนะกมาารณจดั พก.าศร.๒ค๕วา๖ม๑รู ๕
แกนาํ จวดัทผางกั กตาบรชดวาํ าเนแนิ ลกะาวรัชพชื ผกั ตบชวาจะเจรญิ เตบิ โตสูงสดุ อย่ใู นช่วงเดือนเมษายนและมีการเจริญเติบโตตา่ สดุ ในช่วงเดือนมกราคม ผักตบชวา ๑ ต้น สามารถให้เมลด็ ได้ถึง ๕,๐๐๐ เมล็ด เมลด็ ผกั ตบชวาเมื่ออยู่ในแหล่งนาจะมีชวี ิตไดน้ านถึง ๑๕ ปี ผกั ตบชวาสามารถขยายพนั ธไ์ุ ดด้ ้วยการแตกหน่อ ผักตบชวา ๒ ต้น สามารถแตกใบและเจริญเติบโตเป็นต้นได้ถึง ๓๐ ต้น ภายในเวลา ๒๐ วัน หรือเพ่ิม นาหนกั ขึน ๑ เทา่ ตัว ภายใน ๑๐ วนั สามารถขยายตวั ครอบคลุมผิวนาไดอ้ ัตรารอ้ ยละ ๘% ต่อวนั ถ้าเรม่ิ ปล่อยผักตบชวาในแหลง่ นาเพียง ๑๐ ตน้ จะสามารถแพร่กระจายเพมิ่ ปรมิ าณเป็น ๑ ล้านต้น ภายในระยะเวลา ๑ ปี ๖ DPT KM Action Plan 2018
องคความรตู ามประเด็นยทุ ธศาสตร กดรมาโนยกธาารธบิการรกิ แาลระดผา ังนเมชอืางง บทที่ ๒ ความเป็นมาและการปฏิบัติการกาจดั ผกั ตบชวา ของกรมโยธาธกิ ารและผังเมือง เม่ือวันท่ี ๓ ตุลาคม ๒๕๓๒ กระทรวงมหาดไทย ได้แต่งตังคณะกรรมการการรณรงค์กาจัดผักตบชวา และการใช้ประโยชน์จากผักตบชวา ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบให้ กรมโยธาธิการ(เดิม) ได้ดาเนินการคัดเลือก เครือ่ งจกั รกลที่สามารถกาจัดผกั ตบชวาไดผ้ ลดแี ละประหยัดทสี่ ุดและพิจารณาแล้วเห็นวา่ เรอื กาจดั ผักตบชวาแบบเรือ เหล็กท้องแบน ใช้เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด ๖๐ แรงม้า เคล่ือนที่โดยใชใ้ บพัดแบบกังหันเหล็ก ทาหนา้ ที่ตะกุยนาให้เรือ วิ่งไปข้างหน้าหรือ ถอยหลัง ทางานด้วยระบบไฮดรอลิค มีใบมีดแบบฟันเล่ือยตัดผักตบชวาและวัชพืชได้ทังบนนา และใต้นาใช้สายพานลาเลียงเก็บได้ ๓ ส่วน คือ ส่วนหน้า ส่วนกลาง และส่วนหลัง ส่วนหน้าและส่วนหลัง สามารถ ยกขนึ – ลงได้ เม่ือเก็บผักตบชวาและวัชพืชไดเ้ ตม็ ลาเรือแล้ว กจ็ ะลาเลียงไปท่ีสายพานหลัง เพื่อส่งต่อไปยงั สายพาน ลาเลียงบนฝ่ังเพื่อขึนรถบรรทุกเพื่อนาไปทิงที่อ่ืน เป็นเรือท่ีเหมาะสมใช้งานได้ผลดี และประหยัดท่ีสุด จึงได้สนอง แนวทางของโครงการนีเร่ือยมา โดยได้จัดตังโครงการและจัดตังงบประมาณเพื่อจัดซือเรือกาจัดผักตบชวาในปี พ.ศ. ๒๕๓๔ ไดร้ ับงบประมาณจดั ซอื เรอื กาจัดผักตบชวา จานวน ๒ ลา เปน็ การเร่มิ ต้น กรมโยธาธิการและผังเมือง ก่อตังศูนย์บริการและบารุงรักษา เรือกาจัดผักตบชวาและเคร่ืองจักรกล ตงั อยู่ที่ ต.บางตะเคียน อ.สองพ่นี ้อง จ.สพุ รรณบุรี ก่อสร้างเมื่อปี ๒๕๓๙ ควบคุมการทางานศูนยโ์ ดย กองบูรณะและ บารุงรักษา มีเนือที่ทังหมด ๑๑ ไร่ และอาคารเก็บและบารุงรักษาเคร่ืองสูบนา ตังอยู่ที่ อ.เมือง จ.ชลบุรี มีเนือท่ี ทังหมด ๒๐ ไร่ ประจําปงบแปผรนะกมาารณจัดพก.าศร.๒ค๕วา๖ม๑รู ๗
แกนาํ จวัดทผางักกตาบรชดวาํ าเนแนิ ลกะาวรัชพชื ภารกจิ เพื่อทาการกาจัดผักตบชวาและวัชพืช ตามแหล่งนาสาธารณะต่างๆ เช่น แม่นา ลาคลอง หนอง บึง ที่ประสบปัญหาจากการเจริญเติบโตของผักตบชวาและวัชพืชเกินความสมดุลของธรรมชาติ จนก่อให้เกิดปัญหา ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากแหล่งนาเพื่อการสัญจรทางนา เพื่อการเกษตร การประมง เพื่อการอุปโภคและบริโภค เป็นการดาเนินการพัฒนาพืนที่แหล่งนาเสื่อมโทรมจากผักตบชวาและวัชพืชดังกล่าว ให้เกิดทัศนียภาพท่ีสวยงาม สามารถเป็นแหลง่ ทอ่ งเท่ียวทางธรรมชาติ เคร่อื งจกั รกลและอุปกรณ์ กองบรู ณะและบารุงรกั ษา กรมโยธาธิการและผงั เมอื ง ปัจจบุ ันมเี คร่อื งจกั รกลและอปุ กรณต์ า่ งๆ ทีใ่ ช้กาจดั ผกั ตบชวา ดงั นี ๑. เรอื กาจัดผกั ตบชวาขนาด ๒.๕ ตัน จานวน ๒๒ ลา ๒. เรอื กาจัดผักตบชวาขนาด ๐.๒๕ ตัน จานวน ๑๐ ลา ๓. เรือลาเลียงผกั ตบชวา จานวน ๑ ลา ๔. สายพานลาเลียงผักตบชวา จานวน ๒ ลา ๕. เรือพอนทนู บรรทุกรถขุด จานวน ๓ ลา ๖. รถบรรทุก ๖ ลอ้ เททา้ ย จานวน ๙ คนั ๗. รถบรรทกุ ๖ ล้อติดเครนยกของ จานวน ๒ คนั ๘. เครือ่ งสูบนา จานวน ๑๐๐ เครื่อง คณุ ลักษณะของเรือกาจัดผักตบชวา เรือกาจัดผักตบชวาเป็นลักษณะแบบเรือเหล็กทอ้ งแบน ใช้เคร่อื งยนต์ดีเซล ขนาด ๖๐ แรงม้า กินนาลึก ไมน่ ้อยกว่า ๗๐ เซนติเมตร เคล่ือนท่ีโดยใชใ้ บพัดแบบกังหันเหลก็ (Paddle wheel) ทาหน้าทขี่ ับเคล่ือนเรอื เดินหน้า หรือถอยหลัง ทางานด้วยระบบ ไฮดรอลิค มใี บมีดแบบฟันเลื่อยตัดผักตบชวาและวัชพืชไดท้ ังบนนาและใต้นา โดยใช้ สายพานลาเลียงผักตบชวา และวัชพืชมาเกบ็ ไว้บนเรือทังส่วนหนา้ ส่วนกลาง และสว่ นหลัง สายพานลาเลยี งสว่ นหน้ากับ ส่วนหลงั สามารถยกขึนลงได้ เม่ือเก็บผักตบชวาเต็มลาเรือแลว้ ก็จะลาเลียงไปท่ีสายพานหลังเพ่อื ส่งตอ่ ไปยังสายพาน ลาเลยี งชายฝัง่ ใส่รถบรรทกุ ไปทงิ ยงั ที่อนื่ ต่อไป อัตราการสนิ เปลอื งนามันเชอื เพลิงเรือกาจดั ผักตบชวา และวัชพืชประมาณ ๗ – ๑๐ ลิตร/ช่ัวโมง ประสทิ ธิภาพในการกาจดั ผักตบชวาและวัชพืชของเรอื กรมโยธาธกิ ารและผังเมือง ปัจจุบันสามารถตดั เก็บผักตบชวา ได้ประมาณ วันละ ๑.๕ – ๒ ไร่ (๑๒๐ – ๑๖๐ ตัน/วนั ) หรอื ประมาณ ๔๐๐ – ๕๐๐ ไร/่ ลา/ปี (๓๒,๐๐๐ ตัน/ลา/ปี) ๘ DPT KM Action Plan 2018
องคค วามรูต ามประเดน็ ยุทธศาสตร กดรมาโนยกธาารธบกิ ารริกแาลระดผางั นเมชือางง ภาพ เรอื กาจัดผักตบชวา ๒.๕ ตัน ขนาดเรือ ๔.๕๐ x ๑๒.๗๐ ม. ทางานที่ระดับนาไม่นอ้ ยกว่า ๗๐ ซ.ม. ด้วยระบบไฮดรอลิคขับมอเตอร์ การเคล่ือนที่โดยอิสระในการเดินหน้าและถอยหลังแบบตะกุยนา ด้านหน้าเรือมีหัวตักช้อนเก็บดึงเก็บผักตบชวาขึน จากแหล่งนาส่งไปเกบ็ ที่สายพานกลาง-หลัง และลาเลียงขึนชายฝง่ั ด้วยสายพานชุดหลังที่ ยกขึน-ลงได้ ประสิทธภาพ สามารถกาจัดผกั ตบได้ ๑๒๐ ตัน/วนั สนิ เปลอื งนามนั เชอื เพลงิ ๖๐ ลิตร/วนั ภาพ เรอื กาจัดผกั ตบชวา 0.25 ตนั ขนาดเรือ ๒.๕๐ x ๔.๕๐ ม. ทางานได้ทุกระดับนา ด้วยระบบไฮดรอลิคขบั มอเตอร์การเคลือ่ นท่โี ดยอิสระ ในการเดินหน้าและถอยหลังแบบตะกุยนา มีชดุ ตักผักอยดู่ ้านหนา้ และวิ่งขนึ ตลิ่งเพอื่ เทผักตบ ประสิทธิภาพสามารถ กาจัดผกั ตบได้ ๒๐ ตนั /วันสนิ เปลืองนามันเชอื เพลิง ๓๕ ลิตร/วัน ประจาํ ปงบแปผรนะกมาารณจัดพก.าศร.๒ค๕วา๖ม๑รู ๙
แกนาํ จวดัทผางักกตาบรชดวําาเนแนิ ลกะาวรชั พชื ภาพ เรอื พอนทูนบรรทุกรถขดุ ขนาดเรอื พอนทนู ๖ x ๑๒ ม. สงู ๑.๕ ม. ระยะตกั ๑๕ ม. ขนาดบงุ้ ก๋ี ๒ ลบ.ม.(๑๖๐-๒๐๐ ก.ก.) ประสทิ ธิภาพสามารถกาจัดผักตบชวาได้ ๒๕๐ ตัน/วัน อัตราการสินเปลือง ๑๐๐ ลิตร/วัน หลกั เกณฑ์ในการขอรับการสนับสนนุ เรือกาจัดผักตบชวา ๑. เปน็ พนื ที่สาธารณะประโยชน์ ทไ่ี มอ่ ยู่ในเขตความรับผิดชอบของกรมชลประทาน กรมประมง และกรมเจา้ ท่า ๒. หากเป็นพืนท่ีท่ีอยู่ในความรับผิดชอบของกรมชลประทาน กรมประมง และกรมเจ้าท่า ต้องได้รับการเห็นชอบและ การขอรบั การสนับสนนุ เรือกาจัดผักตบชวาโดยจงั หวัดเจ้าของพืนทีน่ ันๆ ๓. การขอรับการสนับสนุนเรือกาจัดผักตบชวา โดยมีหนังสือจากผู้ว่าราชการจังหวัดถึงอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง พรอ้ มแผนที่และรายละเอียดอ่นื ๆ เพอื่ ประโยชนใ์ นการสารวจและเพอ่ื การพิจารณา ๔. ขอ้ จากัดแหลง่ นา ตอ้ งมี ๔.๑ ความกว้างไมน่ ้อยกวา่ ๑๕ เมตร ๔.๒ ระดบั นาลกึ ไม่นอ้ ยกว่า ๑ เมตร ๔.๓ ปริมาณผกั ตบชวาไม่นอ้ ยกว่า ๒,๐๐๐ ตนั ๔.๔ ไม่มสี ิง่ กีดขวางในการเดินเรือ เช่น สะพานตอ้ งสงู ไมน่ อ้ ยกวา่ ๒.๕๐ เมตร จากผวิ นา หลกั เสาธงทปี่ ักกดี ขวาง ๔.๕ ต้องมีพืนทเี่ พียงพอและปลอดภัยในการยกเรือ ขนึ - ลง ได้ ๔.๖ ตอ้ งมีท่ที ิงผกั ตบชวาหรือวชั พืช ๕. เป็นแหล่งนาทีม่ ีนาพอเพยี งให้เรือกาจัดผักตบชวาสามารถปฏิบัตงิ านได้ตลอดปี หรือตลอดระยะเวลาการปฏิบัตงิ านจนแล้วเสร็จ ๖. การพิจารณาเพ่ือเข้าดาเนินการอาจเป็นไปตามลาดบั ในแผน หรือตามลาดบั ความเร่งด่วนของโครงการ ๗. โครงการทไ่ี ดร้ ับการพิจารณาอนุมตั ิใหด้ าเนินการจะดาเนนิ การจนแลว้ เสร็จ หรือตามกาหนดระยะเวลา ๑๐ DPT KM Action Plan 2018
องคค วามรตู ามประเดน็ ยุทธศาสตร กดรมาโนยกธาารธบกิ ารรกิ แาลระดผาังนเมชือา งง บทที่ ๓ วธิ กี ารดาเนนิ งานของกรมโยธาธิการและผงั เมือง และศูนย์ประสานงานแกไ้ ขปัญหาและกาจดั ผักตบชวา ข้อมูลแหลง่ นาและผลการสารวจปริมาณผกั ตบชวา แหล่งนาของประเทศไทยจากท่ีกรมโยธาธิการและผังเมือง โดยกองบูรณะและบารุงรักษาได้มีหนังสือ แจ้งไปถึงสานักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ให้ช่วยประสานกับหน่วยงานภายในจังหวัด ขอความอนุเคราะห์ข้อมูลแหล่งนาพร้อมทังสารวจปรมิ าณผักตบชวาและวชั พืช ทีก่ ่อให้เกดิ ปัญหาจากผักตบชวาและ วชั พชื หนาแน่นจนก่อใหเ้ กิดปญั หาตอ่ ทางการเกษตร, การอุปโภคและบรโิ ภค, การสัญจรทางนาและบดบงั ทศั นียภาพ ของแหลง่ ท่องเทย่ี ว จนไดข้ อ้ มลู แหลง่ นาต่างๆ โดยมีรายละเอยี ดดงั นี ภาคเหนอื • ลุ่มแม่นาปิง ต้นนาเกิดจากดอยถ้วย เขตเทือกเขาแดนลาว อาเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ไหลลงมาทางใต้ผ่านพืนทีจ่ ังหวัดเชียงใหม่ ลาพนู ตาก กาแพงเพชร และนครสวรรค์ และไหลมาบรรจบกับแมน่ านา่ น ท่ีตาบลปากนาโพ อาเภอเมอื งนครสวรรค์ กลายเปน็ แม่นาเจา้ พระยา แม่นาปงิ มคี วามยาวทงั สนิ ๗๑ กโิ ลเมตร สาขาของแม่นาปิง แม่นาปิงมีลาห้วยหรือลาธารไหลมาบรรจบหลายสาย เช่น แม่แตง แม่กวง แม่งัด แม่ทา แมต่ น่ื และแมล่ ี • ลุ่มแม่นาวัง มีต้นกาเนิดจากเทือกเขาผีปันนา ในเขตอาเภอพาน จังหวัดเชียงราย ไหลลงใต้ ผ่าน พืนท่ีจังหวัดลาปาง และตาก ไหลมาบรรจบในแม่นาปิง ที่ตาบลบ้านปากวัง อาเภอบ้านตาก จังหวัดตาก รวมความ ยาว ๓๓๕ กิโลเมตร สาขาท่ีไหลมาบรรจบดว้ ยหนึ่งสาย คอื แมจ่ าง ในเขตตาบลนาแก้ว อาเภอเกาะคา จงั หวดั ลาปาง • ลุ่มแม่นายม ต้นนาเกิดจากดอยขุนยวม เทือกเขาผีปันนา อาเภอปง จังหวัดพะเยา ไหลผ่านพืนท่ี จังหวัดพะเยา แพร่ สุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร และไหลไปบรรจบกับแม่นาน่าน ท่ีตาบลบ้านเกยชัย อาเภอชุมแสง จงั หวัดนครสวรรค์ รวมความยาว ๕๕๔ กโิ ลเมตร สาขาของแม่นายม มแี ควไมม่ าก ได้แก่ แม่งาว ไหลมาบรรจบกับแมน่ ายม ทอ่ี าเภอลอง จงั หวดั แพร่ • ลุ่มแม่นาน่าน ต้นนาเกิดจากเทือกเขาภูจาม เทือกเขาหลวงพระบาง อาเภอปัว จังหวัดน่าน ไหล ผ่านจังหวัดน่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก และนครสวรรค์ ไหลมาบรรจบกับแม่นาปิง ท่ีตาบลปากนาโพ อาเภอเมือง จังหวดั นครสวรรค์ รวมความยาว ๗๔๐ กโิ ลเมตร • กว๊านพะเยา ตังอยู่ที่ อาเภอเมือง จังหวัดพะเยา เป็นบึงธรรมชาติที่งดงาม มีนาใสสะอาด เนือที่ กวา้ งประมาณ ๑๒,๘๐๐ ไร่ เปน็ พืนท่ีเพาะพันธ์ุ ปลาชนิดต่างๆ เชน่ ปลาหมอเทศ ปลานิล ปลาขา้ งลาย ปลากราย • บึงสีไฟ ตังอยู่ที่ อาเภอเมือง จังหวัดพิจิตร เป็นแหล่งนาขนาดกลาง มีเนือที่ประมาณ ๕,๐๐๐ ไร่ และเป็นท่พี กั ผ่อนใจของชาวเมอื ง และชมพระอาทติ ย์ ประจาํ ปง บแปผรนะกมาารณจัดพก.าศร.๒ค๕วา๖ม๑รู ๑๑
แกนําจวดัทผางกั กตาบรชดวําาเนแนิ ลกะาวรชั พชื • บงึ บอระเพ็ด ตังอยู่ท่ี อาเภอเมอื ง อาเภอท่าตะโก และอาเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์ เป็นแหล่งนา ขนาดกลาง มีเนือท่ปี ระมาณ ๑๔๐,๐๐๐ ไร่ เป็นบงึ นาจดื ทใี่ หญท่ ี่สดุ ในประเทศไทย ภาคกลาง • ลุ่มแม่นาเจ้าพระยา เกิดจากแม่นาปิง และแม่นาน่านไหลมาบรรจบกันบริเวณ ตาบลปากนาโพ และตาบลแควใหญ่ อาเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ เส้นทางทแี่ ม่นา เจา้ พระยาไหลผ่าน ได้แก่ พืนทจี่ ังหวัดอุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยธุ ยา ปทุมธานี นนทบุรี กรุงเทพมหานคร และไหลลงสู่ปากอ่าวไทย ท่ีอาเภอเมือง จังหวดั สมุทรปราการ มคี วามยาวประมาณ ๓๗๐ กิโลเมตร สาขาของแม่นาเจา้ พระยา ได้แก่ แมน่ าน้อย แม่นาลพบุรี และแม่นาท่าจนี บริเวณทร่ี าบภาคกลางตอนล่าง • ลุ่มแม่นาลพบุรี แยกจากแม่นาเจ้าพระยาที่ตาบลม่วงหมู่ อาเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรี ไหลผ่าน จังหวดั ลพบรุ แี ละไปบรรจบกบั แม่นาปา่ สกั จังหวัดพระนครศรอี ยุธยา รวมความยาวประมาณ ๘๕ กโิ ลเมตร • แม่นาน้อย แยกจากแม่นาเจ้าพระยา ท่ีอาเภอเมือง จังหวัดชัยนาท ไหลผ่าน จังหวัดสิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา และไหลไปบรรจบกับแม่นาเจ้าพระยาอีกครังหนึ่ง ท่ีอาเภอบางไทร จังหวัด พระนครศรีอยธุ ยา รวมความยาว ๑๔๕ กโิ ลเมตร • ลมุ่ แม่นาท่าจีน แยกจากแม่นาเจ้าพระยาที่อาเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท ไหลผ่าน จังหวดั ชัยนาท สพุ รรณบุรี นครปฐม และสมุทรสาคร และไหลลงสู่ปากอ่าวไทย ระหวา่ งตาบลโกรกกราก และตาบลบางหญ้าแพรก อาเภอเมือง สมทุ รสาคร รวมความยาวประมาณ ๓๑๕ กิโลเมตร • ลุ่มแม่นาป่าสัก เกิดจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ ในเขตอาเภอด่านช้าง จังหวัดเลย ไหลลงมาทางใต้ ผ่านจังหวัดเพชรบูรณ์ ลพบุรี สระบุรี และไปบรรจบกับแม่นาเจ้าพระยาที่ ท่ีอาเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัด พระนครศรีอยธุ ยา รวมความยาว ๕๑๐ กิโลเมตร สาขาของแม่นาป่าสัก คือ ห้วยมวกเหล็ก ในเขตจังหวัดสระบุรี เกิดจาก เทือกเขาดงพญาเย็นและ ไหลลงมาบรรจบกับแมน่ าป่าสัก ท่จี ังหวัดสระบรุ ี รวมความยาวได้ ๗๕ กโิ ลเมตร • แม่นาสะแกกรัง เกิดจากภูเขาโมโกจู เทือกเขาถนนธงชัย ในเขตจังหวัดกาแพงเพชร ไหลผ่าน จังหวัดนครสวรรค์ อุทยั ธานไี ปบรรจบกับแมน่ าเจ้าพระยา ท่จี งั หวัดอทุ ัยธานี รวมความยาวได้ ๑๘๐ กโิ ลเมตร ภาคตะวันออก • แม่นาบางปะกง ต้นนาเกิดจากแม่นาสองสาย คือ แม่นาหนุมาน และแม่นาพระปราง จาก เทือกเขาสันกาแพงไหลมาบรรจบกันที่อาเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ในช่วงนีเรียกชื่อว่า แม่นาปราจีนบุรี เมื่อ ไหลเข้าเขตจังหวัดฉะเชิงเทรา เรียกชื่อว่า แม่นาบางปะกง หรือแม่นาแปดริว ไหลลงสู่อ่าวไทย ในเขตอาเภอบางปะกง จงั หวัดฉะเชงิ เทรา มีความยาวประมาณ ๒๓๐ กิโลเมตร สาขาของแม่นาปราจนี บุรหี รอื แมน่ าบางปะกง ไดแ้ ก่ แม่นานครนายก และคลองทา่ ลาด ภาคตะวันตก • แม่นาแม่กลอง มีความยาวประมาณ ๑๔๐ กิโลเมตร เริ่มจากบริเวณ ที่แควน้อยและแควใหญ่ ไหลมาบรรจบกันที่ตาบลปากแพรก อาเภอเมืองกาญจนบุรี ไหลผ่านจังหวัดราชบุรีและออกสูอ่ ่าวไทย ท่อี าเภอเมือง สมทุ รสงคราม • แม่นาเพชรบุรี เกิดจากเทือกเขาตะนาวศรี อาเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี ไหลออกสู่อ่าวไทย ทต่ี าบลบางตะบูน อาเภอบ้านแหลม จงั หวดั เพชรบรุ ี มีความยาว ๑๙๐ กโิ ลเมตร ๑๒ DPT KM Action Plan 2018
องคความรูตามประเดน็ ยุทธศาสตร กดรมา โนยกธาารธบกิ ารรกิ แาลระดผา งั นเมชือางง • แม่นาปราณบุรี ต้นกาเนิดจากเทือกเขาตะนาวศรี อาเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี ไหลผ่านจังหวัด ประจวบครี ขี นั ธ์ และไหลลงสอู่ า่ วไทยที่ อาเภอปราณบรุ ี จงั หวัดเดยี วกนั มคี วามยาว ๑๖๐ กโิ ลเมตร • แม่นาภาชี เป็นสาขาของแม่นาแควน้อย มีต้นนาเกิดจากเทือกตะนาวศรี ในเขตพืนท่ี อาเภอเมือง เพชรบุรี ไหลย้อนขึนไปทางทิศเหนือ ผา่ นจังหวดั ราชบุรี และไปบรรจบกับ แม่นาแควน้อย ท่ีอาเภอเมือง กาญจนบุรี มีความยาว ๒๐๒ กโิ ลเมตร ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ • แม่นาชี ต้นนาเกิดจากเขาพญาฝ่อ เทือกเขาเพชรบูรณ์ ๑ ในเขตอาเภอเมือง ชัยภมู ิ เปน็ แมน่ าสาย ใหญ่ และมีความยาวมากท่ีสุดของของภาคอีสาน (๗๖๕ กิโลเมตร) ไหลจากด้านตะวันตกของภาค ไปยังด้าน ตะวันออก เฉียงใต้ของภาค ผ่านพืนท่ีจังหวัดชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร และอุบลราชธานี ปลาย ของแม่นาไปบรรจบกับ แม่นามูล ในเขตอาเภอเมือง อุบลราชธานี มีแควสาขาของแม่นามากมาย เช่น ลาคันฉู แมน่ าพรม แม่นาเชิญ แม่นาพอง แม่นาลาปาว และแม่นายัง • แม่นามูล ต้นนาเกิดจากเขาละมั่ง เทือกเขาสันกาแพง ในพืนที่อาเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา ไหลผา่ นจังหวดั นครราชสีมา บุรีรมั ย์ สรุ ินทร์ ศรสี ะเกษ และอบุ ลราชธานี ปลายสดุ ของแม่นาไหลไปบรรจบกับแม่นาโขง ทอี่ าเภอโขงเจียม จังหวัดอบุ ลราชธานี รวมความยาว ๖๔๑ กโิ ลเมตร แม่นามูลเป็นแม่นาสายใหญ่ มีปริมาณนามาก ทส่ี ุดของภาค ให้ประโยชน์ทังด้านการเพาะปลกู การประมงนาจืด และการท่องเที่ยว เพราะมีแก่งสาคัญรมิ ฝั่งแม่นา ผู้คนจะมาท่องเทีย่ วในชว่ งฤดแู ลง้ เช่น แกง่ ตะนะ แกง่ สะพือ และหาดวดั ใต้ จังหวัดอบุ ลราชธานี สาขาของแม่นามูลที่สาคัญ ไดแ้ ก่ ลาพระเพลิง ลาเสียว ลาตะคอง ลาเชงิ ไกร ลาพลบั พลา ลาเซบาย หว้ ยเซบก ลาปลายมาศ คลองนางรองหว้ ยทบั ทนั ห้วยขะยงู ลาโดมน้อยและ ลาโดมใหญ่ • แม่นาสงคราม ต้นนาเกิดจากภูผาเหลก็ กับภูผาหกั เทอื กเขาภพู าน ในเขตพืนทีอ่ าเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร ไหลผ่านจังหวัดอุดรธานี หนองคายและนครพนม ไหลลงสู่แม่นาโขงท่ีอาเภอท่าอุเทน จงั หวัดนครพนม มคี วามยาว ๔๒๐ กิโลเมตร • หนองหาร ตังอยู่ในเขตอาเภอเมือง อาเภอโคกศรสี ุพรรณ อาเภอโพนนาแก้ว จังหวัดสกลนคร ซึง่ มี ความกว้างใหญ่ของหนองหารนี มีพืนท่ีประมาณ ๘๗,๐๐๐ ไร่ ซึ่งถือว่าเป็นนาทะเลนาจืดที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ ๒ รองจากบงึ บอระเพ็ด • บึงใหญ่โพนทอง (แหลมพะยอม) ตังอยู่ท่ีอาเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นอ่างเก็บนา เนือที่ ประมาณ ๗๐๐ ไร่ รายงานสถานการณผ์ กั ตบชวา (กรมโยธาธิการและผงั เมือง) ๑. พลเอก ประวติ ร วงษส์ วุ รรณ รองนายกรัฐมนตรี มีข้อส่ังการเมอ่ื วนั ที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๙ ให้กรมโยธาธกิ ารและผงั เมอื งเป็นหนว่ ยงานหลักในการกาจดั ผักตบชวา ๒. การประชุมกระทรวงมหาดไทย เมอ่ื วันท่ี ๘ กันยายน ๒๕๕๙ รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงมหาดไทย สั่งการให้กรมโยธาธิการและผังเมืองจัดตังคณะกรรมการและคณะทางาน โดยมีกรมโยธาธิการและผังเมือง และกองอานวยการรกั ษาความมัน่ คงภายในราชอาณาจักรเป็นเจ้าภาพหลกั ๓. กรมโยธาธกิ ารและผังเมืองได้มีคาสั่งกรมโยธาธิการและผังเมืองที่ ๒๑๗๗/๒๕๕๙ ลงวันท่ี ๙ กันยายน ๒๕๕๙ แต่งตังคณะทางานศูนย์ประสานงานแก้ไขปัญหาผักตบชวา โดยมีรองอธิบดี (นายสมชาย เมธวัฒน์ธรากุล) เป็นประธาน และผอู้ านวยการกองบูรณะและบารุงรกั ษา เป็นคณะทางานและเลขานุการ พรอ้ มคณะทางาน จานวน ๑๒ หน่วยงาน ภายในกรมโยธาธกิ ารและผังเมือง และจัดตงั ห้องปฏบิ ัติการ สาหรับเป็นศูนย์ประสานงานแก้ไขปัญหา ประจําปงบแปผรนะกมาารณจดั พก.าศร.๒ค๕วา๖ม๑รู ๑๓
แกนําจวัดทผางักกตาบรชดวาํ าเนแนิ ลกะาวรัชพชื ผักตบชวา และได้ดาเนินการออกแบบ WEBSITE สาหรับรับและเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ในการดาเนินงาน กาจัด ผักตบชวาตามนโยบายรัฐบาล โดยแต่ละจังหวัดจะสามารถเข้ามารายงานข้อมูลการทางาน ความก้าวหน้า ในการกาจัดผักตบชวาตามแผนงานและขา่ วสารของการกาจัดผกั ตบชวาพรอ้ มกันท่ัวประเทศ ๔. กรมโยธาธิการและผังเมืองหารือ ร่วมกับ กรมการปกครอง และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถ่ิน เมื่อวนั ที่ ๑๓ กนั ยายน ๒๕๕๙ แบ่งพนื ทร่ี ับผดิ ชอบในการกาจัดผักตบชวา โดยแบ่งพนื ทร่ี บั ผิดชอบ ดงั นี ๔.๑ แหล่งนาท่ีมีความกว้าง น้อยกวา่ หรือเท่ากับ ๒๐ เมตร และแหล่งนาท่ีมีพืนท่ีน้อยกว่าหรือเท่ากับ ๒๐๐ ไร่ มอบหมายให้องคก์ รปกครองส่วนท้องถน่ิ และอาเภอ เปน็ ผรู้ ับผิดชอบ ๔.๒ แหล่งนาที่มีความกว้างมากกว่า ๒๐ เมตร และแหล่งนาท่ีมีพืนที่มากกว่า ๒๐๐ ไร่ มอบหมายให้ สานักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัด เป็นผู้รับผิดชอบ ในการสารวจ วางแผน และดาเนินการ กาจัดผักตบชวา โดยมอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เป็นประธานโดยมีสานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สานักงาน ส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น องค์การบริหารส่วนจังหวัด สานักงานทางหลวงชนบท กรมทางหลวงชนบท องค์กร ปกครองส่วนท้องถ่ิน เป็นคณะทางาน และมอบหมายให้สานักงานโยธาธิการและผังเมือง เป็นคณะทางานและ เลขานกุ าร ๕. กรมโยธาธิการและผังเมือง ได้นาเสนอคาสั่งแต่งตังให้ปลัดกระทรวงมหาดไทย แต่งตงั คณะทางานเพื่อ ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาผักตบชวาระดับจังหวัดตามคาสั่งกระทรวงมหาดไทยที่ ๑๐๑๗/๒๕๕๙ ลงวันท่ี ๒๓ กันยายน ๒๕๕๙ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน และมีโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดเป็นเลขานุการ ปอ้ งกนั จังหวดั และผู้อานวยการกล่มุ งานสง่ เสริมและพฒั นาทอ้ งถนิ่ เปน็ ผู้ชว่ ยเลขานุการ ๖. กรมโยธาธิการและผังเมือง จัดประชุมโยธาธิการและผังเมืองจังหวัด เม่ือวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๕๙ เพื่อทาความเข้าใจในการทางานกบั โยธาธิการและผังเมืองจังหวดั ในการทางานร่วมกับผูว้ ่าราชการจังหวัดและมีคาสั่ง ให้ ด า เนิ น ก า ร ส า ร ว จ ป ริ ม า ณ ผั ก ต บ ช ว า ร่ ว ม กั บ อ ง ค์ ก ร ป ก ค ร อ ง ส่ ว น ท้ อ ง ถิ่ น แ ล ะ ห น่ ว ย ง า น เจ้ า ข อ ง พื น ท่ี เช่น กรมชลประทาน กรมเจา้ ทา่ ฯลฯ ภายในวันที่ ๓๐ กนั ยายน ๒๕๕๙ ๗. กรมโยธาธิการและผังเมือง ได้รับข้อมูลการสารวจปริมาณผักตบชวาจากทั่วประเทศ เม่ือวันท่ี ๓๐ กนั ยายน ๒๕๕๙ ได้ปริมาณผักตบชวา ทังหมดประมาณ ๖,๒๐๕,๓๕๕ ตัน ๘. วันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๙ กรมโยธาธิการและผังเมือง ได้นาเสนอคาสั่งคณะกรรมการอานวยการบูรณา การแก้ไขปัญหาผักตบชวา เพ่ือให้นายกรัฐมนตรีลงนามแต่งตัง โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เป็นประธานกรรมการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา) รัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงมหาดไทย (นายสุธี มากบุญ) และผูบ้ ัญชาการทหารบก/รอง ผอ.กอ.รมน. เป็นรองประธานกรรมการ อธบิ ดี กรมโยธาธิการและผังเมอื งเป็นกรรมการและเลขานุการ รองอธิบดีกรมโยธาธกิ ารและผงั เมอื ง ท่ีไดร้ บั มอบหมายและ ผู้อานวยการกองบูรณะและบารงุ รักษา กรมโยธาธกิ ารและผังเมอื ง เป็นกรรมการและผชู้ ว่ ยเลขานกุ าร ๙. วันท่ี ๓ ตุลาคม ๒๕๕๙ กรมโยธาธิการและผังเมืองได้นาเสนอคาส่งั คณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไข ปัญหาผักตบชวาให้คณะกรรมการอานวยการบูรณาการแก้ไขปัญหาผักตบชวา ลงนามแต่งตัง โดยมีปลัดกระทรวง มหาดไทยเปน็ ประธานคณะทางาน อธบิ ดกี รมโยธาธกิ ารและผงั เมือง เป็นคณะทางานและเลขานุการ ๑๐. กรมโยธาธิการและผังเมือง จดั ประชุมหารือหน่วยงานหลกั ที่รบั ผิดชอบลุ่มนาภาคกลางและหนว่ ยงาน สนับสนุนท่ีร่วมเป็นคณะทางานขับเคลื่อนนโยบาย เช่น กรมเจ้าท่า กรมชลประทาน กรมวิชาการเกษตร หน่วยงาน ทหาร กรมทางหลวงชนบท กรมทางหลวงฯ เบืองต้น เมื่อวันท่ี ๒๙ กันยายน ๒๕๕๙ มติที่ประชมุ ให้กรมโยธาธิการ และผังเมือง รับผิดชอบแม่นาแม่กลอง แม่นาท่าจีน ตังแ ต่ประตูระบายนาโพธ์ิพระยาถึง อ่าวไทย และ กรมชลประทานรบั ผิดชอบแม่นาน้อย แม่นาท่าจนี บางสว่ น แม่นานครนายกและแมน่ าป่าสกั บางส่วน สาหรับกรมเจ้า ท่ารับผิดชอบบริเวณแม่นาเจา้ พระยา (เข่ือนเจ้าพระยา – นนทบุร)ี และแม่นาลพบุรี และหน่วยงานทหารสนับสนุน ทุกแม่นา โดยสนับสนุนเครื่องจักรและแรงงาน โดยมีแนวทาง ในการนาผักตบชวาไปใช้ประโยชน์สาหรับ ๑๔ DPT KM Action Plan 2018
องคค วามรตู ามประเด็นยทุ ธศาสตร กดรมา โนยกธาารธบิการรกิ แาลระดผา งั นเมชอืางง รายละเอียดการวางแผนงานให้นัดประชุมเฉพาะ ๔ หน่วยงานหลัก คือ กองทัพไทย กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมชลประทาน กรมเจา้ ท่า เพ่อื ร่วมวางแผนงาน ในการกาจัดผักตบชวาต่อไป ในวันที่ ๖ ตลุ าคม ๒๕๕๙ ต่อไป ๑๑. กรมโยธาธิการและผังเมือง ได้จัดให้มีการประชุม ๓ หน่วยงานหลัก ครังที่ ๒/๒๕๕๙ แบ่งพืนที่และ วางแผนการทางานร่วมกัน เม่ือวันท่ี ๖ ตุลาคม ๒๕๕๙ มีกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมชลประทาน กรมเจ้าท่า ซึ่งได้แบ่งพืนท่ีในรายละเอียดของภารกิจแต่ละกรม และจะได้บูรณาการทางานร่วมกันในพืนที่ใดท่ีเกิดภาวะวิกฤติ ทังนี ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ กรมโยธาธิการและผังเมือง มีเป้าหมายในการกาจัดผักตบชวา ให้ได้ปริมาณ ๙๕๔,๐๐๐ ตัน กรมเจ้าท่า ๓๒๐,๐๐๐ ตัน (เฉพาะแม่นาเจ้าพระยา แม่นาลพบุรี แม่นาป่าสักบางส่วน) และกรมชลประทาน ๕๔๑,๗๔๗ ตัน (เฉพาะแม่นาน้อย แม่นานครนายก แม่นาป่าสักบางส่วนและแม่นาท่าจีน บางส่วน) ๑๒. ประธานคณะทางานศูนยป์ ระสานงานแก้ไขปัญหาผักตบชวา กรมโยธาธิการและผังเมืองได้สง่ั การให้ คณะทางานศูนย์ฯ จัดประชมุ ตดิ ตามงานทุกวันอังคารของสัปดาห์และใหท้ ุกจังหวัดรวมทงั ส่วนกลาง เริม่ วางแผนการ ดาเนินงานพร้อมรายงานผลการกาจัดผักตบชวา ทุกวันท่ี ๒๐ ของเดือน ตามแผนการดาเนินการโดยรวม โดยให้เร่ิมตงั แตว่ นั ท่ี ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๙ เปน็ ครังแรก ๑๓. วันท่ี ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ นายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลงนามแต่งตัง คณะกรรมการอานวยการบูรณาการเพื่อแก้ไขปญั หาผกั ตบชวา ๑๔. วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ รองนายกรัฐมนตรี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ลงนามแต่งตัง คณะทางานขบั เคล่อื นการแก้ไขปญั หาผกั ตบชวา ๑๕. วันท่ี ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ คณะกรรมการอานวยการบรู ณาการเพ่ือแก้ไขปัญหาผักตบชวาประชุม วางแผนงานแก้ไขปญั หาผกั ตบชวา โดยมมี ติเห็นชอบแนวทางการแก้ไขปญั หากาจัดผักตบชวา โดยการบรู ณาการแบบ ประชารัฐ ๒ ระยะ คือระยะเร่งด่วนแบบเก็บใหญ่ ๖ เดอื น ตงั แตเ่ ดือนตุลาคม ๒๕๕๙ ถึงเดือนมีนาคม ๒๕๖๐ โดยมี การแบ่งพืนที่แม่นาสายหลัก มอบหมายให้หน่วยทหาร กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมชลประทาน กรมเจ้าท่า รับผิดชอบสาหรับพืนที่ของจังหวัดทัว่ ประเทศให้แบ่งพืนที่คู คลอง แหล่งนาปิด โดยแหล่งนาท่ีมีความกว้างน้อยกว่า หรือเท่ากับ ๒๐ เมตร หรอื พืนท่ีแหล่งนาทีม่ ีพืนท่ีนอ้ ยกว่าหรือเทา่ กับ ๒๐๐ ไร่ ให้เป็นหน้าทข่ี ององค์กรปกครองส่วน ท้องถ่ิน ในการสารวจวางแผนและกาจัดผักตบชวา สาหรับแหล่งนาที่มี ขนาดใหญ่กว่าท่ีกล่าวมาให้เป็นหน้าที่ของ โยธาธิการและผงั เมอื งจงั หวัดและสาหรับพนื ท่ีที่มหี น่วยงานรับผิดชอบอยูแ่ ล้ว มอบหมายให้เป็นหนว่ ยงานนันๆ ดูแล รบั ผดิ ชอบในการกาจัดผกั ตบชวาและมอบหมายใหห้ นว่ ยงานทหารในพืนท่สี นับสนุนการทางานทุกพนื ทีภ่ ายในจังหวัด ทงั นี มีผู้ว่าราชการจงั หวัดเป็นประธานในการทางานตามคาสั่งคณะทางานแกไ้ ขปัญหาผกั ตบชวา โดยมีโยธาธิการและ ผังเมืองจังหวัด เป็นคณะทางานและเลขานุการ สาหรับระยะต่อเน่ืองแบบเก็บเล็กซึ่งเป็นการกาจัดผักตบชวา แบบต่อเนื่อง โดยมอบหมายให้องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินเปน็ ผ้รู ับผิดชอบพืนที่ของตนเอง โดยมีผวู้ ่าราชการจังหวัด เป็นผกู้ ากับดูแล ๑๖. วันท่ี ๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ ประชุมหารือหน่วยงานรับผิดชอบแม่นาสายหลัก กองทัพไทย กรมโยธาธกิ ารและผังเมอื ง กรมชลประทาน กรมเจ้าทา่ รว่ มหารือการวางแผนทางานการเกบ็ ใหญภ่ ายใน ๖ เดือน โดยใหว้ างแผนการใช้เครอ่ื งมือแต่ละพนื ทจี่ ัดให้มีแผนการทางานท่ีเป็นรูปธรรมทช่ี ัดเจนและง่ายต่อการปฏบิ ัตงิ านมากขนึ ๑๗. ปัจจุบันทุกหน่วยงานได้ส่งแผนการทางานกาจัดผักตบชวา ให้กรมโยธาธิการและผังเมือง ได้ ดาเนินการวางแผนการทางานระดับประเทศเรียบรอ้ ยแล้ว ทังนี กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมเจ้าท่าและจังหวัด ๗๖ จงั หวดั รวมกรุงเทพมหานคร ไดด้ าเนินการกาจดั ผกั ตบชวาไปแลว้ ปรมิ าณทงั สนิ ๘,๑๘๑,๗๔๒ ตนั ประจาํ ปงบแปผรนะกมาารณจดั พก.าศร.๒ค๕วา๖ม๑รู ๑๕
แกนําจวดัทผางกั กตาบรชดวําาเนแินลกะาวรชั พชื ตามแผนงานประจาเดือน ดงั นี เดือน ต.ค.๕๙ พ.ย. ๕๙ ธ.ค.๕๙ ม.ค.๖๐ ก.พ.๖๐ มี.ค.๖๐ แผนงาน ๖% ๒๐% ๓๘๖,๙๘๒ ๑,๒๔๑,๐๗๑ ๓๔% ๖๐% ๘๐% ๑๐๐% ตนั ๒,๓๕๘,๐๓๕ ๓,๗๕๕,๘๙๒ ๔,๙๖๔,๒๘๔ ๖,๒๐๕,๓๕๕ ผลงาน ๕.๓๒% ๑๘.๖๘% ๓๘.๔๔% ๖๒.๒๒% ๙๑.๒๖% ๑๓๑.๘๕% ตัน ๓๓๐,๒๒๖ ๑,๑๕๙,๐๙๘ ๒,๓๘๕,๓๙๓ ๓,๘๖๐,๘๔๑ ๕,๖๖๓,๐๕๔ ๘,๑๘๑,๗๔๒ ณ วันที่ ๓๑ มนี าคม ๒๕๖๐ ๑๘. กรมโยธาธิการและผังเมือง ได้กาชับให้สานักงานโยธาธิการและผังเมืองทุกจังหวัดทั่วประเทศ ดาเนินการทาความเข้าใจกับองค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ ดาเนินการกาจัดผักตบชวาแบบต่อเนอื่ งในพืนที่ที่รบั ผิดชอบ และไดด้ าเนนิ การกาจัดผักตบชวาแบบเกบ็ ใหญ่จนแล้วเสรจ็ โดยไมร่ อให้ครบ ๖ เดอื นตามแผนงาน ๑๙. วนั ท่ี ๓ มนี าคม ๒๕๖๐ กรมโยธาธิการและผงั เมอื งได้บูรณาการการทางานอีกครัง เพื่อเก็บผักตบชวา ในแม่นาท่าจีนร่วมกับกรมชลประทาน หน่วยงานทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ณ บริเวณสะพานทรงคนอง ตาบลทรงคนอง อาเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม กาจัดผักตบชวา จานวน ๕๐,๐๐๐ ตัน ๒๐. วันท่ี ๑๗ มีนาคม ๒๕๖๐ กรมโยธาธิการและผังเมืองได้จัดประชุมคณะกรรมการอานวยการ บูรณาการ เพื่อแก้ไขปัญหาผักตบชวาและมอบหมายให้หน่วยงานต่างๆ วางแผนงานตามมาตรการการกาจัดผักตบชวาในแหล่ง นาเปดิ และแหล่งนาปิด ดังนี ๑. การจดั หาเรอื ทอ้ งแบน (กรมสง่ เสริมการปกครองทอ้ งถน่ิ ) ๒. การวางแผนงานตามมาตรการการกาจดั ผักตบชวาในแหล่งนาเปดิ และแหลง่ นาปดิ ๓. การจดั ตังชมรมคนริมนา (กรมการปกครอง/กรมสง่ เสรมิ การปกครองท้องถิ่น) ๔. ประชาสัมพนั ธ์ ในการรณรงคก์ ารจัดเก็บผกั ตบชวาอย่างตอ่ เน่ืองและการนาผักตบชวา ไปใช้ประโยชน์ (กรมวชิ าการเกษตร/กรมโยธาธิการและผงั เมอื ง/กรมประชาสมั พันธ)์ ๒๑. วันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๖๐ กรมโยธาธิการและผังเมืองได้จัดประชุมคณะทางานขับเคลื่อนการแก้ไข ปัญ ห าผัก ตบชวาแบบ ต่อเน่ืองตามมาตรก ารป้ องกั น (เก็ บเล็ก) ตามข้อ ส่ัง ก ารรองน ายกรัฐมน ตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สวุ รรณ) ๒๒. วันที่ ๔ เมษายน ๒๕๖๐ และวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๖๐ ประชุมหน่วยงานหลักที่ได้รับมอบหมาย ในการดาเนินการเพอื่ แก้ไขปัญหาผกั ตบชวา เร่งรดั การดาเนนิ การตามแผนงาน ๒๓. กรมโยธาธิการและผังเมือง ได้รวบรวมข้อมูลผลการดาเนินการกาจัดผักตบชวาแต่ละมาตรการ ประจาเดอื นเมษายน ๒๕๖๐ รายละเอียด ดังนี ๑. ผลการกาจัดผักตบชวาตามมาตรการป้องกัน (เก็บเล็ก) (ณ วันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๐) มปี ริมาณทังสนิ ๘๓,๐๙๐ ตัน ๒. การจัดเรือท้องแบน ขณะนอี ย่ใู นขันตอนการขออนุมัตงิ บประมาณจากคณะรฐั มนตรี ๓. การจัดตังชมรมคนริมนาและการวางแผนงานในแหลง่ นาปิดกรมการปกครอง ได้มหี นังหนังสือ ส่ังการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ โดยส่ังการให้แล้วเสร็จภายในกลางเดอื นพฤษภาคม ๒๕๖๐ และให้มีการ KICK OFF พร้อมกันท่ัวประเทศ ในวนั ท่ี ๕ มิถุนายน ๒๕๖๐ ๔. ผลการวางแผนกาจัดผักตบชวาในแหล่งนาเปิดของหน่วยงานหลัก (กรมชลประทาน กรมโยธาธิการ และผังเมอื ง กรมเจ้าทา่ กรงุ เทพมหานคร) คาดวา่ แลว้ เสรจ็ สนิ เดือนเมษายน ๒๕๖๐ ๕. การวางแผนงานประชาสมั พันธ์ แล้วเสรจ็ ๗๐% ๑๖ DPT KM Action Plan 2018
องคความรูต ามประเด็นยุทธศาสตร กดรมาโนยกธาารธบิการรกิ แาลระดผางั นเมชอืางง ๒๔. วันท่ี ๑๒ เมษายน ๒๕๖๐ กระทรวงมหาดไทย มีหนังสือแจ้งไปยังผู้ว่าราชการจงั หวัดทุกจังหวัด และ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เกี่ยวกับการบูรณาการแผนการกาจัดผักตบชวา ประจาปี ๒๕๖๐ และแนวทางการ บรหิ ารจัดการกาจัดผกั ตบชวา ประจาปี ๒๕๖๐ ๒๕. ปลัดกระทรวงมหาดไทยและกรมการปกครอง ได้มีหนงั สือแจ้งกาชับเม่ือวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ใหจ้ งั หวัดทกุ จังหวดั ทว่ั ประเทศ จดั ตังชมรมคนรมิ นาท่วั ประเทศให้แล้วเสรจ็ ภายในวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ๒๖. ผลการดาเนินงานแก้ไขปัญหาผักตบชวาระยะที่ ๒ ตามมาตรการป้องกัน (เก็บเล็ก) ซ่ึงในเดือน พฤษภาคม ๒๕๖๐ มผี ลการจัดเก็บทังสิน ๑,๓๖๒,๕๔๒ ตนั ๒๗. การจัดตังชมรมคนริมนา ได้จัดตังชมรมไปแล้ว ๑,๒๗๗ ชมรม และมีจานวนสมาชิก ๑๗,๖๔๘ คน ขอ้ มลู ณ วันที่ ๕ มถิ ุนายน ๒๕๖๐ ๒๘. จัดการประชุมพิจารณาการใช้ชีวภัณฑ์กาจัดผักตบชวาครังที่ ๑/๒๕๖๐ วันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๖๐ เวลา ๑๓.๓๐ น. ณ หอ้ งประชุม ๕๐๑ ชนั ๕ อาคาร ๑๐ ชัน กรมโยธาธกิ ารและผงั เมือง ถนนพระรามที่ ๖ ๒๙. จดั กจิ กรรมจิตอาสาประชาร่วมใจ กาจัดผักตบชวาท่ัวไทย ณ บริเวณวดั บางไผ่นารถ ตาบลบางไทรป่า อาเภอบางเลน จังหวัดนครปฐมในวนั ที่ ๔ ธนั วาคม ๒๕๕๙ ๓๐. จัดการประชุมเพ่ือเตรียมการบูรณาการ การเก็บผักตบชวา “ในแม่นาเจ้าพระยา” เมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๐ เวลา ๑๐.๐๐ น. ณ วดั กร่าง ตาบลบางกระบอื อาเภอสามโคก จังหวัดปทมุ ธานี ๓๑. กาหนดให้มกี ารจัดกิจกรรมเปิดสถานีจัดเกบ็ ผกั ตบชวาในแมน่ าเจ้าพระยา ซ่ึงเปน็ กิจกรรม เฉลิมพระ เกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๖๕ พรรษา ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๐ เวลา ๑๔.๐๐ น. ณ วดั กรา่ ง ตาบลบางกระบอื อาเภอสามโคก จงั หวัดปทุมธานี ๓๒. มาตรการปราบปราม (เก็บใหญ่) ภายใน ๖ เดือน โดยเริม่ ตังแต่เดอื นตลุ าคม ๒๕๕๙ ถงึ เดือนมีนาคม ๒๕๖๐ มีผลการจัดเก็บทังสิน ๘,๑๘๑,๗๔๒ ตัน และ มาตรการปราบปราม (เก็บเล็ก) เพื่อป้องกันการเจริญเติบโต และขยายพันธุ์ของผักตบชวาอย่างต่อเน่ืองตังแต่เดือนเมษายน ๒๕๖๐ ถึงเดือนกันยายน ๒๕๖๐ มีผลการจัดเก็บ ทงั สิน ๘,๖๒๘,๖๖๙ ตนั ๓๓. ประชุมแนวทางการขับเคล่ือนการแก้ไขปัญหาผกั ตบชวา ครงั ท่ี ๔/๒๕๖๐ เมอื่ วันท่ี ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ เวลา ๐๙.๓๐ น. ณ ห้องประชมุ ๕๐๑ ชนั ๕ อาคาร ๑๐ ชนั กรมโยธาธิการและผังเมือง ถนนพระรามที่ ๖ ๓๔. ประชุมเพอ่ื พิจารณาแนวทางการเตรยี มการจัดตงั สถานีเกบ็ ผักตบชวา บริเวณ วัดบางซอ อาเภอสองพ่นี ้อง จังหวัดสุพรรณบุรี เมื่อวันพุธท่ี ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๐ เวลา ๑๓.๓๐ น. ณ ห้องประชุมขุนช้าง ศาลากลางจังหวัด สพุ รรณบรุ ี ประจําปงบแปผรนะกมาารณจัดพก.าศร.๒ค๕วา๖ม๑รู ๑๗
องคค วามรูตามประเด็นยุทธศาสตร กดรมา โนยกธาารธบกิ ารรกิ แาลระดผาังนเมชอืางง บทที่ ๔ ปญั หา อุปสรรค และการนาผักตบชวาไปใช้ประโยชน์ ปัจจุบันผักตบชวาจะพบได้ ทังในแม่นาลาคลอง และแหล่งนาปิด เพราะผักตบชวาเป็นพืชท่ีทนทาน สภาพแวดล้อมและมีการขยายพันธุ์ได้รวดเร็วจึงส่งผลกระทบโดยตรงต่อสิ่งแวดล้อม สิ่งมีชีวิตใต้นา การคมนาคม ทางนาและชาวบ้านท่ีอาศัยอยู่ตามริมแม่นาลาคลอง ดังนันเราจึงจาเป็นต้องมีการควบคุมอย่างมีระบบ การเจริญเตบิ โตของผักตบชวา ว่าผักตบชวาเป็นพชื ทม่ี ีอตั ราการเจริญเตมิ โตสูงทนทานตอ่ สภาพแวดลอ้ ม เป็นพืชท่ีมี ทุ่นลอยสามารถอย่ไู ด้ทังในนานิ่งและนาไหล ผักตบชวามีการขยายพันธ์ุอย่างรวดเร็ว ทังทางเมล็ดและการแตกหน่อ ทาให้ผักตบชวามีการแพร่ระบาดอย่างรุนแรง ก่อใหเ้ กดิ ปญั หาต่อแหล่งนาตา่ ง ๆ ทั่วประเทศ และกอ่ ใหเ้ กิดผลเสียต่อ เศรษฐกิจ สังคม และสง่ิ แวดล้อม ผกั ตบชวา ก่อให้เกิดปัญหาแก่วงการที่เกี่ยวข้องกบั แหล่งนา เช่น การชลประทาน การไฟฟ้าพลังนา การประมง การกสิกรรม การสาธารณสขุ ฯลฯ ดงั ตอ่ ไปนี การชลประทาน จุดมุ่งหมายสาคัญของงานชลประทานในประเทศไทย คือ การพัฒนาแหล่งนา โดยการจัดสรรนา เพ่ือใช้ ประโยชนห์ ลายๆ อย่าง โดยวิธีการต่างๆ กัน ผักตบชวาทาให้การพัฒนาแหล่งนาไม่ไดผ้ ลเต็มตามเป้าหมายเนอื่ งจาก สาเหตุ ดังต่อไปนี - ลดการไหลของนา ลงประมาณ ๔๐% - ส่วนต่างๆ ของผักตบชวาที่จมลงใต้นา ก่อให้เกิดอุปสรรคกับการระบายนา ของฝาย ประตูระบาย และ อืน่ ๆ ทาใหท้ างเดินของนา เกิดการตนื เขนิ เรว็ กว่าปกติ และทาให้เกดิ นาท่วมในหนา้ นา - การระเหยของนา ในทซ่ี ง่ึ มผี กั ตบชวาจะสูงกวา่ ในท่ซี ึง่ ไมม่ ีผกั ตบชวา ประมาณ ๓-๘ เทา่ การไฟฟ้าพลังนา ผกั ตบชวากอ่ ให้เกิดปัญหาสาคัญในการผลิตไฟฟา้ พลังนา ดงั ตอ่ ไปนี - ลดปริมาณนา จากการที่ผักตบชวาตายทับถมกัน ทาให้อ่างเกบ็ นาตนื เขนิ ประจาํ ปงบแปผรนะกมาารณจดั พก.าศร.๒ค๕วา๖ม๑รู ๑๙
แกนาํ จวดัทผางกั กตาบรชดวาํ าเนแนิ ลกะาวรัชพืช - เพ่ิมอตั ราการระเหยนา ทาให้นา หมดไปโดยเปล่าประโยชน์อยา่ งรวดเร็ว - แย่งเนือที่การเกบ็ กักนา ของอ่างเก็บนา ทาให้เก็บรักษานา ไดน้ อ้ ยลง การกสกิ รรม ปญั หาท่เี กดิ กับการกสกิ รรม ดังนี - แย่งนา และอาหารจากพืชที่ราษฎรทาการเพาะปลูกในแม่นาลาคลอง เช่น ผักบุ้ง ผักกระเฉด ฯลฯ ซ่งึ ควรไดร้ บั มากขึนจากการชลประทานหากไม่มีผักตบชวาอยูใ่ นแหล่งนา - ผักตบชวาที่ลอยมากับกระแสนา ก่อให้เกิดปัญหาแก่นาข้าว เพราะผักตบชวาจะลอยมาทับต้นข้าว กอ่ ให้เกดิ ความเสียหายแกต่ น้ ขา้ ว - แพผักตบชวาท่ีไหลมาตามนา เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ศัตรูพืชนานาชนิด เช่น หนูซ่ึงมีปริมาณมาก เมื่อแพ ผักตบชวาไปติดทใี่ ด หนแู ละศัตรอู ่ืนๆ กท็ าความเสียหายแก่ พืชผลของเกษตรกร - ทาให้การพัฒนาแหล่งนา ได้ผลไม่เต็มตามเป้าหมาย เป็นเหตุให้เกิดผลกระทบกระเทือนต่อการกสิกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกสิกรปลกู พืชลงไปแลว้ และหวงั ว่าจะได้รับนา จากการชลประทาน แต่ผักตบชวาเป็นตัวการ สาคัญทีท่ าใหก้ สิกรไม่ได้รับนา ตามทีค่ าดไวเ้ ป็นเหตุใหพ้ ชื ผลเสยี หาย การประมง ปญั หาของผกั ตบชวาที่มีต่อการประมง ดงั นี - ผักตบชวาที่ขึนหนาแน่นเป็นอุปสรรค ต่อการทาประมงนาจืด คือ การเลียงปลาในกระชัง เพราะ ผักตบชวาถ้ามีจานวนมากจะดันกระชัง หรอื จนไมส่ ามารถเลียงปลาในกระชังได้ - ปริมาณผักตบชวาที่ลอยอยู่อย่างหนาแน่นบนผิวนา จะทาให้แสงสว่างในนา ลดลง เป็นผลให้พืชอาหาร ปลาขนาดเล็ก (ไฟโตแพลงตอน –Phytoplankton) มีปรมิ าณน้อยลง ไฟโตแพลงตอนนีเป็นตัวการสาคัญที่ทาให้เกิด กา๊ ซออกซิเจนในนาซงึ่ จาเปน็ แก่การหายใจของปลาและสตั วน์ า ทกุ ชนิด - ทาให้แหลง่ นา ตืนเขนิ จงึ ไปลดที่อยู่อาศยั ของปลา การสาธารณสุข ผกั ตบชวามีสว่ นก่อใหเ้ กดิ ปญั หาทางด้านสาธารณสุข ดงั นี - เป็นที่อาศัยของสัตว์นา ซ่ึงบางชนิดเป็นพาหะของโรค เช่น หอยชนิดหน่ึง (หอยไบธีเนีย –Bithynia) ซงึ่ เป็นพาหะนาโรคพยาธใิ บไม้ในตบั ๒๐ DPT KM Action Plan 2018
องคความรตู ามประเด็นยุทธศาสตร กดรมา โนยกธาารธบิการรกิ แาลระดผางั นเมชือางง - เป็นท่ีอาศัยของลูกนา ของยงุ โรคเท้าช้าง ลูกนา ของยุงชนิดนีสามารถปากเจาะไชรากผกั ตบชวาเพ่ือใช้ เป็นที่หายใจ นอกจากนนั นาทค่ี า้ งตามซอกใบกเ็ ป็นที่อาศยั วางไขข่ องยงุ อ่ืนๆ - เมื่อขึนอยู่อย่างหนาแน่น ผักตบชวาเป็นตัวการทาให้การกาจัดหอย (ซ่ึงเป็นพาหะสาคัญในการนาโรค) โดยการใช้ยากาจัดเป็นไปได้โดยยากและสินเปลอื งมาก เนือ่ งจากผกั ตบชวาจะดูดยาไวส้ ่วนหนง่ึ ส่วนท่ีเหลือมีน้อยจน ไม่สามารถจะทาอันตรายกับหอยได้ นอกจากนัน ผักตบชวายังเป็นตัวกันไม่ให้ยาถูกพ่นลงในนา ได้สะดวก ดังนัน การใช้ยาในการกาจัดหอยจึงต้องเพมิ่ ปรมิ าณมากขึน ซ่งึ จะเป็นอันตรายแก่คนและสตั ว์อื่นๆ - เป็นทอ่ี าศัยสัตว์ร้าย เชน่ งูพษิ ซึง่ เปน็ อันตรายต่อราษฎร เมอื่ แพผกั ตบชวาลอยไปตดิ เรือนแพ หรือท่านา หรอื ในการพัฒนาแหล่งนา โดยการใช้แรงงานดึงขึนจากนา นอกจากนัน หนูท่ีอาศัยอยู่บนแพผักตบชวา ก็อาจแพร่ เชอื โรคกาฬโรคได้ ปญั หาทางด้านการคมนาคมทางนา ดงั นี ผกั ตบชวาเป็นอุปสรรคสาคัญท่ีกีดขวางการสัญจรทางนา ในคลองบางแห่ง เชน่ คลองรงั สิตเขตท่ีตดิ ต่อกับ แม่นาในและแม่นานอก จังหวัดนครนายก การสัญจรทางนา ในหน้านา เป็นไปได้ยากไม่ว่าจะเป็นเรือที่มีขนาดเล็ก หรอื ขนาดใหญก่ ็ตาม คลองธรรมชาตบิ างแห่ง เชน่ คลองสามจุน่ ในเขตโครงการสามชุก จังหวัดอุทยั ธานี มผี กั ตบชวา ขึนหนาแน่นปะปนกับต้นลาเจียก ปิดกันการสัญจรทางนา โดยเด็ดขาด แม้แต่ในแม่นา ใหญ่ๆ บางสาย เช่น แม่นา สะแกรงั จงั หวัดอุทัยธานี ในบางฤดูกม็ ีผักตบชวาอยอู่ ยา่ งหนาแน่น ปญั หาทางด้านทางด้านเศรษฐกิจและสงั คม สว่ นที่ก่อให้เกดิ ปัญหาทางดา้ นเศรษฐกจิ และสังคม เช่น เม่อื การพัฒนาแหล่งนา ไม่ไดผ้ ลเต็มตามเปา้ หมาย การเพาะปลูกซ่ึงต้องอาศัยนา กย็ ่อมจะได้ผลผลิตน้อยกว่าที่ควร รายได้ลดลง ซงึ่ เป็นปัญหาสาคัญอย่างย่ิงทจี่ ะทาให้ แผนพัฒนาประเทศไม่ได้ผลตามความมุ่งหมาย สาหรับความเสียหายทางด้านเศรษฐกจิ และสังคมนนั ในประเทศไทย ยงั ไม่มีการคานวณออกมาเป็นตัวเลขท่ีแน่นอน แต่หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องในการพัฒนาแหล่งนา เช่น กรมชลประทาน การไฟฟ้าฝา่ ยผลิต กรมประมงและเทศบาลท้องถ่นิ ต่างๆ ตอ้ งเสียค่าใช้จ่ายจากงบประมาณแผ่นดินปีละหลายสิบล้านบาท เฉพาะกรมชลประทานเพียงหน่วยงานเดียวซ่ึงได้งบประมาณสาหรับการกาจัดวัชพืชนา ประมาณปีละ ๔ ล้านบาท ประจาํ ปง บแปผรนะกมาารณจดั พก.าศร.๒ค๕วา๖ม๑รู ๒๑
แกนําจวดัทผางักกตาบรชดวําาเนแนิ ลกะาวรชั พืช ต้องใช้จ่ายงบประมาณไปในการกาจัดผักตบชวาถึง ๖๐% หรือประมาณ ๒.๔ ล้านบาทในด้านความเดือดร้อนที่ ราษฎรได้รับอันเนอ่ื งมาจากสาเหตขุ องผกั ตบชวา กไ็ ม่สามารถจะประมาณคา่ เปน็ เงนิ ได้ การท่องเท่ียว ในอดีตการตังถ่ินฐานของมนุษย์ตังแต่ไหนแต่ไรมา มนุษย์มักจะเลือกทาเลใกล้แหล่งนา เพอ่ื จะไดใ้ ช้ประโยชน์จากนาอยา่ งเต็มท่ี ในปัจจุบนั ผทู้ ่ีไมม่ โี อกาสอยู่ในท่ใี กล้ๆ นา ก็มักจะนิยมไปทอ่ งเทยี่ วในแหล่งที่มี นา สถานท่ีที่มีแหล่งนาใหญ่ เช่น บึงบอระเพ็ด กว๊านพะเยา ทะเลสาบสงขลา และอ่างเก็บนา ต่างๆ เป็นสถานท่ีที่มี ประชาชนมักจะไปเท่ยี วพกั ผอ่ นหย่อนใจ ถ้าสถานท่เี หลา่ นีมผี ักตบชวาขึนอยู่หนาแน่นแล้ว การท่ีจะพฒั นาให้สถานที่ นันๆ เป็น แหล่งท่องเท่ียวก็เป็นไปได้ยาก เพ ราะผักตบชวามีส่วนทาลายความสวยงามของแหล่งน า นันๆ นอกเหนือไปจากการรบกวนกิจกรรมอ่ืนๆ ในขณะพักผ่อนหย่อนใจ เช่น การลงเรือท่องเท่ียว การว่ายนา ตกปลา ฯลฯ การกาจดั ผักตบชวาและวัชพืช ๑. การกาจดั ให้หมดไปโดยสมบูรณ์ (Eradication) การกาจัดวิธีนหี มายถึงกาจดั ผักตบชวาให้หมดไปจากสถานท่แี ห่งใดแห่งหนึ่งแบบไมใ่ ห้เหลือซากวธิ ีนีทา ได้ไม่ยากถา้ การระบาดของผกั ตบชวาอยู่ในระยะเริม่ แรกมีจานวนน้อยและอย่ใู นบรเิ วณจากดั ๒. การกาจดั โดยวิธคี วบคมุ (Control) วิธีนีเป็นการควบคุมผักตบชวาทางด้านปริมาณมิให้ระบาด แพร่ หรือขยายปริมาณออกไปได้เอง ตามธรรมชาติเป็นการควบคุมให้ผักตบชวาจากดั ตัวเองอยู่ในสถานท่ีแห่งใดแห่งหน่ึงโดยเฉพาะวิธนี ีปฏิบัติกันทว่ั ไปใน เมื่อไม่สามารถทาลายผักตบชวาให้หมดไปได้ กรรมวิธีเก่ียวกับการกาจัดผักตบชวาที่นิยมปฏิบัติกันทั่วไป เทา่ ที่สามารถรวบรวมไดด้ งั นี การกาจัดผักตบชวาด้วยสารเคมีกาจดั วัชพืช (ซึ่งเรียกว่ายาฆ่าหญ้า หรอื Herbicide) เป็นท่นี ยิ มกนั มาก โดยเฉพาะในประเทศท่ีพัฒนาแล้วเพราะเป็นวิธีท่ีง่าย ประหยัดรวดเร็วและมีประสิทธิภาพที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับ การกาจัดแบบอนื่ แต่การใช้สารเคมีช่วยกาจัดวัชพืชนาอย่างผกั ตบชวานัน ถ้าผู้ใชไ้ ม่มีความรู้ในระดับพืนฐานเกี่ยวกับ เรื่องราวทางวทิ ยาการวัชพืชและนเิ วศวทิ ยาแล้ว อาจทาให้เกิดอนั ตรายต่อ มนษุ ย์ สัตว์ และสภาพแวดล้อมได้โดยง่าย ดังนัน การอบรมให้ความรู้แก่ผู้มีหน้าที่กาจัดผักตบชวาโดยวิธีการใช้สารเคมีกาจัดวัชพืชจึงเป็นกุญแจสาคัญของ ความสาเรจ็ ในการกาจดั ผกั ตบชวาด้วยสารเคมี ๒๒ DPT KM Action Plan 2018
องคค วามรตู ามประเด็นยทุ ธศาสตร กดรมาโนยกธาารธบกิ ารรกิ แาลระดผา ังนเมชอืางง การนาผักตบชวาไปใช้ประโยชน์ นอกจากผักตบชวาจะเป็นตัวสร้างปัญหาต่างๆ ผักตบชวาไม่ได้มีแต่โทษและก่อให้เกิดความเดือดร้อน ราคาญเพยี งอยา่ งเดียว แตส่ ่วนดีของผักตบชวาทค่ี นท่ัวไปมกั มองไม่คอ่ ยเห็น มดี งั ตอ่ ไปนี เช่น ช่วยทาใหน้ าสะอาดขึน ช่วยสะสมพลงั งานจากดวงอาทติ ย์ ช่วยทาให้อากาศบริสทุ ธิแ์ ละเย็นสบาย ช่วยลดปัญหาท่ีเกิดจากวชั พืชใต้นา เป็นที่ อยู่อาศัยของปลาและสัตว์นา ช่วยทาให้เกดิ ทัศนยี ภาพท่ีเจรญิ ตา แล้วยังสามารถที่จะนามาเป็นประโยชน์หรือใชง้ าน ในด้านตา่ งๆ ได้ เช่น การทาสิ่งประดิษฐ์ ใช้ทาเป็นของใช้ต่างๆ เช่น กระเป๋าถือ เปลญวน เครื่องจักสาน นามาเป็นวัตถุดิบ สาหรับงานหัตถกรรม เชน่ รองเท้าแตะ ตะกร้าใสเ่ สอื ผ้า ถาดรองผลไม้ ถาดรองแก้วนา กลอ่ งใส่กระดาษทิชชู ฯลฯ ดา้ นปศุสัตว์ ใช้เป็นอาหารสัตว์ ใบผักตบชวาใช้นามา เลียงสุกร เลียงไก่ เน่ืองจากมีคุณค่าทางสารอาหาร พบว่าใบผักตบชวาเมอื่ นามาตากแหง้ มีโปรตนี ประมาณรอ้ ยละ ๑๔-๒๐ ไขมันรอ้ ยละ ๑-๒.๕ กากหรือเย่อื ใยประมาณ ร้อยละ ๑๗-๑๙ คณุ คา่ ทางสารอาหารจะผนั แปรตามความอ่อนแกข่ องใบผักตบชวา ใบอ่อนจะมีคุณค่าทางอาหารสูง กว่าใบแก่ และขนึ อยู่กบั สัดสว่ นของก้านและใบ โดยท่ัวไปสว่ นของใบจะมีคุณคา่ มากกวา่ การนาผักตบชวามาใช้เลยี ง สัตว์ สามารถใชไ้ ด้หลายรปู แบบ และสามารถเลียงสัตวไ์ ด้หลายชนิดจาแนกได้ ดังนี • ใช้ในรปู พชื สด เกษตรกรท่ัวไป รจู้ ักนาผักตบชวาสดมาใช้เลยี งสัตว์กันเปน็ เวลานานแล้ว โดยนามา ห่นั เป็นท่อนสนั ๆ ผสมรวมกันราปลายข้าว หรือ ต้มกับราปลายข้าว และเศษอาหารจากครัวเรอื น ส่วนใหญ่จะนามา เลียงสุกร แต่การใช้ผักตบชวาสดมี ข้อควรระวังคือ ไม่ควรใช้มากกว่า ๒๕% ของอาหารทังหมด เพราะการใช้ ผักตบชวาสดในระดับที่สูงเช่นนันจะมีผลทา ให้สัตว์กินอาหารได้ลดลง และอาจจะเป็นโรคขาดสารอาหารได้ ทังนี เนอ่ื งจาก ผกั ตบชวาสดมนี าเปน็ ส่วนประกอบอยูส่ ูง นนั่ เอง • ใช้ในรูปผักตบชวาแห้ง เน่ืองจากการใช้ผักตบชวาสดมีข้อจากัดคือ ผักตบชวาสดมีนาประกอบอยู่สูง ดังนัน จึงได้มีการนามาทาให้แห้งก่อน ที่จะนาไปใช้เลียงสัตว์ ซ่ึงกรรมวิธีการใช้ และชนิดของสัตว์ท่ีนาไปเลียงก็มี แตกต่างกนั ไป ดังนี ประจําปงบแปผรนะกมาารณจดั พก.าศร.๒ค๕วา๖ม๑รู ๒๓
แกนาํ จวัดทผางกั กตาบรชดวําาเนแินลกะาวรัชพชื ไก่กระทง เม่ือใช้ใบผักตบชวาแห้งผสมในอาหารผสมในปริมาณ ๕% สาหรับเลียงไก่กระทงในช่วงอายุ ๐ - ๘ สัปดาห์ ไก่จะมีอัตรา การเจรญิ เติบโต ปริมาณการกินอาหาร อัตราการแลกเนือ และคุณภาพซากท่ีดี พอๆ กับการ เลยี งโดยใชอ้ าหารผสม ที่มีใบกระถนิ ๕% หรอื ใบถวั่ ฮามาต้าแหง้ ๕% ห่าน สามารถใช้ผักตบชวาแหง้ ผสมในอาหารทดแทนราได้ในระดบั ๑๐,๒๐ และ๓๐% เพ่ือเลยี งหา่ นในช่วง อายุ ๓-๑๔ สัปดาห์ กล่าวคือ ใช้ผักตบชวาแห้ง ๑๐ กก. และกากถั่วเหลือง ๒ กก. ทดแทนราละเอียดทุก ๑๐ กก. และปลายข้าว ๒ กก. ซ่ึงไม่ว่าจะเลียงด้วยสูตรใด นาหนักตัว และอัตราการเจริญเติบโตของห่านก็ไม่แตกต่างกัน นอกจากนีห่านท่ีเลียงด้วยผัก ตบชวาในระดับสูงมีแนวโน้มท่ีจะใช้อาหารข้น (ไม่รวมผักตบชวา) ต่ากว่าพวกท่ีเลียง ดว้ ยอาหารทผ่ี สมด้วยผกั ตบชวา ในระดับตา่ กว่า สุกร ในการเลียงสุกรรนุ่ และสุกรขุน สามารถใช้โปรตีนที่สกัดจากผักตบชวา (Water Hyacinth Protein Extraction) ทดแทนโปรตีนจากกากถ่ัวเหลืองได้ ๒๕% ในอาหารสัตว์ แต่ถ้าใช้ทดแทนในอตั รา ๕๐ และ ๗๕% จะทา ให้การย่อยได้ ของโภชนะ อัตราการเจรญิ เติบโต และประสิทธิภาพการเปลี่ยนอาหารลดลง สาหรับสุกรขุน เมอื่ ใชต้ ้น ผกั ตบชวาแหง้ ผสมในอาหารสตั ว์ ๑๐% จะสามารถลดค่าอาหารลงได้ ในการใช้ผักตบชวา เลียงสุกรขุนไม่วา่ จะใช้ใน รปู สด หรือแห้งกต็ าม ควรจะใชเ้ ลยี งสุกรที่มีนาหนักตวั ตังแต่ ๒๕ กก. ขึนไปเพราะสุกรเหล่านี เติบโตพอที่จะไม่ต้อง ใชอ้ าหารท่มี ีคุณภาพสูง เทา่ กับเมื่อยงั เลก็ อยู่ โคนม เม่ือเลยี งลูกโคนมเพศผู้ตอนอายุ ๖ เดือน โดยใช้ฟางข้าวเป็นอาหารหยาบหลัก (Basal roughage) และให้อาหารเสริม (Supplemental feed) วันละ ๑.๒ กก.โดยในอาหารเสริมมีใบผักตบชวาแห้งผสมอยู่ ๐.๔ กก. หลังจากเลียงได้นาน ๙๐ วนั พบว่า อัตราการเจรญิ เติบโต และประสิทธิภาพการเปล่ียนอาหารของลูกโค ไม่แตกต่าง จากลูกโคที่เลียงด้วยฟางข้าว และอาหารเสริมที่มีกากถั่วเหลืองประกอบอยู่ด้วย เมื่อเลียงโคนมโดยใช้ฟางข้าว และผักตบชวาในอัตราส่วน ๑ : ๑ เป็นอาหารหยาบ หลังจากนัน ๙๐ วัน พบว่า ปริมาณนานมเพ่ิมขึน ๑๙๗.๕ ๒๔ DPT KM Action Plan 2018
องคความรูตามประเด็นยทุ ธศาสตร กดรมาโนยกธาารธบกิ ารริกแาลระดผา ังนเมชอืา งง มิลลิลิตร/ลิตร และไขมันในนานมเท่ากับ ๑๖๗.๕ กรัม/กิโลกรัม ซ่ึงได้ผลดีพอๆ กับการเลียงโคนมด้วยฟางข้าว ในอตั ราส่วน ๑ : ๑ โดยใชอ้ าหารข้นชนดิ เดียวกัน กระบอื เม่ือใช้ฟางขา้ วและผักตบชวาในอัตราส่วน ๑ : ๑ ปรุงแตง่ ดว้ ยนาทีม่ ยี เู รยี ละลายอยู่ ๕% และนาที่ มีเกลือละลายอยู่ ๐.๓% ในอัตราส่วน ๑ : ๑ หมักไว้นาน ๓ สัปดาห์ แล้วนาไปเลียงกระบือ เป็นเวลา ๑๑๐ วัน กระบือจะมีนาหนักตวั เพมิ่ ขึน ๓๒๙ กรัม/วัน ซึ่งดีกว่าการเลียงด้วยฟางข้าว หรือ ฟางข้าวปรุงแต่งด้วยยูเรีย เพราะ ผกั ตบชวาทาให้โปรตีนในอาหารหยาบเพิ่มสูงขึน นอกจากนี แอมโมเนียท่ีได้จากการท่ียูเรีย ทาปฏกิ ิริยากับนา จะทา ให้เย่ือใยของฟางข้าว และผักตบชวาอ่อนนุ่ม สัตว์จึงใช้ประโยชน์ได้ ส่วนเกลือจะทาหน้าที่ระงับ การเติบโตของ จลุ ินทรยี ์ทจ่ี ะทาให้พชื หมักเสยี ดงั นัน จะเห็นได้วา่ เกษตรกรสามารถนาผักตบชวามาใช้เลียงสัตวไ์ ด้หลายรูปแบบ ทังในลกั ษณะท่เี ป็นพืชสด พืชแห้ง หรือพืชหมัก สามารถใช้ได้ทังเป็นอาหารหยาบ หรือ ใช้ผสมในอาหารผสม และสามารถเลียงสัตว์ได้หลาย ชนิดทาให้เกิด ประโยชน์ เป็นทางเลือกอีกทางหน่ึงของเกษตรกรในการหาหรือเลือกใช้อาหารสัตว์ ช่วยลดต้นทุน ค่าอาหารสัตว์ ชว่ ยกาจดั วชั พืชทางนาได้อีกดว้ ย ด้านการเกษตร ผักตบชวามีโพแทสเซียมมาก รวมทังฟอสฟอรัสและไนโตรเจนซึ่งเป็นธาตุอาหารที่พืช ต้องการจึงนามาทาเป็นปุ๋ยหมักได้ นอกจากนียงั สามารถนามาคลุมหน้าดินเพื่อกักเก็บความชืนในดินได้อย่างดีเย่ียม นามาทาเป็นปุ๋ยหมัก สาหรับการปลูกพวกพืชผักอื่นๆ คลุมต้นไม้ท่ีปลูกเอาไว้ให้เกิดความชุ่มชืนได้เป็นอย่างดี เนื่องจากผักตบชวามีคุณสมบัติในการอุ้มนาได้ดี ทาเป็นวัสดุปรับปรุงดิน ใช้ในการเพาะเห็ดโดยนาผักตบชวาขึนมา จากนาปลอ่ ยทิงเอาไวป้ ระมาณชั่วโมงเศษๆ ใช้มดี สบั เปน็ ท่อนๆ ยาวประมาณ ๕ - ๑๐ ซม. ทงั ส่วนราก ลาต้นและใบ แล้วจึงนาไปเพาะเหด็ ฟางได้เหมือนกับการเพาะโดยใช้ฟางขา้ ว ประจาํ ปง บแปผรนะกมาารณจดั พก.าศร.๒ค๕วา๖ม๑รู ๒๕
แกนําจวดัทผางักกตาบรชดวําาเนแินลกะาวรชั พืช • ใชใ้ นรูปพชื หมกั การทาผักตบชวาหมักเป็นการหมกั โดยการเตมิ สารเสริมตา่ งๆ เพ่อื ใหไ้ ด้พืชหมักมี คุณภาพดี เหมาะแก่การนาไปใช้เลียงสัตว์เคียวเอืองชนิดต่างๆ การทาผักตบชวาหมักนัน มีอยู่หลายสูตร เช่น ห่ัน ผักตบชวาเป็นท่อนสันๆ แล้วตาก ให้เหี่ยวลงเล็กน้อยให้มีความชืนประมาณ ๗๐% เติมกากนาตาล ๑๐% เพื่อให้มี นาตาลมากพอสาหรับ Lactic acid bacteria จะใช้สร้างกรด และเติมกรดฟอร์มิค (Formicacid) ๐.๓% เพื่อให้เกิด สภาวะความเป็นกรดเร็วขึน ทาให้ Bacteria ชนิดอ่ืนๆไม่สามารถเจริญได้ คลุกเคล้าส่วนผสมทังหมดให้เข้ากัน แล้ว หมกั ไว้ โดยอย่าใหอ้ ากาศเข้าได้ จะได้อาหารหมกั ทม่ี คี ณุ ภาพดี จาแนกการนาผักตบชวาไปทาปยุ๋ ได้ ๓ วธิ ี วธิ ีที่ ๑ ปล่อยให้ผักตบชวาแห้ง แลว้ นาผกั ตบชวาไปเผาเพ่ือเก็บขีเถ้าซ่ึงมีโปแตสเซียมอยู่ถึง ๒๐% เอาไป ใสใ่ หแ้ ก่พชื ท่ปี ลูก มขี ้อได้เปรยี บตรงทไี่ ม่ต้องขนใหห้ นัก แตก่ ไ็ ดเ้ ผาอนิ ทรียวัตถทุ ่ีพืชต้องการไปหมด วธิ ีที่ ๒ ทาเป็นปุ๋ยหมักโดยกองสลับชันกับดิน ปุ๋ยคอก ขยะ ซึ่งจะเน่าเป่ือยเป็นปุ๋ยหมัก นาไปใช้ได้ภายใน ๒ เดอื น ระหวา่ งหมกั ควรกลับกองปุ๋ยหมักทุกๆ ๑๕ วัน โดยเอาสว่ นบนลงล่างและสว่ นล่างขนึ บน กลบั กองปุ๋ยหมัก สัก ๒ ครัง จากนันก็ปล่อยให้ค่อยๆ กลายเป็นปุ๋ยหมักซง่ึ จะมสี ีดาคลา ปุ๋ยหมักจากผักตบชวา ผสมดิน มอี งค์ประกอบ คือ ไนโตรเจน ๒.๐๕% ฟอสฟอรัส ๑.๑% โปแตสเซียม ๒.๕% ธาตุทังสามอย่างนาเป็นอาหารธาตุท่ีจาเป็นแก่การ เจริญเติบโตของพืชทกุ ชนิดในดิน ป้องกนั ไม่ให้วัชพืชขนึ และเมื่อสลายตัว ก็กลายเป็นอินทรียวัตถแุ ละป๋ยุ ให้แกพ่ ชื ปลูก วธิ ีท่ี ๓ ทาวัสดคุ ลมุ ดิน โดยการนาเอาผกั ตบชวาไปคลมุ พชื ปลกู เพ่อื ชว่ ยรักษาความชุม่ ชนื ไว้ในดนิ ปอ้ งกัน ไม่ให้วัชพืชขึน และเม่ือสลายตัว ก็กลายเป็นอินทรยี วตั ถุและปุ๋ยให้แก่พืชปลกู นาผักตบชวามาเพาะเห็ด ผักตบชวาที่ ตากแดดจนแห้งดีแล้ว สามารถนามาเพาะเห็ดฟางได้ดี วธิ ีท่ีเหมาะท่สี ุดกค็ ือ ใช้ผักตบชวาแห้ง ๑ ส่วน สลับกับฟางข้าว ๑ ส่วน ควรใชล้ งั ไมเ้ ปน็ แบบในการกองเห็ด ขนาดของลังประมาณ ๓๐ x ๓๐ x ๕๐ ซม. การผลติ ปุย๋ หมัก สตู ร พด.๑ และ พด.๒ ปุ๋ยหมัก คือปุ๋ยอินทรีย์ที่ได้จากการนาเศษพืชและหรือมูลสัตว์มาหมักโดยใช้สารเร่งจุลินทรีย์ พด.๑ เป็นตวั เร่ง ทาให้ได้ปุ๋ยหมักคุณภาพดี และใช้เวลาไม่นาน (ประมาณ ๑ - ๑.๕ เดือน แล้วแต่ชนดิ วัสดุ) เพ่ือใช้สาหรับ การปรับปรุงคุณภาพดิน ทังทางด้านกายภาพ เคมีและชีวภาพ คือทาให้ดินร่วนซุย ช่วยดูดซับธาตุอาหารในดินหรือ จากปุ๋ยเคมีท่ีใส่เพ่ิมเติมไม่ให้สูญเสียได้ง่าย เป็นแหล่งธาตุอาหารพืช ทังธาตุอาหารหลัก ธาตุอาหารรอง และธาตุ อาหารเสรมิ ช่วยตา้ นทานความเปลี่ยนแปลงความเป็นกรดเป็นด่างของดนิ ช่วยเพมิ่ ปรมิ าณและกจิ กรรมของจุลนิ ทรีย์ ทม่ี ีประโยชน์ในดิน จงึ ช่วยให้พชื เจริญเตบิ โต มคี วามแข็งแรงตามธรรมชาติ เพ่ิมประสทิ ธภิ าพของปุ๋ยเคมเี มื่อมีการใช้ ร่วมกนั จงึ ช่วยลดปรมิ าณปุ๋ยเคมลี งได้ วัสดุสาหรับผลิตปุ๋ยหมัก (ประมาณ ๑ ตัน) คือ เศษพืช เช่น ฟางข้าว เศษพืช เศษหญ้า ใบไม้ ขีเล่ือย แกลบ ผกั ตบชวาแห้ง ฯลฯ ๑ ตัน ( หากเป็นผกั ตบชวาสดให้ใช้ ๑๐ ตนั ) มูลสัตว์ ๒๐๐ กิโลกรัม (หากไม่มีให้ใช้หนา้ ดินดีๆ แทน) ป๋ยุ ยูเรีย ๒ กิโลกรัม สารเร่ง พด.๑ ๑ ซอง โดยละลายสารเรง่ พด.๑ ในถังนาความจุ ๑๐๐ ลติ ร ( หรือมากกว่า ก็ได้ ให้เพียงพอท่ีจะราดให้ทั่วบนกองเศษพืช ๑ ตัน ) ควรใช้นาหมักชีวภาพ พด.๒ ให้ผสมลงไปด้วย ๕ – ๑๐ ลิตร ๒๖ DPT KM Action Plan 2018
องคความรตู ามประเดน็ ยุทธศาสตร กดรมา โนยกธาารธบกิ ารริกแาลระดผางั นเมชือางง (เพ่ือช่วยกาจัดกล่ินท่ีไม่พึงประสงค์ และช่วยย่อยสลายวัสดอุ ินทรีย์ในส่วนท่ีแฉะไปด้วยนา ) คนให้เข้ากันนานอย่าง น้อย ๑๐ นาที จากนันนามาราดบนกองวัสดุ/เศษพืช มูลสัตว์ และปุ๋ยยูเรีย แล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน โดยราดนาที่ ละลายสารเร่ง พด.๑ และหรือนาหมักชีวภาพ พด.๒ บนกองวัสดุให้ชุ่ม ถ้าไม่ชุ่มให้ใช้นาราดลงไปให้ชุ่ม (ความชืน ประมาณ ๖๐ - ๗๐ เปอร์เซน็ ต์) หากเป็นฟางขา้ วหรือเศษพืชทมี่ ชี ินสว่ นยาวๆ อาจกองเป็นชนั ๆ โดยแบ่งวัสดดุ งั กลา่ ว ออกเป็น ๒ - ๓ ส่วนหรือชัน ขณะราดสารเร่ง พด.๑ หรือนา ต้องย่ากองวัสดุดังกล่าวให้แน่น (มิฉะนัน วัสดุดังกล่าวจะ ดูดซับนาได้น้อย กองหลวมเกินไป ทาให้แห้งเร็ว เชือจุลินทรีย์ไม่สามารถเจริญเติบโตและทาหน้าที่ได้ดี) ควรมีการรดนา กลับกองคลุกเคล้า ทุก ๗ – ๑๕ วัน ประมาณ ๑ – ๑.๕ เดือน วัสดุดังกล่าวจะสลายตัวเป็นปุ๋ยหมัก แต่หากใช้ ผักตบชวาสด จะใช้เวลาไม่นอ้ ยกว่า ๕ เดอื น อตั ราการใช้ ในนาขา้ ว พชื ไร่ ไมด้ อก อัตรา ๒ ตนั /ไร่ ( แต่แนะนาใหใ้ ชว้ ิธีไถกลบตอซงั หลงั เก็บเกย่ี ว หรือใช้พชื ปุ๋ยสด จะเป็นวิธีที่สะดวก และทาได้อย่างกว้างขวางกว่า ) ส่วนในแปลงพืชผัก ควรปรับปรุงดินด้วยพืชปุ๋ยสดแล้วเพ่ิมเติม ด้วยปุ๋ยหมัก ๒ – ๔ ตัน/ไร่ ไม้ผลยืนต้น ๕ - ๒๐ กิโลกรัม /หลุม (คลุกเคล้ากับดินรองก้นหลุมก่อนปลูก) และโรย/ หว่านรอบทรงพุ่ม แลว้ พรวนดินกลบ ๒๐ - ๕๐ กิโลกรัม/ต้น ปีละ ๑ - ๒ ครงั นาหมักชีวภาพ (ป๋ยุ อินทรยี ์นา) สูตร พด.๒ คือนาหมกั ชีวภาพท่ีได้จากสกัดนาเลียงของเซลล์พืชและหรือเซลล์สัตว์ โดยใช้นาตาล ด้วยจุลินทรีย์ ทังท่ีตอ้ งการและไม่ต้องการอากาศในการย่อยสลาย ทาให้ได้นาสกัดชีวภาพสีนาตาลใส มีองค์ประกอบของคาร์โบไฮเดรต โปรตีน กรดอะมิโน ฮิวมิกแอซิด ฮอร์โมน วิตามิน และจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ มากมาย จึงเป็นแหล่งธาตุอาหารพืช และฮอร์โมน ทาให้พืชแข็งแรง ช่วยเร่งการเจริญเติบโต การติดดอกออกผล โดยใช้ร่วมกับปุ๋ยทางดิน ขันตอนและวิธีการทา (ในถังขนาด ๑๒๐ ลิตร) ละลายกากนาตาล ๓๐ กก. ราข้าว ๑ กก. นาหรือนามะพร้าว ๔๐ ลิตร พรอ้ มสารเร่ง พด.๒ ๒ ซอง นาวัสดุหมัก คือ ปลา และ หรือ หอยเชอร่ี ผัก ผลไม้ ที่ห่ัน หรือบดแลว้ รวม ๗๐ - ๘๐ กก. ในนาทลี่ ะลายกากนาตาลและสารเรง่ ไว้แลว้ เติมนาให้ทว่ ม (เพ่ือคนได้สะดวก) แต่ตอ้ ง ต่ากว่าขอบปากถังลงมาอย่างน้อย ๒๐ ซม. คลุกเคล้า/คนส่วนผสมดังกล่าวให้เข้ากัน คนบ่อยๆ เพ่ือให้วัสดหุ มักย่อย สลายเร็วขึน ๑ เดอื นขึนไปจึงกรองนาไปใช้ อตั ราและวธิ ีการใช้ หมกั ดิน ตอซงั โดยผสมนาฉีดพน่ สาดหรือหยดทที่ าง นาเข้านา อัตรา ๕ ลิตร/ไร่ ขลบุ หมักทิงไว้ ๑๐ - ๑๕ วัน เพ่ือช่วยสลายฟางข้าวให้เป่ือยยุ่ย ไถพรวนได้ง่าย (หลงั เก็บ เก่ียวข้าวแลว้ จะเหลือตอซงั ฟางข้าวในนาประมาณ ๑.๐ - ๑.๓ ตัน/ไร่ ) อาจหยดที่ทางนาเข้านา ๕ ลิตร / ไร่ / ครัง ระยะข้าวแตกกอ (๓๕ – ๔๐ วัน) และเมื่อข้าวเร่ิมออกรวง (๖๐ - ๗๕ วัน) หรือผสมนาฉีดพ่นให้ทางใบอัตรา ๕๐ - ๘๐ ซซี ี /นา ๒๐ ลิตร เม่อื ข้าวอายปุ ระมาณ ๓๕ – ๔๐ วัน และ ๖๐ - ๗๕ วัน ในแปลงพชื ไร่ เมอ่ื อายุ ๒๐, ๔๐ และ ๖๐ วัน ในแปลงไม้ผล ทุก ๑๕ - ๓๐ วัน * ในแปลงพืชผัก ทุก ๓ - ๗ วัน โดยผสมให้เจือจางกว่าการใช้ในนา ข้าวพชื ไร่หรือไม้ผล นอกจากนี ยังสามารถใช้ในการบาบัดนาเสีย กล่ินเหม็นในห้องนาหรือกองขยะได้เป็นอย่างดี มีเกษตรกรหลายราย นานาหมักชีวภาพ พด.๒ อัตรา ๒ – ๕ ลิตร/นา ๒๐๐ ลิตร ผสมกับยาฆ่าหญ้า คุมหญ้า อัตราปกติ ฉีดพ่นในแปลงพืชไร่ ชว่ ยใหก้ ารคมุ หรอื ฆา่ หญา้ มปี ระสิทธภิ าพมากขนึ ดนิ รว่ นซุย พชื ที่ปลกู มรี ากมาก ดูดซมึ ปยุ๋ ได้ดขี ึน ปัญหาข้อจากดั การใช้ประโยชนจ์ ากผักตบชวา ๑. ความยุ่งยากในการนาผักตบชวาและวัชพืชนาจานวนมากๆ ขึนมาจากแหล่งนา มักมีความยุ่งยากและ คา่ ใช้จ่ายสงู เกนิ กาลงั ของประชาชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถ่นิ ที่จะดาเนนิ การโดยลาพังได้ ๒. การวางกองเพื่อทาเป็นปุ๋ยหมัก ด้วยปริมาณที่นาขึนมาจากแหล่งนาครังละมากๆ การกอง จึงเป็นกอง ขนาดใหญ่ ท่ีมีการย่อยสลายค่อนข้างช้า ที่ต้องใช้ระยะเวลานาน ไม่น้อยกว่า ๕ เดือน เพราะบริเวณกลางๆ กอง มักจะฉ่าไปด้วยนาชินส่วนของพืชท่ีเก็บมาสดๆ ก็จะสดอยู่นาน สารเร่งจุลินทรีย์ พด.๑ ไม่สามารถย่อยสลายได้ โดยจะย่อยสลายเมื่อเซลล์พืชตายแล้ว และมีความชืนเหมาะสม ไม่เปียกแฉะเกินไป ส่วนด้านนอกกองก็มักจะแห้งเกินไป จลุ นิ ทรีย์ก็ทาหนา้ ทีไ่ ดไ้ ม่ดี ประจําปงบแปผรนะกมาารณจัดพก.าศร.๒ค๕วา๖ม๑รู ๒๗
แกนาํ จวัดทผางกั กตาบรชดวําาเนแินลกะาวรัชพืช ๓. ด้วยผักตบชวามีนาอยู่ในชินส่วนและลาต้น ประมาณร้อยละ ๙๕ เม่ือสลายตัวก็จะเหลือปุ๋ยหมักให้ นาไปใช้ ประมาณร้อยละ ๕ - ๑๐ (เมื่อความชืนในปุ๋ยหมกั ด้วยแลว้ ) เท่านนั ๔. บางแห่งประชาชนขาดจิตสานึก ในการร่วมกันดูแลรักษาแหล่งนา มีการทิงขยะจานวนมากลงไปในนา โดยเฉพาะในแหลง่ นาใกล้แหล่งชุมชน ๕. ด้วยปริมาณที่นาขึนมาครังละมากๆ ประกอบกับต้องกองไว้ครังละนานหลายเดือน ประชาชน หรือ เกษตรกรไม่ยนิ ยอมใหก้ อง ในพนื ทขี่ องตนเอง แนวทางการแกไ้ ข/การจัดการ ๑. ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาพส่วน และเคร่ืองจักรกลขนาดใหญ่ เช่น เรือกาจัดผักตบชวารวมทัง รถบรรทุกเพียงพอที่จะลาเลียง ขนถ่ายผักตบชวาและวัชพืชนา ไปกองในสถานที่ที่เหมาะสม จากนัน เฝ้าระวัง มั่น ตรวจสอบ อย่าปล่อยให้มีผักตบชวา ขึนหนาแน่น การจัดเก็บสม่าเสมอ แต่ช่วยตัดวงจรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประชาชนหรอื องคก์ รปกครองส่วนท้องถ่ิน สามารถทาได้ ๒. กองปุ๋ยหมักไมใ่ หใ้ หญม่ ากนัก สามารถกลับกองได้ง่าย ไดบ้ ่อย จึงได้ปุ๋ยหมกั ใช้ได้ไวขึน รวมทังใช้สารเร่ง พด.๑ จานวน ๑ ซอง ละลายกับนา และนาหมักชีวภาพ พด.๒ จานวน ๕ – ๑๐ ลิตร ต่อผักตบชวาสด ๑๐ ตัน โดยคนให้เข้ากันอยา่ งน้อย ๑๐ นาที ราดหรือฉีดพ่นให้ทั่วกอง เพราะจุลินทรีย์ในนาหมักชีวภาพ พด.๒ จะช่วยย่อย สลายวัสดุอินทรีย์ที่มีลักษณะสดหรือแฉะ อีกทังยังช่วยดับกล่ินเหม็น ในกระบวนการย่อยสลาย ส่วนจุลินทรีย์ในสารเร่ง พด.๑ จะช่วยย่อยสลายเมื่อเศษพืชค่อนขา้ งแห้งหรือมีความชนื พอเหมาะ การหมั่นกลับกอง จะช่วยใหป้ ุ๋ยหมักสลายตัว ได้เรว็ และสม่าเสมอ ๓. ชีแจงทาความเข้าใจ ในการผลิตปุ๋ยหมักที่ถูกต้องเหมาะสม และต้องทาใจว่าเราจะได้ปุ๋ยหมักจานวน เท่านี คอื ไมเ่ กินรอ้ ยละ ๕ - ๑๐ ของนาหนักสด เท่านนั ๔. สรา้ งจิตสานกึ และประชาสมั พันธอ์ ยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ให้ทกุ คนมีส่วนร่วมในการบรหิ ารจัดการ และประโยชน์ จากแหลง่ นารว่ มกัน ต้องไม่ทิงขยะลงไปในนา เพราะจะย่ิงเป็นการเพม่ิ มลภาวะ มลพิษทางนา เปน็ ท่ีนา่ รังเกยี จ ทคี่ น จะมารว่ มกันกาจัดผกั ตบชวาและวัชพืชนา หรือแมแ้ ต่การนาไปกองทาปุย๋ หมัก ๕. การใช้ประโยชน์ได้อย่างกว้างขวาง เห็นผลทันที คือ การใช้ผักตบชวาคลุมดินในสวนผลไม้ แปลงพืชไร่ หรือพืชผัก เพราะจะช่วยคลุมดิน รักษาความชุ่มชืนให้กับพืชได้นาน ช่วยควบคุมวัชพืชในไร่ ในสวนได้เป็นอย่างดี และเมอื่ สลายตัว ก็จะไดป้ ยุ๋ หมกั ชนั ดี ทไ่ี ม่ต้องเคล่อื นย้ายอีกเลย ด้านอาหาร ยอดอ่อน ใบอ่อน และดอกอ่อน สามารถนามาลวกจิมกับนาพริกรับประทาน หรือนามาทาแกงส้ม ในไต้หวันจะนาผักชนิดนีมาปรุงเป็นอาหารจาพวกผัก (เฉพาะผักตบชวาท่ีอยู่ในสภาพแวดล้อมท่ีค่อนข้างบริสุทธิ์) โดยคุณค่าทางโภชนาการของส่วนที่รับประทานได้ของผักตบชวา ต่อ ๑๐๐ กรัม จะประกอบไปด้วย พลังงาน ๓๐ แคลอรี, นา ๘๙.๘%, โปรตีน ๐.๕ กรมั , ไขมนั ๐.๑ กรัม, คารโ์ บไฮเดรต ๗.๔ กรัม, ใยอาหาร ๒.๔ กรมั ๒๘ DPT KM Action Plan 2018
องคความรตู ามประเด็นยทุ ธศาสตร กดรมา โนยกธาารธบกิ ารริกแาลระดผางั นเมชอืา งง ด้านสมุนไพร ต้นมีรสจืด มีสรรพคุณเป็นยาใช้แก้พิษในร่างกาย ช่วยขับลม ใช้ตาพอกแก้แผลอักเสบและ ช่วย ระบายความรอ้ นในร่างกาย ด้านการบาบัดนาเสีย ใช้ผักตบชวากรองนาเสีย เพราะผักตบชวามีคุณสมบัติทาหน้าที่เป็นตัวกรอง ซึ่งเรียกว่า เครื่องกรองนาธรรมชาติ คือ การนาผักตบชวา ซ่ึงเป็นวัชพืชที่มอี ยู่มาก มาทาหน้าท่ีดูดซับความโสโครก และสารพิษ จากแหลง่ นาเนา่ เสีย และในเวลาเดียวกัน ก็ต้องหม่ันนาผกั ตบชวาออกจากบงึ ทุกๆ ๑๐ สัปดาห์ การบาบดั ดว้ ยวธิ ีนคี ือ \"บึงมักกะสัน\" ซ่ึงเป็นโครงการบึงมักกะสันอันเน่ืองมาจากพระราชดาริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยใช้ หลักการบาบัดนาเสยี ตามแนวทฤษฎีการพัฒนาโดยการกรองนาเสียด้วยผกั ตบชวา การนาผกั ตบชวามาควบคมุ ในพืนที่ เพ่ือบาบดั นาเสยี ด้านพลังงาน โดยใช้เป็นเชือเพลิง โดยใช้ผักตบชวาเป็นตัวเชื่อมประสานในการทาแท่งเชือเพลิงจากฟางข้าวและ แกลบ อัตราสว่ นฟางข้าว : ผักตบชวา และแกลบ : ผกั ตบชวา ในอัตราส่วน ๑ : ๓ โดยนาหนักทาให้แท่งเชือเพลิงอยู่ตัว ไม่แตกเปราะสามารถยึดเกาะได้ดีและให้ค่าความร้อน ๓,๙๕๖ kcal/kg และ ๒,๓๕๘ kcal/kg ตามลาดับ อัตราส่วน ของฟางขา้ ว : ผักตบชวา ทอ่ี ัตราส่วน ๑ : ๑ ๑ : ๓ และ ๑ : ๔ ใช้เวลาตม้ นาจนเดือดท่ี ๗, ๘ และ ๘ นาที ตามลาดับ แกลบ: ผักตบชวา ในทุกอัตราส่วนใช้เวลาต้มนาจนเดือดที่ ๗ นาทีเท่ากัน ปริมาณก๊าซที่เกิดขึนจากการเผาไหม้ของ แท่งเชือเพลงิ จากฟางขา้ วและแกลบ มปี รมิ าณ CO ๒ ๒.๒๗% CO ๐.๓๗% SO ๒ ๐.๐๐% และ CO ๒ ๑.๘๒% CO ๐.๓๘% SO ๒ ๐.๐๐๑๓% ตามลาดับ เม่ือนาค่าของปริมาณก๊าซมาเทียบกับค่ามาตรฐานสารเจือปนในอากาศที่ ระบายออกจากโรงงานเผาขยะมลู ฝอยของกระทรวงอุตสาหกรรมพบว่าปรมิ าณกา๊ ซ CO ท่ีเกิดขนึ ในทกุ อตั ราสว่ นเกิน คา่ มาตรฐาน ประจําปง บแปผรนะกมาารณจัดพก.าศร.๒ค๕วา๖ม๑รู ๒๙
แกนาํ จวัดทผางักกตาบรชดวาํ าเนแินลกะาวรชั พืช ผลติ ภณั ฑถ์ ่านอดั แทง่ ทท่ี าจากจากผักตบชวา ทงั นี ผักตบชวาสดปรมิ าณ ๑,๐๐๐ กิโลกรัม สามารถอัดเป็นแทง่ ที่มนี าหนักประมาณ ๗๗๕ กโิ ลกรัม โดยมีขนั ตอนใน การทาที่ไมย่ าก ดงั นี • เพื่อเป็นการประหยัดเวลาและสะดวก หลังจากนันนาผักตบชวาทยี่ ่อยแล้วตากแห้งประมาณ ๕ - ๑๐ วัน แต่ถ้าต้องการประหยัดเวลาสามารถใช้เครื่องอบโดยอบในอุณหภูมิ ๘๐ องศาเซลเซียส นาน ๑๒ ชั่วโมง ก็จะได้ ผักตบชวาทีแ่ ห้งสนทิ ขันตอนแรกนาผกั ตบชวาท่ีเก็บได้มาสับละเอียด หรือนาเข้าเคร่อื งยอ่ ยปุย๋ พืชสด ๓๐ DPT KM Action Plan 2018
องคความรตู ามประเด็นยทุ ธศาสตร กดรมา โนยกธาารธบิการริกแาลระดผา ังนเมชือางง • จากนันก็นาผักตบชวาที่แห้งสนิทแล้วมาผสมนากับแป้งมันสาปะหลังในสัดส่วน ผักตบชวา ๑๒ กิโลกรัม นา ๑ ลิตร แป้งมันสาปะหลัง ๑ กิโลกรัม แล้วคนให้เข้ากัน เสร็จแล้วก็นาผักตบชวาที่ผสมนาและแป้งมัน สาปะหลังมาอัดในท่อ PVC ตามขนาดท่ีต้องการ หรือถ้าหากใครมีเคร่ืองอัดก็สามารถนาเข้าเคร่อื งอัดแท่งได้ หากมี ปรมิ าณมาก จะชว่ ยประหยดั เวลา ประจําปงบแปผรนะกมาารณจดั พก.าศร.๒ค๕วา๖ม๑รู ๓๑
องคความรูตามประเด็นยุทธศาสตร กดรมาโนยกธาารธบกิ ารริกแาลระดผาังนเมชือา งง บทที่ ๕ บทสรุป ในบทนีจะเป็นการสรุปให้เห็นภาพ ของการกาจัดผักตบชวาท่ีผ่านมา และแผนการ ดาเนินการจัดเก็บผักตบชวาในระยะตอ่ ไป ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้คณะกรรมการอานวยการบูรณาการ เพ่ือแก้ไขปัญหาผักตบชวา โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เป็นประธานคณะกรรมการ อานวยการฯ ซึ่งมีหน่วยงานต่างๆ ท่ีเกี่ยวข้องดาเนนิ การแก้ไขปัญหาผักตบชวา ซ่ึงรัฐบาลถือเป็นวาระสาคัญแหง่ ชาติ โดยบูรณาการร่วมกันทุกภาคส่วน และมีกระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพหลัก โดยกรมโยธาธิการและผังเมือง ซึ่งตามมติดังกลา่ วให้ทุกหน่วยงานร่วมกนั รณรงคแ์ ละแก้ไขปัญหาในลักษณะประชารัฐร่วมใจ นัน ผลการดาเนินงาน ตงั แต่ พ.ศ. ๒๕๕๗ ถึงปัจจบุ ัน สามารถแก้ไขปญั หาผักตบชวาในแม่นาสายหลัก เชน่ แม่นาท่าจีน แม่นาแม่กลอง และ แหล่งนาต่างๆ ทั่วประเทศไม่ก่อให้เกิดปัญหาได้ ปริมาณผักตบชวาที่กาจัดไปแล้ว มากกว่า ๒๐ ล้านตนั ประโยชน์ท่ี ประชาชนได้รับจากการดาเนินโครงการ คือการใช้ประโยชนจ์ ากแหล่งนามีคุณภาพชีวิตท่ีดีขึน เช่น การสญั จรทางนา สะดวกขึน มีพืนท่ีการเลียงสัตว์นา และเพิ่มพืนท่ีกักเก็บนา ระบายนาป้องกันนาท่วมบ้านเรือน และลดการเน่าเสีย ของนา แผนการดาเนนิ งานในระยะตอ่ ไป ดาเนินการตอ่ เน่ืองในแหลง่ นาเปดิ แม่นาสายหลกั และแหล่งนาปิดทมี่ ีขนาด ๑๐๐ – ๒๐๐ ไร่ หน่วยงานร่วมกนั รณรงค์และแกไ้ ขปัญหาในลกั ษณะประชารัฐรว่ มใจ ประจําปงบแปผรนะกมาารณจดั พก.าศร.๒ค๕วา๖ม๑รู ๓๓
แกนําจวัดทผางักกตาบรชดวําาเนแนิ ลกะาวรชั พืช แผนที่แสดงปรมิ าณ ผักตบชวาในประเทศไทย สารวจขอ้ มลู โดย กรมโยธาธกิ ารและผงั เมอื ง ๓๔ DPT KM Action Plan 2018
องคความรูตามประเด็นยทุ ธศาสตร กดรมา โนยกธาารธบิการรกิ แาลระดผา งั นเมชือา งง ประจาํ ปง บแปผรนะกมาารณจดั พก.าศร.๒ค๕วา๖ม๑รู ๓๕
แกนาํ จวัดทผางกั กตาบรชดวําาเนแินลกะาวรชั พชื ภาพถ่ายประกอบกิจกรรม/โครงการ กิจกรรมท่ี ๑ จิตอาสาประชาร่วมใจ กาจดั ผักตบชวาทั่วไทย ณ บริเวณวัดบางไผน่ ารถ ตาบลบางไทรป่า อาเภอบางเลน จงั หวัดนครปฐม วันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๕๙ รปู ที่ ๑ การกลา่ วเปดิ กจิ กรรมจิตอาสาประชาร่วมใจ รูปท่ี ๒ กจิ กรรมการกาจดั ผกั ตบชวาในงานจิตอาสาประชาร่วมใจ ๓๖ DPT KM Action Plan 2018
องคค วามรตู ามประเดน็ ยทุ ธศาสตร กดรมาโนยกธาารธบกิ ารริกแาลระดผา ังนเมชือางง กจิ กรรมท่ี ๒ การเปิดสถานีจัดเกบ็ ผกั ตบชวาในแมน่ าเจา้ พระยา ณ บรเิ วณวัดกรา่ ง ตาบลบางกระบอื อ.สามโคก จ.ปทุมธานี วนั ที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๐ รปู ที่ ๑ การสาธิตการกาจัดผักตบชวา กจิ กรรมที่ ๓ การเปด สถานีจัดเกบ็ ผักตบชวาในแมน าํ ทาจนี ณ บรเิ วณวัดทรงคนอง รูปท่ี ๒ การดาเนินการกาจัดผักตบชวาละวัชพืชในคลองมหาสวสั ด์ิ รปู ท่ี ๑ การปฏบิ ตั งิ าน ณ บริเวณสะพานทรงคนอง ประจาํ ปงบแปผรนะกมาารณจดั พก.าศร.๒ค๕วา๖ม๑รู ๓๗
แกนําจวดัทผางกั กตาบรชดวาํ าเนแินลกะาวรัชพืช รปู ที่ ๒ การปฏบิ ตั งิ าน ณ บริเวณสะพานทรงคนอง กิจกรรมท่ี ๔ การเปดสถานจี ดั เก็บผกั ตบชวาในแมน าํ ทาจนี ณ บริเวณวดั เทียนดดั รปู ที่ ๑ การปฏิบัตงิ าน ณ บริเวณสะพานวดั เทียนดัด ๓๘ DPT KM Action Plan 2018
องคความรตู ามประเด็นยทุ ธศาสตร กดรมาโนยกธาารธบกิ ารริกแาลระดผางั นเมชือา งง รูปที่ ๒ การปฏิบตั ิงาน ณ บรเิ วณสะพานวดั เทียนดดั กิจกรรมที่ ๕ การเปดสถานจี ดั เกบ็ ผกั ตบชวาในแมน าํ แมกลอง ณ บรเิ วณสะพานกอบกุล รปู ท่ี ๑ การปฏิบตั งิ าน ณ บรเิ วณสะพานกอบกลุ ประจําปงบแปผรนะกมาารณจดั พก.าศร.๒ค๕วา๖ม๑รู ๓๙
แกนําจวดัทผางักกตาบรชดวําาเนแนิ ลกะาวรชั พชื รปู ท่ี ๒ การปฏบิ ัตงิ าน ณ บริเวณสะพานกอบกลุ รปู ที่ ๓ การปฏิบัติงาน ณ บริเวณสะพานกอบกุล ๔๐ DPT KM Action Plan 2018
องคความรูต ามประเดน็ ยุทธศาสตร กดรมาโนยกธาารธบกิ ารริกแาลระดผา งั นเมชอืา งง กิจกรรมที่ ๖ การเปด สถานีจัดเกบ็ ผักตบชวาในแมน าํ ทา จีน ณ บริเวณบางสาม อําเภอสามพี่นอง จงั หวัดสพุ รรณบุรี รปู ที่ ๑ การปฏบิ ัติงาน ณ บรเิ วณบางสาม รูปท่ี ๒ การปฏิบัตงิ าน ณ บริเวณบางสาม ประจาํ ปง บแปผรนะกมาารณจัดพก.าศร.๒ค๕วา๖ม๑รู ๔๑
แกนาํ จวัดทผางกั กตาบรชดวาํ าเนแนิ ลกะาวรัชพืช กจิ กรรมที่ ๗ การดําเนนิ การกําจดั ผกั ตบชวาและวัชพชื กวา นพะเยา จงั หวัดพะเยา รูปที่ ๑ การดําเนินการกาํ จดั ผักตบชวาและวัชพชื กวา นพะเยา รูปที่ ๒ การดาํ เนนิ การกาํ จัดผกั ตบชวาและวชั พืชกวา นพะเยา ๔๒ DPT KM Action Plan 2018
องคค วามรูต ามประเด็นยุทธศาสตร กดรมา โนยกธาารธบิการริกแาลระดผาังนเมชอืางง บรรณานุกรม • รายงาน โครงการคลองสวย นาใส คนไทยมีความสุข ภายใต้กลุ่มโครงการ เมืองสวย นาใส กิจกรรม การกาจดั ผกั ตบชวาทีก่ ว๊านพะเยา จ.พะเยา กองบรู ณะและบารงุ รกั ษา กรมโยธาธกิ าร และผงั เมือง กระทรวงมหาดไทย • “การบาบดั นาเสยี ด้วยผักตบชวา” www.เรารกั พระเจา้ อยูห่ วั .com • สถานพี ฒั นาท่ดี ินสุพรรณบุรี. “ชวี ภาพพอเพยี ง” http://r ๐๑.ldd.go.th/spb/information/mordin/Bio%๒๐porpieng.pdf • ผกั ตบชวา สรรพคุณและประโยชนข์ องผักตบชวา ๑๕ ข้อ ! https://medthai.com/ ผักตบชวา/ • ๘ สรรพคุณ...ประโยชน์ของผักตบชวา http://sukkaphap-d.com/8-สรรพคุณประโยชนข์ องผกั / • https://th.wikipedia.org/ wiki/ผกั ตบชวา วิกิพีเดยี สารานุกรมเสรี “ผักตบชวา” • การบรหิ ารจดั การ และการทาปุ๋ยหมกั จากผักตบชวา สถานีพัฒนาทด่ี นิ สพุ รรณบรุ ี ๗๔ หมู่ ๔ ต.ทบั ตี เหลก็ อ.เมือง จ.สุพรรณบรุ ี • ประวตั ศิ าสตร์ปัญหาของผักตบชวา บอกเลยวา่ ไมใ่ ชแ่ ค่ปญั หาเลก็ ๆ http://www.gqthailand.com • http://www.manager.co.th /Home/ViewNews.aspx?NewsID=๙๕๖๐๐๐๐๐๒๖๙๓๑ แปรรปู ...ผกั ตบชวา เป็นถ่านอดั แทง่ พลังงานเชือเพลิง ไอเดยี เดก็ ม.แม่โจ้ ประจําปง บแปผรนะกมาารณจัดพก.าศร.๒ค๕วา๖ม๑รู ๔๓
ทป่ี รึกษา นายมณฑล สดุ ประเสริฐ อธบิ ดีกรมโยธาธิการและผงั เมือง ผบู รหิ ารสงู สุดของสวนราชการ (CEO) นางสมจิต ปย ะศิลป รองอธิบดกี รมโยธาธิการและผงั เมอื ง ผนู ำการบริหารการเปลย่ี นแปลง (CCO) นายอนวัช สุวรรณเดช รองอธบิ ดกี รมโยธาธกิ ารและผงั เมอื ง ผบู ริหารสงู สดุ ดานการจดั การความรู (CKO) บรรณาธกิ าร นางอญั ชลี ร้ิวธงชัย ผูอำนวยการสถาบันพัฒนาบุคลากรดานการพฒั นาเมือง หัวหนา คณะทำงานการจัดการความรู (CKM Team) นางสาวสถาพร ลมิ่ พนั ธ ผอู ำนวยการกองบรู ณะและบำรงุ รักษา คณะทำงานการจัดการความรู (KM Team) กองบรรณาธกิ าร สถาบันพัฒนาบุคลากรดา นการพัฒนาเมอื ง ๑. นายมาโนช ขาวขำ หวั หนากลมุ งานวางแผนและประสานงาน คณะทำงานและเลขานุการ ๒. คณะทำงานและผชู ว ยเลขานกุ าร ๒.๑ นางสาวไพรนิ ทร ดุราศวิน นักทรัพยากรบุคคลชำนาญการพเิ ศษ ๒.๒ นางสาวจติ กศุ ล เปาประดษิ ฐ นักทรัพยากรบุคคลชำนาญการ ๒.๓ นางสาวอรอุมา อาจปกษา พนักงานพฒั นาทรพั ยากรบุคคล ๒.๔ นางสาวอรณี มสี า พนักงานพัฒนาทรพั ยากรบุคคล กองบรู ณะและบำรุงรักษา ๑. นายพรพนม บัวชื่น วิศวกรเครอื่ งกลชำนาญการพิเศษ ๒. นายวรพจ นาคนอย นายชา งเทคนคิ ชำนาญงาน ๓. นายสานิตย นิโรจน นายชา งเทคนิคชำนาญงาน ๔. นายจิรพนธ ลาภหลาย นายชา งเคร่ืองกลชำนาญงาน ๕. นายศุภชยั ดำชมทรพั ย นายชางเทคนิคชำนาญงาน ๖. นายอานนั ต สมทรพั ย นายชางเทคนิคชำนาญงาน ๗. นายสมหมาย แสนสกิ นั นายชา งเทคนิคชำนาญงาน ๘. นายพิเชฐ ถนดั หนังสือ นายชางเครอื่ งกลชำนาญงาน ๙. นายสรศักด์ิ สีอุต นายชา งเคร่อื งกลปฏิบตั งิ าน ๑๐. นางสาวมนสั วี อันทรนิ ทร พนักงานบรหิ ารงานทั่วไป
Search
Read the Text Version
- 1 - 48
Pages: