Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ebook-30

ebook-30

Published by ju_sureerut, 2020-06-14 22:23:08

Description: ebook-30

Search

Read the Text Version

ปที ่ี 38 ฉบบั ที่ 3 กรกฎาคม-กันยายน 2560 ฉบบั อเิ ล็กทรอนิกส์ 30

ปที ่ี 38 ฉบบั ที่ 3 กรกฎาคม-กันยายน 2560 ฉบับอิเลก็ ทรอนกิ ส์ 26 สารบัญ บทความ 2 การระบาดของโรคราแปง้ และความตา้ นทานโรค ของพันธุย์ าง 14 การแปลผลคา่ วเิ คราะหด์ นิ และค�ำ แนะน�ำ การใหป้ ๋ยุ ยางพาราสำ�หรับเกษตรกรทัว่ ไป 24 การน�ำ เทคโนโลยปี ุ๋ยตามคา่ วเิ คราะหด์ นิ มาใชเ้ พอ่ื เพมิ่ ผลผลิตและลดต้นทุนการผลิตยางพาราของเกษตรกร ในจงั หวดั สงขลา 32 การพฒั นาโปรแกรมประยุกตบ์ นโทรศพั ท์เคล่อื นทีใ่ นการ คำ�นวณสูตรปุ๋ยท่เี หมาะสมส�ำ หรับสวนยางพารา 36 ค�ำแนะน�ำส�ำหรบั ผเู้ ขยี น

บทบรรณาธิการ วารสารยางพาราฉบับนี้ จะเรียกว่าเป็นฉบับส้ิน สถานการณ์เป็นเช่นน้ัน ย่อมก่อให้เกิดความเสียหายทั้ง ปีงบประมาณก็ได้ เนื่องจากต้องพิมพ์เป็นรูปเล่มออกมา ต่อตัวเกษตรกรเองและต่อต้นยางด้วย กล่าวคือ เมื่อต้น ภายในเดือนกันยายน ท่ียกเรื่องน้ีมากล่าวถึง เนื่องจาก ยางเข้าสู่ช่วงฤดูกาลผลัดใบ หลังจากผลัดใบแล้ว จะ ตัวกระผม ซึ่งท�ำหน้าท่ีเป็นบรรณาธิการ จะเกษียณอายุ แตกใบอ่อนพร้อมช่อดอก ถ้าในช่วงท่ีต้นยางก�ำลังแตก ราชการในส้ินเดือนกันยายนน้ีด้วย ดังน้ัน วารสารฉบับน้ี ใบอ่อนไปตรงกับสภาพภูมิอากาศที่เอื้ออ�ำนวยต่อการ จึงเป็นฉบับท่ีกระผมได้ท�ำหน้าท่ีในฐานะบรรณาธิการ ระบาดของโรคราแป้งแล้ว ใบอ่อนที่แตกออกใหม่จะถูก เป็นครั้งสุดท้าย ส่วนฉบับต่อๆไปภายภาคหน้า คงต้อง เชื้อเข้าท�ำลาย มีรปู ร่างหงกิ หงอ และจะร่วงหล่น จงึ เป็น เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของบรรณาธิการคนใหม่ ซึ่ง ท่ีมาของชื่อโรคว่า Oidium secondary leaf fall ผลที่ ในขณะนี้ยงั ไม่ทราบวา่ จะเป็นใคร แต่จะเป็นใครกต็ าม ก็ ตามมาก็คือ ถ้าใบอ่อนร่วงมาก ต้องเสียเวลารอให้ใบ ขอให้ก�ำลังใจบรรณาธิการคนใหม่ให้ประสบกับความ อ่อนที่แตกออกมาในครั้งท่ีสองแก่เสียก่อนจึงจะเก็บ ส�ำเร็จในการพัฒนาวารสารยางพาราให้มีคุณภาพดียิ่ง เก่ียวผลผลิตได้ นับว่าเป็นการเสียทั้งโอกาสและผลผลิต ขึ้น ๆ ไป และรักษาวารสารยางพาราไว้เพ่ือเป็นแหล่ง ท่ีควรได้รับ วิธีการป้องท่ีดีท่ีสุดคือเลือกปลูกพันธุ์ยางให้ ความรู้ในเรื่องยางพาราของประเทศให้คงอยู่ยืนยาว เหมาะสมกบั พน้ื ท่ี ซึ่งรายละเอียดตา่ ง ๆ มีอยู่ในบทความ ตลอดไป ในประเด็นเรื่องการใส่ปุ๋ยให้กับต้นยางก็เช่น กลบั มายังเนอ้ื หาในเลม่ ซงึ่ มีอยู่ดว้ ยกัน 5 เรอื่ ง ถ้า เดียวกัน ถ้าหากใส่ปุ๋ยไม่ตรงกับความต้องการที่แท้จริง ไม่นับค�ำแนะน�ำเกี่ยวกับการเขียนบทความส�ำหรับผู้ ของต้นยาง ย่อมไม่ก่อให้เกิดผลดีเป็นแน่แท้ ดังนั้น การ เขียนท่ีจะตีพิมพ์ลงในวารสารยางพารา ก็จะเหลือ ใส่ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินจึงเป็นเทคโนโลยีหนึ่งที่ บทความทางวิชาการ 4 เรื่อง ในจ�ำนวน 4 เร่ืองนี้ ถ้า สามารถช่วยให้เกษตรกรใส่ปุ๋ยให้กับต้นยางได้อย่างมี พิจารณาตามเน้อื หาแล้ว จะมีแค่ 2 ประเดน็ คอื เรอื่ งโรค ประสิทธิภาพ ท�ำให้ต้นยางให้ผลผลิตเพิ่มข้ึน และ ราแป้ง และการใส่ปุ๋ยให้กับยางพาราตามค่าวิเคราะห์ เกษตรกรก็มีรายจ่ายลดลงจากการผสมปุ๋ยใช้เอง ดนิ ปัจจุบันเทคโนโลยีน้ียังสามารถใช้ได้กับโทรศัพท์ เน้ือหาทั้งสองประเด็นท่ีกล่าวถึงข้างต้นนับได้ว่า เคล่ือนที่ในระบบ Android โดยดาวน์โหลดท่ี Google เป็นเร่ืองที่มีความส�ำคัญต่อการพัฒนาการท�ำสวนยาง playstore ค้นหา \"การใชป้ ุ๋ยตามค่าวเิ คราะหด์ นิ \" จากนนั้ ของประเทศ ยกตวั อย่างเช่น ในท้องทท่ี ่มี ีภูมอิ ากาศทีเ่ อ้อื ก็ท�ำตามค�ำแนะน�ำของโปรแกรมท่ีได้เขียนเอาไว้ ต่อการระบาดของโรคราแป้ง เช่น ในพื้นท่ีจังหวัดพังงา เปน็ การใชง้ านท่งี ่าย สะดวก และรวดเร็ว หรืออาจจะเปน็ พนื้ ที่อน่ื ๆ ในแหล่งปลูกยางใหม่ ถ้าหาก เกษตรกรปลูกยางพันธุ์ที่ไม่เหมาะสม โอกาสท่ีต้นยางจะ ไพรตั น์ ทรงพานชิ เป็นโรคราแป้งบ่อยครั้งก็มีความเป็นไปได้สูง ซึ่งถ้า บรรณาธิการ เจา้ ของ: สถาบันวิจยั ยาง การยางแหง่ ประเทศไทย เขตจตจุ กั ร กรุงเทพมหานคร 10900 บรรณาธกิ ารบริหาร: นายพเิ ชฏฐ์ พรอ้ มมลู ผู้อ�ำ นวยการสถาบนั วิจัยยาง บรรณาธกิ าร: นายไพรตั น์ ทรงพานิช กองบรรณาธิการ: ดร.กฤษดา สงั ขส์ ิงห,์ ดร.นภาวรรณ เลขะวพิ ัฒน,์ นางปรีดเ์ิ ปรม ทัศนกลุ , นางอารมณ์ โรจน์สจุ ิตร, นางสาวอธวิ ณี ์ แดงกนิษฐ์, ดร.ฐติ าภรณ์ ภูมไิ ชย์ ผ้จู ัดการส่ือสิง่ พมิ พ:์ นายไพรตั น์ ทรงพานชิ ผจู้ ดั การสอื่ อิเล็กทรอนกิ ส์: นายสุขทัศน์ ตา่ งวิริยกลุ ผู้ชว่ ยผ้จู ดั การสอ่ื อเิ ล็กทรอนกิ ส์: นายจกั รพงศ์ อมรทรัพย์ พสิ ูจน์อกั ษร: นางอุบลพรรณ แสงเดช

2 ฉบบั อิเล็กทรอนิกส์ 29 เมษายน-มถิ ุนายน 2560 การระบาดของโรคราแป้ง และความตา้ นทาน โรคของพนั ธุ์ยาง อารมณ์ โรจนส์ จุ ิตร และ ภรภทั ร สุชาติกลู ศนู ยว์ ิจัยยางสรุ าษฎร์ธานี สถาบันวิจยั ยาง การยางแห่งประเทศไทย ภาคใต้ของประเทศไทยเป็นแหล่งปลูกยางที่ ก่อนเปิดกรีดอายุ 1-3 ปี ต้นกลา้ ยาง ยางช�ำถุง และแปลง ส�ำคัญของประเทศ มพี น้ื ทป่ี ลกู ยางคดิ เปน็ ร้อยละ 67.83 กิ่งตา ในขณะที่โรคราแป้ง และโรคใบร่วงจากเชื้อราไฟ ของพ้ืนท่ีปลูกท้ังประเทศ และมีพ้ืนท่ีสวนยางที่กรีดได้ ทอบทอรา มีความส�ำคัญและระบาดเป็นประจ�ำทุกปีใน มากถงึ รอ้ ยละ 82.27 (สถาบนั วจิ ยั ยาง, 2552) ภาคใตจ้ ึ แปลงปลกู ท่วั ไป (พงษเ์ ทพ, 2533; อารมณ์, 2544) เป็นแหล่งผลิตและท�ำรายได้ส่วนใหญ่ให้กับประเทศ โรคราแป้ง (Powdery mildew หรอื Oidium sec- ดังน้ัน หากมีการระบาดของโรคยางชนิดใดชนิดหน่ึงท่ี ondary leaf fall disease : Oidium SLF) ท่ีเกดิ จากเชื้อ รุนแรง จะมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อผลผลิต และ รา O. heveae เป็นโรคบนใบที่มีการระบาดเป็นประจ�ำ เศรษฐกจิ รวมของประเทศ ทุกปีในระยะแรกของฤดูยางผลิใบใหม่ในช่วงแล้ง ท�ำให้ สภาพภูมิอากาศในพ้ืนท่ีภาคใต้ของประเทศไทย ใบอ่อนร่วง พุ่มใบของต้นยางมีใบน้อย และใบที่เหลือ เป็นแบบป่าดิบช้ืน มีอากาศร้อนชื้นตลอดทั้งปี มีเพียง 2 เป็นรอยแผลสีเหลืองน�้ำตาลปรากฏอยู่เช่นน้ีตลอดปี ซ่ึง ฤดู คือฤดฝู น และฤดูรอ้ น ซง่ึ มีระดบั อุณหภมู แิ ตกต่างกัน มีผลกระทบท้ังทางการเจริญเติบโตของต้นและผลผลิต เพียงเล็กน้อยเท่านั้น(วิกิพีเดีย, 2552) ซ่ึงต่างจากสภาพ ซ่ึง Kaiming (1987) รายงานว่า ต้นยางท่ีเป็นโรคระดับ อากาศในภาคอ่ืน ๆ ของประเทศทีม่ ฤี ดหู นาว มีอณุ หภูมิ รุนแรงมากมีใบร่วงมากกว่า 50% ท�ำให้ผลผลิตยางแห้ง ระหว่างฤดูร้อนและหนาวแตกต่างกันมาก สภาพอากาศ ใน 1 ปีกรดี ลดลงถงึ 30% นอกจากน้ี โรคราแป้งยังท�ำให้ ร้อนช้ืนเป็นสภาพที่เหมาะแก่การเกิดโรคและการระบาด ดอกยางร่วง มีผลต่อการผลิตเมล็ดส�ำหรับการผลิต ของเช้ือราโรคพืชหลายชนิด โดยเฉพาะอย่างย่ิงเช้ือราที่ ต้นตอเพอ่ื ขยายพนั ธุ์ เชื้อรา O. heveae สามารถอยูข่ ้าม เป็นสาเหตุโรคใบของยางพารา เช่น โรคราแป้ง สาเหตุ ปีในสวนยางได้ โดยอาศัยบนใบยางแก่ หรือบนใบยาง จากเชอ้ื รา Oidium heveae Steinm. โรคใบร่วง สาเหตุ ของตน้ กล้าท่ีงอกในสวนยาง (พงษ์เทพ, 2533) จากเชอื้ รา Phytophthora botryosa Chee, P. palmivora วิธีการควบคุมและป้องกันโรคราแป้ง มักป้องกัน (Butl.) Butl. โรคใบจุดนูน สาเหตุจากเชื้อรา Colleto- และปฏิบัติค่อนข้างยุ่งยาก เนื่องจากเป็นโรคประจ�ำถ่ิน trichum gloeosporioides (Penz.) Penz. & Sacc. โรค และยางพาราเป็นพืชยืนต้นขนาดใหญ่ที่มีการปลูกเป็น ใบจุดตานก สาเหตุจากเชื้อรา Drechslera heveae พื้นที่กว้างขวางและปลูกอยู่ท่ัวไป จึงไม่นิยมแนะน�ำให้ (Petch) M.B. Ellis. และโรคใบจุดก้างปลา สาเหตุจาก ใช้สารเคมี เนื่องจากอาจมีผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม เชื้อรา Corynespora cassiicola (Berk. & Curt.) Wei. และวิธีการปฏิบัติค่อนข้างยุ่งยาก ซ่ึงค�ำแนะน�ำส�ำหรับ ในประเทศไทย โรคใบจุดนนู โรคใบจุดตานก และโรคใบ แปลงยางใหญ่ในปัจจุบันจะเป็นวิธีการเพ่ือป้องกันความ จุดก้างปลา มีความส�ำคัญในต้นยางขนาดเล็ก เช่น ยาง รุนแรงของโรค โดยการใส่ปุ๋ยไนโตรเจนเพ่ิมในช่วงก่อน

3 ฉบับอิเล็กทรอนกิ ส์ 29 เมษายน-มิถนุ ายน 2560 ยางผลดั ใบ เพอ่ื เร่งใหใ้ บยางผลิและพัฒนาได้เร็วข้ึนและ (2544) ดงั นี้ เสริมสร้างความแข็งแรงให้สามารถหลีกเลี่ยงโรค การ 0 = ไม่มอี าการโรค ปลูกยางพันธุ์ที่เหมาะสมในพ้ืนท่ีท่ีมีการระบาดของโรค 1 = มีอาการโรคน้อยมาก (มีพื้นท่ีแผลบนใบ รุนแรงทุกปี จึงเป็นวิธีการที่เหมาะสมที่สุดทั้งในแง่การ และการกระจายของใบท่ีเปน็ โรค 1 - 10%) จัดการ ความคุ้มค่าและผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ และ 2 = มีอาการโรคน้อย (มีพนื้ ทแี่ ผลบน 25%) การเปน็ มิตรตอ่ สิ่งแวดล้อม 3 = มีอาการโรคปานกลาง (มีพื้นที่แผลบนใบ การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพ และการกระจายของใบที่เป็นโรคมากกว่า 26 - 50% การระบาด ระดับความรุนแรง และความต้านทานของ หรือใบร่วง 10 - 25%) ยางพันธุ์ต่าง ๆ ต่อโรคราแป้ง ส�ำหรับการพิจารณาพันธุ์ 4 = มอี าการโรครนุ แรง (มพี ้นื ทีแ่ ผลบนใบและ ปลูกทีเ่ หมาะสมในพืน้ ทเ่ี ส่ยี งตอ่ การระบาดของโรค การกระจายของใบที่เป็นโรค 51 - 75% หรือใบร่วง 25 - 50%) วิธกี ารวิจยั 5 = มีอาการโรครนุ แรงมาก (มีพน้ื ทแี่ ผลบนใบ 1. ตรวจสอบความรุนแรงของโรคราแป้งของยาง และการกระจายของใบท่ีเป็นโรคมากกว่า 75% หรือใบ พันธุ์แนะน�ำ และพันธุ์อ่ืน ๆ ซึ่งปลูกในปี พ.ศ. 2536 ร่วงมากกวา่ 50%) ระยะปลกู 2.5 x 8 เมตร โดยวางแผนผงั แปลงแบบ Ran- 2. วิเคราะห์ความรนุ แรงของโรคของพนั ธ์ุยาง และ domized Complete Block จ�ำนวน 3 ซ้�ำ จ�ำนวน 26 วธิ ี ความรุนแรงของโรคในภาพรวมของแปลงทดลอง เป็น การ(พันธุ)์ คือ พันธทุ์ ี่มอี ยูใ่ นค�ำแนะน�ำพันธ์ยุ าง ปี 2550 ดัชนีความรุนแรงของโรคเป็น% (Percentage Disease (สถาบนั วจิ ัยยาง, 2550) ไดแ้ ก่ RRIT 156, BPM 24, PB Index : PDI) (Joseph et al., 1994) 255, PB 260, RRIC 110, RRIM 600, BPM 1, PB 235, 2.1 ดัชนีความรุนแรงของโรคของพันธุ์ยาง ใน RRIC 100, RRIC 101, RRIT 251, PR 302, PR 305, แตล่ ะปกี ารระบาด (ดูภาคผนวก 1) RRIC 121, RRIT 218, RRIT 225 และ RRIT 226 พนั ธ์ุ 2.2 ความรุนแรงของโรคของแปลงทดลองใน ยางที่ถูกคัดออกจากค�ำแนะน�ำแล้ว ได้แก่ PR 255, PR แตล่ ะปีการระบาด (ดูภาคผนวก 2) 261, RRIT 25, RRIM 712, RRIM 703, GT 1, PB 217, 2.3 จัดระดับความต้านทานโรคของพันธุ์ยาง RRIM 717 และ RRIT 223 จากท้ังหมด 5 แปลง ในพืน้ ที่ เมื่อส้ินสุดงานทดลอง โดยวิเคราะห์จากค่าเฉล่ียดัชนี ภาคใต้ตอนบน ได้แก่ 1) ศูนย์วิจัยยางสุราษฎร์ธานี อ. ความรุนแรงของโรคของพันธุ์ยางจากทุกปีการระบาด ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี 2) ศูนย์วิจัยและพัฒนาการ (ยกเวน้ ปีการระบาดทีม่ ี PDI แปลงทดลอง ≤ 20%) และ เกษตรระนอง อ.กระบุรี จ.ระนอง 3) ศูนย์วิจัยและ จัดระดับความต้านทานโรค ตามมาตรฐานของ พฒั นาการเกษตรพังงา อ.ตะก่วั ป่า จ.พังงา 4) ศูนย์วิจัย สถาบันวิจัยยาง (2544) (ดูภาคผนวก 3) และพัฒนาการเกษตรพังงา อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา และ 3. วิเคราะห์ความสัมพันธ์ของสภาพอากาศกับ 5) ศูนย์วจิ ยั และพัฒนาการเกษตรกระบี่ อ.เมอื ง จ.กระบี่ การระบาดของโรคโดยอาศัยข้อมูลปริมาณน�้ำฝน และ ตรวจสอบการผลัดใบและผลิใบตามธรรมชาติ จ�ำนวนวันฝนตก และข้อมูลอุตุนิยมวิทยาพ้ืนฐานอ่ืน ๆ หลังการส้ินสุดฤดูฝน และประเมินความรุนแรงของโรค ของสถานีอุตุนิยมวิทยา ณ สถานที่ต้ังของแปลงทดลอง ราแป้งของพันธุ์ยางในเดือนมีนาคมถึงเมษายน โดย ท้งั 5 แปลง พิจารณาพ้ืนที่แผลของโรคบนใบ การกระจายของใบที่ เป็นโรค และการร่วงของใบอ่อนด้วยสายตาในภาพรวม ผลการทดลองและวิจารณ์ ของยางแต่ละพันธุ์ในแต่ละแปลงย่อย (ซ�้ำ) ให้คะแนน ความรนุ แรงของโรคราแป้ง/แปลงทดลอง ความรนุ แรงของโรคเปน็ 6 ระดบั ประยกุ ต์ตาม Kaiming จากการตรวจสอบโรคของยางพันธุ์ทดลองท้ัง 26 (1987), Shamsul Kamar (1994) และสถาบันวิจัยยาง พันธุ์ และจากผลการวิเคราะห์ความรุนแรงของโรคเป็น

4 ฉบับอิเล็กทรอนกิ ส์ 29 เมษายน-มถิ นุ ายน 2560 ความรุนแรงของแปลงทดลองในแต่ละปีเป็นเวลา 9 ปี พ้ืนท่ีปลูกยางฝั่งตะวันตก แปลงทดลองใน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543-2546 และ ปี 2548-2552 พบว่า จ.ระนอง มกี ารระบาดของโรคราแป้งรนุ แรงนอ้ ยถึงน้อย แปลงทดลองยางใน จ.พงั งา ทงั้ 2 แปลง มีการระบาด มากทุกปี โดยมีดัชนีความรุนแรงของโรคน้อยกว่า 40% ของโรคราแปง้ ค่อนข้างรนุ แรง โดยมีความรุนแรงของโรค เน่ืองจากฤดูฝนส้ินสุดเร็วตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม และ ประจ�ำปีในระดับปานกลาง-รุนแรงมาก รองลงมาคือ ส่วนใหญ่ฝนแล้งต่อเน่ืองถึงเดือนมีนาคมจึงท�ำให้พันธุ์ แปลงทดลองยางใน จ. สุราษฎร์ธานี, จ. กระบ่ี และ จ. ยางส่วนใหญ่ผลัดใบเร็วต้ังแต่เดือนธันวาคม ใบใหม่จึง ระนอง เป็นพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคราแป้งปานกลาง ผลิและพัฒนาเป็นใบแก่เร็วภายในกลางเดือน น้อย และค่อนข้างน้อย โดยมีดัชนีความรุนแรงโรคเฉล่ีย กุมภาพันธ์ ประกอบกับในช่วงกลางเดือนมกราคมถึง ทั้ง 9 ปีการระบาด เทา่ กับ 59, 57, 50, 40 และ 28% กลางเดือนกุมภาพันธ์ ซ่ึงพันธุ์ยางส่วนใหญ่มีใบเป็น ตามล�ำดับ (ภาพท่ี 1) ดังนน้ั พืน้ ท่ี จ.พังงาเปน็ พืน้ ทีท่ มี่ ี ระยะใบอ่อน มีสภาพฝนแล้งต่อเน่ืองทุกปี สภาพการ สภาพการระบาดของโรคราแป้งเหมาะสมมากที่สุด รอง ระบาดของโรคราแป้งจงึ ไม่เหมาะสม (ภาพที่ 2 และ 3) ลงมาคอื จ. สรุ าษฎร์ธานี และ จ.กระบ่ี ส่วนพ้นื ที่ จ. ส่วนแปลงทดลองใน จ.พังงา และ จ.กระบ่ี มชี ว่ ง ระนอง เป็นพื้นท่ีที่มีสภาพการระบาดของโรคราแป้ง การผลัดใบใกล้เคียงกัน โดยเร่ิมตั้งแต่กลางเดือน เหมาะสมน้อยมาก ธันวาคมถึงเดือนมกราคม ซึ่งช้ากว่าพ้ืนที่ จ.ระนอง ประมาณ 0.5-1.5 เดือน ข้ึนกับการสิ้นสุดของฝนจะเร็ว สภาพฝนและการระบาดของโรค หรือชา้ โดยส่วนใหญ่ พบวา่ ตน้ ยางใน จ.กระบี่ มักผลดั การระบาดและความรุนแรงของโรคราแปง้ มีความ ใบชา้ กวา่ พนื้ ท่ี จ.พงั งา เลก็ น้อย ประมาณ 0.5 เดือน จงึ สัมพันธ์กับลักษณะใบยาง ปริมาณเช้ือโรคท่ีสามารถอยู่ พบวา่ แปลงปลูกยางท้งั 2 แห่งมอี ายใุ บใกล้เคยี งกัน โดย ข้ามฤดู และสภาพอากาศในประเทศจีน สภาพอุณหภูมิ ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงต้นเดือนมีนาคม พันธุ์ยางส่วน เป็นปัจจัยของสภาพอากาศท่ีส�ำคัญท่ีมีผลต่อการระบาด ใหญ่มีใบใหม่ในระยะใบอ่อนถึงใบเพสลาด ยกเว้นใน ของโรคราแป้ง สามารถเปน็ ตัวบ่งชีส้ ภาพการระบาดและ บางพันธุ์ท่ีผลัดใบเร็วมีใบในระยะที่แก่กว่า เช่นพันธุ์ ความรุนแรงของโรคได้ (Kaiming, 1987) โดยอณุ หภูมทิ ี่ BPM 1, RRIC 100, RRIM 600, RRIC 121, RRIM 717 เหมาะสมต่อการระบาดคือ 11-18 องศาเซลเซยี ส ท�ำให้ และ PB 255 หากมฝี นตกในชว่ งนพี้ นั ธย์ุ างทีเ่ ปน็ ใบอ่อน ต้นยางด�ำรงอยใู่ นระยะใบอ่อนได้นาน เมอ่ื มสี ภาพฝนตก จะเป็นโรครุนแรงและใบร่วง ส่วนพันธุ์ท่ีใบแก่กว่ามีภูมิ ปรอย ๆ รว่ มกบั อณุ หภมู ทิ ่นี อ้ ยกวา่ 12 องศาเซลเซยี ส จะ ต้านทานต่อการเข้าท�ำลายของเชื้อราโรคราแป้งจึงเป็น ท�ำให้เกิดโรครุนแรง การมีฝนตกเล็กน้อยต่อเน่ืองใน โรคนอ้ ยและใบไมร่ ว่ ง จากการศกึ ษานีพ้ บวา่ แปลงยาง สภาพอุณหภูมิท่ีต�่ำในช่วงใบยางอ่อน ท�ำให้เกิดโรครา ใน อ.ตะกวั่ ปา่ และ อ.ทา้ ยเหมอื ง จ.พังงา มกี ารระบาด แป้งได้รุนแรง แม้ว่าจะมีปริมาณเชื้อสาเหตุท่ีอยู่ข้ามฤดู ของโรคราแป้งรุนแรงปานกลางถึงรุนแรงมากทุกปี มี น้อยกต็ าม แตกตา่ งกับการศึกษาในครัง้ น้ีที่พบว่า สภาพ ดัชนีความรุนแรงของโรค 50->80% เม่ือพิจารณาข้อมูล ฝนและการกระจายของวันฝนตกเป็นปัจจัยหลักของ ด้านฝนและการกระจายของวันท่ีฝนตก จากภาพท่ี 4 สภาพแวดล้อมที่มีอิทธิพลต่อความรุนแรงของโรคราแป้ง และ 5 จะเห็นวา่ ในเดือนกุมภาพนั ธแ์ ละมนี าคมของทุกปี ในพ้ืนที่ปลูกยางภาคใต้ของประเทศไทย โดยสภาวะท่ี มีฝนตกและการกระจายของวันฝนตกค่อนข้างดี ซ่ึงมี ท�ำให้เกิดโรครุนแรงคือ มีฝนตกในช่วงท่ียางเป็นใบอ่อน ปริมาณฝนในปริมาณท่ีไม่มากกว่า 200 มม. และมีวัน อายุไม่เกิน 2 สัปดาห์ หรือมีฝนตกปริมาณไม่มากกว่า ฝนตก 4-10 วัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีฝนตกในเดือน 200 มม. หรือมีวันฝนตก 4-10 วันในช่วงกลางเดือน กุมภาพันธ์ จะส่งผลให้เกิดการระบาดโรคท่ีค่อนข้าง กุมภาพันธ์ถึงต้นเดือนมีนาคม ในพ้ืนท่ีปลูกยางฝั่งตะวัน รนุ แรงกบั ยางหลายพนั ธุ์ และหากปใี ดมโี รคระบาดอย่าง ตก และในช่วงกลางเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายน รุนแรงในเดือนกุมภาพันธ์ จากนั้นฝนแล้งขาดช่วง ในพน้ื ทป่ี ลูกยางฝงั่ ตะวันออก ดังรายละเอยี ดน้ี มากกวา่ 0.5 เดอื น และมีฝนตกอีกในชว่ งกลางถึงปลาย

ทม่ี กี ารระบาดของโรคราแป้งปานกลาง น้อย และคอ่ นขา้ งน้อย โดยมดี ชั นีความรนุ แรงโรคเฉลย่ี ทงั้ 9 ปีการระบาด เทา่ กบั 59 และ 57, 50, 40 และ 28 % ตามลาํ ดบั (ภาพท่ี 1) ดงั นนั้ พน้ื ท่ี จ.พงั งาเป็นพน้ื ทท่ี ม่ี สี ภาพการระบาดของ โรคราแป้งเหมาะสมมากทส่ี ดุ รองลงมาคอื จ. สรุ าษฎรธ์ านี และ จ.กระบ่ี สว่ นพน้ื ท่ี จ. ระนอง เป็นพน้ื ทท่ี ม่ี สี ภาพ 5 การระบาดของโรคราแป้งเหมาะสมน้อยมาก ฉบบั อิเลก็ ทรอนิกส์ 29 เมษายน-มิถนุ ายน 2560 Trial Severity to Oidium Leaf Fall Disease in 2000-2009 %%ดัDiชseีนaคseว sาeมveุรritนyแIรndงeขxองโรค 100 90 2000 2001 80 2002 70 2003 60 2005 50 2006 40 2007 30 2008 2009 20 mean L. 10 0 ทา้ Tยaimเหuaมngือง ตTะakกauัว่ pปa า่ สุราSษuraฏtthรaธ์ nาi นี กรKะraบbi่ี รRะaนnoอngง Figure 1 The Oidium SLF disease severity in 5 locations, upper Southern,Thailand ภาพที่ 1 ความรุนแรงiขnองeโรpคiรdาแeปmง้ ทi่ีเcกิดyขe้นึ รaะrหsว่า2ง0ป0ี 2054-32-2050463แaลnะdปี 2250408-525-5220(0รว9ม.9 ปี) ใน 5 สถานทีท่ ดลอง ซึ่งตงั้ อยทู่ างภาคใตต้ อนบนของ ประเทศไทย สภาพฝนและการระบาดของโรค (Epidemic conditions) เดือนมีนาคมกาทร�ำรใะหบ้ใาบดยแาลงะทคี่ผวลามิใหรุนมแ่ครรงั้ ขทอี่สงอโงรเคปร็นาแโรปค้งมคี ววา่ามพสันมั ธพุ์ยนั าธงก์สบ่ัวนลกใั หษญณ่มะใี บบยใานงระยปะรใมิบาอณ่อเนชใอ้ื นโชรค่วงทเส่ีดาือมนารถอยู่ และขใบา้ มร่วฤงดซูำ้� อแีกลดะังสแภสาดพงอใานกปาี 2ศ54ใ9น(ปภราะพเทศ่ี 5จ)นี สภาพอุณหมีนภามู คเิ ปม็นดปังัจนจั้นยั ขสอภงาสพภฝานพใอนานก้ีจาะศมทีผส่ี ลาํ ตค่อญั กทารม่ี รผีะลบตาอ่ดกแาลระระบาด ขอเงชโ่นรเคดรียาวแกปัน้งกสับาแมปาลรงถทเปด็นลตอวังบท่ีงจช.ส้ี ภกราะพบกี่ าพรบระวบ่าาดแลคะวคามวารุนมแรนุรงแขรองงขโอรคงโดรังคแไสดด้ ง(ใKนaภimาพinทg่ี,81แ9ล8ะ79) โดยอุณหภมู ทิ ่ี สภาเพหฝมนาะใสนมชต่ว่องกปาลรารยะบเดาือดนคกอื ุมภ1า1พ-1ัน8ธoC์ถึงกทลาํ าใงหเย้ดาืองนดาํ รง อยใู่ นรระะยยะะใใบบออ่อ่อนนไดแน้ลาะนฝนทเม่ีตอ่ืกมในสี ชภ่วางพใฝบนยตากงอป่อรอนยเปๆ็นรว่ มกบั มีนาอคุณมหมภีผลมู ตทิ ่อน่ี ก้อายรกรวะา่ บา1ด2แoCละจคะวทาาํมใรหุนเ้ แกรดิ งโขรอคงรโนุ รแครรงา การสมภฝี านพตทกี่เเหลมก็ านะ้อสยมตก่อับเนก่ือางรใรนะสบภาาดพขออุณงโหรภคโมู ดทิ ยต่ี ไ่าํ มใ่นจ�ชำกว่ ัดงใบยาง แจร62ุน05าปแ%ก5้งอนอโร1ภรง่ออ่้เีทแาคถนนนพลพ่ีมรึง่ืออะทราบีฝทงาุนใแ่ี จวนาํนย6แปา่าใตปไุร้หงกแมกงีใเ้เสมลพนเ่ใกปกนภะา.พดิ็นศนิกชาโน้ื7.ชพ่วรทม่2ว2คงฝจีดงป5่ีดระนทส4ัชาลังเแป3่ีัพนแหกกู ล,ปดีค็นัลนยะ2้าวงว่าาธก5หไา่งาวุ์ยาด4มภใ์าร5นรจ้รหางกนุ,ุนึงปคสรรมแแ2ีอใื่ะวต52รีรโจมนรงง45ข้าฝีใคขแ64ยอหนอรม,4งขญางต,ว้2ปอโแกา่5ร2่รผงปจคป45ะวละ้8งมเ5รนัิใทมร,ม0ิาบฝะปศีก2านอบแไรณ5ก่ตอทมลาิ4วไนกดยะา9่ามณเปม่โดเ็นาชยกมฤผกพปอ้ื สกุดมลีนััวจสภวฝูััดภนจธาา่าน์ุยเแัาฝหยวหพลน2มะกตะัลนท0ตีผตุทผกัธ0ท่ลีกัวอ่ีลข์ อทาหํย(ิใมอยใภ�นบขู่ำหงมา่ใาาถาส้หง.เ้พมกแึภงปต้ หทเฤดินีา้นดี่ร2ดโพ่ยนือ9อรื5นูแาน)คใม4้องวน9เรวตีผมยดนุเนั้นลกกดลษแฝยดัาอืต้็อารนราใมางยนมบงตมคทนมจีฝชกอืม่ีึงกา้นแแผอีกมตรต4ลทลิวาฝกก-ี ะ1า่ัดคธตตนเป0พใินมอ่า่ตบกง่ืลอเถกวนตชกตงึงนใัื่อิ้าจบัน่อกใใงแานกนคชลจบกปาวชว่าามบรานีงกว่งศีมฝทท้พีงปเกดึนกรยย่ีลบนุษือลตาอาวแงานากยย่าเงใรปนเงด็นขคอือใรบนงงั้ และ 2552 จะเห็นว่าไม่มีฝน หรือฝนตกน้อยมากและมี กระจายถงึ 5 วันในช่วงหลงั กลางเดือนมีนาคม พนั ธุ์ยาง การระบาดของโรคน้อยถึงน้อยมากเชน่ เดียวกัน ท่ีผลัดใบเร็วเช่น BPM 1, RRIM 600, RRIC 100, PB พื้นที่ปลูกยางฝั่งตะวันออก แปลงทดลองใน จ. 255, RRIM 712 มีใบในระยะใบออ่ น พบเปน็ โรคราแป้ง สุราษฎร์ธานี ต้ังอยู่ด้านฝั่งอ่าวไทยหรือฝั่งทะเลตะวัน ค่อนขา้ งรนุ แรง ในขณะทีพ่ นั ธุ์ GT 1, RRIT 156, PB 217 ออก โดยท่ัวไปฤดูฝนจะส้ินสุดหลังเดือนธันวาคม หรือ ซึ่งผลัดใบช้าในปีนี้ จึงปลอดภัยจากโรค เนื่องจากมีใบ บางปีเดือนมกราคมซ่ึงช้ากว่าฝั่งทะเลตะวันตก ยางจึง อ่อนช่วงเดือนเมษายนซึ่งมีฝนแล้งนานมากกว่า 20 วัน ผลัดใบช้าและมีช่วงการผลัดใบค่อนข้างนาน และบางปี (ภาพท่ี 9) ในขณะเดียวกันผลจากฝนแล้งนานท�ำให้ใบ จะทยอยผลัดและทยอยผลิใบ ท�ำให้ยางบางพันธุ์มีใบ ยางพัฒนาเป็นใบแก่ได้เร็วข้ึน สามารถหลีกเล่ียงโรค ยางใหม่หลายระยะ ตั้งแต่ระยะใบยางอ่อนจนถึงใบยาง แมว้ า่ มีฝนชว่ งปลายเดือนก็ตาม แก่ ทั้งน้ีเนื่องจากยังมีฝนตกและมีความช้ืนค่อนข้างสูง โดยปกติยางจะเร่ิมผลัดใบช่วงหลังกลางเดือนมกราคม ความต้านทานโรคราแปง้ ของพนั ธุ์ยาง ต่อเน่ืองถึงเดือนกุมภาพันธ์ หรือต้นเดือนมีนาคม จึงพบ จากการวิเคราะห์ค่าเฉลี่ยของดัชนีความรุนแรง

6 พมขมรขกะอนอลนีีน้ื ยงงาาาทะโโงคคปร่ใีรเมมบดคคลจจออนืนกู แพงแึงึอ่น้อ้อยทปทปืน้นยกยาาํลาํลมทกงุมกใใงงฝหวสีภี่หวปททังา่่ภา่พ้พา้ลดตดพานักูนลัะลพฉนัธอวยธอบ4ฝ4ุยน์บังธัยุ์งา0อ0ในา์ใอางิเ%น%นงลงแฝอ็กสสลกปัทง่จว่วจ่รงต้รอน.ดน.ตระนระเเใงัะิกน่อใกะนวหสรหนนเ่อือน์่ือัาญนญ2อบงอยง9ต่ืองจ่ผงจก่ผลงกาเลามบะลัทกษกดเัดัใมอาุกฤมฤในยใยกีบปดีนกบดีช-ดีาฝเูมาฝเูว่รสริถรนนรงวน็ุนรภว็ร้ีกสาตะสตะายนบล้ิงันนบ้้ิพงั้ แาสาแสา2กงตดดุ5ตดดุเา6เ่ขเด0เ่ขเรดรดอรอืรอว็อืว็องืะนงตนตโนบโมงรั้ธงรั้ธาแคกนแัคดนัตรรตวรขวา่ปาาาป่ แาอคลแคลคปงมาปมาโม้งย-้งรยกรเรคเนุดลนุดรแอาื าแอื งรนแรนเงตปดงตนในใุล้บองื ุล้อบา้จอนใายใคหงึยกคห-ไมม-นุมมมมนแจ่้อภแเ่จ่้อลงึยหลงาึยะผมมะผพสมลสาาลว่นัาแิกว่ะแินกธลสทนลใทซ์ะมใุกหะพงุก่ึหพปญพ(ฒปัญภีฒั ่ฝนีันโา่ฝนนโธดพานดาุย์แเยทแปเยาลมปล็่ีมงนง้2ดี็นงส้ตดใี ชัตบใว่แอ่ชับนอ่นลแเนนแีคเะใกนีคหก่ือว่เ3่ือวรา่เงญ)ราวง็มถว่็มมถภรงึ ภใรงีึุนเาบดนุเายแดอยเืแใรปอืนนใรง็นนนง กลา1ง01เ00ด0อื นกุมภาพนั ธ์ ประกอบRกaบั inในfaชllว่-OงกidลiuางmเดSอื LนFมกseรvาคerมit-yก,ลRาaงnเดoอืnนgกุมภาพนั ธซ์ ง่ึ พนั ธุย์ างสว่116น6000ใ0หญ่มใี บเป็น ระยะใบออ่ นมสี ภาพฝนแลง้ ตอ่ เน่ืองทุกปี สภาพกPาDรI ระบาดของโรคราแป้งจงึ ไมเ่ หมาะสม (ภาพท่ี 2 1แ144ล000ะ03) ัดชP ีนDคI(ว%า)ม ุรนแPรงDI(ขอ%)งโรค, PDI (%)8800 ม.คJ.an4.030 ก.ค. J4ul3y ม.คJ.an4.041 ก.ค. J4ul4y ม.คJ.an4.052 ก.ค. J4ul5y ม.คJ.an4.063 ก.ค. J4ul6y ม.คJ.an4.085 ก.ค. J4ul8y ม.คJ.an4.096 ก.ค. J4ul9y ม.คJ.an5.007 ก.ค. J5ul0y ม.คJ.an5.018 ก.ค. J5ul1y ม.คJ.an5.029 ก.ค. J5ul2y rainfall(mm.) 1122000 0 rainfall(mป ิรm.ม)rาaiณnf �้นallำ(ฝmนm.()มม.) 16110000000 0 Rainfall-Oidium SLF severity, Ranong 1480080000 100 6060 PDI 80 rainfall(mm.) 4400 1260060000 60 1000 400400 2020 800 20040 200 600 00 00 400 20 200 Figur0e 2 Monthly rainfall and Oidium SLF severity in 2000-2003 and 2005-2009,0 ภาพท่ี 2 ปริมาณนำ้� ฝนรRายaเดnือoนnแgละpคrวoาvมรinนุ แcรeงของโรคราแป้งทเี่ กิดข้นึ ระหว่างปี 2543-2546 และ ปี 2548-2552 (รวม 9 ป)ี ในจังหวดั ระนอง Jan.00 July Jan.01 July Jan.02 July Jan.03 July Jan.05 July Jan.06 July Jan.07 July Jan.08 July Jan.09 July Oidium severity-daily rainfall, Ranong Figu1r00e 2 Monthly rainfall and Oidium SLF severity in 2000-2003 and 2005-2009, 120 Ranong province PDI 100 80 Oidium severraitiynf-adll(amilmy.)rainfall, Ranong 11282000 ดัช ีนความ ุรนแรงของโรค, PDI (%)101000 PDI(%) 60 PDI 11060000 rainfall(mm.)ปริมาณ �น้ำฝน (มrainfall(mm.)ม.) 8080 rainfall(mm.) 40 880400 PDI(%) 6600 660200 44000 20 1Jan.00 1Feb. 4400 1Mar. 0 1Jan.01 1Feb. 1Mar. 1Jan.02 1Feb. 1Mar. 1Jan.03 1Feb. 1Mar. 1Jan.05 1Feb. 1Mar. 1Jan.06 1Feb. 1Mar. 1Jan.07 1Feb. 1Mar. 1Jan.08 1Feb. 1Mar. 1Jan.09 1Feb. 1Mar. 2200 2200 Figu0r0e 3 Dispersal of rainy days and Oidium SLF severity in January-March peri00ods in 2000-2003 and 2005-2009, Ranong province. 1 ม1.Jคa.n.4030 1 ก. 1พ.Feb. 1 มี.ค1.Mar. 1 ม1.Jคa.n.4041 1 ก. 1พ.Feb. 1 มี.ค1.Mar. 1 ม1.Jคa.n.4052 1 ก. 1พ.Feb. 1 มี.ค1.Mar. 1 ม1.Jคa.n.4063 1 ก. 1พ.Feb. 1 มี.ค1.Mar. 1 ม1.Jคa.n.4085 1 ก. 1พ.Feb. 1 มี.ค1.Mar. 1 ม1.Jคa.n.4096 1 ก. 1พ.Feb. 1 มี.ค1.Mar. 1 ม1.Jคa.n.5007 1 ก. 1พ.Feb. 1 มี.ค1.Mar. 1 ม1.Jคa.n.5018 1 ก. 1พ.Feb. 1 มี.ค1.Mar. 1 ม1.Jคa.n.5029 1 ก. 1พ.Feb. 1 มี.ค1.Mar. Figure ส3ว่ นDแiปspลeงrทsดalลoอfงใrนainจy.พdงั aงาysแaลnะdจO.กiรdะiบu่ีmมชีSว่ LงFกาsรeผvลeดัriใtบyใiกnลเJ้ คaยnี งuกaนrั yโ-ดMยเaรrมิ่ cตhงั้ pแeตrก่ ioลdาsงเดอื นธนั วาคม- ภาพที่ 3เปดรอื ิมนาณมนก้ำ� รฝานคiรnามยซ2วันง่ึ0ชแ0า้ล0กะ-คว2วา่0าพม0รน้3ื ุนทแaร่ีnงจขd.อรง2ะโร0นค0อรา5งแ-ปป2รง้ 0ะท0มี่เก9าิด,ณข้ึนRร0aะห.n5วo-า่ 1nงเ.gด5ือpนเดrมoกอื vรนาiคnขมc-น้ึ eมกนี. าบั คกมาปรี ส25น้ิ 4ส3-ดุ 25ข4อ6งแฝลนะ จปะี 2เ5ร4ว็ 8ห-2ร5อื52ช(า้ รวโมด9ยปสี)ว่ ในนใหญ่ จังหวดั รพะนบอวง า่ ยาสงใว่ นนแจป.กลงรทะบด่ีลมอกังใผนลดัจใ.พบชงั งา้ ากวแา่ลพะน้ื จท.ก่ี รจะ.บพ่ีงั มงชาี ว่ เงลกก็ านรผ้อลยดัปใรบะใมกาลณเ้ คยี0ง.5กนั เโดดอื ยนเรมจิ่ งึตพงั้ แบตว่กาแลปางลเงดปอื ลนกู ธยนั าวงาทคงั้ม-2 เแดหอื ง่ นมมรี กะยราะคใบมใซกง่ึ ลชเ้ า้คกยี วงา่กพนั น้ื ทโด่ี จย.ใรนะชนว่องงเปดรอื ะนมกาุมณภา0พ.5นั-1ธ.-์5ตเน้ ดเอืดนอื นขมน้ึ นี กาบั คกมารพสนั้ิ ธสุย์ดาขงอสงว่ ฝนนใจหะญเร่มว็ ใีหบรใอืหชมา้ ใ่ นโดระยยสะว่ ในบใอห่อญน่- ทขอดงลโอรพแใ1คงบห2ใบใเ1นนง่วพ,มพยา่ สรียRา้ืนละางRยาทงแดIะใ่ีภMตนใาบย่ลคใก7ะจก1ใเ.พกวลต7ันน้เร้้ตคะธใแอยบีนุ์ลนง(่บีะภกมบพาานังกันนัพพผธโทนลัตุ์ด่ีดธัP้ังย1ทุใ์แBใ0บนผ่ีต)ชชล2่ปา้ ว5่ดั จกี ง5ใ2าวเบดก5า่ หเพอืร4า5วน็3น้ืกมก-ทมแ2ใีุม่ีฝบีป5ภจนใ5ล.านตพ2งพรกงัะนั งใยนธาะ-์พ2ชทตเ2ว่ันลน้แ่ี3งธก็เ,นุ์ดนก่P้ีพPอื้อวRRนัยา่ ธม2ป2เยุ์น5ีรช6า5ะ1น่ งม,ค,พทาRมPเน่ีณั RปBธพI็นTุ์ น0ั2Bใ.บ26ธP550ุย์อM,,า่อเดงRนB1สอืRจP,ว่นะIMRนCเปใRจห21็นงึI4C2ญพโ,1รบ่ม,1คPใวี0รRBบา่0นุ Rแใ,แ2หIปMRร3มลง5Rใ่งแ7,นIปล1MรPละ7ะRใกู,ย6บยR0ะ3ราใ0R0ว่บง,I5งทอTR,ง่อั้สRนว่ 2I-Cน สามารใถบจเพัดรสะลดาับดคยวกาเมวตน้ ้าในนทบาานงพตน่อั โธรทุ์ คผ่ี รลาดแั ใปบ้งเไรดว็ ้ ม3ใี บกใลนุ่มระยะRทRแ่ี กIT่ก2ว2า่ 6เ,ชPน่ Rพ3นั 0ธ2ุ์ ,BRPRMIT12,1R8R, PICB 120107,แRลRะIMRR6IC001,1R0RIC ดังนี้ ค1ือ21, RRIM 717 และพนั ธุ์ PB 255 หากมฝี นตกในช ว่ งน้ีพนัพธันุย์ ธาุ์องท่อนเ่ี ปแ็นอใ:บ(อ6อ่ 0น<จะเPปD็นIโร≤คร8นุ0แ%ร)งแไลดะ้แใกบ่รพว่ ังนธสุ์ ว่ น พันธุ์ต้านทาน: (20 < PDI ≤ 40%) ได้แก่ พันธุ์ RRIT 156 และ GT 1 RRIC 100, BPM 1, RRIM 600, PB 255, RRIC 101, ระยะใบยางเป็นปัจจัยของต้นยางที่มีผลต่อความ RRIM 712, RRIT 251 และ RRIM 703 รนุ แรงของโรค จากการศกึ ษานพ้ี บว่าพนั ธุ์ยางท่ีจดั อยใู่ น พันธตุ์ ้านทานปานกลาง: (40 < PDI ≤ 60%) ได้แก่ กลุ่มอ่อนแอและ/หรือพันธุ์ท่ีจัดในกลุ่มปานกลางท่ีค่อน

พนั ธทุ์ ใ่ี บแก่กวา่ มภี มู ติ า้ นทานตอ่ การเขา้ ทาํ ลายของเชอ้ื ราโรคราแป้งจงึ เป็นโรคน้อยและใบไมร่ ว่ ง จากการศกึ ษาน้ี พแลบะวา่ แ5ปลจงะยเหางน็ ใวนา่ ใอน.ตเดะอืกนวั่ กปุ่มาภแาลพะนั อธ.แ์ ทลา้ ะยมเนีหามคอื มงขจอ.งพทงั กุ งปาี มมกี ฝีารนรตะกบแาลดะขกอางรโกรรคะรจาาแยปข้งอรงนุ วแนั รฝงปนาตนกกคลอ่ านงข-รา้ ุนงดแรี งซมง่ึามกี ทปกุรมิปาี ณมดี ฝชั นนใีนควปารมมิ ราุนณแทรไง่ี มขมอ่ งาโกรกควา่50-2>0800%มมเม. อ่ื แพลจิ ะามรวีณนั าฝขนอ้ ตมกลู ด4น้ -ฝ1น0แลวะนั กาโรดกยรเะฉจพายาะขออยงา่วงนั ยทง่ิ ฝ่ีกนารตมกฝี นจาตกกภในาพเดทอื ่ีน4 แกลุมะภา5พนั จธะ์ เจหะน็สวง่ า่ผใลนใเหดเ้ อืกนดิ กกุมารภราะพบนัาดธแ์โรลคะทมค่ีนี อ่านคมขาข้ งอรงนุ ทแุกรปงีกบั มยฝี านงตหกลแายละพกนั าธรุ์กแรละะจหายากขปองีใดวนัมฝโี รนคตรกะบคอ่าดนอขยา้ า่งงดรี นุ ซแง่รึ มง ี 7 ปในรเมิ ดาอื ณนฝกนุมใภนาปพรนัมิ ธา์ณจฉบทาับกไ่ีอมนเิ ลม่นั้ก็ ทาฝรกนอกนแกิ วลสา่์ง้ 2ข92าเ0ดม0ษชาว่ ยงมนม-มมาิถ.ุนกากแยนวลา่ะ25ม60วี0.น5ั ฝเนดตอื นก แ4ล-1ะม0ฝี นวนัตกอโดกี ยในเฉชพว่ งากะอลยางา่ -งปยลง่ิ ากยาเรดมอื ฝี นนมตนี กาใคนมเดทอื นาํ กใหุมใ้ภบายพานังทธ์ผ่ี จละใิ สหง่มผค่ ลรใงั้หทเ้ ส่กี อดิ งกเาปร็นรโะรบคาแดลโะรใคบทรค่ีว่ อ่งซน้ําขอา้ กีงรดนุ งั แแสรงดกงบัในยปาีงพห.ลศา.ย2พ5นั49ธุ์ (แคล.ศะ.ห2า0ก06ป)ีใดภมาโพี รทค่ีร5ะบาดอยา่ งรนุ แรง ในเด1อื 01น00ก0 ุมภาพนั ธ์ จากนนัR้ ฝaiนnแfaลlง้l-ขOาiดdชiuว่ mงมSากLกFวsา่ ev0e.5ritเyด,อืTนaimแลaะuมnฝีgน, Pตhกaอnกี gในnชgaว่ งกลาง-ปลายเดอื น116ม060น0ี 0าคม ทาํ ัดช ีนความ ุรนแรงของโรค, PDI (%) PDI(%) PDI(%) ม. Jค.an.4030 ก.ค. J4ul3y ม. Jค.an.4041 ก.ค. J4ul4y ม. Jค.an.4052 ก.ค. J4ul5y ม. Jค.an.4063 ก.ค. J4ul6y ม. Jค.an.4085 ก.ค. J4ul8y ม. Jค.an.4096 ก.ค. J4ul9y ม. Jค.an.5007 ก.ค. J5ul0y ม. Jค.an.5018 ก.ค. J5ul1y ม. Jค.an.5029 ก.ค. J5ul2y ใหใ้ บยางทผ่ี ลใิ หมค่ รงั้ ทส่ี องเป็นโรคและใบรว่ งซ้ําอPกDี Iดงั แสดงในปี พ.ศ. 2549 (ค.ศ.2006) ภาพท่ี 5 11404000 rainfall(mป ิรm.)rมaาinfณall้�น(ำmฝm.น)(มม.) 111260200000 8080 rainfall(mm.) 100 Rainfall-Oidium SLF severity, Taimaung, Phangnga 6060 PDI 111040000000 808000 80 rainfall(mm.) 1200 4040 6006100000 60 480040000 2020 202000 40 600 00 00 20 400 200 Figure0 4 Monthly rainfall and Oidium SLF severity in 2000- 2003 and 2005-2009, 0 Jan.00 July Jan.01 July Jan.02 July Jan.03 July Jan.05 July Jan.06 July Jan.07 July Jan.08 July Jan.09 July ภาพที่ 4 ปริมาณน้�ำฝTนรaาiยmเดaือuนnแgล,ะคPวhามuรnุนgแnรงgขaองโpรrคoราvแiปnง้ cทeเ่ี ก. ดิ ข้นึ ระหว่างปี 2543-2546 และ ปี 2548-2552 (รวม 9 ปี) ในจังหวัดพงั งา Figure 4 Monthly rainfalOlidainudmOseidveiurimty-dSaLilyFrsaeinvfaelrl,iTtyaiminau2n0g0,0P-ha2n0g0n3gaand 2005-2009, 100 Taimaung, Phungnga province. PDI 120 ัดช ีนความ ุรนแรงของโรค, PDI (%)PDI(%) 80 Oidium severity-daily raraininf(amlml,.)Taimaung, Phangnga 100 Rainfall(mm.) 110000 PDI 112200 (มม.) rain(mm.) 60 80 PDI(%) ปริมRาainณfal�น้l(ำmฝm.น) 8800 110000 1Jan.00 40 1Feb. 60 1Mar. 6600 8800 1Jan.01 20 1Feb. 40 1Mar. 4400 1Apr. 6600 0 1Jan.02 20 1Feb. 2200 1Mar. 4400 1Jan.03 0 1Feb. 1Mar. 2200 1Jan.05 1Feb. 1Mar. 1Jan.06 1Feb. 1Mar. 1Apr. 1Jan.07 1Feb. 1Mar. 1Jan.08 1Feb. 1Mar. 1Jan.09 1Feb. 1Mar. Figur0e0 5 Daily rainfall and Oidium SLF severity in January-March periods in 2000- 001 ม1.Jคa.n.4030 2003 and 2005-2009, Taimaung, Phangnga province. 1 ก. 1พ.Feb.ม ีม1..Jคค1a..nM.4a0r4.11 ก. 1พ.Feb.1 ีม.ค1.Mar.1 เม.1ย.Apr.1 ม1.Jคa.n.40521 ก. 1พ.Feb.1 มี.ค1.Mar. 1 ก. 1พ.Feb.1 ีม.ค1.Mar.1 ม1.Jคa.n.40851 ก. 1พ.Feb.1 มี.ค1.Mar.1 ม1.Jคa.n.40961 ก. 1พ.Feb.1 มี.ค1.Mar.1 เม.1ย.Apr.1 ม1.Jคa.n.50071 ก. 1พ.Feb.11 มีม1..Jคค1a..nM.5a0r1.81 มี.ค1.Mar.1 ม1.Jคa.n.50291 ก. 1พ.Feb.1 ีม.ค1.Mar. 1 ม1.Jคa.n.4063 1 ก. 1พ.Feb. 1 1 Figure เ5ชน่ Dเดaยiี lวyกrนั aกinบั fแaปllลaงnทdดลOอiงdทiu่ี mจ.SLกFระsบe่ีveพrบitวyา่ iสnภJาaพnฝuนaใrนy-ชMว่ งaเrดcอื hนpปeลrาiยoเdดsอื iนnก2ุม0ภ0า0พ-นั ธ-์ กลางเดอื น ภาพที่ 5ภมจังปนีาหรพาวิมคดัทาพมณ่ี ัง6มนงเาผีำ้�ชแฝลน่ล2นตะเร0ด่อา07ยยีก3ววาจันกระaแรเนnั หะลdกบะน็ บคั า2ววแด0า่าปแใม0นลลร5นุปงะ-แทคี2รพว0ดงขา.0ลศอม9อง.ร,โง2รุนทTค5แร่ีa4ารi4แจงm,ปข. 2ง้aอท5uงก่เี 5nกโรร0ิดgะคขบ,แน้ึรP่ีลราะhแะพหaปว2บn้งา่5วgงเ5นเา่nด1ส่ือือgภงนaมจมาpาฝกพี กรrนฝาoเตคนปvมก็ในi-nนใมชนcชนี ว่ eชาว่ ง.คว่งทมงเพ่ีดดปอืนงััี 2นกธ5ลปุย์4า่3าล-วงา2ส5ยจ4ว่ เงึ6ดนมอแืใโีหลนระญคกปรุม่เีาป2ภแ็5นาป4ใพ8้งบ-นรั2อะ5ธอ่ บ5-์ น2กา(ลดรารวมงุนเแ9ดจรอาปื งกี)น-ใน อ�ำเภอ มนี าคมมผี ลตอ่ การระบาดและความรุนแรงของโรคราแป้งเน่ืองจากเป็นชว่ งทพ่ี นั ธยุ์ างสว่ นใหญ่เป็นใบออ่ น จาก ไปในภทาาพงทอ่่อี 6นแแลอะต7่อโจระคเหมน็ ักวา่มใีพนปฤีตพิก.ศรร.ม2ก54า4ร,ผ2ล5ัด5ใ0บแชล้าะ 255ไป1แมลฝ้วี น9ตวกนั ในใบชว่ยง่อดยงั ทกี่มลอีา่ วายจุแงึ มกโก่ี รวคา่ ร1าแ0ปว้งนั รขะ้นึบาไปดรไนุ มแ่มรีกง-าร กวา่ พันธทุ์ ่อี ย่ใู นกลุ่มท่ีตา้ นทานกว่า ซ่งึ สอดคลอ้ งกับการ ท้ิงใบท้ัง ๆ ทม่ี ีกลุ่มของเช้ือราเจรญิ อยู่ ศกึ ษาโดยพงษเ์ ทพ (2533) ท่พี บว่า อายใุ บยางหรอื ระยะ นอกจากนี้ จากการจัดระดับความต้านทานโรค ของใบยางมีอิทธิพลต่อความรุนแรงของโรค ใบยางอ่อน ของพันธุ์ยางข้างต้น จะเห็นว่าไม่มีพันธุ์ยางใดเป็นพันธุ์ จะออ่ นแอตอ่ โรค โดยใบย่อยที่มอี ายุระหวา่ ง 3-5 วนั จะ ต้านทานมาก หรือ เป็นพันธุ์อ่อนแอมาก แต่อย่างไร เร่ิมร่วงภายหลังจากการปลูกเช้ือไปแล้ว 7 วัน ซ่ึงร่วงใน ก็ตาม พันธุ์ยางในแต่ละกลุ่มหรือแต่ละพันธุ์จะแสดง ขณะที่พ้ืนผิวใบเป็นโรคประมาณ 50% และใบย่อยที่ อาการโรครุนแรงมากขึ้นหรือน้อยลงขึ้นกับสภาวะการ มีอายุขนาด 5-9 วัน จะเรมิ่ รว่ งภายหลงั จากการปลูกเชื้อ ระบาดของโรคในช่วงการระบาดน้ัน ๆ นน่ั คือ หากอยูใ่ น

จะเหน็ วา่ ไมม่ ฝี นหรอื ฝนตกน้อยมากและมกี ารระบาดของโรคน้อย-น้อยมากเชน่ เดยี วกนั 7 รุนแรงพมาืน้ กที่มปดีลชั กู นยีคาวงาฝมัง่รตุนะแวรงนั ขออองโกรคมากกวา่ 60% และในปี พ.ศ. 2543, 2545, 2546, 2548, 2549 และ 2552 จะเหน็ แวปา่ ไลมงม่ ทฝี ดนลหอรงอืในฝนตจก. นส้อรุ ยามษาฎกรแธ์ ลาะนมีกี ตารงั้ รอะยบดู่ าา้ดนขฝอังง่ อโรา่ ควนไท้อยย-หนร้ออื ยฝมัง่าทกะเชเลน่ ตเดะวยี นัวกออนั ก โดยทวั่ ไปฤดฝู นจะสน้ิ สดุ หลงั เดอื นธพนั วืน้ าทคี่ปมลกู ยหางรฝอื ังบ่ ตาะงปวนีัเดออื อนกมกราคมซง่ึ ชา้ กวา่ ฝัง่ ทะเลตะวนั ตก ยางจงึ ผลดั ใบชา้ และมชี ว่ งการผลดั ใบ 8 คอ่ หนลขงั า้ เงดนอื านแนธปนั แลวลงาทะคฉบดบมับาลองอเิ ปลงก็ีใจทหนะรรอทอืนจยิกบ.สอา์ ย2งส9ปผรุ ีาเลเมดษดัษอื ฎาแนยลรนมธ์ะ-มกาทิถนรนุยาาี อยคตนยมงั้ผ2ซอ5ล6ง่ึย0ใิชดู่บา้ า้ กนทวฝาํ า่ ัใง่ฝหอัง่ ่าย้ ทวาะไงเทบลยตาหงะพวรนอืั นั ฝตธังก่ ุม์ ทใี ะบเลยยตาางะงวใจหนั งึ มอผหอ่ ลกลดั าใบยโดชรยะา้ ยแทะลวั่ ตะไมปงั้ แชีฤตว่ดง่รฝู กะนยาจระะผใสบลน้ิยดั สาใบดุง ค1อ่ 01น000ขา้ งนาน และบางปีจะทยอยผRลaดiั nแfaลlะl-ทOยidอยiuผmลใิ SบLทFาํ sใหevย้ eาrงiบtyา,งKพrนัaธbมุ์i ใี บยางใหมห่ ลายระยะตงั้ แต1166่ร00ะ00ยะใบยาง ดัชนีความ ุรนแรงของโรค, PDI (%) PDI(%) 8080100 PDI 11440000 rainfall(mm.) PDI(%) 6600 80 4400 60 Rainfall-Oidium SLF severity, Krabi 161102200000 ป ิรมrาainณfa ้�นllำ(ฝmนm.)(มม.) 2200 40 141100000000 00 20 rainfall(mm.) 8001200 PDI rainfall(mm.) 800 ม. Jค.an.4030 Jan.08ม. Jค.an.5018 Julyก.ค. J5ul2y 6001000 Julyก.ค. J5ul1y 600 Jan.00 Jan.09ม. Jค.an.5029 804040000 ก.ค. J4ul3y 600 July 220000 ม. Jค.an.4041 400 Jan.01 00 ก.ค. J4ul4y 200 July ม. Jค.an.4052 Jan.02 ก.ค. J4ul5y July Jan.03ม. Jค.an.4063 Julyก.ค. J4ul6y Jan.05ม. Jค.an.4085 Julyก.ค. J4ul8y Jan.06ม. Jค.an.4096 Julyก.ค. J4ul9y Jan.07ม. Jค.an.5007 Julyก.ค. J5ul0y 00 Figure 6 Monthly rainfall and Oidium SLF severity in 2000-2003 and 2005-2009, ภาพที่ 6 ปรมิ Fาณigนuำ�้ ฝrนeรา6KยเดrMอaื นboiแnลptะhrคloวyvามrinaรนุicnแefร.งaขlอlงaโรnคdราOแปiง้dทiเี่uกmดิ ขน้ึSรLะหFวา่ sงeปvี 2e5r4i3t-y25i4n62แ0ละ0ป0ี-2250480-325a52n(dรว2ม090ป5)ี -ใ2น0จงั0ห9ว,ดั กระบี่ Krabi province. Oidium severity-Daily rainfall, Krabi 100 120 ัดช ีนความรุนแรงขอPงDโI(ร%)ค, PDI (%) 101000 Oidium severity-Daily rainfall, Krabi 121020 100 80 PDI rainfall(mm.) 101000 8800 PDI 80 rainfall(mm.)ป ิรมาณ ้�นำฝน (มม.) 60 rainfall(mm.) 8080 rainfall(mm.) 60 6600 PDI(%) 6040 60 4400 40 20 4040 2200 20 2020 00 00 00 1Jan.0011 มก..คพ.. 431Mar.ีม.ค.1Jan.011 ม.ค. 441Feb.1 ก.พ.1Mar.มี.ค.1Jan.021 ม.ค. 451Feb.1 ก.พ.1Mar.มี.ค.1Jan.031 ม.ค. 461Feb.1Feb.1 ก.พ.1 1Mar.1Mar.มี.ค. 1Feb.1Feb.1 ก.พ.1 1Mar.1Mar.ีม.ค. 1Jan.10J7an.071 ม.ค. 501Mar.1Mar.111 มกมี...คคพ... 51 1Jan.001Feb. 1Mar. 1Jan.01 1Feb. 1Mar. 1Jan.02 1Feb. 1Mar. 1Jan.03 1Jan.10J5an.051 ม.ค. 48 1 1Apr.1Apr.เม.ย. 1Feb.1Feb.1 ก.พ. 1Jan.10J8an.08 1Feb. 1Feb.1Feb.1 ก.พ. 1Feb.1Feb. 1 1Mar.1Mar.ีม.ค. 1Jan.10J6an.061 ม.ค. 49 1 1Mar.1Mar.มี.ค. 1Jan.10J9an.09111 มกีม...คคพ... 52 1Feb.1Feb. 1Mar. 1Mar. Figure 7 Daily rainfall and Oidium SLF severity in January-March periods in 2000-1 1 1 Figure 720D0a3ilaynrdai2n0f0al5l-a2n0d09O,idKiruambiSpLrFovsienvceer.ity in January-March periods in 2000- 2003 and 2005-2009, Krabi province. สพยจภงัาาภันหพงวาธททดั วีุ่์ต7ก่ีจะรป้ัดาะปฝยใกอรบนเนมิ่อกัลนจปี่ าฝยใกอชทนาตจต็นณนอ่กลนว่งาจวัยักชพนนเางตตนนอดกหำ�้ว่งเันจวักยดฝถปเองืานนอธดหนรา่เอืงนึราายดถุ์ทรอะืงนในรามแรนา่ยอบปืงนึี่อยะามะงนกในะีกยวมแ่อบยบปนี่ในนัรมนาพกลนะีบยาาาใแงนี่ในราแ.คาดพอนคลแบศาาใงงอมอ่ะมขเ.กคอน.คแศดคอนตอม่่อมเกว.อดอ2ืาดแอ่นางต่ า5นงัมจดอ2ืลโเแ่อนจ4นรรม5นงเัะลเนุ9เคปนน่ัท4ือน้ฝกมะปแ9ทงน่ัสทือง็้นฝรันกร้็นกถงนาภงส่ีงเนรัท้ขโกโาหถคงึน้าีภเอารทรต่ีรนเาคงึมม้งีเพคคาดตม่ีกรนโเ่ือมพ-ราดรฝมรอืกฝกีใ่ือคง-ุนุะฝอนนืนฝนกีใรนจงลนาสนแนชนจแกลาใาตแชนมการใกวา่งตุมปรกนงกว่งเุมนงยมงก้งภดตมเนงทยใภ้ีจงใัดตาบาใอ่อืเ่ี้าีจงัมนกะบาออ่กืพนมเยกะดมิพฝีนนเยรมนฝาัขกีนผีนนะพ่าัือกนึ้งแผีนธุม่ือลงดตธงรุอมันลลห์ตงอภะตจห์ก่อัภบตจหธะกอ่ราา่อรนแวาา่อุอ์ืนแกพอกาื่พกลเกตลงเปปตนาัปะปเนาันะ้ดร็น้ลนมธร็ลนมใกธอืเร าเร์คสีานดน์คสีาะดยะยภวมอบืกภรว(อบื(ฤภฤการภานาาานาารดมะดมพาดพารามดมฝบูชพกฝูคชพจแทแนทีนีมนน้นาาืน้ืัทดลทลเ่ีเา่ีา-ดรมหคมหมคะะก่ีค่ีคแนีขคคผผอ่อ่มีมีามม99าบอววนนลลาารค))าาะง่งทะดทขขมจจมสมโสเาาํ้า้าาํ้ยงขปรยึงึมรมรงใงในพคีพาตานุห2สนุหกสกง5กงบปบแงูย้บแงัูยจ้บ4กัจาวราว3ลรงกึางากึงรา่ง-ผงา่งูกาผ2รขพใาผขพผ5ลรศยชลรอล4นัอรดลันโัรึกดา้พัง6โดะัธงดใดะัธโดงษใบแบัใโนยุ์บยรบใุยต์บลยราาคชาบธปาะคชาาดปชนงดาุ้์ปดชกงปดมา้สาข้กแ้ีสงัสาข้ีตลแก2วง่อัสบแตากว่อ5ยบิูแกนวงสภบมยิ4นวงาาส่โบทใ8ดาทาา่าโรงหปใด-่ีทเงรงห2ปคจพรยหกญงใค5จถะยโกญอนแใต5มะดเโ่มใอนย2ตรภวดเิ่มายชใียมริ่ผภ(ิดใบายระใไเ้ีมิ่ผนผลวปใพบามลไใสมนผลดลปนพัมน็ใจ่ท้อม9ดลปดนีแัันราํจ่ทขม่ีตดปะีลใแั9กนร้ีพาํอ้่ีบย)ี่ะอะลใ9กด้ัีพบจแมใบผชะยะสนพดัลบะวใแลูว่ลผชะอภบพนะา่ัชลงวใใเำ�ิว่ลมพอบาบหธเน่ะวา่ั1งภใิ ่อพวุี์มถอยอ่ืบลห0ธอ1นนัอ่งงวึุัี์ถล0นนังงึั รุนแรงหรือรุนแรงมากได้ และเช่นเดียวกันหากอยู่ใน การตัดสินใจเลือกพันธุ์ปลูกตามพื้นที่ปลูกที่เหมาะสม สภาวะปัจจัยการระบาดของโรคที่ไม่เหมาะกับการ นอกจากนี้ ยงั สามารถใช้เปน็ แบบอย่างกบั พน้ื ท่ีปลกู ยาง ระบาด พันธุ์ยางท่ีต้านทานอาจไม่พบโรค หรือพบโรคได้ อ่ืน ๆ ได้เช่นเดียวกัน โดยการพิจารณาข้อมูลด้านฝนใน นอ้ ยมาก และพนั ธุ์ยางต้านทานปานกลาง ก็อาจเปน็ โรค ชว่ งการผลดั ใบและผลิใบของยางพารา สามารถทราบว่า รนุ แรงนอ้ ยถงึ น้อยมากไดเ้ ช่นกัน ดังแสดงในภาพท่ี 10 พื้นท่ีใดท่ีมีความเสี่ยงสูงหรือปลอดจากโรค ยางพันธุ์ท่ี

9 เสฝ1พ1เฝพด,าดนนั,นอืนมั อืRแธนRแธานลุ์Rลเุร์RGงเ้มGIถง้มIนMTนษMหTษาาาลนา16น1ย6ยกี,ม0,ม0นนเ0Rา0Rลา,ก,Rแกย่ีRแกRลกIงRลITTวะโวRะฉRราเ่าเ่บI1นI1คนับCC55่ืออ2่แือ26เิ60งมลง011,,ก็จจว0้0ทPาPวาวา่00รกกนอBนัBมั,,นมมฝีกิPP22ฝฝี(ี(สนภภBB11์นน2ช77าา9ตต2ว่2พพกซกซ5ง5เทมทกป5งก่ึ5ง่ึษ่ี่ผี,ผร,ารล9ย9ะละลาRRน)จ)จดยัด-ัRมRาาใใเใใถิยIบยดนIบนนุMMถถาอชืขชขยงึนงาณึ้นาณ้77ใกใ515นะ21นะ5ต2็เ2ปเว6ดปวดา0ีนันมยีนีัมนมยี ใ้ีจวใีใ้ีจวในีบงนึกบงึกชปในชัปในนัว่ลนวผ่ลงผรองรลอหะลดหะจยดลจยภลาะภงัาะกยงัใักกยัใบกฝจบลฝจอาลนาอานกอ่างแก่องแโนเลโนดรเลพง้ดรคอืพง้นคบอืนนบาเนเนมาเนปเนมนป่นือี็ทน่นือี็งทนาาโํ จงาครโาใํ จาคหครมใกาหคมรใ้ กมบพารใ้ มบแพาใยีนั บแปใียานัธบอป้งงายุ์ธพอ่อค้งงยุา์ พน่อคอ่ฒังานนชอ่ทฒังนนว่ชขทผ่ี นางาว่ข้ลผ่ีเาเงปงาด้ดัลเรเ็งนปใอดืดันุ รบ็ในนใอืแนุบเบใเนรรแแมบเงว็เรรกษมแเงว็ช่ไใกาษเนดน่ยชไ่ใาขเ้นดนน่รยBณขเว้ซ็นรPBขณะง่ึวซ็MทนมP้ึ8ขะง่ึ ่Mีีทนม้ึ ่ีี สาม101า00ร0ถหลกี เลย่ี งโรคแมว้ า่ มฝี นRชaว่ inงปfaลllา-Oยเiดdiอื uนmกต็ SาLมF severity, Suratthani 1166000 0 ดัชนีความ ุรนแรงของโรค, PDI (%) 80100 Rainfall-OidiumrPaDinISfaLll(Fmmse.)verity, Suratthani 1144000 0 rainfall(mm.) PDI(%)PDI(%) 80 PDI 1600 ป ิรมrาainณfaน้�ll(ำฝmนm.)(มม.) 1122000 0 1400 6080 rainfall(mm.) 1100000 0 60 1200 8001008000 440600 800606000 220400 600404000 400202000 20 0 00 2000 Jan.00ม.Jคa.n.4030 Julyก.ค.J4ul3y Jan.01ม.Jคa.n.4041 Julyก.ค.J4ul4y Jan.02ม.Jคa.n.4052 Julyก.ค.J4ul5y Jan.03ม.Jคa.n.4063 Julyก.ค.J4ul6y Jan.05ม.Jคa.n.4085 Julyก.ค.J4ul8y Jan.06ม.Jคa.n.4096 Julyก.ค.J4ul9y Jan.07ม.Jคa.n.5007 Julyก.ค.J5ul0y Jan.08ม.Jคa.n.5018 Julyก.ค.J5ul1y Jan.09ม.Jคa.n.5029 Julyก.ค.J5ul2y 00 Figure 8 Monthly rainfall and Oidium SLF severity in 2000-2003 and 2005-2009, ภาพที่ 8 Fปรiมิ gาuณrนeำ้� ฝ8นราMSยuเoดrอืnaนtthtแhlลyaะnคriวaาipมnrรfoนุ aแvlรliงnaขcอneงdโ.รคOราidแปiuง้ ทmเี่ กดิSขLนึ้ Fระหsวeา่ vงปeีr2i5t4y3-i2n54260แ0ล0ะ-ป2ี 2050438-2a5n5d2 (2รว0ม095ป-)ี2ใ0น0จงั9ห,วดั สรุ าษฎรธ์ านี Suratthani provincOei.dium SLF severity-daily rainfall, Suratthani 100 Oidium SLF severity-daily rainfall, Suratthani 180 PDI(%) 101000 180180160 rainfall(mm.) 160160140 80 PDI(%) 140140120 120120100 8080 rainfall(mm.) 10010080 ดัช ีนความ ุรนแPรDงI(ข%)อPงDIโ(ร%)ค, PDI (%) 8080 60 60 6060 40 1Jan.010Jan.001 ม.ค. 43 4040 20 1Feb.1 ก.พ. 1Feb.6060 2020 0 1Mar.1 มี.ค. 1Mar. 00 1Jan.011Jan.011 ม.ค. 4440 1Feb.1 ก.พ. 1Feb. 1Mar.1 มี.ค. 1Mar.4040 1Apr.1 เม.ย. 1Apr. 1Jan.012Jan.021 ม.ค. 4520 1Feb.1 ก.พ. 1Feb. 1Mar.1 มี.ค. 1Mar.2020 1Apr.11 เม.ม.ค.ย.46 1Apr.0 1Jan.013Jan.03 00 1Feb.1 ก.พ. 1Feb. 1Mar.111 เมีมม...คคย...48 1Mar. 1Apr. 1Apr. 1Jan.015Jan.05 1Feb.1 ก.พ. 1Feb. 1Mar.1 มี.ค. 1Mar. 1Jan.016Jan.0611 กม..คพ.. 49 1Feb. 1Feb. 1Mar.111111 เเกมีมมี..มม....คคคพยย......50 1Mar. 1Apr. 1Apr. 1Jan.07 1Jan.07 1Feb. 1Feb. 1Mar. 1Mar. 1Apr. 1Apr.1 ม.ค. 51 1-Jan-08 1-Jan-081 ก.พ. 1Feb. 1Feb.11 เมีม..คย.. 1Mar. 1Mar. 1Apr. 1Apr.1 ม.ค. 52 1Jan.09 1Jan.091 ก.พ. 1Feb. 1Feb.1 มี.ค. 1Mar. 1Mar. rainfall(mm.)ป ิรมาณน้�ำฝน (มม.) rainfall(mm.) Figure 9 Daily rainfall and Oidium SLF severity in January-April periods in 2000- Figure 9 2D0a0i3lyarnadin2f0al0l5a-n2d00O9i,dSiuumraSttLhFansie, vTehraitiylainndJ.anuary-April periods in 2000- 2003 and 2005-2009, Suratthani, Thailand. ภาพท่ี 9 ปรมิ าณนำ้� ฝนรายวนั และความรนุ แรงของโรคราแปง้ ทเ่ี กดิ ขนึ้ ระหวา่ งเดอื นมกราคม-มนี าคม ปี 2543-2546 และ ปี 2548-2552 (รวม 9 ป)ี ในจงั หวดั สสพอรุ ่อภ้ืนาษนาทฎแพ่ีทรอธ์กPใค่ีมาPใคหนานBนวีสBวรพีราพภือา2รน้ืม2น้ืมตา5ะ5ทตพท5้าตบ5ภ่ี้,านภ่ีอ้,าาจจนาRทนาRาาดาคคRทกากRทกทใในกIาาตกIาี่CตมCนปาศตน้าต้ีครร1าไโอ1โอววรวมน0รน0นเิพคเาิพ1คค่1กเคบบอม,นรั,นรรัลรนนื้อRาาเRาธาธาสแะอแะตุ์Rุต์ตRงตห่ียหป�ปจา้า้งIังIัำ้้MMค์งคน์้นน้ึงแงแงสไา่า่ขทตขตทวม77เเูงอ่ปยอ่ปาาฉฉ11่คนนีีตงงลล22ใ22วพพยย,่่ี,่ีอน55ร::นขRนขRัักป44ทIIอmอm3Rธ3Rาธลาง-ง-รย์ุIยm์ุIูกmง22ดTดTราก5าใ5uชัuะชังน25ง25ลnnนบน525พ2e(ับe(ีคC1ีคาC1ื้นกวcดวสlcสlแoแทาloันาlาoขาลoมnล่ีทมnมnใมอnะaระaร่ีeมานeางนุlRนุlรsRีรssแถsRแถRu(รuจ(2รIจs2งIMดsัง0Mดกปจัขc0ขcร<eาร<วอร7ะeอ7ะpกะ้งาด0Ppงด0Pโtเงภ3บDัโtiรท3บDัbขiราคคbIศiคควIคliใว≤ilไาใวนt≤iาในทytงา4ยมตy4)มยย0าต)้แ0า%ตงโา้%งซลดแา้น)แ่ึงตะนย)ทตคปเ่ลทมคนาอ่ลืัะจาีนคอืพ่ืะอพจนพตวพงนันุบัตาอ่จนันัธธัน่อมโาธุธ์ุ์รโไแR(กุ์ุ์ครภดR(ตRมคภรา้ขRากีIรสพาCยแาIตพภCทาแป่า1าทย่ีป้งง101พ่พีไ้งท0010ดภไื้น),00าด้ ูม3)ท,งB้จิอด3่ีปBPกาจา้าMPลกลกากนMมุู่กกล5าอ1เุม่ ดศพ5,ุณ1แงัทดR่ิม,ปแนหงี่แัRขRลป้ีนภตึ้คงนIRลM้ีูมทอืกอคงIMิดตทตยอื6ลาด่่าา06อมงลง00ง,อ0ง, โรค ก็สามารถปลูกยางโดยไม่มีข้อจ�ำกัดด้านพันธุ์ แต่ ฤดูกาลอย่างชัดเจน สภาพการระบาดของโรคราแป้งใน อย่างไรก็ตาม การพิจารณาพันธุ์ปลูก ควรพิจารณา เขตปลูกยางใหม่เหล่านี้อาจเป็นปัญหารุนแรงและแตก สภาพการระบาดของโรคใบร่วงจากเชื้อราไฟทอบทอรา ต่างจากพื้นท่ีปลูกยางเดิม ท้ังสภาพการระบาดและพันธุ์ ซึง่ เปน็ โรคประจ�ำถนิ่ ทม่ี รี ะบาดประจ�ำทุกปรี ว่ มดว้ ย ยาง จึงสมควรอย่างย่ิงที่จะต้องศึกษาสภาพการระบาด ส�ำหรับแหล่งปลูกยางในเขตภูมิภาคอื่นของ และศึกษาพันธุ์ปลูกท่ีเหมาะสม เพ่ือเป็นแนวทางในการ

รนุ แรงมากขน้ึ หรอื น้อยลงขน้ึ กบั สภาวะการระบาดของโรคในชว่ งการระบาดนนั้ ๆ นนั่ คอื หากอยใู่ นสภาวะปัจจยั การระบาดของโรคทเ่ี หมาะสมมาก พนั ธยุ์ างทจ่ี ดั เป็นพนั ธทุ์ อ่ี ่อนแอ อาจเป็นโรครุนแรงมาก และพนั ธตุ์ า้ นทานปาน กลางอาจเป็นโรครนุ แรงในระดบั รนุ แรงหรอื รุนแรงมากได้ และเชน่ เดยี วกนั หากอยใู่ นสภาวะปัจจยั การระบาดของ 10 โรคทไ่ี มเ่ หมาะกบั กฉาบรบั รอเิะลบ็กทารดอนกิพส์นั 29ธยุ์ เมาษงาทยนต่ี -มา้ ิถนนุ าทยานน25อ6า0จไมพ่ บโรค หรอื พบโรคไดน้ ้อยมาก และพนั ธยุ์ างตา้ นทานปาน กลาง กอ็ าจเป็นโรครุนแรงน้อย-น้อยมากไดเ้ ชน่ กนั ดงั แสดงในภาพท่ี 10 101000 Clonal severity to Oidium SLF Disease-Locations Suratthani Ranong Takaupa ัดช ีนความรุนแรงของโรค, PDI (%) 8800 Taimaoung Krabi mean Disease severity Index(%) 6600 4400 2200 00 GT 1 RRIT 156 RRIC 110 PB 217 RRIT 218 PR 302 RRIT 226 PR 305 PB 235 BPM 24 RRIT 225 PB 260 PR 261 RRIT 223 RRIM 717 RRIC 121 RRIT 25 PR 255 RRIM 703 RRIT 251 RRIM 712 RRIC 101 PB 255 RRIM 600 BPM 1 RRIC 100 Figure 10. The disease severity of 26 rubber clones planted in 5 locations in the upper ภาพที่ 10 ความรนุ แรงขอsงoโรuคทthเี่ กeดิ rกnบั ,ยาTงhพนัaธiต์lุ aา่ งnๆdจ:ำ� นPวDน 2I6≤พ2นั 0ธ์ุ%ทปี่ ล=กู ใVนสeถrาyนทlต่ีigา่ งhๆt,จำ�2น0ว<น 5PแDหง่Iท≤าง4ภ0า%คใต=ต้ อนLบiนgขhองtป,ระเทศไทย 40< PDI ≤60% = moderate, 60< PDI ≤80% = Severe, and PDI >80% = very severe ปปร้อะงเกทไกันศมาตคเ่ร่อปวร็ไาะนปบมปาเรกสดะสาีขยโรยรอหแชุปงาบโนยผง่ร์เเคตฉลข่อพตกเกาปากะาลรษใรกูนทศตยพกึ ดราษน้ืกงลทาตรอนแท่าี ้ีมสลงศ่ี าสะกึ มภเษศาาารรพเถษทแใา่ฐชวนกดเ้ ปนั้ิลจ็นอ้ขขแมออต้ งม่จะลู สเจพารPคPะมอะ่ืชBDวาดกว่าIร2ับายม≤ถร5ใครใตน45ุนวช0,ดักแาเ้ %RสปามรรนิR็งนต)จขใIไแ้าCดจัอดนบเกง้แลท1บโากอืร0าอรค่ก1นดยพ,พขา้า่(ันRนPงอนั ธกDRกงธ์ุ พRบัIาุปI์ M)รRพนั ลใดIธนกู้ืช7Cังุ์ยตท1พ้นา12าป่ีน้ีัง0ม,1ลไธ0)พRดกูปุ์ ,Rพน้้ือลB3Iนั่นทืกูTPกธไป่ทีM2ดลุต์ ลเ่ี 5หเุ้ม่้า1กูช1นม,ทน่ตทRาแเ่ีเาะหาRดลมสนมยะIี คMมาว(Rา่ตะก26ดRส่อ0นั0ัชมสI0M<นภโ,ีาดซพยง่ึ พื้นที่ปลูกยาง จ.พังงา เป็นพ้ืนท่ีที่มีความเส่ียงต่อ 703 2) พันธุ์ต้านทานปานกลาง (40 < PDI ≤ 60%) การระบาดของโรคราแป้งรุนแรงกว่าพ้ืนท่ีปลูกยางใน จ. ได้แก่ พนั ธุ์ PR 255, RRIT 25, RRIC 121, RRIM 717, สุราษฎร์ธานี และ จ. กระบี่ ส่วนพ้ืนท่ีปลูกยางใน จ. RRIT 223, PR 261, PB 260, BPM 24, PB 235, PR ระนอง เป็นพื้นท่ีที่ปลอดภัยจากการระบาดของโรครา 305, RRIT 226, PR 302, RRIT 218, PB 217 และ RRIC แป้ง โดยในระยะใบอ่อนเป็นปัจจัยของต้นยาง และ 110 และ 3) พนั ธุอ์ ่อนแอ (60 < PD I ≤ 80%) ได้แก่ พนั ธุ์ สภาพฝนเป็นปัจจัยสิ่งแวดล้อมท่ีมีอิทธิพลต่อการระบาด RRIT 156 และGT 1 ของโรคราแป้งท่ีเกิดจากเช้ือรา O. heveae สภาวะท่ี พันธุ์ยางในกลุ่มอ่อนแอ หรือต้านทานปานกลาง เหมาะสมคือ การมีฝนตกในช่วงท่ีต้นยางเป็นใบอ่อน ต่อโรค ไม่ควรปลูกในพ้ืนที่ที่มีสภาพการระบาดท่ีมีความ หรอื มฝี นตกปริมาณไมม่ ากกว่า 200 มม. หรือมีวันฝนตก เสี่ยงสูง ในทางกลับกันในพื้นที่ท่ีมีสภาพอากาศไม่เอ้ือ 4-10 วัน ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงต้นเดือนมีนาคมใน อ�ำนวยต่อการระบาดของโรค สามารถปลูกยางได้โดย พื้นทภ่ี าคใต้ตอนบนฝง่ั ตะวนั ตก ซึง่ ได้แก่ จ.ระนอง พงั งา ไม่มีข้อจ�ำกัดด้านพันธุ์ และเนื่องจากปัจจุบันได้ขยาย และกระบี่ และช่วงกลางเดือนมีนาคมถึงกลางเดือน พ้นื ท่ปี ลกู ยางในภูมิภาคอื่น ๆ เพิ่มขนึ้ อยา่ งตอ่ เนื่อง และ เมษายน ในพื้นที่ภาคใต้ตอนบนฝั่งตะวันออก เช่น ประกอบกับมีสภาพภูมิอากาศที่แตกต่างจากภาคใต้ จ.สรุ าษฎรธ์ านี สภาพการระบาดของโรคราแป้งในเขตปลูกยางใหม่ พันธุ์ยางแต่ละพันธุ์มีพฤติกรรมการผลัดใบต่างกัน เหล่าน้ีอาจเป็นปัญหารุนแรงและแตกต่างจากพ้ืนที่ปลูก และจะมีผลต่อความรุนแรงของโรคราแป้ง ซึ่งพันธุ์ยางท่ี ยางเดิม จึงสมควรอย่างย่ิงท่ีจะต้องศึกษาสภาพการ ผลัดใบเร็วมักจะเป็นโรคราแป้งน้อยกว่า สามารถจัด ระบาด และศึกษาการเป็นโรคของพันธุ์แนะน�ำในเขต

11 ฉบับอิเลก็ ทรอนกิ ส์ 29 เมษายน-มถิ นุ ายน 2560 ภาพที่ 11 ทรงพุม่ ต้นยางทเี่ ปน็ โรคราแปง้ ทำ� ใหใ้ บออ่ นร่วง ส่งผลใหพ้ มุ่ ภาพท่ี 12 ลกั ษณะของใบอ่อนทรี่ ่วงลงสพู่ น้ื ดนิ ใบของต้นยางมใี บน้อย ภาพท่ี 13 ใบและดอกท่เี ปน็ โรคราแปง้ ภาพท่ี 14 ใบและดอกทไ่ี มเ่ ป็นโรคราแปง้ ภาพที่ 15 กลุม่ เสน้ ใยและสปอร์ของเชอื้ ราสขี าวท่เี กดิ บนใบเพสลาด ภาพที่ 16 รอยแผลสีนำ�้ ตาลท่มี ีขนาดและรปู รา่ งไมแ่ น่นอนบนใบแก่

12 ฉบับอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 29 เมษายน-มถิ ุนายน 2560 ภูมิภาคอื่นของประเทศไทย เพ่ือเป็นข้อมูลส�ำหรับการ ไทย จ�ำกดั : กรงุ เทพมหานคร. แบง่ เขตปลกู ยางและแนะน�ำพนั ธยุ์ างใหเ้ หมาะสมตอ่ ไป สถาบันวิจัยยาง. 2552. รายงานประจ�ำปี 2551. สถาบันวิจัยยาง กรมวชิ าการเกษตร. ค�ำขอบคุณ อารมณ์ โรจน์สุจิตร. 2544. การระบาดของโรคใบจุด ก้างปลาของยางพารา. รายงานการประชุม ขอขอบพระคุณอดีตผู้อ�ำนวยการสถานีทดลอง วิชาการยางพารา ประจ�ำปี 2544 ครั้งที่ 1. ยาง/ศนู ย์วจิ ยั และผอู้ �ำนวยศูนยว์ จิ ัยปัจจบุ นั ทกุ ท่าน รวม เชยี งใหม,่ 20-22 กุมภาพนั ธ์ 2544: 111-128. ทั้งบุคลากรของสถานที่ต้ังแปลงทดลอง ท่ีได้ไห้ความ Joseph, A., S. P. Idicula and V. K. Rajalakshmy. ร่วมมือ ดูแลแปลงทดลอง และช่วยปฏิบัติงานวิจัยให้ 1994. Control of Gloeosporium leaf disease ส�ำเรจ็ ตามวัตถุประสงค์ด้วยดีตลอดจนสน้ิ สุดงานวจิ ยั in young rubber plantations. IRRDB Sympo- sium on Diseases of Hevea. Cochin, 21-22 เอกสารอา้ งองิ November 1994: 82-84. Shamsul Kamar, A. S. 1994. Distribution and severity of พงษ์เทพ ขจรไชยกูล. 2533. โรคและศัตรูยางพารา. rubber diseases in Malaysia. IRRDB Sympo- ศนู ยว์ จิ ยั ยางสงขลา สถาบนั วจิ ยั ยาง กรมวชิ าการ- sium on Diseases of Hevea. Cochin, 21-22 เกษตร. November 1994: 16-22. วกิ พิ เี ดยี . 2552. แหล่งข้อมลู : http://th.wikipedia.org/ Kaiming, Zhang. 1987. Important diseases of rubber wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8% trees in China with special reference to oidium B0%E0%B9%80%E0%....) ค้นเมื่อ กันยายน and phytophthora diseases. IRRDB Sympo- 2552. sium on Pathology of Hevea. Chiangmai, 2-3 สถาบันวิจัยยาง. 2544. คู่มือการประเมินโรคในแปลง November 1987. ยาง. สถาบันวิจัยยาง กรมวชิ าการเกษตร. สถาบันวิจัยยาง. 2550. ค�ำแนะน�ำพันธุ์ยาง ปี 2550. โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่'ประเทศ-

13 ฉบับอิเล็กทรอนิกส์ 29 เมษายน-มถิ นุ ายน 2560 ภาคผนวกที่ 1 ดัชนคี วามรนุ แรงของโรค (PDI) ของพนั ธ์ยุ าง ในแตล่ ะปที ีร่ ะบาด PDI พนั ธ์ุยาง = ผลรวมของคะแนนความรุนแรงทีป่ ระเมิน x 100 จ�ำนวนซ�ำ้ ทีป่ ระเมนิ X ระดบั คะแนนความรนุ แรงโรคสงู สดุ ภาคผนวกที่ 2 ดชั นีความรนุ แรงของโรค (PDI) ของแปลงทดลอง ในแตล่ ะปีทร่ี ะบาด PDI แปลงทดลอง = ผลรวม PDI ของทกุ พนั ธ ุ์ จ�ำ นวนพนั ธุย์ างทัง้ หมด ระดบั ความรุนแรงของโรค ตาม PDI ดังนี้ PDI ≤ 20% = รุนแรงน้อยมาก 20 < PDI ≤ 40% = รนุ แรงน้อย 40 < PDI ≤ 60% = รุนแรงปานกลาง 60 < PDI ≤ 80% = รุนแรง PDI > 80% = รนุ แรงมาก ภาคผนวกที่ 3 การจดั ระดบั ความต้านทานโรคของพนั ธย์ุ างเม่อื ส้นิ สุดงานทดลอง PDI ของพนั ธย์ุ างเฉลีย่ = ผลรวม PDI พันธ์ุยางทกุ ปีการระบาด จำ�นวนปกี ารระบาด ระดบั ความรุนแรงของโรค ตาม PDI ดงั นี้ PDI ≤ 20% = รุนแรงน้อยมาก 20 < PDI ≤ 40% = รุนแรงน้อย 40 < PDI ≤ 60% = รนุ แรงปานกลาง 60 < PDI ≤ 80% = รุนแรง PDI > 80% = รุนแรงมาก

14 ฉบับอเิ ล็กทรอนกิ ส์ 29 เมษายน-มิถนุ ายน 2560

15 ฉบบั อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 29 เมษายน-มิถนุ ายน 2560 การแปลผลคา่ วิเคราะห์ดนิ และคำ�แนะนำ�การให้ ปุ๋ยยางพาราสำ�หรบั เกษตรกรทวั่ ไป ภรภัทร สุชาติกูล ศูนย์วจิ ยั ยางสุราษฎรธ์ านี สถาบนั วิจัยยาง การยางแหง่ ประเทศไทย การเติบโตและพัฒนาการของพืชถูกควบคุมด้วย การวิเคราะห์ดินทางเคมีเพ่ือประเมินสถานะของ ปจั จยั หลกั 2 ปจั จยั คือ ปจั จยั ด้านพันธุกรรม และปัจจยั ธาตอุ าหารในดิน นิยมใช้การสกดั ธาตอุ าหารจากดินดว้ ย ด้านส่งิ แวดลอ้ ม เชน่ น�้ำ แสง อณุ หภูมิ อากาศ ดนิ สงิ่ มี สารละลายต่าง ๆ แล้วหาความสมั พนั ธร์ ะหว่างคา่ ท่ีสกัด ชวี ิตในดิน และธาตอุ าหารพืช เป็นตน้ ปจั จยั เหล่านี้ตา่ งมี ได้กับการเติบโตของพืช อย่างไรก็ตาม สมบัติอ่ืน ๆ ของ อันตรกริ ยิ าต่อกัน (Interaction) โดยอาจมอี ันตรกิรยิ าตอ่ ดนิ เช่น ความเป็นกรดเปน็ ดา่ งของดิน (pH) ปรมิ าณดนิ กันในด้านร่วมกัน เก้ือกูลกัน หรือขัดแย้งกัน เช่น เหนียว และอินทรียวัตถุ เป็นปัจจัยที่มีผลต่อความ แสงแดดท�ำให้น�้ำในดินระเหยสูญเสียไป การมีน้�ำในดิน สัมพันธ์ระหว่างการเติบโตของพืชกับความเข้มข้นของ มากจะมีผลท�ำให้ช่องอากาศในดินเหลือน้อย หรือดินมี ธาตุอาหารท่ีสกัดได้ (พชิ ติ , 2549) สว่ น Van Erp and ปฏิกิริยาไม่เหมาะสม ส่งผลให้การละลายของแร่ธาตุ Van Beusichem (1998) กล่าวว่า อัตราการดูดใช้ธาตุ อาหารพชื ในดนิ ไม่เหมาะสม เปน็ ตน้ อาหารของรากพืชมีความสัมพันธ์กันในเชิงบวกกับความ ดินเป็นแหล่งกักเก็บของธาตุอาหารที่พืชต้องการ เขม้ ข้นของธาตอุ าหารในสารละลายดิน ดงั นั้น ความเขม้ แต่ไม่ได้หมายความว่าธาตุอาหารท่ีพืชสามารถดูดใช้ได้ ข้นของธาตุอาหารในสารละลายดิน จึงอาจจะเป็นดัชนีที่ ทันทีจะมีอยู่ในระดับท่ีเหมาะสมกับความต้องการของ บอกถึงความสามารถในการเป็นประโยชน์ของธาตุ พืช วัตถุประสงค์หลักของการวิเคราะห์ดินก็เพ่ือประเมิน อาหารท่ีแท้จริงในดินได้ และได้ให้ความคิดเห็นว่า วิธี สถานะของธาตอุ าหารในดนิ เฉพาะพน้ื ที่นัน้ ๆ ตลอดถึง การที่ใช้แยกสารละลายดินออกจากองค์ประกอบของดิน การแปลความหมาย การประเมินปริมาณปุ๋ยธาตุอาหาร ไม่ได้ให้ค่าความเข้มข้นท่ีแท้จริงเสมอไป เนื่องจาก ท่ีเหมาะสมที่ควรใส่ให้กับยางพารา และการพิจารณาให้ สารละลายดนิ อาจจะถกู ปรับเปลย่ี นไปอยา่ งมากมายใน ค�ำแนะน�ำการใช้ปุ๋ยกับยางพาราโดยพิจารณาร่วมกับ ระหวา่ งกระบวนการแยกออก อยา่ งไรกต็ าม การสกดั ดิน ข้อมูลอื่น ๆ เช่น ประวัติการใช้ปุ๋ย การปลูกพืชคลุมดิน ด้วยน้�ำหรือเกลืออย่างอ่อนได้ถูกน�ำมาประเมินความเข้ม เป็นต้น ทั้งน้ีผู้ให้ค�ำแนะน�ำของห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ ขน้ ของธาตอุ าหารในสารละลายดนิ ดิน และผู้ให้ค�ำแนะน�ำด้านพืชอาจให้ค�ำแนะน�ำที่ไม่ Tisdale et al. (1990) กล่าวว่า การวเิ คราะห์ดนิ มี เหมือนกันได้ หากใช้แนวทางการพิจารณาท่ีแตกต่างกัน วัตถุประสงค์ เพ่ือให้ได้ค่าท่ีจะช่วยท�ำนายปริมาณธาตุ การเก็บตัวอย่างดินเพื่อวิเคราะห์ทางเคมี เกษตรกรควร อาหารทจ่ี �ำเป็นตอ้ งเพมิ่ เตมิ ใส่ลงดิน เชน่ ถา้ คา่ วิเคราะห์ สุ่มเก็บตัวอย่างดินในแปลงเพาะปลูกของตนเองอย่าง ดินสูงอาจจะไม่ต้องใส่เพิ่มเติมลงไปในดินเหมือนกับค่า น้อยทุก ๆ 3 ปี หรือทุก 3 ถึง 5 ปี เพ่ือให้มั่นใจว่าค�ำ วิเคราะห์ดินท่ีต่�ำ แต่ต้องระลึกไว้เสมอว่า ความอุดม แนะน�ำการใสป่ ยุ๋ นั้นยงั คงเปน็ ปัจจบุ ันอยู่เสมอ สมบูรณ์ของดินไม่ได้เป็นปัจจัยเดียวท่ีมีผลต่อการเติบโต

16 ฉบับอเิ ล็กทรอนกิ ส์ 29 เมษายน-มถิ นุ ายน 2560 ของพืช ข้อมูลค่าวิเคราะห์จะถูกต้องและเป็นตัวแทนท่ีดี ผลผลิต เพียงพอ สงู มาก ของดนิ ได้นน้ั ขึ้นอย่กู ับวิธกี ารเก็บตวั อย่างดนิ การเตรยี ม ห ืรอการเจ ิรญเติบโต ตำ�่ ตัวอย่าง และการวิเคราะห์ที่ถูกต้อง และดินท่ีจะท�ำการ วเิ คราะหท์ างเคมีต้องค�ำนึงถงึ 1) ตัวอย่างดินทัง้ หมดต้อง ความเขม้ ขน้ ของธาตอุ าหารในเน้อื เย่ือพชื เป็นตัวแทนที่แท้จริงของดินท้ังหมดของพ้ืนท่ีท่ีเก็บ หรือปริมาณธาตอุ าหารในดิน ตวั อย่าง 2) ไม่มีการเปลยี่ นแปลงของตวั อยา่ งดนิ ท้งั หมด และตวั อย่างดนิ ท่ีสุ่มมากอ่ นท�ำการวเิ คราะห์ 3) ตวั อย่าง ดินที่สุ่มมาวิเคราะห์ต้องเป็นตัวแทนของตัวอย่างดิน ท้ังหมด และ 4) การวิเคราะห์จะต้องให้ค่าท่ีแท้จริงของ คุณลกั ษณะดินที่ท�ำการศกึ ษา วธิ ีแปลความหมาย ภาพที่ 1 ความสัมพันธ์ระหว่างผลผลิต หรือการเจริญเติบโตของพืช กับ ผลการวิเคราะห์ดิน ความเข้มขน้ ของธาตอุ าหารในดนิ หรอื ในเนอื้ เยือ่ พืช ทพ่ี บส่วนใหญใ่ นพชื เม่ือให้ธาตุอาหารเพิ่มข้ึนจากระดับขาดแคลนไปจนถึงระดับเป็นพิษ ในการแปลความหมายผลวิเคราะห์ดิน ผู้แปล (ทมี่ า: ดัดแปลงจาก Smith and Loneragan, 1997) จ�ำเป็นต้องมีความเข้าใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างความ เข้มข้นของธาตุอาหารพืชในดินที่สกัดได้ กับการเติบโต ธาตุอาหาร และวินิจฉัยสถานะธาตุอาหาร หากมีค่าอยู่ หรอื การใหผ้ ลผลิตของพชื (ภาพท่ี 1) นั่นคือ ในระดับต�่ำหรือขาดแคลนต้องเพิ่มปริมาณปุ๋ยธาตุ • ถ้าปริมาณธาตุอาหารในดินอยู่ในระดับต่�ำ อาหารที่ใส่ หากอยู่ในระดับปานกลาง ให้ใส่ปุ๋ยตามค�ำ แสดงว่าระดับธาตุอาหารในดินมีอยู่ในปริมาณที่ต่�ำกว่า แนะน�ำ หากอยู่ในระดับสูง ต้องงดหรือลดการใส่ปุ๋ย ความต้องการของพืช พืชจะมีการตอบสนองเม่ือให้ธาตุ ส�ำ ห รั บ ค ่ า ม า ต ร ฐ า น ธ า ตุ อ า ห า ร ใ น ดิ น ป ลู ก ย า ง ที่ อาหารเพ่ิมข้ึน หากในแปลงปลูกพืชมีระดับธาตุอาหาร สถาบันวิจัยยางได้ก�ำหนดเพ่ือน�ำมาใช้เปรียบเทียบกับ ต่�ำมาก กอ็ าจใชเ้ วลาหลายปีในการใหป้ ยุ๋ ธาตอุ าหารเพิม่ ผลการวเิ คราะห์ดนิ ดังแสดงไว้ในตารางที่ 1 ข้ึนจนท�ำให้ดินมีธาตุอาหารเพิ่มข้ึนถึงระดับที่เหมาะสม ทสี่ ุดส�ำหรบั พืช แนวทางการใหค้ �ำแนะนำ� การใส่ปุ๋ย • ถ้าปริมาณธาตุอาหารในดินอยู่ในระดับปาน ตามคา่ วิเคราะหด์ ิน กลาง แสดงว่าระดับธาตุอาหารในดินมีอยู่ในปริมาณที่ เพียงพอหรือต่�ำกว่าความต้องการของพืชเล็กน้อย พืช โดยท่ัวไปการแปลความหมายผลการวิเคราะห์ดิน ส่วนใหญ่จะมีการตอบสนองเมื่อให้ธาตุอาหารเพิ่มข้ึน และการให้ค�ำแนะน�ำปุ๋ย มักเป็นเร่ืองของการปรับปรุง แตผ่ ลผลิตที่ได้อาจจะไมค่ มุ้ กับต้นทุนค่าปยุ๋ ที่เพมิ่ ขึ้น สถานะความอุดมสมบูรณ์ของดินเม่ือดินมีระดับธาตุ • ถ้าปริมาณธาตุอาหารในดินสูง หรือมากเกินไป อาหารน้อยกว่าระดับที่เหมาะสม ส�ำหรับอัตราปุ๋ยท่ีควร แสดงว่าธาตุอาหารในดินมีอยู่ในปริมาณท่ีเกินกว่าความ แนะน�ำใหใ้ สน่ น้ั Wesley Haun (2016) กลา่ วว่า ควรใส่ ต้องการของพืช พืชอาจจะไม่ตอบสนองต่อธาตุอาหารที่ เพ่ือเพ่ิมเติมระดับธาตุอาหารในดินจนดินมีระดับธาตุ ใสเ่ พิม่ ขึน้ โดยปกติจะไมแ่ นะน�ำให้ใสธ่ าตุอาหารเพ่มิ ข้ึน อาหารเท่ากับระดับวิกฤต (Critical level) หลังจากน้ัน การจัดอันดับธาตุอาหารว่ามีอยู่ในระดับต�่ำ ปาน ควรใส่เพอ่ื การบ�ำรุงรกั ษาระดบั ชว่ งความพอเพียง (Suffi- กลาง หรือสูง สามารถท�ำได้โดยน�ำผลค่าวิเคราะห์ดินท่ี ciency range) เพ่อื รักษาประสทิ ธิภาพการผลติ ของพืช ได้เปรียบเทียบกับค่ามาตรฐานธาตุอาหารพืช ที่ก�ำหนด เมื่อน�ำผลวิเคราะห์ดินปลูกยางที่ได้จากห้อง จากการศึกษาในสภาพแวดล้อมเดียวกันหรือใกล้เคียง ปฏิบัติการ มาเทียบกับค่ามาตรฐานธาตุอาหารของดิน กัน (Angeles et al., 1990) แลว้ ท�ำการจดั ชัน้ อนั ดบั ของ ปลูกยาง และท�ำการจัดอันดับว่ามีธาตุอาหารนั้น ๆ อยู่ ในระดับต�่ำ ปานกลาง หรือสูง ขั้นตอนต่อไปคือ การ

17 ฉบับอิเลก็ ทรอนิกส์ 29 เมษายน-มิถนุ ายน 2560 ตารางที่ 1. ระดบั ธาตอุ าหารในดนิ ปลกู ยาง สมบัตขิ องดนิ ระดบั ธาตอุ าหารในดิน คารบ์ อน (%) ต่�ำ ปานกลาง สงู ไนโตรเจน (%) < 0.5 0.5 - 1.5 1.6 - 2.5 ฟอสฟอรสั ทง้ั หมด (มก./กก.) < 0.11 0.11 - 0.25 0.26 - 0.40 ฟอสฟอรสั ท่ีเป็นประโยชน์ (มก./กก.) < 250 250 - 350 351 - 600 โพแทสเซียมท่เี ป็นประโยชน์ (มก./กก.) < 11 11 - 30 โพแทสเซียมที่แลกเปล่ียนได้ (มก./กก.) < 40 > 30 แคลเซียมทแ่ี ลกเปลย่ี นได้ (มก./กก.) < 117.3 > 40 แมกนีเซยี มท่ีแลกเปลย่ี นได้ (มก./กก.) < 60.1 117.3 – 176.0 - ความจใุ นการแลกเปลีย่ นแคตไอออน < 36.5 > 176.0 [CEC: เซนตโิ มล (+)/กก.] > 60.1 <11 - ท่มี า: นุชนารถ (2542) > 36.5 - 11 - 15 16 - 25 วินิจฉยั ว่าควรจะใสป่ ริมาณธาตุอาหารนั้น ๆ เพม่ิ ขึ้นหรอื ตวั อยา่ งที่ 1 ลดลงเทา่ ใด จะใส่ปุย๋ อะไรดี และจะตอ้ งใส่อตั ราเทา่ ไหร่ จะใส่ปุ๋ยเพิ่มหรือลดลงเท่าไรดีน้ันมีค�ำแนะน�ำทั่ว ๆ ไป การใสป่ ุย๋ ตามการจดั อันดบั ระดบั ธาตุอาหารต่าง ๆ ดังนี้ (Agriinfo, ใส่ปุ๋ยท่ีได้รับจากการยางแห่งประเทศไทย (ปุ๋ย 2015) ผสมสูตร 20-8-20) • สงู มาก: ลดปยุ๋ 50% การใสป่ ุ๋ยพชื แซม • สงู : ลดปุ๋ย 25% มีการปลูกกลว้ ยเป็นพชื แซม และใสป่ ุย๋ ให้ กลว้ ย • ปานกลาง: ใส่ป๋ยุ ตามค�ำแนะน�ำ ผลการวเิ คราะห์ดนิ จากห้องปฏบิ ตั กิ าร • ตำ่� : เพม่ิ ปุ๋ย 25% แสดงไวใ้ นตารางที่ 2 • ต�่ำมาก: เพม่ิ ปยุ๋ 50% เมือ่ ทราบวา่ ควรใส่ธาตอุ าหารนัน้ ๆ เพม่ิ หรอื ลดลง การแปลความหมายผลการวเิ คราะห์ดิน เท่าใดแล้ว จากนั้นจึงพิจารณาหาแม่ปุ๋ยที่เหมาะสม ดินเป็นกรดจัด แต่ pH ยังอยู่ในช่วงท่ีเหมาะสม และค�ำนวณหาปริมาณที่ควรใส่ให้กับยางพารา ตาม ส�ำหรับการเจริญเติบโตของต้นยาง (pH ที่เหมาะสม ชนิดของดินและอายุของต้นยาง โดยพิจารณาร่วมกับ ส�ำหรับยางอยูร่ ะหวา่ ง 4.5 – 5.5) จึงไมจ่ �ำเป็นต้องใช้ปนู ประวัติการใส่ปุ๋ยที่ผ่านมา ดังตัวอย่างการแปลผล ทางการเกษตรในการปรบั ปรุงดิน วิเคราะห์ดินและการให้ค�ำแนะน�ำการใส่ปุ๋ยในสวนยาง • อินทรยี วัตถอุ ยู่ในระดับต่ำ� (ระดบั เหมาะสม 1.0 อายุ 4 ปี จ�ำนวน 4 ตัวอย่าง พอเป็นแนวทางให้เห็นถึง – 2.6%) การด�ำเนนิ การในภาพรวมโดยทัว่ ไป • ไนโตรเจนอยู่ในระดับต่�ำมาก (ระดับเหมาะสม

18 ฉบบั อิเล็กทรอนิกส์ 29 เมษายน-มถิ ุนายน 2560 ตารางที่ 2. ผลการวิเคราะห์ดินจากหอ้ งปฏบิ ตั ิการ (ตัวอย่างท่ี 1) รายการ ปรมิ าณท่ีวิเคราะห์ได้ ความเป็นกรดเปน็ ด่างของดนิ (pH) อนิ ทรยี วตั ถุ (%) 5.2 ไนโตรเจน (%) 0.65 ฟอสฟอรัสทีเ่ ปน็ ประโยชน์ (มก./กก.) 0.0325 โพแทสเซียมท่เี ป็นประโยชน์ (มก./กก.) 1.4 แคลเซยี ม (มก./กก.) 31 แมกนเี ซยี ม (มก./กก.) 193 66 0.11 – 0.25%) (เนื่องจากห้องปฏิบัติการไม่สามารถ 20-8-20 ส�ำหรบั ยางพาราอายุ 5 ปี และดินเปน็ ดินรว่ น วิเคราะห์หาปริมาณไนโตรเจนในดินให้ได้ จึงใช้วิธี ทราย อัตราแนะน�ำคอื 360 กรมั ต่อตน้ (สถาบนั วิจัยยาง, ประเมินหาค่าไนโตรเจนจากค่าอินทรียวัตถุ โดยอินทรีย 2541) ในกรณีนี้แนะน�ำให้ใส่เพม่ิ ขึ้น 25% นน่ั คือควรใส่ วัตถุเม่ือย่อยสลายจะให้ปริมาณไนโตรเจนประมาณร้อย ปยุ๋ สูตร 20-8-20 ต้นละ 450 กรัม ปีละ 2 คร้ัง ละ 5) การใส่ควรใส่แบบโรยเป็นแถบในแถวยางแล้ว • ฟอสฟอรัสท่ีเป็นประโยชน์ อยู่ในระดับต่�ำมาก คราดกลบ โดยหลีกเล่ียงการใส่ในช่วงท่ีฝนทิ้งช่วง หรือ (ระดับเหมาะสม 10 – 30 มิลลิกรัม/กโิ ลกรัม) ฝนตกมากเกนิ ไป และไมค่ วรมีวชั พชื ในแถวยาง • โพแทสเซียมท่ีเป็นประโยชน์ อยู่ในระดับต่�ำ (ระดับเหมาะสม 40 – 80 มลิ ลิกรมั /กโิ ลกรัม) ตวั อย่างท่ี 2 • แคลเซียม อยู่ในระดับเหมาะสม (ระดับเหมาะ สม > 60 มิลลกิ รัม/กิโลกรัม) การใสป่ ๋ยุ • แมกนเี ซียม อยู่ในระดบั เหมาะสม (ระดับเหมาะ ใส่ปุ๋ยที่ได้รับจากการยางแห่งประเทศไทย (ปุ๋ย สม > 36.5 มลิ ลิกรมั /กโิ ลกรมั ) ผสมสูตร 20-8-20) • เนื้อดินเปน็ ดนิ ร่วน ผลการวเิ คราะหด์ นิ จากหอ้ งปฏบิ ตั ิการ การแปลผลการวิเคราะห์ดินสรุปได้ว่า ดินมี แสดงไว้ในตารางที่ 3 ปริมาณไนโตรเจน ฟอสฟอรัสท่ีเป็นประโยชน์ และ การแปลความหมายผลการวเิ คราะห์ดนิ โพแทสเซียมท่ีเป็นประโยชน์ต่�ำ จึงควรเพิ่มปุ๋ยท่ีให้ธาตุ • ดินเป็นกรดจัด แต่ pH ยังอยใู่ นชว่ งทเี่ หมาะสม ท้ังสามตัวน้ี ฉะน้นั ควรใสป่ ยุ๋ 20–8-20 เพมิ่ ขึ้นจากอตั รา ส�ำหรับการเจริญเติบโตของต้นยาง (pH ที่เหมาะสม เดมิ ท่เี คยใส่อยู่ ประมาณ 25–30 % หรือเพ่มิ ขน้ึ อีก 1 ใน ส�ำหรบั ยางอยู่ระหวา่ ง 4.5 – 5.5) จึงไม่จ�ำเปน็ ตอ้ งใช้ปูน 4 จากจ�ำนวนท่เี คยใส่ ทางการเกษตรในการปรับปรงุ ดิน ค�ำแนะน�ำปุ๋ยกับยางพาราก่อนเปิดกรีดของ • อินทรียวัตถุอยู่ในระดับเหมาะสม (ระดับเหมาะ สถาบันวิจัยยาง ในเขตปลูกยางเดมิ แนะน�ำให้ใชป้ ุ๋ยสูตร สม 1.0 – 2.6%)

19 ฉบบั อิเล็กทรอนกิ ส์ 29 เมษายน-มิถนุ ายน 2560 ตารางท่ี 3. ผลการวเิ คราะห์ดนิ จากหอ้ งปฏิบตั ิการ (ตัวอยา่ งที่ 2) รายการ ปริมาณท่ีวเิ คราะหไ์ ด้ ความเป็นกรดเป็นด่างของดิน (pH) อินทรยี วัตถุ (%) 4.98 ไนโตรเจน (%) 1.24 ฟอสฟอรัสที่เปน็ ประโยชน์ (มก./กก.) 0.062 โพแทสเซยี มทีเ่ ปน็ ประโยชน์ (มก./กก.) 2.5 แคลเซยี ม (มก./กก.) 33 แมกนีเซียม (มก./กก.) 69 31 • ไนโตรเจนอยใู่ นระดบั ต่�ำ (ระดบั เหมาะสม 0.11 ตน้ ละ 450 กรัม ปลี ะ 2 ครง้ั – 0.25%) นอกจากน้ี ดนิ ยงั มีปริมาณแมกนเี ซยี มตำ�่ แนะน�ำ • ฟอสฟอรัสท่ีเป็นประโยชน์ อยู่ในระดับต�่ำมาก ให้ใส่ปุ๋ยคีเซอร์ไรท์ (ปุ๋ยแมกนีเซียมซัลเฟต) ซึ่งเป็นปุ๋ยท่ี (ระดบั เหมาะสม 10 – 30 มลิ ลิกรมั /กโิ ลกรัม) ให้ธาตุแมกนเี ซยี ม ร่วมด้วยอตั รา 80 กรมั ตอ่ ตน้ ต่อปี • โพแทสเซียมท่ีเป็นประโยชน์ อยู่ในระดับต�่ำ การใส่ปุ๋ยทุกชนิดควรใส่แบบโรยเป็นแถบในแถว (ระดับเหมาะสม 40 – 80 มิลลกิ รมั /กโิ ลกรมั ) ยางแล้วคราดกลบ โดยหลีกเล่ียงการใส่ในช่วงท่ีฝนท้ิง • แคลเซียม อยู่ในระดับเหมาะสม (ระดับเหมาะ ช่วง หรอื ฝนตกมากเกินไป และไม่ควรมีวัชพชื ในแถวยาง สม > 60 มลิ ลกิ รัม/กโิ ลกรมั ) ส�ำหรับสารปรับปรุงดิน รวมถึงปุ๋ยอินทรีย์ต่าง ๆ ถ้าใส่ • แมกนีเซียม อยู่ในระดับต�่ำ (ระดับเหมาะสม > ควรใสก่ ่อนใส่ปยุ๋ เคมี 2 – 4 สัปดาห์ 36.5 มลิ ลิกรมั /กิโลกรัม) • เนื้อดินเป็นดินร่วนปนทราย ตัวอย่างที่ 3 การแปลผลการวิเคราะห์ดินสรุปได้ว่า ดินมี ปริมาณไนโตรเจน ฟอสฟอรัสท่ีเป็นประโยชน์ และ การใส่ปุ๋ย โพแทสเซียมท่ีเป็นประโยชน์ต่�ำ จึงควรเพ่ิมปุ๋ยท่ีให้ธาตุ ใส่ปุ๋ยท่ีได้รับจากการยางแห่งประเทศไทย (ปุ๋ย ทัง้ สามตัวนี้ ฉะนั้น ควรใส่ปยุ๋ 20–8-20 เพม่ิ ขนึ้ จากอัตรา ผสมสตู ร 20-8-20) เดมิ ที่เคยใสอ่ ยู่ ประมาณ 25 – 30 % หรอื เพ่มิ ข้นึ อีก 1 ใน การใสป่ ยุ๋ พชื แซม 4 จากจ�ำนวนที่เคยใส่ มีการปลกู กล้วยเปน็ พืชแซม และใส่ปุ๋ยใหก้ ล้วย ค�ำแนะน�ำปุ๋ยกับยางพาราก่อนเปิดกรีดของ ผลการวิเคราะห์ดนิ จากหอ้ งปฏิบตั กิ าร สถาบันวิจัยยางในเขตปลูกยางเดิม แนะน�ำให้ใช้ปุ๋ยสูตร แสดงไว้ในตารางท่ี 4 20-8-20 ส�ำหรบั ยางพาราอายุ 5 ปี และดินเป็นดินรว่ น การแปลความหมายผลการวเิ คราะห์ดิน ทราย อัตราแนะน�ำคอื 360 กรัมต่อต้น (สถาบันวิจัยยาง, • ดนิ เปน็ กรดจดั มาก แต่ pH อยใู่ นชว่ งทเี่ หมาะสม 2541) ในกรณีน้แี นะน�ำใหใ้ สเ่ พิม่ ข้ึน 25% นั่น คือควรใส่

20 ฉบับอิเล็กทรอนกิ ส์ 29 เมษายน-มิถุนายน 2560 ตารางท่ี 4. ผลการวิเคราะห์ดินจากหอ้ งปฏบิ ัติการ (ตัวอย่างที่ 3) รายการ ปรมิ าณทีว่ ิเคราะหไ์ ด้ ความเปน็ กรดเปน็ ด่างของดิน (pH) อินทรียวัตถุ (%) 4.65 ไนโตรเจน (%) 1.11 ฟอสฟอรัสทีเ่ ปน็ ประโยชน์ (มก./กก.) 0.056 โพแทสเซยี มท่เี ป็นประโยชน์ (มก./กก.) 7.2 แคลเซียม (มก./กก.) 60 แมกนเี ซียม (มก./กก.) 46 18 ส�ำหรับการเจริญเติบโตของต้นยาง (pH ที่เหมาะสม ว่าปุ๋ยไดแอมโมเนียมฟอสเฟต หรอื DAP) ซง่ึ เป็นปุย๋ ทใี่ ห้ ส�ำหรับยางอยรู่ ะหว่าง 4.5 – 5.5) จึงไม่จ�ำเป็นตอ้ งใช้ปนู ธาตุไนโตรเจนด้วย ในกรณนี ี้การค�ำนวณคอ่ นข้างยงุ่ ยาก ทางการเกษตรในการปรับปรุงดนิ หากจะแนะน�ำให้เพ่ิมปุ๋ยไนโตรเจนและฟอสฟอรัสด้วย • อินทรียวัตถุอยใู่ นระดับเหมาะสม แม่ปุย๋ ทง้ั สองชนดิ ทัง้ ยงั ย่งุ ยากในการปฏิบตั ิ ดงั น้นั การ (ระดับเหมาะสม 1.0 – 2.6%) แนะน�ำให้ผสมปุ๋ยใช้เองด้วยแม่ปุ๋ยทั้งสามชนิดคือ 46- • ไนโตรเจนอยใู่ นระดับต่�ำ (ระดบั เหมาะสม 0.11 0-0, 18-46-0 และ 0-0-60 จึงเหมาะสมกวา่ – 0.25%) ค�ำแนะน�ำการใช้ปุ๋ยยางพาราตามค่าวิเคราะห์ดิน • ฟอสฟอรัสท่ีเป็นประโยชน์ อยู่ในระดับต�่ำมาก ส�ำหรับดนิ ที่มี N ต�ำ่ , P ต่�ำ แต่มี K ปานกลาง ในยางอายุ (ระดับเหมาะสม 10 – 30 มลิ ลกิ รัม/กิโลกรมั ) 48 เดือน, 54 เดือน, 60 เดอื น, 66 เดือน และ 72 เดือน • โพแทสเซียมที่เป็นประโยชน์ อยู่ในระดับเหมาะ แนะน�ำให้ใช้แม่ปุ๋ย 46-0-0, 18-46-0 และ 0-0-60 สม (ระดบั เหมาะสม 40 – 80 มิลลิกรัม/กโิ ลกรมั ) จ�ำนวน 15, 5.4 และ 8.2 กิโลกรัมต่อไร่ (ตน้ ยาง 76 ต้น • แคลเซยี ม อยู่ในระดับต�่ำ (ระดบั เหมาะสม > 60 ต่อไร)่ ตามล�ำดบั ผสมคลุกเคลา้ ให้เข้ากัน น�ำไปใส่ให้ตน้ มิลลิกรัม/กิโลกรัม) ยางต้นละ 380 กรัม (สถาบันวิจัยยาง, 2551) การผสม • แมกนีเซียม อยู่ในระดับต่�ำ (ระดับเหมาะสม > ปุ๋ยใช้เองควรผสมใช้แบบวันต่อวัน เพ่ือป้องกันปุ๋ยเสื่อม 36.5 มลิ ลกิ รัม/กโิ ลกรมั ) คณุ ภาพ • เนือ้ ดินเป็นดนิ รว่ นปนทราย นอกจากน้ี ดินยังมีปริมาณแคลเซียมและ การแปลผลการวิเคราะห์ดินสรุปได้ว่า ดินมี แมกนีเซียมต�่ำ แนะน�ำให้ใช้ปูนโดโลไมท์ ซึ่งเป็นปูนท่ี ปริมาณโพแทสเซียมท่ีเป็นประโยชน์อยู่ในระดับเหมาะ นอกจากจะช่วยปรับปรุงดินแล้วยังให้ทั้งธาตุแคลเซียม สม แต่มีปริมาณไนโตรเจน และฟอสฟอรัสท่ีเป็น และแมกนีเซียมแก่พืช ควรใช้ปูนในปริมาณท่ีเพิ่ม pH ประโยชน์ต�่ำมาก จึงควรเพิ่มปุ๋ยที่ให้ธาตุไนโตรเจน และ ของดนิ ให้สงู ไม่เกิน 5.5 ปรมิ าณท่ีแนะน�ำคือ ประมาณ 1 ฟอสฟอรัส ซ่ึงแม่ปุ๋ยท่ีนิยมใช้ในการให้ธาตุไนโตรเจนคือ กิโลกรัม/ต้น และควรใสก่ อ่ นการใส่ปุ๋ยเคมี 2 - 4 สัปดาห์ 46-0-0 (ยูเรีย) และธาตุฟอสฟอรัส คือ 18-46-0 (ทีเ่ รียก การใส่ปูนมากเกินไปจะท�ำให้ปฏิกิริยาของดินเป็นด่าง ธาตุอาหารบางชนิดจะไม่ละลายออกมาเป็นประโยชน์

21 ฉบับอเิ ลก็ ทรอนิกส์ 29 เมษายน-มิถุนายน 2560 ต่อพืช นอกจากน้ี ปูนมีผลส่งเสริมให้เชื้อโรครากแพร่ • เนื้อดินเป็นดนิ รว่ น กระจายได้ง่ายขึ้น หากในแปลงมีต้นยางที่เป็นโรคราก อยู่ ดังน้นั การใสป่ ูนต้องระวัง การแปลผลการวิเคราะห์ดินสรุปได้ว่า ดินมี หากต้นยางแสดงอาการเนื้อเยื่อระหว่างเส้นใบ ปริมาณไนโตรเจน โพแทสเซียมท่ีเป็นประโยชน์เพียงพอ เหลืองในขณะที่เส้นใบยังเขียว แสดงว่าต้นยางขาดธาตุ ในขณะที่ฟอสฟอรัสท่ีเป็นประโยชน์ต่�ำ จึงควรเพ่ิมปุ๋ยที่ แมกนีเซียมรุนแรงแล้ว ให้ใส่ปุ๋ยคีเซอร์ไรท์ (ปุ๋ย ใหธ้ าตฟุ อสฟอรสั แหลง่ ของแมป่ ุย๋ ฟอสฟอรัสทส่ี �ำคญั คอื แมกนีเซียมซัลเฟต) ซึ่งเป็นปุ๋ยท่ีให้ธาตุแมกนีเซียม และ 18-46-0 (ท่ีเรียกว่าปุ๋ยไดแอมโมเนียมฟอสเฟต หรือ ยังให้ธาตุก�ำมะถันด้วย อตั รา 80 กรมั ตอ่ ตน้ ต่อปี DAP) ซึ่งเป็นปุ๋ยที่ให้ธาตุไนโตรเจนด้วย (เนื่องจากดินมี การใส่ปุ๋ยทุกชนิดควรใส่แบบโรยเป็นแถบในแถว ปริมาณไนโตรเจนประมาณ 0.124% ในขณะที่ช่วง ยางแล้วคราดกลบ โดยหลีกเลี่ยงการใส่ในช่วงท่ีฝนท้ิง ความพอเพียงของไนโตรเจนในดินส�ำหรับยางพาราอยู่ ชว่ ง หรือฝนตกมากเกนิ ไป และไม่ควรมวี ชั พืชในแถวยาง ในช่วง 0.11 – 0.25% ดังน้ัน ในกรณีนี้จึงสามารถ ส�ำหรับสารปรับปรุงดิน รวมถึงปุ๋ยอินทรีย์ ถ้าใส่ ควรใส่ แนะน�ำให้เพิ่มดว้ ยปยุ๋ 18-46-0 ได้) ก่อนใส่ปยุ๋ เคมี ค�ำแนะน�ำคือ นอกจากปุ๋ย 20-8-20 ท่ีใส่อยู่ปกติ 2 – 4 สปั ดาห์ แล้ว ควรซื้อปุย๋ 18-46-0 มาใส่เพ่ิมอีกประมาณต้นละ 10 - 15 กรัม ปีละ 2 ถึง 3 คร้ัง ตามความเหมาะสม ตวั อย่างท่ี 4 (เน่ืองจากปุ๋ยฟอสฟอรัสเป็นปุ๋ยท่ีเม่ือใส่ลงดินแล้ว การใสป่ ๋ยุ สามารถถูกตรึงได้ทันทีจากไอออนบวกที่เป็นกรดท่ีมีอยู่ ใส่ปุ๋ยท่ีได้รับจากการยางแห่งประเทศไทย (ปุ๋ย มากในดินกรดจัด ท�ำให้เปล่ียนไปอยู่ในรูปท่ีไม่เป็น ผสมสูตร 20-8-20) และมีการซอ้ื ใส่เพ่ิม ประโยชน์ต่อพชื ดงั น้ัน การแนะน�ำให้ใส่ป๋ยุ ชนดิ น้ีคร้งั ละ นอ้ ย ๆ แต่บ่อยคร้ังจงึ เหมาะสมกว่า) ผลการวิเคราะหด์ นิ จากหอ้ งปฏิบตั ิการ วธิ กี ารค�ำนวณ ดูภาคผนวกที่ 1 แสดงไว้ในตารางท่ี 5 นอกจากนี้ดินยังมีปริมาณแคลเซียมและ แมกนีเซียมต่�ำ แนะน�ำให้ใช้ปูนโดโลไมท์ ซึ่งเป็นปูนที่ การแปลความหมายผลการวิเคราะหด์ นิ นอกจากจะช่วยปรับปรุงดินแล้วยังให้ทั้งธาตุแคลเซียม • ดินเป็นกรดรุนแรงมาก (pH ที่เหมาะสมส�ำหรับ และแมกนีเซียมแก่พืช ควรใช้ปูนในปริมาณท่ีเพ่ิม pH ยางอยู่ระหวา่ ง 4.5 – 5.5) ของดนิ ใหส้ งู ไม่เกิน 5.5 ปรมิ าณทีแ่ นะน�ำคือ ประมาณ 1 • อินทรียวัตถุอยู่ในระดับเหมาะสม (ระดับเหมาะ กิโลกรัม/ตน้ และควรใสก่ ่อนการใส่ปุย๋ เคมี 2 - 4 สปั ดาห์ สม 1.0 – 2.6%) การใส่ปูนมากเกินจะท�ำให้ปฏิกิริยาของดินเป็นด่าง ธาตุ • ไนโตรเจนอยู่ในระดับเหมาะสม (ระดับเหมาะ อาหารบางชนิดจะไม่ละลายออกมาเป็นประโยชน์ต่อพืช สม 0.11 – 0.25%) นอกจากน้ี ปูนมีผลส่งเสริมให้เช้ือโรครากแพร่กระจาย • ฟอสฟอรัสท่ีเป็นประโยชน์ อยู่ในระดับต่�ำมาก ง่ายขึ้น หากในแปลงมีต้นยางท่ีเป็นโรครากอยู่ ดังน้ัน (ระดบั เหมาะสม 10 – 30 มลิ ลิกรัม/กโิ ลกรมั ) การใส่ปูนตอ้ งระวงั • โพแทสเซียมท่ีเป็นประโยชน์ อยู่ในระดับเหมาะ หากต้นยางแสดงอาการเน้ือเย่ือระหว่างเส้นใบ สม (ระดบั เหมาะสม 40 – 80 มลิ ลกิ รัม/กโิ ลกรัม) เหลืองในขณะท่ีเส้นใบยังเขียว แสดงว่าต้นยางขาดธาตุ • แคลเซยี ม อยู่ในระดับต�ำ่ (ระดบั เหมาะสม > 60 แมกนีเซียมรุนแรงแล้ว ให้ใส่ปุ๋ยคีเซอร์ไรท์ (ปุ๋ยแมก- มลิ ลกิ รัม/กิโลกรมั ) นเี ซียมซลั เฟต) ซึ่งเปน็ ปุ๋ยทใ่ี หธ้ าตแุ มกนเี ซียม และยงั ให้ • แมกนีเซียม อยู่ในระดับต�่ำ (ระดับเหมาะสม > ธาตกุ �ำมะถนั ด้วย อตั รา 80 กรมั ต่อต้นตอ่ ปี 36.5 มิลลกิ รัม/กิโลกรมั ) โดยทั้งปยุ๋ ที่การยางฯ ให้ (20-8-20), ป๋ยุ 18-46-0

22 ฉบับอเิ ล็กทรอนิกส์ 29 เมษายน-มถิ นุ ายน 2560 ตารางที่ 5. ผลการวเิ คราะหด์ ินจากห้องปฏิบัติการ (ตวั อยา่ งที่ 4) รายการ ปรมิ าณทว่ี ิเคราะห์ได้ ความเป็นกรดเป็นด่างของดิน (pH) อนิ ทรยี วตั ถุ (%) 4.38 ไนโตรเจน (%) 2.47 ฟอสฟอรัสทีเ่ ป็นประโยชน์ (มก./กก.) 0.124 โพแทสเซยี มทีเ่ ป็นประโยชน์ (มก./กก.) 2.0 แคลเซียม (มก./กก.) 66 แมกนีเซยี ม (มก./กก.) 50 20 ที่แนะน�ำใหใ้ สเ่ พิม่ และปุ๋ยคเี ซอรไ์ รท์ นัน้ ควรใสแ่ บบโรย เวลาท่ีเหมาะสมในการเก็บตัวอย่างดิน การเก็บ เป็นแถบในแถวยางแล้วคราดกลบ โดยหลีกเลี่ยงการใส่ ตัวอยา่ งดนิ สามารถเก็บไดต้ ลอดทั้งปี อย่างไรก็ตาม ควร ในช่วงที่ฝนทิ้งช่วง หรือฝนตกมากเกินไป และไม่ควรมี เก็บในเวลาเดียวกันของทุกปี และหากมีการใส่ปุ๋ย ควร วัชพืชในแถวยางด้วย ส�ำหรับสารปรับปรุงดิน รวมถึงปุ๋ย รออย่างน้อย 30 วนั หลังการใสป่ ยุ๋ อนิ ทรยี ์ตา่ ง ๆ ถา้ ใส่ควรใสก่ ่อนใส่ปุย๋ เคมี 2 – 4 สัปดาห์ พ้ืนที่ท่ีเก็บตัวอย่างดิน ตัวอย่างดินท่ีเก็บต้องเป็น ตัวแทนท่ีแท้จริงของดินในบริเวณนั้น ๆ โดยส่วนใหญ่ สิ่งสำ� คัญในการให้คำ� แนะน�ำปุย๋ การแบ่งพื้นที่สุ่มเก็บตัวอย่างดินด้วยสีดินเป็นวิธีท่ีได้รับ ตามคา่ วเิ คราะหด์ นิ การยอมรับโดยท่ัวไป และควรแยกเก็บดินในบริเวณที่มี ความลาดเทของพื้นที่ การระบายน้�ำ การใส่ปุ๋ยในอัตรา การจะน�ำผลวิเคราะห์ดินไปใช้ได้อย่างถูกต้อง และเวลาที่แตกตา่ งกัน และมีประสิทธิภาพ ส่ิงที่จะต้องจดจ�ำไว้ คือ การสุ่มเก็บ บริเวณทค่ี วรท�ำการเจาะเกบ็ ตัวอย่างดิน ควรเจาะ ตัวอย่างดินให้ถูกต้อง เพราะการสุ่มเก็บตัวอย่างดินท่ีถูก เก็บในบริเวณท่ีมีการใส่ปุ๋ย และควรท�ำความสะอาด ต้องจะช่วยให้ผลการวิเคราะห์ดินถูกต้องและค�ำแนะน�ำ บรเิ วณผิวดนิ กอ่ นเจาะเก็บ การใช้ปุ๋ยมีความน่าเช่ือถือ จากการศึกษาโดยกรม ความลึกของดินท่ีเก็บ โดยปกติขึ้นอยู่กับระดับ วิชาการเกษตร (ม.ป.ป.) พบวา่ ประมาณ 90% ของความ ความลึกของรากหาอาหาร ยางพาราก่อนเปิดกรีด เจาะ ผิดพลาดของผลการวิเคราะห์ดินเป็นผลมาจากการเก็บ ดินท่ีระดับความลึกจากผิวดิน 15 เซนติเมตร ยางพารา ตัวอย่างดินไมถ่ ูกตอ้ ง หลังเปิดกรีดเจาะดินท่ีระดับความลึก 30 เซนติเมตรจาก การเก็บตัวอย่างดินเพ่ือวิเคราะห์ทางเคมี (กรม ผวิ ดนิ วชิ าการเกษตร, ม.ป.ป.; สถาบนั วจิ ัยยาง, 2551; Alberta จ�ำนวนหลุมท่ีเจาะเก็บ โดยทั่วไปขนาดพื้นท่ี 10 Agriculture and Forestry, 2009) ควรปฏบิ ตั ิดงั น้ี ไร่ ควรเจาะเก็บประมาณ 10 หลุมต่อตัวอย่างดินรวม 1 เลือกเครื่องมือเก็บตัวอย่างท่ีเหมาะสม ใช้ท่อหรือ ตัวอย่าง หรือเจาะเก็บตัวอย่าง 1-2 จุดต่อพื้นที่ 1 ไร่ หลอดเจาะ (Tube) หรือสว่าน (Auger) ทเ่ี ปน็ สแตนเลส อยา่ งไรกต็ าม ย่ิงเพม่ิ จ�ำนวนหลมุ เจาะมากข้ึนเทา่ ใดกจ็ ะ ใช้ถังพลาสติก แผ่นพลาสติกและถุงพลาสติกที่สะอาด ได้ตวั แทนทดี่ ยี ่งิ ขึ้น ห้ามใชถ้ งั สงั กะสี เพราะจะท�ำให้ตัวอยา่ งดนิ ปนเปื้อน

23 ฉบบั อเิ ล็กทรอนกิ ส์ 29 เมษายน-มิถุนายน 2560 การเตรียมตัวอย่างดิน หลังจากเจาะเก็บตัวอย่าง วเิ คราะห์ดิน. สถาบนั วจิ ัยยาง กรมวชิ าการเกษตร ดินครบแล้ว ควรคลุกเคล้าให้เข้ากันบนแผ่นพลาสติก กระทรวงเกษตรและสหกรณ.์ หรือในถังท่ีสะอาด แบ่งดินออกเป็น 4 ส่วน น�ำดินมา 1 Agriinfo. 2015. Soil testing and fertilizer use. ส่วน (ประมาณครงึ่ กโิ ลกรมั ถงึ 1 กิโลกรมั ) ดินสว่ นท่แี บง่ Available: http://www.agriinfo.in/default.aspx มาน้ี บรรจุลงในถุงพลาสติกที่สะอาดไม่มีอะไรปนเปื้อน ?page=topiclist&superid=4&catid=61. เขียนรายละเอียดเกี่ยวกับตัวอย่างดิน เช่น ช่ือผู้ส่งตัว Accessed June 28, 2017. อย่าง สถานท่เี ก็บ และความลกึ ก�ำกบั ไว้ข้างถงุ ให้ชดั เจน Alberta Agriculture and Forestry. 2009. Soil รัดปากถุงให้แน่น แล้วน�ำส่งห้องปฏิบัติการเพื่อด�ำเนิน sampling and testing. Available: http://www. การวิเคราะห์ต่อไป หากจะเตรียมตัวอย่างเองต้องผ่ึงให้ agriculture.alberta.ca/app21/infopage?cat1= แห้งในท่ีร่ม ห้ามตากแดด โดยน�ำดินมาแผ่ให้กระจาย Soil%2FWater%2FAir. Accessed June 28, บนแผ่นพลาสติก หรือในภาชนะพลาสติกหรือสแตนเลส 2017. ทส่ี ะอาดในหอ้ งท่สี ะอาด และอยา่ ใชค้ วามรอ้ นต่าง ๆ ใน Angeles, D. E., M. E., Sumner and N. W. Barbour. การท�ำใหแ้ ห้ง 1990. Preliminary nitrogen, phosphorus, and potassium DRIS norms for pineapple. Hort. Sci. 25: 652-655. เอกสารอา้ งองิ Smith, F. W. and J. F. Loneragan. 1997. Interpreta- tion of plant analysis: concepts and princi- กรมวิชาการเกษตร. (ม.ป.ป.). การเก็บตัวอย่างดินเพ่ือ ples. In: Reuter D. J. and J. B. Robinson การวิเคราะห์. แหล่งข้อมูล: http://www.doa. (eds.) Plant Analysis: An Interpretation Manual go.th/hortold/images/stories/gaphort/tama (2nd ed.). CSIRO Publishing: Collingwood. rind/tamarinddoc02.pdf. ค้นเมื่อ 28 มิถุนายน pp.1-33. 2560. Tisdale, S. L., W. L. Nelson and J. D. Beaton. 1990. นุชนารถ กังพิศดาร. 2542. การประเมินระดบั ธาตุอาหาร Soil Fertility and Fertilizer (4th ed.). Macmillan พืชเพ่ือแนะน�ำการใช้ปุ๋ยกับยางพารา. สถาบัน- Publishing: New York. วิจัยยาง กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและ Van Erp, P. J. and M. L. Van Beusichem.1998. Soil สหกรณ์. and plant testing programs as a tool for พิชติ พงษ์สกลุ . 2549. การวเิ คราะหป์ ัญหาการขาดธาตุ optimizing fertilizer strategies. In: Rengel, Z. อาหารรองและธาตุอาหารเสริมในดินปลูกพืชไร่- (ed.) Nutrient Use In Crop Production. Food นา และแนวทางแก้ไข. การสัมมนาทางวิชาการ Products Press:New York. pp. 53-75. เร่ือง ปัญหาธาตุรอง-จุลธาตุในดินและการแก้ไข. Wesley Haun. 2016. Understanding a soil test ส�ำนักวิจัยและพัฒนาปัจจัยการผลิตทางการ report. Available: http://www.tigersul.com/ เกษตร กรมวิชาการเกษตร. wp-content/uploads/2016/01/November-TI สถาบนั วิจยั ยาง. 2541. คำ� แนะนำ� การใชป้ ุย๋ กับยางพารา GER-Tech-Newsletter-v2.pdf. Accessed ปี 2541. สถาบันวิจัยยาง กรมวิชาการเกษตร June 28, 2017. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์. สถาบันวิจัยยาง. 2551. การใช้ปุ๋ยยางพาราตามค่า

24 ฉบบั อเิ ล็กทรอนิกส์ 29 เมษายน-มิถนุ ายน 2560 ภาคผนวกท่ี 1 วิธกี ารคำ�นวณหาปรมิ าณฟอสเฟตท่ีใส่เพม่ิ อกี 50% โดยทอี่ ัตราปุ๋ย 20-8-20 ทแี่ นะน�ำ ส�ำ หรบั ยางอายุ 5 ปี และ 5 ปีครึ่ง คือ 360 กรัมตอ่ ต้น ดังน้นั จงึ สามารถ คำ�นวณหาปรมิ าณ P2O5 ที่ต้นยางได้รบั ดงั นี้ ปุ๋ย 20-8-20 100 กรมั มี P2O5 8 = 28.8 กรัม ปยุ 20-8-20 360 กรัม มี P2O5 8 x 360 กรมั 100 ถ้าแนะนำ�ใหใ้ ส่ฟอสเฟตเพ่ิมขน้ึ อกี 50% น่นั คือ ตอ้ งใสฟ่ อสเฟตเพ่ิมอีกต้นละ 14.4 กรมั P2O5 46 กรัม ได้จากปุ๋ย 18-46-0 100 = 31 กรมั P2O5 14.4 กรัม ได้จากปุ๋ย 18-46-0 100 x 14.4 กรัม 100 แบ่งใส่ 2 ครั้ง ๆ ละ 15.5 กรมั

25 ฉบับอิเลก็ ทรอนกิ ส์ 29 เมษายน-มถิ ุนายน 2560 การน�ำ เทคโนโลยีปุ๋ยตามค่าวเิ คราะหด์ ินมาใช้เพ่ือ เพิ่มผลผลติ และลดตน้ ทนุ การผลิตยางพารา ของเกษตรกรในจงั หวดั สงขลา ทรงเมท สงั ข์น้อย1, สายสรุ ยี ์ วงคว์ ิชยั วฒั น์1, ไชยา บญุ เลิศ1, สรญั ญา ช่วงพิมพ์2, พริ ณุ จริ ะพฒั น์2 สุนนั ท์ ถรี าวุฒิ1 และ วราวุธ ชูธรรมธชั 3 1ศนู ยว์ ิจัยและพฒั นาการเกษตรสงขลา สำ�นักวิจยั และพัฒนาการเกษตรเขตท่ี 8 กรมวิชาการเกษตร 2สำ�นักวิจยั และพัฒนาการเกษตรเขตที่ 8 กรมวชิ าการเกษตร 3กองแผนงานและวชิ าการ กรมวิชาการเกษตร ปุ๋ยเคมีเป็นปัจจัยท่ีส�ำคัญต่อการเจริญเติบโตและ วิเคราะห์ดิน ซึ่งเป็นการใส่ธาตุอาหารให้แก่ดินตาม การให้ผลผลิตยาง แต่ปัจจุบันปุ๋ยเคมีมีราคาแพง จึง ความต้องการของต้นยาง และปริมาณธาตุอาหารท่ีมีอยู่ เป็นปัญหาส�ำคัญที่ท�ำให้เกษตรกรใส่ปุ๋ยน้อยลง ท�ำให้ ในดิน ท�ำให้ลดต้นทุนค่าปุ๋ยเคมี และปุ๋ยผสมใช้เอง จะ ผลผลิตยางลดลงตามไปด้วย เน่ืองจากยางพารา ได้ปุ๋ยเคมีท่ีมีมาตรฐานแทนการซื้อปุ๋ยสูตรส�ำเร็จ ท�ำให้ ต้องการธาตุอาหารหลักเพ่ือการเจริญเติบโตและเพิ่ม เกษตรกรได้ใช้ปุ๋ยท่ีถูกต้องตามหลักวิชาการและลด ผลผลิต ดังนั้น ในกรณีที่ดินขาดธาตุเหล่าน้ี จึงจ�ำเป็น ต้นทุน เพิ่มผลผลิต ซ่ึงจะเป็นแนวทางหนึ่งในการเพิ่ม ต้องใส่เพิ่มในปริมาณที่เหมาะสม และที่ผ่านมา ศักยภาพการผลิตยางของประเทศได้ เกษตรกรบางส่วนยังใส่ปุ๋ยเคมีไม่ถูกต้อง ไม่ตรงกับ ในการแนะน�ำการใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินให้ ความต้องการของต้นยาง ท�ำให้ดินขาดสมดุลของธาตุ เหมาะสมกับสวนยางท่ีเปิดกรีดแล้ว โดยทั่วไปจ�ำเป็น อาหาร และนอกจากน้ี การปลูกยางพาราติดต่อกันเป็น ตอ้ งทราบวา่ ดนิ ปลูกยางพารามธี าตอุ าหารเทา่ ไร ต้องใส่ เวลานาน ซ่ึงส่วนใหญ่เป็นการปลูกแทนด้วยยางพันธุ์ดี เพมิ่ เติมอกี ปรมิ าณเท่าไร จงึ จะเพียงพอตอ่ ความต้องการ รอบที่ 3 ท�ำใหธ้ าตุอาหารในดนิ บางสว่ นสญู เสยี ไปกบั ไม้ ของตน้ ยางพารา วิธีการโดยเก็บตัวอย่างดนิ ปลกู ยางเพื่อ ยาง และน�้ำยางที่ถูก เก็บเก่ียวออกจากพน้ื ที่ ดงั น้นั หาก น�ำมาวิเคราะห์ปริมาณธาตุอาหารในดิน แปลผล ขาดการจดั การดนิ และปุย๋ ทเ่ี หมาะสม ยอ่ มท�ำให้ปรมิ าณ วเิ คราะหด์ ิน และน�ำมาประเมนิ ความตอ้ งการธาตุอาหาร ธาตุอาหารในดินลดลง ขาดความอุดมสมบูรณ์ มีผล ทใ่ี สใ่ หแ้ ก่ต้นยาง ท�ำให้ผลผลติ ลดลงดว้ ย เพ่ือแนะน�ำการใส่ปุ๋ยส�ำหรับยางหลังเปิดกรีด ปัจจุบันปุ๋ยเคมีมีราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ท�ำให้มี สถาบันวิจัยยาง จึงได้จัดท�ำโครงการน�ำร่อง “ปุ๋ยยางส่ัง การจ�ำหน่ายปุ๋ยผสมที่ไม่ได้คุณภาพ ซึ่งจะมีผลท�ำให้ ตัด” ส่งเสริมให้เกษตรกรใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน ตาม ยางพาราได้รับธาตุอาหารไม่ตรงตามค�ำแนะน�ำ ดังน้ัน นโยบายของรัฐบาลที่ส่งเสริมให้เกษตรกรใช้ปุ๋ยสั่งตัด แนวทางในการลดต้นทุนการผลิตในภาวะท่ีปุ๋ยเคมีราคา โดยด�ำเนินการส�ำรวจเก็บตัวอย่างดินของเกษตรกรใน แพงและปุ๋ยเคมีบางส่วนไม่ได้มาตรฐาน เกษตรกรควร พนื้ ท่ีเปา้ หมาย แล้วน�ำมาแปลผล และแนะน�ำเกษตรกร ใส่ปุ๋ยให้เหมาะสมเฉพาะแต่ละพื้นที่ หรือใส่ปุ๋ยตามค่า ให้ใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน และมีการผสมปุ๋ยใช้เอง มี

26 ฉบับอิเล็กทรอนิกส์ 29 เมษายน-มถิ นุ ายน 2560 การถ่ายทอดความรูใ้ หแ้ กเ่ กษตรกรในกลุม่ เปา้ หมาย ให้ สตู รหนึง่ ท่เี ด่นชดั นอกจากปุ๋ยเคมีแลว้ พบวา่ เกษตรกรมี ทราบสูตรปุ๋ยที่เหมาะสมตามค่าวิเคราะห์ดิน เป็นการ การใส่ปุ๋ยอินทรีย์ให้กับต้นยาง คิดเป็นร้อยละ 31.84 แนะน�ำการใช้ปุ๋ยให้มีประสิทธิภาพเฉพาะพ้ืนที่ ซึ่งจะ (ตารางท่ี 2) ท�ำใหเ้ กษตรกรลดตน้ ทนุ และเพมิ่ ผลผลติ ยางใหส้ ูงข้นึ การเก็บเกี่ยวผลผลิต เกษตรกรในจังหวัดสงขลา นิยมแบ่งหน้ากรีดออกเป็นสามส่วนมากกว่าแบ่งเป็น ข้อมลู เบอ้ื งตน้ เก่ยี วกบั การผลติ ยางพารา สองส่วน ระบบกรีดท่นี ิยมใชม้ ากทีส่ ุดคือ การกรดี หนงึ่ ใน ของเกษตรกรในจังหวัดสงขลา สามของล�ำต้น กรีดตดิ ตอ่ กันสองวัน เวน้ หนึ่งวัน คิดเปน็ การด�ำเนินงาน ร้อยละ 44.48 รองลงมาคือ การกรีดหนึ่งในสามของ ส�ำรวจข้อมูลการผลิตยางพาราของเกษตรกรใน ล�ำต้น กรีดติดต่อกันสามวัน เว้นหนึ่งวัน คิดเป็นร้อยละ 28.10 (ตารางท่ี 3) ระหว่างปี 2554-2555 โดยสุ่มสัมภาษณ์เกษตรกร การแปรรูป ผลผลิตที่ได้ส่วนใหญ่ ร้อยละ 88.25 เจ้าของสวนยางพาราในจังหวัดสงขลา จ�ำนวน 509 ขายในรูปของน�้ำยางสด มีการน�ำผลผลิตมาแปรรูปเป็น แปลง จากพ้ืนที่ทป่ี ลูกยางพาราทง้ั หมดกวา่ หน่งึ ล้านสอง ยางแผ่นบา้ ง แตก่ ็ไม่มาก เพียงแค่รอ้ ยละ 11.25 (ตาราง แสนไร่ (ส�ำนักงานจังหวัดสงขลา, 2557) ที่ 3) ผลการส�ำรวจ ปัญหาท่ีเกิดกับต้นยาง ปัญหาของต้นยางท่ีพบ ลักษณะของพ้นื ท่ปี ลูกยาง สวนยางสว่ นใหญ่ รอ้ ย มากท่ีสดุ คือ อาการเปลอื กแหง้ คดิ เป็นร้อยละ 64.04 นับ ละ 74.46 ของจังหวัดสงขลา ตั้งอยู่บนที่ราบ รองลงมา ว่าเป็นตัวเลขท่ีสูง สาเหตุอาจเน่ืองจากระบบกรีดที่ค่อน ร้อยละ 14.26 ตั้งอยู่บนท่ีลาดชัน เช่น ตามควนเขา ท่ี ขา้ งถี่ ประกอบกับดินขาดความอดุ มสมบรูณ์ และบรหิ าร เหลือเป็นสวนยางท่ีปลูกในท่ีไม่เหมาะสมต่อการปลูก จัดการของเจ้าของสวนยาง ปัญหารองลงมา ร้อยละ ยาง ได้แก่ ท่ีน้�ำขัง และท่ีนา ซ่ึงรวมแลว้ มีอยู่เพียงรอ้ ยละ 21.05 เป็นเรื่องของภัยธรรมชาติท่ีท�ำให้ต้นยางโค่นล้ม 11.28 (ตารางที่ 1) และกิ่งหัก ส่วนปัญหาในเร่ืองโรคและแมลงยังพบน้อย ดนิ ปลกู ยาง ส่วนใหญ่ รอ้ ยละ 37.70 เป็นดินร่วน มาก (ตารางที่ 3) ปนทราย รองลงมาได้แก่ ดินร่วนเหนียวมีกรวดลูกรังปน และดนิ รว่ น คิดเป็นร้อยละ 14.29 และ 13.10 ตามล�ำดับ สมบัตทิ างเคมขี องดนิ ปลูกยาง สว่ นดนิ เหนยี ว พบนอ้ ยทส่ี ดุ เพยี งรอ้ ยละ 3.17 (ตารางที่ 1) ในพ้นื ทจี่ งั หวัดสงขลา ขนาดของสวนยาง สวนยางในจงั หวดั สงขลาเกือบ ท้ังหมด (ร้อยละ 99.18) จัดเป็นสวนยางขนาดเล็ก ซ่ึงมี การด�ำเนนิ งาน พ้ืนท่ตี ่ำ� กวา่ 50 ไร่ ท่ีเหลอื ร้อยละ 0.82 มีพื้นทมี่ ากกวา่ เก็บตัวอย่างดินเพ่ือน�ำมาวิเคราะห์สมบัติทางเคมี 50 ไร่ (ตารางท่ี 1) ส�ำหรับเป็นตัวแทนในพื้นท่ีจังหวัดสงขลา จ�ำนวน 509 พันธุ์ยาง พันธุ์ยางที่นิยมปลูกกันมากท่ีสุด คือ แปลง น�ำตัวอย่างส่งให้กลุ่มพัฒนาการตรวจสอบพืช RRIM 600 คิดเป็นรอ้ ยละ 94.05 สว่ นพันธุ์ยางแนะน�ำที่ และปัจจัยการผลิต ส�ำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขต ใหผ้ ลผลิตสงู กว่า RRIM 600 เชน่ RRIT 251 ยังคงปลูก ที่ 8 ท�ำการวิเคราะห์ธาตุอาหาร ได้แก่ ไนโตรเจนท้งั หมด กันน้อยมาก ไม่ถึง 1 เปอร์เซนต์ ของพันธุ์ยางท้ังหมด (Total nitrogen) ฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ (Available (ตารางที่ 1) phosphorus) โพแทสเซยี มทแี่ ลกเปลยี่ นได้ (Exchangeable การใส่ปุ๋ย เกษตรกรสว่ นใหญ่ รอ้ ยละ 70.71 ใสป่ ยุ๋ potassium) แคลเซยี มทแี่ ลกเปล่ียนได้ (Exchangeable 2 ครง้ั ต่อปี และมากกวา่ ครงึ่ หนง่ึ (ร้อยละ 54.55) ใส่แบบ calcium) แมกนีเซียมท่แี ลกเปลยี่ นได้ (Exchangeable ฝังกลบ รองลงมาคือใส่แบบหว่าน (ร้อยละ 37.01) ปุ๋ย magnesium) ความเป็นกรดเป็นด่างของดิน (Soil pH) เคมีที่ใส่มีหลากหลายสูตร แต่ไม่พบว่า มีการใส่สูตรใด และอนิ ทรียวัตถใุ นดิน (Soil organic matter) วัดความเป็นกรดเป็นด่างของดิน (pH) ด้วยวิธี

27 ฉบบั อิเลก็ ทรอนกิ ส์ 29 เมษายน-มถิ ุนายน 2560 ตารางที่ 1. ขอ้ มูลทั่วไปของสวนยาง ตารางท่ี 2. ขอ้ มูลเกี่ยวกบั การใสป่ ยุ๋ ยางของ ในจงั หวดั สงขลา1 เกษตรกรในจงั หวดั สงขลา1 รายละเอียด เปอรเ์ ซนต์ รายละเอียด เปอร์เซนต์ ลักษณะของพืน้ ทปี่ ลกู ยาง 74.46 วิธกี ารใส่ 37.01 - ท่ีราบ 14.26 - หวา่ น 54.55 - ที่ลาดชนั 2.57 - ฝงั กลบ 8.44 - ท่นี �ำ้ ขงั 8.71 - ท�ำทั้งสองวิธี - ทน่ี า 13.10 จำ� นวนครงั้ ท่ใี ส่ ชนดิ ของดิน 9.92 - 1 ครง้ั ต่อปี 18.18 - ร่วน 3.17 - 2 ครงั้ ตอ่ ปี 70.71 - ทราย 37.70 - 3 ครัง้ ตอ่ ปี 11.11 - เหนยี ว 9.33 สตู รปุ๋ยทีใ่ ช้ - ร่วนทราย 1.79 - 20-8-20 3.98 - รว่ นเหนยี ว 10.70 - 15-15-15 16.91 - เหนยี วปนทราย 14.29 - 15-7-18 14.93 - ร่วนทรายมกี รวดลกู รงั ปน 99.18 - 30-5-18 6.47 - ร่วนเหนยี วมีกรวดลูกรังปน 0.82 - สตู รอน่ื ๆ 25.87 ขนาดของสวนยาง 94.05 - ปยุ๋ อินทรีย์ 31.84 - นอ้ ยกว่า 50 ไร่ 0.40 - มากกวา่ 50 ไร่ 3.17 1 ส�ำรวจโดยการสุ่มสวนยางพาราในจังหวัดสงขลา จ�ำนวน พนั ธย์ุ างท่ปี ลกู 0.20 509 แปลง - RRIM 600 2.18 - RRIT 251 ของ Bray and Kurtz (1945) - BPM 24 วัดค่าโพแทสเซียมท่ีแลกเปลี่ยนได้ด้วยเครื่อง - PB 235 Flame photometer และค่าแคลเซียมที่แลกเปล่ียนได้ - พนั ธ์อุ ืน่ ๆ และแมกนีเซียมที่แลกเปล่ียนได้ ด้วยเคร่ือง Atomic absorption spectrophotometer 1 ส�ำรวจโดยการสมุ่ สวนยางพาราในจังหวัดสงขลา จ�ำนวน ผลการวิเคราะห ์ 509 แปลง จากการวิเคราะห์ดินที่เก็บจากสวนยางของ เกษตรกรจ�ำนวน 509 แปลง (ตารางที่ 4) พบวา่ สวนยาง Electrometric method ใชอ้ ตั ราสว่ นดนิ : นำ�้ เทา่ กบั 1 : 1 สว่ นใหญ่ ร้อยละ 80.9 ดินมคี วามเป็นกรดเปน็ ดา่ ง หรอื มี วิเคราะห์ปริมาณอินทรียวัตถุจากการวิเคราะห์ ค่าพีเอช (pH) ทเ่ี หมาะสมต่อการปลูกยาง โดยมีคา่ เฉลี่ย อินทรีย์คาร์บอน โดยวิธี Wet oxidation ของ Walkley เท่ากับ 5.01 (ค่าพเี อชท่เี หมาะสมอยรู่ ะหวา่ ง 4.5 - 5.5) and Black (1934) ในส่วนของอินทรียวัตถุที่มีอยู่ในดิน พบว่า สวน วิเคราะห์ปริมาณฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ โดย ยางเกินครงึ่ เล็กนอ้ ย หรอื รอ้ ยละ 52.3 มี วธิ ี Molybdenum blue ใช้น้�ำยาสกัด Bray II ตามวิธี อินทรียวัตถุในระดับปานกลาง เฉล่ียเท่ากับ 1.07

28 ฉบับอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 29 เมษายน-มิถนุ ายน 2560 ตารางท่ี 3. ข้อมลู เกีย่ วกบั การเกบ็ เกยี่ วผลผลิต, การแปรรูป และอาการผดิ ปกตขิ องตน้ ยาง รายละเอียด เปอร์เซนต์ ระบบกรีด 1.42 - ครึ่งล�ำต้น กรีดหนึง่ วัน เวน้ หน่ึงวัน 9.96 - ครึ่งล�ำตน้ กรดี ตดิ ตอ่ กันสองวนั เว้นหน่งึ วนั 8.61 - ครึง่ ล�ำตน้ กรดี ตดิ ตอ่ กนั สามวนั เวน้ หนึง่ วนั 0.36 - ครง่ึ ล�ำตน้ กรดี ตดิ ต่อกันส่ีวัน เวน้ หน่งึ วนั 0.36 - คร่งึ ล�ำตน้ กรดี ติดตอ่ กนั ห้าวนั เวน้ หน่ึงวนั 5.69 - หนงึ่ ในสามของล�ำต้น กรดี หน่งึ วนั เวน้ หนึง่ วัน 44.48 - หนึ่งในสามของล�ำต้น กรดี ตดิ ต่อกนั สองวัน เวน้ หนงึ่ วนั 28.10 - หน่ึงในสามของล�ำตน้ กรีดติดตอ่ กันสามวนั เวน้ หนึง่ วัน 0.71 - หน่งึ ในสามของล�ำตน้ กรีดติดตอ่ กนั ส่ีวนั เวน้ หนึ่งวัน 0.31 - หนง่ึ ในสามของล�ำตน้ กรีดติดต่อกันห้าวัน เว้นหนง่ึ วนั 88.25 การแปรรูป 11.25 - น�ำ้ ยางสด 0.50 - ยางแผ่นผง่ึ แห้ง 64.04 - ยางก้อนถว้ ย 0.87 ปัญหาต่อต้นยาง 0.88 - อาการเปลอื กแห้ง 4.39 - โรคเสน้ ด�ำ 8.77 - โรคโคนเน่า 21.05 - ขาดธาตอุ าหาร - แมลง - ภยั ธรรมชาติ (ตน้ ยางล้ม ก่งิ หัก) 1 ส�ำรวจโดยการสมุ่ สวนยางพาราในจังหวดั สงขลา จ�ำนวน 509 แปลง เปอรเ์ ซนต์ (คา่ ทเ่ี หมาะสมอยรู่ ะหวา่ ง 1.0 - 2.5%) สวน ได้แกธ่ าตฟุ อสฟอรัส แมกนเี ซยี ม และ โพแทสเซยี ม เป็น ยางท่ีเหลอื เกือบครึง่ หนง่ึ ดินมอี ินทรยี วัตถใุ นระดบั ต่�ำ ธาตุที่มีจ�ำนวนสวนท่ีขาดแคลนรองลงมา (81.5, 79.2 ส�ำหรับธาตอุ าหารในดนิ พบว่า สวนยางส่วนใหญ่ และ 71.1 เปอร์เซนต์ ตามล�ำดับ) (มากกว่า 70%) มีธาตุอาหารท่ีส�ำคัญ ซ่ึงได้แก่ จากผลการวิเคราะห์ดิน สรุปได้ว่า ถึงแม้ดินท่ีใช้ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม และแมกนีเซยี ม อยู่ ปลูกยางในจังหวัดสงขลาจะมีความเป็นกรดเป็นด่างท่ี ในระดับต�่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธาตุไนโตรเจน พบว่า เหมาะสม แต่เน่ืองจากขาดแคลนธาตุอาหารหลักท่ี เกือบทุกสวน (96.7%) จะขาดแคลนธาตุนี้ รองลงมา จ�ำเป็นต่อการเจริญเติบโตและการให้ผลผลิต จึงท�ำให้

29 ฉบบั อิเล็กทรอนกิ ส์ 29 เมษายน-มถิ นุ ายน 2560 ตารางที่ 4 สมบัติทางเคมีของดินทีเ่ ก็บจากสวนยางในจงั หวดั สงขลา จำ� นวน 509 แปลง ธาตุอาหาร ระดบั ของธาตอุ าหาร1 เปอรเ์ ซนต์ เฉลีย่ 80.94 5.01 ความเป็นกรดเป็นด่างของดนิ (pH) เหมาะสม 52.29 1.07 อนิ ทรียคาร์บอน (%) ปานกลาง 96.66 0.06 ไนโตรเจน (%) 81.53 8.78 ฟอสฟอรัส (มก./กก.) ต่ำ� 71.12 35.13 โพแทสเซียม (มก./กก.) ต่ำ� 55.21 0.88 แคลเซียม (เซนตโิ มล/กก.) ตา่ 79.17 0.29 แมกนเี ซียม (เซนตโิ มล/กก.) สงู ต�่ำ 1 จากการจดั ระดับธาตุอาหารในดินปลกู ยาง ตามภาคผนวกที่ 1 ดินมีความอุดมสมบูรณ์ต�่ำ ซ่ึงสอดคล้องกับผลส�ำรวจท่ี สงขลาระหว่างปี 2557-2559 พบว่า การใช้ปุ๋ยเคมีตาม พบว่าผลผลิตยางที่ได้รบั ต�ำ่ เช่นกัน ค่าวิเคราะห์ดินให้ผลผลิตสูงกว่าวิธีของเกษตรกรร้อยละ 6.66-25.48 ท�ำให้เกษตรกรมีรายเพ่ิมข้ึน 326 - 5,987 การทดสอบและพฒั นาการใช้ปยุ๋ ตามค่า บาทต่อไร่ต่อปี ส่วนการลดตน้ ทุนการผลติ น้ันขึ้นอยกู่ ับ วเิ คราะหด์ ินในพน้ื ที่เกษตรกร ราคาปุ๋ย แต่ส่วนใหญ่สามารถลดต้นทุนการผลิตได้ 140 - 888 บาทตอ่ ไรต่ ่อปี (ตารางที่ 5) แต่วิธขี องเกษตรกร ถ้า การด�ำเนินงาน หากใส่ปุย๋ นอ้ ยเกินไป มผี ลท�ำให้วิธีตามคา่ วิเคราะห์ดินมี คัดเลือกเกษตรกรผู้สนใจการใช้ปุ๋ยตามค่า ต้นทุนที่สูงกว่า แต่ก็ยังสามารถท�ำให้รายได้เพ่ิมขึ้นเช่น วิเคราะหด์ นิ ในพน้ื ทจี่ ังหวัดสงขลา จ�ำนวน 14 ราย พืน้ ที่ กัน ซึ่งเกษตรกรผู้ที่ใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์พึงพอใจมาก ด�ำเนินการรายละ 2 ไร่ ใช้วิธีตามค�ำแนะน�ำของกรม และยอมรับเทคโนโลยีการใช้ปุ๋ยเคมีตามค่าวิเคราะห์ดิน วชิ าการเกษตร 1 ไร่ และวิธขี องเกษตรกร 1 ไร่ ทดสอบ ของกรมวชิ าการเกษตร การใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินในสวนยางพาราตาม เทคโนโลยขี องกรมวชิ าการเกษตร (นชุ นารถ, 2554) ดงั นี้ สรุปผลการศกึ ษา 1. เก็บตัวอย่างดินในสวนยางพาราเพ่ือวิเคราะห์ ปริมาณธาตุอาหารในดินตามเกณฑ์ของธาตุอาหารที่ 1. การส�ำรวจข้อมูลเบื้องต้นเร่ืองการใช้เทคโนโลยี เพียงพอส�ำหรับยางพารา การท�ำสวนยางพาราในจังหวัดสงขลา เกษตรกรส่วน 2. ประเมินระดับของธาตุอาหารต่าง ๆ ที่ได้จาก ใหญ่ได้รับเทคโนโลยแี ตไ่ ม่สามารถน�ำมาใชไ้ ด้ เนื่องจาก การวเิ คราะห์ดนิ ตามภาคผนวกที่ 1 บางเทคโนโลยีต้องมีการสนับสนุนเพื่อให้เกิดการยอมรับ 3. แนะน�ำปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินส�ำหรับยางหลัง เสียก่อน และจากการส�ำรวจเทคโนโลยีการใช้ปุ๋ยตามค่า เปิดกรดี 12 แบบ ตามภาคผนวกที่ 2 วิเคราะห์ดนิ พบว่า เปน็ เทคโนโลยที ีเ่ กษตรกรยอมรับค่อน ผลการดำ� เนินงาน ข้างยากเช่นกัน แต่ถ้าหากเกษตรกรได้น�ำไปปฏิบัติจริง จากการบันทึกข้อมูลผลผลิตจากการทดสอบใช้ จะเกดิ การยอมรบั ได้ ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินของสวนยางพาราในจังหวัด 2. ผลจากการวิเคราะห์สมบัติทางเคมีของดินพบ ว่า จังหวัดสงขลามีพื้นท่ีท่ีเหมาะสมกับการปลูก

30 ฉบับอเิ ลก็ ทรอนิกส์ 29 เมษายน-มถิ นุ ายน 2560 ตารางท่ี 5 ผลผลติ ยาง ตน้ ทตนุ าทรตทล่ี าา่ใีดงรสทลา่ปี่งง2ุ๋ยหทตผรี่ 2อืาลมเขผพคอลิ่มา่งขวพขอเิ ้ึนชืงคพครแาุมชื ละคดะหมุนิรด์ ดาชินยินไชดิ ดนตท้ เิด่าปี่เงพต็นๆเ่าิ่มปเตงวขน็ๆ่อล้นึ เตธาวขา่อลอ4ตธา,งุอา6แ4ตาป,แหอุ 6ลลางะแรหเใลกา1นษะร0ดใต1ปนิ ร0ีดหกปนิรลีหงั จลาังกจโาคก่นโคปน่าแปลา่ ะแมลกีะ เกษตรกร ผลผลิตยาง ผลผลติ ยางท่ีเพ่มิ ขนึ้ 1 ต้นทุนทีล่ ดลง2/เพม่ิ ข้นึ 3 รายได้ทีเ่ พ่ิมขนึ้ (รายท)่ี (กก./ไร่/ป)ี (%) (บาท) (บาท/ป)ี - 154 2,950 1 289 9.34 - 888 2,300 2 360 6.66 - 600 1,317 3 267 8.25 - 288 2,815 4 242 9.09 - 213 2,835 5 321 8.41 + 12 2,520 6 396 8.84 + 462 1,878 7 411 7.62 + 372 2,715 8 345 6.96 - 525 2,245 9 160 10.63 - 168 326 10 106 7.5 - 140 4,500 11 318 16.06 - 888 3,850 12 349 10.02 - 312 5,450 13 276 14.49 + 712 5,987 14 361 25.48 1 เมอ่ื เทียบกับกรรมวธิ ขี องเกษตรกร 2 เครือ่ งหมายลบอยูห่ นา้ ตัวเลข หมายถงึ ตน้ ทนุ ท่ลี ดลง 3 เคร่ืองหมายบวกอยู่หน้าตวั เลข หมายถงึ ตน้ ทุนท่ีเพิม่ ข้ึน ยางพารา แตด่ นิ คอ่ นขา้ งมีความอุดมสมบรูณ์ ประการหนึ่งคือ การถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่เกษตรกรจาก ต�่ำ จึงควรแนะน�ำให้เกษตรหรือหน่วยงานของรัฐหันมา การฝึกอบรมผ่านโครงการส่งเสริมอาชีพชายแดนใต้ ให้ความสนใจเกีย่ วกบั การปรบั ปรงุ ดนิ และอบรมเจ้าหน้าท่ีการยางแห่งประเทศไทย และเจ้า 3. ผลการทดสอบเทคโนโลยีการใช้ปุ๋ยตามค่า หน้าส่งเสริมการเกษตร จะท�ำให้การขยายผลด�ำเนินการ วิเคราะห์ดินของกรมวิชาการเกษตร ท�ำให้เกษตรกรมี ไดร้ วดเรว็ ยง่ิ ขน้ึ ผลผลิตเพ่ิมขนึ้ ร้อยละ 6.66 - 25.48 สามารถลดต้นทนุ การผลิตได้ 140 - 888 บาทต่อไร่ต่อปี เพ่ิมรายได้ให้ เกษตรกร 326 - 5,987 บาทต่อไร่ตอ่ ปี แนวทางการน�ำงานวจิ ัยไปใชป้ ระโยชน์ 4. การพัฒนาเพื่อให้เกษตรกรยอมรับเทคโนโลยี และน�ำเทคโนโลยีไปปรับใช้ ต้องมีเคร่ืองมือและวิธีการ 1. น�ำเทคโนโลยีการใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินไป ใช้ให้ง่ายขึ้นและเหมาะสมกับพื้นท่ีจังหวัดสงขลา มีการ ใช้กับเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดสงขลา เพื่อให้ผลผลิตสูง จัดการแปลงต้นแบบ และแปลงขยายผล รวมทั้งการ กวา่ 300 กิโลกรัมต่อไรต่ อ่ ปี ลดตน้ ทนุ การผลติ เฉลีย่ 187 ประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้มีการรวมกลุ่ม ท่ีส�ำคัญอีก บาทต่อไร่ต่อปี เกษตรกรมีรายได้เพิ่มข้ึนเฉล่ีย 2,858 บาทต่อไร่ต่อปี และสามารถท�ำให้จังหวัดสงขลามีมูลค่า ทางเศรษฐกิจเพ่ิมขนึ้ 800 ล้านบาท

31 ฉบับอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 29 เมษายน-มถิ นุ ายน 2560 2. ใช้เทคโนโลยีน้ีในการพัฒนาเกษตรกรให้ก้าวสู่ ส�ำเรจ็ ในงานน้ีเปน็ ไปได้ด้วยดี กะามรกี ปาลรปูกยลาูกงยาเกงษตรต้นแบบ เพ่ือลดต้นทุนการผลิต เพิ่มรายได้ และ เปน็ หัวใจส�ำคัญในการพฒั นาจังหวัดสงขลา เอกสารอา้ งองิ 3. แจกจ่ายคู่มือค�ำแนะน�ำการใช้ปุ๋ยตามค่า นุชนารถ กังพิศดาร. 2554. การใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ วเิ คราะห์ดินใหก้ บั เกษตรกรและเจา้ หนา้ ทภ่ี าครฐั ตอ่ ไป ดิน (พิมพ์ครั้งท่ี 2). โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์ 4. ได้กลุ่มและแปลงต้นแบบในการใช้ปุ๋ยตามค่า การเกษตรแหง่ ประเทศไทย จ�ำกดั : กรงุ เทพมหานคร. วิเคราะห์ดนิ จ�ำนวน 70 แปลง รวม 140 ไร่ กระจายใน นุชนารถ กังพิศดาร, มนัชญา รัตนโชติ, ปูธิตา เปรม- แต่ละอ�ำเภอของจังหวัดสงขลา เพ่ือให้ผู้สนใจเข้ามา กระสิน, ธมลวรรณ ขิวรัมย์, ลาวัลย์ จันทร์อัมพร ศึกษาดูงานหาความรู้ รวมท้ังเปิดรับเข้ามาเป็นสมาชิก และ อนันต์ ทองภู. 2556. การพัฒนาเทคโนโลยี ของกลุม่ ผู้ใช้ปุ๋ยตามคา่ วิเคราะหด์ ิน การจัดการธาตุอาหารพืชส�ำหรับยางพาราเฉพาะ พื้นท่ี. โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่ง คำ� ขอบคณุ ประเทศไทย จ�ำกัด: กรงุ เทพมหานคร. ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ส�ำนักงานเกษตรและ ส�ำนักงานจังหวัดสงขลา. 2557. รายงานวิเคราะห์ สหกรณ์จังหวัดสงขลา เจ้าหน้าที่กลุ่มจังหวัดชายแดน สถานการณ์กลุ่มจงั หวัดภาคใต้ชายแดน. ภาคใต้ท่ีช่วยผลักดันงบประมาณสนับสนุนเครื่องผสม Bray, R.H. and D.T. Kurtz.1945. Determination of ป๋ยุ แบบนงั่ จ�ำนวน 7 เครอ่ื ง เจ้าหนา้ ที่งานถา่ ยทอดทอด total, organic and available forms of phos เทคโนโลยีของสถาบันวิจัยยาง การยางแห่งประเทศไทย phorus in soils. Soil Sci. 59: 39-45. และเจ้าหน้าที่ฝ่ายถ่ายทอดเทคโนโลยีของกรมส่งเสริม Walkley, A. and I. A. Black. 1934. An examination การเกษตรภาคใต้ ท่ีให้โอกาสด�ำเนินการอบรมให้กับเจ้า of the Degtjareff method for determining soil หน้าที่เพ่ือเพิ่มโอกาสการเข้าถึงของเทคโนโลยีการใช้ปุ๋ย organic matter and a proposed modification ตามคา่ วเิ คราะหด์ นิ และ เกษตรกรตน้ แบบของโครงการ of the chromic acid titration method. Soil Sci. น้ี รวมทั้งเจ้าหน้าที่กลุ่มบริการวิชาการของศูนย์วิจัยและ 37: 29-38. พัฒนาการเกษตรสงขลาทุกท่านที่ช่วยกันจนบรรลุผล

32 ฉบับอิเลก็ ทรอนกิ ส์ 29 เมษายน-มถิ ุนายน 2560 ภาคผนวกท่ี 1 สมบตั ิของดนิ ระดบั ธาตุอาหารในดนิ ปลกู ยาง สงู > 1.5 คาร์บอน (%) ระดบั ธาตุอาหารในดนิ > 0.25 ไนโตรเจน (%) ต่ำ� ปานกลาง > 30 ฟอสฟอรัส (มก./กก.) < 0.5 0.5 - 1.5 โพแทสเซยี ม (มก./กก.) < 0.11 0.11 - 0.25 - แคลเซียม (me/100 g) < 11 11 - 30 - แมกนเี ซียม (me/100 g) < 40 > 40 - < 0.30 > 0.30 ทมี่ า: นุชนารถ (2554) < 0.30 > 0.30 ภาคผนวกที่ 2 ปรมิ าณปุ๋ยเคมที ี่ใช้ผสมปุ๋ยแบบตา่ งๆ และอตั ราปยุ๋ ที่ใส่ใหแ้ กต่ น้ ยางหลังเปิดกรีด ตามคา่ วิเคราะหด์ นิ 1 แบบ ค่าวเิ คราะห์ดิน ปริมาณปุ๋ยเคมี (กก./ไร่/ครงั้ ) อัตราปุ๋ย ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซยี ม 46-0-02 18-46-03 0-0-604 (กรัม/ต้น/ครงั้ ) 1 ต่�ำ ต�่ำ ต่ำ� 20 8 14 600 2 ตำ่� ต่ำ� ปานกลาง/สูง 20 8 11 550 3 ต�่ำ ปานกลาง/สงู ต�ำ่ 22 4 14 560 4 ต่�ำ ปานกลาง/สงู ปานกลาง/สงู 22 4 11 510 5 ปานกลาง ต�่ำ ต่�ำ 14 8 14 510 6 ปานกลาง ต�ำ่ ปานกลาง/สูง 14 8 11 460 7 ปานกลาง ปานกลาง/สูง ต�่ำ 15 4 14 470 8 ปานกลาง ปานกลาง/สูง ปานกลาง/สงู 15 4 11 420 9 สูง ต่�ำ ต่ำ� 9 8 14 440 10 สูง ต่�ำ ปานกลาง/สงู 9 8 11 390 11 สงู ปานกลาง/สงู ต�่ำ 10 4 14 400 12 สูง ปานกลาง/สงู ปานกลาง/สูง 10 4 11 350 ทม่ี า: นุชนารถ (2556) 1 ใส่ 2 ครัง้ ตอ่ ปี, ตน้ ยาง 70 ต้น/ไร่ 2 ปุ๋ยยูเรีย, 3 ปยุ๋ แอมโมเนียมฟอสเฟต, 4 ป๋ยุ โพแทสเซยี มคลอไรด

33 ฉบับอิเล็กทรอนกิ ส์ 29 เมษายน-มถิ นุ ายน 2560 การพฒั นาโปรแกรมประยุกตบนโทรศพั ท์ เคล่อื นที่ในการคาํ นวณสตู รปยุ ทเี่ หมาะสมสําหรับสวนยางพารา นิลวฒั น์ นลิ สุวรรณ ศูนย์วิจัยยางสงขลา สถาบนั วจิ ยั ยาง การโยปางแรหแง่ ปกระรเทมศไทปยระยกุ ตส าํ หรบั โทรศพั ทเ คลอื่ นที่( Mobile Applica ป จ จุ บั น ร ะ บ บ ป ฏิ บั ติ ก า ร ที ใ ช ใ น อุ ป ก ร ณ สื่ อ ส า ร เ ค ปัจจุบันเทคโนโลยีโทรศัพหทล์เคาลกื่อนหทล่ี สาายมารอถาททิเช�ำงานนบนiOโทรSศัพ,ท์เWคล่ือinนทd่ี ถoกู wเรยี sกวM่า Moobbilieleap,plBical-ackberry พัฒนาโปรแกรมประยุกต์ต่าง ๆ บโนปโทรรศแัพกท์เรคลม่ือปนทรี่ไดะ้ ยุกtioตnทส่ีทามําารงถาแบน่งบตานมลโักทษรณศะกัพารทท�เำงคานลอ่ือันนไดท้แี่กถ่ ูกเรียกว อเกกี ือทบัง้ ทคุกณุ พภื้นาทพ่ี สทญั �ำใญหา้เกณษอตนิ กเรตสอ่วรนเ์ นใAท็หpญหรp่หอื ันli3มcGาaใคชtร้โiอทoบรnศคัพลสทุม์ ามNapาaptรilviceถataแiopnpบ(liCcงhaตatiroาkna,มoWuลieeักbt aษal.p, ณ2p0li1cะ4a)tกio(ภnาาพรแลททะี่ 1ํา)Hซงy่ึงbกาrาidนร อันไดแ เคลื่อนท่ี ท่ีเป็น Smart phone กAันpมาpกlขic้ึนaจtึงiไoดn้หยิ,บ Wทe�ำbงานAขอpงpAlpicplaicattiioonnท่ีสแาลมาะรถทH�ำงyาbนไrดidห้ ลาAยรpะpบบlication [ พเอัฒางนาานเวปิจ็นัยโกปารรแใกชร้ปมุ๋ยปยราะงยพุกาตรา์บตนาโ4มทครศ่าซวัพิเท่ึคง์เรคากละื่อหาน์ ดรทินี่ ทโดมํยาา ง า(ปDฏนeิบliัตaขิกeาอรtเรaงียl.ก, วA2่า0p1M5pu)lltii-cซpึ่aงlaจttfะioแormบn่งmปทoระbี่ สเilภeทาaตpมาpมlาiวcิธaรีกtioถาnร ทํ า ง า น พัฒนาเปน็ Hybrid application ซรงึ่ สะาบมาบรถปใชฏ้งาิบนัไตดิ้ทกกุ ารเพรัฒียนกาอวอกาเป็นMWuelbti-aPppllaictaftoionr,mHyMbridobapiplelicaA- pplicatio อปุ กรณ์ tion, Interpreted application และ Cross-compilation งานวิจัยน้ีจะมุ่งเน้นการพัฒจนะาโแปบรแงกรปมรประะเยภุกตท์ ตซา่ึงมงาวนิธวิจีกัยนาี้พรัฒพนัฒาระนบบาโอดยอกการเใปช้ นHybrWid aepbplicAap- plicatio ใบนนอโีทกชรศ่อัพงททา์เคงหล่ืนอน่ึงทร่ีวเมพถ่ือึงชศ่วึกยษเผายกAแาพpรยรp่ขอ้อมliมรcัูบลaขกอาtiงรoอใชงn้คงา,์กนรIntt eiornpในrHeกyาtbรeพridัฒd นaAาppplpiclaitcioantiหoรืnอ Hแyลbrะid aCprpo.เsป็นs- Comp เทคโนโลยที างด้านการเกษตร (Qiงanาgนetวaจิ l.,ัย20น1ีพ้2) ฒัเชน่ นารApะpบlicบaโtioดnยทกี่ถูกาพรัฒในชาโดHยกyารbใชri้ dWeAb papppliccaatiotnion ในกา กลุ่มตัวอย่างเกษตรกรชาวสวนยางพาราในพื้นท่ีจังหวัด สงขลา เพื่อใช้ในการปรับปรุงการเผยแพร่ข้อมูลสู่ เกษตรกรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากข้ึน และเป็น แนวทางในการพัฒนางานวิจัยท่ีมีเทคโนโลยีการส่ือสาร เขา้ มาเกยี่ วข้องในอนาคต โปรแกรมประยุกต์ส�ำหรับโทรศัพทเ์ คล่อื นท่ี ภาพท่ี 1 ลักษณะการท�ำงานของ Mobile Application ( Mobile application ) ปัจจุบันระบบปฏิบัติการท่ีใช้ในอุปกรณ์ส่ือสาร เคล่ือนที่มีอยู่หลากหลาย อาทิเช่น iOS, Windows mobile, Blackberry และ Android โปรแกรมประยุกต์ที่ รปู ที่ 1 ลกั ษณะการทาํ งานของ Mobile Applicatio Hybrid Application ห รื อ Hybrid App เ ป น Applica

กรมวิชาการเกษตร ซ่ึงสามารถทําการดาวนโหลดทดสอบก Google Playstore คนหา “การใชปุยตามคาวิเคราะหดิน” 34 ฉบตับอดิิเล็กทตรอง้ันิกโส์ 2ป9 รเมษแายนก-มถิรุนามยนจ25ะ60แสดงไอคอนดงั รปู ที่ 3 เป็นพื้นฐาน มีจุดเด่นท่ีพัฒนาด้วยภาษาที่ใช้กันแพร่ หลาย ถงึ จะพัฒนาเหมอื นกับ Web application แตด่ ้วย การใช้ Framework อย่าง Phonegap, Cordova รวมถงึ Ionic สามารถท�ำให้ Hybrid application ท�ำงานได้ หลาย Platform และสามารถเข้าถึงอุปกรณ์ได้เกือบ เทียบเทา่ Native application ส่วนตัวประสานโปรแกรมประยุกต์ (Application Programming Interface : API) คอื ชอ่ งทาง หรือชุดค�ำ สั่ง ซ่ึงท�ำหน้าที่เช่ือมต่อการท�ำงานระหว่างโปรแกรม ประยุกต์ และระบบปฏิบัติการเพ่ือใช้ในการเข้าถึง ภาพท่ี 2 แสดงการค้นหาโปรแกรมการใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์บน Google playstore อปุ กรณ์ รปู ที่ 2 แสดงการคนหาโปรแกรมการใชป ยุ ตามคาวิเคราะหบ ผลลัพธ์จากการพัฒนา Playstore หลังจากได้ท�ำการศึกษาข้อมูลด้านการใช้ปุ๋ยตาม ภาพท่ี 3 แสดงไอคอนโปรแกรมการใชป้ ยุ๋ ตามคา่ วเิ คราะห์ดนิ ค่าวิเคราะห์ดิน และการพัฒนา Mobile application แล้วจึงได้มีการพัฒนาการใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินข้ึน สวนของเกษตรกร บนระบบปฏิบัติการ Android ซึ่งจะประกอบด้วยส่วน 3. ป้อนข้อมูลระดบั ธาตุอาหารจากผลค่าวเิ คราะห์ การใช้งานส�ำคญั สองส่วนดว้ ยกัน คอื การให้ความรู้ด้าน ดนิ ทส่ี ่งตรวจสอบในหอ้ งปฏบิ ตั กิ าร หรือชดุ ตรวจสอบดนิ การใช้ปุ๋ย และการค�ำนวณสูตรปยุ๋ ตามคา่ วิเคราะห์ ซง่ึ ใน แบบพกพา การค�ำนวณสูตรปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ซึ่งพัฒนาไว้สอง ลักษณะการใช้งานคือ แบบป้อนตัวเลขตามค่าวิเคราะห์ ดินจากตัวอย่างดินที่ได้จากห้องทดลองหรือส่งตัวอย่าง วิเคราะห์กับหน่วยงาน หรือจากเปรียบเทียบค่าสีตามชุด ทดสอบดินของกรมวิชาการเกษตร ซ่ึงสามารถ ดาวน์โหลดทดสอบการใช้งานท่ี Google playstore ค้นหา “การใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน” (ภาพที่ 2) เมื่อ ท�ำการติดต้ังโปรแกรมจะแสดงไอคอนดงั ภาพที่ 3 ผู้สนใจหรือเกษตรกรสามารถเรียนรู้การใช้งาน เบื้องต้นได้ในส่วนของหน้าเมนูหลักซึ่งจะประกอบไป ดว้ ยการใชง้ านเบอ้ื งตน้ , ขอ้ มลู ความร้เู รือ่ งดิน, การใชป้ ุ๋ย และการผสมปุย๋ ใช้เอง ดงั แสดงในภาพที่ 4 และ 5 ในการใช้งานโปรแกรมในการค�ำนวณสูตรปุ๋ยตาม ค่าวิเคราะห์น้ันจะมีขั้นตอนสามขั้นตอนด้วยกัน (ภาพท่ี 6) ดังตอ่ ไปน้ี 1. เลือกพ้ืนที่ปลูก โดยเลือกพื้นท่ีปลูกตามเขต พ้ืนที่ปลูกยางของสถาบันวิจัยยาง คือ พ้ืนท่ีปลูกยางเดิม และพ้ืนที่ปลกู ยางใหม่ 2. เลือกอายขุ องต้นยาง เลอื กอายุของต้นในแต่ละ

35 ฉบับอิเลก็ ทรอนกิ ส์ 29 เมษายน-มถิ ุนายน 2560 เม่ือท�ำการป้อนข้อมูลครบถ้วนแล้วหากมีข้อมูล ผิดพลาดโปรแกรมจะมีการแจ้งเตือนให้ตรวจสอบการ ปอ้ นขอ้ มลู อีกคร้ัง เมือ่ ท�ำการป้อนขอ้ มลู ถูกต้องครบถ้วน สมบูรณ์แล้ว สามารถกดค�ำนวณเพ่ือได้สูตรปุ๋ยตามค่า วเิ คราะหด์ นิ ตามค�ำแนะน�ำของสถาบนั วจิ ยั ยาง (ภาพที่ 7) โปรแกรมจะท�ำการค�ำนวณค่าธาตุอาหารว่า เหมาะสมตามสภาพพ้ืนท่ีและอายุของต้นยางหรือไม่ และท�ำการค�ำนวณสูตรปุ๋ยท่ีเหมาะสมส�ำหรับพ้ืนที่ให้ เกษตรกรใชผ้ สมเพือ่ ใช้ในการบ�ำรุงดินตอ่ ไป สรปุ การน�ำเทคโนโลยีการสื่อสารมาใช้งานด้าน การเกษตรเร่ิมมีมากขึ้นในปัจจุบันเพ่ืออ�ำนวยความ สะดวก ลดงบประมาณ และเพ่มิ ประสทิ ธิภาพให้กับการ ท�ำเกษตรกรรมให้มีความก้าวหน้ามากข้ึน การใช้ เทคโนโลยีบนโทรศัพท์เคล่ือนท่ีเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะ ช่วยสนับสนุนให้เกษตรกรเริ่มหันมาเรียนรู้การพัฒนาตัว เองให้ทันต่อยุคสมัย อันเป็นการยกระดับความสามารถ ของเกษตรกรเองในระยะยาว ผู้พัฒนาจึงคาดหวังว่าการ พัฒนาโปรแกรมเพ่ือช่วยค�ำนวณสูตรปุ๋ยตามค่า วิเคราะห์ดินบนโทรศัพท์เคลื่อนท่ีน้ันจะช่วยให้เกษตรกร ภแาพสที่ 4ดหนงา้ เหมนหูนลักา กาเรใมช้งานน หู ลักการใชง าน ชาวสวนยางพาราได้รับประโยชน์ในการเรียนรู้การ จัดการดินและการดูแลดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซ่ึงผู้ พัฒนาจะพฒั นาตอ่ ยอดใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพมากขึ้นตอ่ ไป หรอื เกษตรกรสามารถเรยี นรกู ารใชงานเบื้องตนไดใ นสว น เอกสารอา้ งอิง หลกั ซึ่งจะประกอบไปดวยการใชงานเบื้อCงhตarkนao,ui,ขSอ., Zม. ลูAdraoui, and E. H. Benlahmar. 2014. Cross-platform mobile development น, การใชปยุ และการผสมปุยใชเอง approaches, Information science and tech- nology (CIST). Third IEEE Internatinal Colloquium. Tetouan, 20-22 October 2014: 188-191. Delia, L., N. Galdamez, P. Thomas, L. Corbalan, and P. Pesado. 2015. Multi-platform mobile application development analysis, Research challenges in information science (RCIS). 9th IEEE International Conference. Athens, 13-15 May 2015: 181-186. ภาพที่ 5 ตัวอยา่ งเนอื้ หาการเรยี นรภู้ ายในโปรแกรม มในการคํานวณสูตรปุยตามคาวิเคราะหน้นั

2. เลือกอายุของตนยาง ทาํ การเลือกอายขุ องตน ยางตามชว งอายุในแต ละสวนของเกษตรกร 363. ปอ นขอมลู รฉบะบั ดอิเลบั็กทรธอนาิกสต์ 2ุอ9 าเมษหายาน-มรถิ ุนจายาน ก256ผ0 ลคาวิเคราะหด นิ ท่ีสง ตรวจสอบใน หองทดลองหรือชุดตรวจสอบดนิ แบบพกพา แสดงการใชง านการคํานวณหาคาสตู รปุย ตามคา วเิ คราะหด นิ เมอ่ื ทาํ การปอ นขอมูลครบถวนแลวหากมีขอมลู ผิดพลาโปรแกรม จะมกี ารแจงเตือนใหตรวจสอบการปอ นขอ มูลอีกครั้ง เม่ือทําการปอ น ขอ มูลถูกตอ งครบถวนสมบรู ณแ ลวสามารถกดคํานวณเพอ่ื ใหไดม าสตู ร ปยุ ตาภมาพคท่ีา6 วแสเิ ดคงกราราใชะง้ าหนกดารคิน�ำนตวณาหมาคค่าสาํตู รแปุ๋ยนตาะมคนา่ วาํ เิ คขราะอหด์งินสถาบันวิจัยยาง ภาพท่ี 7 แสดงผลการค�ำนวณสูตรปุย๋ ตามขอ้ มลู ทีป่ ้อนเข้าไปใน แสดงผโปลรแกกรมารคาํ นวณสูตรปุยตามคาวิเคราะห ซ่งึ โปรแกรมจะทําการคํานวณคา ธาตุอาหาร วาเหมาะสมตาม

37 ฉบบั อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 29 เมษายน-มถิ นุ ายน 2560 Qiang, C. Z., S. C. Kuek, A. Dymond, and S. Esselaar. 2012. Mobile Applications for Agriculture and Rural Development. ICT section unit, World bank.

38 ฉบับอิเล็กทรอนิกส์ 29 เมษายน-มถิ ุนายน 2560 คำ�แนะนำ�ส�ำ หรบั ผเู้ ขยี น วารสารยางพารา เป็นวารสารทางวิชาการท่ี เป็นตน้ แตต่ วั เลขที่ใช้พิมพ์ต้องเป็นเลขอารบคิ เท่านัน้ เก่ียวข้องกับการท�ำสวนยาง การแปรรูปยาง และ ชื่อเรื่อง ผลิตภัณฑ์ยาง โดยมีสถาบันวิจัยยาง การยางแห่ง ควรกะทัดรัด แตส่ อื่ ถึงเน้ือหาไดด้ ี ประเทศไทย เป็นเจ้าของ ชอ่ื ผเู้ ขียน บทความที่ตีพิมพ์ในวารสารยางพารา เป็นความ ใช้ช่ือเต็มกับสถานท่ีท�ำงานของผู้เขียนแต่ละคน เรียงทางวิชาการซ่ึงได้จากการศึกษา ค้นคว้า ทดลอง พร้อมกับระบุเบอร์โทรศัพทม์ อื ถอื และ E-mail address และวิจัย ตลอดจนประสบการณ์ที่ได้จากการท�ำงาน ของผู้เขียนทจ่ี ะเป็นผ้ตู ิดต่อกบั ทางวารสารยางพารา เกี่ยวกับยางพารา โดยผู้เขียนนอกจากเป็นนักวิชาการ เนอื้ หา ของสถาบันวิจัยยาง การยางแห่งประเทศไทยแล้ว ผู้ ประกอบดว้ ยหัวขอ้ หลกั ตามล�ำดับดงั น้ี เขยี นจากหน่วยงานอืน่ ๆ ทที่ �ำงานเก่ยี วกับยางพารา หรือ 1. ค�ำน�ำ เป็นการเกร่ินน�ำเรื่องราวที่เกี่ยวข้องเพื่อ แม้นกระทั่งนักวิชาการอิสระ ก็สามารถส่งเร่ืองมาเพ่ือให้ จะน�ำเข้าสูเ่ นื้อหาหรือตวั เรือ่ ง (ไม่ตอ้ งใส่หวั ขอ้ \"ค�ำน�ำ\") พจิ ารณาตีพิมพไ์ ด้ 2. ตัวเร่อื ง วารสารยางพารา เป็นวารสารราย 3 เดือน คือ ฉบับ มกราคม-มีนาคม, เมษายน-มิถุนายน, กรกฏาคม- 2.1 น�ำเสนอรายละเอียดของเร่ืองตามล�ำดับ กนั ยายน และ ตลุ าคม-ธนั วาคม ออกเผยแพรใ่ น 2 ชอ่ ง ควรแบ่งเป็น หวั ขอ้ ใหญ่ หวั ข้อยอ่ ย ทางคือ ช่องทางแรก จัดพิมพ์เป็นเล่ม ขนาดกระทัดรัด 2.2 ควรเรียบเรียงเนื้อหาของบทความโดยใช้ จ�ำนวน 48 หน้า บนกระดาษอาร์ต มีภาพ 4 สีประกอบ ภาษาที่เข้าใจง่าย เน่ืองจากผู้อ่านวารสารยางพารามี อกี ช่องทางหนึง่ จัดท�ำในรปู แบบสือ่ อิเลก็ ทรอนิกส์ ใช้ชอื่ หลายระดับ ท้ังนักวิชาการ เจ้าของสวนยาง และ ว่า \"วารสารยางพารา (ฉบับอิเล็กทรอนิส์)\" เผยแพร่ทาง ประชาชนทว่ั ไป เว็บไซต์ www.rubberthai.com 2.3 ค�ำศัพทใ์ ดทเี่ ปน็ ค�ำศพั ท์เฉพาะ โดยเฉพาะ บทความที่ผ่านการตรวจสอบ แก้ไข และปรับปรุง ค�ำศัพท์ที่เป็นภาษาอังกฤษ ควรอธิบายค�ำศัพท์น้ันใน แล้ว จะทยอยลงในวารสารยางพารา (ฉบับอิเล็กทรอ- ลกั ษณะของเชิงอรรถ (Footnote) นกิ ส์) กอ่ น ไปทลี ะเรือ่ งสองเร่อื ง จนได้ฉบบั สมบรูณ์ จาก 2.4 ในกรณีที่บทความมีภาพ หรือตาราง ควร น้ันจะน�ำเน้ือหาเดิมมาจัดตีพิมพ์เป็นรูปเล่มเพ่ือแจกจ่าย ระบุต�ำแหน่งของภาพและตารางในเนอื้ หา โดยระบไุ ว้ใน ให้กับสมาชิก และหน่วยงานหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับ วงเลบ็ เชน่ ...... (ตารางท่ี 1) หรอื ....... (ภาพท่ี 1) ยางพาราต่อไป 2.5 ส�ำหรับตาราง ควรให้รายละเอียดของ ข้อมูลในตารางให้มากท่ีสุด เช่น หน่วยของข้อมูล ท่ีมา การเตรียมตน้ ฉบับ ของขอ้ มูล หมายเหตุต่าง ๆ 3. บทสรุป หรือสรุปวิจารณ์ เป็นการสรุปสาระ ตน้ ฉบับ พิมพ์หน้าเดียวบนกระดาษขนาด A4 ใช้ฟอนด์ที่ นิยมใช้ทั่วไป เช่น TH Sarabun New, Angsana New

39 ฉบบั อิเล็กทรอนิกส์ 29 เมษายน-มถิ ุนายน 2560 ส�ำคัญทั้งหมดของเรือ่ งทคี่ วรเน้น และอาจจะเสนอขอ้ คิด หรอื คณะเดยี วกนั และมปี ี ค.ศ. เดยี วกัน ใหใ้ ช้อักษร a, เหน็ และวิจารณ์ b, c ต่อท้ายปี ค.ศ. เช่น 4. ค�ำขอบคณุ อาจมี หรอื ไม่มีก็ได้ เป็นการแสดง - Jacob et al.(1996 a), (Jacob et al.,1996 b) ค�ำขอบคุณแก่ผู้ที่ช่วยเหลือ เช่น ให้ข้อมูล รูปภาพ ฯลฯ แต่มิไดเ้ ป็นผู้รว่ มเขยี น การอ้างองิ จากวารสาร 5. เอกสารอ้างอิง/บรรณานุกรม ในกรณีของ ให้เรียงล�ำดับตามองค์ประกอบดงั ต่อไปน้ี เอกสารอ้างอิง ให้แสดงเฉพาะเอกสารท่ีใช้อ้างอิงใน 1) ชอ่ื ผวู้ ิจัย เนอื้ หาเท่าน้นั ส�ำหรับบรรณานกุ รม เป็นรายการเอกสาร 2) ปีท่ีพิมพ์ (ปี พ.ศ. ส�ำหรับภาษาไทย ปี ค.ศ. ท่นี �ำมาใช้ในการเขียนบทความ แตไ่ มไ่ ด้อ้างองิ ในเน้ือหา ส�ำหรบั ภาษาองั กฤษ) 6. ภาคผนวก ได้แก่ ข้อมูลหรือตารางท่ีไม่ 3) ชอ่ื เรือ่ ง เก่ียวข้องกับเน้ือหาโดยตรง แต่ใช้เพื่อขยายความหรือ 4) ช่อื วารสาร (ชื่อเตม็ หรอื ค�ำย่อทีก่ �ำหนด) ท�ำให้ผู้อา่ นเขา้ ใจมากยงิ่ ขน้ึ 5) ฉบับท่ี (Volume number) และเล่มท่ี (Issue number) (ถา้ ม)ี เอกสารอ้างองิ 6) หนา้ (หมายเลขหนา้ แรก-หน้าสดุ ท้ายของเรอื่ ง) การพมิ พ์ช่อื ผูว้ จิ ัยส�ำหรับวารสารภาษาไทย ใช้ช่อื - การอา้ งองิ ในเน้ือหา นามสกุล ส่วนวารสารภาษาอังกฤษ เฉพาะคนแรก ใชร้ ะบบช่ือ และปี ตัวอย่างเช่น ภาษาไทย ใชช้ อ่ื ตน้ -ปี พ.ศ. เท่าน้ัน ขึ้นต้นด้วยนามสกุลแล้วคั่นด้วยเครื่องหมาย - ปรดี ิ์เปรม (2557) หรอื (ปรีดิเ์ ปรม, 2557) จุลภาค ตามด้วยชอ่ื ต้นและชอ่ื กลาง (ถ้ามี) และในกรณี - อารมณ์ และ สมคิด (2559) หรอื (อารมณ์ และ ที่มีผู้วิจัยหลายคน ให้ใช้ และ (ภาษาไทย) และ and สมคิด, 2559) (ภาษาองั กฤษ) น�ำหนา้ คนสดุ ท้าย กรณีท่ีมีผู้เขียนตั้งแต่ 3 คนข้ึนไป ให้ใช้และคณะ ตวั อย่าง (ภาษาไทย): ต่อท้ายผู้เขียนคนแรก ตวั อยา่ ง สุมนา แจ่มเหมือน, พรทิพย์ ประกายมณีวงศ์ และ นุช- - สุรชัย และ คณะ (2557) หรือ (สุรชยั และคณะ, นาฏ ณ ระนอง. 2557. การผลิตท่อน้�ำซึมส�ำหรับ 2557) ใชใ้ นการเกษตร. ว. ยางพารา 35(4): 38-46. หมายเหตุ: ในกรณที ตี่ ้องอ้างถงึ ผู้เขียนคนเดียวกัน ตวั อยา่ ง (ภาษาองั กฤษ): หรือคณะเดียวกัน และมีปี พ.ศ. เดียวกันให้ใช้อักษร ก, Chandrashekar, T. R., M. R. Jana, Joseph Thomas, ข, ค ต่อทา้ ยปี พ.ศ. เชน่ K. R. Vijayakumar and M. R. Sethuraj. 1990. - อารมณ์ และ คณะ (2554 ก), หรอื (อารมณ์ และ Seasonal changes in physiological character- คณะ, 2554 ข) istics and yield in newly opened trees of ภาษาองั กฤษ ใช้ชื่อสกุล-ปี ค.ศ. Hevea brasiliensis in North Konkan, Indian. J. - Haase (2008) หรือ (Haase, 2008) Nat. Rubb. Res.3(2): 88-97. - John and Matthan (2012) หรือ (John and Matthan, 2012) การอา้ งอิงจากหนงั สอื หรือตำ� รา กรณีทีม่ ีผ้เู ขยี นต้งั แต่ 3 คนข้ึนไป ใหใ้ ช้ et al. ตอ่ ให้เรยี งล�ำดับตามองค์ประกอบดงั ตอ่ ไปนี้ ท้ายผู้เขยี นคนแรก 1) ชื่อผแู้ ตง่ - Dickson et al. (1960) หรอื (Dickson et al., 2) ปที ีพ่ ิมพ์ 1960) 3) ชอ่ื หนังสือ หมายเหต:ุ ในกรณีทีต่ ้องอา้ งถึงผเู้ ขียนคนเดียวกนั 4) พมิ พ์ครง้ั ท่ี (Edition number) (ถ้าม)ี

40 ฉบับอิเล็กทรอนกิ ส์ 29 เมษายน-มถิ นุ ายน 2560 5) ส�ำนักพมิ พ์ และสถานท่ีพมิ พ์ ฉกรรจ์ แสงรักษาวงศ์. 2523. ปัญหาบางประการท่ีมีผล ตัวอยา่ ง (ภาษาไทย): ต่อการส่งเสริมการผลิตต้นยางติดตาพันธุ์ดีของ นุชนารถ กังพิศดาร. 2552. การจัดการสวนยางพารา ประเทศไทย. วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตรมหา- อย่างย่ังยืน: ดิน น้�ำ และธาตุอาหารพืช. โรงพิมพ์ บัณฑิต (เกษตรศาสตร์) สาขาส่งเสริมการเกษตร. ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จ�ำกัด: มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์: กรุงเทพมหานคร. กรงุ เทพมหานคร. ตวั อย่าง (ภาษาองั กฤษ): ตวั อย่าง (ภาษาอังกฤษ): Gomez, J. B. 1966. Electron microscopic studies on Brydson, J. A. 1978. Rubber Chemistry. Applied the development of latex vessels in Hevea Science Publishers: London. brasiliensis Muell. Arg. Ph.D. Thesis, ในกรณเี ป็นบทหนึง่ ของหนงั สอื University of Leeds: Leeds. Paardekooper, E. C. 1989. Exploitation of the rub- ber tree. In: Webter, C. C. and W. J. Baulkwill กรณอี า้ งองิ จากเวบ็ ไซต์ (ed.) Rubber. John Wiley & Son, Inc.: New ควรเลือกที่เป็นข้อมูลจากหน่วยงานของรัฐบาล York. pp. 349-414. หรือหน่วยงานท่ีเป็นที่ยอมรับในวงการวิชาการ โดยเรียง ล�ำดับตามองค์ประกอบดังนี้ เอกสารรวมเลม่ /รายงานเสนอในการประชมุ สมั มนา ชือ่ ผูเ้ ขียน/หน่วยงาน ปีท่ีพมิ พ์ ชอ่ื เรอ่ื ง แหล่งที่มา ให้เรยี งล�ำดบั ตามองคป์ ระกอบดงั ตอ่ ไปน้ี หรอื เขา้ ถงึ หรอื ช่ือเว็บไซต์ วนั เดือนปีที่สืบคน้ ข้อมลู 1) ชอื่ ผวู้ จิ ัย ตวั อยา่ ง (ภาษาไทย): 2) ปีที่ตพี ิมพ์ ทิพยรัตน์ หาญสืบสาย. 2539. การดดั แปลงยนี ... ส�ำคญั 3) ช่ือเร่อื ง ไฉน. แหล่งข้อมูล: http://learn.in.th/god t.html. 4) ชือ่ การประชุมสมั มนา ค้นเมือ่ กันยายน 2547. 5) สถานท่ี และวนั เดอื น ปี ทจ่ี ัดประชุมสมั มนา ตวั อยา่ ง (ภาษาองั กฤษ): ตัวอย่าง (ภาษาไทย): Bryant, P. 1999. Biodiversity and Conservation. พิศมัย จันทุมา. 2544. สรีรวิทยาของต้นยางกับระบบ Available: www.darwin.bio.uci.edu/~sustain/ กรีด. รายงานการประชุมวิชาการยางพารา bio65/Tiltpage.htm.Accessed October 4, ประจ�ำปี 2544 ครง้ั ที่ 1. เชียงใหม,่ 20-22 กุมภา- 1999. พนั ธ์ 2544: 78-89. FDA. 2001. Effect of the use of antimicrobials in ตัวอย่าง (ภาษาอังกฤษ): food-producing animals on pathogen load: Pakianathan, S. W., R. L. Wain and E. K. Ng. 1975. Systematic review of the published literature. Studies on displacement area on tapping in Available: http://www.fda.gov/cvm/antimicro mature Hevea trees. Proc.Int. Rubb. Conf. bial/pathpt.pdf. Accessed December 14, 1975 (Volume Two). Kuala Lumpur, 20-25 Oc- 2001. tober 1975: 225-248. กรณอี า้ งจากตวั บคุ คล ควรใช้กับบุคคลที่เป็นที่ยอมรับในวงการวิชาการ วทิ ยานพิ นธ์ หรือสงั คมใหเ้ รยี งล�ำดับตามองคป์ ระกอบดงั นี้ ช่ือผู้แต่ง ปีท่ีตีพิมพ์ ช่ือเร่ือง วิทยานิพนธ์ สาขา 1) ช่อื ผู้ตดิ ตอ่ วชิ า มหาวทิ ยาลยั ช่ือเมอื ง 2) ปีที่ตดิ ตอ่ ตวั อย่าง (ภาษาไทย):

41 ฉบบั อิเล็กทรอนิกส์ 29 เมษายน-มิถุนายน 2560 แห่งประเทศไทย หรือที่ E-mail address: academic. [email protected] 3) ค�ำว่า \"ตดิ ต่อส่วนตัว\" 4) สถานท่ี การตรวจต้นฉบับ ตัวอย่าง (ภาษาไทย): วชิ ติ ลีป้ ระเสริฐ. 2560. ตดิ ตอ่ สว่ นตวั . บรุ ีรมั ย.์ ทางกองบรรณาธิการจะท�ำหน้าท่ีตรวจต้นฉบับ ตัวอยา่ ง (ภาษาอังกฤษ): จากผู้เขียนที่ส่งมาเพื่อแก้ไขปรับปรุงบทความให้มีความ Hebant, C. 1981. Private communication. Universite ถูกต้องและสมบรูณ์ ทั้งในรูปแบบและเนื้อหาตามท่ี Montpellier. วารสารยางพาราได้จัดวางไว้ ท้ังน้ี ผู้เขียนต้องให้ความ ร่วมมือในการปรับปรุงแก้ไขบทความ เช่น การส่งข้อมูล หรือภาพ มาให้เพ่ิมเติมตามที่กองบรรณาธิการหรือผู้ ตรวจแก้ไขขอไป หมายเหตุ: การท�ำรายการเอกสารอ้างอิง ให้เรียง ทางกองบรรณาธิการขอสงวนสิทธิ์ในการตรวจ ล�ำดบั เอกสารภาษาไทยก่อนภาษาองั กฤษ และเรียงตาม แก้ไขบทความที่ส่งมาตีพิมพ์ทุกเรื่องตามแต่จะเห็น ตัวอักษรตัวแรกของชื่อคนแรก ไม่ต้องใส่เลขที่ก�ำกับข้าง สมควร ในกรณีท่ีจ�ำเป็นทางกองบรรณาธิการจะส่ง หนา้ ต้นฉบับท่ีแก้ไขแล้วกลับคืนให้ผู้เขียนพิจาณาอีกคร้ัง ก่อนที่จะลงตพี มิ พล์ งในวารสาร การสง่ ต้นฉบบั ส่งต้นฉบับท่ีได้รับการตรวจทานความถูกต้องแล้ว มายังหัวหน้ากองวิจัยและพัฒนาการผลิตยาง การยาง

42 ฉบับอเิ ล็กทรอนกิ ส์ 29 เมษายน-มิถนุ ายน 2560


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook